ความคิดเห็นที่ 1 ตามไปทำบุญด้วยครับ คุณนิด จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 10:53:41

ความคิดเห็นที่ 2 คงจะเป็นสิ่งที่ต้องทำสำหรับทัวร์อินเดียทุกทัวร์ สองสิ่งสำคัญต้องดูแลคือ อาหาร และห้องน้ำ รีวิวครั้งนี้ จขกท.ไม่เน้นเรื่องอาหารและที่พักเท่าไหร่นะคะ   จุดมุ่งหมายคือการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติของพระภิษุ ๑๐๙ รูป และการเดินทางไปสักการะสังวเชนียสถานทั้งสี่ อาหารจากครัวไทยนั้นมีให้ทุกมื้อ และเป็นอาหารขายดีค่ะ ต้องรีบตักเพราะอาจหมดก่อน ด้วยรูปถ่ายที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง และความจำที่ไว้ใจไม่ได้ จึงขอเมนูครัวไทยจากบ.ทัวร์ เพื่อย้อนดูข้อมูลเมื่อกลับมา ขอไปสองครั้ง    ..สุดท้าย น้องเก๋ สาวทัวร์ผู้มาดูแลไปขอให้ให้ในสภาพนี้ .. ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้ค่ะ  ต้องขอบคุณความเอาใจใส่ของน้องเก๋ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 11:03:52 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:01:40

ความคิดเห็นที่ 3 อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเล็ก มัวไปหาเมนูในกระเป๋าเดินทางมาค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:02:27

ความคิดเห็นที่ 4 เช้่านี้รายการแรกคือ เดินทางไปถวายผ้าห่มพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ณ สังเวชนียสถานกุสินาคา ประเทศอินเดียค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 11:16:08 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:13:20

ความคิดเห็นที่ 5 ผู้ที่เดินทางหลายวันคงประสบปัญหาเช่นเดียวกับ จขกท. คือตอนไป..จำได๊-จำได้ แต่พอกลับมา..อ้าวว..ลืมเสียแล้วค่ะ... ต้องถามคนไปด้วย ตรงนั้นเขาเรียกว่าอะไรนะ ตรงนั้นไปทำอะไร (ก่อควมรำคาญให้ผู้ไปด้วย) โทร.ไปถามเขาก็บ่อย ความจริงควรจะมีเครื่องมืออัดเสียงติดตัวไป  แต่ค่อนข้างไม่คล่องตัว ไหนจะสะพายกล้องและสะพายกระเป๋าอีก จะเดินห่างเพื่อถ่ายรูปก็ไม่ได้ยินเสียง บางความทรงจำจึงต้องเปิดไล่หาดูในใบกำหนดนำเที่ยวของ บ.ทัวร์ค่ะ ละเอียดบ้างไม่ละเอียดบ้าง แล้วแต่จะไปกับ บ.ไหน ........ของครั้งนี้ * ปล. การพิมพ์ผิดเป็นของธรรมดาของรีวิวนี้ค่ะ (จิ้มดีดสองนิ้ว  ..แหะๆ) แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 11:20:58 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:17:10

ความคิดเห็นที่ 6 ขณะนั้นประมาณ ๘ นาฬิกากว่าๆ  หมอกลง  แสงอาทิตย์ยังเลือนลางอยู่ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:24:53

ความคิดเห็นที่ 7 สาธุครับ จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:24:59

ความคิดเห็นที่ 8 มองเห็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่เบื้องหน้า . แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 14:48:21 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:26:08

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีค่ะคุณ Hero11147 +++++++++++ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:27:18

ความคิดเห็นที่ 10 บริเวณใกล้เคียงมีร่องรอยโบราณสถานเหลืออยู่   ลึกลงไปในชั้นดิน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:29:44

ความคิดเห็นที่ 11 คาดว่าเมื่อการขุดและบูรณะสมบูรณ์แบบ อาจพบโบราณสถานที่ถูกฝังไว้ใต้ชั้นดินเป็นบริเวณกว้างกว่าที่เห็นด้วยสายตาขณะนี้อีกมาก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:31:50

