ความคิดเห็นที่ 1 แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ 5 วันกับดินแดนที่เต็มไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่และลึกลับทำให้รู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกดเมื่อได้มาเยือนดินแดนไอยคุปต์แห่งนี้  และถึงแม้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอุปสรรคทำให้แผนการเที่ยวไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพอากาศที่เอาแน่นอนอะไรไม่ได้  การจราจรที่แสนจะติดขัดรวมทั้งวิถีชีวิตของชาวอียิปต์ในปัจจุบัน แต่ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจมาก ด้วยความที่ได้ยินชื่อเสียงของคนอียิปต์มาพอสมควร ทริปนี้ผมจึงเลือกใช้บริการบริษัททัวร์ เดินทางระหว่างวันที่ 28 ธค 2010 ถึง 3 มค 2011 ระยะเวลาเที่ยวทั้งหมด 5 วันเต็มครับ การไปกับบริษัททัวร์แม้จะสะดวกสบายไม่ต้องทำการบ้านมากเหมือนกับไปเที่ยวเอง แต่การค้นคว้าศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศอียิปต์ก่อนการเดินทางก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทำอย่างยิ่ง เรื่องราวของดินแดนไอยคุปต์ ภาค 1 ปี 2011 ที่ผมได้ไปสัมผัสมาจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามได้เลยครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:38:39

ความคิดเห็นที่ 2 เมมฟิส เมืองหลวงเก่าแก่แห่งแรกในยุคอียิปต์โบราณก่อนกรุงไคโร มีอายุกว่า 5000 ปี เป็นเมืองที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่ามีความสำคัญ โดยในยุคนั้นฟาโรห์ชื่อเมเนส (Menes) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงค์ที่ 1 ได้รวมเอาอียิปต์บน (Upper Egypt) และอียิปต์ล่าง (Lower Egypt) ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยให้เมมฟิสเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านบนของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์พอดี ทำให้มีอำนาจควบคุมเส้นทางบกและทางน้ำในยุคนั้น ปัจจุบัน เมมฟิส มีสิ่งให้ชมน้อยมาก ซากปรักหักพังของเมมฟิสรายล้อมอยู่รอบๆหมู่บ้านมิตราฮินาห์ (Mit-Rahina) ปัจจุบันมิตราฮินาห์ได้กลายเป็นพิพิธพัณฑ์กลางแจ้งที่จัดเก็บผลงานชิ้นเยี่ยมเป็นรูปสลักขนาดใหญ่ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 (Colossus of Ramesses II) ที่ใหญ่โตสร้างจากหินปูนก้อนเดียวด้วยฝีมือการแกะสลักที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมีการสร้างอาคารครอบไว้ จัดวางไว้ในท่านอน ขาข้างขวาที่มีลักษณะกำลังก้าวเดินได้รับความเสียหาย สลักหินของฟาโรห์รามเสสที่ 2 สูง 10 เมตร ค้นพบในปี คศ 1802 โดยชาวอิตาเลียน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:39:57

ความคิดเห็นที่ 3 นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าชมรูปสลักขนาดใหญ่ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ได้อย่างใกล้ชิดที่ชั้นล่าง หรือจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อชมจากมุมสูงก็ได้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:40:23

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนบริเวณภายนอกพิพิธภัณฑ์ เป็นสวนปาล์มขนาดใหญ่ มีรูปสลักของฟาโรห์องค์นี้อีกมากมายตั้งแสดงอยู่ รวมทั้งสฟิงซ์ (Sphinx) ขนาดย่อมๆที่มีใบหน้าสมบูรณ์หนักราว 80 ตัน สร้างจากหินอลาบาสเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ รวมทั้งเสาหินที่มีคำจารึกเป็นอักษรอียิปต์โบราณตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด....... สลักหินในลักษณะกำลังเก้าเดินเป็นการแสดงว่าสร้างในขณะที่ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:40:44

ความคิดเห็นที่ 5 ค่าเข้าชมพิพิธพัณฑ์กลางแจ้ง ราคา 35 ปอนด์อียิปต์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:41:05

ความคิดเห็นที่ 6 สฟิงซ์ (Sphinx) ขนาดย่อม ที่มีใบหน้าสมบูรณ์หนักราว 80 ตัน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:41:34

ความคิดเห็นที่ 7 จากเมืองเก่าเมมฟิส เราไปต่อกันที่เมืองซัคคารา (Saqqara) อยู่ทางทิศใต้ของกรุงไคโร (Cairo) เพื่อไปชมพีระมิดขั้นบันได (Step Pyramid) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพีระมิดในยุคต่อๆ มา โดยเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์ซอเซอร์ (Netjerikhet Djoser หรือ Zoser) ฟาโรห์องค์ที่ 2 ในราชวงศ์ที่ 3 ของอียิปต์โบราณ เชื่อกันว่าพีระมิดขั้นบันไดซึ่งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า The Great Court of the Pyramid Complex of Djoser นี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยการออกแบบโดยอิมโฮเต็ป (Imhotep) ในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าจากราชวงศ์ที่ 3 - 6 เป็นช่วงที่นิยมสร้างพีระมิด เรียกได้ว่าเป็นยุคทองแห่งพีระมิดอย่างแท้จริง นอกจากตัวพีระมิดขั้นบันไดแล้วยังมีสุสานและวิหารสำหรับประกอบพิธีพระศพรวมทั้งมีพีระมิดบริวาณและสุสานของทั้งราชวงศ์และศพขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ไกด์ท้องถิ่นสาวดาเลีย เป็นคนจัดการซื้อเตรียมไว้ให้หมดตามรายการที่ระบุเอาไว้ในโปรแกรม ค่าเข้าชมพีระปิดขั้นบันไดที่ซัคคารา (Saqqara) 60 ปอนด์อียิปต์ (60 L.E.) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:42:14

