ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นขอฝากลิงค์รีวิวที่ทำในรอบ 12 เดือนด้วยนะครับ อุซเบกิสถาน ตอนที่ 1 ทาชเคนต์ เมืองหลวงกลิ่นอายรัสเซีย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9690531/E9690531.html ตอนที่ 2 บูคารา พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยังมีชีวิต ภาค ๑ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9734498/E9734498.html ตอนที่ 3 บูคารา พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยังมีชีวิต ภาค ๒ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9761887/E9761887.html ตอนที่ 4 ซามาร์คานด์ จุดสูงสุดแห่งศิลปะอิสลามในเอเชียกลาง http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9820993/E9820993.html คาซัคสถาน ตอนที่ 1 มหานครอัลมาตี (Almaty) มอสโคว์แห่งเอเชีย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10116233/E10116233.html ตอนที่ 2 อัสตานา (Astana) นี่มันดาวดวงไหนกันเนี่ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10138761/E10138761.html เนปาล ตอนที่ 1 กาฏมัณฑุ เมืองหลวงแห่งหุบเขา http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9993981/E9993981.html ตอนที่ 2 เมืองโบราณแห่งหุบเขากาฏมัณฑุ ปาตันและภัคตะปูร์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10022301/E10022301.html ตอนที่ 3 จากยอดหิมาลัยไปตามล่าหาแรดนอเดียวที่จิตวัน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10041503/E10041503.html ตอนที่ 4 เก็บตกกาฏมัณฑุ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10067546/E10067546.html จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:53:44

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่นจะเล่าตั้งแต่การขอวีซ่า  เอกสารที่ใช้ในการยื่นวีซ่าตุรกี 1. หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริงเหลืออายุการใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน พร้อมสำเนา 2. Booking ตั๋ว หรือสำเนาตั๋วเครื่องบิน 3. แบบฟอร์ม VISA ที่ http://www.mfa.gov.tr/ 4. รูปถ่ายขนาด 1-2 นิ้ว 1 รูป 5. สำเนา statement ย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมจดหมายรับรองการทำงานภาษาอังกฤษ 6. กรณีทำธุรกิจส่วนตัว-หนังสือรับรองบริษัท พร้อมเอกสารการเงินบริษัท (statement ย้อนหลัง 6 เดือน) ให้สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน หน้าแรกพาสปอร์ตไปด้วย แล้วใบจองตั๋วเครื่องบิน  ใบจองที่พักอย่างน้อย 1 คืน ค่าธรรมเนียม 2000 บาท   การยื่นวีซ่าตุรกีไม่จำเป็นต้องทำประกันสุขภาพเหมือนวีซ่าเชงเก้น แต่ขอแนะนำให้ทำไปนะครับ ผมเองก็มีโอกาสได้ใช้ในทริปนี้ด้วย รออ่านนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น การไปยื่นวีซ่า ต้องไปที่สถานทูต ถ้าเป็นพวกทัวร์เค้าจะจัดการให้เลย แต่ถ้าไปเองก็ควรไปยื่นด้วยตัวเอง  สถานทูตตุรกีอยู่ซอยจัดสรร ถนนสุทธิสาร  ถ้าไปรถใต้ดินให้ออกที่สถานีสุทธิสาร ทางออก 3 (เมืองไทยภัทร) ด้านหลังสถานีจะมีซอยเล็ก ๆ เป็นตลาดนัด ให้เดินทะลุซอยไป จะไปโผล่ที่ซอยด้านหลังแล้วค่อยต่อมอเตอร์ไซค์  เรื่องเดินหมดหวังเลยเพราะสถานทูตอยู่กลางซอย  หรือจะขับรถไปก็ได้ หน้าสถานทูตพอจอดได้อยู่ แต่ต้องฝ่ารถติดไป ถนนสุทธิสารก็แคบ รถเยอะ ตอนที่ไปถึงประมาณ 8 โมง 10 นาที มีคนมาก่อน 2 คนเป็นพวกที่มาจากบริษัททัวร์  พวกนี้มาทีเยอะ ๆ ผมเป็นคิวที่สาม สถานทูตเปิด 9 ครึ่ง พอใกล้ ๆ เวลาคนถึงทยอยมากัน   ด้านหน้ามีพวกเก้าอี้ชำรุดให้นั่ง 3-4 ตัว พอประมาณ 9 โมง ยามจะเอากระดาษมาให้เซ็นว่าใครมาก่อนหลัง ถ้าไปก่อนก็จำหน้ากันว่าใครมาก่อนหลัง พอ 9 โมงครึ่ง ยามก็เรียกเข้าไปทีละคน  เจ้าหน้าที่ก็ตรวจเอกสาร ผ่านไปเรียบร้อยดี   เสร็จแล้วนัดรับเล่มวันรุ่งขึ้นเวลา 16-17.30 น. ไปรับเองหรือฝากใครไปรับก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางไปมา   วีซ่า valid 3 เดือนนับจากวันออก อยู่ได้ 30 วัน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:55:26

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนจะเริ่มไปเที่ยวด้วยกัน ขอเล่าถึงประเทศตุรกีซักนิดกันก่อน  สาธารณรัฐตุรกีมีอาณาบริเวณอยู่บนทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ส่วนที่อยู่ในทวีปเอเชียคิดเป็น 97% ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นคาบสมุทรรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียกว่าคาบสมุทรอนาโตเลีย (Anatolia) เดิมทีประเทศตุรกีเคยมีเนื้อที่กว้างใหญ่ กินอาณาบริเวณทางยุโรปตะวันออกครอบคลุมประเทศกรีซ บัลแกเรีย มาร์เซโดเนีย และประเทศต่าง ๆ ในคาบสมุทรบอลข่าน จนไปถึงฮังการี แต่ปัจจุบันสูญเสียดินแดนในยุโรปไปจนเกือบหมด จนเหลือเพียง 3% ของพื้นที่ที่ยังคงอยู่ในทวีปยุโรป เรียกส่วนนี้ว่าเทรซ (Thrace) พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตุรกีมีมนุษย์อาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนมาถึงยุคประวัติศาสตร์ และดินแดนแถบนี้ก็อยู่คู่ประวัติศาสตร์โลกมาตลอด ตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย อัสซีเรีย ตลอดมาจนถึงยุคกรีก-โรมัน คริสเตียนตอนต้น ไบแซนไทน์ จนมาถึงยุคออตโตมันเติร์ก จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:58:46

