ความคิดเห็นที่ 1 บทเพลงหนึ่งๆสามารถถ่ายทอดความรู้สึก เรื่องราว เศร้า เหงา และรักได้ก็จริง แต่กับบทเพลงๆนี้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกได้มากกว่านั้น กับคำว่า มิตรภาพ ขอขอบคุณล็อกอินยายแก่สีม่วง ที่นำเอาภาพลูกชาย กับลูกสาวของผม ที่ตัวยายแก่สีม่วงได้ถ่ายเก็บไว้ในคราวที่ร่วมเดินทางไปตะลอนๆเที่ยวกับผมทุกๆทริป มาทำ MV ประกอบเพลง เพื่อนำมาประกอบการรับชมในรีวิวนี้ครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:41:45

ความคิดเห็นที่ 2 แผนที่แสดงสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอท่าใหม่ และอำเภอแหลมสิงห์ รวมถึงเส้นทางการเดินทาง จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:42:45

ความคิดเห็นที่ 3 สวนพริกไทยในยามนี้กำลังออกผลอย่างเต็มที่ซึ่งปลูกเป็นอาชีพหลักของผู้คนในอำเภอท่าใหม่มากกว่าครึ่ง บางทีการได้พาลูกๆมาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ พร้อมทั้งอธิบายถึงความสำคัญของอาชีพเกษตรกรรม การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบบพอเพียงของผู้คน อาจจะดีกว่าการพาพวกเขาไปเดินช้อปปิ้งตามห้างหรูๆก็เป็นได้ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:43:42

ความคิดเห็นที่ 4 ยามนี้ทุเรียนกำลังออกผลขนาดลูกเท่ากำปั้น สวนนี้กว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้น่าจะราวๆเดือนพฤษภา แต่บางสวนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปจำหน่ายได้บ้างแล้ว การได้มาเดินชมสวน สูดกลิ่นไอดิน กลิ่นไอระเหยของหยาดน้ำค้างยามเช้าๆ ชั่งต่างจากบ้านเรานัก ที่ทุกๆเช้าต้องทนกับการสูดกลิ่นควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:44:44

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนลำไยหลายๆต้นถูกเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายจนแทบจะไม่หลงเหลือแล้ว จะมีให้เห็นหลงเหลืออยู่บ้างเพียงไม่กี่ต้น สวนทางกลับทุเรียนที่กำลังเพิ่งเริ่มออกผล ทำให้ชาวสวนมีรายได้อย่างต่อเนื่องมาจุนเจือครอบครัว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:45:27

ความคิดเห็นที่ 6 เหลืองจันทร์ กล้วยไม้ประจำถิ่นของจังหวัดจันทบุรี ฤดูกาลนี้สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ความสวยงาม และสีเหลืองอร่ามของกลีบดอก หากเปรียบกับความงดงาม และอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดจันทบุรีที่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว ผลผลิตทางการเกษตร และผลผลิตทางด้านการประมง ก็คงไม่แตกต่างกันนัก จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:46:10

ความคิดเห็นที่ 7 สภาพบ้านไม้ที่กำลังทรุดโทรมลงตามกาลเวลาแต่กลับแฝงไว้ด้วยวิถีชีวิตแบบพอเพียง ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกหรือเพื่อความบันเทิง ชาวสวนใช้ชีวิตกินอยู่หลับนอนกันอย่างเรียบง่ายภายใต้ พระบรมฉายาลักษณ์ของพ่อหลวง ที่ติดอยู่ฝาบ้าน จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:46:56

ความคิดเห็นที่ 8 สายๆของวันนั้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เดินชมสวนจนเต็มอิ่มแล้ว พวกเราก็บอกลาเจ้าของบ้าน จุดหมายต่อไปคือการไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนที่ตลาดท่าใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากสวนผลไม้แห่งนี้ไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:47:38

ความคิดเห็นที่ 9 รอยยิ้มของ ป้าบุญชู ที่ส่งมาให้ผู้มาเยือนจากต่างถิ่นอย่างพวกเราเสมือนคำเชิญชวน ทำให้อดไม่ได้ที่จะแวะชิมกาแฟรสชาติเข้มข้น ป้าบุญชูเล่าให้ผมฟังว่า ป้าขายกาแฟที่ตลาดท่าใหม่ตรงนี้มากว่า 45 ปีแล้ว ขายกันตั้งแต่ตี 4 จนถึงบ่าย 3 โมงของทุกๆวัน ความมานะ และความอดทนของป้าบุญชูทำให้สามารถส่งลูกๆทั้ง 3 คนจนเรียนจบปริญญา   .. ผมฟังจากน้ำเสียงและรอยยิ้มที่ผสมผสานมากับการบอกเล่าอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของป้าบุญชูแล้ว ทำให้ได้ข้อคิดอะไรบางอย่าง กับความมานะอดทน ความขยัน และความรักในงานที่ตนเองทำ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:48:47

ความคิดเห็นที่ 10 ยามเช้าๆแบบนี้ การได้มานั่งชมวิถีชีวิตของผู้คน การก้าวเดินตามจังหวะเวลาของแต่ละชีวิตดูแตกต่างกันยิ่งนัก บางคนเร่งรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็วให้ทันกับห้วงเวลาแห่งชีวิตที่ต้องดิ้นรน แต่บางคนกลับละเลียดความสุขไปกับห้วงเวลาอย่างช้าๆ     เช่นเดียวกันกับคุณลุงวัยกลางคนที่ค่อยๆละเลียดความสุขไปกับการจิบกาแฟแบบช้าๆ สายตาที่มองไปรอบๆกายอย่างเอื่อยๆเสมือนเป็นการผ่อนคลาย และเพิ่มเติมความสุขให้กับชีวิตๆหนึ่งได้พักเหนื่อย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:49:53

ความคิดเห็นที่ 11 ป้าบุญชูคนขายกาแฟเล่าให้ผมฟังอีกว่าชาวต่างชาติในปัจจุบันเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวในอำเภอท่าใหม่เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ยังคงไม่ถึงกับมากนัก อาจเป็นไปได้ว่ามีการสร้างรีสอร์ททันสมัยต่างๆผุดขึ้นราวดอกเห็ดตามสถานที่ท่องเที่ยวชายทะเล จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:50:40

