ความคิดเห็นที่ 1 หลังกำแพงอิฐคือนาลันทาคาม จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:02:05

ความคิดเห็นที่ 2 แถวแขกเดินไปบนแนวกำแพง จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:02:59

ความคิดเห็นที่ 3 หยุดถ่ายรูปแปลงดอกไม้ไม่ทราบพันธุ์ ซึ่งดอกใหญ่มาก ลักษณะคล้ายดอกเบญจมาศแต่ใบคล้ายกุหลาบ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:04:35

ความคิดเห็นที่ 4 ...บอกแล้วว่าแขกชอบมุง เห็นคณะเรามากันก็หยุดเดินบนกำแพง ตั้งหน้าตั้งตาจ้องดูพวกเราซะงั้น   จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:06:28

ความคิดเห็นที่ 5 ท่านเจ้าคุณน้อยอธิบายความเป็นมาก่อนก้าวเข้าประตูสู่นาลันทาคาม จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:08:02

ความคิดเห็นที่ 6 ความรุ่งเรืองของมหาวิทยาลัยนาลันทาในอดีต จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:11:35

ความคิดเห็นที่ 7 เดิมที นาลันทาเป็นวัดซึ่งสร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และกษัตริย์พระองค์ต่อมาก็ได้สร้างวิหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่ซึ่งให้โอกาสแก่บุตรชาวอินเดียผู้ยากจน เมื่อเข้าบวชในพระบวรพุทธศาสนาแล้วก็ได้มีโอกาสรับการศึกษาแขนงต่างๆ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:16:20

ความคิดเห็นที่ 8 หลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซำจั๋ง) ซึ่งจาริกมาสืบพระศาสนาในอินเดียในรัชกาลนี้ ในช่วง พ.ศ. 1172-1187 ได้มาศึกษาที่นาลันทามหาวิหาร และได้เขียนบันทึกบรรยายอาคารสถานที่ที่ใหญ่โตและศิลปกรรมที่วิจิตรงดงาม * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:24:30

ความคิดเห็นที่ 9 ท่านเล่าถึงกิจกรรมทางการศึกษา ที่รุ่งเรืองยิ่ง นักศึกษามีประมาณ 10,000 คน และมีอาจารย์ประมาณ 1,500 คน * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:26:33

ความคิดเห็นที่ 10 พระมหากษัตริย์พระราชทานหมู่บ้าน 200 หมู่โดยรอบให้ โดยทรงยกภาษีที่เก็บได้ให้เป็นค่าบำรุงมหาวิทยาลัย ผู้เล่าเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:27:32

ความคิดเห็นที่ 11 วิชาที่สอนมีทั้งปรัชญา โยคะ ศัพทศาสตร์ เวชชศาสตร์ ตรรกศาสตร์ นิติศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ตลอดจนโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ และตันตระ * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:28:19

ความคิดเห็นที่ 12 อย่างไรก็ดี ในระยะหลังๆ นาลันทาได้หันไปสนใจการศึกษาพุทธศาสนาแบบตันตระ ที่ทำให้เกิดความย่อหย่อนและหลงเพลินทางกามารมณ์ ในประมาณ พ.ศ. 1742 กองทัพมุสลิมเติรกส์ได้ยกมารุกรานรบชนะกษัตริย์แห่งชมพูทวีปฝ่ายเหนือ และเข้าครอบครองดินแดนโดยลำดับ กองทัพมุสลิมเติรกส์ได้เผาผลาญทำลายวัดและปูชนียสถานในพุทธศาสนาลงแทบทั้งหมด และสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา นาลันทามหาวิหารก็ถูกเผาผลาญทำลายลงในช่วงระยะเวลานั้นด้วย มีบันทึกของนักประวัติศาสตร์ชาวมุสลิมเล่าว่า ที่นาลันทา พระภิกษุถูกสังหารแทบหมดสิ้น และมหาวิทยาลัยนาลันทาก็ก้าวถึงความพินาศสูญสิ้นลงแต่บัดนั้นมา * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย ภาพนี้เข้าใจว่าเป็นส่วนของห้องพัก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:31:18

