ความคิดเห็นที่ 1 ขอติดตามไปผจญภัยด้วยคนครับ จากคุณ : A-TOO เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 11:43:02

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่นขอกางแผนที่ ในช่วงการเดินทางบนราง จาก สถานีผาคันเข้าไปยัง อุโมงคห้วยแม่ลาน ที่ต้องผ่านสะพานรถไฟ ถึง 6 แห่ง ดังแสดงไปในตอนที่แล้ว ซึ่งก่อนจะถึงอุโมงค์ห้วยแม่ลานไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะพบต้นมะม่วงริมทางรถไฟ ที่ไม่มีใครทราบที่มา เดี๋ยวเรามาต่อกันตรงนี้เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 11:52:42

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับ คุณA-TOO : ยินดีต้อนรับ แวะเข้ามาทักทายตั้งแต่ความเห็นแรกเลย เชิญติดตามได้เลยครับ ตอนนี้เกือบจะเดินถึงต้นมะม่วงแล้ว มีคันทางคอนกรีตสูงอยู่ก่อนหน้าเล็กน้อย  อูย...แสบตา..แดดส่องหน้ามากเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 11:55:57

ความคิดเห็นที่ 4 ไปหยุดยืนตรงคันทางคอนกรีตสูง ที่สร้างเป็นเขื่อนป้องกันน้ำจากห้วยแม่ลานที่ไหลคู่ขนานกับรางรถไฟช่วงนี้ มากัดเซาะจนทางรถไฟเสียหาย ดังที่เคยมีมาแล้วในอดีต มองเห็นว่ามีน้ำไหลอยู่ แม้ว่าจะเป็นหน้าแล้งก็ตาม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 11:59:06

ความคิดเห็นที่ 5 ตามไปลอดอุโมงค์ด้วยครับ  หึ หึ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:06:07

ความคิดเห็นที่ 6 ไปด้วยครับ ชอบรีวิวนี้จังครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:08:55

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณเล็กทาโร่ : ยินดีต้อนรับ เจอกันตั้งแต่ต้นกระทู้เลยครับ ทางเรียบสะดวกที เลยเดินเลาะสันเขื่อนเข้าไปเรื่อยๆ  พร้อมชมต้นมะม่วงไปพลางๆ โดยสายตาก็เริ่มสอดส่ายมองหาผลมะม่วงไปพร้อมๆ กัน ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:15:29

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับ คุณม่วงมหากาฬ : ยินดีที่ชอบครับ เชิญตามติดมาได้เลยครับ เท่าที่สังเกตุดู ต้นมะม่วงมีถึง 3 ต้น (ไม่เคยทราบข้อมูลนี้มาก่อน) ถ้าผมดูไม่ผิดว่าไม่ใช่ต้นไม้ชนิดอื่น (เพราะผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญในเรื่องต้นไม้มากนัก) ข้อมูลจากในเว็บคนรักรถไฟบอกว่า ตรงนี้เคยเป็นที่หยุดรถห้วยแม่ลาน ซึ่งได้เลิกใช้ไปนานแล้ว  เท่าที่ดู ไม่เห็นบ้านคนแถวนี้เลย  ใครจะมาขึ้นลงกันละครับ  หรือว่า เพราะไม่มีที่หยุดรถแล้ว คนเลยย้ายบ้านออกไปจากแถวนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:19:54

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบจริงๆเข้าป่าเข้าพงขอบคุณที่พาเที่ยวจ้า จากคุณ : ต้นโมกกับโยกเยก เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:22:28

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพซ้าย : หลังจากผ่านการตรวจสอบด้วยสายตา ไม่พบลูกมะม่วงเลย คงไม่ใช่ฤดูของเขา ก็เดินต่อไปเลยครับ ภาพกลาง : ระหว่างทางเดินริมสันเขื่อน กับรางมีพงหญ้าขึ้นรถตลอดแนว สังเกตุเห็นต้นอะไรโผล่ขึ้นมา ดูเหมือนสมุนไพร ยาวิเศษแบบในหนังไทย ที่พระเอกต้องหายาไปช่วยถอนพิษที่นางเอกโดน ภาพขวา : คู่หูผมเดินย้อนกลับมาทำไมกัน...    สอบถามได้ความว่า ข้างหน้าหญ้ารกมาก ไม่สามารถเดินลุยเข้าไปได้ เพราะใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะมา จะเป็นการเสี่ยงต่อสัตว์มีพิษในพงหญ้าครับ  เขาเลยตัดสินใจเดินย้อนไปก่อนถึงต้นมะม่วง ช่วงที่ไม่มีพงหญ้าขึ้นแทน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:25:31

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ คุณต้นโมกกับโยกเยก : ขอบคุณเช่นกันที่คอยติดตามมาตลอด มองย้อนกลับไปยังต้นมะม่วงทั้งสามอีกครั้ง ผมเลยขอติดเบอร์ให้ดู เพื่อจะได้เห็นง่ายๆ  (รูปร่างแต่ละต้นจะแตกต่างกัน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:28:24

ความคิดเห็นที่ 12 เนื่องจากผมมีร่ม ไว้ป้องกันอันตรายครอบจักรวาล เลยกางออก ดันพงหญ้าแล้วเดินตามไปเรื่อยๆ เผื่อสัตว์มีพิษตกใจจะได้ฉกร่มแทน  ซึ่งก็หาทางเดินลัดพงหญ้าออกมาได้ แล้วหันกลับไปเก็บภาพต้นมะม่วงจากมุมมองบนรางมาให้ดูกัน  (ถ้าหากนั่งรถไฟมา ก็จะเห็นแบบนี้) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:31:59

ความคิดเห็นที่ 13 มาเดินหน้ากันต่อครับ  เป็นทางโค้งก่อนถึงอุโมงค์เช่นเคย เลยได้ลุ้นกันทีละก้าวครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:33:25

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นแล้วครับ อุโมงค์ห้วยแม่ลานที่รอคอย สังเกตุให้ดี ด้านขวามือจะมีศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ สีสดใส เลยยกมือไหว้ขอให้เดินทางปลอดภัย ครับ ทางด้านซ้ายมือ สังเกตุให้ดีจะพบตัวอักษรนูนบนพื้นด้วย โชคไม่ดีที่ผมถ่ายออกมามัว อาจเป็นเพราะเหนื่อย และแสงแดดช่วงนี้น้อยลงมาก อีกทั้งต้องรีบร้อนทำเวลาด้วย เลยไม่ค่อยได้ปราณีตในการถ่ายภาพนัก ต้องขออภัยมาด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:38:24

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนถึงตัวอักษรนูน คันทางช่วงนี้มีรอยแตกยาวเลย  สังเกตุให้ดี จะพบบันไดซ่อนอยู่ในพงหญ้า  เดินไปเล็งดู เป็นบันไดลงไปข้างล่างที่เป็นพงหญ้ามืดและรก คาดว่าตรงจุดนี้น่าจะเป็น ที่หยุดรถ เพราะสามารถเดินลงไปได้ ในอดีตอาจมีสะพานข้ามห้วยแม่ลานไปยังอีกฝั่งได้ ตอนนี้มองอะไรไม่เห็น ต้นไม้ขึ้นรกจริงๆ  (ถ้าหากตรงนี้ไม่ใช่ที่หยุดรถช่วยแย้งกันด้วยนะครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:42:47

