ความคิดเห็นที่ 1 ขั้นตอนต่อมาคือการจองห้องพัก ผมเลือก Hana Hiroshima Hostel เลือกนอนดอร์เพราะราคาไม่แพง แถมที่นี่ยังใกล้สถานีรถไฟ Hiroshima แบบเดินเพียงอึดใจเดียวอีกด้วย และความประทับใจของที่นี่ตั้งแต่ก่อนไป คือตอนจองที่นี่ ใช้วิธีอีเมล์ไป ทาง Hostel ตอบกลับมาเร็วจนตกใจ แต่นั่นยังไม่เท่าที่ได้รับคำตอบที่รวดเร็ว ครบถ้วน ทุกครั้งที่ส่งเมล์ไป ทั้งเรื่องข้อมูลห้องพัก ข้อมูลท่องเที่ยวในฮิโรชิมา แม้แต่ข้อมูลการเดินทางต่างๆ ยังงี้ไม่ให้ประทับใจได้อย่างไรละคร้าบ... แต่... พอใกล้วันเริ่มทริปมีเพื่อนสนใจแจมทริปนี้เพิ่มมาอีกสองคน เราเลยมีการเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย โดยแยกเที่ยวเป็นสองสาย สายหนึ่งไปฮิโรชิมา(คือผมกับเพื่อนอีกคน) ส่วนอีกสองคนวางแผนจะไปนารากันครับ ความตั้งใจตะลุยเดี่ยวครั้งนี้เลยมีอันต้องพับไป (แต่มาสำเร็จลงได้ตอนเที่ยวนิกโก้ช่วงท้ายๆ ของทริป แล้วจะเล่าให้ฟังต่อๆ ไปนะครับ) ถึงจะต้องเปลี่ยนแผนไปบ้าง แต่การมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกัน ก็ทำให้อุ่นใจขึ้น ได้มีเพื่อนร่วมคิด ร่วมหลง ร่วมกิน ร่วมประทับมันก็ไม่เหงาดีนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:52:08

ความคิดเห็นที่ 2 เอาละครับ มาเข้าเรื่องการเดินทางครั้งนี้ของเราดีกว่า หลังจากวิ่งๆ เดินๆ (ด้วยเท้าที่ระบมจากรองเท้าทำพิษ ตลอดเส้นทาง 555) เที่ยวเกียวโตมาทั้งวัน ช่วงท้ายๆ เริ่มเที่ยวแบบรวบรัด จนมาทันเวลารถไฟเที่ยวสี่โมงตามที่เราวางแผนไว้ จากเกียวโตเปลี่ยนรถที่สถานี Shin Osaka ก่อนจะนั่งยาวๆ เกือบๆ สองชั่วโมงสู่ฮิโรชิมา ตั้งแต่เริ่มทริปมา ตลอด3-4 วัน รถไฟเที่ยวนี้น่าจะเป็นการเดินทางยาวนานที่สุด แถมหมดพลังไปเรียบร้อยจากการเดินทางตลอดวัน เพื่อนร่วมเดินทางของผมชิงหลับไปเรียบร้อย ส่วนผมพยายามจะซึมซับกับบรรยากาศระหว่างทาง แต่ตอนห้าโมง ในหน้าหนาวแบบนี้ ภายนอกตัวรถก็แทบไม่มีวิวให้ดูซะแล้วละครับ นั่งหลับๆ ตื่นๆ ตลอดเส้นทาง รู้สึกตัวอีกทีจากเสียงนาฬิกาปลุก พวกผมใช้วิธีการดูตารางรถไฟจาก Hyperdia พอรู้เวลาขึ้น ก็จะบอกเวลาถึงปลายทางด้วย (แถมตรงเวลาสุดๆ) เราก็จะตั้งนาฬิกาปลุกก่อนถึงที่หมายสัก 5-10 นาที แค่นี้ก็ไม่มีการเลยป้ายแล้วละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:52:55

ความคิดเห็นที่ 3 ...ห้องน้ำสาธารณะญี่ปุ่น... หนึ่งให้สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ เป็นเรื่องธรรมดา เบสิกๆ อย่างห้องน้ำนี่ละครับ นอกจากความทันสมัยของสุขภัณฑ์ที่คนไปครั้งแรกอย่างผมตื่นตาตื่นใจแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมชื่นชมปนประหลาดใจคือความสะอาดครับ ตามบ้าน ตามโรงแรมที่พักต่างๆ น่ะ ไม่ต้องพูดถึง เอาแค่ห้องน้ำสาธารณะตามสถานีรถไฟ ถ้า Hardcore หน่อยก็ต้องตามสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งอยู่ตามซอกตามหลืบของสถานี แถมอับๆ อีกต่างหาก พอเข้าไปก็มีบ้างที่โทรมๆ เก่าๆ แต่มันสะอาดสุดยอดดดดด... แทบไม่มีกลิ่นเลย นี่เปรียบเทียบกับห้องน้ำสาธารณะบ้านเรา อย่างหน้าสวนจตุจักร หรือตามที่ต่างๆ ไม่รู้จะฟันธงว่าเราแย่ หรือของเค้าดีเกินไปก็ไม่รู้ 5555 นอกจากนั้นการเที่ยวญี่ปุ่นนี่ผมว่าเป็นเมืองที่หาห้องน้ำง่ายที่สุดที่หนึ่งเลย มีอยู่แทบทุกที่ที่ไป และรับรองความสะอาดได้ ที่เซอร์ไพรซ์ที่สุดคือผมเจอแม้แต่ในเซเว่น!!! ผมไม่รู้ว่าเค้ามีทุกที่หรือเปล่า แต่ที่ในเมืองฮิโรชิมา แวะซื้อน้ำที่เซเว่น (แต่ดูเป็นสาขาใหญ่มาก) เหลือบตาไปเจอทางเข้าห้องน้ำ โอว..ชอบจริงๆ เลยครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 21:04:45 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:53:41

ความคิดเห็นที่ 4 เรามาถึงฮิโรชิมาประมาณ 6 โมงเย็น แต่ถ้าไม่ได้ดูนาฬิกา บรรยากาศนี่ก้าวเข้าสู่กลางคืนเต็มตัวซะแล้วครับ แถมบริเวณหน้าสถานีรถไฟที่ห่างจากใจกลางเมืองพอดูแบบนี้มันเงียบมากๆ ดูหงอยๆ เหงายังไงไม่รู้ ก้าวออกจากสถานีพร้อมกางแผนที่ที่ print มาจากเมืองไทย ไปหา Hana Hiroshima Hostel ที่พักของเรากันครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:54:29