ความคิดเห็นที่ 12 สินค้าที่นำมาจำหน่ายก็คงไม่ต่างอะไรจากเมืองที่ติดชายทะเลทั่วๆไป คือมีอาหารทะเลให้เลือกหาอย่างครบถ้วน รวมถึงสินค้าทั่วๆไปที่ตลาดพึงต้องมี น้ำเสียงติดเหน่อๆของคุณป้าเจ้าของร้านขายอาหารทะเลบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นชาวท้องถิ่น     ป้าเจ้าของร้านเล่าให้ผมฟังว่าตนเองเป็นชาวตำบลตะกาดเง้า อำเภอท่าใหม่นี่เอง ครอบครัวของตนเองทำอาชีพประมง เมื่อจับสัตว์น้ำขึ้นมาได้จะนำมาขายที่ตลาดสดแห่งนี้ ทำให้สัตว์น้ำที่นำมาขายจะสดใหม่ และราคาค่อนข้างถูกทีเดียว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:51:35

ความคิดเห็นที่ 13 หลังจากเก็บบรรยากาศของตลาดสดท่าใหม่รวมถึงซื้ออาหารทะเลเพื่อนำไปเป็นเสบียงสำหรับวันนี้แล้วจุดมุ่งหมายต่อไปคือการเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในตัวอำเภอท่าใหม่     สภาพบ้านไม้หลังเก่าๆนับร้อยปียังสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป เป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดใจให้ต้องแวะเก็บภาพถ่ายลงบันทึกความทรงจำ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:52:33

ความคิดเห็นที่ 14 กลิ่นหอมของขนมทองม้วนลอยมาแต่ไกล ประหนึ่งเชื้อเชิญให้เข้าไปเยี่ยมชม หากจะกล่าวถึงของขึ้นชื่อของอำเภอท่าใหม่ หนึ่งในนั้นต้องมีขนมทองม้วนของร้านป้าใบ้ ..     ป้าใบ้เจ้าของร้านขายทองม้วนที่คลุกคลีกับการทำขนมทองม้วนมาทั้งชีวิต รอยยิ้มและแววตาบ่งบอกถึงความสุขในการต้อนรับแทนคำพูดซึ่งพิการมาตั้งแต่กำเนิด เชิญชวนให้พวกเราต้องอุดหนุนขนมทองม้วนที่แสนจะอร่อย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:53:35

ความคิดเห็นที่ 15 ขอเกาะติดตามไปเที่ยวด้วยนะครับ... จากคุณ : honeymoonseat เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:53:59

ความคิดเห็นที่ 16 สภาพร้านที่เป็นบ้านไม้หลังเก่าๆซึ่งอายุคงไม่ต่างอะไรจากป้าใบ้นัก ด้านในจะทำขนมทองม้วนกันสดๆร้อนๆ นักท่องเที่ยวจะนิยมมาซื้อทองม้วนแบบอ่อนกันค่อนข้างมาก เพราะรสชาติอร่อยบวกกับอัธยาศัยไมตรีที่ป้าใบ้หยิบยื่นให้ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:54:27

ความคิดเห็นที่ 17 คุณhoneymoonseat ตามมาเลยครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ^^ --------------------------------------------------------------------------- หลังจากเที่ยวชมในตัวอำเภอท่าใหม่เรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปคือการเข้าไปนมัสการและสัมผัสความงดงามของ วัดเขาพลอยแหวน     วัดเขาพลอยแหวนตั้งอยู่ที่หมู่4 ตำบลเขาพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ ห่างจากที่ว่าการอำเภอท่าใหม่ประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อมาถึงปากทางต้องขับรถขึ้นเขาตามทางเล็กๆอีกประมาณ 500 เมตร โดยรอบบริเวณวัดจะค่อนข้างร่มรื่น เพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับที่สวยสดงดงาม จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:56:16

ความคิดเห็นที่ 18 จุดเด่นของวัดเขาพลอยแหวนคือ จะมีเจดีย์ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมณฑปซึ่งประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองไว้ด้านใน     การจะขึ้นไปนมัสการทั้งสองสิ่งนี้ ต้องเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปบนยอดเขากว่า 600 ขั้น แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนและเหนื่อยมากนัก เพราะสองข้างทางจะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้ร่มรื่นเย็นสบาย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:57:19

ความคิดเห็นที่ 19 น้าม่วง มาซะดึกเลย นะครับ ไม่หลับไม่นอนเสียสุขภาพนะครับ อายุเยอะแล้ว อิอิ (ล้อเล่นครับ) จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:58:00

ความคิดเห็นที่ 20 ลูกสาวตัวน้อยกำลังตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง แม้จะต้องเขย่งเท้าบ้างก็ตาม จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:58:02

ความคิดเห็นที่ 21 คุณตั้ม เราเคยเจอกันแล้วนะ หน้าผมแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ ------------------------------------------------------------------------   ตามหลักฐานบอกไว้ว่าเจดีย์เขาพลอยแหวนได้สร้างขึ้นโดยพระยาจันทบุรีเมื่อราว พ.ศ.2375 ในสมัยรัชกาลที่5 ส่วนมณฑปพระพุทธบาทจำลองสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2471 ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2530 เรียบร้อยแล้ว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:59:52

ความคิดเห็นที่ 22 ด้านบนของเขาพลอยแหวนยังสามารถชมวิวทิวทัศน์จากมุมสูงของตัวอำเภอท่าใหม่รวมถึงวิวทิวทัศน์ของชายทะเลได้อย่างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา อากาศด้านบนเย็นสบาย มีลมพัดตลอดเวลา เหมาะแก่การพักผ่อน และปล่อยวางจิตใจจากการเหน็ดเหนื่อยได้ดีทีเดียว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:00:50