ความคิดเห็นที่ 4  ตื้นตันใจ   ในที่สุดรีวิวที่ผมรอคอยก็ปล่อยมาซะทีนะพี่เชอ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 54 21:59:31 จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:59:09

ความคิดเห็นที่ 5 ประเทศตุรกีมีเมืองหลวงคือกรุงอังการาอยู่ฝั่งอนาโตเลีย แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดคือเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่บนสองทวีปในจุดยุทธศาสตร์ที่ควบคุมเส้นทางเดินเรือจากทะเลดำไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  อดีตเคยเป็นเมืองหลวงก่อนย้ายไปอยู่ที่อังการา   เราเริ่มต้นและจบทริปที่อิสตันบูล โดยใช้บริการของสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ บินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงอิสตันบูล ซึ่งมีบริการวันละหลายเที่ยวอยู่เหมือนกัน ทริปนี้เริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ออก 5 ทุ่มครึ่ง ถึงอิสตันบูลประมาณ 6 โมงเช้า เราเลือกบินตรงเพื่อประหยัดเวลา จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ ๆ ประเทศนี้ไม่ต้องกรอกเอกสารอะไรให้วุ่นวาย ถือพาสปอร์ตฉบับเดียวก็เดินผ่านตรวจคนเข้าเมืองได้แล้ว ยังไม่ทันได้เห็นกรุงอิสตันบูล เราก็บินในประเทศต่อไปเมืองอิสเมียร์ (Izmir) เพื่อไปเมืองโบราณของโรมันเอฟิซุสซึ่งเป็นจุดหมายแรกของทริปนี้ ตอนแรกก็คิดว่าจะนั่งรถนอนจากอิสตันบูลไปสว่างที่โน่นดีหรือเปล่า แต่พอดีหาตั๋ว low cost ของสายการบิน Pegasus ได้ (มีสัญลักษณ์เป็นรูปม้าบิน) ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงจุดหมาย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:02:03

ความคิดเห็นที่ 6 @Coffee Blended - ทนแรงกดดันจากกาแฟไม่ไหว เลยกัดฟันปล่อยซะคืนนี้ ไม่รู้จะได้นอนกี่โมงคืนนี้ --------------------------------------------------------------- วิวจากเครื่องบิน สวยไหมครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:04:18

ความคิดเห็นที่ 7 มารอชมด้วยครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:05:23

ความคิดเห็นที่ 8 มองผ่านหน้าต่างลงไปเห็นพระอาทิตย์ทรงกลดเป็นวงใหญ่บนผืนเมฆ ปรากฏการณ์แบบนี้คงเห็นไม่บ่อย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:05:33

ความคิดเห็นที่ 9 ขออนุญาตรอชมด้วยคนนะคะ ไปมาเมื่อเดือน พค  ประทับใจมาก และยังคิดถึงตุรกีมากกกก จากคุณ : semasky เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:06:35

ความคิดเห็นที่ 10 เครื่องบินถึงเมือง Izmir เวลาประมาณ 10:10 น. เราต้องรีบทำเวลากันนิดหน่อย เพราะต้องต่อไปเมืองเซลจุก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณเอฟิซุส มีรถไฟจากสนามบินเวลา 10:43 น. อู้ไม่ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง ถ้าพลาดรถไฟก็ต้องขึ้นรถบัสจากในเมือง Izmir แทน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:06:47

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ  tiger's nest และคุณ semasky เชิญติดตามชมเป็นเพื่อนกันได้ครับ ถึงแล้วครับเมืองเซลจุก (selçuk) เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ออกจากสถานีรถไฟมาก็เจอท่อส่งน้ำยุคไบแซนไทน์ คนสมัยก่อนตั้งแต่ยุคโรมันจะลำเลียงน้ำสะอาดมาจากที่อื่นที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรโดยผ่านทางท่อส่งน้ำลอยฟ้าแบบนี้ น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้น้ำสะอาดอยู่ตลอด ไม่เหมือนบางเมืองที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำใกล้ชุมชน เมื่อเกิดโรคระบาดก็จะแพร่ะกระจายอย่างรวดเร็ว พวกโรมันนี่เป็นวิศวกรชั้นยอดจริง ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:09:12

ความคิดเห็นที่ 12 สงสัยไม่ได้ใช้นานจนนกกระสามาจับจองพื้นที่ทำรัง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:11:23

ความคิดเห็นที่ 13 เสาละรัง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:12:18

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นชื่อคุณ Cherokee1 ปุ๊บต้องละสายตาจากพี่ป้องมาดูทันทีค่ะ คิดถึงตุรกีมาก ๆ อยากไปอีก จากคุณ : prdd26 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:12:59

ความคิดเห็นที่ 15 ลงจากรถไฟ เราก็เดินหาที่พักที่จองไว้ คืนนี้พักที่ ANZ Guesthouse ย่อมาจาก Australia-New Zealand Guesthouse) เดินจากสถานีประมาณ 10 นาที ชาวเมืองก็ใจดี เห็นเราแบกกระเป๋าดูแผนที่ก็ถามว่าจะไปไหน แล้วบอกทางให้เป็นระยะ ๆ เริ่มประทับใจตั้งแต่เหยียบเท้าบนแผ่นดินตุรกีซะแล้ว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:14:34