ความคิดเห็นที่ 5 ...Hana Hiroshima Hostel กับสาวญี่ปุ่นใจดี... หลังจากเดินเลาะๆ เลียบตามทางรถไฟไปไม่กี่ร้อยเมตร ถึงออกจะเงียบ และมืดๆ อยู่บ้าง แต่ไม่ยักน่ากลัวแฮะ เราเจอที่พักของเราสำหรับคืนนี้แล้ว สัมผัสแรกหลังจากเปิดประตูเข้าไป เสียงทักสดใสส่งมาถึงทันที ก่อนจะเจอสาวน้อยน่าตาน่ารัก แถมส่งภาษาอังฤษเป็นไฟ เล่นเอาเราเอ๋อ... งง.. ตั้งตัวไม่ทัน เพราะตั้งแต่เริ่มทริปมาเราใช้ภาษาใบ้กันจนเริ่มชินแล้ว 555 ด้วยท่าทางกระตือรือร้นช่วยเหลือ ทั้งเรื่องเช็คอิน แนะนำสิ่งต่างๆ ของโฮสเทล พร้อมเสนอความช่วยเหลือ ว่าเรามีแพลนไปเที่ยวไหนก่อนหรือเปล่า พอเราตอบไป ก็คว้าแผนที่มาอธิบายเส้นทางไป แนะนำการใช้ pass แบบต่างๆ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 21:05:03 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:55:21

ความคิดเห็นที่ 6 เก็บความประทับใจแรกที่ Hiroshima จากสาวญี่ปุ่นตาโตเรียบร้อย เราเก็บของที่ห้องพักของเราบริเวณชั้น 4 ถึงที่นี่จะเป็น Hostel เล็กๆ แต่ก็มีลิฟต์บริการ และจัดสรรพื้นที่ห้องซักผ้าบริเวณชั้นดาดฟ้าด้วย สะดวกสบายดี (แต่ผมไม่มีเวลาได้ใช้บริการนะครับ) จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:56:03

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาติดตามชมครับ บรรยากาศทำไมดูเงียบเหงาจัง จากคุณ : อาตี๋อินเทอร์เน็ต เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:56:50

ความคิดเห็นที่ 8 เมืองฮิโรชิมากับความคลาสสิคของรถราง ส่วนหนึ่งที่เพิ่มเสน่ห์และความคลาสสิคให้กับเมืองแห่งนี้ก็น่าจะเป็นรถรางนี่ละครับ ได้บรรยากาศย้อนยุคกับรถรางรูปทรงสวยๆ แต่ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพาหนะหลักของเมืองนี้กันเลยทีเดียว เพราะมีทั้งหมดหลายสายและครอบคลุมเกือบทั้งเมือง การเดินทางจึงสะดวก แม้ไม่ได้รวดเร็วอย่างรถไฟใต้ดิน แต่ทำให้เราได้มีโอกาสชื่นชมบ้านเรือน วิถีชีวิตของคนสองข้างทาง แบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แต่ได้อารมณ์ดี.... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:56:50

ความคิดเห็นที่ 9 อาตี๋อินเทอร์เน็ต ...ใช่ครับ ฮิโรชิมาวันที่ไป เงียบเหงา ซึมเซาจริงๆ ครับ เราตัดสินใจซื้อ Hiroshima 2 Day Pass ในราคา 2000 เยน ทั้งๆ ที่เรามีเวลาอยู่ที่นี่แค่ 1 วัน 1 คืน ดูเหมือนจะไม่คุ้มนะครับ แต่จริงๆ แล้วบัตร Pass นี้นอกจากสามารถขึ้นรถรางได้อย่างไม่จำกัดใน 2 วันแล้ว ยังรวมค่าตั๋วเรือข้ามไปเกาะมิยาจิมาด้วย (อันนี้ไม่ตื่นเต้นเพราะใช้ตั๋ว JR Pass ได้อยู่แล้ว) แต่ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นคือสามารถใช้เป็นบัตรขึ้น Rope Way บนเกาะมิยาจิมาได้ด้วย เพราะเช็คราคามาตั๋วไปกลับอยู่ที่ 1700 เยน ถ้าตั้งใจว่าขึ้น RopeWay อยู่แล้วยังไงก็คุ้มนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:57:49

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมาเที่ยวญี่ปุ่นต่อครับ จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:58:04

ความคิดเห็นที่ 11 เราเริ่มโปรแกรมฮิโรชิมาของเราด้วยการนั่งรถรางเข้าไปย่านใจกลางเมือง เพราะช่วงหาข้อมูลฮิโรชิมาเจอโดยบังเอิญว่าช่วงฤดูหนาวแบบนี้ มีงาน Hiroshima Dreamination หรือการประดับไฟสวยงามตลอดสายของถนนในเมือง เห็นในรูปมาเยอะแล้ววันนี้จะได้สัมผัสของจริงกันละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:58:40

ความคิดเห็นที่ 12 One Light One Shadow ...ดีเลยครับ ฮิโรชิมาวันนั้นยิ่งเงียบๆ เหงาๆ หนาวๆ ซะด้วยครับ ...คุณป้าห้าวกับสุดยอดราเม็งประจำทริปนี้ของผม... นั่งรถรางจากสถานีรถไฟมาลงที่สถานี.. เห็นแสงไฟสว่างไสวแต่ไกล โชคดีวันนี้ที่ฮิโรชิมาแม้ยังหนาว แต่ไม่โหดเหมือนตอนอยู่ที่โอซาก้า ทำให้เราเดินได้สบายหน่อย แต่มองดูถนนที่เต็มไปด้วยแสงสีของไฟยาวเป็นกิโล เราเลยตัดสินใจหาข้าวเย็นกันก่อน แล้วค่อยเดินเล่น เดินดูกันแบบยาวๆ เดินหาไม่นานเจอกับร้านอาหาร จริงๆ น่าจะเรียกว่าศูนย์อาหารมากกว่านะครับ เพราะพอเข้าไปในร้าน จะมีร้านแยกย่อยๆ ทั้งสองทางเดินอีกประมาณ 7-8 ร้าน แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 21:04:29 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 21:00:10 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 20:59:55

ความคิดเห็นที่ 13 มีร้านให้เลือกหลากหลาย ทั้งราเม็ง ร้านข้าว และอีกหลายๆ ร้าน ลองเลียบๆ เคียงๆ ดูหลายๆ ร้านบางร้านเงียบเหงา บางร้านคึกคัก บางร้านน่ากิน บางร้านก็ไม่รู้ว่าขายอะไรเพราะไม่มีรูปบอก จนเจอร้านที่ตัดสินใจเลือกแล้วละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:00:46

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ผมสะกิดใจกับร้านราเม็งร้านนี้ครับ ได้บรรยากาศร้านราเม็งดี เพราะมีที่ให้นั่งกินบริเวณหน้าเคาท์เตอร์เลย ตอนก้าวเข้าไปในร้านคุณป้าคนทำราเม็งเดินสวนออกมาพอดี คุณป้าชำเลืองมองเราเล็กน้อย แล้วเดินออกจากร้านไป อ้าว!!! เรานั่งงงๆ กันในร้านซักพัก คุณป้าเดินกลับมาแล้วด้วยท่าทางนิ่งๆ ประมาณกินไรดีเธออ่ะ?.. แม้ไม่มีรอยยิ้ม แต่ก็ตั้งใจและแนะนำเมนูอาหารให้เราอย่างดี จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:01:17

ความคิดเห็นที่ 15 เราเลือกเมนูได้แล้ว คุณป้าก็จัดแจงหาน้ำมาเสิร์พ กลับไปอยู่หน้าเตา สักพักได้ราเม็งร้อนๆ ยกตรงมาถึงหน้าเรา พร้อมหอมญี่ปุ่นซอยถาดใหญ่มาให้เติมได้ตามชอบ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:01:58