ความคิดเห็นที่ 13 จากการบันทึกของท่าน ตารนาท ธรรมสวามินปราชญ์เขียนเอาไว้ว่า พอกองทัพมุสลิมยกทัพกลับไปแล้ว พระ นักศึกษา และพระอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 70 องค์ ก็พากันออกมาจากที่ซ่อน ทำการสำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่ รวบรวมเท่าที่จะหาได้ ปฏิสังขรณ์ตัดทอนกันเข้าก็พอได้ใช้สอยกันต่อมา และ ท่านมุทิตาภัทร รัฐมนตรีของกษัตริย์ในสมัยนั้นได้จัดทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง ส่งไปจากแคว้นมคธ เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่นาลันทาขึ้นมาใหม่แต่ก็ทำได้บางส่วนเท่านั้น * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย มีทหารถือปืนเฝ้ายามสถานที่ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:33:11

ความคิดเห็นที่ 14 แต่แล้ววันหนึ่งได้มีปริพาชก 2 คนได้เข้ามาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของตนขึ้นและคงคิดว่าเพียงพอแล้วที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้รวบรวมเศษไม้แล้วก่อไฟขึ้น พร้อมทั้งขว้างปาดุ้นฟืนที่ติดไฟไปตามสถานที่ต่างๆ โดยรอบ จนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้ไปทั่วมหาวิทยาลัยนาลันทา ก็เป็นอันแหลกลาญเป็นผุยผง สุดที่จะทำการซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ให้คืนดีได้ดังเดิม มหาวิทยาลัยนาลันทา อันเลื่องชื่อลือนาม ก็เป็นอันสิ้นสุดลง ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า มาตั้งแต่บัดนั้นซากของนาลันทาที่ถูกขุดค้นพบในภายหลัง ยังประกาศยืนยันอย่างชัดเจนถึงความยิ่งใหญ่ของนาลันทาในอดีตในปลายพุทธศตวรรษที่ 25 * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:34:13

ความคิดเห็นที่ 15 ในยุคที่อังกฤษปกครองอินเดีย นักโบราณคดีจำนวนมากได้มาสำรวจขุดค้นพุทธสถานต่างๆ ในอินเดียโดยอาศัยบันทึกของท่านเฮี่ยนจัง คนแรกที่มาสำรวจ คือ ท่าน ฮามินตัน (Lord Haminton) ใน พ.ศ. 2358 แต่ไม่พบ ได้พบเพียงพระพุทธรูปและเทวรูป 2 องค์เท่านั้น ซึ่งสถานที่พบอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:37:03

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อมาในปี พ.ศ. 2403 นายพลคันนิ่งแฮม ได้มาสำรวจและก็พบมหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงกองดินสูงเท่านั้น ต่อมาจึงได้ขุดสำรวจตามหลักวิชาการโบราณคดี มหาวิทยาลัยก็ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง บริเวณปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ และตรงหน้ามหาวิทยาลัยนาลันทาได้มีพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ที่เก็บรวมรวมโบราณวัตถุที่ขุดพบในมหาวิทยาลัยนาลันทา * ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:37:54

ความคิดเห็นที่ 17 จากนั้นท่านพระครูพาผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมดสวดมนต์และนั่งสมาธิ ได้เวลาอันสมควรจึงออกเดินทางสู่เขาคิชกูฏ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:44:12

ความคิดเห็นที่ 18 ขอเล่าเรื่องห้องน้ำ ณ จุดนี้ จะมีห้องน้ำชายสองห้องและห้องน้ำหญิงสองห้อง สภาำพไม่สะอาดเลย ดังนั้นเมื่อคนหมู่มากมารอเข้าแถวก็ยาวเหยียด จะใช้เวลาตรงนี้มาก เมื่ออกมาก็มีแขกยืนคอยเก็บเงิน (ซึ่งไกด์จะบอกว่าไม่ต้องให้ แต่ไกด์ก็อยู่ไกลจากจุดนั้น เดาว่าไกด์ก็ไม่อยากสูดกลิ่นห้องน้ำเหมือนกัน) พวกเราก็ถือว่าทำบุญไป ให้ไปคนละสิบรูปีบ้าง สองคนสิบรูปีบ้าง เข้าแล้วออกมา กลับมีแขกอีกคนมายืนคุมห้องน้ำ ไม่ใช่คนรับเงินไป และทำท่าโวยวายจะเก็บเงินอีก คือคล้ายเขารู้กัน เปลี่ยนหน้ามาเก็บเงิน  ทำเอาเสียความรู้สึกเล็กๆ เพราะ ๑ รอนาน ๒ ห้องน้ำสกปรก ๓ โดนไถเงิน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:47:39

