ความคิดเห็นที่ 1 รวมลิ้งค์ รีวิวทริป EAST EUROPE PRAGUE ที่ฉันได้ไปสัมผัส http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11543378/E11543378.html BUDAPEST มีแต่คนบอกว่าสวย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11554892/E11554892.html HALLSTATT ทำหัวใจหล่นไว้กับเธอ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11567955/E11567955.html CESKY KRUMLOV รักแรกพบ ไข่มุกเม็ดงามแห่งโบฮีเมีย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11583528/E11583528.html VIENNA เวียนนา เมืองแห่งศิลปะและดนตรี http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11592318/E11592318.html สถานที่แรกในกรุงเวียนนาที่อยากจะชวนเพื่อนๆไปชมคือพระราชวังที่อยู่ติดกับโรงแรมที่พักเลยครับ เดินเพียงไม่ถึงห้าที พระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere Palace) ครับ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 09:24:19 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:39:47

ความคิดเห็นที่ 2 พระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere Palace)  สร้างขึ้นตามศิลปะบาร็อกในปี ค.ศ. 1715-1723  เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) ผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์ฮับส์บวร์ก ที่ทำสงครามจนได้รับชัยชนะต่อพวกเติร์กที่เข้ามารุกราน เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:56:06 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:40:21

ความคิดเห็นที่ 3 พระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere Palace) ประกอบไปด้วยปราสาทสองส่วนและสวนแสนสวยระหว่างปราสาท คือ ปราสาทเบลเวเดียร์บน (Upper Belvedere) และ ปราสาทเบลเวเดียร์ล่าง (Lower Belvedere) เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:56:28 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:40:47

ความคิดเห็นที่ 4 ปราสาทเบลเวเดียร์ล่าง เคยเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของเจ้าชายยูจีน ส่วนปราสาทเบลเวเดียร์บน ที่หรูหราสง่างามกว่าใช้เป็นที่รับรองแขกจัดงานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์ เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:56:58 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:41:14

ความคิดเห็นที่ 5 ปัจจุบัน ปราสาทเบลเวเดียร์บนเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ภาพเขียน ออสเตรียนแกลเลอรี (Osterreichische Galerie หรือ Austrian Gallery)  ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  จัดแสดงผลงานภาพเขียนของศิลปินดัง ๆ หลายท่านรวมทั้งศิลปินชาวออสเตรียน กุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) ภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นภาพวาดแบบอาร์ตนูโวที่ชื่อว่า The Kiss เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:57:32 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:41:37

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนปราสาทเบลเวเดียร์ล่างใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะออสเตรียตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบัน ภาพทั้งหมดที่นำมาโพสให้ชมเป็นส่วนของปราสาทเบลเวเดียร์บนอย่างเดียวครับ ส่วนเบลเวเดียร์ล่างผมไม่มีโอกาสเดินไปชมครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:42:04

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพปราสาทเบลเวเดียร์บนสะท้อนลงบนผิวน้ำส่งให้ปราสาทดูเด่นขึ้นอย่างมากมาย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:42:23

ความคิดเห็นที่ 8 ประตูทางเข้าเปิดแต่เช้า นักทองเที่ยวสามารถเดินเข้ามาถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตู จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:42:47

ความคิดเห็นที่ 9 10 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:43:05

ความคิดเห็นที่ 10 11 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:43:22

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัวแล้วผมชอบปราสาทนี้ เพราะดูสง่างามไม่แพ้พระราชวังพระราชวังเชินบรุนน์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:44:04