ความคิดเห็นที่ 16 อากาศหนาวๆ ราเม็งควันฉุยเลยครับ เราสองคนจัดการถ่ายรูปกันสนุกสนาน คุณป้าเห็นเวลาผ่านไปแต่มันสองคนยังไม่มีท่าทีจะเริ่มกินซักที เลยเดินมาพร้อมยิ้มมุมปากกึ่งหมั่นไส้กึ่งเอ็นดู ส่งภาษาที่เราฟังไม่ออกหรอกมาเป็นชุด ประมาณว่ากินได้แล้ว อย่ามัวแต่ถ่ายรูปดิ เดี๋ยวราเม็งไม่อร่อย เสียชื่อร้านชั้นหมด!!! 555 ก่อนทั้งเราและป้าจะหันมายิ้มพร้อมๆ กัน ครับๆๆๆ กินครับ จะกินแล้วครับ คำแรก โอว.... น้ำซุปข้นๆ รสเข้มๆ เส้นเหนียวนุ่ม  หมูสามชั้นนุ่มสุดๆ เพิ่มหอมญี่ปุ่นเข้าไปอีกหลายช้อน มันอร่อยมากกกก.... ไม่รู้ละว่าตอนนั้นหิว หรือเพราะบรรยากาศ หรืออะไรก็ตาม ราเม็งชามนั้นมันเป็นชามที่อร่อยที่สุดประจำทริปนี้ไปเลยครับ ถึงตอนนี้ความทรงจำเกี่ยวกับฮิโรชิมา ที่แจ่มชัดที่สุด ก็รวมถึงคุณป้าห่ามๆ กับราเม็งสุดๆ ชามนี้ละครับ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 08:09:17 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:02:28

ความคิดเห็นที่ 17 ...Dreamination แสงไฟ ความหนาว รอยยิ้ม... ช่วงเวลาปลายปีที่คาบเกี่ยวระหว่างคริสต์มาสกับปีใหม่ที่หนาวๆ แบบนี้ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองแล้ว หลายๆ ที่แทบจะทั่วโลกมักมีสิ่งคู่กันอย่างหนึ่ง แม้แต่ในเมืองไทยเอง ก็คือประดับไฟสีสันสวยงาม บรรยากาศรื่นเริ่ง และที่สำคัญที่แหล่งรวมเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเด็กๆ นะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:03:32

ความคิดเห็นที่ 18 ในญี่ปุ่นเองมีหลายที่ที่มีการประดับไฟแบบนี้ ที่คุ้นชื่อหน่อยอย่างโกเบ หรือในโตเกียว แต่ที่ Hiroshima ก็ไม่ได้น้อยหน้าเลย เพราะกลายเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นช่วงนี้ของทุกปี จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:04:02

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนเดินทางไม่กี่วัน ผมลองหาข้อมูลของฮิโรชิมา เลยได้พบโดยบังเอิญว่าเป็นความโชคดีที่เดินทางเยือนเมืองแห่งนี้ในช่วงเวลานั้นพอดี งาน Hiroshima Dreamination ถูกจัดขึ้นช่วงต้นเดือนธันวาคม จนถึงปลายเดือนมกราคม มา Hiroshima ทั้งทียังไงก็ไม่ขอพลาดโปรแกรมนี้แน่ๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:05:42

ความคิดเห็นที่ 20 การจัดซุ้มไฟหลายสิบซุ้มเรียงรายตลอดสองฟากฝั่งถนน ในบรรยากาศเย็นเฉียบ รถราที่ถนนก็เป็นใจเหลือเกิน นานๆ จะมีรถแล่นผ่านสักคัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:06:14

ความคิดเห็นที่ 21 และแต่ละซุ้มไฟก็ถูกตกแต่งอย่างสวยงามหลากหลายสีสัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 22 เข้าใจว่าน่าจะบรรดาห้างร้าน หรือหน่วยงานต่างๆ รับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละซุ้ม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:07:22

ความคิดเห็นที่ 23 มีความแตกต่าง และสวยไปคนละแบบจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:07:53

ความคิดเห็นที่ 24 เดินชื่นชมความสวยของไฟไปเรื่อยๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กๆ เสียงพูดคุยกัน เสียงตะโกนเรียกกัน เสียงร้องเรียกให้ถ่ายรูป ต่างๆ นาๆ เหล่านี้อาจจะฟังดูสับสนวุ่นวายไปบ้าง แต่สัมผัสได้ว่า มันเป็นเสียงแห่งความสุขสนุกสนานที่แต่ละครอบครัวได้สัมผัสร่วมกัน ตลอดถนนเส้นยาวๆ กลางเมืองฮิโรชิมาแห่งนี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:08:37

ความคิดเห็นที่ 25 แต่สิ่งที่เสียดายที่สุดในการเดินชมไฟ Hiroshima Dreaminationครั้งนี้ คือ “ขาตั้งกล้อง” ครับ เพราะคงทำให้การเก็บภาพบรรยากาศได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:09:09

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ที่โกรธตัวเองคือ มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ถึงขนาดพกขาตั้งกล้องจากเมืองไทยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่เนื่องจากถอดใจ ยอมแพ้ซะก่อน เลยทิ้งขาตั้งกล้องไว้ที่โอซาก้าซะงั้น!!!! จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:09:39

ความคิดเห็นที่ 27 เหตุที่ถอดใจไม่ยอมพกขาตั้งกล้องไปด้วย เพราะดูจากช่วงวันแรกที่เที่ยวแถบเกียวโต โอซาก้า ต้องเดินเยอะจริงๆ แถมมีเป้สะพายหลัง นึกสภาพมีขาตั้งกล้องอีกอันคงพะรุงพะรังน่าดู แถมอาการขาที่เจ็บ เดินเขยกไปมา เดินเที่ยวทั่วฮิโรชิมานี่ ไม่อยากนึกภาพเลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:10:07

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ ณ นาทีนั้น คิดถึงขาตั้งกล้องมากกกก.... มากจนลืมเจ็บขาไปเสี้ยวขณะหนึ่ง ย้ายมาเจ็บที่ “ใจ” แทน.... ไม่น่าเลยยยย!!!! จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:10:39

ความคิดเห็นที่ 29 ...ยามหนาว ยามเหงา ในเมืองฮิโรชิมา... เราเดินชมไฟในบรรยากาศอุ่นๆ ท่ามกลางความหนาวๆ เพลินๆ เวลาผ่านไปร่วม 2 ชั่วโมง เริ่มล้าๆ เลยคิดว่าถึงเวลากลับไปพักเอาแรงไว้เที่ยวต่อกันวันพรุ่งนี้แล้วครับ เดินจากถนนสาย Dreamination ไม่ไกลก็ถึงสถานีรถราง ตอนนั้นนังไม่ถือว่าดึกมาก แต่บรรยากาศเงียบเหงามาก มีเพื่อนร่วมรอที่สถานีรถรางเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 3-4 คน มองไปไกลๆ เห็นแสงไฟลิบๆ แต่ร้างลาผู้คน เป็นท้องถนนเงียบกริบ ไม่มีรถผ่านมาสักคัน ทำให้ผมนึกได้ว่า เมืองฮิโรชิมายามนี้มันช่างหงอยเหงาจริงๆ หากเปรียบกับใครสักคนผมรู้สึกว่าเมืองแห่งนี้ น่าจะอยู่ในวัยกลางคน ที่สง่างาม แต่เคร่งขรึม ดูซีเรียสจริงจัง หากสังเกตเค้าดีๆ จะพบแววตาเศร้าๆ จะเค้าพยายามซ่อนไว้อีกด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:12:10