ความคิดเห็นที่ 16 มาถึงตัวอักษรนูนแล้วครับ เขาจารึก เอ๊ย ปั้นไว้เป็นภาพนูนต่ำ บอกว่า คันทางแห่งนี้ได้ซ่อมเสร็จเมื่อใด   ดีครับ สร้างเสร็จเมื่อใดก็มีการบันทึกวันที่ไว้ เพื่อประโยชน์ในทางประวัติศาสตร์  ถ้าหากเพื่อการท่องเที่ยวจริงๆ ตรงนี้ต้องมีป้ายบอกประวัติที่หยุดรถไว้ด้วย  ซึ่งในทุกจุดที่น่าสนใจ การรถไฟก็จะสามารถเปิดรถนำเที่ยวชมประวัติศาสตร์รถไฟทางภาคเหนือได้ตั้งแต่ สะพานปรมินทร์ ยัน สะพานทาชมภูเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:47:25

ความคิดเห็นที่ 17 เก็บภาพวันที่ซ่อมคันทางแห่งนี้เสร็จกันชัดๆ หน่อยครับ แหม..ตัวเลขไทยนี่อ่านยากจริงนะครับ ดูคล้ายกันหลายตัวเลย  ในสมัยก่อนเราจะนิยมใช้เลขไทยกันมาก แบบว่าชาตินิยม แต่ปัจจุบันดูละเลยไม่ค่อยใช้กัน อาจเป็นเพราะไม่สะดวกในการพิมพ์บนแป้นคีย์บอร์ด และไม่เป็นสากล คนต่างชาติมาดู ก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวเลขอะไรด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:51:52

ความคิดเห็นที่ 18 จากจุดที่มีตัวอักษร นี้ไปก็ไม่ไกลจากปากอุโมงค์นัก น่าเสียดายที่ผมลืมเก็บภาพ ในมุมที่เห็นตัวอักษรพร้อมๆ กับอุโมงค์ไป เลยขอนำภาพของคุณ Nakhonlampang มาลงให้ดูแทนในภาพขวานะครับ ส่วนผมกลับถ่ายในอีกมุมมองหนึ่ง คือหันไปทางเหนือแทน ที่จะเห็นทางโค้งก่อนถึงปากอุโมงค์ด้านเหนือ กับตำแหน่งบันไดทางลง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 12:58:34

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเลยขอสักรูป ไว้เป็นที่ระลึกครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:00:02

ความคิดเห็นที่ 20 รูปปากอุโมงค์ห้วยแม่ลานด้านเหนือที่เป็นทรงสามเหลี่ยมเฉียงๆ แปลกไม่เหมือนที่ใด  (อาจเป็นเพราะเป็นพื้นที่เชิงลาดริมหน้าผาพอดี ซึ่งไม่เอื้ออำนวยที่จะสร้างให้เป็นสี่เหลี่ยมได้เหมือนอุโมงค์อื่น) แต่สีที่ดูสดมากๆ นั่นคงเป็นเพราะได้มีการมาทาใหม่ ไม่นานมานี้กระมังครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:04:35

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพซ้าย : ออกไปยืนด้านข้าง เพื่อเก็บภาพมุมเฉียงมาบ้าง (แต่ก็ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างนัก) ภาพกลาง : เก็บภาพเสาโทรเลขหน้าอุโมงค์ ที่มีตัวเลขไว้อ้างอิงครับ ภาพขวา : มองกลับไปทางเหนือ ตามแนวคันทางด้านลำห้วยแม่ลานครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:08:27

ความคิดเห็นที่ 22 มายืนตรงหน้าอุโมงค์ตรงๆ  ตื่นเต้นครับ เพราะเป็นอุโมงค์โค้งลับตา ทำให้มองไม่เห็นปากอุโมงค์อีกด้าน รู้สึกกลัวที่จะพบรถไฟในอุโมงค์เหมือนกัน  บรื๋อยย์..มืดตึดตื๋อเลย สังเกตุให้ดี ที่ขอบปากอุโมงค์ลงมาไม่ถึงพื้น  แค่ระดับหัวผม ก็เป็นหินภูเขาต่อมาจนถึงพื้นครับ ผู้สร้างคงมั่นใจในความแข็งแรงของหินเหล่านี้เลยไม่ต้องหล่อคอนกรีตกันถล่มเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:13:49

ความคิดเห็นที่ 23 กำลังจะเข้าอุโมงค์แล้ว ขอเก็บภาพขอบปากอุโมงค์ด้านข้างทั้งสองข้างไว้ครับ ด้านซ้ายจะเห็นตะขอเรียงกัน ไม่รู้ว่าเอาไว้แขวนอะไร เพราะสายไฟอยู่ด้านขวา มีเต้าร้อยสายไฟพร้อม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:16:22

ความคิดเห็นที่ 24 ลักษณะภายในอุโมงค์ครับ ไฟแฟลชถ่ายเลย เพราะไม่มีเวลามาค่อยๆ กดภาพแบบแสงธรรมชาตินัก  กลัวรถไฟจะโผล่มาให้ตกใจอีก  เพราะนี่ก็นานแล้ว ตั้งแต่เดินมายังไม่เจอรถไฟผ่านมาเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่านี่ เนื่องจากอุโมงค์ไม่ยาว แค่ 130.20 เมตร เดินเข้ามาไม่กี่ก้าวก็เห็นปากอุโมงค์อีกด้านแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:19:35

ความคิดเห็นที่ 25 ลองหันหลังกลับไปดูในอุโมงค์อีกที เผื่อรถไฟจะแอบย่องมาข้างหลัง...บรื๋อยย์.. จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:21:09

ความคิดเห็นที่ 26 ใกล้จะถึงปากอุโมงค์ด้านใต้แล้วครับ  ตอนนี้ถือว่าอยู่ในระยะปลอดภัย ถ้าหากรถไฟมา ก็ออกมาทันสบายๆ ว่าแต่รูปหลานผม นี้ดูคล้ายกับ โปสเตอร์ภาพยนต์เรื่อง APOCALYPTO เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:34:27

ความคิดเห็นที่ 27 เกือบจะออกจากปากอุโมงค์ ลองสังเกตุพื้นผิวบริเวณปากอุโมงค์ดู ครับ ด้านซ้ายจะฉาบคอนกรีตลงถึงพื้นเลย แต่ด้านขวาจะฉากแค่ครึ่งเหมือนกับปากอุโมงค์ด้านเหนือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:37:17

ความคิดเห็นที่ 28 ถึงปากอุโมงค์ด้านใต้แล้วครับ  สำหรับพวกเราอาจดูแปลกตา แต่กับ พขร. และชคร. ประจำรถไฟ จะเห็นจนเบื่อแล้ว เพราะเขานั่งด้านหน้ารถไฟมาตลอด ในขณะที่คนทั่วไปจะเห็นจากด้านข้างชั่วแวบเดียว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:39:31

ความคิดเห็นที่ 29 ตอนนี้ผมขอเดินเลยอุโมงค์ไปก่อน จนลับตา แล้วค่อยเดินกลับมาลุ้นภาพในมุมมองก่อนจะถึงอุโมงค์ด้านใต้กัน ภาพซ้าย : ตรงปากอุโมงค์จะมีร่องระบายน้ำขนาดใหญ่ ใต้รางด้วย  มีทางเดินตัดผ่าน ขึ้นเนินไปทางด้านซ้าย (ซึ่งเดี๋ยวตอนขากลับจะขึ้นไปเก็บภาพตรงจุดนี้ด้วย) ภาพกลาง : เลยมาหน่อยก็เป็นโค้ง (อีกแล้วละครับท่าน) ภาพขวา : ขบวนรถไฟของผมขอหยุดสำรวจรางไว้แค่ สทล.573/18 แล้วกลับหลังหัน...ควับ! จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:43:23