ความคิดเห็นที่ 12 13 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:44:24

ความคิดเห็นที่ 13 15 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:44:42

ความคิดเห็นที่ 14 ใกล้ๆกับโรงแรมที่พักยังมีโบสถ์เก่าแก่อีกโบสถ์หนึ่งที่ผมตั้งใจไปชมครับ นั่นคือโบสถ์เซนต์ชาลส์ (St.Charles Cathedral) หรือ "คาร์ล เคียร์เชอะ" (Karlskirche) โบสถ์เซนต์ชาลส์ (คาร์ล เคียร์เชอะ) สร้างขึ้นอย่างงดงามด้วยศิลปะแบบบาร็อกในยุคที่พัฒนาถึงขีดสุด ที่มาที่ไปของการสร้างโบสถ์แห่งนี้คือ ในราวปี ค.ศ.1713 ได้เกิดโรคระบาดใหญ่ลุกลามไปทั่วยุโรป ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก  พระเจ้าคาร์ลที่ 6 ได้ทรงอธิษฐานว่าหากโรคระบาดสงบลง จะสร้างโบสถ์ขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญเซนต์ชาลส์ บอร์โรมีโอ (St.Charles Borromeo) นักบุญแคทอลิกพระนามเดียวกับพระองค์ เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:53:47 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:45:03

ความคิดเห็นที่ 15 โบสถ์เซนต์ชาลส์ ถือเป็นโบสถ์บาร็อกที่ใหญ่ที่สุดทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ โดยผสมผสานสถาปัตยกรรมบาร็อกเข้ากันกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน  เพื่อเสริมพระเกียรติจักรพรรดิออสเตรียว่าทรงพระบารมีเสมือนจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:54:14 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:45:21

ความคิดเห็นที่ 16 มุขด้านหน้ามีต้นแบบมาจากอาคารแพนทีออน (Pantheon) ของโรมันโบราณในกรุงโรม  ข้างหน้าโบสถ์มีเสาสูง 33 เมตรสองต้น จำลองแบบมาจากเสาทราจัน (Trajan Column) ในกรุงโรมเช่นเดียวกัน โดยแกะสลักป็นเรื่องราวของเซนต์ชาลส์ ผู้ที่ช่วยรักษาผู้ป่วยจากโรคระบาดในอิตาลีจนได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญ เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 07:54:35 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:45:39

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพโบสถ์ในบรรยากาสเปิดไฟตอนกลางคืนตัวโบสถ์สะท้อนลงบนผิวน้ำที่สระด้านหน้าจะดูสวยกว่าตอนกลางวัน ถ้ามาเก็บภาพตอนกลางวันอาจจะผิดหวังเพราะน้ำในสระสกปรกมากมีแต่เศษขยะลอยเต็มไปหมด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:46:03

ความคิดเห็นที่ 18 โบสถ์เซนต์ชาลส์ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ นักท่องเที่ยวที่จะมาชมโบสถ์นี้ถ้าจะมาเก็บภาพตอนกลางคืนควรต้องเพิ่มความระวังอย่างมากเพราะที่สวนนี้เป็นแหล่งรวมของพวกติดยา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:46:23

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพบรรยากาสตอนกลางวันครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:46:42

ความคิดเห็นที่ 20 ชมโบสถ์เซนต์ชาลส์ แล้วพวกเรานั่งรถใต้ดินสายสีเขียว U-4 เพื่อไปชมพระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) กันครับ ภาพพระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) อนุสรณ์สถานทางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งประเทศออสเตรีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:47:17

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อออกมาจากรถไฟใต้ดิน ให้เดินตามผู้คนแบบไม่ต้องกลัวหลง เพราะเกือบทั้งหมดกำลังเดินไปพระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace) ด้านนอกประตูทางเข้าพระราชวังเป็นลานหินกว้างดูโล่ง มีเสาคู่ที่ด้านบนส่วนยอดมีนกอินทรีย์ซึงเป็นสัญญาลักษณ์องราชวงศ์ฮับส์บวร์ก สิ่งก่อสร้างดูเรียบๆแบบธรรมดา แต่ผู้คนมหาศาล จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:47:38

ความคิดเห็นที่ 22 เดินเข้ามาภายในจะพบกับลานกว้างที่เบื้องหน้าคือตัวพระราชวัง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:47:58

ความคิดเห็นที่ 23 พอดีวันที่ไปมีการออกร้านขายของเพราะใกล้ถึงเทศกาลอีสเตอร์ (Easter) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:48:18