ความคิดเห็นที่ 8 รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เห็นอูฐตัวเป็นๆ น่ารักดีครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:42:37

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าไปถ่ายรูปได้แบบง่ายๆ เพราะอูฐเขามีเจ้าของ ถ้าอยากถ่ายรูปก็ต้องจ่ายเงิน 1 ปอนด์อียิปต์ให้กับเจ้าของครับ ..... ถ่ายรูปเสร็จเจ้าของก็จะเดินเข้ามาแบมือให้เราจ่ายเงินครับ ถ้าขึ้นขี่ด้วยเจ้าของคิดคนละ 1 ดอลล่าร์ครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:43:00

ความคิดเห็นที่ 10 ลุงแขกเจ้าของอูฐตัวนี้ท่าทางขี้เล่นไม่เบา ทำท่าทางแปลกๆเล่นกับอูฐโชว์นักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:43:23

ความคิดเห็นที่ 11 วันหนึ่งๆน่าจะได้เงินจากนักท่องเที่ยวมากพอสมควร เพราะแค่ให้บริการกลุ่มเราลุงแขกก็ได้ไปหลาย ดอลล่าร์อยู่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:43:47

ความคิดเห็นที่ 12 มีการสั่งให้อูฐอ้าปากและให้อูฐจูบปากโชว์เพื่อเรียกแขกด้วย.................. ปากแบบนี้ไม่รู้แปรงฟันบ้างเปล่า จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:44:10

ความคิดเห็นที่ 13 พีระมิดขั้นบันไดที่ดูแล้วมีขนาดไม่ใหญ่โตมโหฬารถ้าเที่ยบกับมหาพีระมิด (The Great Pyramids) ที่เมืองกีซ่า (Giza) ซึ่งจะว่าไปแล้วบนเนินทรายแห่งซัคคารา ตลอดความยาว 7 กิโลเมตรบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ก็คือสุสานขนาดมหึมา เพราะเชื่อว่าบนเนินทรายสูงนี้เมื่อพระอาทิตย์ตกวิญญาณของฟาโรห์ก็จะใกล้ชิดกับสุริยเทพนั่นเอง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:44:31

ความคิดเห็นที่ 14 ตกเย็น ดาเลีย พาเราไปชมการสาธิตการผลิตกระดาษอียิปต์โบราณ กระดาษปาปิรุส ที่ Papyrus Institue ครับ........ กระดาษของชาวอียิปต์โบราณผลิตจากหญ้าที่เรียกว่าปาปิรุส (papyrus) และเรียกว่ากระดาษปาปิรุส พบว่ามีการใช้จารึกบทสวดและคำสาบาน บรรจุไว้ในพีระมิดของอียิปต์ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีการใช้กระดาษที่ทำจากปาปิรุสมาตั้งแต่ปฐมราชวงศ์ของอียิปต์ ราว 3000 ปีก่อนคริสตกาล เจ้าหน้าที่คนกลางกำลังสาธิตขั้นตอนการผลิตกระดาษให้ชม....... ส่วนคนขวามือคือไกด์ท้องถิ่นสาวชื่อว่า ดาเลีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:45:02

ความคิดเห็นที่ 15 ขณะที่ฟังบรรยายขั้นตอนทำกระดาษไปด้วย มือก็ลั่นซัตเตอร์ถ่ายรูปที่ติดอยู่ตามผนังไปด้วย ถ่ายไปได้ 4 - 5 รูป เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าห้ามถ่าย.... แต่ช่วยไม่ได้ก็ไม่รู้นี่ว่าห้ามถ่าย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:45:28

ความคิดเห็นที่ 16 ข้างในร้านมีกระดาษเขียนภาพด้วยมือ ภาพแต่ละภาพบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณได้เป็นอย่างดี ราคาภาพสามารถต่อรองกันได้....ซื้อแล้วบริการห่อกลับบ้านอย่างดี ผมชอบภาพเขียนแบบนี้เลยซื้อกลับมาใส่กรอบรูป หนึ่งแผ่นใหญ่+ของแถมอีก 4 แผ่นเล็ก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:45:55

ความคิดเห็นที่ 17 วันรุ่งขึ้น (30 ธค) ท้องฟ้าที่ไคโรก็ยังอึมคลึมไปด้วยเมฆเหมือนเดิน เราจึงขอให้ไกด์ดาเลียช่วยสลับโปรแกรม โดยที่วันนี้จะไปเที่ยวเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) หรือไข่มุกแห่งเมดิเตอร์เรเนียน (The Pearl of the Mediterranean) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศอียิปต์ ห่างจากกรุงไคโรประมาณ 225 กม. เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลเลยต้องออกเดินทางตั้งแต่ ตี 5 อเล็กซานเดรีย (Alexandria) เมืองหลวงของคลีโอพัตรา เป็นเมืองท่าริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน น่าจะเป็นเมืองเดียวในอียิปต์ที่ไม่ตรงกับนิยามของคำว่าทะเลทรายเลย เพราะอเล็กซานเดรียตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ซึ่งไหลจากทิศใต้ขึ้นมาทิศเหนือออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงได้พัดพาเอาตะกอนมาทับถมทำให้บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุในการเพาะปลูก และในน่านน้ำยังมีอาหารทะเลสดๆให้ได้กินอย่างสมบูรณ์ ประกอบกับหาดทรายยาวเลียบชายฝั่งก็เป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มาถึง อเล็กซานเดรีย อากาศดีเชียวครับ ท้องฟ้าเปิดต่างจากที่ไคโรอย่างสิ้นเชิง..... ภาพป้อมปราการ The Citadel of Qaitbay ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:46:29