ความคิดเห็นที่ 30 ..ขอตามไปดูอุโมงค์รถไฟด้วยคน.. จากคุณ : narasri เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 13:55:49

ความคิดเห็นที่ 31 อ่าวรถไฟจอดซะแล้วกำลังรีเฟสตามเป็นระยะเลย จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 14:08:04

ความคิดเห็นที่ 32 ว้าววววว  มาแล้ว อุโมงค์รถไฟ ตามมาดูอุโมงค์รถไฟต่อค่ะ  จากคุณ : luckyfarm6662 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 14:23:12

ความคิดเห็นที่ 33 เกือบตกรถไฟ มัวแต่นั่งทำรีวิวของตัวเองเหมือนกันกระทู้อยู่ใกล้กัน เสร็จแล้วไปชมของผมบ้างนะครับ ผมตามพี่ตลอดครับบ้างครั้งก็ขึ้นรถไฟไม่ทัน จากคุณ : สมหมาย09 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 14:27:27

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้เลยค่ะ จากคุณ : โอลีพ แม่น้องเซ้นต์ (olives) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 14:45:37

ความคิดเห็นที่ 35 ดูคลาสสิค..มากๆ...ครับ.. จากคุณ : honeymoonseat เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 14:50:04

ความคิดเห็นที่ 36  ช่างคิดช่าง ทำ ดี ค่ะ จขกท จากคุณ : แม่จีน-ไท (GT2007) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:27:15

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดีครับ คุณnarasri, คุณ CK-ONliNE , คุณluckyfarm6662 : ยินดีต้อนรับครับ  ขอพักไปทานข้าวแป๊บนึงครับ กลับมาต่อแล้วครับ สวัสดีครับ คุณสมหมาย09 : ขอบคุณที่แนะนำกระทู้ครับ ปิดกระทู้แล้วจะแวะเข้าไปชมครับ ทำลิ้งค์ย้อนอดีตไว้ให้แล้วครับ ชอบตอนไหนก็เข้าไปชมได้ เดี๋ยวอีกหน่อยจะทำกระทู้รวมฮิตไว้ให้เข้า ตอนนี้ยังไม่มีเวลาทำครับ สวัสดีครับ คุณโอลีพ แม่น้องเซ้นต์ (olives) : คิดว่าคงไม่น่านะครับ เพราะเสียเวลามาก ในการจัดเตรียมภาพ จำนวนมาก ทริปนี้ปาเข้าไปพันกว่ารูป แต่ทำแล้วรู้สึกเพลิน เหมือนได้กลับไปเที่ยวอีกครั้ง ยิ่งเปิดเพลงฟังไปด้วย ละก็มีความสุข สุดๆ เลยครับ สวัสดีครับ คุณhoneymoonseat และ คุณแม่จีน-ไท (GT2007) : ขอบคุณที่ชมครับ และขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่ติดตามชมและแจกกิ๊ฟท์ให้กำลังใจกันมาตลอดทุกตอนครับ มาต่อกันนะครับ ภาพซ้าย : ผมเดินกลับเข้าไปหาอุโมงค์ด้านใต้ แล้วค่อยๆลุ้นดู ว่าจะเป็นปากอุโมงค์ในลักษณะใดก่อน (สังเกตุเห็นอยู่ในรูปวงกลมสีชมพู) ภาพขวา : แอ่น แอ้น....ค่อยๆ โผล่มาให้เห็นแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:37:52

ความคิดเห็นที่ 38 ลองใช้กล้องซูมภาพดู ได้ภาพ S curve ของรางตรงหน้าอุโมงค์ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:41:07

ความคิดเห็นที่ 39 พ้นโค้งมาแล้วก็เป็นทางตรงอีกไกลพอสมควร  ทำให้เห็นประสิทธิภาพการซูมภาพของกล้องในภาพคห.38 ว่า ดึงภาพคู่หูผมมาอยู่ได้ใกล้จริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นตำแหน่งที่ไกลกว่ารูปนี้อีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:43:52

ความคิดเห็นที่ 40 นี่แหละครับ ปากอุโมงค์ห้วยแม่ลานด้านใต้ จะเห็นร่องระบายน้ำอยู่ข้างหน้าด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:46:46

ความคิดเห็นที่ 41 ตรงเท้าผมมีกระปุกจารบีติดรางด้วย เยิ้มเละเทอะสุดๆ เลยเดินมาดูอีกด้านว่าเป็นอย่างไร จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:48:51

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพขวา : ตรงข้างรางระบายน้ำมีสะพานเดินข้ามเล็กๆ ด้วย แหม..น่าจะทำไว้ที่สะพานรถไฟทุกแห่งเลย นะครับ จะได้ไม่เสียวเวลาข้ามแต่ละที ภาพซ้าย :ลองเบี่ยงไปยืนถ่ายภาพตรงเนินถนนเล็กๆ ด้านข้าง (ในรูปซ้าย คห.29) แอบเห็นเนินด้านซ้ายของปากอุโมงค์ที่เป็นทางลาด สามารถปีนขึ้นไปถ่ายภาพกับป้ายหน้าอุโมงค์ได้ด้วย อย่างที่คนรักรถไฟเคยปีนขึ้นไปกัน...ฮา  แต่งานนี้ขาผมบอกว่า ไม่ไหว ขอแค่เดินกลับก็พอ เลยต้องงดช๊อตเด็ดนี้ไปโดยปริยาย ครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 15:53:53 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 15:51:58

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพซ้าย : ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ต้องขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อย เอาแบบมีไฟฉายบนหัว (Head Light)  ข้างหลังผม จำเป็นต้องบอกว่า เป็นแผงร้อยสายไฟ เพราะมองไกลๆ นึกว่าเป็นปากอุโมงค์อีกด้าน ภาพขวา อีกภาพนั่งบนรางเลียนแบบคนรักรถไฟบางท่านที่แอ๊คท่านี้กัน ภาพนี้ได้บันทึกตัวเลขบนเสาโทรเลขไว้อ้างอิงด้วยครับ  เมื่อเทียบกับ ตัวเลขบนเสาด้านเหนือแล้วพบว่าห่างกัน ตัวเลขหลังเพียงอันเดียว ทำให้สรุปได้ว่า ตัวเลขหลังบ่งบอกลำดับเสาที่เรียงกัน ไม่ได้บอกระยะทางระหว่างเสาเลย  ในขณะที่ตัวเลขหน้าบอกว่าอยู่ในช่วงกิโลเมตรเท่าใด ซึ่งบางครั้งก็มีแค่ 14 เสาต่อหนึ่งกิโลเมตร บางครั้งก็มีถึง 20 เสาต่อกิโลเมตร แถมการปักบางทีก็ปักใกล้กัน บางทีก็ปักไกลกว่ากัน สรุปคือ หมายเลขประจำเสาก็คล้ายๆ กับ หมายเลขทะเบียนทรัพย์สิน นั่นแหละ เพียงแต่ ตัวเลขด้านหน้าบอกว่าอยู่ที่ช่วงระยะกิโลเมตรเท่าใด เทียบจาก สถานีรถไฟหัวลำโพง ครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 16:13:06 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:07:11