ความคิดเห็นที่ 24 ผมจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งไปเมื่อได้มีโอกาสไปชมโบสถ์ ปราสาท รวมทั้งพระราชวัง เพราะสถานที่ต่างๆเหล่านี้ต่างก็มีมนต์ขลังของความสูงส่งในแบบที่เจ้าของพยายามสะท้อนออกมาผ่านสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนบอกถึงอำนาจของเมืองหรือผู้ปกครองในช่วงระยะเวลานั้นๆ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:48:35

ความคิดเห็นที่ 25 พระราชวังเชินน์บรุนน์ (Schonbrunn Palace) ก็เป็นหนึ่งในพระราชวังของยุโรป ถือว่าเป็น THE MUST ที่ต้องไปเยือน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:48:56

ความคิดเห็นที่ 26 Schonbrunn Palace เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:49:13

ความคิดเห็นที่ 27 ในอดีตพระราชวังเชินบรุนน์เคยเป็นที่ประทับฤดูร้อนของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง ค.ศ. 1918  ตัวอาคารพระราชวังหลวงแห่งเชินบรุนน์ บริเวณโดยรอบ และอาคารใกล้เคียง คือ อนุสรณ์สถานทางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งสำคัญของยุคบาร็อก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:49:29

ความคิดเห็นที่ 28 เชินบรุนน์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1996 เป็นพระราชวังที่มีต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส ประกอบด้วยตัวปราสาท อุทยาน และสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:49:52

ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อผ่านประตูทางเข้าไปในส่วนพระราชอุทยานด้านหลัง จะเห็นสวนกว้างใหญ่โตสุดลูกหูลูกตา สวนส่วนใหญ่เป็นแบบเรียบง่าย เต็มไปด้วยพันธ์ไม้ดอกต่างๆ เสียดายที่เดือนเมษายนยังไม่ถึงฤดูดอกไม้บาน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:50:10

ความคิดเห็นที่ 30 นอกจากสวนสวยที่กว้างใหญ่แล้ว ยังมีน้ำพุ ซากอาคารโรมันจำลอง รูปปั้นหินแกะสลัก ทางด้านขวามือคือสวนสัตว์เวียนนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:50:31

ความคิดเห็นที่ 31 น้ำพุเทพเนปจูนแบบโรมัน ส่วนหลังสุดบนเนินคือโกลเรียตต์ (Gloriette) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:50:49

ความคิดเห็นที่ 32 33-1 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:51:05

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนสำคัญที่สุดของอุทยานคืออาคารด้านหลังสุด ชื่อว่าโกลเรียตต์ (Gloriette) ตั้งอยู่บนยอดเนินที่สามารถมองได้รอบทิศ ตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มโค้ง 11 ซุ้ม รองรับด้วยเสาดอริกแบบกรีก  ยอดบนสุดของอาคารสร้างเป็นรูปนกอินทรีเหยียบลูกโลก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:51:22

ความคิดเห็นที่ 34 35 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:51:38

ความคิดเห็นที่ 35 หลังจากชมพระราชวัง แนะนำให้ออกแรงเดินขึ้นเนินโกลเรียตต์ (Gloriette) ซึ่งเป็นเนินอยู่ในสวนสวยด้านหลังปราสาทเพื่อขึ้นไปชมวิวจามุมสูง ถ้าใครไม่อยากเดินก็มีรถให้บริการรับส่งถึงบนเนิน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:51:59

ความคิดเห็นที่ 36 โกลเรียตต์ (Gloriette) ที่อยู่เหนือพระราชวังมีลานกว้างมองเห็นทิวทัศน์เมืองเวียนนาเยี่ยง "จักรพรรดิ" ได้ทุกทิศทาง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:52:24

ความคิดเห็นที่ 37 39 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:52:39

ความคิดเห็นที่ 38 จาก โกลเรียตต์ (Gloriette) มองกลับมาจะเห็นปราสาทเชินบรุนน์และกรุงเวียนนาอยู่เบื้องหน้า จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:53:00

ความคิดเห็นที่ 39 การเที่ยวชมพระราชวังและห้องสำคัญต่างๆภายใน จะช่วยให้มองเห็นภาพวิถีชีวิตของผู้ปกครองยุคบาร็อกได้เป็นอย่างดี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:53:16