ความคิดเห็นที่ 16 ตามไปเที่ยวด้วยคน จากคุณ : tonhok เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:16:08

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ prdd26  ขอบคุณที่ติดตามครับ ราคาและคุณภาพห้องที่นี่ถือว่ารับได้ ไม่แพงมาก มีห้องน้ำในตัว ห้องมีขนาดหลากหลาย ตั้งแต่เตียงเดี่ยว เตียงคู่ ไปจนถึง 4 เตียง หลังจากเช็คอินเรียบร้อย เจ้าของที่พักก็ชงชาแอปเปิ้ลให้ดื่มฟรี อร่อยมาก ชักติดใจแล้วสิ แล้วเค้าก็แนะนำให้ไปทานอาหารที่ร้าน Kebab House ใกล้พิพิธภัณฑ์เอฟิซุส เดินจากที่พักไปไม่ถึง 5 นาที บอกว่ากินร้านนี้แล้วลองถามดี ๆ เจ้าของร้านจะขับรถพาไปส่งที่เอฟิซุสฟรี ไม่ต้องจ้างแท็กซี่ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:17:24

ความคิดเห็นที่ 18 มาถึงแล้วร้าน Kebab House อยู่ในซอยข้าง ๆ พิพิธภัณฑ์เอฟิซุส อาหารอร่อยและราคาถูก ซึ่งถูกจริง ๆ ถือว่าเป็นอาหารที่เต็มอิ่มในราคาที่ถูกที่สุดตลอดทริป 10 วันของเราเลย แถมเจ้าของร้านใจดีสุด ๆ อาสาขับพาไปส่งที่เมืองโบราณเอฟิซุสไม่คิดตังค์ซักบาท เจ้าของร้านเป็น 2 พี่น้องชื่ออาลีกับเมห์เหม็ด คนพี่พูดน้อยกว่า แต่บริการขับรถรับส่งพวกเราไปกลับเอฟิซุสที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร (เค้าอาสาเองโดยที่เรายังไม่ทันเอ่ยปากถาม) ส่วนคนน้องพูดเก่งกว่า ช่วยโทรติดต่อเรื่องที่พักและการเดินทางสำหรับเมืองที่เราจะไปต่อคือปามุคคาเล่ เมห์เหม็ดโทรไปหาเพื่อนเค้าที่ปามุคคาเล่ที่เป็นเจ้าของโรงแรมให้ราคาพิเศษ แถมส่งคนมารับถึงท่ารถ แล้วเค้าก็โทรติดต่อตั๋วรถบัสให้ ไม่เกิน 5 นาทีก็มีคนเดินเอาตั๋วมาส่งถึงร้าน ไม่ต้องเดินไปซื้อเอง วันแรกก็ประทับใจในน้ำใจของคนตุรกีซะแล้ว เจอสองคนนี้ตั้งแต่ต้นทริปทำให้ประเทศนี้ขโมยหัวใจของเราไปเรียบร้อย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:19:47

ความคิดเห็นที่ 19 อาหารมื้อแรกในตุรกีที่ร้าน Kebab House เป็น Chicken Kebab จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:21:24

ความคิดเห็นที่ 20 อันนี้คล้าย ๆ พวกพิต้า เป็นแป้งยัดไส้ผัก อร่อยมาก ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:22:15

ความคิดเห็นที่ 21 พวกเราถามหาของหวาน เจ้าของร้านบอกว่าไม่มี แต่ถ้าจะเอา เค้าจะเอาแป้งเมื่อกี้ แต่ใส่ไส้หวานแทน ออกมาหน้าตาแบบนี้ อร่อยมาก ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:22:46

ความคิดเห็นที่ 22 จริง ๆ คิวแรกของบ่ายนี้หลังอาหารกลางวันคือชมพิพิธภัณฑ์เอฟิซุส ซึ่งเก็บพวกโบราณวัตถุที่ค้นพบจากเมืองโบราณแล้วนำมาจัดแสดงที่นี่ แต่รีวิวนี้ขอยกพิพิธภัณฑ์ไว้หลังจากพาชมส่วนเมืองโบราณแล้ว จะได้ติดตามได้เข้าใจมากขึ้นนะครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:25:10

ความคิดเห็นที่ 23 มาทัน เคบับ พอดีเลย จากคุณ : bscza เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:28:51

ความคิดเห็นที่ 24 ขอไปตุรกีด้วยคนคร้าา จากคุณ : น้องหนูพันธุ์ดุ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:29:29

ความคิดเห็นที่ 25 ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เดินหาร้านแลกเงิน ที่สนามบินคิดค่า commission ฉะนั้นอย่าแลกเยอะ ค่อยมาหาแลกที่ไปรษณีย์จะได้อัตราที่ดีกว่า หน่วยเงินที่ใช้คือลีร่า (Turkish Lira ย่อว่า TL) อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 ยูโร = 2 ลีร่า เมืองเซลจุกเป็นเมืองไม่ใหญ่มากนัก แต่มีโบราณสถานเต็มไปหมด จริง ๆ ก็น่าจะเรียกว่าเมืองเอฟิซุสไปเลย แต่เค้าเก็บคำนี้ไว้ใช้กับอะไรที่เกี่ยวข้องกับอดีตสมัยโรมันโบราณมากกว่า ชื่อเซลจุกคือชื่อของชนเผ่าเติร์กกลุ่มแรกจากเอเชียกลางที่เข้ามารุกรานดินแดนแถบนี้ ไล่มาตั้งแต่เปอร์เซีย อาหรับ จนถึงดินแดนแห่งคาบสมุทรอนาโตเลียในศตวรรษที่ 12 ที่เห็นในรูปนี่น่าจะเป็นก๊อกน้ำสำหรับชาวมุสลิมไว้ทำความสะอาดร่างกายก่อนทำพิธีละหมาดในมัสยิด จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:29:55