ความคิดเห็นที่ 18 จุดหมายแรกเมื่อมาถึงอเล็กซานเดรีย คือการเข้าเยี่ยมชมสุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย  หรือที่ชาวอเล็กซานเดรีย รู้จักกันว่า Catacombs of Kom El-Shaqafa เป็นสุสานหลุมฝังศพในยุคกรีก-โรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอียิปต์ สุสานนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดินภายใต้บันไดวน 99 ชั้น พาเราลงสู่หลุมฝังศพด้านล่าง ซึ่งบันไดวนนี้ตรงกลางเป็นช่องสำหรับหย่อนศพลงมาสู่โถงด้านล่าง ที่เราจะพบกับเสากรีกโรมัน ด้านบนจั่วมีสัญญาลักษณ์พระอาทิตย์กับปีกนกของเทพฮอรัส ถัดลงมามีโล่ของอเธน่าที่ภายในมีหัวของเมดูซ่าอันเป็นเหมือนผู้ปกป้องหลุมศพแห่งนี้ และเมื่อเลยไปในห้องฝังศพที่ประดับไปด้วยภาพสลักของเทพในสมัยอียิปต์โบราณ อย่างเทพโอชิริส เทพไอชีส และเทพอนูบิสที่กำลังทำมัมมี่ แต่แต่งกายด้วยชุดชาวกรีก เป็นศิลปที่ผสมผสานระหว่างอียิปต์โบราณและกรีกโรมัน และเมื่อเดินไปยังโถงส่วนอื่นๆโดยรอบ จะพบว่าเป็นกำแพงที่เจาะเป็นช่องๆเต็มไปหมด ซึ่งภายในนั้นบรรจุศพไว้มากมายนับหมื่นศพ และด้วยความมานะพากเพียรและความงดงามที่สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 และใช้งานมาอีกนับ 400 ปี จึงทำให้ Catacombs แห่งนี้ได้รับการจัดเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง นอกจากสโตนเฮนจ์ของอังกฤษ หอพอร์ซเลนแห่งเมืองนานกิง และกำแพงเมืองจีน อาเยียโซเฟีย (เซนต์โซเฟีย) ที่ตุรกี โคลอสเซียมกรุงโรม และหอเอนปิซ่าของอิตาลี ...................... ภาพบริเวณปากทางเข้าสุสาน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:46:55

ความคิดเห็นที่ 19 น่าเสียดายที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในสุสาน............. ค่าเข้าชมสุสานราคา 35 ปอนด์อียิปต์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:47:19

ความคิดเห็นที่ 20 เป้าหมายต่อไปคือที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นั่นคือป้อมปราการชื่อ The Citadel of Qaitbay ป้อมปราการอันเข้มแข็งริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือป้อมปราการแห่งนี้สร้างบนฐานตำแหน่งเดิมแทนที่ประภาคารฟารอส (Pharos Lighthouse) ที่มีชื่อเสียงอย่างมากจนได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่สร้างอยู่ในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล แต่ได้พังทะลายลงไปเมื่อเกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 14 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:47:41

ความคิดเห็นที่ 21 บางส่วนของป้อมปราการ Qaitbay แห่งนี้ได้สร้างจากเศษหินบางส่วนที่เหลือจากซากของประภาคารฟารอส จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:48:01

ความคิดเห็นที่ 22 บริเวณโดยรอบที่ตั้งป้อมปราการ Qaitbay เป็นแนวกำแพงกั้นคลื่น ซึ่งจะเต็มไปด้วยชาวอียิปต์มาเที่ยวกันอย่างคึกคัก บางคนมาตกปลา เดินชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:48:21

ความคิดเห็นที่ 23 ร้านขายของที่ระลึกตลอดแนวชายฝั่ง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:48:47

ความคิดเห็นที่ 24 อีกภาพที่ป้อมปราการ The Citadel of Qaitbay จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:49:07

ความคิดเห็นที่ 25 เมื้อกลางวันที่เมืองชายหาดอเล็กซานเดรีย ที่ร้าน Grand Cafe Fish Market เป็นอาหารแบบซีฟู๊ดเมนูปลาบูรี่อบหนึ่งตัวกับข้าวผัดแบบอียิปต์ เสริฟพร้อมสลัดผัก และขนมปังแผ่นอียิปต์ที่เรียกว่า เอช (Aish) เป็นเมื้อที่อร่อยถูกปากไม่น้อยเมื่อเที่ยบกับอาหารท้องถิ่นอย่างเมื่อวานนี้ ภัตราคารนี้น่าจะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงพอสมควรเพราะอยู่ติดริมทะเล ที่นั่งเป็นห้องกระจกสามารถชมวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้เป็นมุมกว้างสุดลูกหูลูกตา และที่สำคัญร้านนี้เคยให้การต้อนรับแขกคนสำคัญหลายๆคนอย่างเช่น ราชินีประเทศสเปน ก็เคยมาทานอาหารที่ร้านนี้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:49:29

ความคิดเห็นที่ 26 หญิงชาวอียิปต์กำลังนำขนมปังแผ่นเอช (Aish) ออกจากเตา...... ชาวอียิปต์นิยมทานขนมปังแผ่นเอช กันอย่างแพร่หลาย เหมือนกันกับที่คนไทยทานข้าวทุกวัน วิธีการทานก็จะใช้มือฉีกขนมปังจิ้มทานกับกับข้าว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:49:50

ความคิดเห็นที่ 27 หลังอาหารเมื้อเที่ยงเราไปต่อกันที่ หอสมุดแห่งชาติอเล็กซานเดรีย หรือ Bibliotheca Alexandria เป็นหอสมุดที่ยิ่งใหญ่มหึมาแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นที่ดึงดูดใจของเหล่านักปราชญ์จากทั่วโลก เพราะได้รวบรวมตำราหนังสือนานาชาติกว่า 8 ล้านเล่มในหลายภาษา รวมทั้งต้นฉบับเขียนมือหายากกว่าอีก 50000 ชิ้น เรียงรายอยู๋ในโถงทรงกลมที่กว้างใหญ่ไพศาลที่โครงสร้างอาคารประกอบขึ้นจากกระจกและโลหะดูน่าประทับใจ ส่วนภายในหอสมุดตกแต่งสวยงามวิจิตรพิสดารและทันสมัยไม่แพ้หอสมุดในประเทศโลกตะวันตก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:50:11