ความคิดเห็นที่ 40 ตัวปราสาทประกอบด้วยห้องทั้งหมด 1,441 ห้อง แต่เปิดให้คนทั่วไปชมเพียง 40 ห้อง พระนางมาเรีย เทเรซา โปรดให้ปรับเปลี่ยนพระราชวังหลังเดิมให้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บวร์กในศิลปะแบบรอคโคโค (Rococo) อย่างหรูหราวิจิตรพิสดาร จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:53:36

ความคิดเห็นที่ 41 ที่ส่วนบนสุดของหลังคาพระราชวังเชินน์บรุนน์ จะเห็นสัญญาลักษณ์ประจำราชวงศ์ฮับส์บูร์กคือรูปนกอินทรีย์ รูปนี้จะเห็นนกอินทรีย์มีสองหัว เนื่องจากขณะนั้นราชวงศ์ฮับส์บวร์กเจริญสุดขีดได้ปกครองทั้งออสเตรียและฮังการี่ นกอินทรีย์สองหัวจึงหมายถึงว่าทั้งออสเตรียและฮังการี่เป็นพี่น้องกัน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:53:57

ความคิดเห็นที่ 42 การเข้าชมพระราชวังเชินน์บรุนน์ด้านในถือว่าเป็น ไฮไล้ท์ ที่ไม่ควรพลาด บัตรเข้าชมมีให้เลือกหลายราคา ทั้งนี้ควรเลือกซื้อบัตรเข้าชมแบบชมห้อได้ครบเต็มที่ในจำนวนสี่สิบห้อง ไม่ใช่แค่ยี่สิบสองห้อง เพราะตั๋วแบบชมเพียงยี่สิบสองห้องเป็นแค่การชมแบบฉาบฉวย ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าพระราชวังแแห่งนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด และไม่ได้เผยความลับให้คุณเห็นชีวิตส่วนตัวของจักรพรรดิแห่งยุโรปแต่อย่างใด เพราะต่อจากห้องที่ยี่สิบสอง มันคือห้องส่วนตัวของเจ้าผู้สูงส่งในขณะนั้น เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายประมาณหนึ่งพันบาท จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:54:22

ความคิดเห็นที่ 43 การเข้าชมภายในมีที่ฟัง ( Audio Guide ) ให้เลือกภาษา และห้ามบรรทึกภาพ(เดาว่าคงกลัวแสงแฟลชไปทำให้เกิดความเสียหายกับภาพเขียน) แต่ก็ไม่ได้ห้ามนำกล้องเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าอยู่ตามจุดก็ไม่ได้เข้มงวดมากนัก เห็นนักท่องเที่ยวยกกล้องถ่ายภาพกันประปราย เลยแอบกดมาบ้างสี่ห้ารูป จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:54:38

ความคิดเห็นที่ 44 ประวัติขององค์จักรพรรดิพระองค์หนึ่งที่สำคัญของราชวงศ์ฮับส์บวร์กในศตวรรษที่ 19  พระเจ้าฟรานซ์โจเซฟ (Franz Josef) ประสูติที่พระราชวังแห่งนี้และทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ประทับอยู่ที่พระราชวังจนสวรรคต  ภายในจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวของพระองค์และพระมเหสีอลิซาเบธ  พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 18 พรรษา และครองราชย์ยาวนานถึง 68 ปี (ค.ศ. 1848-1916) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:54:58

ความคิดเห็นที่ 45 โอ้...............สวยมากๆเลยครับ บรรยากาศสุดยอดเลย จากคุณ : ลุงแบกเป้ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:55:02

ความคิดเห็นที่ 46 พระโอรสของพระองค์คือ อาร์กดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินันต์ และพระชายา ถูกลอบปลงพระชนม์ที่เมืองซาราเจโว (Sarajevo)  จึงทรงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย  ชาติต่าง ๆ เข้าร่วมถือหางแต่ละฝ่ายจนลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 และนั่นคืออวสานของราชวงศ์ฮับส์บวร์กที่ปกครองประเทศมายาวนานกว่า 600 ปี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:55:36

ความคิดเห็นที่ 47 พระนางอลิซาเบธ พระมเหสีของพระเจ้าฟรานซ์โจเซฟ ทรงมีชื่อเล่นว่า "ซิซี" (Sisi)  พระองค์มีพระสิริโฉมเป็นเลิศ  เป็นผู้นำของความงามในยุคนั้น  พระองค์ไม่เสวยพระกระยาหารเย็นเพื่อรักษารอบเอวไว้ที่ 20 นิ้ว  ทรงไม่เสวยเนื้อสัตว์ แต่ใช้วิธีคั้นน้ำจากเนื้อสัตว์เพื่อดื่มแทน  ทรงอภิเษกสมรสตั้งแต่พระชนมายุเพียง 16 พรรษา   พระองค์ไม่โปรดชีวิตที่เต็มไปด้วยระเบียบที่เคร่งครัดในวัง  จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการท่องเที่ยวไปทั่วจนชื่อเสียงเรื่องความงามของ พระองค์ขจรขจายไปทั่ว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:56:18

ความคิดเห็นที่ 48 บัตรราคาประหยัดแบบถูกที่สุด คือแบบอิมพีเรียลทัวร์ (Imperial Tour) ให้ชมได้เพียงแค่ 22 ห้อง  ซึ่งแสดงส่วนที่พระเจ้าฟรานซ์โจเซฟและพระมเหสีอลิซาเบธเคยประทับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:56:43

ความคิดเห็นที่ 49 ส่วนบัตรที่ไกด์เตรียมไว้ให้พวกเราคือแบบคลาสสิคพาส (Classic Pass) ให้ชมได้ถึง 40 ห้อง  โดยเพิ่มส่วนที่พระนางมาเรีย เทเรซาเคยประทับ    บัตรแบบคลาสสิคพาส (Classic Pass) จ่ายแพงกว่าหน่อยแต่คุ้มค่าเพราะสามารถใช้เป็นค่าผ่านประตูชมสวนสวยได้อีกด้วย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:57:00

ความคิดเห็นที่ 50 ห้องนี้คือ The Great Gallery เป็นห้องสำหรับจัดงานเลี้ยงรับรอง ตกแต่งแบบร็อคโคโคอย่างวิจิตรบรรจง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:57:21

ความคิดเห็นที่ 51 52 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:57:38

ความคิดเห็นที่ 52 53 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:57:54

ความคิดเห็นที่ 53 54 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:58:14

ความคิดเห็นที่ 54 55 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:58:29

ความคิดเห็นที่ 55 56 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:58:46

ความคิดเห็นที่ 56 ไปแต่ละที่สวยๆทั้งนั้นเลยครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:58:56

ความคิดเห็นที่ 57 กลับเข้ามาชมเมืองเวียนนา (Vienna) กันครับ เมืองเก่าเวียนนา และบริเวณใกล้เคียง คือหนึ่งในบรรดาแหล่งประวัติศาสตร์ที่งดงามที่สุดในยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.2001 ตัวเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ประทับของจักรพรรดิฮับสบูร์ก สร้างตามแบบอย่างศิลปะ 3 ยุค ยุคกลาง ศิลปะแบบโกธิคได้แก่ โบสถ์ซังต์สตีเฟน สมัยบาร็อกที่มีการสืบทอดอย่างต่อเนื่อง ปรากฏในพระราชวังฮอฟบูร์กโดยเฉพาะยอดโดมที่สง่างาม สุดท้ายคือยุคริงซตราสเซ ปลายศตวรรษที่ 19 มีการก่อสร้างสถานที่สำคัญภายในเขตกำแพงเมือง เช่น โรงโอเปร่า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบสถ์ วัง สวนสาธารณะ   ออสเตรียเคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป เป็นที่ชุมนุมของนักคิด นักประพันธ์ ศิลปินในแขนงต่าง ๆ ซึ่งผลิตผลงานไว้มากมาย และทิ้งไว้เป็นมรดกแก่ชาวโลกจวบจนปัจจุบัน  ออสเตรียผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เคยเป็นจักรววรดิที่ยิ่งใหญ่กินเนื้อที่กว้างขวางในยุโรป ปกครองด้วยจักรพรรดิ เป็นประเทศที่จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 1 และถูกรวมชาติกับเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2  บ้านเรือนถูกทำลายเสียหายจากสงครามอย่างมาก เวียนนาจึงผสมผสานอาคารแบบเก่าจนถึงอาคารสมัยใหม่ที่มีความทันสมัย   ราชวงศ์ฮับส์บวร์ก (Habsburg Dynasty) ปกครองดินแดนแห่งนี้เป็นเวลาถึง 640 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 1278-1918 จวบจนสงครามโลกครั้งที่ 1  แต่หลังจากนั้นราชวงศ์ฮับส์บวร์กไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ในหนังสือประวัติศาสตร์โลก ไม่ค่อยมีเรื่องศึกสงคราม นอกจากเป็นผู้ค้ำชูศิลปะและดนตรี เราเริ่มที่เขตเมืองเก่ากันก่อน ศูนย์กลางของเขตเมืองเก่า คือสี่แยก Stephans Platz เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 08:00:32 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:59:28