ความคิดเห็นที่ 23 สถานที่ต่อไปที่พวกเราแวะเยี่ยมชมคือค่ายเนินวง และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวีซึ่งสถานที่ทั้งสองแห่งนี้จะตั้งอยู่ในจุดเดียวกัน อยู่ในตำบลบางกะจะ การเดินทางให้ใช้ทางหลวงหมายเลข3147 จากอำเภอท่าใหม่ ..   ตามหลักฐานการสร้างค่ายเนินวง จุดประสงค์หลักๆคือเพื่อป้องกันข้าศึกที่จะยกทัพมาทางทะเล และเพื่อรับศึกกับชาวญวนซึ่งมีเรื่องพิพาทกันในยุคนั้น โดยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่3 ราว พ.ศ. 2377 มีเนื้อที่ประมาณ 270ไร่ มีลักษณะเป็นเมืองสี่เหลี่ยม มีกำแพงที่ก่อด้วยศิลาแลงล้อมรอบ และมีปืนใหญ่วางเรียงรายไว้ตามแนวกำแพงโดยรอบ นับว่าเป็นค่ายที่มั่นคงแข็งแรงที่สุดในยุคสมัยนั้น จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:01:57

ความคิดเห็นที่ 24 เอ่ออมมม ทำไมมาดึกอย่างงี้ละครับลุงม่วง อิอิ ผิดเวลา และวันนะครับ ปกติรีวิววันอาทิตย์หนิ แต่นี่ปาเข้าไปเช้าวันจันทร์แล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะแวะเข้ามาใหม่ และตั้งใจอ่านแบบเต็มๆนะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:02:26

ความคิดเห็นที่ 25 บริเวณโดยรอบของค่ายเนินวงจะค่อนข้างร่มรื่น ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด ในวันหยุดแบบนี้นักท่องเที่ยวจะมาเยี่ยมชมกันไม่ขาดสายทีเดียว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:02:55

ความคิดเห็นที่ 26 หูยยย กาแฟ อุตส่าห์แอบๆแล้วยังตามมาเจออีก ขอบคุณครับ นอนหลับฝันดีครับ ------------------------------------------------------------------------ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี ซึ่งตั้งอยู่ในจุดเดียวกันกับค่ายเนินวง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรไว้อย่างมากมายภายในอาคาร ประกอบไปด้วยห้องจัดแสดงสินค้า วิถีชีวิตชาวเรือ การนำเรือสำเภาจำลองขนาดเท่าของจริงมาจัดแสดง มีห้องปฏิบัติการใต้น้ำ ห้องคลังเก็บโบราณวัตถุ ห้องของดีเมืองจันทร์ รวมถึงห้องที่จัดแสดงเรื่องราวพระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นต้น จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:05:17

ความคิดเห็นที่ 27 บริเวณด้านหลังของค่ายเนินวงยังเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมืองเก่าซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมถึงยังมีวัดเก่าแก่ที่ชื่อวัดโยธานิมิต โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดประจำเมืองอีกด้วย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:06:11

ความคิดเห็นที่ 28 ...ลุงม่วงทำไมมารีวิวซะดึกเลยอ่ะคะ หรือว่านี่มันเช้าแล้วอ่ะคะ นึกว่าตาลายดูผิดซะอีก ตามมาชมรีวิวสวยๆ ค่ะ ^-^ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 02:13:05 จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า^-^ (ปลายฟ้าที่ภูตะวัน) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:06:43

ความคิดเห็นที่ 29 ลูกสาวตัวน้อยเห็นผู้ใหญ่เสี่ยงเซียมซีกัน เลยอยากขอลองมั่ง นั่งเขย่าอยู่นานแทนที่ไม้เซียมซีจะตกลงมาอันเดียว แต่กลับตกลงมาแทบทั้งหมด ดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:07:04

ความคิดเห็นที่ 30 น้องตะวัน สงสัยดูเวลาผิดอ่ะครับ นึกว่ายัง 2 ทุ่มอยู่ (นึกว่ารอดพ้นกะดึกแล้วนะนี่) ---------------------------------------------------------------------------- เลยจากค่ายเนินวงไปไม่ไกลนักจะเป็นสถานที่ตั้งของวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ และยาวนานนั่นคือวัดพลับ พวกเราจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปสัมผัสความงดงามของประวัติศาสตร์ ..   วัดพลับตั้งอยู่ที่หมู่ 1 บ้านบางกะจะ ต.บางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2300 มีชื่อเดิมว่าวัดสุวรรณติมพรุธาราม ซึ่งแปลว่าอารามที่มีผลมะพลับทอง แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่าวัดพลับ ในสมัยอดีตกาลนั้น กองทัพของพระเจ้าตากสินได้แวะพักที่วัดแห่งนี้ ก่อนที่จะเข้าตีเมืองจันทบุรี     พระองค์และแม่ทัพนายกองได้รับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ และรับถวายพระยอดธง ต่อมาเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจนมีคำพูดในหมู่นักเลงพระว่า พระยอดธงที่ดีต้องพระยอดธงวัดพลับบางกะจะเท่านั้น น้ำพระพุทธมนต์ที่ประกอบพิธีที่วัดพลับ ถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ จะต้องประกอบด้วยน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพลับนี้ด้วย โดยนำน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระนารายณ์ ต.คลองนารายณ์ อ.เมืองจันทบุรี และจากสระเเก้วที่วัดสระเเก้ว ต.พลอยแหวน อ.ท่าใหม่ มารวมกันแล้วทำพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:10:47

ความคิดเห็นที่ 31 โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนไว้ในวัดพลับได้แก่ 1.วิหารไม้ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกขกิริยา รูปทรงเป็นอาคารไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส 2. หอไตร มีรูปทรงเป็นหอไตรขนาดกลาง สร้างอยู่ในสระน้ำ 3. พระปรางค์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2441 ประกอบด้วยองค์ปรางค์ มีซุ้มประตู 4 ทิศ เหนือประตูเป็นรูปราหูอมจันทร์ ยอดปรางค์เป็นลักษณะที่ไม่ได้พบกันมากในภาคตะวันออก 4. โบสถ์ที่ใช้ในการประกอบพระพุทธมนต์สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ 5. เจดีย์กลางน้ำ ลักษณะศิลปะแบบอยุธยาตอนกลาง  ก่อด้วยอิฐหินปูน สูง 7 เมตร จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:12:26