ความคิดเห็นที่ 30 รถรางพาเรากลับมาที่จุดเริ่มต้นของเราเมื่อช่วงหัวค่ำ คือบริเวณหน้าสถานีรถไฟ Hiroshima เดินตามซอยที่ค่อนข้างมืดกลับมาที่ Hostel เพิ่งเห็นว่าตรงข้ามที่พักคือวัดเก่าๆ ซ่อนอยู่ในมืดดูขลังๆ แต่ ณ เวลานั้นมืดเกินกว่าจะเก็บภาพมาได้ เลยรอพรุ่งนี้เช้าน่าจะดีกว่า จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:12:56

ความคิดเห็นที่ 31 ห้องพักที่ Hana Hiroshima แห่งนี้ เป็นห้องแบบญี่ปุ่น ที่ผมตั้งใจเลือกตั้งแต่ตอนจองแล้วครับ มันทำให้ได้บรรยากาศของการไปนอนบ้านคนรู้จักมากกว่าจะเป็นโรงแรม หรือ Hostel และที่ชอบในแทบทุกที่พักในญี่ปุ่นคือผ้าห่มครับ เพราะทั้งหนา ทั้งหนัก ทำให้นอนอย่างอุ่น ทั้งๆ ที่บรรยากาศภายนอกหนาวมากๆ ที่จำได้ดีของที่พักแห่งนี้อีกอย่างคือ ตลอดทั้งทริป ห้องน้ำของที่นี่เป็นห้องน้ำที่เล็กที่สุด แถมก่อนไปไม่ได้ศึกษาที่พักให้ดี ที่นี่ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ครับ อ้าววว... ไม่ได้เตรียมไปซะด้วย ต้องใช่เสื้ออีกตัวแทนผ้าเช็ดตัวซะงั้น ทุลักทุเลไม่เท่าไหร่ แต่หนาวววว.... อนาถมากกก... 555 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:13:29

ความคิดเห็นที่ 32 ที่ Hana Hostel นี้ ใกล้สถานีรถไฟ บรรยากาศและการต้อนรับเป็นกันเอง ห้องพัก อุปกรณ์การนอนดีเลยละครับ แต่สิ่งที่นี่ทำให้ความรู้สึกย้อนอดีตสมัยอยู่หอของมหาวิทยาลัย ก็ตรงที่แต่ละห้องดูเหมือนไม่ค่อยเก็บเสียงเท่าไหร่ เสียงคุยกัน เสียงอาบน้ำ เสียงเด็กร้อง ดังแว่วๆ มาจากห้องข้างเคียง ดูสับสนอลเวงก่อนนอนจริงๆ แต่เหนื่อยมาทั้งวันขนาดนี้ เสียงเหล่านั้นรบกวนได้เพียงชั่วแว้บเดียว ก่อนจะสลบไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:14:02

ความคิดเห็นที่ 33 เย้ๆๆ วันนี้เค้าได้ปาดแล้วค่ะคุณเดี่ยว จากคุณ : Yai Klong_Tour Rai เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:19:23

ความคิดเห็นที่ 34 ...ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋า เรื่องเล็กๆ แต่จำเป็นแฮะ... เช้านี้ตื่นมาตั้งแต่ยังไม่เห็นแสงพระอาทิตย์เลยครับ อาบน้ำแต่งตัว แบบเร่งด่วน ทำเวลากันสุดๆ เพราะตั้งใจออกเดินทางจากสถานีรถไฟกันตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมง ออกมาหน้าที่พัก เจอฝนพรำ!!!!! รู้สึกตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องแล้วละครับ ว่าบรรยากาศมันชื้นๆ ชอบกล ยังดี ที่หน้าที่พักมีร่มเตรียมไว้เป็นสิบอันในตะกร้าหน้าประตูทางออก ก่อนขึ้นรถไฟเราแวะที่บริเวณปีกด้านหนึ่งของสถานีรถไฟ เป็นห้องกว้างใหญ่ ที่ข้างในแสนอุ่น และเต็มไปด้วยล็อกเกอร์เรียงรายอยู่ เพราะดูจากสัมภาระเพื่อนที่ขนไป กระเป๋าสะพายใบใหญ่ (ขนาดแบ่งจากโอซาก้ามาแล้ว จนต้องถามเพื่อความแน่ใจ เฮ้ยค้างคืนเดียวนะ !!! 555) แต่พอมีที่ฝากกระเป๋าแบบนี้ก็แบ่งเบาภาระการแบกไปได้เยอะเลย อย่างที่ฮิโรชิม่านี่ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีให้ใช้บริการจำนวนมาก แต่ช่วงวันสุดท้ายก่อนกลับ ผมมีโปรแกรมขึ้นรถไฟจากแถวๆ ชิบูย่า ไปนาริตะ แล้วกะใช้เวลาช่วงครึ่งวันนั้นกับการเดินเล่นแถวนั้น เลยฝากความหวังไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ที่สถานีชิบูย่า ที่ไหนได้ ออกสายไปหน่อย ตู้เต็มหมด!!!! (อาจเพราะที่ชิบูย่ามีไม่เยอะมาก) ยืนงง ..จะจัดการยังไงดี ต้องลากกระเป๋าไปหาที่สถานีอื่น จนได้ แต่แผนการที่วางไว้ เรียกว่ารวนหมด เพราะใช้เวลากับการหาตู้ล็อกเกอร์อยู่นาน เพราะงั้นใครมีแผนที่ต้องฝากกระเป๋าเช็คดีๆ นะครับ ว่าสถานีที่จะไปมีตู้เยอะไม๊ และที่สำคัญยิ่งสายน่าจะยิ่งหายากนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:20:05

ความคิดเห็นที่ 35 Yai Klong_Tour Rai ...ขอบคุณนะคร้าบ... ดีใจที่มาปาดเหมือนกันคร้าบบบ... ...แรกพบหิมะ.... เช้านี้ทำเวลาได้ดีครับ มาทันรถไฟที่เช็คเวลาไว้ แม้จะง่วงแต่ก็ตื่นเต้นกับบรรยากาศสองข้างทาง ที่ขมุกขมัว เพราะยังไม่เช้าดี แถมมีฝนปรอยๆ ลงมาด้วย ภาพฮิโรชิมาของเราจึงเป็นแบบซิลลูเอทซะส่วนใหญ่ มันได้บรรยากาศแปลกตาไปอีกแบบ รถแล่นออกมาสักพัก .... บรรยากาศสองข้างทางริมทางรถไฟเริ่มแปลกตาขึ้น ก่อนเราจะกระเด้งจากเบอะด้วยความตื่นเต้น เฮ้ย..... หิมะ.. หิมะ... หิมะ.... เพราะบริเวณยอดต้นไม้ทั้งเขาสองข้างทางถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว แซมสีเทาๆหม่นๆ เรียกความสนใจจากเราได้อย่างแรง มันเป็นหิมะแรกของทริปนี้ที่เรามีโอกาสได้เห็น เป็นการเปิดทริป “ตามหาหิมะ” ของเราอย่างเป็นทางการละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:21:22