ความคิดเห็นที่ 12 สถานที่เล็กและแคบมากสำหรับร้อยกว่าท่านในคณะนี้ค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:34:09

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่อาจหามุมที่ครอบคลุมได้ทั้งองค์พระพุทธรูป จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:34:59

ความคิดเห็นที่ 14 พระพักตร์ปางปรินิพพาน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:35:33

ความคิดเห็นที่ 15 เคยดูรูปเก่า รั้วกันนี้เพิ่งสร้างภายหลังค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:36:48

ความคิดเห็นที่ 16 พระบาทซ้อนกันเช่นพระนอนวัดไทย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:37:29

ความคิดเห็นที่ 17 ขอตามไปทำบุญที่อินเดียด้วยนะค่ะ จากคุณ : กาแฟไม่สด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:44:12

ความคิดเห็นที่ 18 ปัจจุบันกุสินารา มีอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือสถูปใหญ่ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย และมีปูชนียวัตถุสำคัญ ๆ ที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะคือ "สถูปปรินิพพาน" เป็นสถูปแบบทรงโอคว่ำ ตั้งอยู่ด้านหน้าในฐานเดียวกันกับสถูปปรินิพพาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (คือพระพุทธรูปนอนบรรทมตะแคงเบื้องขวา) ศิลปะมถุรา มีอายุกว่า 1,500 ปี ในจารึกระบุผู้สร้างคือ หริพละสวามี โดยนายช่างชื่อ ทินะ ชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง * ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:44:47

ความคิดเห็นที่ 19 เชิญเลยค่ะ คุณ กาแฟไม่สด วันนี้อาจไปช้าหน่อยนะคะ +++++++ กุสินาราในสมัยพุทธกาล มหาปรินิพพานวิหาร ภายในสาลวโนทยานในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารา อันเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานอยู่ในแคว้นมัลละ 1 ใน 16 แคว้น ซึ่งเป็นเขตการปกครองสมัยพุทธกาล โดยในสมัยนั้นแคว้นมัลละแยกเป็นสองส่วน คือ ฝ่ายเหนือมีเมืองกุสินาราเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "โกสินารกา" และฝ่ายใต้มีเมืองปาวาเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "ปาเวยยมัลลกะ" ทั้งสองเมืองนั้นตั้งอยู่ห่างกันเพียง 12 กิโลเมตร โดยมีแม่น้ำหิรัญญวดีคั่นตรงกลาง กุสินารานั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแคว้นอื่น ๆ ในสมัยพุทธกาล จัดว่าเป็นแคว้นเล็ก ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักในด้านเศรษฐกิจ * ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:47:45

ความคิดเห็นที่ 20 สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ภายในสาลวโนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น ซึ่งหลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์แล้ว กษัตริย์แห่งมัลละก็ได้ประดิษฐานพระพุทธสรีระไว้ ณ เมืองกุสินาราเป็นเวลากว่า 7 วัน ก่อนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ * ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:48:36

ความคิดเห็นที่ 21 การที่พระพุทธองค์ทรงเลือกเมืองกุสินาราอันเป็นเมืองเล็กแห่งนี้เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุสำคัญ คือทรงทราบดีว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระสรีระและพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จักถูกแว่นแคว้นต่าง ๆ แย่งชิงไปทำการบูชา หากพระองค์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่เหล่านั้นอาจไม่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เมืองเล็ก ๆ เช่น เมืองกุสินารา เป็นต้น ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ก็ได้ยกกองทัพหลวงของตนมาล้อมเมืองกุสินาราเพื่อจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ด้วยความที่กุสินาราเป็นเมืองเล็ก จึงต้องยอมระงับศึกโดยแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกเมืองโดยไม่ต้องเกิดสงคราม * ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:50:35

ความคิดเห็นที่ 22 กุสินาราหลังพุทธปรินิพพาน หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว เมืองกุสินารากลายเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการสักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบ ๆสถูปใหญ่คือ มหาปรินิพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มหาสถูปนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น * ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:51:35