ความคิดเห็นที่ 32 จากวัดพลับผมย้อนกลับมาในตัวอำเภอท่าใหม่ เพื่อมุ่งหน้าสู่ตำบลบางกะไชย ไปที่ท่าเรือแหลมสิงห์ เพื่อมาชมทัศนียภาพบนสะพานตากสินมหาราชที่เชื่อมข้ามท้องทะเลไปยังอำเภอแหลมสิงห์ ด้านข้างของสะพานนี้จะเป็นจุดจอดเรือประมงของชาวประมง รวมถึงการขนถ่ายลำเลียงอาหารทะเลที่หามาได้จากท้องทะเล บรรยากาศ และทัศนียภาพโดยรอบค่อนข้างสวยงามทีเดียว แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 21:37:48 จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:13:32

ความคิดเห็นที่ 33 คุณป้าวัยกลางคนกำลังเพลินเพลิน และมีความสุขกับการตกปลา ผมสังเกตวิธีการตกปลาของคุณป้า เพียงแค่หย่อนเบ็ดลงไปไม่กี่นาทีปลาก็กินเบ็ดแล้ว แต่ปลาที่ตกได้จะค่อนข้างตัวเล็ก คุณป้าเล่าให้ฟังว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถตกปลาได้เป็นกระแป๋งๆ ปลาที่ได้ก็จะนำไปเป็นอาหาร     ในวันนี้แม้แดดจะจ้า อากาศจะร้อน แค่รอยยิ้มและการทักทายพูดคุยเพียงสั้นๆของคุณป้า ก็ทำให้พวกเราอบอุ่นขึ้นมาได้เหมือนกัน จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:14:35

ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อขับรถขึ้นมาบนสะพานตากสินมหาราช ตรงกลางสะพานจะมีช่องเว้นไว้ให้จอดรถเพื่อลงมาชมทัศนียภาพในมุมสูง มองออกไปได้ไกล และสวยงามมากๆ จุดที่เรือประมงจอดเทียบท่ากันอยู่อย่างเรียงรายนั้น คือจุดที่พวกเราแวะพูดคุยกับคุณป้าที่ตกปลาอยู่เมื่อสักครู่นี้ ส่วนวัดที่มองเห็นไกลๆนั่นคือวัดเขาแหลมสิงห์ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:15:33

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนอีกฟากฝั่งของสะพานทัศนียภาพก็สวยงามไม่แพ้กัน กับภาพเรือลำน้อยที่ลอยแหวกม่านมรกต จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:16:30

ความคิดเห็นที่ 36 หากเปรียบดั่งชีวิตคนๆหนึ่งที่ต้องพานพบอุปสรรคในชีวิต บางครั้งยามอ่อนล้าหมดแรงสิ้นหวังในชีวิต ต้องฝืนเดินอย่างโดดเดี่ยวตามลำพังไร้ที่พึ่งพิง ก็คงไม่ต่างอะไรจากเรือลำน้อยที่ลอยแหวกม่านสายน้ำอย่างเดียวดายท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หากวันใดท้อแท้หมดแรง การเดินทางของชีวิตก็จำเป็นต้องสิ้นสุดลง จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:17:29

ความคิดเห็นที่ 37 ...พอดีกำลังทะเลาะกะฝรั่งอยู่เลยยังไม่ได้นอนค่ะ   วันนี้ที่บ้านก็กลับมาจากสวนผลไม้ที่จันท์เหมือนกันเลยค่ะ   ว่าแต่ดูเวลาผิดจริงๆ เหรอคะ ^-^ ปอลอ  พี่บอลขาฝากมาเม้นท์ด้วยนะคะ ตอนนี้ไปลั้ลลาอยู่เกาะช้างกะครอบครัวอยู่เลยค่ะ จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า^-^ (ปลายฟ้าที่ภูตะวัน) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:18:18

ความคิดเห็นที่ 38 พวกเราข้ามสะพานมาอีกฝั่งแล้วเลี้ยวขวาตามทางอีกเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆอีกจุดหนึ่งนั่นคือ ตึกแดง     ตึกแดงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่5 ในปี พ.ศ.2436 เมื่อครั้งฝรั่งเศสยึดครองเมืองจันทบุรี โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นกองบัญชาการ และเป็นที่พักของนายทหาร ลักษณะเป็นตึกก่อด้วยอิฐชั้นเดียวทาสีแดง จึงถูกเรียกว่า ตึกแดง จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:18:29

ความคิดเห็นที่ 39 ทุเรียนเริ่มออกเต็มที่หรือยังครับน้องตะวัน ฝากบอกน้องบอลด้วยเอาทรายที่ชายหาดเกาะช้างมาฝาก 1 เม็ด --------------------------------------------------------------------------   ภายในตึกแดงแบ่งออกเป็น 5 ห้อง มีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงสองด้านตามแนวยาวของตัวตึก เนื่องจากเริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ตึกแดงจึงได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2527 และได้ใช้เป็นอาคารห้องสมุด และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ต่อมาเลิกใช้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ด้านในของตึกแดงจะจัดนิทรรศการ ประวัติความเป็นมา รวมถึงการนำเอาปืนใหญ่มาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:21:40

ความคิดเห็นที่ 40 แวะมาทักทายน้าม่วง ยามดึกค่ะ วันนี้เคลียร์งานจนดึกมากกกกก ง่วงมากแล้ว.... ภาพสวยเหมือนเคยนะคะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:22:22

ความคิดเห็นที่ 41 สงคราม การแย่งชิงอำนาจยังคงมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย ถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีตที่มีแต่ความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน บางครั้งการถ้อยทีถ้อยอาศัย ถอยหลังออกมาคนละก้าว อาจจะทำให้อะไรดีขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ เช่นเดียวกันกับตึกแดงแห่งนี้ที่หลงเหลือไว้เพียงแค่ร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ แค่ร่องรอยแห่งความเศร้า และคราบน้ำตาที่ยังฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของผู้ที่ได้รับความสูญเสียเมื่อครั้งก่อนเท่านั้น จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:22:40

ความคิดเห็นที่ 42 คุณsnas89Pink ขอบคุณมากๆเลยครับ ที่แวะมา ทำงานดึกแบบนี้ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ^^ ------------------------------------------------------------------------- ห่างจากตึกแดงไม่กี่ร้อยเมตร จะเป็นที่ตั้งของคุกขี้ไก่ คุกขี้ไก่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2436 เมื่อครั้งฝรั่งเศสเข้ายึดครองเมืองจันทบุรี และได้สร้างคุกขี้ไก่นี้ขึ้นมาเพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส ลักษณะของคุกขี้ไก่จะเป็นหอสี่เหลี่ยม สูง 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศรีษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:24:45

