ความคิดเห็นที่ 1 ตามต่อ.................ขอบคุณครับ จากคุณ : low batt เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:12:13 A:223.205.30.22 X: TicketID:329936

ความคิดเห็นที่ 2 ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : ทวิตตี้สีฟ้า เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:18:11

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับ คุณ low batt และ คุณทวิตตี้สีฟ้า : ด้วยความยินดี เชิญติดตามได้เลยครับ ก่อนอื่นก็ขอกางแผนที่เดินทางในช่วงนี้ก่อนนะครับ  เป็นแผนที่ในเมืองพิจิตร ซึ่งจากวัดท่าหลวงในตอนที่แล้ว ก็เลี้ยวขวามาถึงสี่แยกตัดกับ ถนนบึงสีไฟ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงมายัง บึงสีไฟ แล้วก็เลี้ยวขวา เพื่อวนซ้ายรอบบึง กลับมาบรรจบตรงทางเข้าด้านหน้า แล้วเข้าไปชมรูปปั้นจระเข้ยักษ์ กับศาลากลางน้ำ ตามเส้นสีม่วงครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:40:16

ความคิดเห็นที่ 4 ข้างล่างเป็นภาพแสดงการเดินทาง ตรงจุดตัดถนนบึงสีไฟ (ภาพบน) กับ สภาพถนนบึงสีไฟช่วงในเมือง (ภาพล่าง) ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:42:25

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้ใกล้จะถึงสี่แยกตัดกับถนนสระหลวงแล้ว มองไปทางขวาเห็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดพิจิตร ครับ ถนนบึงสีไฟนี้เป็นถนนที่ถือว่าตรงและกว้างมากในอดีต ที่ยังไม่ได้ขยายถนนสระหลวง ผมรู้สึกประทับใจ ตอนมากับคุณแม่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วโน้น คือ ระหว่าง งงๆ กับเส้นทางในเมืองที่เล็กและวกวน ก็ถามชาวบ้าน ให้มาทางนี้ รถวิ่งปรู๊ดเดียว ก็ถึงบึงสีไฟเลย จำได้ว่าตอนนั้นยังไม่มีรูปปั้น จระเข้ยักษ์ด้วยซ้ำ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:45:49

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้มาถึงสี่แยกตัดกับถนนสระหลวงแล้ว มองไปทางขวาเห็นโรงแรมสร้างใหม่ ที่ดูคล้ายกับหอพัก ที่เมื่อคืนผมไม่กล้าเข้าพัก กลัวแพง ครับ ถนนสระหลวงข้างหน้านั้น ถ้าหากเลี้ยวซ้ายก็จะไป จ.เพชรบูรณ์ โดยผ่าน อ.ทับคล้อ (ทางที่ผมมา) หรือไม่ก็ทาง อ.ตะพานหิน  ส่วนถ้าเลี้ยวขวา ก็จะไป จ.พิษณุโลก ผ่าน อ.วชิรบารมี ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:50:07

ความคิดเห็นที่ 7 ขับตรงมา จะเป็นถนนช่วงสั้นๆ ก่อนจะถึงสี่แยกตัดกับถนนวงแหวนด้านใต้ (สาย 115) ที่ไป จ.เพชรบูรณ์ และ จ.พิษณุโลกได้เช่นเดียวกับ ถนนสระหลวง  แป๊บเดียวก็จะมาถึงสี่แยก มีวงเวียนสวย ที่มีรูปปั้นจระเข้อยู่โดยรอบ และมีดอกบัวอยู่บนยอด ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:53:35

ความคิดเห็นที่ 8 เนื่องจากผมกำลังเดินทางไปยังทิศตะวันตกในช่วงบ่าย จึงย้อนแสงแดด เลยนำภาพวงเวียนสวยนี้ตอนขากลับมาให้ชมกันแทน ครับ (ในภาพจะมองกลับไปทางเมืองพิจิตร) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:56:11

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนนี้ ผมมาถึงประตูด้านหน้าของบึงสีไฟแล้วครับ มองดูไม่มีที่จอดรถ มีแต่รถและคนพลุกพล่าน เลยเลี้ยวขวาวิ่งเลียบบึงสีไฟไปครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:58:45