ความคิดเห็นที่ 26 มัสยิดเก่าแก่ในเมืองเซลจุก หอมินาเร็ต (minaret) หรือหอเรียกละหมาด ด้านบนเป็นรังนกกระสาอีกเช่นกัน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:32:13

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นคุณลุงช่างขัดรองเท้าคนนี้แล้วรู้สึกทึ่ง เหลือขาข้างเดียว แต่มาประกอบอาชีพขัดรองเท้า ที่ขัดรองเท้าของเค้าเป็นเงาวับจับสีทอง เค้าก็เชิญชวนให้เราขัดรองเท้า แต่ว่ารองเท้าแต่ละคนนี่เป็นผ้าใบกันทั้งนั้น ไม่รู้จะอุดหนุนยังไง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:35:46

ความคิดเห็นที่ 28 ตามไปด้วยค่ะ ชอบเที่ยวแบบนี้มาก จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:39:06

ความคิดเห็นที่ 29 ในอดีต เอฟิซุสมีความสำคัญตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ เป็นที่ตั้งของวิหารอาร์เตมิส ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่เทพีอาร์เตมิส (Artemis) หรือที่โรมันเรียกว่าเทพีไดอานา (Diana) ซึ่งเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ เป็นฝาแฝดกับเทพอพอลโลที่เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ สร้างด้วยหินอ่อน มีขนาดใหญ่โต ประกอบด้วยเสาถึง 127 ต้น ใหญ่กว่าวิหารพาร์เทนอนในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซเสียอีก จึงได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคนั้น ในปี 356 ก่อนคริสตศักราช ได้ถูกลอบวางเพลิงเผา เหตุผลคือผู้ที่วางเพลิงต้องการให้ชื่อเสียงของตนถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ เขาผู้นั้นชื่อ Herostratus งั้นก็คงประสบความสำเร็จ เพราะถูกสาปแช่งต่อไปเป็นพัน ๆ ปี ภาพจำลองวิหารอาร์เตมิสเมื่อครั้งยังรุ่งเรือง (ภาพจากเน็ต) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:39:25

ความคิดเห็นที่ 30 หลังจากวิหารอาร์เตมิสถูกทำลายลง ก็มีความพยายามสร้างขึ้นใหม่ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งผ่านมาทางนี้ก่อนกรีฑาทัพไปตะลุยถึงเอเชียกลาง อาสาจะช่วยสร้างขึ้นใหม่ แต่ขอให้จารึกชื่อของพระองค์ไว้ที่วิหารแห่งนี้ แต่ชาวเมืองหาอุบายปฎิเสธข้อเสนอนี้โดยให้เหตุผลว่า เทพเจ้าองค์หนึ่งไม่ควรถวายของแด่เทพเจ้าอีกองค์หนึ่ง พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชจึงปลื้มใจที่ชาวเมืองยกย่องพระองค์เสมอเทพเจ้าอีกองค์หนึ่ง จึงปล่อยให้ชาวเมืองจัดการกันเอง แต่สุดท้ายวิหารแห่งนี้ก็ถูกทำลายลงอีกครั้งโดยพวกอนารยชน เมื่อศาสนาคริสต์เข้ามามีอิทธิพล ก็ละทิ้งการเคารพบูชาเทพเจ้าดั้งเดิมของพวกโรมัน ตั้งแต่นั้นวิหารแห่งนี้และเมืองเอฟิซุสก็หมดความสำคัญลง ปัจจุบันเหลือแต่เพียงเสาโบราณอยู่เพียงเสาเดียวอย่างที่เห็นในรูป จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:40:43

ความคิดเห็นที่ 31 Kebub  น่ากินดีครับ.... เดินตามหลังชมเมืองกันต่อ.... จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:41:34

ความคิดเห็นที่ 32 รู้สึกย้อนยุคดีจังคะ ติดตามชมอยู่นะคร๊า จากคุณ : มารร้ายวัวน้อย เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:44:58

ความคิดเห็นที่ 33 ตอนนี้จะขอ fast forward ไปไฮไลต์ของทริปกันก่อนที่เมืองโบราณเอฟิซุส แล้วค่อยย้อนกลับมาเก็บรายละเอียดในวันแรกนะครับ เหตุผลที่เราไม่ได้ไปตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันแรกจะเป็นที่ประจักษ์ในอีกไม่ช้าครับ เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ให้อาลีเจ้าของร้าน Kebab House พาเราไปส่งที่เอฟิซุส เค้าขับรถมาส่งทางด้านเหนือ แล้วเราก็เดินตามทางไปเรื่อย ๆ จนออกที่ทางออกทางทิศใต้ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วก็นัดเวลามารับกลับที่อีกประตูด้านใต้ เค้าขับรถมาส่งประมาณ 4-5 กิโลเมตรน่าจะได้  ด้วยความเกรงใจ เราเลยสั่งอาหารเที่ยงที่ร้านเค้าไว้ล่วงหน้าเพื่อว่ากลับมาก็ทานได้ทันที ประหยัดเวลาเพราะเดี๋ยวเราต้องเดินทางกันต่อ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:45:27

ความคิดเห็นที่ 34 เมืองเอฟิซุสมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ แต่ซากเมืองที่เห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นยุคโรมัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้า การคมนาคม ตั้งอยู่ริมทะเล จนได้รับการกำหนดให้เป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน โรงละครขนาดเล็กแห่งนี้เรียกว่า Odeon บรรจุคนได้ประมาณ 1400 คน ใช้สำหรับเป็นที่ประชุมสภาประจำเมืองและจัดแสดงคอนเสิร์ต ยังมีโรงละครขนาดใหญ่อยู่ปลายอีกด้านหนึ่งของเอฟิซุส จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:47:57