ความคิดเห็นที่ 36 หากใครอยู่บนรถไฟตู้หนึ่งในขบวนจากฮิโรชิมาสู่อิวาคูนิ ช่วงเช้าๆ ของวันที่ 2 มกรา ที่ผ่านมา คงขำกับไอ้สองคนนี้ที่ตื่นเต้น วิ่งสลับเบาะซ้ายๆๆๆ (โชคดีที่รถว่างมากกกก...) ถ่ายรูปๆๆๆๆ กันอย่างสนุกสนาน คุยกัน ชี้ชวนกันดูหิมะ หน้าตามีความสุขออกนอกหน้า แม้ภาพหิมะแรกในวันนั้นจะไม่ใช่ภาพที่สวยที่สุดถ้าเทีบกับที่ได้เจอในวันต่อมา แต่ก็เป็นความประทับใจสุดๆ อาจเป็นเพราะเป็นภาพหิมะแรกนั่นเอง รู้ทั้งรู้ ว่าแต่ละรูปที่ถ่ายกันใหญ่ในช่วงนั้นก็ไม่ได้มีรูปไหนใช้ได้ บรรยากาศก็มืดมัวๆ รถไฟก็วิ่งเร็วซะขนาด แต่อารามตื่นเต้นดีใจ ก็กดถ่ายรูปกันใหญ่ ชาวญี่ปุ่นร่วมขบวนนั้น คงขำ และงงว่ามันเป็นไรเยอะไม๊เนี่ย 555 .. เราตื่นเต้นกันตลอดเส้นทาง จนรถไฟพาเรามาถึง Iwakuni กันแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 08:15:56 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:21:52

ความคิดเห็นที่ 37 ได้รับการต้อนรับด้วยภาพสะพานสีสันสดๆ ที่สถานีรถไฟ เรียกน้ำย่อยก่อนเจอสถานที่จริงกันละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:22:36

ความคิดเห็นที่ 38 ออกจากสถานีมาเจอป้ายรถเมล์ที่จะนำเราสู่สะพาน Kintai เลย บรรยากาศโดยรอบชื่นๆ เย็นๆ และร่องรอยของหิมะ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:23:16

ความคิดเห็นที่ 39 บรรดาหิมะยังเกาะอยู่บริเวณยอดพุ่มไม้ สีขาวโพลนแบบนี้ ดูเผินๆ น่าจะเรียกว่าดอกหิมะ ได้ปะครับ .... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:23:45

ความคิดเห็นที่ 40 ...เสียฟอร์มกับตั๋วรถเมล์… ขึ้นมานั่งบนรถเมล์ฐานะผู้โดยสารสองคนแรกเลย ยังงงๆ กับระบบการเก็บค่าโดยสารอยู่ ที่ทางขึ้นเหมือนมีการปริ้นท์ตั๋วรถให้ เราก็หยิบมาแบบงงๆ เลยตัดสินใจเดินไปถามคนขับ เค้าก็อธิบายภาษาญี่ปุ่นกันงงๆ ทั้งสองฝ่ายแต่ได้ความว่าประมาณ 2-3 ร้อยเยน (จำไม่ได้แน่ๆ ว่าเท่าไหร่) แล้วพี่คนขับก็จิ้มไปยังเราทั้งสองคน... (เราเลยเข้าใจว่าราคานั้นสำหรับสองคน) .....นั่งมาชั่วอึดใจก็มองเห็นสะพานอยู่ไม่ไกล เราลงที่ป้ายแล้วหยอดเงินลงตู้ตามจำนวนแล้วก้าวลงจากรถ รถก็ยังไม่ออกจากป้าย พี่คนขับหันมาคุยกับเราเสียงดังว่า ...... เรามองหน้ากัน เออ... อะไรหว่า..... ก่อนจะเข้าใจในที่สุดว่าเราจ่ายเงินไปแค่คนเดียว อ้าว....ซะงั้น ก่อนจะขึ้นไปจ่ายเงินที่เหลือ ด้วยความเขินอายเล็กๆ ก็ผมเข้าใจอีกอย่างนี่ครับ ไม่รู้จริงๆ ไม่ได้กะชักดาบนะคร้าบบบบ.... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:24:34

ความคิดเห็นที่ 41 เดินจากป้ายรถเมล์ข้ามถนนก็ถึงสะพาน Kintai เป้าหมายแรกของการเที่ยวของเราในวันนี้กันแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:25:08

ความคิดเห็นที่ 42 "ฟูจิเป็นภูเขาที่ Nachi เป็นน้ำตกและ Kintai เป็นสะพาน” เป็นคำพูดดั้งเดิมที่มีมานาน จึงถือได้ว่าสะพานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งความภาคภูมิใจของญี่ปุ่น แม้ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้รู้จักสะพานแห่งนี้มาก่อน แต่เมื่อบรรจุฮิโรชิมาลงไปเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางทริปนี้ หลังจากหาข้อมูล พอเห็นภาพสะพาน 5 โค้งแห่งนี้ ถึงกับหลงใหลในภาพและบรรยากาศ จนอดไม่ได้ที่จะเพิ่มเข้ามาในการเดินทาง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:25:41

ความคิดเห็นที่ 43 Kintai Bridge เป็นสะพานที่ทอดผ่านแม่น้ำ Nishiki ในเมืองอิวาคุนิ ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกใรปี ค.ศ. 1673 โดยมีลักษณะพิเศษตรงที่เป็นสะพานที่สร้างด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณ คือถูกประกอบขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ดอกเดียว หลังจากสร้างเสร็จจนเป็นความภาคภูมิใจของคนแถบนี้ และถูกใช้งานเรื่อยมาร่วมสามร้อยปี ก่อนจะพังลงเพราะฤทธิ์ของพายุไต้ฝุ่น Kijiya ในปี 1950 แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 08:18:22 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:26:24

ความคิดเห็นที่ 44 จากนั้นอีกเพียงสามปี สะพานก็ถูกก่อสร้างขึ้นใหม่ด้วยการรวมใจของชาวเมือง โดยยึดหลักเทคนิคการสร้างแบบดังเดิม ให้กลับมาสวยเหมือนเดิม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:26:53

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนที่เรายังเห็นสะพานนี้ยังสวยและแข็งแรงนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากการบูรณะครั้งล่าสุดเมือปี 2004 จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:27:23

ความคิดเห็นที่ 46 คงเพราะเรามาถึงเมื่อยังเช้าอยู่ เลยมีนักท่องเที่ยวบางตา บรรยากาศหนาว และลมพัดเอื่อย ใต้สะพานคือแม่น้ำนิชิกิที่ใสสะอาด กับแดดอ่อนๆ ทั่วทั้งบริเวณ มีเพียงเสียงคนพูดคุยกันของนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ แว่วมาเพียงเบาๆ ทำให้รอบตัวมีแต่ความสงบ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่รื่นรมย์ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:27:56

