ความคิดเห็นที่ 1 จากตอนที่ 3 ที่กางเต้นท์นอนเหนาวที่ภูชี้ฟ้า ผ่านไปแล้ว 04.45 น. ปลุกนาฬิกาไว้  รถพาไต่ขึ้นไปลานจอดรถบนดอยขึ้นไปอีก 700 - 800 ม. บอกว่าจะแวะมาเรียก 04.30 น. 05.00 น. 05.30 น. 06.00 น.  เราก็บอกเค้าไปว่า เอาเหอะพี่ 05.00 น. ก็จะตายแล้ว เลยปลุกนาฬิกาไว้ 04.45 น. แต่เอาเข้าจริง นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ หนาวก็หนาว 04.45 น. ก็ยังไม่ค่อยอยากตื่น สุดท้ายมาลุกไปแปรงฟันตอนเกือบตี 5 ออกนอกเต้นท์มาแล้ว ก็ตื่นสนิท เพราะอากาศดี และก็สดชื่นมากๆ ดวงดาวน้อยลงไปมากกว่าตอนค่ำ แต่ก็ยังสวยอยู่ดี 05.00 น. แปรงฟันล้างหน้า เก็บกล้องเสร็จ ก็เรียกนายตรวจ ออกมาเข้าห้องน้ำล้างหน้า ปีนขึ้นไปบนขอบถนน เพื่อหารถขึ้นไปลานจอดรถ จากลานกางเต้นท์ ขึ้นไปลานจอดรถ (พานักท่องเที่ยวขึ้นภู) ก็ประมาณ 800 ม. เราก็นั่งหน้ามา (หนาว) นายตรวจนั่งหลัง กับยุวไกด์ ตัวน้อย 2 หน่อ ขึ้นมาถึง ลานจอดรถมาร้านขายของของพวกชาวเขา พวกมาม่าคัพต้ม  กาแฟคัพ กาแฟโอวัลติน 20 บาท ก็จัดไป 2 แก้ว เห็นมัคคุเทศน์น้อยบอกว่า ตอนลงให้ลงมาอย่าเกิน 07.30 น. เดี๋ยวไม่มีรถลงเขา ความจริงก็เดินลงได้ 700 - 800 ม. จิ๊บๆ ถามเด็กน้อยว่าเอาโอวัลตินไหม เด็กน้อยพนักหน้าอย่างรวดเร็ว เอาครับ เลยถามแม่ค้าว่า ของเด็ก 2 แก้ว 30 ได้ไหม เค้าก็โอเค ว่าแต่แม่ค้าหน้าเหมือนเด็กคนหนึ่งมาก นายตรวจว่าคงเ็ป็นแม่แหละ เพราะเด็กมานั่งตรงซุ้มนี้โดยตรงเลย เราก็เห็นด้วย เด็กๆ ก็ไปหาลูกค้า เราก็ไม่กล้าเรียกเป็นมัคคุเทศน์น้อย เพราะว่า ไม่อยากเสียตังค์ อีกอย่างนายตรวจเคยมาแล้ว พอดื่มเสร็จ เดินตากลมแรงๆ หนาวๆ ขึ้นดอยไปอีก ประมาณ 800 ม. เหมือนเดิม   นายตรวจท้าทายว่าจะเดินไหวเร้อ เราก็ว่า จิ๊บๆ พระธาตุอินทร์แขวนก็เดินมาแล้ว 1 ชั่วโมงเต็ม แค่นี้ จิ๊บๆ   ระหว่างทางเดิน มืดๆ ไม่มีคน (ตอนนั้นประมาณ 05.30 น.) ไต่ไปสักครึ่งทางได้ จู่ๆ ก็มีเด็กตัวเล็กๆ โผล่มานั่งร้องเพลงมืดๆ อยู่ทางขวามือ ตัวเล็กมาก นั่งอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียว เราก็เอ๊ะมาทำไร สักครู่เด็กก็ท่องอาขยาน (อ่านว่า อา-ขะ-หยาน) ให้ฟังว่า "พี่คะ ถ่ายรูปกับเด็กชาวเขาไหมคะ ....."  เราก็บางอ๋อ แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมมาแต่มืด มืดๆ จะถ่ายภาพอะไรสวย แล้วแม่เด็กไปไหน ปล่อยเด็กไ้ว้คนเดียว (เดี๋ยวจับไปขายซะนี่ 555)   พอขึ้นไปถึงพบเรื่อยๆ ระหว่างทาง ตอนอยู่บนยอดภูมีเรื่องหนึ่งตลกมาก  มีเด็กชาวเขาพยายามร้องเพลงชาติไทย ก็ร้องได้ถูกต้องดี "ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ...... ไทยนี้รักสนุก  แต่ถึงรบไม่ขลาด...." ถึงต้องนี้ หัวเราะกันทั้งภู .... แต่เด็กน้อยก็ยังงงไม่เข้าใจว่า คนพื้นราบเค้าหัวเราะอะไรกัน   .... ภาพที่เอามาฝาก เป็นภาพถ่ายตอนขาลง ที่สว่างแล้ว เด็กผู้ชายตัวน้อย เป่าเครื่องดนตรีของเขาเป็นเพลงไพเราะ จัดไป 15 บาท พี่อีกคนให้ด้วย อีก 10 บาท มีการลงทุน มีการลงทุน ชอบๆ เด็กๆ ที่นั่งอยู่สองคนชุดเหลือง กับชุดม่วงนั้น นั่งอยู่ตรงระหว่างทางที่ซุ่มโป่งตอนกลางคืน แต่นั่งคนเดียว ไม่รู้คนไหน ชุดแดง แม่เฝ้าอยู่ไม่ไกล เลยแอบถ่ายจะได้ไม่เสียตังค์ ชุดชาวเขาตรงป้ายภูชี้ฟ้า น้องคนไทยกลุ่มหนึ่งให้สตางค์ เราก็เลยถ่ายแนมมา เอ๊า จัดภาพไป จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 16:54:32

ความคิดเห็นที่ 2 ยอดภูหนาวมากกกกกกกก >_< จากคุณ : Book[Shooter] เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:02:39

ความคิดเห็นที่ 3 พระอาทิตย์เอียงอายไม่ขึ้นสักที เห็นว่าจะขึ้นตอน 06.30 น. พอถึงเวลาจริงๆ ก็โผล่ริบหรี่ จ้องอยู่นาน ได้ภาพ ชัดๆ 2-3 ภาพเอง ที่เหลือแสงไม่พอทั้งสิ้น มืดมาก ก็ได้อารมณ์ แบบมืดๆ ความจริงภาพที่เห็นภูอยู่บนภูจะถ่ายไม่ได้ ต้องเดินลงไปหน่อย จึงจะเห็น พอ เกือบ 07.00 น.  ก็เริ่มเดินลง เพราะว่ากะเวลาให้ถึงลานจอดรถ ตอน 07.30 น. พอดี ลืมบอกไปว่า ค่ารถขึ้น/ลง คนละ 20 บาทต่อขา รวม 2 คนขึ้นลง 80 บาทจ๊ะ เอาภาพบังคับมาชมจ๊ะ หมายเหตุ : 1) ภูชี้ฟ้า เป็นเขตแดนปลายทางของประเทศ ด้านล่างเป็นลาว ตอนนี้ลาว กำลังพยายามให้ภูชี้ฟ้าเป็นของลาว ด้วยว่า ภูมันยื่นล้ำแดนลาวไปในอากาศประมาณนี้ -_-'  แต่ก็คงไม่ได้หรอก แหม พูดไปได้ 2) ภูชี้ฟ้าจริงๆ เป็นดอยชี้ฟ้า แต่คนกรุงเรียกภู เลยเรียกสืบกันมา ว่าแต่ภูหรือดอยสูงกว่ากัน แตกต่างกันอย่างไรก็ไม่ทราบได้ ฟังๆ เหมือนดอยต้องเตี้ย หรือเปล่า หรือ ภูต้องกว้างกว่าดอย หรือ ดอยต้องเป็นยอด ภูต้องราบกว้าง 555 ปวดหัวกันไป ใครทราบมาไขข้อข้องใจหน่อยค่ะ ชมภาพกัน จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:02:46