ความคิดเห็นที่ 28 หินสลักขนาดมหึมายืนเด่นเป็นสง่าที่ด้านหน้าปากทางเข้าหอสมุด......... ดาเลีย เล่าให้ฟังว่าพบหินสลักนี้นอนอยู่ใต้ท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นชื่อผู้ใด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:50:33

ความคิดเห็นที่ 29 ผนังตึกที่ด้านหน้าทางเข้าหอสมุดทำเป็นรูปตัวอักษรภาพอียิปต์โบราณที่เรียกว่าอักษรภาพ Hieroglyphics..... ส่วนภาพเล็กเป็นตั๋วเข้าชมหอสมุดครับ.... มีโปรแกรมทัวร์ชมห้องสมุดเป็นภาษาต่างๆ แบ่งเป็นรอบๆ ละ 20 นาที จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:51:26

ความคิดเห็นที่ 30 วิวหอสมุด Bibliotheca Alexandria ...... ในรูปจะเห็นสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าโถงทรงกลมยักษ์ ตั้งตะหง่านอยู่ติดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:51:53

ความคิดเห็นที่ 31 โถงทรงกลมที่กว้างใหญ่ไพศาลที่โครงสร้างอาคารประกอบขึ้นจากกระจกและโลหะ...... หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเยือนอเล็กซานเดรีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:52:19

ความคิดเห็นที่ 32 อีกมุมหนึ่งของหอสมุด ด้านติดทะเลจะเป็นถนนเรียบริมทะเลตลอดแนว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:52:54

ความคิดเห็นที่ 33 ตกเย็นก่อนกลับไคโร เรานั่งรถลัดเลาะไปบนถนนสายที่โค้งไปสุดปลายหาดที่พระราชวังมอนทาซาห์ (Montazah Palace) ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางสวนสวยขนาดใหญ่ ขนานไปกลับชายหาดที่ทอดยาวเหยียดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:53:17

ความคิดเห็นที่ 34 พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 ประกอบไปด้วยวัง Haremlek และ วัง Salemlek ปัจจุบันวัง Salemlek ได้รับการบูรณะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของประธานาธิบดีอียิปต์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:53:37

ความคิดเห็นที่ 35 เช้าวันใหม่วันส่งท้ายปีเก่า (31 ธค) ที่ไคโร ท้องฟ้าแจ่มใสดีมากๆ วันนี้เราจะไปเที่ยวมหาพีระมิดที่กิซ่ากันครับ แต่ก่อนไปกิซ่า เรามีโปรแกรมไปแวะที่ ป้อมปราการซิตาเดล (The Citadel in Cairo) ก่อน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:54:06

ความคิดเห็นที่ 36 ป้อมปราการนี้สร้างระหว่างปี คศ 1176 - 1183 ในสมัยของสุลต่านซาลาดิน ที่สร้างขึ้นบนเขามูกัตตัม ตัวป้อมปราการสร้างขึ้นด้วยหินปูน (Lime Stone) เพื่อเป็นป้อมปราการในการรบสมัยสงครามคูเสด ภายในบริเวณป้อมปราการบรรจุมัสยิดมูฮัมเมดอาลี (Muhammed Ali Mosque) มัสยิดสไตล์ออตโตมัน (Ottoman Baroque)  สร้างเลียนแบบมัสยิดในกรุง Istanbul โดยสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนที่เรียกว่าอลาบาสเตอร์ (Alabaster) ซึ่งเป็นหินตะกูลหินอ่อนของอียิปต์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:54:25

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบท้องฟ้าแบบวันนี้จัง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:54:45

ความคิดเห็นที่ 38 ค่าเข้าชมป้อมปราการ + มัสยิส ราคา 50 ปอนด์อียิปต์ครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:55:06

ความคิดเห็นที่ 39 หญิงผิวคล้ำคนนี้(ไม่แน่ใจว่าเป็นชาวอียิปต์หรือเปล่า) แต่งตัวสวยงามมากในชุดแต่งกายแบบเทพย้อนยุคโบราณ มายืนโพสท่าให้เพื่อนที่มาด้วยกันถ่ายภาพที่หน้ามัสยิด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:55:25

ความคิดเห็นที่ 40 พวกเราเลยถือโอกาสสวมรอยเก็บภาพกลับมาด้วย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:55:47

ความคิดเห็นที่ 41 มุมมองทางด้านหน้าดูยิ่งใหญ่อลังการมาก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:56:07

ความคิดเห็นที่ 42 ก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:56:30

ความคิดเห็นที่ 43 ภายในมัสยิดตกแต่งด้วยศิลปแบบของชาวมุสลิมสวยงามตระการตา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:56:51

ความคิดเห็นที่ 44 ประกอบด้วยดวงไฟ 365 ดวง แทนจำนวนวัน 365 วันใน 1 ปี และเสา 12 ต้น แทน 12 เดือน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:57:12

ความคิดเห็นที่ 45 ลวดลายด้านบนเพดานในมัสยิดมูฮัมเมดอาลี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:57:33

ความคิดเห็นที่ 46 จากลานกว้างด้านหลังมัสยิดมูฮัมเมดอาลี จะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นตัวเมืองไคโรอย่างชัดเจน..... จากจุดนี้สามารถมองเห็นมหาพีระมิดด้วยครับในวันที่ฟ้าใสปลอดโปร่ง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:57:54