ความคิดเห็นที่ 43 กำลังเก็บภาพอยู่เพลินๆ ลูกสาวก็โผล่หน้ามาทางช่องระบายอากาศ ทำเอาตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็อดขำไม่ได้เมื่อเห็นรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเธอ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:25:35

ความคิดเห็นที่ 44 จุดสุดท้ายที่พวกเราแวะเข้ามาสัมผัสร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์คือ ป้อมไพรีพินาศ     ป้อมไพรีพินาศตั้งอยู่ด้านบนของเขาแหลมสิงห์ เป็นป้อมปืนที่สร้างขึ้นตามพระราชดำหริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาอภัยพิพิธ (กระต่าย) เจ้าเมืองจันทบุรีได้ทำการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2377 เพื่อเตรียมรับศึกญวนที่จะยกทัพมาทางทะเล ต่อมาใน พ.ศ. 2400 พระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง เสด็จประภาสจันทบุรี และได้พระราชทานนามป้อมนี้ว่า ป้อมไพรีพินาศ     ปัจจุบันแทบจะไม่หลงเหลือร่องรอยของแนวกำแพงป้อมไพรีพินาศแล้ว จะหลงเหลืออย่างโดดเด่นก็เพียงเจดีย์ประกาศอิสรภาพ ที่ชาวจันทบุรีสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2449 เพื่อเป็นที่ระลึกภายหลังจากทหารฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากจังหวัดจันทบุรี จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:26:40

ความคิดเห็นที่ 45 บริเวณโดยรอบของป้อมไพรีพินาศค่อนข้างร่มรื่นเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ หากยืนจากป้อมไพรีพินาศสามารถมองเห็นตัวอำเภอแหลมสิงห์ และชายหาดแหลมสิงห์ได้ในมุมสูง วิวทิวทัศน์ค่อนข้างสวยงามมากๆ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:27:37

ความคิดเห็นที่ 46 จุดมุ่งหมายหลักในการมาเยือนจังหวัดจันทบุรีในครั้งนี้คือการเข้าไปสัมผัสกับชายหาดที่แสนจะงดงามแห่งนี้ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ยังไม่มีชื่อเรียกชายหาดแห่งนี้อย่างเป็นทางการนัก กองทัพเรือเป็นผู้บุกเบิกทำทางตัดเชิงเขาเข้ามา เป็นชายหาดที่ใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นทางไปอ่าวกระทิง แต่จะมีแยกซ้ายมือเข้ามา มีป้อมไพรีพินาศตั้งอยู่ปากทางเข้าของชายหาด ถัดจากป้อมไพรีพินาศจะเป็นอ่าวเสม็ดแดง แล้วถึงจะเป็นชายหาดแห่งนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักมากนัก  บริเวณโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบ น้ำทะเลใสสะอาด หาดทรายละเอียด เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และลงเล่นน้ำทะเลมาก จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:28:41

ความคิดเห็นที่ 47 ตามไปเที่ยวเมืองจันทบุรีด้วยคนครับ จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:29:21

ความคิดเห็นที่ 48 บางครั้งการมีเงินทองมากมายมหาศาล มียศถาบรรดาศักดิ์จนต้องเดินตัวพอง ถ้าแลกกับการที่ครอบครัวไม่มีความสุข ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ผมขอเลือกอย่างหลังดีกว่า   การได้พาครอบครัวมาพักผ่อนหลังจากตรากตรำทำงานมาทั้งเดือน นั่งมองดูพวกเขามีความสุข มีรอยยิ้ม ก็ทำให้เราอิ่มใจได้เหมือนกัน จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:29:40

ความคิดเห็นที่ 49 แวะมาดูอีกรอบ มาคอนเฟิรมว่า ตัวจริงลุงม่วงมหากาฬ ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี๊ยวครับ (กรุณาเรียกพี่อย่าเรียกลุง เดี๋ยวไม่ได้ทิปนะ อิอิ) ปล ลูกสาวหน้าเหมือนพ่อซะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 02:32:40 จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:31:46

ความคิดเห็นที่ 50 หูยยยลืมไป เวลานี้เป็นเวลาของเจ้าชาย ตามไปครับ แต่ขอแบบห่างๆหน่อย กลัวโดนดูดเลือด -------------------------------------------------------------------------- หลังการจากไปจนไม่มีวันกลับของคุณพ่อที่ผ่านมาร่วม 2 ปีแล้ว ดูคุณแม่เก็บตัว และเงียบเหงามากขึ้น การได้พาท่านมาเที่ยว มาพักผ่อนบ้างนั้น น่าจะทำให้ท่านคลายเหงาไปได้บ้าง เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มในวันนี้บ่งบอกได้ถึงความสุขที่ท่านได้ระบายออกมาอย่างแท้จริง จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:31:51

ความคิดเห็นที่ 51 ถูกต้องก๊าบบบคุณตั้ม ตัวจริงยังหล่อ และหนุ่ม ก๊ากกกก คุณตั้มก็หล่อใช่ย่อยนะครับ ---------------------------------------------------------------------------- ชายหาดแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวจริงๆ ครอบครัวเราเล่นน้ำทะเลกันร่วมๆชั่วโมงเสมือนชายหาดส่วนตัว ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากนัก ไม่มีร้านอาหาร ถ้าหิวก็สามารถให้พี่ทหารเรือโทรสั่งอาหารที่ร้านด้านหน้าปากทางมาทานได้ หรือจะขับรถออกไปเองก็ได้ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:34:00

ความคิดเห็นที่ 52 ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว อากาศค่อนข้างเย็นสบาย นานๆจะมีเรือประมงผ่านมาซักลำ นั่งมองผืนฟ้าจรดผืนน้ำท่ามกลางความเงียบสงบชั่งมีความสุขไม่น้อยทีเดียว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:34:51

ความคิดเห็นที่ 53 เรือประมงลำน้อยแหวกว่ายสายน้ำสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่ ชีวิตที่ต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแลกกับการมีอยู่มีกิน ผมถือว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่า หนทางข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร บางทีนี่อาจจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:35:45

