เราท้อแล้ว เรื่องที่จะถ่ายรูปกับป้าย คนรอต่อคิวกันหลายสิบ แต่ละคนพลัดกันคนละหลายท่า เราเลยตกลงกันว่า ขากลับแล้วกัน ผมคิดว่าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จะอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ซะอีก แต่ไม่ใช่ ต้องเดินต่ออีก 4 กม. เวรแท้ ๆ ผมนั่งทุบขาตัวเอง ทั้งที่มันไม่ได้มีความผิดอะไร และดูปฏิกิริยาของผู้คนที่เพิ่งจะขึ้นมาถึง บางคนดูผ่อนคลายลง บางคนดีใจเหมือนเพิ่งออกจากคุก แดดเริ่มร้อน เราอยากจะถึงที่พักเร็ว ๆ เราจึงนั่งพักได้ไม่นาน เดินทางต่อกันเลย ผู้คนทยอยเดินไปตามทาง ไปเป็นแถวราวเขมรอพยพ ทางเดินราบเรียบพวกนี้แตกต่างกับ ทางที่เราขึ้นมาเมื่อกี้ราวฟ้ากับเหว 2 ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าต้นสูงเท่าเอว มีต้นไม้ใหญ่ไม่มาก แดดยามบ่ายเริ่มแผดเผา แต่ก็ไม่ร้อนมาก คงเป็นด้วยสายลมเย็นที่พัดอยู่ตลอด เหมือนคอย เอาใจว่า อย่าเพิ่งท้อนะ
จุดนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่า เดิน เดิน เดิน อาการปวดขาทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด เราเริ่มคุย กันเรื่องแผนช่วงบ่าย สรุปแล้ว ทุกคนมีข้อมูลเท่ากันในหัว นั่นคือ ไม่มีอะไรเลย เราเดินผ่านป้าย " ทางช้างผ่าน " " เฮ้ย บนนี้มีช้างด้วยเหรอว่ะ " " ป้ายนี่ เค้าบอกเรารึบอกช้างว่ะ " " น่าจะบอกช้างน่ะ " " ช้างที่นี่เก่งเนอะ อ่านออกด้วย ... " ... ......... ............... เฮ้อ ! แป้ก อีกสักมุขแล้วกัน " มีทางช้างผ่าน แล้วมีทางช้างเผือกรึเปล่าว่ะ " " ภาวนาอย่าให้มีทางช้างเผือกเลย กูกลัวผีโกโบริ " ... ....... .............. เอ่อ... คิดซะว่า 2 มุขเมื่อกี้ไม่ได้เล่นก็แล้วกันนะ
จากคุณ |
:
ไข่กบ
|
เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ย. 54 12:50:19
|
|
|
|