ความคิดเห็นที่ 44 เก็บภาพปากอุโมงค์ห้วยแม่ลานด้านใต้เต็มๆ สักภาพครับ   ปากอุโมงค์แห่งนี้มีเอกลักษณ์คือมี กรอบสี่เหลี่ยมสีขาว 5 อัน เรียงกันอยู่ใต้ป้ายชื่อ และข้างล่าง ด้านข้างจะมีเสาเหล็กกันหินหล่นวางเรียงกันยาว(สีสดใส) เห็นได้ชัดกว่าอุโมงค์แห่งอื่น ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:18:15

ความคิดเห็นที่ 45 เข้าไปใกล้อีกหน่อย จะสังเกตุเห็นรอยร้าว ที่มีต้นไม้โผล่ออกมาอย่างแทบไม่น่าเชื่อครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:23:41

ความคิดเห็นที่ 46 ตอนนี้กำลังจะเดินลอดกลับแล้วครับ  ต้องรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่ารถไฟจะโผล่มาตอนไหน  เพราะนี่ก็เวลา 16:40 น. แล้ว ตั้งแต่เดินเข้ามาตอน 15:12 น. ยังไม่พบรถไฟผ่านมาเลยสักขบวน ยิ่งนานก็ยิ่งมีโอกาสผ่านมาด้วย ทำไมเงียบจังวันนี้   ไม่ลืมเก็บภาพขอบปากอุโมงค์ทั้งสองด้าน มาด้วย สังเกตุให้ดี ขอบปากอุโมงค์สีเทาๆ ด้านนี้ทำเป็นเหมือนกระดาษย่น เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ คือปูนซิเมนต์ครับ ไม่ใช่กระดาษย่น สังกะสีย่น หรือแผ่นอะไรมาแปะ (ให้ดูเทียบกับด้านเหนือ จะเป็นปูนฉาบเรียบสีเทา ในภาพคห.23) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:31:35

ความคิดเห็นที่ 47 16:40 น  ช่วงเวลากำลังน่าเสียวน่าจะมี สปริ้นเตอร์ ขบวนที่ 9 ผ่านนะ(จริงๆน่าจะผ่านแล้วด้วยซ้ำ) จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:41:51

ความคิดเห็นที่ 48 ตามเข้ามาชมภาค8ครับ จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 16:44:15

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ CK-ONliNE : ใช่ครับ รถด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ขบวนที่ 9 จริงๆ ครับ  เพราะตามตารางเวลา จะออกจากบ้านปินมาเวลา 16:32 น. ถึง ลำปางเวลา 18:08 น.  ได้เจอะกันจริงๆ ตรงปากอุโมงค์ด้านเหนือ อันเป็นจุดที่สวยที่สุด ทำให้ทริปนี้ได้ช๊อตเด็ด ภาพเคลื่อนไหวมาให้ชมกัน  นับว่าฟลุคมากๆ เพราะไม่ได้ดูตารางเวลารถไฟเลย เนื่องจาก รถไฟมักเสียเวลา มาสายบ่อยๆ แถมยังมีรถสินค้าแทรก ด้วย จึงไว้ใจไม่ได้ สรุปคือ ระวังไว้ตลอดละดี สวัสดีครับ คุณเจ้าชายแวมไพร์ : ด้วยความยินดีครับ เชิญติดตามชมได้ กำลังสนุกเลยครับ มาต่อกันครับ ภาพซ้าย : ปากอุโมงค์ทางเข้า เน้นให้เป็นผิวอุโมงค์ ที่ฝั่งซ้ายฉาบปูนลงมาครึ่งเดียว แต่ฝั่งขวา ฉาบยาวถึงพื้นในช่วงแรกเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ฉาบแค่ครึ่งหนึ่ง เหมือนฝั่งซ้าย ครับ ภาพกลาง : รางที่พื้นครับ ไม่มีรางเสริมตรงกลางเพิ่มเข้ามา เหมือนกับที่อุโมงค์ปางตูบขอบ ภาพขวา : แหงนดูเพดานเป็นหิน ถูกบากเป็นขั้นๆ เหมือนผิวก็อตซิลล่าเลย...คิดไปถึงนั้นเชียว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:16:01

ความคิดเห็นที่ 50 ภาพซ้าย : เช่นกันกับเวลาเข้ามาตอนแรก คือ เดินเข้ามานิดเดียว ก็มองเห็นปากอุโมงค์แล้ว ในนี้มืดจริงๆ ขนาดไฟฉายอันโตของผม ฉายไปแล้วยังเห็นเป็นวงสว่างนิดเดียวเอง ภาพกลาง : ลองเดินชิดโค้งในดู เพราะเห็นมีช่องว่างเยอะกว่าด้านโน้น เผื่อรถไฟมาจะได้หลบอย่างปลอดภัยกว่า ภาพขวา : แหงนดูเพดานอีกที กลายเป็นฉาบคอนกรีตเรียบๆ ทรงโค้งครึ่งวงกลมไปแล้วนี่ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:25:26

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพซ้าย : ตอนนี้ใกล้ถึงปากอุโมงค์แล้ว เรียกได้ว่า เขตปลอดภัย ถ้าหากรถไฟโผล่มา ก็สามารถวิ่งออกมาได้ทันสบายๆ  จากรูปจะเห็นผนังด้านขวาช่วงใกล้จะถึงปากอุโมงค์ มีคอนกรีตฉาบลงมาถึงพื้น เป็นระยะสั้นๆ  แสดงว่าผนังอุโมงค์เดิมไม่ได้เป็นหินแข็งทั้งหมด มีดิน หรือหินร่วนแทรกอยู่เป็นระยะ ทำให้ผู้สร้างเลือกฉาบคอนกรีตเฉพาะส่วนที่ไม่ใช่หินแข็ง ภาพขวา : นับว่าสำเร็จแล้วครับ ผมกลับออกมาถึงปากอุโมงค์ด้านเหนือแล้วครับ เป็นอุโมงค์สั้นๆ แค่ 130.20 เมตร เลยอยู่ในความมืดไม่นาน และจะไม่อยู่ในความมืดเลย ถ้าหากเป็นอุโมงค์ตรงดังเช่น อุโมงค์ปางตูบขอบที่ยาวใกล้เคียงกันคือ 120.09 เมตร  เห็นสีเขียวๆ ด้านนี้ดูสดชื่นกว่า ด้านใต้โน้นจังเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:32:31

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพซ้าย : ออกมาที่ปากอุโมงค์แล้ว มองรางที่ตรงไปทางด้านทิศเหนือ ครับ ภาพขวา : เป็นภาพเทคนิคคล้ายสีน้ำมัน ถ่ายทอดความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จครั้งนี้..... ฮิฮิ.. แท้จริง หลานผมเขาถ่ายภาพผิดพลาดครับ คือ กล้องไปวัดแสงอุโมงค์ ไม่ได้วัดที่หน้าผม ผลเลยออกมาเป็นแบบนี้ หน้าขาวโพลน จนแทบมองไม่เห็น ผมเลยต้องขอใช้โปรแกรม photoshop ช่วยแก้ให้ ซึ่งช่วยให้เห็นหน้าผมได้ แต่ก็ออกมาเป็นแบบนี้...ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:38:09