ความคิดเห็นที่ 47 มองไกลออกไปบนเขามีปราสาทอิวาคุนิตั้งตระหง่านอยู่บนยอด หากต้องการขึ้นไปชมคงต้องนั่งกระเช้าขึ้นไป ใจหนึ่งที่สนใจอยู่ แต่เพราะบ่ายนี้เรามีโปรแกรมขึ้นกระเช้าที่เกาะมิยาจิมาอยู่แล้ว เลยประหยัดเวลาด้วยการยืนชมจากริมน้ำนิชิกิก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:28:37

ความคิดเห็นที่ 48 เราใช้เวลาสูดลมหนาวบริสุทธิ์ประมาณ 1 ชม. เดินวนถ่ายรูปจนหนำใจ ก็ตัดสินใจไปต่อเพราะเราต้องไปขึ้นรถไฟเพื่อต่อไปยังมิยาจิมา ที่สถานีรถไฟอิวาคูนิ ซึ่งเป็นคนละสถานีกับชินอิวาคุนิ ที่เรามาเมื่อเช้า ปัญหาคือเรายังไม่รู้เลยว่าเจ้าสถานีรถไฟอยู่ตรงไหนของเมือง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:29:09

ความคิดเห็นที่ 49 ขึ้นมาจากริมน้ำด้านล่างของสะพาน  ตรงนี้เป็นทางเข้าเพื่อเดินข้าม แต่ต้องเสียค่าบำรุงสะพานอีก 400 เยน แต่ดูจากเวลาและประเมินด้วยสายตาแล้วว่าไม่ข้ามดีกว่า จากสะพานมาเราเดินย้อนกลับมาที่ป้ายรถเมล์เพื่อหาทางไปสถานีรถไฟกันครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:29:49

ความคิดเห็นที่ 50 ...เช้านี้ Iwakuni ยังคงหลับใหล... ยืนเก้ๆ กังๆ พยายามอ่านสายรถเมล์ที่ป้ายอยู่นาน ยังหาทางไปไม่ถูก จนไปสะดุดตากับแผนที่ของเมืองที่ป้ายใหญ่แถวๆนั้น ไล่ๆ ดูเจอสถานีรถไฟอยู่ในแผนที่ ประเมินจากแผนที่แล้วดูเหมือนไม่ไกล เลยตัดสินใจว่าจะค่อยๆ เดินหาไปเรื่อยๆ จะได้มีเวลาชมเมืองอิวาคุนิแห่งนี้ด้วย ...เงียบ เงียบมาก เงียบมากที่สุด ที่จะเป็นคำจำกัดความของ Iwakuni ยามเช้าตอนนี้ คงเพราะหิมะตกตั้งแต่เมื่อคืนทิ้งร่องรอยถนนเปียก และอากาศชื้นๆ แต่ดูเหมือนกิจกรรมยามเช้าของชาวเมืองส่วนใหญ่จะยังไม่เริ่มต้น รอบๆตัวเราระหว่างเดินไปตามถนนในเมืองแห่งนี้ แทบจะปราศจากผู้คนจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:30:36

ความคิดเห็นที่ 51 นานๆ จะมีรถสักคัน หรือคนซักคนเดินผ่านมา เราสามารถเดินเรื่อยๆ ในบรรยากาศสงบๆ อย่างนี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:31:12

ความคิดเห็นที่ 52 ...รสชาติของการหลง... เดินชื่นชมกับบรรยากาศน่ารักของเมืองนี้ไปถ่ายรูปไป รู้สึกตัวอีกทีเกือบยี่สิบนาทีผ่านปี เรายังไม่พบวี่แววหรือป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟสักอัน รู้สึกว่าเป็นการเดินเรื่อยเปื่อย ไร้จุดหมาย ไร้ทิศทางแล้วตอนนี้ เราเริ่มแวะถามคนที่เดินผ่านมาพร้อมบอกว่าเรากำลังหาทางไปสถานีรถไฟอิวาคุนิอยู่ เค้าเริ่มทำหน้ายุ่งยากใจ ประมาณว่าจะอธิบายยังไงดี ก่อนจะยอมแพ้และชี้ๆ ให้เราเดินไปเรื่อยๆ ........ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:31:58

ความคิดเห็นที่ 53 ภาพสวยจังครับ ฮิโรชิมา ยินดีต้อนรับครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนครับ ความคิดเห็นที่ 11 ถ่ายติดเพื่อนผมด้วย 555 จากคุณ : Mickey-kun เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:32:04

ความคิดเห็นที่ 54 เดินต่อมาอีกจนเจอร้านเซเว่นระหว่างทาง คิดว่าเดินไปเรื่อยแบบนี้คงไม่ได้การเลยแวะถามอีกรอบ พนักงานที่ร้านทำหน้ายุ่งยากใจอีกแล้ว (คงเพราะเราหลงมาไกลจริงๆ) พยายามจะอธิบายอยู่นาน แต่ต่างฝ่ายต่างยังไม่เข้าใจ เริ่มมีพนักงานอีกคนเข้ามาช่วย พร้อมกับวิ่งไปเอาแผนที่เล่มใหญ่มาจากหลังร้าน แล้วกางแผนที่บอกเราเลยว่าตอนนี้อยู่ไหน ต้องเดินไปทางไหน ใกล้สถานีต้องสังเกตอะไร แผนที่ที่ใช่นั่นละเอียดมาก ละเอียดจนเริ่มท้อแท้เลย เพราะเส้นทางในแผนที่ที่บอกนี่ เท่ากับเราต้องเดินอีกไกลมากกกกกก..... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:32:34

ความคิดเห็นที่ 55 Mickey-kun ...ยินดีจังครับ มีเจ้าถิ่นมากล่าวต้อนรับด้วย ว่าแต่บังเอิญถ่ายรูปติดเพื่อคุณ Mickey-kun จริงๆ เหรอเนี่ย... ออกจากร้านมาด้วยสภาพเซ็งชีวิต เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงนี่ ที่เริ่มรู้สึกท้อแท้ และหงุดหงิดเล็กๆละ… นึกสารรูปตอนนั้นแล้วก็ขำนะครับ ตัวพองเพราะเสื้อกันหนาวตัวโต มีกล้องหนักอึ้งคล้องคออยู่ ที่หลังมีเป้อุปกรณ์และสัมภาระหลายกิโล ที่หนักสุดคือรองเท้าครับ อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมันอาการหนักตั้งแต่ก่อนนั้นแล้ว แต่ ณ นาทีนั้น เดินมากะคร่าวๆ ก็หลายกิโลแล้วครับ เท้ามันเริ่มเข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว เดินกระย่องกระแย่ง ลงเท้าหนักก็ไม่ได้ มันปวดสุดๆ ก้าวแต่ละก้าวต่อไปแทบไม่ไหว..... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:34:40

ความคิดเห็นที่ 56 โอ้เอ้ ถ่วงเวลา ให้เท้าได้แอบพักสักเสี้ยววินาทีก็ยังดี ที่สำคัญพนักสงบสติอารมณ์ลงบ้าง เจอต้นส้มลูกดกตามริมทางเดินหลายๆ ต้นเลย แสงแดดส่งประกายเรียกอารมณ์ดีๆ กลับมาบ้างแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:35:16