ความคิดเห็นที่ 54 บ้านที่พวกเราจะเข้าพักในคืนนี้ ซึ่งมีเพียงหลังเดียวของชายหาด สร้างขึ้นโดยกองทัพเรือ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักในราคา 2 พันบาท แต่สามารถพักได้ร่วมๆ 10 คน ภายในบ้านยังใหม่เอี่ยม เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน และเพิ่งรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักไปเพียง 2 รายเท่านั้น ภายในบ้านมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งตู้เย็น พัดลม ทีวี อุปกรณ์ครัวทุกชนิด จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:36:38

ความคิดเห็นที่ 55 จุดเด่นของชายหาดแห่งนี้คือการเดินขึ้นไปบนเขาเพื่อไปชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ในมุมสูง จุดนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของเขาแหลมสิงห์ หินสีขาวที่อยู่ด้านล่างคือที่มาของชื่อ เขาแหลมสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายตัวสิงห์กำลังนอนหมอบ   นายทหารเรือเล่าให้พวกเราฟังว่า เมื่อก่อนจะมีหินที่มีลักษณะคล้ายสิงห์แบบนี้อยู่สองตัวคู่กัน คราวเมื่อฝรั่งเศสยึดครองเมืองจันทบุรี และได้ซ้อมยิงปืนโดยเอาตัวสิงห์นี้เป็นเป้า ทำให้เหลือสิงห์เพียงตัวเดียว และเป็นที่มาของชื่อ แหลมสิงห์ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:37:45

ความคิดเห็นที่ 56 ตะวันดวงเดียวกัน หากแต่เมื่อมองต่างสถานที่กัน ความสวยงามความรู้สึกอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง ดวงตะวันดวงนี้กำลังลาลับขอบฟ้าขอบน้ำ หากหยุดเวลาได้ อยากหยุดแสงสุดท้ายให้อยู่แบบนี้ไปนานๆ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:38:45

ความคิดเห็นที่ 57 ส่วนอีกด้านหนึ่งแสงไฟกำลังประกายแวววาวเพิ่มขึ้นทีละดวง เวลานี้เป็นเวลาใกล้พลบค่ำ แสงไฟในมุมสูงของอำเภอแหลมสิงห์ที่เพิ่มขึ้นทุกๆดวง ประหนึ่งความเจริญที่ค่อยๆย่างกายเข้ามาทีละน้อย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:39:38

ความคิดเห็นที่ 58 ค่ำคืนนั้นพวกเราหลับกันอย่างมีความสุขท่ามกลางเสียงเกรียวคลื่น เช้าวันใหม่เพียงแค่เปิดประตูบ้านพักออกมาก็พบกับภาพความสวยงามของแสงสีทองที่สะท้อนผืนน้ำแบบนี้ วันนี้สายๆพวกเราต้องจากลาที่นี่กันแล้ว ความประทับใจในความสวยงาม ความเงียบสงบของที่นี่ เป็นมนต์เสน่ห์ที่มิอาจลืมเลือนตลอดไป จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:40:35

ความคิดเห็นที่ 59 พวกเราเดินทางออกจากบ้านพักราวๆ 10 โมงเช้า จุดมุ่งหมายต่อไปคือ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติอ่าวคุ้งกระเบน ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จุดประสงค์ของการก่อตั้งศูนย์คือเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่มีผลต่อระบบนิเวศวิทยา และการปลูกจิตสำนึกในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ทางงานป่าไม้จึงได้จัดสร้างสะพานทางเดินที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปตามแนวป่าชายเลนบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งจะผ่านพื้นที่ปลูกป่าชายเลนเดิมที่สมบูรณ์ และพื้นที่ฟื้นฟู โดยผสมผสานระหว่างการปลูกป่าและการเลี้ยงปลากะพงขาว จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:41:43

ความคิดเห็นที่ 60 ตลอดเส้นทางเดินที่ค่อนข้างร่มรื่น และปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ต้นโกงกางแล้วนั้น ยังมีศาลาพักเป็นจุดๆตามทางเดิน มีป้ายอธิบายให้ทราบถึงประโยชน์ของระบบนิเวศวิทยา ห่วงโซ่อาหารในแง่มุมต่างๆ ของป่าชายเลนตลอดเส้นทางเดินที่มีความยาวประมาณ 1,600 เมตร จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:42:38

ความคิดเห็นที่ 61 อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่นั่นคือการพายเรือคายักในบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน โดยทางศูนย์ฯได้จัดเส้นทางไว้ให้นักท่องเที่ยวได้พายเรือลัดเลาะเข้าไปในป่าชายเลนที่มีความคดเคี้ยว ร่มรื่น และสวยงาม ท่านจะได้สัมผัสกับป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ได้เห็นสัตว์น้ำชนิดต่างๆอาทิ ปลา ปู กุ้ง หอยฯลฯ ที่อาศัยในป่าชายเลน รวมทั้งฝูงนกชนิดต่างๆ ที่ใช้ป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัย และแหล่งหาอาหาร   นับว่าเป็นการเที่ยวชมป่าชายเลนที่ไม่ทำให้ก่อมลพิษแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นมลพิษจากกลิ่นควันของเครื่องยนต์ หรือมลพิษทางเสียง จะมีก็เพียงเสียงของพายที่กระทบกับผิวน้ำเป็นจังหวะเท่านั้น จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:43:54

ความคิดเห็นที่ 62 ส่วนที่สร้างความเพลิดเพลินในจิตใจได้เป็นอย่างดีก็เห็นจะเป็นระบบนิเวศของป่าชายเลนอันหลากหลายแต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างผสมกลมกลืนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน สะพานไม้ที่สร้างให้กลมกลืนกับธรรมชาติสอนให้มนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ และเด่นชัด จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:44:49

ความคิดเห็นที่ 63 อนุสรณ์หมูดุด หรือพะยูน หรือที่บางคนเรียกว่าวัวทะเล ตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่นบริเวณศาลาพักปากอ่าว สัตว์ชนิดนี้ในอดีตเคยเป็นเจ้าแห่งอ่าวคุ้งกะเบน แต่มาวันนี้ได้สูญพันธุ์กลายเป็นตำนาน เหลือแค่อนุสรณ์รูปปั้นไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:45:58