ความคิดเห็นที่ 53 ในระหว่างที่กำลังเก๊กหน้า แสดงความภูมิใจหน้าปากอุโมงค์ ก็ได้มีเสียงแตรดังออกมาจากในอุโมงค์ ด้วยความตกใจปนกับความตื่นเต้นที่จะได้เก็บภาพรถไฟออกจากปากอุโมงค์ห้วยแม่ลานด้านเหนือที่นับว่าสวยกว่าหลายๆ อุโมงค์ รีบพากันเคลื่อนย้ายของออกมา (เพราะตอนที่ถ่ายภาพก็ต้องมีการวางของไว้บนพื้นบ้าง) เล่นเอา GPS Pocket PC ผมตกลงไปถึงพื้นเมื่อใดไม่ทราบ โชคดีที่มีสายชาร์ตแบตติดอยู่เลย ไม่เป็นไร มันดึงกันไว้ หลังจากนั้นก็มาหาจุดเหมาะๆ ปรับกล้องเป็นบันทึกแบบวิดีโอ เพื่อไม่ให้พลาดทุกช็อต ดังที่เห็นข้างล่างนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:43:58

ความคิดเห็นที่ 54 ช่างอุตสาหะจริง ๆ ครับ พี่ mirage_II อุโมงค์ "ห้วยแม่ลาน" มีความเด่นเฉพาะตัว แตกต่างจากอุโมงค์อื่นหลายประการ สำหรับการสำรวจอุโมงค์ และเส้นทางที่ลึกลับอย่างนี้ คงต้องเช็คเวลารถไฟให้ดี ดดยเฉพาะถ้ารถไฟเสียเวลาหรือมีขบวนพิเศษ สอบถามนายสถานีที่อยู่ใกล้เคียงก่อนก็ดีครับ เพื่อความปลอดภัย จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:44:07

ความคิดเห็นที่ 55 เพื่อไม่ให้พลาดสำหรับผู้ที่เปิดคลิ๊ปไม่ได้หรือไม่ก็ดูไม่ทัน ผมเลย Snap Shot จับภาพนิ่ง มาให้ดูเป็นเฟรมๆ เลย เลือกเอาที่สำคัญๆ เริ่มจาก 4 เฟรมแรก เป็นช่วงที่ รถไฟกำลังออกมาจากอุโมงค์ห้วยแม่ลาน ด้านเหนือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 18:47:34

ความคิดเห็นที่ 56 สังเกตว่าในคลิป ช่างเครื่อง หรือ ผู้ช่วย พขร. ชูสองนิ้วด้วย จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 19:13:10

ความคิดเห็นที่ 57 สวัสดีครับ คุณหมอดาริน : ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาแนะนำเพิ่มเติมครับ เวลาไปที่สถานีที่ห่างไกลความเจริญ มักไม่ค่อยพบนายสถานี หรือพบแล้ว ทั้งผมและเขาก็เขินๆ กัน ไม่ค่อยจะทักทายกันสักเท่าใดนัก (ยกเว้นสถานี บุใหญ่ ที่เข้ามาทักทายตั้งแต่จอดรถเลย แถมให้คำแนะนำ อยู่คุยกับ สมาชิกที่รอผมตรงสถานี ระหว่างที่ผมเดินเข้าไปสำรวจหน้าอุโมงค์พระพุทธฉาย ยังประทับใจไม่หาย) เลยต้องลุยด้วยข้อมูลเวลารถที่เตรียมมาจากบ้านครับ โชคไม่ดี ที่ป้ายตารางเวลารถตรงสถานี นั้นแสดงเฉพาะรถที่จอด ไม่มีข้อมูลรถที่วิ่งผ่านเฉยๆ เลยต้องค้นหาเอาจากในเว็บของรถไฟ ตรง ตารางเวลารถไฟสายเหนือ ครับ มาต่อกันในซีนเซ็ตที่สองครับ รถด่วนพิเศษกำลังพุ่งออกมาจากอุโมงค์ครับ ช็อตนี้ ถ้าดูในคลิ๊ปวิดีโอจะได้ยินเสียงแตรสั้นๆ ทักทายจาก พขร. ด้วยครับ  แต่จะมอง ชคร.ไม่ทัน  แต่หลานผมมองทันบอกว่า เจ้าหน้าที่เขาเล่นกล้องกับเราด้วย ผมกลับมาดูจึงได้เห็นว่า เขาชูสองนิ้ว (ในวงกลมสีชมพู) เหมือนจะบอกกับผมว่า "สุดยอด" ที่มาที่นี่ได้ โดยเฉพาะเวลาตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาห้าโมงเย็นตรงเป๊ะเลย ซึ่งกว่าจะออกไปได้ก็คงต้องมืดแน่นอน แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 19:19:17 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 19:18:27

ความคิดเห็นที่ 58 คุณหมอดาริน : ตาไวจริงๆ ครับที่เห็น ชคร.ชูสองนิ้วให้ก่อน ดูคลิ๊ปทีแรกผมยังคิดว่าเป็นพขร.เลย มานึกเอาอีกทีว่า ปกติพขร.จะนั่งด้านขวาเหมือนกับรถยนต์บ้านเรา ด้านซ้ายก็ต้องเป็นผู้ช่วย หรือ ชคร. นั่นเอง อย่างน้อยก็มือว่างพอที่จะยกมาให้ดูได้ นับเป็นไมตรีที่มีให้กับคนที่มีหัวใจรักรถไฟ นะครับ ดูดีๆ ชคร.สวมแว่นตาดำด้วยนะครับ...ฮา แต่พขร. เห็นเพียงภาพเดียว เพราะเขานั่ง(ยิ้ม)อยู่ ต่างจาก ชคร.เขายืนชิดหน้าต่างเลย(สงสัยจะเคยมีคนมาถ่ายภาพรถไฟเป็นประจำ นะครับ) มาต่อกันในเซ็ตที่สาม ครับ ตอนนี้รถไฟกำลังผ่านหน้าผมไป กล้องจับตัวเลขหน้ารถได้ว่าเป็น 2526 ซึ่งผมลองไปเทียบกับภาพเมื่อวานนี้ ที่เจอหน้าอุโมงค์ปางตูบขอบ เวลา 15:33 ในตอนที่ 3 นั้นไม่ใช่รถคันนี้ เป็นหมายเลข 2515 นำ ปิดท้ายด้วย 2535 เลยไม่มีการทักทายแบบนี้ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 19:31:56

ความคิดเห็นที่ 59 เซ็ตที่สี่ เป็นภาพด้านข้างตู้รถไฟ ที่ผ่านไปรวดเร็วมาก รถไฟขบวนนี้ ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 8:30 น. ผ่านบ้านปิดตอน 16:32 น. ถึงเชียงใหม่ 20:30 น. นับเป็นรถไฟทางยาวที่วิ่งตอนกลางวัน  ซึ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางอย่างมาก เพราะเวลาออกก็ไม่เช้าเกินไป เวลาไปถึงปลายทางก็ยังหัวค่ำ ได้ชมวิวข้างทางไปจนถึง ลำปางเลย  แต่ก็แอบเสียดายว่า ไม่ได้เห็นสะพานข้ามเหวทั้งสามแห่งหน้าอุโมงค์ขุนตาล และสะพานทาชมภูสวยๆ ไปเหมือนกัน เพราะคงจะผ่านในเวลาหนึ่งทุ่มตรงไปแล้ว มืดแน่ๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 19:37:41