ความคิดเห็นที่ 35 ในอดีตเมืองเอฟิซุสเป็นเมืองท่าที่สำคัญ มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วงที่เยอะที่สุดมีประชากรถึงสามแสนคน ถนน Royal Walk มีความยาว 165 เมตร สองข้างประกอบด้วยเสาแบบ Ionic 67 ต้น เดิมมีหลังคาคลุม แต่ผุพังไปหมดแล้วจากแรงโน้มถ่วงโลก จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:48:47

ความคิดเห็นที่ 36 แท่งหินอ่อนนี้เหมือนเป็นรูปงูพันคบเพลิง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพเมอร์คิวรี แต่ไม่แน่ใจนะครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:51:18

ความคิดเห็นที่ 37 กลุ่มอาคารในรูปชื่อ The monument of Memmius แต่ละอาคารก็มีหน้าที่ มีเรื่องราว เล่าไปสามวันก็ไม่จบ แต่ที่ผมชอบอย่างหนึ่งคือเค้าทำหนังสือเล่าเรื่องเมืองเอฟิซุสพร้อมภาพสีเต็มหน้า และเค้าจะสอดแผ่นพลาสติกใสที่เมื่อวางทาบลงมาบนภาพซากในปัจจุบัน จะแสดงถึงอาคารดั้งเดิมในสภาพสมบูรณ์ ทำให้เห็นภาพทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพิ่มคุณค่าการรับชม  เมืองไทยผมเคยเห็นปฏิทินของ ททท. เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วที่ทำแบบเดียวกัน แต่เป็นรูปวัดในอยุธยา ผมยังเก็บเอาไว้อยู่ที่ไหนซักที่ในบ้าน น่าจะทำขายเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:56:32

ความคิดเห็นที่ 38 วิหารของจักรพรรดิโดมิเชียน (The temple of Domitian) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:57:52

ความคิดเห็นที่ 39 เหลือแต่เสาชายหญิงฝั่งละข้าง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:59:05

ความคิดเห็นที่ 40 A winged Nike เทพีแห่งชัยชนะ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:00:02

ความคิดเห็นที่ 41 จากจุดนี้ จะผ่านประตูเฮอร์คิวลิส (Hercules's Gate) ไปยังถนนเส้นสำคัญชื่อว่าถนนคิวเรทิส (Curetes Way) ที่ผ่านอาคารสำคัญหลายแห่งในเอฟิซุส โดยเริ่มต้นจากประตูเฮอร์คิวลิสไปจนสุดที่ห้องสมุดของเซลซุส ที่เรียกว่าประตูเฮอร์คิวลิสเพราะมีรูปสลักของเฮอร์คิวลิสนุ่งห่มด้วยหนังสิงโต จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:02:01

ความคิดเห็นที่ 42 ขอคั่นรายการด้วยโปสการ์ดแสดงรายละเอียดเส้นทางการเดินและจุดสำคัญต่าง ๆ ในเอฟิซุส เพื่อความเข้าใจในการรับชม เราเดินจากขวาไปซ้ายของเส้นทางในรูป จะค่อย ๆ ลาดลงเขา จะได้ไม่เหนื่อยมาก ถึงจุดนี้เราเดินมาประมาณ 1 ใน 3 ของเส้นทาง ยังไม่เจอไฮไลต์สำคัญ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:07:11

ความคิดเห็นที่ 43 Trajan's Fountain น้ำพุของจักรพรรดิทราจัน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่จักรพรรดิทราจัน ซึ่งเป็นจักรพรรดิโรมันในยุคที่อาณาจักรรุ่งเรืองสงบสุข ด้านหน้าประดับประดาด้วยรูปปั้นของเทพและเทพีโรมัน ปัจจุบันรูปปั้นเหล่านี้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เอฟิซุส เดี๋ยวเราจะได้ชมกันในพิพิธภัณฑ์ครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:09:10

ความคิดเห็นที่ 44 มาถึงอาคารสำคัญอีกแห่งคือวิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน (Temple of Hadrian) สร้างขึ้นถวายแด่จักรพรรดิเฮเดรียนซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งของโรมัน ความโดดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ด้านหน้าเป็นเสาโครินเธียน 4 ต้น คู่กลางรองรับโค้งครึ่งวงกลมที่เรียงอย่างสวยงาม รูปนี้รอจังหวะไม่มีคนเพียงชั่ววินาทีเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคนตรึม จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:11:02

ความคิดเห็นที่ 45 ตรงกลางเป็นรูปเทพีแห่งโชคชะตา (Tyche) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:12:03

ความคิดเห็นที่ 46 ภาพแกะสลักเป็นรูปนางเมดูซ่า หัวเป็นงู จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:13:16

ความคิดเห็นที่ 47 ส้วมสาธารณะ (Public Lavatory) อันนี้เกือบพลาดเพราะไม่ได้อยู่บนเส้นทางหลัก เดินไปจนจบแล้วเพิ่งนึกออกว่ายังไม่เห็น เลยวิ่งกลับมาหาใหม่ ปรากฏว่าแอบอยู่ด้านหลังนั่นเอง ที่นั่งรูปตัวยู เจาะเป็นช่อง ๆ ไว้ทำธุระส่วนตัว ทำธุระไปคุยกันไป คนโรมันสมัยก่อนจะใส่ชุดคลุมยาว ๆ เวลาจะทำธุระก็แค่ถลกชุดขึ้นมาก็เรียบร้อยแล้ว ไม่โป๊ จริง ๆ มีรูปนายแบบ (ผมเอง) กำลังสาธิตวิธีการใช้ส้วมแบบนี้ แต่ไม่เหมาะกับบอร์ดสาธารณะ เลยขอเซ็นเซอร์ อิอิ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:15:12

ความคิดเห็นที่ 48 ให้ดูส้วมโรมันแล้ว ขอคั่นรายการให้ดูส้วมปัจจุบันในตุรกีหน่อย ส้วมที่นี่จะมีก๊อกที่เหนมุมบนซ้ายในรูป เมื่อหมุนก๊อก น้ำจะไหลออกมาในตำแหน่งที่พอดีล้างก้น บ้านเรามีสายฉีดน้ำ บ้านเค้ามีท่อฉีดน้ำออกมาแบบนี้ เพิ่งเห็นที่ประเทศนี้ (ญี่ปุ่นบางที่ก็มีคล้าย ๆ กัน) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:17:05