ความคิดเห็นที่ 64 ทางเดินศึกษาธรรมชาติกว่า 1,600 เมตรนั้นทางศูนย์ได้ทำศาลาไว้ทั้งหมด 10 ศาลา ซึ่งแต่ละศาลาได้เขียนอธิบายความรู้ และความหมายไว้ดังนี้       ศาลาที่1 กำเนิดอ่าวคุ้งกระเบน อธิบายปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการกัดเซาะเทือกเขาเล็กๆที่โอบตัวปิดล้อมพรุบริเวณริมฝั่งทะเลเมื่อประมาณ 345 ล้านปีก่อน กระทั่งกลายเป็นอ่าวเมื่อ 1500 ปีที่ผ่านมา     ศาลาที่2 ไม้เบิกนำ อธิบายถึงไม้แสมดำ และแสมขาวที่เป็นไม้เบิกนำ ก่อนที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์     ศาลาที่3 ดงฝาด เป็นจุดที่เต็มไปด้วย ต้นฝาดแดงให้ดอกแดง ต้นฝาดขาวให้ดอกขาว เมื่อทั้งสองต้นผลิตดอกเล็กๆจะสวยงามละลานตามาก     ศาลาที่4  ปลูกป่า เป็นจุดฟื้นฟูสภาพป่า มีการอธิบายถึงสภาพเดิมที่เคยมีดงหญ้าหนาแน่นและมีหมูดุด หรือพะยูนอาศัยอยู่ชุกชุม แต่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากบริเวณอ่าวแล้ว นอกจากนี้ยังแสดงถึงประโยชน์ของปูก้ามดาบในระบบนิเวศป่าชายเลนด้วย     ศาลาที่5 ปู่แสม จุดนี้เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ มีสะพานไม้ล้อมรอบต้นแสมขาวโบราณ ซึ่งชาวบ้านที่ศรัทธาเรียกว่าปู่ขาว แสมขาวโบราณนี้เหลือลำต้นเพียงครึ่งซีกเท่านั้น ด้วยเคยถูกไฟไหม้ในยุคที่ป่าชายเลนบริเวณนี้ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู       ศาลาที่6 โกงกาง อยู่สุดปลายสะพานก่อนจะวกกลับ พื้นที่บริเวณนี้หนาแน่นไปด้วยโกงกางใบเล็กอายุไม่น้อยกว่า 30 ปี โกงกางเป็นไม้เด่นของป่าชายเลน มีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่     ศาลาที่7 ป่าไม้-ประมง ด้านหน้าศาลาแห่งนี้ เป็นการทดลองนำไม้ป่าชายเลนมาปลูกควบคู่ไปกับการเลี้ยงปลากะพงขาวในพื้นที่ที่เคยถูกบุกรุกจากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาก่อน     ศาลาที่8 ลำพู เป็นจุดชมต้นลำพูขนาดใหญ่หลายต้น ต้นลำพูมีความสัมพันธ์กับหิ่งห้อย เพราะรากของลำพูเป็นที่อยู่ของหอยนานาชนิดซึ่งเป็นอาหารของตัวอ่อนหิ่งห้อย     ศาลาที่9 ประมง เป็นบ่อสาธิตการเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบปิดซึ่งไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำตลอดระยะเวลาเลี้ยง แต่มีการจัดการคุณภาพน้ำโดยการใช้คลอรีน และปูนขาวเพื่อกำจัดแอมโมเนีย และก๊าซพิษอื่นๆ     ศาลาที่10 เชิงทรง เป็นรอยต่อระหว่างป่าชายเลนมีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจ เช่น เสม็ดขาว ปรงทะเล เตยทะเล เหงือกปลาหมอ เป็นต้น จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:47:51

ความคิดเห็นที่ 65 ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ร่วม 2 ชั่วโมง รู้สึกประทับใจกับสถานที่แห่งนี้มาก ป่าชายเลนนับวันจะเหลือน้อยลงไปทุกที หลายๆพื้นที่กำลังประสบปัญหาการกัดเซาะของน้ำทะเล การสร้างเขื่อนซีเมนต์นอกจากจะไร้ซึ่งความสวยงามแล้วมันก็ให้ประโยชน์ได้น้อยมากเหลือเกินเมื่อเทียบกับเขื่อนธรรมชาติอย่างป่าชายเลน     จากลาไปด้วยภาพของลูกสาวตัวน้อยที่ได้เรียนรู้ และศึกษาธรรมชาติ กับทริปเล็กๆของครอบครัวผมครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ สวัสดีครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 02:48:46

ความคิดเห็นที่ 66 ผมกลับมาอยู่บ้านที่จันท์มาจะสองเดือนละ ว่าจะไปเที่ยวบ้างเหมือนกัน ผมเองอยู่มายี่สิบกว่าปี อยู่แต่ในเมือง ไปแต่ทะเล น้ำตก ขี่รถร่อนไปมาแก้เหงา ผมอ่านรีวีวแล้วก็อยากจะเริ่มเบี้ยวงานไปเที่ยวบ้างเหมือนกัน จากคุณ : ไม่ชอบไม่ชอบ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 03:04:33

ความคิดเห็นที่ 67 ตามคุณม่วง ไปเที่ยวแล้วรู้สึกอิ่มใจจริงๆ(ภาษาเชยไปหน่อย แต่เป็นความรู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ) ภาพสวยมาก จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 03:04:58

ความคิดเห็นที่ 68 ตามมาตอนดึกๆค่ะ น้าม่วงนอนดึกมากเลยค่ะ >< จากคุณ : สาระพัดช่างสงสัย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 03:08:17

ความคิดเห็นที่ 69 แวะเข้ามาดูตอนดึกๆอีกรอบครับ แอบหิว.. อิอิ   จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 04:22:01

ความคิดเห็นที่ 70 นอนดึกจังเลยน้า..ทำให้คนตื่นเช้าอย่างผมต้อง ตื่นขึ้นมา้ดูรีวิวน้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่...555 จากคุณ : คำสาบานในสวนท้อ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 04:56:22