ความคิดเห็นที่ 47 สุเหร่าสุลต่านฮะซัน และ รีฟาอี อยู่เคียงคู่กันเมื่อมองจากมุมสูงใต้ซิตาเดล จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:58:13

ความคิดเห็นที่ 48 ได้เวลาออกจากป้อมปราการซิตาเดล ไปทานมื้อกลางวันครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:58:34

ความคิดเห็นที่ 49 บริเวณลานจอดรถด้านหน้าป้อมปราการซิตาเดล จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:58:58

ความคิดเห็นที่ 50 อาหารกลางวันเมื้อนี้เป็นไก่ย่างอียิปต์ครับ ไก่ย่างอียิปต์อร่อยจริงๆเป็นอาหารอย่างเดียวในบรรดาอาหารทั้งหมดที่ถูกปากผมมากๆ ได้ยินไกด์คนไทยบอกว่าเป็นเพราะเนื้อไก่ที่อียิปต์อร่อยกว่าไก่บ้านเรา................. ภาพบริกรเด็กน้อยน่ารักในร้านไก่ย่างครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:59:24

ความคิดเห็นที่ 51 ทานข้าวเสร็จคณะเราไปต่อกันที่ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 09:59:57

ความคิดเห็นที่ 52 ทานไก่ย่างมื้อกลางวันเสร็จพอแหงนดูท้องฟ้า.... เจองานเข้าอีกจนได้ เมื่อช่วงเช้าตอนไปมัสยิดมูฮัมเมดอาลี ท้องฟ้ายังแจ่มอยู่เลย ความหวังที่จะได้เก็บภาพมหาพีระมิดในวันฟ้าแจ่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการมาเที่ยวอียิปต์ เริ่มส่อเคล้ามีปัญหาเกิดขึ้นทันที ขณะที่นั่งรถไปกิซ่า ก็ได้แต่ภาวนาให้บรรดาหมู่เมฆดำทะมึนหายไปแต่โชคไม่เข้าข้างเราครับ ก้อนเมฆดำยังเต็มท้องฟ้าเมื่อรถจอดให้เราลงที่พีระมิดคูฟู (Khufu) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:00:24

ความคิดเห็นที่ 53 มีบางช่วงเท่านั้นที่พอจะเห็นฟ้าเปิดอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เดียว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:00:51

ความคิดเห็นที่ 54 เมืองกิซ่า สถานที่ตั้งของมหาพีระมิดคือเมืองแห่งสุสานของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ อยู่ห่างจากกรุงไคโรเพียง 8 กิโลเมตร เมื่อเดินทางมาถึงที่ราบสูงกิซ่าจะสามารถมองเห็นมหาพีระมิดทั้ง 3 ตั้งตระหง่านเรียงรายอย่างโดดเด่นอยู่กลางเนินทราย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:01:14

ความคิดเห็นที่ 55 พีระมิด ทั้ง 3 นี้สร้างขึ้นในราชวงศ์ที่ 4 นับแล้วมีอายุย้อนหลังไปกว่า 5000 ปีมาแล้ว ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าฟาโรห์เป็นสมมุติเทพ เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ย่อมกลับสู่เทวโลกร่วมกับเทพเจ้าองค์อื่นๆที่พวกเขาเคารพบูชา ด้วยความเชื่อนี้ฟาโรห์ของอียิปต์จึงสร้างสุสานเตรียมไว้เป็นห้องชุดใต้ดินขนาดมหึมา มีห้องหับต่างๆบรรจุข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์สำหรับนำไปใช้ในปรโลก สุสานเหล่านี้จะตั้งอยู่บนทะเลทรายฟากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์อันเป็นทำเลที่คำนวณแล้วว่าเหมาะสม เพราะชาวอียิปต์เชื่อว่าทิศตะวันตกซึ่งเป็นจุดที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเป็นทิศแห่งความตาย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:01:39

ความคิดเห็นที่ 56 เนื่องด้วยความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตอันเป็นนิรันดร์หลังความตายนี้เอง ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการสร้างสุสานของผู้ปกครองอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งต้องได้รับการก่อสร้างที่พิเศษสุดและให้ยืนยงอยู่ตราบนานเท่านาน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:02:05

ความคิดเห็นที่ 57 ดาเลีย พาพวกเรามาแวะชมพีระมิดคูฟูเป็นที่แรก พีระมิดคูฟู นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่ามหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) มหาพีระมิดที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกีซ่า เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์ คูฟู (Khufu) แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณเมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพไว้รอการกลับคืนชีพตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า  และเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:02:37

ความคิดเห็นที่ 58 มหาพีระมิดแห่งกิซ่า  มีความสูงถึง 147 เมตร รูปทรงของพีระมิดมีลักษณะเฉพาะตัว ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยด้านสามเหลี่ยม 4 ด้าน ยอดสามเหลี่ยมแต่ละด้าน เอียงเข้าบรรจบกัน เป็นยอดแหลม ฐานทั้ง 4 ด้านของพีระมิด กว้างด้านละประมาณ 230 เมตร (756 ฟุต กว้างกว่าสนามฟุตบอลต่อกัน 2 สนาม) คิดเป็นพื้นที่ฐานประมาณ 53,000 ตารางเมตรหรือประมาณ 33 ไร่ ฐานล่างสุดของพีระมิด ก่อขึ้นบนชั้นหินแข็ง ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นทราย เพื่อป้องกันปัญหาการทรุดตัวของชั้นทราย ซึ่งจะมีผลกับความคงทนแข็งแรงของโครงสร้างพีระมิด ผิวหน้าแต่ละด้านของ พีระมิดคูฟู ทำมุมเอียงประมาณ 52 องศา ซึ่งมีส่วนทำให้พีระมิดคงทนต่อการสึกกร่อน อันเนื่องมาจากพายุทราย ....... ข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:03:16