ความคิดเห็นที่ 49 และแล้วเราก็มาถึงไฮไลต์สำคัญที่สุดจนเป็นสัญลักษณ์ของเอฟิซุส คือห้องสมุดของเซลซุส (Library of Celsus) สำหรับผมแล้วแค่รูปของห้องสมุดแห่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ตัดสินใจมาชมด้วยตาตัวเองถึงเมืองเอฟิซุส พอมาเห็นของจริงแล้วสวยและตื่นเต้นจนลืมหายใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าจริง ๆ ห้องสมุดแห่งนี้เป็นอาคารสองชั้น ด้านหน้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างยามเช้าสำหรับนักอ่านที่มากันแต่เช้า นี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงเลือกจะมาชมเอฟิซุสช่วงเช้าของวันถัดมา แทนที่จะไปตั้งแต่ของวันแรกที่มาถึง เพราะถ้ามาตอนบ่ายจะย้อนแสง ด้านหน้าห้องสมุดจะมืด ถ่ายรูปไม่สวย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:20:25

ความคิดเห็นที่ 50 ห้องสมุดนี้สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 114 โดย ท่านกงสุล ทิเบเรียส จูเลียส อกีลา (Julius Aquila) เพื่ออุทิศให้เป็นอนุสรณ์แด่พ่อของท่านซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของโรมันที่ปกครองแคว้นเอเชียไมเนอร์ ชื่อ เซลซัส โพเลเมียนุส (Celsus Polemeanus) หลุมฝังศพของท่านอยู่ใต้ห้องสมุดแห่งนี้ ภายในมีห้องอ่านหนังสือ และช่องเก็บม้วนหนังสือ (parchment scroll) ถึง 12,000 ม้วน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:21:35

ความคิดเห็นที่ 51 ด้านหน้ามีรูปปั้นของเทพี 4 องค์ด้วยกัน ได้แก่ Sophia (wisdom - ปัญญา), Arete (virtue - ความดี), Ennoia (thought - ความคิด), Episteme (knowledge) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:23:34

ความคิดเห็นที่ 52 ด้านข้างห้องสมุดเป็นประตูของออกุสตุส (Gate of Augustus) ที่เปิดไปสู่ตลาดประจำเมือง (Northern agora) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:25:01

ความคิดเห็นที่ 53 Northern Agora เป็นจุดศูนย์กลางการค้าของเมือง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:25:54

ความคิดเห็นที่ 54 ลายโมเสกที่ประดับพื้น จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:26:50

ความคิดเห็นที่ 55 เดินเลยมาอีกหน่อย เห็นคนมุงดูอะไรกัน ที่แท้เป็นรอยจารึกบนหินอ่อน มีรูปฝ่าเท้า หัวใจ และรูปสตรี พร้อมป้ายโฆษณา นักประวัติศาสตร์ยืนยันว่าเป็นโฆษณาหอนางโลมที่อยู่ไม่ไกลออกไป รูปหญิงสาวกับรูปหัวใจก็พอเข้าใจได้ว่าหมายถึงอะไร ส่วนรูปฝ่าเท้านี่บอกว่าให้เดินไปตามทิศของรอยเท้าจนสุดก็จะเจอ ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอห้องสมุด ในสมัยก่อนบริเวณหน้าห้องสมุดจะเป็นที่พบปะของผู้คน ก็เลยใช้เป็นที่พบปะขายบริการโดยปริยาย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:30:19

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ ^^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:31:46

ความคิดเห็นที่ 57 สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอฟิซุสคือโรงละคร (Great Theatre) ซึ่งสร้างโดยสกัดเข้าไปในไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง สามารถบรรจุคนได้ถึง 25,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:32:12

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพสวยมากค่ะ แหมๆ อยากกลับไปเที่ยวตุรกีอีกรอบจริง ๆ จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:33:45

ความคิดเห็นที่ 59 โรงละครแห่งนี้เดิมสร้างตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ แต่พวกโรมันมาปรับปรุงซ่อมแซมให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น พวกกรีกเป็นนักคิด นักปรัชญา มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อย่างดี แต่พวกโรมันเป็นวิศวกรชั้นเลิศ พวกกรีกคิด แต่โรมันทำ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:34:44

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะครับ ขออนุญาตตอบรวบยอดเมื่อโพสต์เสร็จหรือไม่ก็ขอยกยอดไปตอบพรุ่งนี้เลย ไม่งั้นไม่ได้นอนแน่ ๆ ในอดีตเมืองเอฟิซุสเป็นเมืองท่าอยู่ติดทะเลอีเจียน เป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายและคมนาคม จากโรงละครจะเห็นถนนต่อออกไปจนสุดแผ่นดินกลายเป็นทะเล ต่อมาทะเลเกิดการตื้นเขินขึ้นจากแม่น้ำที่พัดพาตะกอนมาทับถมที่ปากแม่น้ำ จึงทำให้เมืองเอฟิซุสหมดความสำคัญลงไป ปัจจุบันเอฟิซุสอยู่ห่างจากชายทะเลถึง 5 กิโลเมตร จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:36:24

