อันนี้ออกแนวนิยายนิดนึงค่ะ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรามาแล้ว
สาวปลาแห้งปะทะหนุ่มปลาดิบ (เรื่องที่สาวๆแบ็คแพ็คเกอร์ ไปไหนคนเดียวแม้จะมีหน้าตาดั่งอาวุธก็ต้องระวังตัวไว้จ้ะ)
ณ สถานีรถไฟซุคากาว่า สาวไทยตัวเล็กๆแห้งๆ แบกเป้ใบเขื่องบนหลังและสะพายกระเป๋าเล็กๆไว้ข้างๆอีกใบ ที่มือข้างขวาถือถุงที่บรรจุของฝากอัดแน่นมาเต็มกระเป๋าคิตตี้ Eco bag (กระเป๋าลดโลกร้อนบ้านเค้าก็ฮิตกันค่ะ) กระหืดกระหอบหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ เข้าๆออกๆ ตู้นั้นตู้นี้เป็นพัลวัล แมร่ง!! ใช้ไม่ได้ซักกะตู้เดียว เห็นดังนั้นเธอจึงวิ่งและถือของพะรุงพะรังไปหา เจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟที่เพิ่งออกมาด้วยภาษาญี่ปุ่นสำเนียงแปร่งๆ (ภาษาญี่ปุ่นสำเนียงไทย อิอิ)
สาวปลาแห้ง: ชี้ที่แผนที่และชื่อสถานที่ๆ จะไป จะไปที่นี่น่ะค่ะ จากตรงนี้ไกลมั้ยคะ
จนท. : อ่อ ที่นี่เหรอไม่ไกลหรอก เดินออกถนนแล้วเลี้ยวขวา ข้ามสะพาน แล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งก็ถึงแล้ว
สาวปลาแห้ง : ขอบคุณค่ะ พร้อมกับโค้งให้ โดยไม่ได้ทันเอะใจกับหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งหน้าตาดี แต่งตัวโอเค มองฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันก็นึกในใจ ว่าเมืองเล็กๆที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแบบที่นี่เห็นแบ็คแพ็คเกอร์มาก็คงจะแปลกๆ ไม่เคยเห็นละมั้ง คนเลยมองกัน เอ๊ะ หรือว่าฉันสวย อิอิ คิดได้นะเมิง ไม่ดูหน้าตาตัวเองซะบ้างเลย เดินออกมาถึงถนน เดินไปซักพักเพื่อความแน่ใจว่าฉันเดินไม่ผิดทาง ลองถามคนที่เดินผ่านมาอีกดีกว่า ว่าแล้วก็ยื่นแผนที่และชี้ตัวหนังสือที่เขียนชื่อสถานีรถโดยสารให้ลุงซารารี่แมนคนหนึ่งดู เค้าก็บอกว่า อ่อ หนูมาถูกแล้วแหละ ข้ามสะพานตรงนี้ไปแล้วข้ามถนนก็เจอ
สาวปลาแห้ง : ขอบคุณมากๆค่ะ พร้อมกับโค้งให้สองครั้ง เดินต่อไปได้ไม่ถึงห้าก้าว หนุ่มที่จ้องฉันที่สถานีรถไฟก็ขับรถมาจอดข้างๆ ทางแล้วลงจากรถ เดินมาหาเรา พร้อมกับ ถามออกมาว่า
หนุ่มปลาดิบ : จะไปไหนเหรอครับ
เอ๊ะหนุ่มที่มองเราตรงทางออกสถานีรถไฟนี่นา คงจะสนใจคนสวยอย่างฉันเข้าแล้วสิ เอิ๊กๆ
สาวปลาแห้ง : อ่อ จะไปหาเพื่อนน่ะค่ะ นัดไว้ที่สถานีรถโดยสาร
หนุ่มปลาดิบ :เหรอครับ แล้วบ้านเพื่อนอยู่ไหนเหรอ ฉันคิดในใจ ' เอ้อ แกจะรู้ไปทำไมวะ' แต่ก็ตอบกลับไปว่า
สาวปลาแห้ง : ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่นัดกันไว้ที่นี่ เพื่อนรออยู่
หนุ่มปลาดิบ : "เอางี้มั้ยให้ผมไปส่ง ฉันดีใจและคิดว่า 'คนเมืองนี้ใจดีจัง' ฉันถามออกไปว่า
สาวปลาแห้ง: เอ่อ งั้นไปส่งที่นี่ใช่มั้ยคะ ให้ดูชื่อสถานีแล้วโชว์แผนที่ เค้าก็พยักหน้า โอ๊ะ โอ ดีจัง จะได้ไม่ต้องแบกของเดินไปเอง กำลังจะตามขึ้นรถ พระเจ้าช่วยกล้วยทอดมันดันมี มีประโยคหนึ่งที่มันพูดขึ้นมา
หนุ่มปลาดิบ : ก่อนไปส่ง ทำอะไรตอบแทนผมซักอย่างได้มั้ย ฉันคิด 'เย้ย อะไรวะเนี่ย ชักไม่ดีละ ไม่ไปละ' ฉันรีบบอกมัน
สาวปลาแห้ง : เอ่อ งั้นฉันเดินไปเองดีกว่าค่ะ ไม่ต้องไปส่งละ ไม่เป็นไร รีบเดินออกมาให้ห่างที่สุด หนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นเดินตามแล้วก็บอก
หนุ่มปลาดิบ : " เอาน่าไปด้วยกันก่อน แล้วจะเลี้ยงข้าวตอบแทน แล้วก็เอื้อมมือมาดึงแขนฉันไว้ ฉันรีบสะบัดมือออก แล้วก็จ้ำกลับสถานีรถไฟที่เพิ่งเดินออกมาได้นิดเดียว ไม่ไปแล้วสถานีรถบัส มันทำท่าจะเดินตามมาอีก แต่ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งเร็วกว่ามัน เลยผ่านมาได้อย่างโล่งอก
แต่ตอนอยู่ในสถานการณ์นั้นเราใจเสียแล้วอ่ะ กลัวมากๆ กลัวมันตามมา เมื่อวิ่งมาถึงสถานีรถไฟที่พยายามหาตู้โทรศัพท์อยู่เมื่อกี้นี้แต่ไม่เจอ
เดินไปเดินมา ก็เห็นป้าคนนึงยืนใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ไม่ได้อยู่ในตู้แต่ติดอยู่ตรงทางออกสถานีรถไฟ
นึกในใจ ทำไมเมื่อกี้มองไม่เห็นเนี่ย เราก็เลยได้โทรหาโฮสและบอกโฮสให้มารับที่สถานีรถไฟแทน โดยโฮสที่รับสายบอกว่า เค้ามารอเราที่สถานีรถบัสตอน 8 โมงครึ่ง จึงถึง 9 โมง ไม่เห็นก็เลยกลับบ้าน แต่ตอนนี้อยู่สถานีรถไฟใช่มั้ย รออยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวไปรับ