ความคิดเห็นที่ 1 เราบินออกจาก Lima ไป Cusco เมืองที่ใหญ่ที่สุดใน Sacred Valley ด้วยสายการบิน TACA Airlines ไฟลต์ 10 โมงเช้าฮ่ะ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่่วโมงหน่อยๆเท่านั้น มีสายการบินที่ให้บริการเส้นทางนี้ประมาณ 4 เจ้า ได้แก่ LAN, TACA, Peruvian Airline แล้วก็ Star Peru LAN จะแพงสุด ราคาที่เช็คตอนที่ไป ค่าตั๋วเที่ยวเดียวตั้ง $300 แหน่ะ O_o รองลงมาก็ TACA ประมาณ $200 ส่วน Peruvian Airline กับ Star Peru จะตกประมาณ $100 ค่ะ จากที่อ่านรีวิวในเว็บต่างๆ คนมักไม่แนะนำให้บิน Star Peru เพราะเป็นเครื่องบินใบพัดขนาดเล็ก ถ้าทัศนวิสัยในหุบเขาไม่ดี มีสิทธิ์ดีเลย์กระจาย จึงไม่เหมาะสำหรับท่านที่มีเวลาเที่ยวจำกัด ส่วนข้อดีของ LAN และ TACA คือเครื่องบินลำใหญ่ โดยเฉพาะ LAN ที่ไฟลต์ถี่มาก เรียกว่ายังไงก็ได้ไปแน่นอน แต่สองสายการบินนี้แอบมีสับขาหลอก เพราะในเว็บจะมีราคา Promo ที่ถูกพอๆกับ Peruvian Airline แต่ถ้าดูดีๆ จะพบว่าเป็นราคาพิเศษสำหรับพลเมืองเปรูเท่านั้น! แล้วที่สนามบินเค้าก็ตรวจพาสปอร์ตนะฮะ ถ้าชาวต่างชาติจองตั๋ว Promo ไป ก็ต้องเสียค่าปรับเป็น $100 อยู่ดี -*- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:10:19

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกเราเลือก Peruvian Airline ฮ่ะ เพราะดูแล้วก็ทางสายกลางสุด แต่อย่างที่เล่าไปแล้ว ว่าหลังจากเราซื้อตั๋วไปได้ 3 วัน สายการบินก็โดนสั่งห้ามบิน 3 เดือนพอดี กร๊ากกก (หัวเราะทั้งน้ำตา ) เราเลยต้องคลานเข่ามาซบอกพี่ TACA สายการบินแห่งชาติเอลซัลวาดอร์แทน บ๋ายบายก่อนชั่วคราวนะจ๊ะ Lima จ๋า เด๋วเจอกันใหม่น๊าาาาา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:10:59

ความคิดเห็นที่ 3 บินไปได้สักพัก จากพื้นราบๆก็จะกลายสภาพเป็นเทือกเขาแอนดีส (Andes) สุดลูกหูลูกตาแทน มิน่า ถึงมีคนบอกว่าจาก Lima ไป Cusco ใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมงก็จริง แต่ถ้านั่งบัสนี่ต้องใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมงเลยนะเคอะ! เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าชาวอินคาคิดไงฟะ ถึงมาตั้งรกรากในที่ทุรกันดารแบบนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:11:19

ความคิดเห็นที่ 4 แม้จะใช้เวลาบินแค่ชั่วโมงนิดๆ แต่ TACA ก็เลี้ยงดูปูเสื่อผู้โดยสารเต็มที่ บริการทั้งแซนวิชแฮมชีส ทั้งเหล้ายาปลาปิ้งเพียบ! ไม่ทราบสายการบินเอเชีย ที่บินระยะสั้นมีแบบนี้ป่ะฮะ เพราะสายการบินในประเทศเมกาไม่มีแน่นอน ที่จะให้แอร์เท Red Label on the rock โฮกๆๆแบบนี้น่ะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:11:39

ความคิดเห็นที่ 5 ท่ามกลางหุบเขาที่ดูไร้ผู้คน จู่ๆก็มีเมือง Cusco อันบึ้มโผล่ขึ้นมา โห เมืองใหญ่กว่าที่คิดนะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:11:57

ความคิดเห็นที่ 6 ที่ตรงประตูทางออกสนามบิน เราก็เจอคุณโรลันโด้ คนขับรถตู้ที่น้องปอติดต่อไว้รอเราอยู่ มาถึงคุณโรลันโด้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบโยนกระเป๋าเราขึ้นหลังคารถ แล้วขับพาเราออกจาก Cusco ทันที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:12:18

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนมากคนที่มาเที่ยวมาชูปิชู จะบินลง Cusco เที่ยว Cusco ก่อน แล้วจึงค่อยไปเที่ยวเมืองรอบๆทีหลัง ซึ่งไกด์บุคที่ จขกท.อ่านมาบอกว่า วิธีนี้ผิดค่ะ! ทำไมถึงผิด เพราะ Cusco นั้นอยู่สูงกว่าเมืองอื่นๆ และมีความสูงตั้ง 3,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เรียกว่าน้องๆเมือง Lhasa ในทิเบตเรยนะขอรับ! ทำให้บางท่านที่บินตรงมาจาก Lima ซึ่งอยู่ที่ระดับน้ำทะเล เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนได้ เพื่อนสาวไทยของ จขกท.คนนึง มาถึงก็ลุย Cusco ก่อนเลย ผลคือวันแรกเจ๊ได้แต่นอนปวดหัวพะงาบๆอยู่ที่โรงแรม เพื่อนตอซึ่งรับหน้าที่หาข้อมูลและเตรียมยาป้องกัน Altitude sickness ให้ชาวคณะ สำทับด้วยว่า คนส่วนมากจะโอเคกับความสูงที่ระดับ 3000 เมตร แต่ทุก 300 เมตรที่เพิ่มขึ้น ควรใช้เวลาตั้งหลักประมาณ 1 วัน และควรจะดื่มน้ำให้มากๆ พร้อมหลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอลล์ด้วย (อ้าว แล้วที่เสิร์ฟบนเครื่องเมื่อตะกี้ล่ะ -_-) ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอาการ Altitude sickness นะฮะ แต่เราถือคติกันไว้ดีกว่าแก้ เราจึงเริ่มโปรแกรมที่เมือง Pisac ก่อน ต่อด้วย Ollantaytambo แล้วค่อยไปมาชูปิชู ก่อนที่จะกลับมาทิ้งทวนที่ Cusco อีกที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:13:32

ความคิดเห็นที่ 8 ระหว่างทางไปเมือง Pisac จขกท.ก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมชาวอินคาถึงมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ เพราะมันเต็มไปด้วยพื้นที่เขียวขจีนี่เอง ด้วยเหตุนี้กระมัง ชาวอินคาถึงเรียกพื้นที่ตรงหุบเขานี้ว่า Sacred Valley (หุบเขาศักดิ์สิทธิ์) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:14:11

ความคิดเห็นที่ 9 จาก Cusco ไม่ถึงสองชั่วโมงดี เราก็ถึงตลาดเมือง Pisac แล้ว ตลาดเมือง Pisac ขึ้นชื่อมากว่ามีงานหัตถกรรมและของที่ระลึกขายมากมาย โดยเฉพาะวันอาทิตย์ที่เราไปพอดีด้วยเนี่ย จะคึกคักเป็นพิเศษ แต่คงเพราะกว่าเราจะมาถึงก็ปาไปบ่ายโมงแล้วกระมัง นักท่องเที่ยวเลยดูน้อยๆชอบกล จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:14:32

ความคิดเห็นที่ 10 ซึ่งก็ดีเหมือนกัน จะได้ช็อปสบายๆ ไม่ต้องเบียดผู้คน ของที่นี่มีให้เลือกมากมายและขายไม่แพงด้วยค่ะ (ถ้าเทียบกับไปซื้อใน Cusco อ่ะนะ) อันนี้เป็นขันไม้ลวดลายพื้นเมืองเท่ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:15:09

ความคิดเห็นที่ 11 ตุ๊กตาน้องลาม่า อัลปาค่าก็มี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:15:25

ความคิดเห็นที่ 12 พวกผ้า พรม ก็น่าสนใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:15:41

ความคิดเห็นที่ 13 สีสันลวดลายสะใจมาก ว่าแต่ตรงกลางผืนบนนั่นอะไร ปีศาจแมวเหรอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:20:08

ความคิดเห็นที่ 14 กระเป๋าที่ทำจากไหมพรมก็มีนะฮ๊า (คนขายโฆษณาว่าเป็นไหมพรมขน Alpaca ไม่รู้ชัวร์หรือมั่วนิ่ม) อันนี้สาวๆน่าถอยมาหิ้วที่เมืองไทย จะได้หิ้วน้องลาม่าไปเกทับ Polo ม้ายักษ์ซะเลย นี่แหน่ะ!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:20:24

ความคิดเห็นที่ 15 ที่ขาดไม่ได้คือหมวกไหมพรมหลากสีหลายลวดลาย ถามว่าใส่แล้วอุ่นหัวมั๊ย คงไม่ แต่ถ้าจะเอาความแนวและคิขุ รับรองไม่ผิดหวัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:20:43

ความคิดเห็นที่ 16 เสียตังค์ช็อปปิ้งไม่พอ ถ้าท่านหันไปถ่ายรูปน้องๆหนูๆหน้าตาน่าเอ็นดูเมื่อไหร่ น้องๆจะรี่มาเก็บค่าบริการทันที -_- จขกท.ก็โดนนังหนูสามหน่อนี่รุมเข้าให้ค่ะ เลยต้องควักตังค์ให้ไป ไม่งั้นอาจโดนแพะกัดคอเอา ฮา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:21:02

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ถ้าจ่ายตังค์แล้ว บรรดานางแบบตัวน้อยก็พร้อมจะโพสท่าตามสั่งนะเคอะ คนนี้มีพร็อพมาพร้อมเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:21:45

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนพ่อหนุ่มนี่เล่นง่าย เอาน้องสาวมาเป็นพร็อพ กร๊ากกกก นังหนูก็รู้งานซะ โพสท่าได้น่ารักน่าหยิกสุดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:22:02

ความคิดเห็นที่ 19 แม้ตลาดจะดูซูเปอร์ทัวร์ริสต์ แต่ก็ยังมีส่วนที่ขายผักผลไม้ ที่ดูเหมือนจะมีแต่คนท้องถิ่นมาจ่ายตลาดกันด้วยนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:22:19

ความคิดเห็นที่ 20 บ้างก็กระเตงลูกน้อยมาช็อปปิ้ง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:22:33

ความคิดเห็นที่ 21 แผงนี้ขายผัก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:22:53

ความคิดเห็นที่ 22 หนูน้อยนี่ขายไรเนี่ย ต้นหอมยักษ์? O_o จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:23:08

ความคิดเห็นที่ 23 แน่นอนว่าต้องมีมันฝรั่งมากมาย ไม่เสียชื่อถิ่นกำเนิดมันฝรั่งเจงๆ (ชาวสเปนมาค้นพบมันฝรั่งที่เปรูนี่เอง ก่อนจะนำกลับไปเผยแพร่ขยายพันธุ์ที่ยุโรป) ว่ากันว่าที่เปรูนี้มีมันฝรั่งถึง 3 พันกว่าชนิด แต่ที่กินได้มีประมาณ 40 ชนิดเท่านั้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:23:29

ความคิดเห็นที่ 24 นอกจากมันฝรั่ง 3 พันชนิดแล้ว ข้าวโพดเปรูยังหลากสีมัลติคัลเลอร์มากๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:23:45

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ใช่มีแต่ของกินเท่านั้น สีย้อมผ้าก็มีขายนะจ๊ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:24:12

ความคิดเห็นที่ 26 ช็อปปิ้งซักพักชักเหนื่อย แวะกินข้าวที่โรงแรม Pisac Inn ดีกว่า ข้างนอกโรงแรมก็ดูบ้านๆ แต่ข้างในดูดีเกินคาดแฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:24:41

ความคิดเห็นที่ 27 สั่งสลัดมาแบ่งกันละกัน เป็นสลัดที่ง่ายๆแต่อร่อยมากเลยค่ะ ผักสด ข้าวโพดก็ทั้งสดทั้งหวานทั้งหนึบ Lima Bean ก็หวานใช้ได้เหมือนกัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:24:57

ความคิดเห็นที่ 28 เราสั่งพิซซ่ามาแชร์กันด้วย ชีสยืดดดดดดด อาหย่อยยยยยย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:25:12

ความคิดเห็นที่ 29 จขกท.สั่ง River Trout แต่เทราต์ที่นี่ทั้ง texture และรสชาติเหมือนปลาแซลมอนเลยอ่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:25:29

ความคิดเห็นที่ 30 หม่ำข้าวเสร็จ เราก็ตั้งใจไปเดินย่อยที่ Pisac Ruin ระหว่างทางเจอน้องลาม่า (หรืออัลปาค่าหว่า จขกท.ก็ดูไม่ออกเหมือนกัน) เดินทอดน่องริมถนนอยู่พอดี แถมน้องลาม่ายังยอมให้เราถ่ายรูปแต่โดยดี ไม่ได้มีการเดินมาเคาะกระจกเก็บค่าตัวแต่อย่างใด กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:26:19

ความคิดเห็นที่ 31 Pisac Ruin อยู่บนเขา ขับรถขึ้นไปไกลเหมือนกัน ด้วยความขี้เกียจ เราเลยให้คนขับไปส่งเราบนยอด แล้วค่อยมารอรับเราตรงทางออกด้านล่าง ค่าตั๋ว Pisac Ruin จะอยู่ในคอมโบ้ Boleto Turistico del Cusco ราคา $50 ค่ะ ซึ่งคอมโบ้นี้เข้าได้ทั้ง Pisac, Ollantaytambo, Moray, Saqsayhuaman, etc ด้วย รู้สึกว่าถ้าไป Pisac Ruin อย่างเดียว ไม่มีตั๋วขายแยกตะหากนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:26:51

ความคิดเห็นที่ 32 ถึงแล้วจ้า Pisac Ruin ความพิเศษของ Pisac Ruin อยู่ที่ มันเป็นซากเดียวที่รวมทุกอย่าง ตั้งแต่วิหารบูชาเทพเจ้า, ที่อยู่อาศัย, ป้อมปราการ ยันแปลงเกษตรแบบขั้นบันไดในที่เดียวกัน อีกทั้งมันยังเป็นซากเก่าแก่ที่สุดที่สร้างโดย Pachacuti กษัตริย์อินคาผู้เกรียงไกร ก่อนที่ภายหลัง Pachacuti จะไปสร้าง Ollantaytambo และ...มาชูปิชู !! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:27:21

ความคิดเห็นที่ 33 มาตามชมเปรูต่อครับ ชอบๆ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:27:28

ความคิดเห็นที่ 34 กร๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นานๆทีจะปาดเจ๊เหมียวทัน ตามไปเปรูแบบเกาะติดแน่นหนึบเลยเจ๊ พิซซ่าชีสยืดน่ากินสุดๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยอะ ปล. เน้น CR ตัวหนาเตอะเลยนะเจ๊ สงสัยได้สาส์นลับๆจาก พันดริฟดอทคอมเหมือนกันแน่ๆเลย เพราะเค้าก็ได้เหมือนกัน 555 จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:28:28

ความคิดเห็นที่ 35 #คุณม่วงมหากาฬ เอร๊ยยยย ปาดอย่างว่องแต่เช้าเลยนะค๊า >_< #น้องกาแฟ จ๊ากกกก ตามคุณม่วงมหากาฬมาติดๆ งั้นไปกินข้าวก่อนละกันนะน้อง แต่แหม ชมแต่พิซซ่า นึกว่าจะบอกว่าตัวลาม่าน่ากิ๊นน่ากินซะอี (ฮา) เออสิ ร้อยวันพันปีเจ๊เคยขึ้นกับเค้าด้วยเหรอ CR / SR / ER เนี่ย -_- -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ว่าแล้วก็เล่าตำนานที่มา ของอาณาจักรอินคาซักหน่อยละกันนะฮะ ตามตำนานเนี่ย อาณาจักรอินคาถือกำเนิดประมาณ ค.ศ. 1200 โดย Manco Capac และ Mama Ocllo ซึ่งเป็นบุตรและบุตรีของเทพพระอาทิตย์ ทั้งสองผุดขึ้นมาจาก Lake Titicaca ก่อนจะจูงมือกันออกตามหา ดินแดนที่ทั้งคู่จะสามารถสร้างอาณาจักรของตนขึ้นมาได้ และทั้งคู่ก็มาลงหลักปักฐานที่ Cusco นี่เอง โดย Manco Capac สถาปนาตนเป็นกษัตริย์องค์แรกของอินคา และมี Mama Ocllo เป็นราชินี อีก 2 ร้อยกว่าปีถัดมา อินคาก็ยังเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆใน Sacred Valley แต่โชคชะตาของชาวอินคาก็มาพลิกผันในปี 1438 เมื่อเผ่า Chancas ทำท่าจะบุกตีอินคา Inca Viracocha กษัตริย์อินคาในตอนนั้นก็เลย...เผ่นซะให้ ตึ่งโป๊ะ! แต่งานนี้ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษค่ะพี่น้อง เมื่อ Inca Yupanqui บุตรชายของ Inca Viracocha ไม่ยอมเผ่นเข้าป่าตามเสด็จเตี่ยไป แต่ขอยืนหยัดต่อสู้กับเผ่า Chancas ให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างนึง ว่าแล้ว Inca Yupanqui ก็ไปเกณฑ์เผ่าเล็กเผ่าน้อยในละแวกนั้น ให้มาร่วมกันต้านการรุกรานของเผ่า Chancas แม้กองทัพของอินคาจะเล็กว่า Chancas เยอะ แต่สุดท้าย Inca Yupanqui กลับพลิกชนะการรบหนนั้น เขาจึงสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์อินคาองค์ใหม่แทนพ่อ พร้อมกับตั้งสมญานามให้ตัวเองเบ็ดเสร็จว่า Pachacuti ซึ่งแปลว่า "Earthshaker" หรือ "He who turns the world upside down" อันนี้เป็นรูปปั้น Pachacuti ที่เมือง Aguas Calientes (เมืองหน้าด่านก่อนไปมาชูปิชู) แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 55 09:32:44 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:28:46