ความคิดเห็นที่ 4 ว้าวววววว เจียงฮายบ้านเฮา   >< จากคุณ : mayu450 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:08:41

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพด้านบน คห 3 ข้างซ้ายเป็นภาพจากยอดดอย ที่เห็นทะเลหมอกคือฝั่งลาว เพราะลาวอยู่ทิศตะวันออกของไทย ความจริง ไอ้เรื่องดินแดนที่ทะเลาะกันอยู่นี่ ก็ ไม่รู้ยังไงทะเลาะกันเพราะซากปรักหักพัง น่าจะยิงให้พังไปเลยจะได้ไม่ต้องแย่ง แต่อ่ะ น่ะ ที่คนไทยหวง ไม่ได้หวงเขาพระวิหาร แต่ห่วงเกาะกูด เพราะเสียเขาพระวิหาร อาจจะต้องเสียเกาะกูดที่ตราด เพราะเวลาลากเขตแดนทางชายทะเล การเอียงไม่กี่องศามีผลทีเดียว ก็ฝากพี่ๆ ทหาร และรัฐบาลทำหน้าที่กันไป  คนไทยให้กำลังอยู่แนวหลังจ๊ะ ขอให้ชาวบ้านอดทนอดกลั้น ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างดีแล้ว ประเทศเราก็ไปได้จ๊ะ (นอกเรื่อง) ภาพต่อไปนี้ เป็นภาพที่อยู่ระหว่างเดินลงมาแล้วจ๊ะ แต่ยังไ่ม่ถึงลานจอดรถ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:11:50

ความคิดเห็นที่ 6 สวัีสดีคุณ BOOK SHOOTER สงสัยกลัว จขกท เหงาเลยตามมาแซว สวัสดีค่ะคุณ mayu450 ลองย้อนไปดู 3 กท. ก่อน มีภาพสวยๆ เกือบ 300 ภาพเล็ก 50 ภาพใหญ่เจ้า เชียงรายสวยจริงๆ จ๊ะ คนก็น่ารัก ยังไม่แพงมาก สำหรับการท่องเที่ยวเชียงรายจ๊ะ พอเดินลงมาจากยอดภูแล้วเราก็นั่งรถลงมาที่ลานกางเต้นท์ ก็ 7.30 น. แล้ว ก็รีบเก็บเต้นท์ และก็เข้าห้องน้ำห้องท่า พี่เจ้าหน้าที่ขึ้นไปทำกับข้าวกินที่อุทยานด้านบนแล้ว เลยไม่ได้ลา บอกกระเหรี่ยงเจ้าของหม้อ ว่าฝากคืนเต้นท์ด้วย แล้วรีบเดินลงมาข้างล่าง เืพื่อจะได้มาถึงรถประมาณ 8.30 น. พอดี (รถออก 9.00 น.) อธิบายภาพ ภาพซ้ายบน กับภาพต้นสน เป็นภาพระหว่างยอดดอยกับลานจอดรถ พอเดินลงมาถึงลานจอดรถก็ขึ้นรถลงมาลานกลางเต้นท์   ภาพล่างซ้าย คือภาพป้อมเจ้าหน้าที่ ที่ลานกลางเต้นท์   ภาพขวาบน คือ ภาพตอนเก็บของจากลานกางเต้นท์ ลงไปด้านล่างเพื่อไปนั่งรถบัสกลับเชียงรายที่ป้อมตำรวจ ภาพขวาล่าง คือ ภาพป้ายวนอุทยาน ตรงตีนดอย ทางขึ้นไป ลานกางเต้นท์ - ที่ทำการอุทยาน - ลานจอดรถบนดอย - ยอดดอยภูชี้ฟ้า เบ็ดเสร็จ จากจุดนี้ ขึ้นไปยอดดอยรวมๆ แล้วอยู่ระหว่าง 2.5 - 3 กิโลเมตร จ๊ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 17:22:57 จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:20:01

ความคิดเห็นที่ 7 พอเดินพ้นจากตีนดอย แล้ว ด้านขวามือ (เมื่อเดินลงจากดอย) เป็นหน้าผา ริมเชิงผาเป็นที่ทำการ (ไม่มีคน) ตามภาพด้านล่างขวา มองออกไปด้านนอกหน้าผา ย้อนตรงถนนที่เลยตีนดอยไปด้านทิศเหนือ จะเป็นภาพด้านล่างซ้าย ภาพบนซ้าย เป็นภาพมองย้อนขึ้นไปตรงทางขึ้นดอย เห็นทางสุดตัน เพราะเป็นเขาพับผ้า พับไปพับมา 4 ซ้อน ถึงจะถึงลานกางเต้นท์ จากลานกางเต้นท์ พับไปอีก 4 -5 ซ้อน ถึงจะถึงลานจอดรถ จากนั้นไม่พับแล้ว ไต่ขึ้นอย่างเดียวก็จะเป็นยอดดอย ภาพซ้ายบน เป็นภาพมองลง ไปที่หมู่บ้านร่มฟ้าไทย ที่รถจอดอยู่ หมู่บ้านร่มฟ้าไทย คือหมู่บ้าน ตรงป้อมตำรวจ ด้านล่างภู ที่มีรีสอร์ทเยอะๆ ที่รถบัสจอด จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:29:52

ความคิดเห็นที่ 8 ตามเข้ามาชมตอนจบครับ จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:34:29

