Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีใหม่ 2555 หลงป่าสี่วันสามคืน บนภูหลวง จ.เลย vote ติดต่อทีมงาน

สวัสดีปีใหม่  พ.ศ. 2555
อายุครบ  50 ปี
เช้าวันที่ 5 มกราคม 2555  
เป็นการเริ่มต้นทริป  เล็ก ๆ  ที่วางแผนไว้  กลับกลายเป็น การเดินทางเดิมพันด้วยชีวิตที่เหลืออยู่
เวลาตี  5 ของวันที่  5 มกราคม 2555   น้องชายออกเดินทางจากเมืองเลย  พาแม่   และแฟนเรา  เดินทางเข้า กรุงเทพ ฯ  ( แอบดีใจเล็ก ๆ ) พอรถจะออกก็เดินไปบ๊าย บายที่รถ  เพื่อลา
ก็รีบรดน้ำต้นไม้ส่วนหน้าบ้าน เสร็จแล้วทำกับข้าวตอนเช้า กินข้าวมื้อเช้า ผักกระหล่ำปลี+แครอต
มื้อเช้าประมาณ 8.30 น.เวลาประมาณเกือบ  9 โมงเพื่อนน้องชายก็จะออกไปเปิดร้านพร้อมกับน้องชายอีก  เราก็บอกเพื่อนน้องว่า วั นนี้เวลาว่าง เยอะเลยว่าจะไปถ่ายรูปที่ภูหลวง  และกินเที่ยงที่ภูเรือ  แล้วก็อาจแวะหลวงปู่ขันตี ถ้าเวลาเหลือคำนวนว่ากลับมากินเย็นที่บ้าน เพราะหุงข้าวเผื่อไว้  
พอเพื่อนน้อง กับน้องออกไป   เราก็คว้าเสื้อสีเขียวลาย  ที่เพี่สาวฝากมาให้จากอเมริกา    ใส่ทับเสื้อยืดสีฟ้า  พิมพ์โลโก้ มิตรแท้ ที่อกเสื้อข้างซ้าย  ล๊อกห้องทั้งสองห้องเรียบร้อยก็ออกเดินทางตามหลังสัก 5 นาที  ก็วางแผนไว้ว่าจะเดินทางแบบประหยัดสุด  ปิดแอร์ วิ่งความเร็ว ประมาณ  80 กม.ต่อชั่วโมง เพราะตั้งจะไปถ่ายรูปเก็บข้อมูล  ไว้เดือนมีนาคม  กล้วยไม้คงเริ่มทยอยบาน จะมาใหม่
ใช้เวลาประมาณ  1 ชม.  ก่อนถึง อช.ภูเรือ  ซ้ายมือก็คือจุดหมาย  นั่นคือ  อช.ภูหลวง  แหล่งพันธ์ไม้ที่ใหญที่สุดในประเทศไทย  ทางเข้าเรียกว่า โคกนกกระบา  ระยะทางประมาณเบ็ดเสร็จประมาณ 30-40 กม.  ทางขึ้นภูหลวงเป็นทางไม่กว้างนัก ต้นไม้สองข้างทางร่มรื่นเหมือนเขาใหญ่  วิวข้างทางแปลกตาดี
เมื่อถึง  ที่ทำการด่านแรก  ก็เข้าไปติดต่อ เจ้าหน้าที่ ค่าผ่านทางบำรุง อช. 50 บาท จนท.ไม่มีตังส์ทอนเลยให้ไป 60 บาท เป็นค่าจ่ายที่ถูกแสนถูก  50  บาท เป็นประตูบานแรกที่เราไม่รู้เลยว่าต้องแลกกับชีวิตที่เหลืออยู่ทีเดียว  ก่อนจะขึ้นต่อไปยังจุดหมาย  เจ้าหน้าที่ ขอติดรถขึ้นไปด้วยหนึ่งคน  เมื่อผ่านด่านที่สอง เจ้าหน้าที่  ที่ประจำก็ไม่ได้บันทึกข้อมูลจุดหมายของเราเพราะเห็นมีเจ้าหน้าที่นั่งมาด้วย
พอจอดรถก็เข้าห้องน้ำเรียบร้อย  ก็มองสำรวจพื้นที่  ซ้ายมือเห็นเสาโทรทัศน์ สถานีช่อง 7
เป็นเสาสูงก็เล็งไว้เป็นระยะเดินทางขากลับ  ช่องทางเดินถัดมาเขียนว่าดูหน้าผา 4 กม. ที่ท่องเที่ยวอีกสองที่     เห็นเป็นหน้าผาเลยเฉย ๆ ขวามือมีป้ายบอกทางเดิน “ลานสุริยัน” มีรถตู้  รร.สตรีวิทยาขอนแก่นจอดอยู่สี่คัน  นักศึกษาเดินเข้าไปที่เนินหมดแล้วได้ยินแต่เสียงเด็ก ๆ  คุยกัน ซ้ายมือบ้าง ขวามือบ้าง แต่ไม่เห็นตัว เพราะทางเดินจะคดเคี้ยวไปมา แต่เป็นทางที่วนกลับมาที่เดิม    ยืนดูแผนที่เส้น
ทางเดินคร่าว ๆ ก็ออกเดินดูกล้วยไม้ไปถ่ายรูปดอกไม้แบบช้า ๆ     สักพักได้ยินเสียงคนอิสานคุยกันข้างหลังเดินตาม