ความคิดเห็นที่ 59 ตามที่มีข้อมูลปรากฏในแหล่งต่างๆ อ้างถึง จำนวนหินที่นำมาก่อสร้างพีระมิดคูฟู ต่างกันไปตั้งแต่ 2 ล้านถึง 2.6 ล้านก้อน ประมาณน้ำหนักเฉลี่ยก้อนละ 2.5 ตัน โดยจัดเรียงซ้อนกันขึ้นไปประมาณ 200 ชั้น คิดเป็นน้ำหนักรวมกว่า 6 ล้านตัน สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือด้านทั้ง 4 ของพีระมิดหันออกในแนวทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ถูกต้องแม่นยำตามทิศจริงไม่ใช่ตามทิศเหนือแม่เหล็ก จึงไม่ใช่การกำหนดทิศด้วยเข็มทิศ ตำแหน่งของพีระมิดนั้น คลาดเคลื่อนจากทิศเหนือเพียง 3 ลิปดา 6 ฟิลิปดา แสดงถึงความสามารถของชาวอียิปต์โบราณ ในการประยุกต์ความรู้ทางดาราศาสตร์มาใช้ในการกำหนดทิศทางได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คนงานก่อสร้างพีระมิดคูฟูยังสามารถทำงานได้อย่างเที่ยงตรงน่าทึ่ง โดยหินตรงส่วนฐานของพีระมิดจัดวางได้เสมอกัน มีความคลาดเคลื่อน เพียงไม่ถึง 2.5 เซนติเมตร และแต่ละด้านของฐานพีระมิด มีความกว้างคลาดเคลื่อนจากกันเพียงไม่เกิน 8 นิ้ว หรือคิดเป็นเพียง 0.09 % ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับขนาดงานก่อสร้าง และระดับเทคโนโลยีในขณะนั้น (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:03:41

ความคิดเห็นที่ 60 หินแต่ละก้อนที่นำมาวางซ้อนกันเป็นพีระมิดใหญ่มากๆครับ ใครที่คิดจะมาปีนคงต้องออกแรงมากพอสมควร ความรู้สึกเหมือนๆกับตอนที่เราปีนก้อนหินที่นครวัดเลยครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:04:06

ความคิดเห็นที่ 61 ถัดจากาพีระมิดคูฟู เป็นพีระมิดคาเฟร (Khafre) พีระมิดอันกลางนี้มีขนาดเล็กกว่ามหาพีระมิดคูฟูเล็กน้อย แต่เราจะมองเห็นขนาดสูงใหญ่กว่า ทั้งนี้เป็นเพราะพีระมิดคาเฟรตั้งอยู่บนเนินจึงทำให้ดูสูงกว่ามหาพีระมิด ซึ่งจุดเด่นของพีระมิดหลังกลางนี้อยู่ที่ส่วนยอดที่ยังคงหลงเหลือเปลือกนอกอันเป็นหินปูนคลุมอยู่เพียงแห่งเดียว พีระมิดนี้เป็นของฟาโรห์คาเฟร (Khafre) ซึ่งเป็นพระโอรสของฟาโรห์คูฟู จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:04:29

ความคิดเห็นที่ 62 พีระมิดคูฟู(ในรูปด้านซ้ายมือ) ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่โตกว่าพีระมิดคาเฟร แต่เมื่อดูจากในรูปแล้วมีขนาดเล็กกว่าเพราะพีระมิดคาเฟรตั้งอยู่บนเนินที่สูงกว่า จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:04:54

ความคิดเห็นที่ 63 มาถึงพีระมิดน้องเล็ก เป็นของฟาโรห์เมนคูเร (Menkaure) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของฟาโรห์คูฟู พีระมิดหลังที่สามนี้มีขนาดเล็กที่สุดและเป็นพีระมิดสุดท้ายบนที่ราบสูงกิซ่าแห่งนี้ จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงพีระมิดคูฟู และพีระมิดคาเฟร แต่ในที่สุดก็สร้างในขนาดที่เล็กกว่า พีระมิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen's Pyramids) พีระมิดทั้งสามสร้างเรียงต่อกันเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน ด้วยโครงสร้างใหญ่โตและลักษณะรูปทรงเรขาคณิตเฉพาะตัว ทำให้สามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกล ทั้งนี้แม้แต่จากภาพถ่ายดาวเทียม จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:05:21

ความคิดเห็นที่ 64 ค่าเข้าชมมหาพีระมิดราคา 60 ปอนด์อียิปต์ครับ ...................... ราคานี้ยังไม่รวมค่าขี่อูฐ หรือค่าชม Sound & Light จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:05:48

ความคิดเห็นที่ 65 กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมากอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาเที่ยวชมมหาพีระมิดที่กิซา คือการได้ขี่อูฐและถ่ายรูปคู่กับมหาพีระมิด..... ดูท้องฟ้าซิครับ น่ากลัวมากเลย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:06:10

ความคิดเห็นที่ 66 มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาใช้บริการที่จุดขี่อูฐ (วินขี่อูฐ) แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องการสื่อสารเพราะเจ้าของอูฐกับเด็กจูงอูฐพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:06:36

ความคิดเห็นที่ 67 พวกเราต้องให้ ดาเลีย ช่วยสื่อสารตกลงราคาให้เนื่องจากเคยได้ยินมาว่าเจ้าของอูฐจอมเจ้าเล่ห์ชอบโกงนักท่องเที่ยว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:07:00

ความคิดเห็นที่ 68 เช่นเมื่อขึ้นขี่อูฐไปแล้วเวลาจะลงจากหลังอูฐจะต้องจ่ายค่าลงอีกต่างหาก ถ้านักท่องเที่ยวไม่ยอมจ่ายเจ้าของอูฐจะไม่สั่งให้อูฐนั่งลง อะไรทำนองนี้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:07:32