ความคิดเห็นที่ 9 รู้สึกว่า คห. 7 จะเขียนกลับจากธรรมชาติ อ่านยากนิดหนึ่ง 555 ฝึกสมาธิ ทำกระทู้ไป ฟังสัมภาษณ์หลวงพี่แต๊งท์ (ลูกคุณกรณ์ จาติกวณิช) ว่าพอบวชแล้วไม่อยากสึก ไม่ร้อนรุ่มเหมือนตอนเป็นฆราวาส ถ้าเป็นฆราวาส แล้วได้ยินข่าวแฟน ไม่ชอบใจก็จะร้อนรุ่มโกรธ ตอนนี้เห็นแล้วว่า มันเป็นอนิจจัง โอว  ....สาธุ ภาพต่อไป เป็นภาพบรรยากาศที่ด้านล่าง ต้องเดินจากตีนดอยมาหน่อยสัก 5 นาทีมาทางซ้าย บนถนน ทางหลวง 1093 สายเดิมนั่นแหละ ก็เป็นหมุ่บ้านร่มฟ้าไทย มีป้อมตำรวจอยู่ด้านขวามือ รถจอดอยู่ เราก็เอากระเป๋าไปเก็บ เดินไปสำรวจตรงควันขโมงเห็นขายส้มตำ ไก่ย่าง คิวยาวๆ เจอน้องราชภัฏเชียงราย มาซื้อข้าวขึ้นไปกินบนดอย น้องเหมือนจำไม่ได้ สงสัยเมื่อคืน ฤทธิ์เบียร์ กับความมืด เราจะสวยกว่านี้ พอสว่างๆ เลยจำไม่ได้  5555 ก็ทักทายกัน น้องว่า กินข้าวแล้วเดี๋ยวกับกลับ เราก็เดินมาตรงข้ามรถบัส มีทางขึ้นไปทางซ้าย เป็นพวกรีสอร์ท ตามภาพด้านล่างซ้าย มีร้านชื่อร้าน ภูชี้ฟ้าโภชนา เป็นอาหารตามสั่ง และอาหารใต้ เห็นว่าอาหารใต้ 25 บาท เลยสั่งข้าวผัด30 กับแกงส้มหมูหวาน คิด 30 บาท น้ำเราเอาไป  ทานเสร็จ ก็เข้าห้องน้ำห้องท่าสะอาดดี แกงส้มอร่อยดี น้ำพริกฟรีเผ็ดไปหน่อย พอได้หมูหวานกลบ ก็เลยดับเผ็ดไปได้ พี่เค้ากลัวเราเผ็ด ตอนตักแกงไม่กล้าราดน้ำ เลยบอกพี่ว่า หนูคนใต้จัดไปเลย พี่เค้าจะอ้าปากแหล่งใต้ เรารีบชิงตอบ หนูพูดไม่ได้พี่ แม่ไม่พูด คุยไปคุยมาเลยทราบว่าพี่เค้าคนเมืองสงขลา เราเกิดชุมพร แต่ว่านะ อาศัยเกิดเฉยๆ อยู่ๆ ปีเดียว เลยไม่ซึมมา แต่อาหารใต้กินได้ เพราะแม่ทำให้กินบ่อยๆ ที่นี่มีห้องพักด้วย เอาภาพมาฝาก เผื่อใครจะหาที่พัก ถ้าพัก พวกรีสอร์ทสวยๆ ระหว่างทางเค้าจะมีรถมาบริการส่งขึ้นภูโดยตรง แถวนี้ได้ข่าวห้องละ 300 - 400 บาทเอง แต่เราเลือกนอนเต้นท์ให้มันลำบากๆ มาถึงภูแล้ว ต้องเอาหัวซับน้ำค้างตกแรงๆ ยามดึกดื่น นอนดูดาวพร่างพราว เอาผิวผิงกลิ่นควันไฟให้หอมฉุย ไม่งั้น นอนตากแอร์อยู่กรุงเทพก็ได้ จริงไหมจ๊ะ (ไม่ส่งเสริมเศรษฐกิจเอกชน ส่งเสริมเศรษฐกิจเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อิอิ) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:42:06

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมาเรื่อยๆครับ จากคุณ : chamroon55 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:44:10

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีคุณเจ้าชายแวมไพร์ อย่าลืมย้อนไปดู น้ำตกอุ่นภูซาง กับ ภูชี้ฟ้ายามเย็น คห. 3 นะคะ วันนั้นมาต่อกระทู้ช้า ป่วยด้วย และก็ไปธุระข้างนอกทุกวัน เลยหวานเย็นไปนิด แต่ภาพสวยขอบอก อิอิ (ชมกระทู้ภาพตัวเองก็ทำได้) ............................ ทานข้าวเสร็จมารอที่รถ  พี่ล่ำก็มา ก็บอกเค้าว่า มารอแต่ 8.30 น. กลัวตกรถ 555 พี่เค้าก็บอกกินข้าวที่บ้านเพื่อน นอนในรถ เราก็ถามว่า หนาวไหม เค้าว่าปิดหน้าต่างประตูหมด ก็ต้องหนาวแหละ อุณหภูมิตอน 8.30 น. กับตอน 17.00 น. 16 องศา อุณหภูมิ ตอนดึก คงระหว่าง 12 - 14 องศาเซลเซียส ถ้ายอดดอยลมแรงๆ น่าจะ 8 - 12 องศาเลยทีเดียวเจ้่า 9.00 น. รอๆ ก็ไม่มีคนมาึขึ้นรถ ประกอบกลับเราบอกว่าที่เต้นท์มีแค่ 1 เต้นท์ เอารถมอร์ไซต์มา พี่ล่ำก็เลยเห็นว่าไม่มีคนแน่แล้ว ตามจริงต้องรอ 9.15 น. ถึงออก เลยตัดสินใจออกมาเลยตอน 9.00 น. เวลามาตรฐาน ออกมานึกว่าพี่ล่ำจะแวะ ภูซาง กะจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างตัว กินกาแฟ อุดหนุนพี่ๆ เค้า ก็กะจะชวนพี่ล่ำก๊งกาแฟกันด้วยเลย แต่พี่เค้าเลยไปเลย เราก็เลยไม่ว่าไร นายตรวจนั่งที่เดิมตรงข้ามพี่ล่ำ เราย้ายมานั่งหลังพี่ล่ำ หลับไป แดดส่องหน้าเป็นระยะเวลารถเลี้ยวเข้ารับแดด เรียกว่าส่องหัวกันตรงๆ กลับมาเลยป่วยด๋อยไปหลายวัน นี่ก็ยังไม่หาย เรียกว่าป่วยคุ้มกันเลย ลาภูชี้ฟ้า ด้วยภาพพระอาทิตย์ลับฟ้าที่ลานกางเต้นท์เกือบตีนภูชี้ฟ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:52:15

ความคิดเห็นที่ 12 ตามมาชมภาพสวยๆด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:53:36