ความคิดเห็นที่ 58 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์สตีเฟน (St.Stephen Cathedral) หรือในภาษาเยอรมันว่า ชเตฟานส์โดม (Stephansdom) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:00:00

ความคิดเห็นที่ 59 เป็นโบสถ์เก่าแก่สร้างในศิลปะโกธิกตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 13  ถือเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศออสเตรีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:00:20

ความคิดเห็นที่ 60 ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของโบสถ์นี้คือหอคอยทางทิศใต้ที่มีความสูงถึง 136.7 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 75 ปี และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1433   วิวจากยอดหอคอยแห่งนี้สามารถมองเห็นเวียนนาได้รอบด้าน  จริง ๆ แล้วควรจะมีหอคอยคู่กันทางทิศเหนือด้วย แต่หลังจากสร้างไประยะหนึ่ง ราชสำนักขาดแคลนเงินในการสร้างต่อ จึงทิ้งไว้ที่ความสูง 65 เมตรก่อน  พอเวลาผ่านไปศิลปะแบบโกธิกกลายเป็นสิ่งล้าสมัย  ก็เลยไม่ได้สร้างต่อจนเสร็จเหมือนทางหอคอยฝั่งใต้  แล้วจึงสร้างเป็นโดมครอบไว้แทน เครดิตข้อมูลจากคุณ Cherokee http://cherokee.exteen.com/20090609/entry แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 08:01:24 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:00:41

ความคิดเห็นที่ 61 ทางเข้าด้านหน้าถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของโบสถ์ มีหอคอย 8 เหลี่ยมขนาบประตูทางเข้าใหญ่ 2 ข้าง หลังคาตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากสี เป็นแพทเทิร์นซิกแซก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:01:00

ความคิดเห็นที่ 62 ผู้คนมากมายมาทำพิธีสวดมนต์กันในโบสถ์ในวันอาทิตย์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:01:18

ความคิดเห็นที่ 63 ภายในโบสถ์ตกแต่งได้ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:01:38

ความคิดเห็นที่ 64 65 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:01:54

ความคิดเห็นที่ 65 66 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:02:12

ความคิดเห็นที่ 66 67 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:02:31

ความคิดเห็นที่ 67 68 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:02:49

ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อยืนอยู่ที่สี่แยก Stephans Platz จะสามารถมองเห็นโบสถ์เซ้นต์ปีเตอร์ ( St. Peter ) แอบอยู่ในซอกตึก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:03:08

ความคิดเห็นที่ 69 โบสถ์นี้ตั้งอยู่บนทำเลไม่ดีเท่าไหร่ เพราะถูกขนาบข้างและล้อมรอบไปด้วยตึกสูง แต่เมื่อยามเปิดไฟทำให้ความงามของตัวโบสถ์โดดเด่นขึ้นมา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:03:27

ความคิดเห็นที่ 70 โบสถ์เซ้นต์ปีเตอร์ ( St. Peter ) เป็นโบสถ์สไตล์บาร็อกที่สวยงามโบสถ์หนึ่งในกรุงเวียนนา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:03:45