มาอีก สามคนเป็นผู้ชายสองคนหญิงหนึ่งคน      เราก็หลบทางขวาให้เดินแซงไป    แล้วก็เดินตามหลังไปเรื่อย ๆ สักพักเสียงคุยกันทั้งสามคนก็ไม่ได้ยิน  เราก็สังเกตุมีป้ายเขียนติดเป็นระยะ ห้ามเดินออกนอกเส้นทางเดินเด็ดขาด  แสดงว่า เข้มงวดมากๆ  เราก็ระวังสังเกตุทางเดินห่างเป็นระยะ ๆ มีผ้า
ริปบิ้นสีชมพูเข้มจงใจผูกไว้ที่ต้นไม้ค่อนข้างสีดำ  มีแผ่นเพลท  แสดงพิกัดของทางเดิน   ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบเดินย้อนทางเดิม    ด้วยเข้าใจว่าทางเดินนี้โค้งทางขวาแล้ววนถึงที่เดิม    ก็เดินดูต้นไม้ไปเรื่อย ๆ  ก่อนเดินทางเข้า   มีป้ายบอกว่าดูต้นไม้ก็คุ้มแล้ว  บางป้ายก็เขียนบอกป่าสวยเพราะรวยสัตว์  ก็เดินไปสักครึ่งชั่วโมง
ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร  ก็ยังเดินต่อไปเรื่อย เป็นระยะ จะมีริปบิ้นผูกอยู่แสดงว่าเราอยู่ในเส้นทาง
ปกติ  ทางเดินโค้งไปทางขวามือไปเรื่อย ๆ     มีทั้งทางเดินลงล่องน้ำ แล้วก็ขึ้น มีรอยเท้าช้าง  ขี้ช้าง  เป็นของเก่า   เป็นทางเดินของคนค่อนข้างกว้าง  พอเดินไปไม่รู้ว่าไกลเท่าไร  เพราะความไกลของคน  คนหนึ่ง ไม่เหมือนกันกับความไกลของอีกคนแน่นอน     การเดินของเราเป็นของง่าย เพราะอากาศดีมากเย็นสบาย  พอพ้นป่าโปร่ง ข้างหน้ามีทุ่งหญ้าแบบสวันน่าสูงประมาณเอว  ข้างหน้ามีเนินค่อนข้างไกล  แล้วที่ไกลออกไปก็มีป่าเหมือนที่เราเดินออกมา  เราเริ่มรู้สึกว่าไกลมากก็คิดจะเดินกลับไป  คำนวนว่าถ้าเดินผ่านเนินข้างหน้าก็จะกลับไปที่ทำการ เป็นทางโค้งขวา .......เริ่มหิวข้าวอยากกินส้มตำไก่ย่างที่ภูเรือ เวลาก็ประมาณบ่าย 2  โมงตัดสินใจเดินไปข้างหน้าเพื่อกลับที่ทำการ อช.  พอเดินออกจากป่าโปร่งทางเดิน  ก็เป็นทางลาดลงสู่ทุ่งหญ้าแบบสวันนา  เลยขึ้นไปเป็นเนินที่มองเห็น  มองเลยไปก็เป็นป่าโปร่งเหมือนทางออก  ก็ตัดสินใจเดินลงผ่านทุ่งหญ้า เพื่อขึ้นเนินพุ่มไม้เตี้ย ๆ  เพื่อเดินผ่านไปเข้าทางป่าข้างหน้า  โดยไม่คิดย้อนกลับทางเดินเพราะรู้สึกว่ามาไกลเหมือนกันแล้ว (พึ่งนึกได้)      
            พอเราเดินลงไปทางลาดที่เป็นทุ่งสวันนา  ก็เดินขึ้นเนินทางที่เดินก็เกิดหายไป    ก็นึกแปลกใจ  และตกใจ  จึงคิดเดินกลับทางเดิมดีกว่า   ก็หันหลังเพื่อกลับทางเดิม    ปรากฎว่าตอนที่เราหันหลังกลับนั้น  แทนที่จะเป็น 180 องศา  เป็นการหันหลังมาทางซ้ายที่องศาไม่ได้นั้นกลายเป็นทุ่ง
สวันนาที่เห็นว่าไม่ใหญ่นั้น  แต่ตอนเดินกลับทุ่งหญ้าก็ค่อย ๆ กว้างมาก  กว้างขึ้น ๆ  สติเริ่มแตก ก็เดินไปมือก็แหวกหาทางเดิน  ทุ่งที่เห็นว่าเล็ก ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นสุดลูกหูลูกตา    ใจหายวาบว่าทำไมเป็นแบบนี้ได้ไง   มองทางซ้ายมือมองดูป่าทางเดินออกมา  ก็หันหน้าทางซ้ามือมุ่งตัดสินใจเดินกลับทางเดินป่าเดิม    แต่เมื่อมองไม่เห็นทางเข้า ทางเดินก็กลับหายไป  หาไม่เจออีก...ครั้งที่สอง

แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 55 17:16:14

จากคุณ : นายโซ่
เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 55 16:27:33




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com