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีคุ่ะคุณ chamroon55 เดี๋ยวจะพากลับเข้าเชียงราย ไปหาของกิ๋นคนเมือง และก็ไหว้พระศักดิ์สิทธิ์ ประจำเมืองเชียงรายค่ะ ...................................... มาตื่นที่เชียงราย นายตรวจว่าเอาไงต่อ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องหาที่ัพัก ที่เที่ยว ที่กิน ของอยู่ที่โรงแรมมอร์นิ่งดิว คิดว่าถ้าไปมอร์นิ่งคงจะต้องจ่ายค่าพัก ไม่ต่ำำกว่า 500 บ. (เดา) ก็ไม่รู้เอาไงดี ก็ต้องหาที่พักผ่อน ให้สบาย หรือจะไปหาดเชียงรายดี หรือจะเช่ารถดี ก็คิดๆ คิดไปก็ไม่มีเวลาคิดต่อ ก็ถึงบขส. ก็ลาพี่ล่ำ เดินย่ำๆ ไป หารถสองแถวฟ้าที่คุ้นเคย พี่เค้ามีผู้โดยสารอยู่ 1 คน เค้าก็ว่าหาดเชียงรายเย็นสบายดี ไป 100 ต่อเที่ยว กลับโทรเรียกเค้าจะไปรับก็ 100 เราก็ว่าดี แต่นายตรวจโยเย เลยขอโทษพี่เค้าไป เราเลยโมโห อะไรก็ไม่เอาสักอย่าง เราก็ไม่รู้เอาไง เช่ารถเค้าก็ว่าแพงไป เครื่องก็ออกดึกๆ  เราจะทำไง โมโหนายตรวจเลยเดินไปเรื่อยๆ ออกมาถนนพหลโยธินด้านหน้า ไนต์บาร์ซ่าร์ หรือหน้าบขส. เลี้ยวขวามั่วๆ ขึ้นเหนือไปทางวัดกลางเวียง ทางถนน บรรพปราการ เดินออกมานิดเดียว เห็นร้านข้าวขาหมู บะหมี่หมูแดง ข้าวหมูแดงมันไก่นครปฐม ร้านใหญ่ น่ากิน มาก คนเยอะ ก็เล็งๆ ไว้ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจอะไร เดินไปนิดเดียว ก่อนถึง 4 แยก นิดเดียว มีป้ายเหลืองๆ เขียนว่า Dormitory 90 บาท โอ้ พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก เดินเข้าไปแบบไม่คิด บอกว่าไม่ค้าง เรารอเครื่องตอนนั้น 12.00 น. (จากภูชี้ฟ้า 9.00 - 12.00 น. - 3 ชั่วโมงเร็วกว่าขาไป ขาไป 4 ชั่วโมง แวะเยอะ) เค้าพาไปดูห้องนอนรวม 4 เตียง เว้นๆ กันเหมือนหอนอนลูกเสือ พอเค้าทราบว่าเราไม่ค้าง เค้าพาไปห้องเีดี่ยว เตียง double หรือเตียงใหญ่ (คู่) ความจริงไม่มีเตียง มีแต่ที่นอน  ปกติคืนละ 250 บ. เค้าโทรไปหาเจ้านาย เค้าให้ 150 บาท เราก็ตกลง ห้องนี้อยู่ชั้น 4 ไม่มีห้องน้ำทุกห้อง ห้องน้ำอยู่ชั้น 2 มี 4 ห้อง เป็นห้องน้ำและห้องส้วมรวมกัน ความจริงโฮสเทลนี้เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 1 ห้อง ดัดแปลง ก็สบายดี ราคาก็ดี ทำเลก็ดีด้วย พอได้ห้องแล้ว เราก็อาสาออกไปซื้อข้าว ก็ได้ บะหมี่หมูแดง 50 บาท (พิเศษ) กับ ข้าวหมูแดง 30 บาท น้ำเก๊กฮวย 1 ขวด 15 บาท (500 มล.) รวม 95 บาท กินอิ่มแล้วก็อาบน้ำนอน เค้ามีผ้าเช็ดตัวให้ ชอบต้องที่มีแสงสว่างในห้องทุกห้องทำให้ดูดี เราเป็นพวกชอบแดดนิดหน่อย ไม่ชอบอับชื้น ปลุกนาฬิกาไว้ 16.00 น. จะไปไหว้พระหาของกิน เอารูปมาฝาก จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:07:37

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีคะคุณ เล็กทาโร่  อย่าลืมกลับไปดูครึ่งหลัง กระทู้ที่ 3 ด้วยนะคะ วันนั้นไม่ได้กลับมาต่อ เพิ่งมาต่อเมื่อวานค่ะ หายไปวันสองวันแหน่ะ .................. ตื่นมาแล้วก็ อาบน้ำ อาบท่า ไปเที่ยววัด ตอนแรก นายตรวจว่าจะนอนรอเค้าไปวัดไม่ค่อยได้ มันร้อน สุดท้ายไม่รู้ว่ากลัวโดนทิ้งไว้เชียงราย หนีกลับกรุงเทพฯ คนเดียว หรือกลัวนอนคนเดียว เลยตามไปด้วย เอาแผนที่มาให้ดู จะเป็นแนวการเดินจาก โฮสเทล เราเดินขึ้นเหนือ ไปวัดกลางเวียง ก่อน แล้วเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาอีกที ไปวัดพระสิงห์ จากนั้นออกประตูข้าง ตีขึ้นไปจบถนนสิงหไคล เลี้ยวซ้ายผ่าน โรงพยาบาลโอเวอร์บรู๊ค เดินลงนิดเีดียว คือวัดพระแก้ว จากนั้นเดินลงมากาดหลวง หาของกิ๋นคนเมือง กะว่าจะจบที่พิซซ่า  แต่ต้องอาบน้ำเก็บกระเป๋าก่อนมานั่งกินพิซซ่าชิลด์ๆ แล้วไปสนามบิน ดูแผนที่ก่อนจ๊ะ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:15:09

ความคิดเห็นที่ 15 ออกจากโรงแรม ขึ้นไปทางเหนือ ถนนรัตนเขต ถนนนี้ เราเดินลงมาครั้งหนึ่งแล้วตอนที่มาพักคืนแรกที่เชียงราย ตอนนั้นกินข้าวเย็นเดินลงมาไนต์บาร์ซา แต่ตอนนี้เราเดินย้อนขึ้น เพราะเราอยู่แถวๆ ไนต์ฯ จะไปเที่ยววัด วัดนี่เดินได้หมด 16.00 น. อากาศดี เดินได้ สบายๆ เอาภาพบรรยากาศมาให้ชม สองฝากฝั่งมีแคแสด อยู่หลายต้น ต้นยังไม่โตมาก โตมากจะสูงใหญ่ ใบมาก ออกดอกเป็นกลุ่มเป็นช่อ ภาพนี้ซูมจากคนละฝั่งถนน กะว่าจะหาต้นที่จัดภาพได้ดี ไปๆ มาๆ ลืม สุดท้ายได้มาภาพเดียว ให้ชมบรรยากาส ถนนบรรพปราการ ที่มีเสาไฟสีทอง ส่วนบรรยากาศ บ้านเรือนโบราณ อยู่ตรงเมืองเก่า ถนนรัตนเขต และก็ป้ายบอกทางที่เวียงเจียงฮาย สวยดี เที่ยววัดที่เวียงเจียงฮาย ไม่ต้องกลัวหลง ถ้าอยู่ในบริเวณนั้นแล้วมีป้ายตลอด ไม่ถึงกับมีป้ายจากแม่สาย ถ้าป้ายเยอะขนาดนั้นนั้นต้องสนามบินสุวรรณภูมิ แห่งเดียว ชมภาพในเมืองเจ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:26:12

ความคิดเห็นที่ 16 ไปกินข้าวก่อน 21.00 น. จะมาต่อจ๊ะ (แว่บอีกแล้ว) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:29:43

ความคิดเห็นที่ 17 ตามไปขึ้นภูด้วยคนจ้า จากคุณ : ตระเวนเที่ยว เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 19:23:39

ความคิดเห็นที่ 18 แถวหน้าคงจะเต็มแล้ว  จองแถวหลังเกาะไปด้วยคนค่ะ จากคุณ : luckyfarm6662 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 20:21:41

ความคิดเห็นที่ 19 ตามมาเที่ยวต่อครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 20:29:37

ความคิดเห็นที่ 20 เชียงรายไปทีหลังพม่าไม่ใช่เหรอ ทำไมรีวิวก่อนพม่า 555 จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 20:54:15

ความคิดเห็นที่ 21 แวะมาชมและมาตามเที่ยวต่อครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 21:15:13

ความคิดเห็นที่ 22 รอชมต่อนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 21:15:23

ความคิดเห็นที่ 23 มาดูต่ออีกนะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 22:38:54