ความคิดเห็นที่ 71 เพลงเพราะๆ รับอรุณยามเช้า อิอิ สาวน้อย น่าร้ากกกกกกกกกกกก  แต่ทำไมไม่ลงรูปลูกชายเยอะๆ ค้าาาาาา ดอกไม้ที่วัดพลอยแหวน สวยดีอ่ะค่ะ มันขาวๆ เต็มต้นเรย เด๋วไปแต่งตัวก่อนค่ะ  พรุ่งนี้เช้าจะกลับมาอ่านอย่างละเอียดอีกรอบนะคะ เช้านี้ได้แต่ดูรูปสวยๆ ไปก่อน อิอิ ^___^ จากคุณ : Angletaire เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 05:09:42

ความคิดเห็นที่ 72 เกือบไม่ทันน้าม่วงซะแล้ว....ขอไปด้วยคน จากคุณ : โรม ณ. โคราช เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 06:42:51

ความคิดเห็นที่ 73 มารีวิวเอาตอนป้าเกือบตื่นไปขายของเชียว  ... เป็นครอบครัวที่น่ารักมากเลยค่ะ จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 06:45:03

ความคิดเห็นที่ 74 วิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติและวัฒนธรรมอันดีงาม เป็นสิ่งที่ดูมีเอกลักษณ์มีสเน่ห์ ชวนให้น่าสัมผัสมากๆนะครับ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 06:56:55

ความคิดเห็นที่ 75 เอ่อลุงเอก ผิดคอนเซปท์อย่างแรงมาซะดึกขนาดนี้ เหนื่อยเนอะทริปนี้ แต่สนุกเนอะ ขอบคุณครอบครัวลุงนะที่ให้ติดสอยห้อยตามไปด้วย ^__^ จากคุณ : route rover เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 07:02:47

ความคิดเห็นที่ 76 แอบรีวิวซะดึกเลยนะครับลุงเอก ยอดเยี่ยมสมกับที่ตั้งใจทำจริงๆครับ พอได้อ่านตามแล้วทำให้อยาก ไปสัมผัส วิถีชิวิตแบบนี้บ้างจัง สมัยเรียนเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ นายายอามแต่ต้องเข้าไปอีกนะครับ ก้อได้รับการต้อนรับอย่างดี เหมือนที่ลุงเล่าเลย ทั้งอาหารแบบบ้านๆ แต่แฝงด้วยความจริงใจ ไม่อยากที่จะให้วิถีชีวิตแบบนี้แบบนี้หายไปเลยอะครับ   ชอบประโยคนี้จังครับ บางครั้งการมีเงินทองมากมายมหาศาล มียศถาบรรดาศักดิ์จนต้องเดินตัวพอง ถ้าแลกกับการที่ครอบครัวไม่มีความสุข ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ผมขอเลือกอย่างหลังดีกว่า จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 07:25:51

ความคิดเห็นที่ 77 สาวน้อย โตขึ้นเยอะเลย แฟนคลับเยอะแน่ๆ  คุณพ่อม่วงต้องไว้หนวด พกปืนซะแล้ว ปาดก่อนไปทำงาน เดี๋ยวมาอ่านแบบเต็มๆ (ที่โต้ะทำงาน) จากคุณ : แมงซุ่มมืด เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 07:47:10

ความคิดเห็นที่ 78 โห ดึกขนาดนี้ ทำไม ไม่เคาะเรียกใน FB เมื่อคืนจะได้อยู่เป็นเพื่อน จากคุณ : รอยยิ้มของคนดี เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 07:47:24

ความคิดเห็นที่ 79 บรรยายรีวิวได้ดีมาก จนเตลิ้มเลย ครับ ลุงเอก ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวบ่อยๆ พร้อมหน้าพร้อมตา กัน น่าอิจฉาจริงๆเลย จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 07:48:42

ความคิดเห็นที่ 80 ขอมาดูรูปกับโหวตก่อนครับ  ส่วนเนื้อหาเดี๋ยวขอลาพักร้อนก่อน แล้วจะเข้ามาอ่านทุกตัวอักษร จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:01:07

ความคิดเห็นที่ 81 มารีวิวซะดึกเลยนะพี่ม่วง ตามไปเที่ยวจันทบุรีกับครอบครัวพี่ม่วงด้วยค่ะ จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:03:42

ความคิดเห็นที่ 82 ตามดูความงามของแหลมสิงห์ด้วยค่ะ จากคุณ : แมวน้อยใส่ทูพีช เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:05:30

ความคิดเห็นที่ 83 ไปไม่ชวน ชริ จากคุณ : Yukung เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:10:07

ความคิดเห็นที่ 84 ลุงม่วงบอกดิคะ...    ชวนก็ไม่ไป ว่าที่เจ้าบ่าวเค้าห้ามไปไหนยะ     จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:19:40

ความคิดเห็นที่ 85 ละเอียดมากกกกกกกกกกกกกกกเลยน้าม่วง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ อยากกลับไปเที่ยวจันทบุรีอีกจังเลย จากคุณ : ยูโด เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:19:44

ความคิดเห็นที่ 86 ภาพสวย น้องน่ารักมากค่ะ จากคุณ : pchamaip เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:21:36

ความคิดเห็นที่ 87 ชอบทางเดินที่คุ้งกระเบนมากเลยลุงม่วง เพิ่งรู้ว่ามีพายคยัคด้วย    น่าไปอีกจัง ตอนนั้นออกจากคุ้งกระเบนก็ไปหลงอยู่แถวตัวอำเภอแหลมสิงห์มั๊ง ถนนเล็ก ๆ มีแหล่งเที่ยวมาเป็นแนวแบบนี้ น่าจัดไปซักอาทิตย์นึง จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:22:26

ความคิดเห็นที่ 88 เอาทะเลจันท์มาแจมน้าม่วง ฝั่งอ่าวคุ้งกระเบน ในฤดูที่ไม่มีมรสุมน้ำสงบนิ่งเลย จากคุณ : ยูโด เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:25:58

ความคิดเห็นที่ 89 ตามมาชม การเดินทางแบบธรรมดา  แต่รีวิวของพี่ม่วงไม่ธรรมดาเลย ภาพสวย ขอมลูเนื้อหาแยอะดี  อ่านสนุกอ่านเพลินครับ  บอกว่า  ชอบมากๆๆครับ จากคุณ : ชายเอ ทุ่งรังสิต เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:26:16