ความคิดเห็นที่ 57 ความหวังที่เลือนรางก่อนหน้านั้น เริ่มเห็นลิบๆ ละครับ ตรงศาลเจ้าตรงนี้เริ่มมีความหวังแล้ว เพราะข้างๆ นั้นเป็นรางรถไฟ พอให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:35:46

ความคิดเห็นที่ 58 เดินอีกประมาณครึ่งกิโล(มั้ง) ในที่สุด..... ก็เห็นป้ายทางเข้าสถานีรถไฟ Iwakuni แล้ว.... เริ่มมีเวลาสังเกตสิ่งรอบตัว เจอฝาท่อสีสดใสประจำเมืองอิวาคูนิ ตอนแรกก่อนไปตั้งใจจะเก็บรูปฝาท่อของทุกๆ เมืองให้ครบ แต่จนแล้วจนรอดนี่เป็นภาพเดียวก็เก็บมาได้ ถือว่าภารกิจนี้ล้มเหลวจริงๆ ครับ.. 555 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:36:29

ความคิดเห็นที่ 59 เฮ้อ.... ถึงสถานีรถไฟซะที เล่นเอาซะเหงื่อตกเลย ..... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:37:03

ความคิดเห็นที่ 60 ...รถไฟเลาะริมทะเล... คงเพราะเป็นรถไฟ Local ผู้คนในรถไฟเที่ยวเดียวกับเรานี้แน่นขนัด เราจึงได้แต่ตีตั๋วยืน แต่ทำให้เรามีโอกาสได้ยืนชื่นชมบรรยากาศภายนอกชัดขึ้น รถแล่นมาหน่อยมองภาพออกไปไกลๆ เห็นกลุ่มควันจากโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่อยู่ แต่แม่น้ำสายเล็กๆ บริเวณนั้นยังคงใสสะอาดและน่ามอง คิดเองว่าน่าจะมีการจัดการระบบอุตสาหกรรมที่ดี จนไม่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำลำธารแถวนี้อย่างน่าชื่นชม รถแล่นจนใกล้สถานี Miyajima ภาพด้านขวามือของขบวนเปลี่ยนเป็นทะเลกว้างใหญ่ ขนานกับทางรถไฟยาวเหยียด เป็นสภาพสวยประทับใจ แม้ทะเลไม่ได้สีสวยสด แต่ที่นี่เป็นภาพทะเลญี่ปุ่นอีกภาพหนึ่งที่ได้สัมผัส ฟ้ากว้าง ทะเลสุดตา ลมทะเลพัดแรง นึกอยากไปอยู่นอกรถไฟตอนนี้จริงๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 21:38:40 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:37:58

ความคิดเห็นที่ 61 ตามไปฮิโรชิมาค่า รถรางน่ารักมากๆ เลย จากคุณ : ดอยสูง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:39:10

ความคิดเห็นที่ 62 ภาพที่ถือเป็นแลนมาร์คของมิยาจิมาถูกรวมไว้ในภาพนี้ ที่อวดความโดดเด่นที่สถานีรถไฟของมิยาจิมา ก่อนเราจะเดินออกมายังนอกสถานีรถไฟ ข้ามถนนไปก็เป็นท่าเรือเพื่อข้ามสู่เกาะมิยาจิม่า จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:39:11

ความคิดเห็นที่ 63 ภาพสวยมากๆๆๆๆๆ เห็นแล้วนึกถึง 3 ปีก่อน ที่กะเหรี่ยงได้ออกไปเยือนโทชิกิ เป็นทริปแรกของการออกนอกราชอาณาจักรไทย จากคุณ : therapy เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:39:45

ความคิดเห็นที่ 64 ดอยสูง ...ผมชอบรถรางที่นี่เหมือนกันครับ เก่าๆ คลาสสิคดี แถมแต่ละสายก็ต่างสี ดูสวยดีนะครับ ...หอยนางรมแห่งมิยาจิมา... ที่เกาะมิยาจิมา มีชื่อเสียงอีกอย่างคือหอยนางรม ยิ่งช่วงฤดูหนาวแบบนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะและดีที่สุด แล้วตอนนั้นสายมากแล้ว เราเลยเลือกกินอาหารเช้าบริเวณท่าเรือก่อนข้ามไปเกาะ เจอร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ตรงทางเข้าท่าเรือ เข้าไปในร้านบรรยากาศยังเงียบๆอยู่ มีคนกินก่อนหน้าเราอยู่ 2-3 คน ก่อนจะสั่งอาหารที่มีหอยนางรมเป็นส่วนประกอบ จานแรกเป็นข้าวหน้าปลาไหลและหอยนางรม ซึ่งหอยนางรมตัวใหญ่ รสชาติดีนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:40:17

ความคิดเห็นที่ 65 therapy ...การเที่ยงแต่ละครั้ง เป็นประสบการณ์และความทรงจำดีๆ จริงๆ นะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:41:16

ความคิดเห็นที่ 66 ส่วนจานนี้ของผม เป็นข้าวหน้าหอยนางรมชุบแป้งทอด แต่ผมว่าจานนี้หอยนางรมตัวเล็กกว่า (หรือเปล่า) เลยรู้สึกติดใจจานแรกมากกว่า ระหว่างนั่งกินสักพัก คนไม่รู้มาจากไหนหลั่งไหลเข้าร้าน จนต้องแบ่งโต๊ะกันทานด้วย แถมตอนกินเสร็จเดินออกมา มาคนนั่งรอคิวหน้าร้านอยู่ 2-3 คิวเลย สงสัยเป็นร้านอร่อยพอดู โชคดีที่เรามาเร็ว ถ้าช้ากว่านี้หน่อย สงสัยต้องรอคิวอีกนาน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:41:50

ความคิดเห็นที่ 67 เที่ยวไปเราใช้ตั๋ว JR กันครับ (เรามี Hiroshima 2 Day Pass สามารถใช้ได้ที่ท่าเรือใกล้ๆ นั้นได้เหมือนกัน) ก้าวเข้าที่ท่าเรือพร้อมแสดงบัตรก็สามารถเดินไปที่ขึ้นเรือได้เลย สะดวกดีครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:42:24

ความคิดเห็นที่ 68 เปิดมาเจอข้าวหน้าหอยนางรมกับปลาไหล กรี๊ดดดด กลืนน้ำลายเอื๊อก จากคุณ : ดอยสูง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:43:08

ความคิดเห็นที่ 69 ...ลมทะเลมัน(หนาว)บาดจิต.... ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าอากาศที่ฮิโรชิมาหนาวกำลังดี ไม่ได้หนาวสุดๆ อย่างที่โอซาก้าหรือเกียวโต แต่พอก้าวขึ้นเรือเท่านั้นแหละ..... ของจริงมาเลย ลมทะเลพัดแรงๆ นี่มันหนาว.... บาด....จริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:43:14

ความคิดเห็นที่ 70 ดอยสูง ...หอยนางรมนี่ตัวใหญ่มากกก... ว่าแล้วก็คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย 555 ค้นพบว่าอากาศหนาวๆ แบบนี้แต่ละที่จะไม่ต่างกัน แต่ตัวแปรที่มีผลต่อความหนาวมากสุดน่าจะเป็นลมนี่เอง ที่ไหนลมแรง ที่นั่นหนาวสุดๆ .... จริงๆ นะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:44:31