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อมาเมื่อแคว้นมัลละได้ตกอยู่ในความอารักขาขอแคว้นมคธ พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จมาจาริกแสวงบุญยังกุสินารา ประมาณ พ.ศ. 310 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ 100,000 กหาปณะ เพื่อเป็นค่าสร้างสถูป เจดีย์ และเสาศิลา *ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:52:40

ความคิดเห็นที่ 24 ในพุทธศตวรรษที่ 14-15 ราชวงศ์สกลจุรีได้เข้ามาสร้างวัดขึ้นในบริเวณสาลวโนทยานจำนวนมาก จนพระพุทธศาสนาได้หมดจากอินเดียไปใน พ.ศ. 1743 ทำให้สถานะของพระพุทธศาสนาในกุสินาราถูกปล่อยทิ้งร้างและกลายเป็นป่ารกทึบ จนใน พ.ศ. 2433 ภิกษุมหาวีระ สวามี และท่านเทวจันทรมณี ชาวศรีลังกา เดินทางมายังกุสินาราและเริ่มอุทิศตัวในการฟื้นฟูพุทธสถานแห่งนี้ร่วมกับเนซารี ชาวพุทธพม่า จนได้สร้างวัดขึ้นใหม่ชื่อว่า "มหาปรินิวานะ ธรรมะศาลา" *ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ ++++++++++++++ หลังจากสวดมนต์บูชาพระพุทธองค์พร้อมกันแล้ว คณะพระภิกษุร่วมกันถวายผ้าห่มองค์พระพุทธรูปปางนิพพาน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:55:49

ความคิดเห็นที่ 25 ปล. สี่รูปล่างเป็นภาพจากกล้องพระนะคะ  จขกท.ได้ออกมาข้างนอกเปลี่ยนให้คณะพระภิษุเข้าไปภายในวิหารแทน เพราะสถานที่ค่อนข้างคับแคบ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:57:53

ความคิดเห็นที่ 26 มีรถขายสินค้าหน้าวัดอยู่บ้าง จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:59:22

ความคิดเห็นที่ 27 ส้มเปลือกค่อนข้างหนา องุ่นลูกเล็กและอร่อยค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:00:44

ความคิดเห็นที่ 28 อาหารประจำชาติ  คิดว่าคล้ายๆรถเข็นส้มตำไทยไปไหนก็ต้องเจอค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:01:46

ความคิดเห็นที่ 29 ออกจากวิหารองค์พระปางปรินิพพานเพื่อไปยังมงกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:03:28

ความคิดเห็นที่ 30 คณะจากทิเบตเตรียมแห่ผ้าห่มองค์พระฯมาถวายเช่นกัน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:05:03

ความคิดเห็นที่ 31 คณะมาถึงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:06:21

ความคิดเห็นที่ 32 รูปเด็กน่าจะหลงจากชุดวัดพระนอนข้างบนค่ะ . แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 12:08:49 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:06:52

ความคิดเห็นที่ 33 ป้ายงานนมัสการที่จะมีวันที่ ๖-๘ มีนาคม ๒๕๕๕ นี้ อาจมีท่านที่โชคดีมีโปรแกรมจะไปในช่วงนั้นพอดี จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:15:09

ความคิดเห็นที่ 34 วณิพก  ผู้ขอพร้อมเสียงดนตรี จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:16:00

ความคิดเห็นที่ 35 มงกุฏพันธนเจดีย์ อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก 1 กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียก รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ มีสภาพเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี * ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:18:50

ความคิดเห็นที่ 36 ท่านเลขธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ท่านวิรัช ชินวินิจกุล (ยืนหน้าสุด) ผู้ผลักดันให้โครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติสำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อยงดงาม จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:21:40

ความคิดเห็นที่ 37 ท่านพระครูผู้ช่วยมาดูแลพิธีทางสงฆ์และนำพระภิษุใหม่สวดบูชาพระพุทธคุณ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:23:15

ความคิดเห็นที่ 38 จะมีเด็กๆยืนออเป็นกลุ่มรอให้เรียกไปทำงาน พอคณะไกด์อนุญาตก็รีบแตกตัวไปช่วยกันปูเสื่อทันที จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:24:57