ความคิดเห็นที่ 69 แต่ก็ไม่วายที่เจ้าเด็กจูงอูฐคนนี้..... จะเร่งจูงอูฐกลับท่าเดียวทั้งๆที่จูงอูฐออกไปเดินยังไม่ถึง 10 นาทีเลย...... เรานั่งบนหลังอูฐก็ไม่รู้จะทำอย่างไรอยากให้หยุดถ่ายรูปตรงจุดที่ต้องการให้หยุดก็พูดกับเด็กไม่รู้เรื่อง..... รู้สึกอึดอัดพอสมควร...... สุดท้ายต้องบอกว่าจะจ่ายทริปเพิ่มให้ทีหลัง.... เด็กถึงทำตามใจเรา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:07:54

ความคิดเห็นที่ 70 ใช้เวลาอยู่บนหลังอูฐประมาณ 25 นาที เจ้าเด็กเสื้อแดงก็พาเรากลับมาส่งที่วินอูฐที่เดิม จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:08:17

ความคิดเห็นที่ 71 พอลงจากหลังอูฐ ผมขอให้ดาเลียช่วยพูดกับเจ้าของอูฐ ให้จูงอูฐห่างออกไปจากผู้คนเพื่อจะขอถ่ายรูปเพราะเมื่อสักครู่ตอนนั่งบนหลังอูฐพูดกับลูกชายไม่รู้เรื่องเลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป........โชคดีที่เจ้าของอูฐยอมทำตามที่เราขอ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:08:39

ความคิดเห็นที่ 72 หน้าตาน้องอูฐแบบใกล้ๆเป็นแบบนี้นี่เอง......ตอนแรกคิดว่าอูฐเป็นสัตว์น่ากลัว.... แต่ผิดคลาดครับ น้องอูฐตัวนี้น่ารักทีเดียว ไปยืนอยู่ใกล้ๆตัวก็ไม่เหม็นด้วย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:09:02

ความคิดเห็นที่ 73 รูปนี้กล้มลงไปถ่ายที่ใต้ท้องน้องอูฐครับ ..... ดีน๊ะที่น้องอูฐไม่เอาขาดีดเราตอนที่กล้มตัวลงไปถ่ายรูปนี้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:09:25

ความคิดเห็นที่ 74 ทางทิศตะวันออกของพีระมิดคาเฟร มีมหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) หินแกะสลักขนาดมหึมาที่มักปรากฏในภาพถ่ายคู่กับพีระมิดคาเฟร...... ในภาพจะเห็นแถวเก้าอี้นั่งด้านหน้าถูกจัดเรียงเอาไว้เป็นที่นั่งชม Sound and Light ครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:09:52

ความคิดเห็นที่ 75 The Great Sphinx of Giza สฟิงซ์ของอียิปต์ อาศัยอยู่บนทรายสีเหลืองนุ่มของที่ราบสูงแห่งกิซา เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาซึ่งเรารู้จักกันดี... สฟิงซ์ สัตว์ลูกครึ่งที่ทอดร่างหันหน้าสู่ทิศตะวันออกและหมอบเฝ้ามหาพีระมิดมานับพันปี เจ้าสัตว์ที่เกิดจากการรวมตัวอันแปลกประหลาดระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์นั้น มีสัญลักษณ์ องค์ฟาโรห์อียิปต์แสดงไว้ชัดเจน คือมีเคราที่คาง ตรงหน้าผากมีงูจงอางแผ่แม่เบี้ย และมีเครื่องประดับรัดเกล้าแบบกษัตริย์โดยรอบ ความกว้างของใบหน้านั้นประมาณ 14 ฟุต ส่วนลำตัวที่เป็นสิงโตมีความยาวเกินกว่า 240 ฟุต (วัดจากหัวถึงหาง) ขนาดของมันมโหฬารจนคนที่เดินผ่านเหลือตัวนิดเดียว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:10:25

ความคิดเห็นที่ 76 ส่วนหน้าที่ของสฟิงซ์แห่งกิซานอกจากเฝ้าพีระมิดแล้ว เบื้องหลังและทุกด้านของรูปปั้นอมนุษย์นี้ ยังมีพื้นที่ที่ เรียกว่า "นครมรณะ" รายรอบอยู่ นครมรณะกินอาณาบริเวณคลอบคลุมผืนทรายทางใต้ ทางตะวันตกและเหนือของสฟิงซ์หลุมแล้วหลุมเล่าต่างถูกขุดเจาะเป็นโพรง เพื่อใส่โลงหินที่บรรจุร่างของพระราชวงศ์ ขุนนาง และนักบวชชั้นสูงซึ่งผ่านกรรมวิธีการทำมัมมี่มาแล้ว โดยที่สฟิงซ์จะคอยขจัดวิญญาณชั่วร้ายให้พ้นจากหลุมศพเหล่านั้น จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:10:55

ความคิดเห็นที่ 77 สฟิงซ์ของแท้แห่งกิซา หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ มองจากด้านข้างจะเห็นว่าจมูกน่ะหายไปแล้ว (เสียดายที่หน้าตาเละไปหมดแล้ว)........ เจ้าอมนุษย์ครึ่งสัตว์ตัวนี้แหละครับที่นอนตากแดดตากฝนเฝ้ามหาพีระมิดที่เห็นอยู่ด้านหลังมานับพันๆปีแล้ว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:11:21

ความคิดเห็นที่ 78 ช่วงที่เดินชมมหาสฟิงซ์อยู่..... พอดีเป็นช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว ตะวันคล้อยต่ำลงทางด้านหลังพีระมิดคาเฟร.... เลยกดซัตเตอร์แบบย้อนแสงมาครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:11:48

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นภาพนี้แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาเที่ยวที่ไหน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:12:13

ความคิดเห็นที่ 80 สาวน้อยนำของที่ระลึกมาขายที่บริเวณทางเข้าไปชมมหาสฟิ้งซ์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:12:38