ความคิดเห็นที่ 19 เขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์  แปลว่าภูเขาแร้งกระพือปีก  มีคันธกุฎีอยู่บนยอดเขา และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต   ทางเดินขึ้นเขาคิชกูฏซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ท่านเจ้าคุณน้อยแม้มีอาการอาพาธก็ยังเดินนำตัวปลิวขึ้นไป ( ท่านมาเล่าภายหลังว่าท่านฉันน้ำพริกปลาร้าที่โยมทำมาถวาย และท้องเดินตลอดคืน วันนั้นท่านพาพวกเราไปทั้งที่มีอาการลมตีในท้อง ผะอืดผะอม และฉันเพลไม่ค่อยได้) จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:01:27

ความคิดเห็นที่ 20 กำแพงข้างทางมีรูปชวนเชิญให้แขกหัดมาใช้ส้วม จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:03:00

ความคิดเห็นที่ 21 บริการเสลี่ยงโดยชาวพื้นเมือง ค่าใช้จ่ายท่านละ ๙๐๐ รูปี กฏ ^^^ต้องขึ้นและลงโดยเสลี่ยงเดิม ห้ามเปลี่ยนเสลี่ยง และ^^^ห้ามเปลี่ยนคนนั่งด้วย  ป้องกันการเวียนเทียนกันนั่ง แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 19:07:34 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:06:04

ความคิดเห็นที่ 22 ทางเดินไม่เป็นขั้นบันไดค่ะ แต่จะยกเสต็ปขึ้นเป็นช่วงๆ ดีสำหรับขาขึ้น จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:10:13

ความคิดเห็นที่ 23 เดินไปสักพัก จขกท.ก็เริ่มหอบ ขอหยุดหายใจเข้าปอดบอกคนอื่นให้เดินไปก่อน        ..ขอหยุดถ่ายวิว   จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:11:51

ความคิดเห็นที่ 24 ...วิวสวยนะ...แฮ่ๆ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:12:22

ความคิดเห็นที่ 25 ก่อนขึ้น มีการเตือนกันคว่าควรสวมหมวก ใส่เสื้อหนาๆ เพราะลมจะแรงและหนาว แต่เดินสักพักเริ่มร้อนค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:13:12

ความคิดเห็นที่ 26 เดินไปพักไป  เสลี่ยงก็มาจอดพักเช่นกัน .........พี่จะถ่ายประจานผมใช่มั๊ย ??  คนนั่งเสลี่ยงโวยเล็กๆ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:14:50

ความคิดเห็นที่ 27 ด้วยแรงอันริบหรี่ เดินไปถึงถ้ำแรก ถ้ำสุกรชาตาสถาน เป็นถ้ำของพระสารีบุตรใช้บำเพ็ญภาวนา ตรงนั้นท่านพระครูนำสวดมนต์ไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:24:41

ความคิดเห็นที่ 28 คลานง่อกแง่กเข้าไปถ่ายรูป ไม่ชัดเลยค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:25:35

ความคิดเห็นที่ 29 ขึ้นบันไดต่อไปยังถ้ำพระโมคคัลลานะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:27:47

ความคิดเห็นที่ 30 มีพุทธพงศาวดารว่า หน้าถ้ำนี้พระเทวทัตกลิ้งหินหล่นใส่พระบาทพระพุทธเจ้า จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:29:25

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ยินเสียงผู้ที่เดินถึงยอดเขาเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็นแล้ว จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:30:46

ความคิดเห็นที่ 32 ผู้สังเกตการณ์ข้างทาง...อย่างน้อยสัตว์บริเวณนี้ก็มีบุญได้ฟังเสียงสวดมนต์จากนักบวชหลายคณะ หลายลัทธิที่ขึ้นมาที่นี่ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:32:22