ความคิดเห็นที่ 36 เรียกว่า Pachacuti ตั้งชื่อตัวเองได้สมพรปากจริงๆ เพราะในเวลาเพียง 2 ชั่วอายุคน Pachacuti และ Tupac Inca บุตรชาย ได้ทำการขยายดินแดนของอาณาจักรอินคา จากหมู่บ้านเล็กๆใน Cusco ให้กลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์อเมริกาใต้ ครอบคลุมดินแดนเอกวาดอร์และเปรูในปัจจุบัน (ต่อมาภายหลังได้ขยายดินแดนไปถึงโบลิเวียและชิลีด้วย) เคล็ดลับความสำเร็จของ Pachacuti อยู่ที่ไอเดียการปกครองของแก ว่าถ้าตีเมืองอื่นสำเร็จแล้วเอาแต่ปล้นสะดม มันก็ได้ผลตอบแทนแค่หนเดียวแล้วก็จบกัน สู้ให้เขาอยู่ของเขาไป แล้วเราคอยเก็บภาษีจะดีกว่า ชะละล่า! ฉะนั้นเมื่ออินคาตีดินแดนไหนได้แล้ว อินคาก็จะปล่อยให้ผู้ปกครองเดิมครองดินแดนต่อ โดยมีข้อแม้ที่ผู้แพ้ ต้องส่งคนมาประจำการที่ Cusco พร้อมกับต้องเปิดรับคนของอินคาให้เข้าไปค้าขายและลงหลักปักฐานที่นั่นด้วย ที่สำคัญ เมืองใต้อาณัติต้องเข้าสู่ระบบรัฐสวัสดิการอินคา นั่นคือต้องเสียภาษีสองประเภท อันแรกภาษีรายได้ อย่างเช่นถ้าบ้านปลูกข้าวโพด ก็ต้องแบ่งข้าวโพดส่วนหนึ่งมาให้รัฐ กับภาษีประเภทที่สอง มาในรูปของแรงงาน โดยจะกำหนดไปเลยว่า บ้านนี้ต้องส่งคนมาช่วยงานรัฐปีละกี่เดือนก็ว่าไป โดยแรงงานดังกล่าวก็จะถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ หรือไม่ก็ไปใช้สร้างถนน สร้างปราสาท เพื่อเป็นการตอบแทน อินคาจะคุ้มครองท่านจากการรุกรานของเผ่าอื่น และการันตีว่าท่านจะไม่มีวันหนาวหรืออดตาย เพราะถ้าเกิดปีนี้ปลูกข้าวโพดไม่ได้ รัฐก็จะเอาเสบียงในคงคลังมาช่วย ฯลฯ (ภาพ : wikipedia) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:29:47

ความคิดเห็นที่ 37 สำหรับ Pisac นี่ ก็เชื่อกันว่า Pachacuti สร้างขึ้นเพื่อรำลึกชัยชนะที่มีต่อเผ่า Cuyos จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:33:43

ความคิดเห็นที่ 38 ชาวคณะตกลงจ้างไกด์ท้องถิ่นหน้างาน ให้พาเที่ยวและพาพวกเราไปส่งให้ถึงมือเฮียคนขับรถ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:34:15

ความคิดเห็นที่ 39 คุณไกด์ชี้ชมให้เราดูโพรงที่อยู่ตามภูเขา แกบอกว่านั่นคือหลุมศพของชาวอินคา ที่เห็นเป็นโพรงนี่ ก็เพราะหลุมโดนคนขุดเพื่อขโมยโบราณวัตถุนั่นเอง -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:34:36

ความคิดเห็นที่ 40 อันนี้คงเป็นประตูเมืองเก่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:35:06

ความคิดเห็นที่ 41 คุณไกด์บอกนาขั้นบันไดนี้ เค้ามีไว้ปลูกพืชคนละอย่าง ถ้าจำไม่ผิด ล่างสุดปลูกข้าวโพด ตรงกลางปลูกมันฝรั่ง ชั้นบนปลูกพวกธัญพืช เพราะข้าวโพดต้องการน้ำน้อยสุด ตรงข้ามกับธัญพืชที่ต้องใช้น้ำเยอะหน่อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:35:27

ความคิดเห็นที่ 42 เดินๆปีนๆสักพัก เราก็มาถึง Intihuatana หรือ The Main Sun Temple จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:35:47

ความคิดเห็นที่ 43 สถาปัตยกรรมอินคาโบราณแบบนี้เรียก Imperial Style ค่ะ คือหินแต่ละก้อนจะถูกตัด แล้วนำมาประกอบกันอย่างประณีตมาก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:36:17

ความคิดเห็นที่ 44 ง่ายๆแต่ดูดีไม่เบา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:36:41

ความคิดเห็นที่ 45 ถัดไปอีกก็เป็นซากป้อมปราการ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:38:28

ความคิดเห็นที่ 46 แต่ชาวคณะขี้เกียจไปต่อแล้ว นั่งทอดหุ่ยชมวิวสวยๆ ให้พี่ไกด์เป่าขลุ่ยเพราะๆให้ฟังดีกว่า ยิ่งตอนแดดร่มลมตกแบบนี้ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลยค่ะ ยังกะ Pisac เป็นของพวกเราผู้เดียวเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:38:46

ความคิดเห็นที่ 47 แต่ทัวร์ Pisac Ruins อันแสนชิลของเรา ก็มาจบด้วยมหกรรมเข็นครกขึ้นภูเขา คุณไกด์เตือนก่อนหน้านี้แล้วว่า Pisac Ruins อยู่ที่ความสูงระดับเดียวกับเมือง Cusco ไอ้ตอนเดินลง หรือเดินขึ้นไม่กี่ขั้นก็ยังโอเค แต่ตอนไต่กระไดเฮือกสุดท้ายไปประตูทางออก คุณแม่น้องปอกับ จขกท.ผู้เคยเดินขึ้นหอระฆัง 366 ขั้นสบายๆ กลับแทบเป็นลมหน้ามืดทั้งคู่ ทั้งๆที่บันไดก็ไม่ชันมาก ขั้นก็ไม่ได้เยอะอะไร ไม่รู้เพราะความสูงเป็นพิษหรือเปล่านะฮะ T_T ดีที่น้องปอพก Energy Chews (เยลลี่ที่กินแล้วร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้เร็วกว่ากินของหวานปกติ) มาด้วย พอกินเข้าไปแล้วช่วยให้มีแรงปีนต่อได้เยอะเลยค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:39:56