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีค่ะ คุณ ตระเวนเที่ยว, คุณ luckyfarm6662, คุณ  tiger's nest, คุณ กัปตันลูกชุบ , คุณ tataweb  และคุณ อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ พอดีหลับเพลิน ยาออกฤทธิ์ ชักเบื่อเจ้าเชื้อหวัด ไม่รู้ติดใจอะไรไม่ไปสักที หงอมแหงมอยู่นานสองนาน แหม คุณแม่ติดเน็ต  ช่างจดช่างจำ  เชียงรายไม่ได้ดอง แต่พม่าดองไปแล้ว มันยังเค็มไม่ได้ที่ ยังเปรี้ยวไม่พอดี รออีกหน่อย คือพม่ามันเยอะ รีวิวนาน ยังไม่มีเวลาดูเลย ภาพเยอะจัด อาจทำฉบับย่อ แบบรีวิวการเดินทางเฉพาะ แลจะง่ายขึ้น แต่เสร็จเชียงรายจะพักแป๊บหนึ่ง งานรอเคลียร์ตรึม นายตรวจเริ่มค่อนขอด วันๆ ทำแต่รีวิว ............................... มาแล้ว วัดแรก ที่เดินขึ้นมาจากโฮสเทล คือ วัดกลางเวียง อยู่ริมถนนรัตนเขต เลยศาลจังหวัดเชียงรายขึ้นมา อยู่ด้านซ้ายมือ หาง่าย เดินตรงขึ้นไปเจอเอง มีป้ายตลอด วัดกลางเวียงเป็นวัดสำคัญคือ เป็นที่สถิต ของศาลหลักเมือง ชื่อก็บอกยี่ห้ออยู่แล้ว ว่าอยู่กลางเวียง วัดนี้อยู่ตรงกลางพอดี ถ้ามาแผนที่เมืองแบบ เบิร์ดอายวิว วัดทุกวัดที่เวียงเจียงฮายที่เราไป นั้น หันหน้าโบสถ์เข้าหาทิศตะวันออก ดังนั้น หากใครอยากถ่ายภาพหน้าโบสถ์สวยๆ ต้องไปทัวร์วัดช่วง 10.00 - 12.00 น. จะได้ภาพวัดสีทองงามๆ ตัดกับฟ้าสีฟ้าด้านหลัง งามอย่างลงตัว ประเภทไปตอนก่อนตะวันลับฟ้าอย่างเราก็ได้แต่งามจากหลังโบสถ์เจ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 23:34:36

ความคิดเห็นที่ 25 รูปดอกเสี้ยวขาว สวยจริงๆๆดอกไม้ประจำจังหวัดน่าน จากคุณ : ชายเอ ทุ่งรังสิต เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 23:44:11

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนเข้าวัด เข้าทางประตูหน้า คือทางถนนรัตนเขต แต่ตอนออก ออกประตูด้านข้าง คือข้างทิศเหนือ ทางถนนอุตรกิจ พอออกแล้วเลี้ยวซ้ายเลย ตรงไปจะเป็นร.ร. อนุบาลเชียงราย ด้านซ้ายมือ ขวามือจะมีแยก ผ่านไป 1 แยกไม่ใช่ ต้องแยกที่ 2 เป็นถนนท่าหลวง   แวะกินกาแฟเย็นจากรถที่จอดขายนักเรียนก่อน แล้วเลี้ยวขวา เข้าถนนท่าหลวง ก็จะเจอวัดพระสิงห์ อยู่ทางซ้ายมือ วัดพระสิงห์ ชื่อบอกยี่ห้ออีกแล้ว ว่าเป็นที่สถิตของ  พระสิงห์ หรือ พระสิหิงห์ นั่นเอง ถ้าไปเที่ยววัดทางภาพเหนือ แล้วเจอวัดชื่อพระสิงห์ ให้เดาก่อนว่าเป็นวัดประจำจังหวัดใช่หรือไม่  สำหรับ ที่นี่ใช่ เป็นวัดประจำจังหวัดเจ้า ภาพถนนในภาพ เป็นถนนท่าหลวง วัดพระสิงห์ นี่ถ้าว่าสวย เดี๋ยวก่อน เดี๋ยววันนี้จะพาไปชมวัดที่สะอาดที่สุดที่เคยเห็นในรอบ หลายสิบปีที่ผ่านมาในชีวิตที่ได้ชม จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 23:47:07

ความคิดเห็นที่ 27 มีอาหารเมืองเมนูอะหยังพ่องเจ้า  ขอดูตวยคน จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 23:51:33

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีค่ะ คุณ ชายเอ ทุ่งรังสิต ช่ายค่ะ ได้ข่าวว่าเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด น่าน และ จังหวัดตาก ลองย้อนกลับไปดู กระทู้แรก จะมีข้อมูลเพิ่มเติม (Power by Google) วันนี้ไปส่งไปรษณีย์ คือไปส่งผ้าถุงพม่าให้แม่ ซื้อมา 2 ผืน ก็พบดวงตราไปรษณียากร เห็นดอกจาน กับดอกเสี้ยว อยู่ไวๆ เลยซื้อมา มีดอกไม้อีก 2 ดอก แต่ว่า เค้าไม่ได้บอกว่าดอกอะไร เลย ไม่ทราบ ปรากฏว่าคุณลุงที่มาส่งไปรษณีย์เป็นคนอีสานบ้่านเฮา ชาวสกลนคร (ช่วยเค้ากรอกเอกสารส่งเงินออนไลน์ให้) เลยถามว่ารู้จักดอกนี้ไหม ดอกจาน เค้าก็ว่ารู้จัก (ต้องรู้จักอยู่แล้ว หากใครอ่านนิยายอีสานบ่อยๆ ว่าดอกไม้ประจำตัวอีสาน คือ ดอกจาน และดอกจันทร์กระพ้อ พอๆ กับดอกไม้ประจำนิยายภาคเหนือคือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ดอกนางพญาเสือโคร่งนี้ เรารู้จักตั้งแต่เด็ก ในนิยายหนังสือขวัญเรือน - คนอ่านเกิดทันแค่บางคน 555) ตอนนี้ช่อง 9 กำลังฉาย เรื่องเขาพระเนินทุ่ง อช.แก่งกระจาน มีทะเลหมอกทั้งปี ซึ่งเกิดจากความชุ่มชื้น - รายการมิราเคิลออฟไลฟว์ เพิ่งเคยดูรายการนี้ครั้งแรก สนุกดี ออกทะเลอีกแล้ว วันนี้เข้ายาวไปอ่าวเบงกอลเชียว ........................................................ วัดนี้ เด่น ที่มีพระสิงห์ และสิงห์จริงๆ ประดับที่ประตู ปกติเดี๋ยวนี้เค้าไม่ค่อยเอาองค์พระจริงไว้ในโบสถ์ เลยสอบถามหลวงพี่ที่กวาดลาน ว่า พระสิงห์องค์ในโบสถ์องค์จริงหรือไม่ ท่านก็ว่า องค์จริงเล็กกว่า อยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาส แต่ไม่ได้ให้เข้ากราบไหว้ แต่ท่านก็ว่าองค์ในโบสถ์ก็องค์จริงเหมือนกันแต่องค์ใหญ่กว่า เราเลียบๆ เคียงๆ ไปหน้ากุฏิเจ้าอาวาส เอากล้องส่อซูมเข้าไป ได้ภาพพระสิงห์องค์เล็กมา แต่เข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้ เพราะมีเจ้าหมาตัวใหญ่นอนน้ำลายยืดเฝ้าอยู่หน้าประตูกุฏิ เลยต้องให้เกียรติ์มันหน่อย ส่องแต่ไกลๆ ฝ่าพวงดอกไม้เข้าไป ก็ได้ภาพมา อย่างที่เห็น ภาพที่ 3 บน ที่โบสถ์ มีพระธาตุด้วย บรรจุอยู่ในมณฑปแก้ว ไม่น่าใช่พระธาตุพระพุทธเจ้า เพราะปกติ ต้องต้องเก็บไว้บนเจดีย์ ที่จะวางไว้ง่ายๆ อย่างนี้ อาจจะเป็นอัฐิพระอรหัีนต์่ท่านใด หรือเป็นองค์จำลอง ก็ได้ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน หรืออาจจะเป็นพระสารีริกธาตุจริงๆ แต่องค์เล็กๆ หรือไง หรือเป็นพระสารีริกธาตุองค์ที่แบ่งตัวมา เอ้า เดากันไปได้ ไม่รู้จักถามมาแต่ทีแรก ใครตามไปไว้อย่าลืมถามมา คือเรามีปัญหานิดหน่อย ว่าไปเย็นไปนิด ต้องทำเวลา ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ครบ 3 วัด วัดจะปิดซะหมด (ก็เกือบไม่ทันวัดสุดท้ายเหมือนกัน) ชมภาพเจ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 00:14:29