ความคิดเห็นที่ 61 หลังจากโรงละครก็เป็นทางออกแล้ว อาลีเจ้าของร้าน Kebab House ก็มารอตามนัด แถมบอกว่ารีบไปกัน อาหารกำลังเตรียมจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวอาหารเย็นจะไม่อร่อย สรุปเราทานอาหารร้านนี้สองมื้อ ถุกและอร่อย ไม่ผิดหวังจริง ๆ เสร็จแล้วก็แวะช้อปปิ้งอุดหนุนเขาหน่อย เขาเปิดร้านขายของที่ระลึกอยู่ติดกัน ตอนลูกค้าร้านอาหารยุ่ง ๆ เค้าก็ปล่อยร้านของที่ระลึกไว้อย่างนั้น ไม่ต้องเฝ้า ไม่มีใครขโมย ตอนขับรถไปส่งเรา ก็เปิดร้านไว้ไม่มีคนดู นอกจากว่าถ้ามีลูกค้าจะซื้อของก็จะมาเรียกเอง หน้าร้านมีลูกค้าเขียนภาษาต่าง ๆ เชิญชวนนักท่องเที่ยวรุ่นหลังให้แวะมาทานที่ร้านนี้ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:40:42

ความคิดเห็นที่ 62 อันนี้ป้ายของพวกเรา กระดาษยังใหม่อยู่เลย ใครไปอย่าลืมแวะไปทานที่นี่นะครับ ประทับใจทั้งบริการและราคามาก ๆ ใคร ๆ ก็บอกว่าคนตุรกีใจดีและเป็นมิตร เราเจอตั้งแต่วันแรกเลย ใครไปแล้วเห็นป้ายนี้อย่าลืมถ่ายรูปมาให้ชมด้วยนะครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:42:02

ความคิดเห็นที่ 63 ขนมขึ้นชื่อของตุรกี Turkish delight ใส่กล่องสวยงาม แต่พวกเราเพิ่งมาถึงวันแรกเอง ไม่อยากแบกไปด้วยตลอดทริป เลยได้แต่แอบชิม ยังไม่ซื้อ ขอพักซักแป๊บ เดี๋ยวมาพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ต่อนะครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:44:03

ความคิดเห็นที่ 64 ไปมาเมื่อ2ปีก่อน ประทับใจประเทศนี้มาก เเขกขาวหล่อมากกกก ผู้หญิงก็หน้าสวยมาก จากคุณ : กท. เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:44:05 A:58.11.192.44 X: TicketID:327154

ความคิดเห็นที่ 65 น่าไปจังค่ะ  โบราณสถาน ศิลปะ น่าสนใจดีประเทศนี้ จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:53:30

ความคิดเห็นที่ 66 มาต่อแล้วครับ โพสต์ดึก ๆ เริ่มหิว เลยต้องไปเติมพลังซะหน่อย แล้วตบท้ายด้วยชาแอปเปิลเรียกบรรยากาศตุรกีกลับคืนมา หอมอร่อยชื่นใจจริง ๆ  ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจกันนะครับ หลังจากชมเมืองโบราณกันไปแล้ว จะพากลับมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์เอฟิซุส ซึ่งเราไปเที่ยวชมที่นี่กันตั้งแต่บ่ายวันแรก ที่นี่เป็นที่เก็บรวบรวมศิลปะวัตถุที่ค้นพบจากเอฟิซุส โดยเฉพาะรูปหินอ่อนแกะสลักที่ประดับศาสนสถานและอาคารต่าง ๆ ชิ้นนี้เป็นชิ้นที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุด คือพรีอาปุสหรือเบส (Priapus or Bes) เป็นรูปเทพเจ้าเพศชายขี่ banana boat ถือเป็นเทพผู้คุ้มครองการมีบุตร ความเป็นแม่ และการเลี้ยงดูทารก (เนื่องจากอาจจะมีเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี จึงขอย่อรูปเล็กที่สุด ครั้นจะไม่ให้ดูก็เดี๋ยวจะพลาดไฮไลต์สำคัญของพิพิธภัณฑ์ไป) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:05:15

ความคิดเห็นที่ 67 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:08:30

ความคิดเห็นที่ 68 ห้องนี้จัดแสดงรูปปั้นที่พบรอบบ่อน้ำพุสามแห่งในเอฟิซุส ของสำคัญหลายชิ้นในเอฟิซุสถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพราะประเทศออสเตรียส่งทีมนักโบราณคดีมาสำรวจก่อนที่จะมีการฟื้นฟูบูรณะ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:08:53

ความคิดเห็นที่ 69 รูปแกะสลักหินอ่อนนักรบในท่ากำลังเอนกายพักผ่อน เป็นรูปสลักที่สมบูรณ์มากที่สุดจนเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเอฟิซุส จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:11:57

ความคิดเห็นที่ 70 รูปสลักเทพเจ้าดิโอนิซุส (Dyonysus) ของกรีก โรมันเรียกแบคคัส (Bacchus) เป็นเทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่น จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:12:45

ความคิดเห็นที่ 71 เทพีวีนัส มีต้นกำเนิดจากเปลือกหอยในท้องทะเล ดูสวยเท่าที่พิพิธภัณฑ์ลูฟในปารีสไม่ได้ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:13:42

ความคิดเห็นที่ 72 ในพิพิธภัณฑ์มีห้องเล็ก ๆ จัดแสดงรูปสลักหินอ่อนของคิวปิด (Cupid) เทพเจ้าแห่งความรัก จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:16:22

ความคิดเห็นที่ 73 คิวปิดเป็นโอรสของวีนัส เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก คอยแผลงศรให้คนรักกัน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:17:02

ความคิดเห็นที่ 74 รูปนี้ดูออกแนวน่ากลัวเล็กน้อย จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:25:34

ความคิดเห็นที่ 75 อย่างที่ทราบแล้วว่าเมืองเอฟิซุสมีวิหารเทพีอาร์เตมิส ซึ่งถือเป็นเทพีผู้ปกป้องคุ้มครองเมือง ดังนั้นจะมีการสร้างรูปแกะสลักของอาร์เตมิสเต็มไปหมด รูปสลักเทพีอาร์เตมิสที่นี่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากที่พบในประเทศกรีซหรือที่อื่น ๆ คือรอบอกจะมีลูก ๆ ห้อยเต็มไปหมด จนมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่าแม่ลูกดก บางตำนานบอกว่าลูก ๆ ที่เห็นคืออัณฑะวัวที่เอามาแขวนเพื่อขอลูก แต่บางตำนานก็บอกว่าเป็นไข่เฉย ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:27:57