ความคิดเห็นที่ 39 ถุงยังชีพของคณะไกด์  ต้องนำไปทุกที่ค่ะ ข้างในนอกจากเสื่อ ผ้่าพลาสติคหนาปูพื้น ก็ยังมีชุดธูปเทียนและแผ่นทองคำเปลวเพื่อปิดทองสถานที่ซึ่งเราได้ไปสักการะ... และคงมีอื่นๆอีก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:27:01

ความคิดเห็นที่ 40 พระทิเบตนำขบวนมา องค์หน้านำสวดด้วยเครื่องกระจายเสียง จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:29:13

ความคิดเห็นที่ 41 คือความงดงาม... จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:30:01

ความคิดเห็นที่ 42 ...ไม่สนใจความวุ่นวายเบื้องหน้า จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:30:46

ความคิดเห็นที่ 43 รถเรามาเร็ว นั่งรอค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:31:59

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่กี่อึดใจ รถพระภิกษุก็ตามมา จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:33:14

ความคิดเห็นที่ 45 นั่งเรียงรายต่อหน้ามงกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ อยู่ทางทิศตะวันออกของนครกุสินารา แคว้นมัลละ และอยู่ห่างจากสาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานประมาณ ๑ กิโลเมตร จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:37:23

ความคิดเห็นที่ 46 ศาสตราจารย์พิเศษหม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:39:39

ความคิดเห็นที่ 47 ทุกๆท่านทั้งพระภิกษุและฆราวาสจะได้รับหนังสือสวดมนต์ประจำกายไว้ ๑ เล่มค่ะ รวบรวมบทสวดมนต์ทั้งหมดไว้ ไม่ว่าจะเป็นบททำวัตรเช้า-เย็น บทสวดมนต์พิเศษต่างๆ  บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย  คำบูชาและคาถา คำอาราธนา คำถวายทาน โดยท่านพระราชรัตนรังษี พระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:45:24

ความคิดเห็นที่ 48 สังเวชนียสถานแต่ละแห่งอาจมีบทสวดบูชาโดยเฉพาะ...ท่านผู้นำสวดก็จะบอกให้ทุกท่านเปิดไปที่หน้า--- ค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:47:47

ความคิดเห็นที่ 49 จากนั้นผู้ร่วมคณะทุกท่านนำผ้าไตรจีวรวางเรียงกันที่มหามงกุฏพันธนเจดีย์ (ขออภัย พิธีตรงนี้ไม่แน่ใจ จะเรียกว่าพิธีถวายผ้าบังสุกุลหรือไม่ค่ะ) . แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 12:52:01 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:50:42

ความคิดเห็นที่ 50 จะมีพระภิษุรูปหนึ่งขึ้นมารับผ้าไตรที่ประธานในพิธีทอดไว้...เป็นตัวอย่าง พระผู้ที่ดูแลก็จะสอนพระภิกษุใหม่ไปด้วย ให้ดูพระภิกษุผู้เป็นต้นแบบว่าต้องถือตาลปัตรอย่างไร จับผ้าไตรด้วยมือไหน  และต้องสวดมนต์บทไหน พระพี่เลี้ยงท่านจะออกมารับผ้าไตรที่ทอดและทำให้พระภิกษุใหม่ดูสองครั้งค่ะ   จากนั้นภิกษุใหม่ออกมารับผ้าไตรที่คณะทอดไว้บนองค์มหามงกุฏพันธนเจดีย์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:58:40

ความคิดเห็นที่ 51 หลวงพี่ใหม่แทนที่ตาลปัตรด้วยหนังสือนำสวดมนต์ฉบับที่ลงภาพไว้ด้านบนค่ะ   ท่านพระครูย้ำว่า แม้จะบวชไม่กี่วันก็ต้องติวเข้มเพื่อให้ได้ทำกิจของสงฆ์เหมือนพระรูปอื่นที่บวชนานๆค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:02:19