ความคิดเห็นที่ 60 เซ็ตที่ห้า รถไฟกำลังจะผ่านไป (อย่างรวดเร็ว) ผมพยายามมองป้ายข้างรถในคลิ๊ปก็อ่านไม่ออก เพราะแสงช่วงนั้นน้อยรถก็วิ่งเร็วมาก ต้องมาค้นหาในตารางเวลารถไฟ จึงคาดว่าจะใช่รถ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ด่วนพิเศษ ขบวนที่ 9 นับเป็นขบวนเดียวกับเมื่อวานที่เจอเมื่อวาน ตรงหน้าอุโมงค์ปางตูบขอบ เลยมาเล็กน้อย ครับ มาสะดุดตาตรงตู้ท้ายสุด มีสัญญลักษณ์คล้ายๆกับ การชูสองนิ้วด้วย เลยทำให้คิดไปว่า เป็นสัญญลักษณ์ของรถขบวนนี้หรือเปล่า แบบนำเที่ยวโดยกระต่ายบั๊กบันนี่น่ะ.... ชคร.จึงต้องโชว์สองนิ้วเมื่อเจอผม เพื่อจะได้เป็นการบอกรหัสรถขบวนนี้...ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 19:44:52

ความคิดเห็นที่ 61 เซ็ตสุดท้าย ผ่านไปแล้วครับ รถไฟขบวนด่วนพิเศษ คาดว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ที่จะผ่านสถานีผาคัน ผมสอบถามสมาชิกที่รออยู่ที่นั่นบอกว่ารถไฟมานาน....มากแล้ว ส่วนผมกว่าจะกระดึ๊บออกมาได้ก็ค่ำพอดี แต่แหม..เร็วขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่ากว่าจะถึงเชียงใหม่ ก็ตั้ง 2 ทุ่มครึ่งแน่ะ ก็ช่วงนั้นเป็นเขาเยอะ คงไม่สามารถใช้ความเร็วอย่างนี้ได้แน่นอน อ้อ..ตู้ปิดท้ายหมายเลข 2525 ครับ ช่างบังเอิญเป็นเลขติดกับตู้แรกหัวขบวนเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 19:53:13

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีค่ะ มานั่งอ่านต่อค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : addsiripun เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 20:35:00

ความคิดเห็นที่ 63 ก่อนจะผ่านไปจากเรื่องเกี่ยวกับรถไฟวิ่ง  ขอเพิ่มเติมอีกนิด จากตอนที่สาม คือ เจ้ารถไฟที่เจอขณะที่ผมอยู่ในอุโมงค์ปางตูบขอบเมื่อวานนี้ เป็นรถดีเซลรางปรับอากาศในรูปข้างล่าง วิ่งล่องลงใต้ เจอกันในเวลา 14:52 น.คาดว่าจะเป็นรถด่วนพิเศษ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 12 ออกจากเชียงใหม่เวลา 8:45 น. ผ่านอุตรดิตถ์เวลา 13:53 ถึงกรุงเทพฯเวลา 20:25 นับว่าเป็นรถที่เหมาะแก่การชมวิวตอนกลางวันจริงๆ  คือกว่าจะค่ำก็ไปถึงลพบุรี ตอน 18:03 น.   แต่มีข้อเสียคือเป็นรถปรับอากาศ ดูวิวไม่สะดวก เพราะโผล่หัวออกมาไม่ได้ แถมถ่ายภาพก็โดนกระจกบังอีก... ถ้าอยากเที่ยวรถไฟ ผมขอแนะนำรถธรรดา หวานเย็นนี่แหละ ฟรีด้วย แต่อาจแน่น ถ้าเป็นวันหยุดคือ เที่ยวขึ้น : ขบวนที่ 407 ออกจาก นครสวรรค์ เวลา 05:00 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 14:47 ถึงจะเสียเวลาก็ยังไม่ค่ำมืด ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 9 ชั่วโมง 47 นาที เที่ยวล่อง : ขบวนที่ 408 ออกจาก เชียงใหม่ เวลา 09:20 น. ถึง นครสวรรค์เวลา 19:45 น. ครับ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 ชั่วโมง 25 นาที เวลาขาขึ้นกลับใช้เวลาน้อยกว่า ทั้งๆ ที่วิ่งขึ้น อาจเป็นเพราะออกเช้ามาก เลยไม่ค่อยเสียเวลารอหลีกเหมือนรถขาล่องครับ ซึ่งถ้าให้สะดวกควรไปค้างที่นครสวรรค์ เพราะรถออกเช้ามาก แต่ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวก็กะให้ไปถึง นครสวรรค์สัก ตีสี่ก็พอ  แล้วฝากรถไว้คืนหนึ่ง เพื่อค้างที่เชียงใหม่ เช้า 9 โมงแล้วค่อยขึ้นรถกลับ ครับ  ใครเคยลองมาแล้ว ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:01:03

ความคิดเห็นที่ 64 สวัสดีครับ คุณaddsiripun :ขอบคุณคร๊าบ ที่แวะมาชมและแจกกิฟท์กำลังใจครับ มาเดินทางกันต่อ ตอนนี้เวลา 5 โมงเย็นแล้ว คาดว่าจะต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่งขึ้นไป ก็น่าจะมืดแน่นอน งานนี้ก็ต้องลุ้นกันว่าจะมืดตรงไหน เพราะปลายทางใกล้ๆ สถานีมีสะพานข้ามเยอะแยะไปหมด ภาพซ้ายบน : มองไปทางขวา เลยพุ่มไม้รกๆ ก็จะเห็นห้วยแม่ลานไหลเอื่อยๆ อยู่ ภาพกลาง : เดินมาอีกหน่อยก็ถึงมะม่วง 3 ต้น (ผมขอตั้งฉายาไว้ให้) แล้ว มีป้ายบอกทางลาดลงของรถไฟด้วย แต่ตอนเดินไม่เห็นรู้สึกว่าลาดลงเลย ภาพขวา : ตรงข้ามต้นมะม่วง นี้ผมได้ถ่ายภาพ สทล.ไว้อ้างอิง แต่ภาพกลับไม่ชัด ต้องมาเล็งกันตาแทบเหล่เลย  น่าจะเป็น 574/8 ถ้าไม่ถูกต้องช่วยทักท้วงด้วยนะครับ ภาพซ้ายล่าง : มองไปไกลๆ จะเห็นต้นไม้แปลก ให้ดูเรื่อยๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:09:45

ความคิดเห็นที่ 65 ขากลับ เจอเนินหญ้ากลมๆ สวยเหมือนขนอะไรฟูๆ ดูแล้วน่าจับจังเลยครับ (ยังลองจับมาเหมือนกัน แข็งกระด้างมากๆ สวยแต่รูป จับแล้วไม่ได้ คล้ายประการังนะแหละครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:16:15

ความคิดเห็นที่ 66 ลองถ่ายซ้ายขวา แล้วนำมาต่อกันแบบไม่ตั้งใจ หน่อยครับ ดูแล้วสดชื่นจริงๆ สิ่งนี้สื่อให้เห็นว่า รถไฟมีผลต่อธรรมชาติน้อยมาก ต่างจากถนนลิบลับ ดังนั้นสถานที่ต่างๆ ที่อยากอนุรักษ์ธรรมชาติควรสร้างทางรถไฟเข้าไปแทนถนน ครับ เพราะสามารถควบคุมคน พฤติกรรมต่างๆ ได้ดีมาก แถมจะไม่มีบ้านคนมาปลูกริมทางเพิ่มเข้าไปอีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:19:38

ความคิดเห็นที่ 67 ผ่านจุดสวยน่าประทับใจ เลยหันกลับไปเก็บภาพไว้อีกสักรูป  ตรงนั้นสทล.575/7 ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:21:03

ความคิดเห็นที่ 68 เก็บภาพธรรมชาติไปเรื่อยๆ เพราะไม่ง่ายที่จะได้กลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:22:26

ความคิดเห็นที่ 69 ดูดีๆ จะสังเกตุเห็นรางโค้งเป็นรูปตัวเอส ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:24:38

