|
การเดินทางครั้งหนึ่งกับประสบการณ์ที่หลากหลาย
|
|
ก่อนอื่นต้องเกริ่นนำ ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาโปรแกรมตอนแรกตั้งใจจะไปนอนเล่นที่อ่างขาง แต่เมื่อมีเหตุอุทกภัยเกิดขึ้นทำให้จุดหมายการเดินทางได้เปลี่ยนแปลงกะทันหัน จุดหมายต่อไปเปลี่ยนเป็น แม่สะเรียงและสบเมยแทน การเดินทางครั้งนี้ขอบคุณ บขส. ที่พอรู้ข่าวว่าผมจะไปช่วยน้ำท่วมก็จัดแจงเปลี่ยนที่นั่งที่นั่งใหญ่ขึ้นเพราะคนตกรถเยอะ พร้อมจะมอบส่วนลดให้อีกในการเดินทาง และอีกหน่วยงานคือองค์การเภสัชที่มอบยามา700ชุด น้ำจิตน้ำใจชาวบ้านที่หยิบยื่นให้ ส่วนการรถไฟขอเอ่ยเพียงนิดที่ไม่เคยดูดำดูดีเลย เอ่ยมายาวขอเล่าเรื่องการเดินทางสู่กันฟัง วันแรกค่ำคืนวันที่11 สิงหา การเดินทางที่ตั้งใจจะไปนอนกางเต็นท์ที่อ่างขางและไปนอนบ้านลุงที่รู้จักที่เชียงดาว เปลี่ยนกะทันหันเนื่องจากชุดแรกที่เดินเท้าไปสำรวจน้ำท่วมกำลังคนไม่พอจึงมีการขอคนช่วยงานโดยงานของผมคือการส่งชุดยาที่ได้รับบริจาคมา วันที่12 สิงหา ถึงเชียงใหม่แต่เช้าตรู่ หันซ้ายแลขวา หาช่องจองตั๋วของเปรมประชาขนส่ง กับราคาค่าตั๋วไปแม่สะเรียง95บาท หลังจากคอยจนถึง 9 โมงเช้า ล้อหมุนจากอาเขต ก็เช็คเวลากับเด็กรถว่าจุดหมายที่เราต้องการไปถึงกี่โมง เด็กรถแจ้งเราว่าบ่ายครึ่งก็ถึงแล้ว จากนั้นประสานไปทางพี่ไพโรจน์ให้มารับแล้วฟังเรื่องราวจากพี่เขา ก็ได้รับข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิต 8 ราย ผู้บาดเจ็บ 12 ราย การเดินทางต้องใช้การเดินเท้าเข้าพื้นที่ 4 กิโลแม้ว ก็เลยตั้งใจตอนแรกว่าจะอยู่ช่วยจุดนี้ เพราะจองตั๋วรถกลับวันที่ 14 แต่เหตุการณ์เปลียนแปลงเมื่อที่ศูนย์โทรมาให้ช่วยขนส่งยาที่ได้รับองค์การเภสัช การเปลี่ยนแปลงการเดินทางกลับก็เริ่มขึ้น เรา...สวัสดีครับ พอดีมีเรื่องรบกวนให้ช่วยหน่อยครับ รถไฟ...คะ เรื่องอะไรคะ เรา...พอดีผมมาช่วยน้ำท่วมอยู่แม่สะเรียงครับ แล้วตั๋วผมจองกลับวันที่ 14 ไว้ครับเกรงจะกลับไม่ทัน ช่วยเปลี่ยนการเดินทางให้หน่อยได้ไหมครับ รถไฟ...ไม่ได้คะ ผู้โดยสารต้องมาเปลี่ยนแปลงเองที่เชียงใหม่คะ เรา...ช่วยหน่อยเถอะครับ เพราะพรุ่งนี้ต้องลงพื้นที่แล้ว ผมจะสื่อสารกับข้างนอกไม่ได้แล้ว รถไฟ...ไม่ได้คะ ยังไงก็ต้องเดินทางมาพร้อมตั๋วคะ แล้วนี่ใช่คุณ...โทรมาใช่ไหมคะ เรา...ใช่ครับ รถไฟ...