ความคิดเห็นที่ 71 มองย้อนกลับมาที่ท่าเรือ เห็นเมืองทั้งเมือง ที่มีด้านหน้าเป็นทะเล ด้านหลังเป็นภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:45:00

ความคิดเห็นที่ 72 ใกล้เข้าสู่เกาะแล้ว สิ่งที่ตามหาอยู่ ...เสาโทริกลางทะเล มองเห็นลิบๆ อยู่นั่นแล้ว จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:45:37

ความคิดเห็นที่ 73 บรรยากาศที่ท่าเรือคึกคักจริงๆ อาจเพราะช่วงปีใหม่ และเป็นวันหยุดด้วย คิดว่าคนแถบนี้ก็ไม่น่าพลาดจะมาเยือนเกาะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของแถบนี้เช่นกัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:46:09

ความคิดเห็นที่ 74 น้ำทะเลใสมากจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:46:38

ความคิดเห็นที่ 75 ทริปคราวนี้อดไปทักทายน้องกวางที่นารา แต่ได้มาเจอน้องกวางที่มิยาจิมาแทน น่าจะแทนกันได้เนอะ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:47:08

ความคิดเห็นที่ 76 และเช่นเคย ไปเที่ยววัดช่วงนี้ เจองานวัดของชอบอีกแล้ว มีทั้งหมึกย่าง มันเผา ข้างโพดย่าง และสารพัดของกินได้เดินและชิมได้บรรยากาศงานวัดดี แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 08:26:52 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:48:25

ความคิดเห็นที่ 77 ...เสาโทริกลางคลื่น... เสาโทริถูกก่อสร้างมาในฐานะประตูสวรรค์ และที่นี่ลักษณะเด่นอยู่ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นมาอย่างยาวนาน นี่เป็นหนึ่งในภาพญี่ปุ่นที่ติดตาผมที่สุด และแทบจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในแลนมาร์คของญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:49:07

ความคิดเห็นที่ 78 ก่อนไปผมเคยได้เห็นภาพสวนริมทะเลที่เป็นจุดชมวิวนี้ที่เงียบสงบ มีที่นั่งเล่นรับลมทะเลสดชื่น แต่คงไม่ใช่วันนี้แน่ๆ ครับ เพราะเทศกาลแบบนี้ผู้คนมากมาย แถมบริเวณนั้นเป็นทางเดินดินเสียส่วนใหญ่ รอบๆ บริเวณจึงคละคลุ้งด้วยฝุ่น ยืนถ่ายรูปไปสูดฝุ่นไป สนุกสนานกันทีเดียว จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:49:41

ความคิดเห็นที่ 79 แม้เป็นที่ที่ตั้งใจมาชม แต่ใช้เวลาอยู่ได้ไม่นานครับ เพราะทุกคนต่างต้องการภาพนี้กลับไป ต้องเบียดต้องแทรกขอทาง แถมประชากรหนาแน่น เลยขอไปเดินดูที่อื่นบ้างนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:50:22

ความคิดเห็นที่ 80 ...มิยาจิมาเกาะเทพเจ้า... เกาะเล็กๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งเท่าไหร่แห่งนี้ ถูกยกให้เป็นเกาะแห่งเทพเจ้าหรือเกาะศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อเป็นการรักษาความบริสุทธิ์ของเกาะ จึงห้ามมิให้มีการก่อสร้างใดๆ บนพื้นที่เกาะ เราจึงเห็นศาลเจ้า Itsukushima  ที่สร้างบนบริเวณท่าเรือเดิม รวมทั้งเสาโทริสีแดงที่เปรียบเหมือนประตูสวรรค์ลอยเด่นอยู่กลางทะเล นอกจากนี้ยังข้อห้ามมิให้มีการเกิดและการตายบนเกาะแห่งนี้จากรากฐานความเชื่อเดียวกัน คนที่ใกล้คลอดหรือใกล้ตายจึงถูกย้ายขึ้นมาบนฝั่งด้วยเช่นกัน ถึงวันนี้เกาะแห่งนี้ยังคงอบอวนไปด้วยบรรยากาศแห่งความเชื่อและความศรัทธา สังเกตได้จาก วัด ศาลเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีเยอะจริงๆ เป็นเกาะแห่งนี้ ที่ศาลเจ้า Itsukushima  สีแดงแห่งนี้ผมได้แค่ยืนมองจากทางเข้าจริงๆครับ เพราะผู้คนที่ต่อคิวเข้าชมยาวไปหลายร้อยเมตร ด้วยศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุความเป็นมาที่ยาวนาน เพราะรักษาสภาพให้คงอยู่ชื่นชมนานๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงจำกัดจำนวนการเข้าชมเป็นรอบๆ ทำให้แถวยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ ผมพลาดชมอีกแล้วใช่ไม๊คร้าบเนี่ย...... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:51:17

ความคิดเห็นที่ 81 เดินขึ้นเนินเขามาหน่อย เป็นวัดก่อสร้างด้วยไม้สีเข้ม ดูขลังน่าเกรงขามนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:51:53

ความคิดเห็นที่ 82 เจดีย์ทรงสูงสีส้มแดง น่าจะเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดในญี่ปุ่น และแต่ละที่สวยไม่น้อยกว่ากันเลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:52:21

ความคิดเห็นที่ 83 เดินลงจากเขาลงมา มองย้อนกลับไปที่เจดีย์ สีแดง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:52:58

ความคิดเห็นที่ 84 ...ความรู้สึกของการเป็นคิวแรกที่ท่ารถ Shuttle Bus... เดินวนดูที่ต่างๆ แถบๆไม่ไกลท่าเรือสักพัก เริ่มเดินหาทางไปขึ้น Cable Car กันครับ จนเจอท่ารถที่เป็น Free Shuttle Bus เพื่อไปขึ้นกระเช้าโดยเฉพาะ แถมก่อนหน้ายาวเหยียดทีเดียว แต่ดูสภาพขา และระยะทางแล้วขอบายกับการเดิน ขอขึ้นรถไปน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า รอจนรถบัสมา เป็นรถขนาดกลางหน้าจะนั่งรวมที่นั่งเสริมตรงแถวกลางได้สักประมาณ 20 คน คนที่รอแถวทยอยๆ ขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงคนสุดท้าย คือคนก่อนหน้าผม 1 คน นั่นหมายความว่า .....ผมจะเป็นคนแรกในรถเที่ยวถัดไป!!!! เออ.... จะดีใจรึเสียใจดีเนี่ย... 5555 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:53:44

ความคิดเห็นที่ 85 คราวนี้รอนานเลย มีบางคนเปลี่ยนใจเดินขึ้นไปบ้างแล้ว ลังเลอยู่นาน แต่คิดว่าเซฟๆ ขาไว้เดินเที่ยวบนเขาบ้าง เลยยอมนั่งตากลมหนาวรอจนรถมานั่นแหละครับ รถพาเราผ่านเส้นทางสูงสันเลาะตามเหล่าเขาไปเรื่อยๆ แต่ไม่ไกลมาก็มาถึงท่าที่ขึ้น Cable Car ละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 21:54:15