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้านหลังมหาพีระมิดครับ (ภาพเดียวกับภาพเปิดกระทู้ครับ) ตั้งใจไปเก็บภาพนี้โดยหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะเจอท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีตอนพระอาทิตย์อัสดง แต่ปรากฏว่ากินแห้วครับ เพราะท้องฟ้าเน่าตั้งแต่กลางวันแล้ว เลยได้ภาพมาเท่าที่เห็นครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:13:08

ความคิดเห็นที่ 82 คืนนี้เราเข้าชมการแสดง Sound and Light มหาพีระมิดที่กิซ่ากันครับ รู้สึกผิดหวังกับการแสดงมากๆ เพราะคิดว่าจะยิ่งใหญ่อลังการเหมือนความใหญ่โตและมีชื่อเสียงเท่ากับขนาดพีระมิด แต่ผิดคลาดไม่คุ้มกับค่าตั๋วที่ต้องจ่ายเงินค่าเข้าชมต่างหาก เนื่องจากไม่ได้รวมอยู่ในราคาทัวร์ แถมต้องเสียค่านำขาตั้งกล้องเข้าไปอีกด้วย เพราะการแสดงเน้นเสียงมากกว่าแสง นานๆ เปิดแสงที่โน่นนิด ที่นี่หน่อย ทำให้สาวกที่ชอบถ่ายรูปรู้สึกอึดอัดกันไปตามๆกัน ถ้าเที่ยบกับการแสดง Light and Sound ที่เน้นแสงมากกว่าเสียงที่นครวัด หรือที่สุโขทัย บ้านเรา เที่ยบกันไม่ได้เลย มาคิดดูอีกที... เขาอาจไม่เน้นเรื่องแสงก็ได้ครับ เพราะชื่อการแสดงบอกไว้ว่า Sound and Light  ไม่ใช่ Light and Sound ............. ผมคิดว่าถ้าต้องการเข้าไปเก็บภาพการแสดงไม่น่าจะคุ้มกับเงินที่เสียไปครับ ...... เลยได้ภาพมาเพียงแค่นี้เองครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:13:34

ความคิดเห็นที่ 83 ภาพนี้จะเห็นตัวอนูบิสทำลังประกอบพิธีทำมัมมี่ เขาใช้เทคนิคยิงแสงเลเซอร์ไปที่แผ่นหิน ............ พีระมิดคือที่ฝังพระศพขององค์ฟาโรห์ที่อยู่ในสภาพมัมมี่ที่จะรอวันหวนคืนสู่ร่างอีกครั้ง จากฐานที่มั่นคงในรูปสี่เหลี่ยม สร้างขึ้นเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าสี่ด้านประกบกันเป็นมุมแหลมที่ปลายสุด อันเป็นเหมือนองค์ฟาโรห์จะได้ใกล้ชิดกับสุริยเทพทั้งมวลในดินแดนไอยคุปย์แห่งนี้ ซึ่งการทำมัมมี่ก็เกิดจากคตินิยมแบบอียิปต์โบราณ ด้วยความเชื่อที่ว่าอียิปต์มีธรรมชาติเป็นสิ่งวิเศษ แม่น้ำไนล์เป็นความอุดมสมบูรณ์ และทะเลทรายเป็นปราการอันแข็งแรง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่มีความสงบสุข จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:14:03

ความคิดเห็นที่ 84 ฟ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:14:32

ความคิดเห็นที่ 85 วันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 มค ตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตี 4 เพราะเช้าวันนี้เราต้องเดินทางไกลจากกรุงไคโรไปกลางทะเลทรายที่ โอเอซิสอัล-บาฮารีย์ยาห์ (Al-Bahariyyah Oasis) รถพาคณะเรามุ่งไปทางทิศตะวันตกออกนอกถนนมุ่งสู่ทะเลทรายด้านหลังพีระมิดกิซา จุดหมายปลายทางคือเมืองบาวิตี ระยะทางทั้งหมด 330 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ทางตะวันตกของอียิปต์ กลางทะเลทรายที่แผ่ยาวยืดเข้าไปจนถึงดินแดนลิเบียมีโอเอซิสอยู่หลายแห่ง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมีอยู่หลายแห่งของดินแดนแถบนี้ หนึ่งในนั้นคือโอเอซิสอัล-บาฮารีย์ยาห์ (Al-Bahariyyah Oasis) ที่พวกเราจะไปนั่งรถ Four-Wheels กลางทะเลทรายกันครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:15:03

ความคิดเห็นที่ 86 เราแวะขอเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันที่ร้านค้าระหว่างทาง และที่สำคัญขอน้ำร้อนจากคนขายทำม่ามาเป็นมื้อเช้ากันที่นี่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:15:35

ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อถึงเมืองบาวิตี พวกเราแวะที่โรงแรมในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเปลี่ยนมานั่งรถ Four-Wheels เพราะระยะทางต่อจากนี้รถ Four-Wheels จะพาเราเข้าไปชมสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ทะเลทรายดำ (Black Desert) และทะเลทรายขาว (White Desert)..... ในรูปเราแวะกันที่โรงแรมเพื่อล้างหน้าล้างตาและขอเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนออกไปลุยทะเลทราย ที่โรงแรมมีนักท่องเที่ยวแบบ Backpackers มาพักมากพอสมควร นักท่องเที่ยวเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้โรงแรมที่นี่เป็นที่พักแรมก่อนออกไปนอนกลางเต้นท์นอนกลางทะเลทราย ชื่อโรงแรม+เวปไซท์อยู่ในรูปครับถ้าเพื่อนๆสนใจไปใช้บริการ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:16:00

ความคิดเห็นที่ 88 ต้นอินทผลัมขึ้นอยู่ให้เห็นทั่วไปในอียิปต์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 10:16:23