ความคิดเห็นที่ 29 ตายแล้ว  คุณ สาวหน้าใส เป็นคนเหนือขนานแท้ เราจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเมืองเหนือหรือเปล่าเนี๊ย มีอาหารเมือง อร่อยๆ กำลังจะมาเจ้า ........................ จากวัดพระสิงห์ เข้าประตูหน้า ถนนท่าหลวง แต่ออกประตูหลังแทน ออกจากประตูหลัง แล้วเลี้ยวขวาขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าสู่ถนนสิงหไคล ถนนนี่ไม่ได้ไกล ไม่กี่ก้าว ถ้าออกประตูด้านข้างด้านทิศเหนือประตูจะเปิดสู่ถนนสิงหไคลพอดี ถนนสิงหไคล เป็นถนนที่สวยมาก เป็นถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ มีคูน้ำ น่าจะเป็นขอบบนของประตูเมืองเก่า เราเดินเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสิงหไคล เดินไปทางทิศตะวันตก ผ่าน รร. แม่กกวิลล่า ด้านขวามือ ข้ามคูเมือง (น้ำ) ไป ด้านซ้ายมือ สุดถนนสิงหไคล เป็นโรงพยาบาล โอเวอร์บรู๊ค 4 แยกมุม โรงพยาบาลโอเวอร์บรู๊ค ทิศตะวันตก เป็นถนนทางขึ้นเขานิดหน่อย (ถนน ฤทธิประศาสน์) เห็นเขียนคล้ายๆ จะเป็น ที่ศึกษาของพระสงฆ์ รพ. อยู่หัวมุมพอดี ทางทิศใต้ ถนนไกรสรสิทธิ์ มุ่งไปทางทิศเหนือ ถนนนั้นจะไป รร. ดุสิตไอร์แลนด์รีสอร์ท อันนี้เราผ่านหลายทีเพราะตอนที่ไปรับเพื่อน ถึงแยกมุมรพ.โอเวอร์บรู๊ค แล้วเดินลงมาทางทิศใต้ สู่ถนน ไตรรัตน์ จะเห็นวัดพระแก้วแล้ว มุมวัดพระแก้วเป็นถนนแสงแก้ว ลองชมภาพบรรยากาศ แถวๆ นี้ดูก่อน ถ้าแสงจัดแบบแสงบ่าย 4 น่าจะสวยกว่านี้ เพราะฟ้าสีฟ้า ถ้าตัดกับใบไม้สีเขียว คงงามขนาด ชมภาพเจ้า (ดูจากภาพก็คงจะเดาได้ว่าเวลาล่วงมา เย็นเต็มที ตอนนั้นก็ราวๆ 17.30 น. แล้วเกรงใจพระสงฆ์องค์เจ้าจริงๆ แต่เชื่อไหม ยังมีฝรั่ง ญี่ปุ่น และคนไทยอีก 3 - 4 กลุ่ม ตามๆ กันอยู่ในวัดอยู่เลย) จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 00:39:46

ความคิดเห็นที่ 30 วัดพระแก้ว เข้าไปแล้วตะลึงในความงาม และความสะอาด ขอบอกว่า เข้าวัดมาก็มาก วัดนี้เป็นวัดที่สะอาดที่สุดที่เคยเห็นเคยพบมาเลย วัดอื่นอาจจะสะอาดเท่ากัน แต่วัดนี้ทั้งสะอาด ทั้งเรียบร้อย และยังงามไปด้วยดอกไม้นานาที่ประดับประดากันอย่างสวยงามลงตัว บอกได้เลยว่าท่านเจ้าอาวาสวัดนี้ต้องเป็นพระที่เจ้าระเบียบ และอาจจะเกิดวันศุกร์ ถึงดูแลรักษาวัดนี้ได้งามจริงๆ วัดนี้เป็นวัดที่สำคัญแต่อย่างใด จากชื่อคงจะทราบคร่าวๆ ว่าต้องเกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกต ถูกต้องค่ะ วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตมาก่อน เรียกว่าอาจจะเป็นวัดแรกที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตในดินแดนสุวรรณภูมิ (สยามอดีต) เลยทีเดียว ก่อนล้านช้าง (ลาว) ก่อนกำแพงเพชร และก่อนกรุงเทพฯ กล่าวได้ว่าพระแก้วมรกตที่อยู่ที่กรุงเทพ พระคู่บ้านคู่เมืองของเรา เิดิมดั้งนั้นเคยประดิษฐานอยู่้ล้านนามาก่อน เรียกว่ามีประวัติการหมุนเวียนไปอย่างยาวนาน ด้วยว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเมืองทั้งหลายก็ต่างแย่งชิงกันมา จากล้านนา ก็ไปล้านซ้าง (ลาว) แล้วกลับมาสยามอีก เคยถูกนำไปซ่อน ไว้ที่เมืองกำแพง (กำแพงเพชร) กว่าจะถูกค้นพบ แล้วอัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ถ้าไปลาว คนลาวจะกล่าวว่าไทยเอาพระแก้วของลาวไป ความจริงนั้น พระแก้วมรกต มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก สร้างตั้งแต่ พศ.500 ในชมพูทวีป !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ประวัติย่อ : พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนสีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ เมืองเชียงแสน (ปัจจุบันคือวัดพระแก้วงามเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย) สภาพเป็นพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง แต่เมื่อพระสงฆ์อัญเชิญออกจากพระเจดีย์ จู่ๆฟ้าก็ผ่าลงมาทำให้ปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหาก ช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอน เต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางพระราชทานคืนให้แก่ลาว อ่านประวัติอันยาวเหยียดของพระคู่บ้านคู่เมืองเอาไว้ เข้าไปศึกษาได้ http://th.wikipedia.org/wiki/พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:10:12