ความคิดเห็นที่ 33 มาทีหลัง นั่งข้างหลังด้วยความเจียมตัว   แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 19:33:58 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:33:46

ความคิดเห็นที่ 34 แอบเก็บรูปข้างๆ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:34:59

ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อสวดมนต์เสร็จจึงได้โอกาสลุกขึ้นมาถ่ายรูป รอยพระพุทธบาทสองรอย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:39:58

ความคิดเห็นที่ 36 รอยเล็ก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:40:24

ความคิดเห็นที่ 37 รอยใหญ่ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:40:45

ความคิดเห็นที่ 38 ขณะนั้นห้าโมงกว่า แดดเริ่มลับเหลี่ยมเขา จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:41:31

ความคิดเห็นที่ 39 ท่านพระครูตั้งใจจะลงเขาก่อนมืดและอาจหนาว จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:42:13

ความคิดเห็นที่ 40 ขึ้นมาทีหลัง ยังไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมากมายคณะก็ถึงเวลาลงแล้ว...แง๊ววว จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:46:06

ความคิดเห็นที่ 41 พระอาทิตย์อัสดงที่เมืองแขกนี่ก็สวยเหมือนกันนะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:46:55

ความคิดเห็นที่ 42 ขาลงสบายหน่อย แต่ต้องติดเบรคดีๆมีคุณภาพค่ะ  อาการขาอ่อนจากตอนเดินขึ้น เมื่อต้องเดินลงทางลาดๆก็อาจหน้าคะมำจูบพื้นเอาง่ายๆ น้องที่ขึ้นเสี่ยงบอกว่าขาลงน่ากลัวกว่าเพราะตัวจะเลื่อนตกเสลี่ยงตลอด ท่านผู้รู้บอกว่าวิธีนั่งที่ถูกต้องคือเอามือรัดหลังที่นั่งไว้ โดยสรุป คิชกูฏแขกไม่น่ากลัวเท่าคิชกูฏไทย (คนที่ไปสองแห่งยืนยัน) ^^^หากเป็นการขึ้นครั้งแรก "ต้อง" เดินขึ้นเพื่อรสชาติของชีวิต และเพื่อความภูมิใจเล็กๆ ^^^หากขึ้นครั้งที่สอง..สาม...แนะนำขึ้นเสลี่ยงดีกว่าค่ะ...ก็เรารู้รสชาติของชีวิตแล้วนิ !! . แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 19:56:08 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:54:51

ความคิดเห็นที่ 43 เข้ามาชมต่อครับ  เห็นนาลันทาทีไร รู้สึกเศร้าใจทุกที จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:00:30

ความคิดเห็นที่ 44 ตลอดเวลาที่ไปนาลันทาและขึ้นเขาคิชกูฏ ทางไกด์ก็ติดต่อประสานงานให้ว่าขณะนั้น เณรทั้ง ๑๐๙ รูป ได้บวชเป็นพระภิกษุแล้วกี่รูป ตามข้อบังคับสงฆ์ ในครึ่งชั่วโมงจะบวชได้สามรูป เณร ๑๐๙ รูปจัดได้ ๓๗ ชุด ชุดละ ๓ รูป สองชุดสุดท้าย ชุดละ ๒ รูป (ขำๆว่าสี่รูปสุดท้ายแอบเกี่ยงกัน ทำไมไม่แบ่งเป็น สามรูป กับ หนึ่งรูป องค์สุดท้ายก็บอกแย่ซิถ้าผมต้องสวดปวารณาตัวคนเดียว) คูณๆหารๆกันดูแล้วองค์สุดท้ายอาจได้บวชตอนเที่ยงคืน ! จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:04:09

ความคิดเห็นที่ 45 @ 43 ดิฉันได้ติดตามศึกษาข้อมูลจากกระทู้คุณ tiger ก่อนไปด้วยค่ะ  รูปสวยมาก ขอขอบคุณค่ะ * แก้ไขข้อความ ชื่อคุณ tiger พิมพ์ไทยไม่ได้ ~~~~~~~~~~~~~~~~~ เรากลับถึงวัดไทยพุทธคยาประมาณสองทุ่ม ท่านที่ไม่แวะก็เลยกลับไปรับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนที่โรงแรมเลย กลับมาทันชุดสุดท้ายพอดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 20:09:45 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:07:22