ความคิดเห็นที่ 52 ญาติโยมด้านหลังต่างอนุโมทนา... ผ้าไตรจำนวนมากนี้พระภิษุจะนำไปถวายพระรูปอื่นซึ่งจำเป็นกว่าในอินเดีย   เป็นการทำบุญต่ออีกทอดหนึ่งค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:05:50

ความคิดเห็นที่ 53 ท่านพระครูพระราชรัตนรังษี และ ประธานในพิธี จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:07:00

ความคิดเห็นที่ 54 เดินทางไปวัดไทยกุสินารา หรือ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 มีเนื้อที่ราว 14 ไร่ (6 เอเคอร์) ตั้งอยู่บริเวณกุสินารา อยู่ห่างจากสาลวโนทยาน สถานที่ดับขันธปรินิพพานของพระสัมมาสัมพูทธเจ้า ประมาณ 500 เมตรปัจจุบันมีพระราชรัตนรังษี เป็นประธานสงฆ์ *ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:14:39

ความคิดเห็นที่ 55 ที่ตั้ง วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสาลวโนทยาน สถานที่ดับขันธปรินิพพานของพระสัมมาสัมพูทธเจ้า ประมาณ 500 เมตร และห่างจากมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ประมาณ 500 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ *ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปไซด์การท่องเที่ยวอินเดียของโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ ปล. ครั้งนี้ไม่ได้ไปกับบ.ทัวร์นี้นะคะ และไม่ได้เป็นการโฆษณาแฝง ได้อาศัยอ้างอิงข้อมูลของบริษัทนี้มากมายในรีวิว จึงขอลงที่มาที่ไปเพื่อแสดงความเคารพเจ้าของข้อมูลค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:18:12

ความคิดเห็นที่ 56 เข้าไปกราบสักการะพระบรมสารีริกฐานที่ประดิษฐานในผอบแก้วเบื้องบน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:21:24

ความคิดเห็นที่ 57 _/\_ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:26:26

ความคิดเห็นที่ 58 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:27:26

ความคิดเห็นที่ 59 กวางคู่ที่เชิงบันไดทางขึ้นพระวิหารทั้งสี่ทิศ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:30:45

ความคิดเห็นที่ 60 เหมือนได้ไปเองเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ สอบถามค่ะ ขอถามเพราะความไม่รู้จริงๆ คนแขกเขาตัวมีกลิ่นรุนแรงจริงๆ หรือเปล่า ขอโทษนะคะที่ถาม เเต่เพราะไม่รู้จริงๆ จากคุณ : กระต่ายสามขา เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:40:10

ความคิดเห็นที่ 61 สิ่งก่อสร้าง ใวัดไทยกุสินารา    พระอุโบสถ    พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา    อาคารรองรับผู้แสวงบุญชาวไทย มีจำนวน 2 หลัง ลักษณะ 2 ชั้น เพื่อเป็นที่พักของพุทธบริษัทชาวไทยที่เดินทางมานมัสการพุทธสังเวชนียสถาน แสวงบุญ ณ ประเทศอินเดีย    โรงพยาบาล +++++++++++ จากนั้นคณะทั้งหมดร่วมกันสวดมนต์บูชาพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นทอดผ้าป่า ถวายปัจจัยแด่พระสงฆ์ ณ อุโบสถวัดไทยกุสินาราเฉลิราชย์ ร่วมปลูกต้นสาละ ร่วมใส่บาตรพระสงฆ์ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:41:06

ความคิดเห็นที่ 62 คุณกระต่ายสามขา ตามความเป็นจริงก็น่าจะรุนแรงเพราะอาหารที่มีเครื่องเทศและความสะอาด แต่เท่าที่ไปก็ธรรมดาค่ะ เดินผ่านกันหรือเข้ามาใกล้ก็ไม่ได้รุึนแรงขนาดนั้น แค่กลิ่นตัวธรรมดาเหมือนๆกัน  แทบไม่รู้สึกเรื่องนี้นะคะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:44:01

ความคิดเห็นที่ 63 . จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:46:05

ความคิดเห็นที่ 64 ขบวนพระภิกษุเดินมาจากด้านใน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:47:54