ความคิดเห็นที่ 31 ด้านข้างของพระโบสถ เป็นพิพิธภัณฑ์ ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายไปเย็น ปิดไปแล้ว (ภาพพิพิธภัณฑ์อยุ่ในความเห็นที่ 30) มาถึงตอนนี้กล้องไปไป อีกตัว (แบตล้า) ตัวแรกหมดไปที่ภูชี้ฟ้า ไม่ได้ชาจมาตั้งแต่วันก่อน เพราะไม่ได้เอาที่ชาจไปภูชี้ฟ้า ฝากไว้ที่โรงแรม พอมาเชียงราย ก็ยังไม่ได้ไปเอากระเป๋าีที่มอร์นิ่งดิวเลย แบตก็เลยหมดไปตัว ที่ภูชี้ฟ้า ตัวนี้ก็ล้า เต็มที่ ดับไปรอบแรก นายตรวจดีใจมาก เพราะรำคาญเต็มที่ แต่ก็พยายามยื้อชีวิตขึ้นมาอีกรอบ น่าสุดท้ายแล้ว ด้านหลังอุโบสถเป็นหอพระแก้วประดิษฐานพระแก้วมรกตองค์จำลอง นักท่องเที่ยวยังไม่หลายกลุ่ม ต้องแข่งกับเวลาและแสงได้มาแค่ 2 ภาพเอง ลองชมเจ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:17:36

ความคิดเห็นที่ 32 ปิดกล้องแล้วเดินออก นึกว่าจะไม่มีแบตแล้ว เลยเก็บไว้เผื่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายแบบจำเป็นจริงๆ เดินออกจากวัดพระแก้ว คราวนี้ออกทางเดิม (เป็นวัดแรกเลยเีนี่ย) ออกทางถนนไตรรัตน์ เดินลง มาถึงตอนนี้แผนที่หายไปแล้ว ทุกทีเลย ตอนไปชเวสิกอง เหมือนกันเที่ยวทั้งวัน แผนที่หายไป 1 รอบ แต่ตามเจอ พอจะถึงเจดีย์สุดท้าย หาย แต่พอจำได้ เลยคลำไปถึง อันนี้โน๊ตไว้เพียบ หาย เซ็งห่านมากๆ  เป็นแผนที่ที่พิมพ์มาจากกรุงเทพ จากกูเกิ้ลแมปนี่แหละ ก็จำได้ เดินลงๆ ไป แล้วถามเอาอีกที ผ่านแยกตัดกับถนน เรืองนคร ยังตรงต่อ ผ่านแยกถนนอุตรกิจ มีการขายของพวกผักสดจากบนเขาตรงสี่แยก บางคนว่าเลี้ยวเลย เราคิดว่าน่าจะตรงต่อ เลยตรงไปอีกหน่อย ไม่ทันถึงแยกหน้าถนน ธนาลัย เดินเลี้ยวซ้ายเข้ากาดหลวงเลย (ถามเอา) ความจริงเลี้ยวตรงแยกอุตรกิจที่ขายพวกผักสดเลยก็ได้ แต่เรากะเข้ากาดหลวงด้วยเผื่อซื้อของฝาก เข้ากาด ปิดหมดแล้ว ก็เดินทะลุไปเรื่อยๆ เป็นกาดสด น่าจะเป็นกาดเช้า คงวายไปแล้วแต่บ่าย หรือเย็น เดินทะุลุไปชนถนน สุขสถิต โผล่ไปก็อุแม่เจ้า ของกินเพียบ ตื่นตาตื่นใจ โผล่ไปก็เห็นธนาคารกรุงไทยเลยทันที ตรงข้ามธนาคารกรุงไทยเป็น ไส้อั่วแค๊บหมูฉวีวรรณ  ของฝากมีชื่อของที่นี่ ตอนนี้เราเข้าใจว่าแบตเราหมดแล้วเลยไม่ได้ชักภาพ ก็ช๊อปของกิน ตอนแรกก็เดินที่วไปหมด เดินเลี้ยวซ้ายไปชน ถนนอุตรกิจก่อน เจอวงเวียนหอนาฬิกา เดิมก็เป็นหอเดียว ตอนนี้มีทีถนนบรรพปราการ อีก เลยต้องเติมคำว่าเก่าไป มีหลายเจ้า เราเลือกตรงปากทางที่ทะลุออกมานี่แหละ มีร้านชาวบ้านอยู่ร้านหนึ่งติดๆ กัน ซื้อไส้อั่ว 25 บาท เห็นเค้ามีพริกหนุ่ม กับพริกอ่องน่ากินไม่มีข้าวเหนียว ก็เดินไปซื้อข้าวเหนียวห่อใบตองมา 1 ห่อแถวๆ นั้น ก็เอามากาง บอกพี่ซื้อน้ำพริก 2 อย่างนี่สิบบาท โป๊ะข้างๆ เลย พี่เค้าก็กลัวจะปนกัน เราว่าจัดเลยพี่ พี่เค้าก็ให้อย่างเยอะ จนเราต้องห้ามว่า พอแล้วพี่กินไม่หมด ไอ้ตอนคลี่ใบตองคลี่ได้ แต่ตอนห่อ ห่อไม่ได้ ต้องให้พี่เค้าห่อรวบให้ แล้วก็ซื้อลาบคั่วเมืองเหนือ ร้านข้างขวา ชิมแล้วอร่อยมาก ซื้อมา 20 บาท สรุปมื้อนี้ ข้าวเหนียว 5 น้ำพริก 2 อย่าง 10 บาท ลาบคั่ำวเมืองเหนือ 20 ไส้อั่ว 25 บาทรวมเป็น 60 บาท ดูสิจะสู้ร้านมีชื่อได้หรือไม่ เสร็จแล้วเราก็เดินลงทางทิศใต้ ผ่านถนนธนาลัย ชนถนน บรรพปราการตรงหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ฝืนกล้องเปิดมาชักภาพได้มาฝากกัน ตรงแยกนี้เจอพี่รถตู้ดุสิต จำกันได้ก็ทักทายกัน เสร็จแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปทางทิศตะวันออก ชนถนน พหลโยธิน ก็เป็นมุมโรงแรมพอดี เราก็เลี้ยวขวาลงพหลโยธิน  โรงแรมอยู่ซ้ายมือตอนนี้ แวะนั่งพักชั้น 1 ซื้อโค๊ก น้ำแข็งมากินราคาธรรมดาไม่ชาจ ยืมช้อนพี่เค้า คลี่กางอาหารเมืองมากิน ลาบเยอะ เทแล้่วแบ่งให้ที่โรงแรมทาน เราทานไม่หมดหรอก ซื้อเยอะแยะ นายตรวจไม่ทาน รอจัดหนักพิซซ่าอย่างเดียว ก็เม้ากันไป กินไปหน่อยนึกได้ น่าลองเปิดกล้องอยู่อาจจะมีแรงสักเฮือก เอากล้องที่ดับที่ภูชี้ฟ้า อาจจะพอฟื้นคืนชีพมาได้ ก็ได้ภาพมาฝากดังนี้เจ้า ป.ล. ตรงหอนาฬิกา ตรงนี้ มีอาหารเพียบ เดินเลือกกันได้ตามสะดวก เราชอบกินอาหารเมือง เราเลยจัดแบบพื้นบ้านจะ ตรงนี้จะมีทั้งอาหารทานทันที และนำไปปรุงที่บ้านจ๊ะ แล้วสำคัญคือมีชาวเขาเอาผักเอาพืชมาขายกันเยอะแยะไปหมดด้วยเจ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:36:25