ความคิดเห็นที่ 46 . แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 20:14:01 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:13:30

ความคิดเห็นที่ 47 องค์พระประธานในโบสถ์สีทองเปล่งปลั่งสวยงามมาก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:16:11

ความคิดเห็นที่ 48 เณรชุดสุดท้าย ๗ รูปที่รอบรรพชาเป็นพระภิกษุ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:19:00

ความคิดเห็นที่ 49 พระภิษุใหม่จะได้รับฉายาซึ่งลงท้ายด้วยคำว่า "โพธิ" ทุกรูป ทางวัดไทยพุทธคยาได้เตรียมคัดเลือกพระผู้เป็นคู่สวด  เตรียมซ้อมการสวด และตระเตรียมพิธีต่างๆล่วงหน้ามาเป็นเดือนแล้วค่ะ ทุกอย่างจึงเรียบร้อยราบรื่น จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:23:15

ความคิดเห็นที่ 50 ท่านพระครูธรรมสุธี กรุณาประกอบพิธีบรรพชาให้เณรทั้งหมดอย่างไม่เหน็ดเหนี่อย     ท่านเริ่มทำพิธีบรรพชาชุดแรกก็ประมาณสิบโมงเช้า ขณะนี้ก็ประมาณสามทุ่มกว่า . . แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 22:23:40 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:28:02

ความคิดเห็นที่ 51 พิธีบรรพชานี้ ทางวัดไทยพุทธคยาดำเนินการถูกต้องตามพระวินัยทุกอย่าง ทั้งการขอศีล ขอนิสัย ซักซ้อมนาค ขานนาค ฯ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:34:03

ความคิดเห็นที่ 52 สวดญัติ 1 ครั้ง และอนุสาวนา 3 ครั้ง จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:35:38

ความคิดเห็นที่ 53 สองรูปสุดท้าย ซักถามนาค จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:36:53

ความคิดเห็นที่ 54 รูปที่ ๑๐๙ บรรพชาตอน ๔ ทุ่ม ตรง ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้สองชั่วโมง จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:38:21

ความคิดเห็นที่ 55 จากนั้นให้พระภิกษุใหม่ชุดสุดท้ายมานั่งต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ ท่านพระครูธรรมสุธีก็เตือนพระใหม่อย่างขำๆ...เอ้า  ยกขาดีๆ อย่ายกสูง กกน.ก็ไม่มี   ทำเอาญาติโยมต้องแอบอมยิ้ม แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 20:45:19 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:44:57

ความคิดเห็นที่ 56 ท่านพระครูธรรมสุธี พระอุปัชฌาย์บอกอนุศาสน์ คือ บอกกิจที่พระควรทำและไม่ควรทำ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:46:08

ความคิดเห็นที่ 57 เสร็จพิธีด้วยความเรียบร้อยงดงามประมาณสี่ทุ่มครึ่ง พวกเราขึ้นรถกลับโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ รับประทานอาหารค่ำที่ทางทัวร์กันส่วนไว้ให้ คืนนี้ทุกท่านต้องรีบอาบน้ำนอนเพราะเช้าพรุ่งนี้ทัวร์จะปลุกตี่ห้า รับประทานอาหารเช้าหกโมง และล้อเคลื่อนเจ็ดโมงเช้า (เวลาอินเดียช้ากว่าเรา ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที เมื่อนึกว่าปลุกตี่ห้าคือหกโมงครึ่งไทยก็รู้สึกไม่ทรมานนัก  สบายๆ) เราจะร่วมกันใส่บาตรพระนวกะผู้บวชใหม่กันค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:52:55

ความคิดเห็นที่ 58 ปล.หากข้อมูลผิดพลาด ทักท้วงแก้ไขได้นะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 20:57:49

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณครับ จากคุณ : TheFootball เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 22:05:06