ความคิดเห็นที่ 71 จากสี่แยก Stephans Platz ถ้าเดินมาตามถนน Garben ก็จะพบกับอนุสาวรีย์เล็กๆตั้งอยู่กลางถนน Garben ชื่อว่า Plague Monument จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:04:04

ความคิดเห็นที่ 72 กษัติย์ Leopold I ทรงให้สร้าง Plague Monument เพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้า หลังจากที่พระองค์สวดมนต์อ้อนวอนขอพรต่อพระเจ้าเพื่อให้ช่วยปกป้องประชาชนที่ล้มตายเมื่อครั้งเกิดโรคระบาดในกรุงเวียนนาเมื่อปี คศ 1679 (ขอบคุณพี่ตุ้ม ชลลดา มากครับที่กรุณาให้ข้อูล) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:04:24

ความคิดเห็นที่ 73 ลักษณะของอนุสาวรีย์ Plague Monument เป็นต้นเสาที่ไม่สูงมากนัก ถูกประดับประดาด้วยบรรดาเหล่าเทวดาองค์เล็กๆและพระเจ้าอยู่บนนั้น จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:04:42

ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อกล่าวถึงเมืองเก่าเวียนนาคงหนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องร้านกาแฟที่มีชื่อเสียง นั่งจิบกาแฟพร้อมทานขนมเค็กแสนอร่อยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเวียนนา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:05:01

ความคิดเห็นที่ 75 มีร้านกาแฟชื่อดังเยอะแยะไปหมด แต่หนึ่งในนั้นที่อยากแนะนำคือ CAFE SACHER  บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างหรู จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:05:29

ความคิดเห็นที่ 76 พอดีวันอาทิตย์ในกรุงเวียนนามีการปิดถนนจัดวิ่งมาราธอนกันครับ ผู้คนเข้าร่วมวิ่งอย่างล้นหลาม จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:05:47

ความคิดเห็นที่ 77 รถบริการสาธารณะเช่น รถรางหยุดให้บริการบางสายเพราะต้องปิดถนน มีแต่รถไฟใต้ดินเท่านั้นที่ยังวิ่งบริการปกติ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:06:05

ความคิดเห็นที่ 78 มาให้กิ๊ฟ จ๊ะ ขอบคุณนะครับคุณคริส รูปสวยมากเลย บรรยากาศดีมาก จากคุณ : แม่จีน-ไทไท (GT2007) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:06:18

ความคิดเห็นที่ 79 บรรดากลองเชียร์ที่มาให้กำลังใจนักวิ่งก็ออกมาเล่นดนตรี เต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน สมกับเป็นเมืองแห่งศิลปะและดนตรีจริงๆ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:06:24

ความคิดเห็นที่ 80 รู้สึกอิจฉาคนที่อาศัยอยู่ในเวียนนามากๆ เพราะในตัวเมืองมีสวนสาธารณะอยู่เยอะมาก เดินไปทางไหนก็เจอแต่สีเขียว ดอกไม้ก็เบ่งบาน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:06:55

ความคิดเห็นที่ 81 Stadtpark คือสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงกลางกรุงเวียนนา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:07:12

ความคิดเห็นที่ 82 83 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:07:30

ความคิดเห็นที่ 83 ที่สวนนี้นอกจากจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงามแล้ว ยังมีรูปปั้นคีตะกวี ราชาเพลงวอลซ์ โยฮันน์ ชเตราสส์ จูเนียร์ (Johann Strauss, Jr.) สีทองเหลืองอร่าม ตั้งอยู่ในซุ้มอีกด้วย เราโชคไม่ดีที่ตอนนี้พื้นที่สวนด้านหน้า โยฮันน์ ชเตราสส์ ปิดซ่อม จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:07:53

ความคิดเห็นที่ 84 ดูเหมือนว่าดอกทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ถูกปลูกไว้ในสวนสาธารณะมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:08:14

ความคิดเห็นที่ 85 86 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:08:31

ความคิดเห็นที่ 86 88 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:08:45

ความคิดเห็นที่ 87 89 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:09:02