แล้วมีอะไรให้รับใช้ไหมคะ เรา.,ไม่มีแล้วครับ จบการสนทนา แล้วเริ่มว่าจะเอาไงดี ค่าใช้จ่ายที่มาออกเองทั้งสิ้น ว่าแล้วก็มุ่งหน้าสู่เปรมประชาให้วานช่วยเลื่อนตั๋วหรือว่าทำอย่างไรก็ได้ที่พอทำให้มันมีมูลค่ากลับมา ตอนแรกน้องเขาก็ลังเล แต่เมื่อบอกความตั้งใจของเราน้องเขาก็รับปากจะทำให้โดยไม่ต้องเสียค่าดำเนินการ หลังจากร่ำลาพี่ไพโรจน์ว่าทีมผมต้องการคนช่วยแพคยาและนำเรือเข้าพื้นที่ พี่เขาก็เข้าใจเลยขอลาพี่เขานะจุดนี้ ส่วนค่ำคืนนั้นก็พักผ่อนครับหลังจากเดินทางเกือบ ยี่สิบสี่ชั่วโมง เช้าวันที่ 13 ตื่นแต่เช้า ขนถุงยาสัมภาระพร้อมเดินทางสู่ท่าเรือบ้านแม่สามแลบ 50 กิโลที่ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง หลังจากนี้การสื่อสารทุกชนิดของผมก็ถูกตัดขาด จัดของเสร็จรอเรือ 10 โมง การเดินทางอีก หกชั่วโมงกับสายน้ำสาละวินเพื่อขึ้นบ้านจอท่า กับการเดินทางร่วมกับกะเหรี่ยง 6 ชีวิต โดยมีคนไทยที่เห็นจะเป็นเหมือนบุคคลต่างด้าวสำหรับพวกเขา สี่โมงเย็นถึงจุดหมาย ลงไปกล่าวคำทักทายกับเจ้าหน้าที่ ถามความต้องการของชาวบ้าน ตกเย็นก็ล้อมวงทานข้าว ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสิ่งที่เราเรียกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสักอย่าง ที่ผมผมไม่ลงรูปเพราะว่าจุดที่ลงมันมีเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงนะครับ ชาวบ้านต้องกาารแค่ชุดยาสามัญประจำบ้านนะครับ ใครอยากส่งให้ชาวบ้านติดต่อผ่านได้ผมจะให้ที่อยู่สำหรับจัดส่ง ที่นี่ลงยาไปให้ 40 ชุดครับ บวกกับระหว่างแม่ตึดอีก 30 ชุด เช้าวันที่ 14 มีการเปลี่ยนแปลงจุดนัดพบไปเป็นในส่วนแม่แตหลวงแทน ซึ่งกว่าจะรู้ได้ก็คือตอนที่ไปถึงวันแรก ล่องเรือไปรับเพื่อนๆอีก 7 ชีวิต ใช้เวลาล่องไปรับ 1 ชั่วโมงครึ่งและนั่งเรือจากจุดรับไปที่ท่าเรือบ้านแม่สามแลบอีกเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงฝั่งเกือบบ่ายโมงกว่า พร้อมการเดินทางอันแสนยาวนาน กลับไปที่ศูนย์เพื่อสรุปงาน เกือบห้าโมงออกเดินทางไปนอนที่แม่สะเรียง เพื่อเช้าจะได้เดินทางกลับ ส่วนผมไปรับค่าตั๋วรถไฟที่ได้คืนไป และไปนอนแม่ฮ่องสอนหนึ่งคืน วันที่ 17 ถึงกรุงเทพเรียบร้อย ขณะนี้นั่งเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิมแล้ว ขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านในการช่วยเหลือ
จากคุณ |
:
ทีมงานตะลอน
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 54 14:56:39
|
|
|
| |