ความคิดเห็นที่ 60 สาธุ  ขอบคุณที่นำบุญมาแบ่งปันครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 22:33:53

ความคิดเห็นที่ 61 ตามไปเที่ยวอินเดียกราบพระด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยและข้อมูลนะคะ ^^ จากคุณ : Samalady เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 22:38:08

ความคิดเห็นที่ 62 เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องมหาลัยนาลันทา เศร้าจังครับ T_T จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 01:14:26

ความคิดเห็นที่ 63 ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ และขอขอบคุณที่นำข้อมูลมาแชร์กันค่ะ จากคุณ : เอ เองค่ะ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 08:29:13

ความคิดเห็นที่ 64 สวยและดูน่าเลื่อมใสมากเลยครับ... ปล.. เห็นภาพสอนวิธีเข้าห้องน้ำแล้ว ส่งสัยเรื่องสุขาที่อินเดียที่เค้าร่ำลือกัน คงจะเป็นเรื่องจริงแน่เลย จากคุณ : Natchaphon เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 08:45:03

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ อิ่มบุญ และสุขใจ มากๆในเช้านี้ จากคุณ : กาแฟไม่สด เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 09:12:29

ความคิดเห็นที่ 66 ตามมาชมค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพและการบรรยายเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ค่ะ อ่านเรื่องนาลันทาแล้วเศร้าใจมากเหมือนกัน สงสัยว่าส้วมแขกกับส้วมจีนที่ไหนจะแย่กว่ากันหนอ 555 จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 10:22:50

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะคะ   .. คุยกันเรื่องห้องน้ำแล้วก็ขอลงภาพห้องน้ำหญิงที่สนามบินภายในประเทศเมืองไพราว่า อินเดีย (ที่เราต้องขึ้นเครื่องไปนครกัฐมัณฑุ ประเทศเนปาล) เดินเข้าไป ...ตกใจ เพราะเป็นห้องโล่งๆแบบนี้ มีส้วมยองที่พื้นสองที่ และมีห้องปิดสภาพไม่น่าเข้าเลย 1 ห้อง ขำกันใหญ่บอกนั่งๆไปเถอะ..จะไม่แอบมองหรอก.. สุดท้ายก็ต้องรอคิวเข้าห้องเดียวที่เหลือค่ะ +++++++ ขอลบภาพห้องน้ำออกก่อนนะคะ เนื่องจากจะลงพิธีอุปสมบทต่อค่ะ *แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 55 09:07:41 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 20:27:32 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 11:30:17 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 11:18:31

ความคิดเห็นที่ 68 มาทันห้องน้ำ ครึ่งเดียว 55 นั่งหันทางไหนดีอะ จากคุณ : แม่จีน-ไทไท (GT2007) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 14:02:49

ความคิดเห็นที่ 69 [อินเดีย] อุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ <>กราบลาสังเวชนียสถานพระมหาเจดีย์พุทธคยา และพระศรีมหาโพธิ์ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E11661742 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:36:31

ความคิดเห็นที่ 70 ภาพพิธีอุปสมบทจากมือกล้องศาลยุติธรรม (ระหว่างที่พวกเราไปชมนาลันทาคาม) จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:09:14

ความคิดเห็นที่ 71 1 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:19:09

ความคิดเห็นที่ 72 2 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:19:35

ความคิดเห็นที่ 73 3 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:19:54

ความคิดเห็นที่ 74 4 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:22:08

ความคิดเห็นที่ 75 5 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:22:28

ความคิดเห็นที่ 76 7 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:22:48

ความคิดเห็นที่ 77 8 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:23:11

ความคิดเห็นที่ 78 9 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:23:29

ความคิดเห็นที่ 79 10 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:23:50

ความคิดเห็นที่ 80 11 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:24:16

ความคิดเห็นที่ 81 ร่วมใส่บาตรพระภิกษุใหม่ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:24:48

ความคิดเห็นที่ 82 กระทู้ต่อไป <>กราบลาสังเวชนียสถานพระมหาเจดีย์พุทธคยา และพระศรีมหาโพธิ์   http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11661742/E11661742.html http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11661742/E11661742.html http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11661742/E11661742.html . จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:29:18