ความคิดเห็นที่ 48 จากนั้นคุณโรลันโด้ก็ซิ่งรถ 2 ชั่วโมงมาส่งพวกเราที่เมือง Ollantaytambo (โอยานเททัมโบ้) น้องปอจองห้องพักที่ Apu Lodge เอาไว้ แต่โรงแรมอยู่ลึกเข้าไปอีก 300 เมตรในซอยที่รถเข้าไม่ถึง แถมซอยยังเป็นถนนปูหินอีก กว่าจะลากกระเป๋าไปถึงโรงแรม ก็ได้เหนื่อยลิ้นห้อยกันโดยถ้วนหน้า (ป.ล. จริงๆที่โรงแรมมีซาเล้งไปรับกระเป๋าถึงหน้าปากซอยฮ่ะ แต่เผอิญวันนั้นมือถือเฮียโรลันโด้แบตหมดซะอีก -_-) ไปถึงวางกระเป๋า ล้างหน้าล้างตาเสร็จ จู่ๆน้ำก็ไม่ไหลซะงั้น อ้าวเฮ้ย -_-" เจ้าของโรงแรมซึ่งเป็น NGO สาวชาวสก็อตก็บอกให้พวกเราไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวเค้ากับผู้ช่วย ซึ่งเป็นเด็กสาวชาวเมกันจะลองซ่อมท่อน้ำดูก่อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:40:36

ความคิดเห็นที่ 49 ว่าแล้วคุณเจ้าของที่พักก็แนะนำร้าาน Heart's Cafe ตรงใจกลางจตุรัสของเมือง เธอบอกว่าร้านนี้เป็นของ NGO ที่กำไรทุกบาททุก Soles จะนำไปช่วยเหลือชาวบ้านแถบนี้ เมนูร้านนี้จะออกแนวอาหารเพื่อสุขภาพหน่อยๆ จขกท.เลยลองสั่งซุป Quinoa ซึ่งเป็นธัญพืชท้องถิ่นมา หน้าตาอาจดูขี้เหร่เล็กน้อย แต่รสชาติโอเค จริงๆสั่งพาสต้าซอสเพสโต้มาด้วย แต่ออกมาเลี่ยนสุดๆ เอาน่า ปลอบตัวเอง ไม่ได้ความอร่อยแต่ก็ได้บุญละกันวะคืนนี้ T^T มื้อเย็นว่าเซ็ง กลับที่พักมาก็เจอข่าวซวยซ้ำ ว่าท่อน้ำแตก สาวๆซ่อมไม่ได้ โทรตามช่างแล้ว ช่างบอกนี่ก็ห้าทุ่มแล้วเจ๊ ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยมาซ่อมแต่เช้าละกันนะ กี๊ซซซซซ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:41:09

ความคิดเห็นที่ 50 ~*~ ha-meow การท่องถึกนำเสนอ - ภาษาสแปนิชวันละนิดจิตแจ่มใส ~*~ เมื่อวาน เพื่อนตอก็ได้ต๊กกะใจ ตอนเปิดขวดน้ำดื่มที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วมีน้ำพุ่งฟู่ออกมาจากขวด นั่นเพราะเพื่อนตอไปซื้อน้ำดื่่มรุ่นอัดแก๊ซมาโดยไม่ได้ตั้งใจค่ะ ฉะนั้นเวลาเพื่อนๆจะซื้อน้ำดื่มที่เปรู ให้ดูฉลากดีๆนะคะ Agua con gas - น้ำดื่มรุ่นอัดแก๊ซ น้ำจะซ่าๆ แต่ก็ยังซ่าน้อยกว่าโซดาบ้านเรา Agua sin gas - น้ำดื่มปกติ ไม่มีแก๊ซ Sin Agua - ไม่มีน้ำ เพราะท่อแตก แง๊   (ภาพ : flickr) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:49:31

ความคิดเห็นที่ 51 เดชะบุญว่า จขกท.พกผ้าเย็นมาหลายห่อ คืนนั้นเลยอาศัยผ้าเย็นซักแห้งไปก่อน และวันรุ่งขึ้น ช่างก็มาซ่อมท่อแต่เช้าตามสัญญา ได้อาบน้ำซะที เย้ T^T เนื่องจากเกิดเหตุผิดพลาดทางเทคนิคเมื่อคืน เจ้าของที่พักเลยลดค่าห้องเราครึ่งนึงเป็นการขอโทษฮ่ะ อาบน้ำเสร็จก็สดชื่นพร้อมรับ(ศึก)วันใหม่แล้ว เปิดหน้าต่างไปเห็นเขาเป็นเทือกๆเรย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:50:47

ความคิดเห็นที่ 52 จ๊ากกกก เห็นซากปราสาท Ollantaytambo ด้วย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:51:04

ความคิดเห็นที่ 53 ออกไปเดินเล่นดีก่า นี่โรงแรมน้อยของเราฮ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:52:20