ความคิดเห็นที่ 70 ระหว่างก้มหน้าเดินกัน ก็สังเกตุเห็นตัวเลขข้างราง ไม่รู้ว่ามีความหมายอย่างไร ทีแรกก็คิดว่าเป็นวันเดือนปีผลิต แต่ในภาพล่างไม่ใช่แน่นอน เพราะไม่มีวันที่ 33 ครับ ใครพอทราบกันบ้างนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:27:14

ความคิดเห็นที่ 71 หินกรวดในรางเยอะจริงๆ เดินแล้วสะดุดบ่อยๆ  โดยเฉพาะกับรองเท้าแตะของผม ซึ่งไม่น่าพลาดลืมเลย  แต่รองเท้าก็เหนียวแข็งแรงดีจังทีแรกยังนึกว่าจะขาดไปตั้งแต่ อุโมงค์ปางตูบขอบแล้ว ADDA นี่ไม่ผิดหวังเลยครับ ไม้หมอนแบบคอนกรีตนี้เดินยากมาก มีลักษณะเป็นแอ่งกลาง ถ้าหากมีก้อนกรวดเยอะ จะเดินไม่ได้  ถ้าหากเดินเบี่ยงมานิด ไม้หมอนจะเอียงทำให้ปวดขามาก ผมมักจะเดินบนไม้หมอนด้านข้างแทน แต่บางทีก็เจอต้นหญ้ารกๆ อีก ครั้นจะเดินชิดราง ก็มักสะดุดเหล็กยึดรางอันโตๆ อีก  ไม่เหมือนกับไม้หมอนแบบเก่าที่แบบราบ หมุดยึดก็เตี้ยกว่า... ผมเดิน 9 กิโลเมตรก็รู้สึกหนักจริงๆ (อาจเป็นเพราเมื่อวานก็เดินประมาณ 5 กิโลมาแล้ว)  แต่ก็นับถือ กลุ่มคนรักรถไฟที่เขาเดินจากบ้านปินถึงบ้านผาคันเกือบๆ 14 กิโลเมตร หรือกรณีคุณแซม กับ คุณAir_Reservoir เดิน 2 วัน 3 อุโมงค์รวม 22 กิโลเมตร! จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:37:16

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนนี้มาถึงครึ่งทางแล้วครับ ตรงทางลักข้าม สทล.576/8  หลานชายผมยืนดูอะไรอยู่ข้างทาง  แหม..มองจากมุมนี้ ดูเหมือนตัวอะไรกำลังชะโงกขึ้นมา..  จระเข้ มั้ง คิดเหมือนผมไหม....ฮา ที่แท้ตรงนี้มีอุโมงค์ต้นไม้ และศาลาพักร้อน ตามที่แสดงให้เห็นเมื่อขาเข้ามาในตอนที่ 7 ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:40:22

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่เคยไปเชียงใหม่โดยรถกลางวันเลยค่ะ ไปครั้งใดก็ไปด่วนนครพิงค์ตลอด เลยไม่มีโอกาสได้เห็นข้างทางสวยๆอย่างนี้ จากคุณ : addsiripun เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:41:49

ความคิดเห็นที่ 74 เดินมาอีก เจอเสาเตือนเข้าให้แล้ว  ตอนที่ถ่ายภาพมานั้นยังไม่ทราบว่าเป็นเสาอะไร มาทราบจากคุณแฮมมึน บอกว่าเป็นเสาสังเกตุสัญญาณ"เตือน" ว่าใกล้จะถึงสถานีข้างหน้าแล้ว  ซึ่งถ้ารถไฟผ่านจุดนี้ไปแล้วต้องเริ่มชะลอความเร็ว เพื่อดูสัญญาณจากเสาเข้า ตรงสะพานที่ 4 ว่าอนุญาตให้เข้าสถานีหรือไม่ เสานี้ตั้งห่างจากสถานีประมาณกิโลเมตรครึ่ง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:46:24

ความคิดเห็นที่ 75 คุณ addsiripun : ใช่ครับนับว่าเป็นการพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ผมเองตอนสมัยเรียน มช. ก็เดินทางกลางคืนทุกครั้ง จะมีเห็นแว็บๆ ตอนขาล่องจากเชียงใหม่ รถเร็ว 5 โมงเย็น (ตอนนี้มีแต่ขบวนที่ 14 ด่วนพิเศษ ออกจากเชียงใหม่ 16:30 น. ผ่านขุนตานประมาณ 6 โมงเย็น)  ผ่านขุนตานก็มัวตา แล้ว แต่ก็ยังพอเห็นสะพานข้ามเหวได้บ้าง ครับ แต่ถ้าจะลองมานั่งเล่นดู ก็ต้องแนะนำในหน้าหนาวกันหน่อย ถ้าหากหน้าร้อนคงไม่ไหว เพราะจอดเยอะ รอหลีก แถมคนก็แน่นอีก คงไม่สนุกแน่ๆ ครับ ถัดมาหน่อยเจอรอยเบรคครับ ยาวไปเลย สงสัยพขร.จะตกใจ เมื่อเห็นป้ายเตือนเมื่อกี้เลยเบรคตัวโก่ง..... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:55:14

ความคิดเห็นที่ 76 ผ่านสะพานที่ห้า แล้ว  ถ่ายทอดบรรยากาศการเดินซะหน่อย (ที่จริงก็ผ่านสะพานที่หกมาก่อน แต่ไม่น่าสนใจเลยไม่ได้ถ่ายภาพ เพราะถ่ายมาแล้วตอนขามาครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 21:57:11

ความคิดเห็นที่ 77 ภาพซ้าย : ใกล้ค่ำแล้ว รีบเดินอย่างเดียว มองเห็นสะพานที่ 4 แล้วครับ ภาพขวา : หันกลับไปดูข้างหลัง เผื่อรถไฟจะย่องตามมาเงียบๆ..ฮา ตอนนั้นผ่านเวลาหกโมงเย็นไปแล้วครับ มืดแน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:05:11

ความคิดเห็นที่ 78 ภาพซ้าย : หลานชายนายแบบได้ข้ามไปแล้ว ยกมือดีใจ เฮ้อ..รอดมาได้ ภาพขวา : ผมเดินตามมาโดยไม่รู้สึกกังวลนัก เพราะเริ่มจะคิดได้ว่า เสาสัญญาณข้างหน้านั้นเป็นตัวอนุญาตให้รถไฟผ่านไปได้หรือไม่ ถ้าหากอยู่ในท่าปฏิเสธแบบนี้ รถไฟก็ไม่สามารถผ่านไปได้ แต่เอ..เพิ่งมานึกได้ว่า แล้วถ้ารถไฟออกมาจากสถานีล่ะ จะต้องหยุดหรือเปล่า เพราะเสานี้ไม่ใช่เสาออก ใครทราบช่วยบอกด้วยนะ ว่าแต่ผมเดินมาก็ไม่สังเกตุเห็นเสาออกของสถานีนี้เลยเหมือนกัน หรือเขาจะใช้ร่วมกันระหว่างเสาเข้า กับเสาออกล่ะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:10:03

ความคิดเห็นที่ 79 พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าผมก็ได้ถ่ายคลิ๊ปวิดีโอขณะเดินบนสะพานแห่งนี้ด้วย เป็นตอนขาไป ลืมเอามาโพสให้ดูกันในตอนที่แล้วครับ  นับเป็นการยากไม่น้อย เพราะตาต้องดูไม้หมอน มัวมาดูกล้องไม่ได้ แต่จะให้ความรู้สึกขณะเดินข้ามได้ดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:12:28