ความคิดเห็นที่ 76 จริง ๆ เทพีอาร์เตมิสเป็นเทพีพรหมจารี จึงน่าแปลกใจที่ทำไมถึงกลายเป็นเทพีแห่งการให้ลูกไปได้ จากการคาดเดาของผมเองคิดว่าเดิมแถบนี้มีเทพเจ้าท้องถิ่นก่อนที่พวกกรีก-โรมันเข้ามา ชื่อว่าเทพีไซเบเล (Cybele) เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เมื่อพวกกรีก-โรมันนำเทพเจ้าของตนเข้ามาในดินแดนแถบนี้ จึงผสมผสานกับเทพเจ้าท้องถิ่นเดิม กลายเป็นเทพีอาร์เตมิสผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง และการให้ลูก จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:30:37

ความคิดเห็นที่ 77 นี่เป็นอีกรูปสลักขนาดใหญ่ของเทพีอาร์เตมิส สูงประมาณสองเมตร อีกตำนานหนึ่งบอกว่าเทพีอาร์เตมิสเป็นแฝดผู้พี่ของเทพอพอลโล และช่วยแม่คลอดน้องชาย (เทวดานี่ทำอะไรก็ไม่แปลกเนอะ เกิดมาปุ๊บก็เสกได้เลย) เธอจึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพีผู้คุ้มครองหญิงมีครรภ์และการให้กำเนิดบุตร นี่อาจจะเป็นที่มาของการขอลูกก็ได้ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:31:40

ความคิดเห็นที่ 78 แบบจำลองวิหารอาร์เตมิส 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ปัจจุบันเหลือเสาต้นเดียว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:37:14

ความคิดเห็นที่ 79 พื้นโมเสกของบ้านยุคโรมัน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:38:15

ความคิดเห็นที่ 80 รูปสลักหินนูนสูง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:38:56

ความคิดเห็นที่ 81 ห้องสุดท้ายเป็นห้องแสดงชิ้นส่วนรูปปั้นของจักรพรรดิโรมัน รูปนี้เป็นพระเศียรและพระกรซ้ายของจักรพรรดิโดมิเชียน (Domitian Emperor) มีขนาดใหญ่มาก รูปปั้นที่สมบูรณ์ของจริงคงใหญ่มหึมาทีเดียว จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:40:58

ความคิดเห็นที่ 82 เข้ามาเก็บข้อมูลกับรูปสวย ๆ ครับ อลังการมากมาย จากคุณ : toytrip เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:41:30

ความคิดเห็นที่ 83 รูปปั้นจักรพรรดิ Augustus และพระมเหสี Livia อยู่ในสภาพปรักหักพังจากทำลายเมื่อศาสนาคริสต์เข้ามามีอิทธิพลในแถบนี้ นอกจากนั้นกลางหน้าผากรูปปั้นยังมีไม้กางเขนสลักอยู่ ซึ่งคงเป็นฝีมือของคนยุคหลัง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:41:53

ความคิดเห็นที่ 84 เดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เอฟิซุสเสร็จแล้ว หนังสือนำเที่ยวก็แนะนำจุดท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งคือโบสถ์พระแม่มารีซึ่งอยู่บนเขา ห่างออกไปจากตัวเมืองเซลจุกประมาณ 8 กิโลเมตร ไม่มีรถเมล์ผ่าน คนจะไปต้องเหมารถแท็กซี่ แต่พวกเราเหมารถให้อาลี (เจ้าของร้าน Kebab House) ขับไปส่ง เที่ยวนี้เค้าขอคิดเงินเป็นค่าน้ำมันรถ แต่ก็ยังถูกกว่าแท็กซี่ ฝูงแกะระหว่างทาง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:44:58

ความคิดเห็นที่ 85 จากเรื่องราวในพระคัมภีร์ไปเบิ้ล ก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงไม้กางเขน พระองค์ได้ฝากฝังให้เซนต์จอห์น 1 ใน 12 อัครสาวกที่ใกล้ขิดพระเยซูที่สุดให้ช่วยดูแลมารดาแทนพระองค์ ในช่วงบั้นปลายชีวิต เซนต์จอห์นได้พาพระแม่มารีมาอาศัยอยู่บนเขาใกล้เมืองเอฟิซุส รูปปั้นพระแม่มารีระหว่างทางขึ้นเขา จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:46:14

ความคิดเห็นที่ 86 ถึงแล้วครับ นี่คือที่ที่พระแม่มารีอาศัยอยู่จนสิ้นพระชนม์ ข้างในสงบร่มรื่น จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:47:22

ความคิดเห็นที่ 87 ชาวอิสลามเองก็นับถือพระแม่มารีเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน แผ่นป้ายที่แสดงข้อความเหล่านี้แสดงว่าหลายตอนในพระคัมภีร์อัลกุรอานของอิสลามก็พูดถึงพระแม่มารีเช่นเดียวกัน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:48:03

ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อมาถึงต้องเสียค่าเข้า 12.5 ลีร่าต่อคน แต่ทางโบสถ์บอกว่าเงินนี้ไม่ได้เข้าโบสถ์ แต่เข้ารัฐบาลเพื่อเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทำนุบำรุงดูแลถนน  ด้านบนมีวิหารเล็ก ๆ หลังเดียว เป็นที่แสวงบุญของชาวคริสต์นิกายแคทอลิก สำหรับชาวแคทอลิกการได้มาสักการะที่นี่ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ส่วนตัวผมที่ไม่ใช่แคทอลิกรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มกับค่าเช่ารถและค่าผ่านทางเท่าไหร่ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:52:59