ความคิดเห็นที่ 54 ดอกไม้หน้าตาประหลาดเต็มไปหมด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:52:36

ความคิดเห็นที่ 55 ส่วนนี่ก็ถนนปูหินที่เมื่อคืนเราเดินลากกระเป๋ากันแทบรากเลือดน่ะเอง มีเสียงน้ำในท่อไหลซู่ๆตลอดเวลา จนอยากหลับตาแล้วหลอกตัวเองว่า โรงแรมนู๋อยู่ติดน้ำตก กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:53:00

ความคิดเห็นที่ 56 หน้าปากซอยฮ่ะ จะเห็นป้ายชื่อโรงแรม Apu Lodge อันกระเปี๊ยกแปะอยู่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:53:19

ความคิดเห็นที่ 57 Ollantaytambo เป็นเมืองเล็กๆขำๆบ้านๆดีฮ่ะ เมื่อคืนก็มีชาวเมืองออกมาแข่งวอลเลย์กันกลางจตุรัสเลยด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:53:43

ความคิดเห็นที่ 58 ดอกไม้ตรงพลาซ่า สีชมพูแปร๋นมากมาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:54:00

ความคิดเห็นที่ 59 อยากถ่ายชาวบ้านแถบนี้เหมือนกัน แต่ก็กลัว ไม่กล้าถ่ายรูปโต้งๆ เพราะตอนเดินในซอย กำลังจะถ่ายรูปป้าคนนึงกวาดถนน พอป้าเห็น แกก็เดินแบบมือมาขอค่าตัวทันที -_-" เลยได้แต่แอบถ่ายอยู่เบื้องหลัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:55:14

ความคิดเห็นที่ 60 แต่กล้องน้องปอซูมเต๊บกว่ากล้อง 3x ของเดี๊ยนหลายเท่านัก แถมน้องเขายังตาดี เลยถ่ายภาพ Life สวยๆมาอย่างตรึม ไม่ว่าจะเป็นคุณป้าหอบผัก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:56:03

ความคิดเห็นที่ 61 หรือคุณแม่หอบลูก (หมวกคุณแม่เท่โคตรๆ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:56:21

ความคิดเห็นที่ 62 มาเที่ยวต่อครับ ตลาดตอนเช้าน่าช๊อปมากๆ ครับ จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:56:30

ความคิดเห็นที่ 63 ว่าแล้วคุณแม่ๆก็ยัดตัวเองเข้าไปในรถตู้ นี่เค้าจะไปไหนกันแต่เช้าหนอ คนแถวนี้เค้าคงวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้ได้เยอะดีจังค่ะ เมื่อคืนวานเราก็นั่งรถผ่านหมู่บ้านแห่งนึง เหมือนคืนเมืองนี้มีงานวัด หน้างานเจอคนแต่งตัวพื้นเมืองเต็มไปหมดเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:57:33

ความคิดเห็นที่ 64 ตามมาเก็บข้อมูลคะ เปรูเป็นหนึ่งในประเทศที่อยากไปเยือนมากที่สุด จากคุณ : Kwan_yk1412 เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:57:46

ความคิดเห็นที่ 65 สายๆหน่อย เฮียโรลันโด้ พขร.เจ้าเก่าก็มารับเราไปเที่ยวกันต่อ ออกนอกเมืองมาก็เจอท้องทุ่งเขียวขจีทันที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:57:58

ความคิดเห็นที่ 66 #ตลาดที่โน่นทั้งน่าช็อป ทั้งน่าถ่ายภาพ น่าจะถูกจริตคุณ OLOS นะฮะ #ตามมาได้เลยค่ะคุณ Kwan_yk1412 ----------------------------------------------------------------- เมืองไทยมีควายไว้ไถนา สงสัยที่เปรูก็เลี้ยงวัวไว้ไถไร่ข้าวโพดเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 55 10:01:54 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:58:57

ความคิดเห็นที่ 67 เฮียโรลันโด้ชี้ให้เห็นว่าเจ้าสีขาวๆ ว่านั่นไง Salineras (Salt Mine) ที่พวกเราจะได้ไปดูกันวันนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:59:14

ความคิดเห็นที่ 68 ตอนเฮียโรลันโด้ชี้ให้ดูเหมืองเกลือ ก็เหมือนมันอยู่ใกล้ๆ เอาเข้าจริงนั่งรถเป็นชั่วโมงเลย -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:59:47

ความคิดเห็นที่ 69 ยังดีที่มีเทือกเขางามๆให้ชมกันตลอดเส้นทาง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:00:11

ความคิดเห็นที่ 70 บ้างช่วงมี featuring น้องแกะ น้องแพะ น้องลาด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:02:34

ความคิดเห็นที่ 71 เด็กเลี้ยงแกะแถวนี้นี่ วิวออฟฟิสเค้าแจ่มเจงๆ ว่าไหม จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:03:09

ความคิดเห็นที่ 72 ถึงแล้วจ้า Salineras จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:03:28