ความคิดเห็นที่ 80 ก่อนผ่านไป ขอแสดงความหมายของเสาเข้าตรงนี้สักหน่อย (พร้อมถามคำถามเพิ่มเติมด้วย) คือ เสานี้จะมี หางปลา 2 อัน  อันบนบอกว่า ให้ผ่านเข้าได้ กับ ให้หยุดรอ  อันล่างบอกว่า รางข้างหน้าสถานีจะสับให้เข้ารางประธาน หรือรางหลีก ปัญหาของผมก็คือ ถ้าหากรางหลีกอยู่ทางซ้ายของรางประธานล่ะ เสานี้จะเป็นแบบนี้หรือไม่ หรือ จะย้ายมาอยู่ด้านซ้าย แล้วให้หางปลาไปชี้ด้านซ้ายแทน  แล้วยิ่งถ้าหากมีรางหลีก 2 ด้านหน้าสถานี เสาจะเป็นอย่างไรกัน หรือคงจะมีเสาหลายต้นวางสองข้างเลย  ใครเชี่ยวชาญลองมาให้คำแนะนำกันหน่อยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:17:07

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพซ้าย : เดินมาถึง เสาเขต(ต์) สับเปลี่ยนแล้ว หลานชายผมดูงงๆ กับเสานี้ เหมือนผมในตอนนั้น  แต่ขณะนี้ ผมทราบดีจากคุณแฮมมึนแล้วว่ามีความหมายดังในภาพ   ตรงจุดนี้ จะมองเห็นสะพานที่ 3 อันเป็นรางโค้งเข้าไปยังโค้งเนินเขาลับตาข้างหน้าด้วย ภาพขวา : เข้าไปดูใกล้ๆ ตัวอักษรที่พิมพ์จารึกลงไปในเสา มีร่องรอยคำว่า ต์ อยู่  แสดงว่าคำว่า เขต นี้แต่ก่อนเราเขียนว่า เขตต์ นะครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 22:21:14 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:20:05

ความคิดเห็นที่ 82 ภาพซ้าย : ตอนนี้กำลังเดินข้ามสะพานที่ 2 อันเป็นรางโค้งที่เสียวไม่น้อย เพราะวิ่งไม่ได้ ถ้าหากรถไฟมาฉับพลัน แถมมีโค้งลับตาข้างหน้าด้วย ภาพกลาง : แต่ก็ฟังเสียงลวดสลิงดูว่า ถ้ามีรถไฟเข้ามาน่าจะมีการดึงสลิงควบคุมสัญญาณเสาตรงสะพานที่ 4  ปรากฏว่าเงียบสนิทก็เดินสบายๆ ฝั่งซ้ายของรางเลย ภาพขวา : ตอนนี้ผ่านสะพานสองมาแล้ว อันเป็นสะพานยาวที่สุดในแถบนี้ แต่บรรยากาศมืดลงเร็วมากจริงๆ  จากแดดที่ยังออกเมื่อตอน 5 โมงเย็นครึ่ง  ขณะนี้เวลา 18:13 น. เอง แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 22:26:51 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:24:31

ความคิดเห็นที่ 83 ภาพซ้าย : ผมมองเห็นสถานีผาคันอยู่ข้างหน้าแล้ว ภาพกลาง : แต่..ยังต้องข้ามอีกหนึ่งสะพาน และสะพานแห่งนี้เกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้ว คือมีไม้หมอนอันหนึ่งด้านข้างผุบางส่วนทำให้เหยียบลงไปแล้วยุบ.... นิดนึง โชคดีที่ผมย่อตัวทัน เลยไม่หกล้มกลางสะพาน!  เกือบไปแล้วครับ มาตั้งไกล ดันจะมาพลาดตอนสุดท้ายนี้เอง ภาพขวา : เจอประแจเข้ารางหลีกแล้ว เห็นแสงจากสถานีสะท้อนกับรางสวยดี เลยนั่งลงเก็บภาพมาให้ชมกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:30:12

ความคิดเห็นที่ 84 มาถึงแล้วครับ สถานีผาคัน เลยเก็บภาพยามพลบค่ำ ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันมาให้ดู ตอนนั้นเป็นเวลา 18:20 น. ถ้าหากอยู่ในฤดูร้อน ฟ้าจะยังไม่มืดแบบนี้ พอไปถึงรถก็โดนบ่นกันใหญ่จากท่านผบ.เมียครับ ว่ายุงเยอะ ก็แน่นอนครับ  นั่งรอกันตั้งแต่ 15:09 น. ผ่านมา 3 ชั่วโมง 11 นาที  ซึ่งสมาชิกบางคนก็ออกไปเดินเล่น เข้าห้องน้ำที่สถานีกันบ้าง  แต่ที่แย่ก็คือไม่มีร้านค้าอะไร ที่จะซื้อของกินกัน   ความกังวลทีกลัวรถไม่ติดเหมือนตอนเช้าก็มีเข้ามา แต่พอสตาร์ทรถก็ติดอย่างฉับไว สบายใจไปได้(แสดงว่า สาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติดเมื่อเช้า อาจเป็นเพราะอากาศเย็น ทำให้แบตเตอรี่ที่เสื่อม ไม่เก็บไฟ อีกทั้งเครื่องยนต์ที่เย็นก็ทำให้ฝืดมาก น้ำมันหนืด เลยต้องเข็นกันวุ่นวาย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:36:42

ความคิดเห็นที่ 85 ออกมาจากผาคันก็ประมาณ 6 โมงเย็นครึ่ง มาถึง อ.ลองก็ประมาณหนึ่งทุ่ม เลยแวะหาร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง(ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลเทพกมล) ทานกัน เพราะมองหาร้านอาหารใหญ่ๆ ไม่เห็น หลังจากทานแล้วก็เข้าตลาดกันหน่อย  คิดว่าน่าจะมีร้าน Seven  ซึ่งก็พบว่ามีจริงๆ  เห็นว่าเปิดมาไม่นานเหมือนกัน เลยถ่ายภาพบรรยากาศ เทศบาล อำเภอลอง ยามค่ำคืนมาให้ดูกัน ตอนนั้นเป็นเวลา 2 ทุ่มพอดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:42:26

ความคิดเห็นที่ 86 เลยแยกปากจั๊วะ เด่นชัย มาประมาณกิโลเมตรนึง ก็แวะปั๊มเติมพลังกันก่อนกลับ สะดุดตาเนินเขาหลังปั๊มครับ มองขึ้นไปเขาใช้วางถังน้ำมัน ดูแปลกดีเลยเก็บภาพมาให้ชมกัน (เวลา 3 ทุ่มตรง) แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 22:46:35 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:45:12

ความคิดเห็นที่ 87 ผ่านมาเรื่อยๆ จนถึงปั๊มนี้ เข้าห้องน้ำ เจอการตกแต่งทางเข้าดูดี เลยเก็บภาพมาให้ชมกัน (เป็นปั้ม คาลเท็กซ์ จำไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน เวลาตอนนั้นประมาณ 5 ทุ่ม) ผมขอจบทริปอันยาวเหยียด ไว้เพียงแค่นี้ นะครับ อย่างไรก็ดี ถ้าเพื่อนๆ คนไหนพอทราบข้อมูลที่ผมสงสัยก็ช่วยตอบกันเข้ามานะครับ ผมจะคอยติดตามในกระทู้นี้ไปเรื่อยๆ  สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:50:05