ความคิดเห็นที่ 65 เหมือนเคยค่ะ คณะทำงานจะหุงข้าวหม้อใหญ่ๆเตรียมไว้ให้หลายหม้อ  ตักแจกพวกเราคนละหนึ่งจาน ให้ใส่บาตรรูปละหนึ่งช้อน (ลักษณะข้าวค่อนข้างเหนียวติดช้อน ต้องตักและเคาะๆลงไปในบาตร ) จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:52:21

ความคิดเห็นที่ 66 เสร็จพิธี พระภิกษุฉันภัตตาหารเพล ณ หอฉัน วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ (ฉันในบาตร) ผู้ปฏิบัติธรรมกลับไปรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก ++++++++++ อาหารแทบทุกมื้อจะพึ่งพาโรตีและไก่ย่างของแขกได้เสมอ (รสจะกลางๆค่ะ) วันนี้มีไข่ดาวด้วย รู้สึกจะตักกันแทบทุกท่าน . แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 14:09:48 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 14:09:06

ความคิดเห็นที่ 67 ผักกาดดองต้มจืดใส่ซี่โครงหมู จากครัวไทย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 14:10:43

ความคิดเห็นที่ 68 แม้จะมีข้าวเหนียวเปียกแขก แต่ข้าวเหนียวเปียกข้าวโพด+ลำไยของครัวไทยขายดีกว่าค่ะ เดินไปรอบสองก็เกลี้ยงหม้อเสียแล้ว.. จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 14:14:05

ความคิดเห็นที่ 69 พักสักครู่ก็รวมตัวกันขึ้นรถบัสเพื่อมุ่งสู่ราชอาณาจักรเนปาล ใช้เวลาเดินทางไม่นานแต่ต้องจอดรอพิธีการผ่านแดน+ตรวจคนเข้าเมืองนานกว่าค่ะ คงจะใช้กระทู้นี้ต่อให้จบวันเลยนะคะ    (แต่คงเป็นช่วงค่ำๆ) ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 14:19:21

ความคิดเห็นที่ 70 ... อนุโมทนาบุญค่ะ เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ ที่กุสินารา นี่อากาศดีจริงๆเลยนะคะ ^_^ เสียดายที่มีเหล็กมากั้น พระพุทธรูปปางปรินิพพาน แย่จัง >_< จากคุณ : kungtalay เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 16:13:19

ความคิดเห็นที่ 71 รั้วกั้นทำปีที่แล้วครับ ปีที่แล้วผมไปประมาณต้นๆมีนาฯ ก็เห็นว่ามีรั้วกั้นแล้ว แต่พี่ผมไปก่อนผมราว ๑๐ วันยังไม่มีรั้วกั้นครับ ปีนี้กลายเป็นเพิ่มราวสแตนเลสเข้าไปอีกนิดหน่อย อนุโมทนาครับผม จากคุณ : ประณมกร เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 17:15:35

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณค่ะ   จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 19:17:13

ความคิดเห็นที่ 73 ลืมเล่าไปว่า ระหว่างการเดินทาง ๘ ชั่วโมงจากพาราสีไปกุสินาราเมื่อวานมีหมอกลงมากและรถเราเกือบเหมารถขนอ้อยเสียแล้วค่ะ นิสัยประจำของคนขับรถคือบีบแตรถี่ๆไล่ไปเรื่อยๆเพื่อจะแซงหรือขอทาง ก็ฟังเสียงแตรจนคุ้นกันไป หลับๆตื่นๆ ตั้งแต่บ่าย.. เย็น .. ค่ำ ยิ่งค่ำลงหมอกยิ่งหนา  แต่ทราบว่าคนขับประจำของรถเบอร์นี้มือดี มือหนึ่ง เราจึงค่อนข้างวางใจเพราะเขาก็ขับแบบนี้มาตลอดทาง เสียวใส้จนหายเสียวใส้ไปเอง จนมาสะดุ้งตื่นกันทั้งรถและร้องอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อรถเบรคอย่างแรงจนหน้าคะมำ ของที่พื้นไหลเลื่อนมาข้างหน้า หน้ากระจกรถเราคือเงาทะมึนของรถอ้อยที่กำลังสวนมาค่ะ เต็มหน้ารถเลย ในวินาทีนั้นรถเราก็หลบลงข้างทางซึ่งมองเห็นแต่หมอกขาว หยุดชะลอดูรถอ้อยนิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วก็ขึ้นถนนแล่นต่อไป ทุกคนอุทานด้วยเสียงเดียวกันว่า...เกือบไปแล้ว..พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ซึ่งถ้าประสานงาคือเละค่ะ และกลางทางแบบนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่ารถพยาบาลมาก็คงไม่เหลือ จากไม่ตายก็คงต้องตายจากบาดแผล ทำเอาประสาทเสียไปตามๆกัน ต้องคอยเบิ่งตาฝ่าหมอกช่วยคนขับในระยะทางที่เหลือ ในวันรุ่งขึ้น เจ้าคนขับรถเดิมก็โดนปลดค่ะ  คนใหม่นี้ก็ขับให้เราตลอดวันที่เหลือในอินเดีย จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 19:35:24