ความคิดเห็นที่ 73 ดูผ่านๆเจ้าเมืองเกลือนี่ แอบเหมือนหิมะบนยอดเขาเลยเนอะ นอกจากจะได้ตื่นตะลึงกับภาพเหมืองเกลือที่โผล่วาบขึ้นมากลางหุบเขาแล้ว เรายังได้เร้าใจกับถนนที่แสนเล็กแล้วก็คดเคี้ยว ชวนเสียวรถตกเขาด้วยฮ่ะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:04:07

ความคิดเห็นที่ 74 แต่วิวอันแสนแปลกตาของเหมืองเกลือนี่ ก็คุ้มค่ากับการถ่อมาด้วยประการทั้งปวง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:04:27

ความคิดเห็นที่ 75 ยังกะภาพจากในหนังแฟนตาซีหรืออะไรซักอย่าง มากกว่าเหมืองเกลือโบราณที่ผลิตเกลือมาแล้วเป็นพันปี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:04:53

ความคิดเห็นที่ 76 มีคนพบว่าน้ำแร่ธรรมชาติแถวนี้มีรสเค็ม เลยมีการขุดหลุมบนภูเขา แล้วสูบน้ำแร่นั่นเข้ามา จากนั้นก็รอให้น้ำแร่ระเหยไปจนเหลือแต่เกลือ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:05:18

ความคิดเห็นที่ 77 นี่คนงานกำลังโกยกองเกลือมาตากแดด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:06:10

ความคิดเห็นที่ 78 พวกเราแอบดอดไปเอานิ้วแตะๆเกลือมาชิมด้วยค่ะ แหะแหะ เป็นเกลือที่อร่อยมากเลย ไม่เค็มปี๋ มีรสหวานเกลือแร่ผสมด้วยหน่อยๆ ชิมเสร็จน้องปอก็ไปถอยเจ้าเกลือนี้ทันที ถุงเล็กๆตั้ง $15 แน่ะ แต่เห็นน้องปอบอก ก็ยังถูกกว่าที่เมกามาก (ที่เมกา เขาเรียกเกลือนี้ว่า Peruvian Pink Salt ไม่รู้เป็นญาติอะไรกับ Himalayan Pink Salt รึเปล่า เหอเหอ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:06:44

ความคิดเห็นที่ 79 จากนี้เราก็มุ่งหน้าไปยังโปรแกรมถัดไปที่อยู่ไม่ไกลจากเหมืองเกลือ ระหว่างทางเจอคุณพี่คาวบอย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:07:24

ความคิดเห็นที่ 80 และคุณป้าสองคนนี้ที่โบกมือให้เราด้วย ผู้หญิงแถวนี้ท่าจะอึดน่าดู แต่ละคนเหมือนแบกของเต็มหลังไว้ตลอดเวลา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:07:55

ความคิดเห็นที่ 81 แถมผมเปียของพวกเธอยังเท่ซะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:08:27

ความคิดเห็นที่ 82 จากการสังเกตการณ์ของ จขกท. เด็กเลี้ยงแกะที่นี่ร้อยละ 90 เป็นผู้หญิงด้วยค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:09:08

ความคิดเห็นที่ 83 แถม skill การเลี้ยงแกะยังอย่างเมพ น้องแกะสามารถเดินแถวเป็นระเบียบเองได้ เจ๊ไม่ต้องคุม! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:09:42

ความคิดเห็นที่ 84 นอกจากเหมืองเกลือแล้ว Moray ก็เป็นอีกที่ที่ดูแล้วรู้สึก อะเมซิ่ง อินคา จริงๆ เดาสิฮะ ว่า Moray มีไว้ใช้ทำอะไร เป็น Amphitheater หรือเวทีคอนเสิร์ต จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:10:30

ความคิดเห็นที่ 85 คำตอบคือไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะพี่น้อง เพราะมันคือแล็บการเกษตรของชาวอินคาตะหาก >___< หะแรก นักโบราณคดีก็คิดว่ามันเป็นเวทีกลางแจ้งเหมือนกัน แต่ขุดไปขุดมา เจอท่อน้ำและเมล็ดพันธุ์มากมาย อีกทั้งแต่ละชั้นโดนแดดและมีความสูงไม่เท่ากัน (จากบนสุดยันล่างสุด ความสูงต่างกัน 150 เมตร) ทำให้แต่ละเซ็คชั่นของ Moray เกิดเป็น Micro climate ที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันไป เย็นสุดกับร้อนสุดนี่ต่างกัน 15C เลยนะฮะ เลยเชื่อกันว่า ชาวอินคาใช้ Moray ในการทดลองว่าที่ระดับความสูงเท่านี้ อุณหภูมิเท่านั้น ควรจะปลูกพืชอะไร ยังไง โดยเฉพาะข้าวโพดสารพัดพันธุ์ที่เป็นอาหารหลักของชาวอินคา ซึ่งเค้าว่าจริงๆที่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเลขนาดนี้ มันไม่เหมาะกับการปลูกข้าวโพดนะเคอะ! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:11:29