ความคิดเห็นที่ 33 ดูำภาพอาหารด้านบน เหมือนซากๆ ไงก็ไม่รู้ คือ กินไปแล้วกว่าครึ่ง เพิ่งจะคิดได้ว่า่น่าจะลองถ่ายภาพ กินเสร็จแล้ว ก็ขึ้นไปอาบน้ำ (แหมคุ้มจริง 150 อาบน้ำ 2 รอบ นอนไป 1 รอบ คนละ 75 บาท ) ลงมาแล้ว นายตรวจจะไปกินพิซซ่า เดินไปพิซซ่าคอมปะนี ตรงข้ามปากทางไนต์ฯ ปรากฏว่าคิวยาว ตอนก่อนถึงไนต์ มีร้านพิซซ่า ชื่อ ดิโอลด์ดัช  เล็งไว้ว่า 200 น่าทาน ชวนนายตรวจแล้ว นายตรวจไม่อย่างเสี่ยง พอเดอะพิซซ่าคิวยาว เราเลยหัวเราะ ว่า ดีแล้วจะได้เปิดสัมปทานดูว่าอร่อยไหม ไปถึงร้าน ก็สวยแบบรกๆ มีอาหารฝรั่งหลายชนิด เราก็เรียกน้องมาสั่งว่าสั่งให้เราก่อนนะ พี่กลัวตกเครื่อง น้องก็เจ้า แล้วแทนที่จะไปสั่งเลย กลับไปรับออร์เดอร์อีกเจ้า เจ้านี่ก็คิดนานๆ จนเรากลัว นายตรวจก็ถามเครื่องออกกี่โมง เราก็ว่าลืมเอกสารไว้ที่มอร์นิ่งดิว (จนบัดนี้ยังไม่กลับไปเอากระเป๋าที่ไรงแรม) เลยไม่แน่ใจเวลา จำได้ว่าข้างๆ ร้านมีร้านขายตั๋วเครื่องบิน เลยเดินไปถาม ความจริงตอนอยู่โรงแรมตรวจทีหนึ่งแล้วว่าเป็น 22.15 น. เราจำได้ว่า ถึงกทม 23.00 น. น่าจะออก 22.00 น. ปรากฏว่า พอไปตรวจที่สนง.ขายตั๋วเครื่องออก 21.30 น. คือเราก็คิดคำนวณแล้วว่าใช่แน่ ตอนมาเรามาถึง 21.00 น. เวลากลับเครื่องมันจะต้องกลับ 21.30 น. แน่แท้แล้ว จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:48:50

ความคิดเห็นที่ 34 แจ้นกลับมาร้านพิซซ่าอย่างไวตอนนั้น 19.30 น. แล้ว ความจริงต้องไปสนามบินแล้ว เพราะต้องไปเอากระเป๋าอีก เลยถามน้อง ที่ร้าน น้องว่าอีก 9 นาที เลยบอกว่า น้องแพคเลย เราก็โทรไปเรียกรถเลย รถกว่าจะมาถึงพิซซ่าก็สุกพอดี ตอนนั้นเกือบ 2 ทุ่มแล้ว ก็ใจหายวาบๆ ตาย ห   ่า   แล้ว สงสัยได้ขึ้นรถทัวร์กลับกทม ก็ลุ้นๆ บอกอ้ายๆ ไวไวเลยเน้อ พิซซ่าสุก หิ้วใ่ส่กล่องขึ้นรถ ซิ่งไปเอากระเป๋าเจ้าหน้าที่เข้าห้องน้ำ ยามเอาให้ รีบมาก ไม่ได้ร่ำลาอะไร กระโดดขึ้นรถ ออกมาเลย ระหว่างทางนอยด์มาก บอกพี่ขับรถว่า พี่ๆ สนามบินแม่ฟ้าหลวงนะ ไม่ใช่สนามบินเก่า (ประมาณอ่านกระทู้เยอะไปหน่อย เห็นเค้าไปดอนเมืองแทนสุวรรณภูมิกันเลยนอยด์) สุดท้าย ไปถึงแต่ยังไม่ 20.30 น. ก็เรียกได้ว่าโอเค ในภาพ จะเห็นนายตรวจยังชิลด์อยู่ ไม่ได้ถ่ายภาพตอนหน้าตื่นๆ กันทั้งคู่ เรางี้นั่งไม่ติด หอบกระเป๋ามารอริมถนนเลย พอพิซซ่าสุก ส่งซิกเรียกนายตรวจรับพิซซ่าแล้วกระโดดขึ้นรถ เรียกว่า เวลาอะไรก็ประจวบกันไปหมดเลยทีเดียว จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:52:07

ความคิดเห็นที่ 35 แปะกระทู้ไป ฟังเพลง เลดี้ ปลาร้าไป ได้อารมณ์จริงๆ "....เลดี้ปลาร้า ตรวจดีเอ็นเอหรือยังลูก"  เพลงนี้ พูดถึงเลดี้กาก้า ว่า "บ่แม่นเลดี้กาก้า แต่เป็นเลดี้ปลาร้า.." ตลกดี พอไปถึงเช็คอินเสร็จ ก็เอาพิซซ่าเข้าไปกินในเกท ซื้อกระเป๋าไ้ว้ 35 กก. เสียค่าโง่ ตอนมา 20 กก. กลับก็ เบาประมาณนั้น คราวหน้า คนเดียวไปกลับ ขาละ 15 กก พอ ถ้า 2 คน ไปกลับ ขาละ 20 กก พอ กรณีในประเทศ หมดแล้วภาพ   ปิดท้ายด้วยภาพการกินพิซซ่าของนายตรวจที่สนามบิน อร่อยดี มี 2 หน้า คือ เบคอน กับถั่วลันเตาเราไม่เอาถั่ว และไก่กับหัวหอม อร่อยดี เบคอนอร่อยกว่า เค้าให้ชีสกับซอสมาแต่ไม่ได้ใส่ กินอย่างนั้นเลย นายตรวจว่าอร่อย ถูกด้วย 200 บาท 8 ชิ้น คุ้ม แต่ว่า พิซซ่าที่วังเวียงอร่อยกว่า ซาโยพิซซ่าหน้าบางกรอบวังเวียง อร่อยจนอยากนั่งรถกลับไปกิน ที่เมืองลาว ลากันด้วยภาพพิซซ่าของ The Ole Dutch 1:57 น. แล้วกว่าจะแปะเสร็จ ตี 2 พอดี นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์เ้จ้า จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 01:59:25

ความคิดเห็นที่ 36 ป้าอ้วนน้อยฯ มาดูต่อ   ขอ คอนเฟิร์มด้วยคนว่า วัดพระแก้ว สวยจริงๆ ป้าชอบ หอสีน้ำตาลซ้ายมือมาก ๆ เลย และที่ป้าชอบมาก อีกแห่งคือ พิพิธภัณฑ์อูบคำ เมืองเชียงราย คุ้มค่าสุด ๆ ในการเข้าชม จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 54 11:45:37

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่  เราไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์อูบคำ ค่ะ ไม่มีเวลา เพราะเดินคนละทางด้วย (มัวแต่นอน) ไว้คราวหน้าแก้ตัวใหม่ จากคุณ : นายสถานีรถไฟ@หัวตะเข้ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 54 12:09:16