ความคิดเห็นที่ 74 ต่อค่ะ เราใช้เวลาเดินทางประมาณสี่ชั่วโมง  เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้แล้วก็รู้สึกว่าประเดี๋ยวเดียว วัดไทยนวราชรัตนาราม 960  อยู่ใกล้เขตแดนอินเดีย-เนปาล เรารอที่นี่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการเรื่องขอผ่านแดนและพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาได้เสด็จมาทที่นี่เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ ตัวเลข ๙๖๐ นั้นมีผู้รู้อธิบายว่า เลข ๙ หมายถึงรัชกาล และ ๖๐ คือจำนวนพระชนมพรรษาในขณะนั้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ . แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 20:32:55 จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:32:04

ความคิดเห็นที่ 75 ทั้งคณะพระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรมลงพักเข้าห้องสุขาและรับประทานอาหารว่างคือโรตีซึ่งเสิร์ฟมาในกระทงใบสาละพร้อมกาแฟหรือชาร้อนๆ บางท่านอุดหนุนสินค้าที่ร้านด้านหน้า มีห้องน้ำสะอาดและห้องอาหารให้พักรับประทานอาหารที่เตรียมมารอเวลาเข้าประเทศเนปาล ขณะนั้นพลบค่ำพอดี จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:37:40

ความคิดเห็นที่ 76 โรตี แต่ใส่จานมาเสิร์ฟ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:38:23

ความคิดเห็นที่ 77 รับประทานกับชา กาแฟ หรือโอวัลตินร้อนๆ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:40:30

ความคิดเห็นที่ 78 แนวต้นไม้ลิบๆนั่นคือเนปาล จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:42:33

ความคิดเห็นที่ 79 ห้องรับรองพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:44:18

ความคิดเห็นที่ 80 ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงจึงผ่านด่านได้ ด่านนี้ไม่ต้องลงจากรถ แต่หน้าด่านรถติดคับคั่งมาก ในที่สุดเราก็ถึงห้องพัก จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:46:41

ความคิดเห็นที่ 81 ลงมารับประทานอาหารค่ำ ติดใจของหวานคัสตาร์ดหน้าผลไม้ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:50:49

ความคิดเห็นที่ 82 อิ่มสบายแล้วเข้านอนได้ พรุ่งนี้เราจะไปกราบสักการะสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:52:36

ความคิดเห็นที่ 83 ตามไปร่วมเที่ยวร่วมทำบุญที่อินเดียวด้วยคนครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 21:18:39

ความคิดเห็นที่ 84 ทำบุญด้วยกันและแบ่งขนมคนละถ้วยค่ะ คุณ Destiny-Boy คุณแม่ใจดี  ขอบคุณค่ะ... จุดจุดจุด   จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 22:03:37

ความคิดเห็นที่ 85 ตามมาชมรีวิวสวยๆอิ่มบุญด้วยคนค่ะ ^_^ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 13:09:48

ความคิดเห็นที่ 86 อิอิ.. มานั่งรอชม ... ค่ะ จากคุณ : คุณแม่ใจดี เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:34:34