ความคิดเห็นที่ 10 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:03:26

ความคิดเห็นที่ 11 ผมขอนำภาพแผนที่ดาวเทียม แสดงสภาพพื้นที่ในมุมสูงให้ดูกันก่อนออกเดินทางต่อไป เพื่อจะได้เข้าใจง่ายๆ   น่าเสียดายที่ดันมีกลุ่มเมฆมาบดบังในช่วง วัดและโรงเรียนบึงสีไฟไป ทางผู้ถ่ายภาพดาวเทียมน่าจะคัดเอาภาพในช่วงที่ไม่มีเมฆมาทดแทนบ้าง เพราะเท่าที่เห็นสภาพสถานที่แล้วคาดว่าจะเป็นภาพในอดีตนานกว่า 3 ปีแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:04:41

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณเล็กทาโร่ : กลับมาชมกันต่อนะครับ ตอนนี้ผมอยู่บนถนนด้านเหนือของบึงสีไฟ (จากรูปข้างบนใน คห.11) ได้มาถึงหัวมุมด้านซ้าย ทิศตะวันตก ซึ่งสังเกตุมีอาคารสร้างใหม่อยู่ เลยขับเข้าไปดูใกล้ๆ สังเกตุป้ายชื่อ "ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว จ.พิจิตร" แต่ผมไม่มีเวลาแวะเลยขับรถออกต่อไปเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:08:12

ความคิดเห็นที่ 13 เลยศูนย์การท่องเที่ยวมาเล็กน้อยก็พอเห็นที่ว่างเวิ้งน้ำ เลยลงไปเก็บภาพมาให้ชมกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:10:35

ความคิดเห็นที่ 14 ถนนเลียบบึงได้พาล่องลงใต้มาเล็กน้อยก็สังเกตุเห็นป้าย จุดพักรถข้างหน้า บรรยากาศเงียบสงบ ถ้ามีเวลาก็น่าเลี้ยวเข้าไปพักผ่อนได้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:12:18

ความคิดเห็นที่ 15 จุดพักรถนี้มีช่องจอดรถยาวเหยียด สังเกตุได้จากภาพดาวเทียมใน คห.11 (ถ้ามาช้ารถจอดเยอะคงเดินกันขาลากแน่ๆ) ตรงกลางมีหลังคาให้นิดนึง  ตรงจุดนี้ผมไม่ทราบว่ามีหอดูนก ที่สามารถขึ้นไปชมภาพวาดสามมิติบนพื้นได้ เลยขับเลยไปอย่างไม่เห็นอะไร เพราะไม่ทราบข้อมูลมาก่อน เพิ่งมาทราบตอนจัดเตรียมภาพโพสกระทู้นี้เอง   และด้านขวามือ ฝั่งตรงข้ามถนนจะมีทางแยกไป อุทยานเมืองเก่า ที่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะวันนี้ตอนแรกมีการวางแผนไปน้ำตกแก่งโสภาด้วย เวลาตอนนั้นก็บ่ายโมงครึ่งแล้ว เดี๋ยวจะไปไม่ทันน้ำตกปิดอีก (เหมือนกับการมาครั้งก่อนที่ไปถึงตอน 5 โมงเย็นเลยอดเข้าไป) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:19:24

ความคิดเห็นที่ 16 พอดีค้นเจอภาพหอดูนก และรูปปั้นจระเข้ยืนโบกมือทักทายด้านหน้าตรงทางเข้า ของคุณ "สุดใจเขากะลา" จากเว็บพลังจิต http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%89-86674-549.html ถ่ายภาพมาเยอะ แบบเดียวกับผม เลยนำมาให้ลงดูแก้ขัดไปก่อน เอาไว้ผมมาพิจิตรคราวหน้า ไม่พลาดแน่ หอชมนก และอุทยานเมืองเก่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:36:06

ความคิดเห็นที่ 17 ผมนึกขึ้นมาได้ว่า สาเหตุที่มองไม่เห็นหอสูงชมนกทั้งอัน และรูปปั้นจระเข้ด้านหน้า คงเป็นเพราะตรงนั้นเป็นสามแยก กำลังมีรถเลี้ยวเข้าออกมาจากอุทยานเก่า อีกทั้งมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นบดบังไปหมด เลยมองไม่เห็นครับ เมื่อขึ้นไปบนหอชมนกแล้วมองลงมที่ถนนข้างล่าง ก็จะได้เห็นภาพวาดสามมิติ ที่มีคนนิยมไปนั่งแอ็คชั่นถ่ายภาพกันมาก ซึ่งต้องถ่ายจากบนหอสูงเท่านั้นครับ  แต่เป็นที่น่าเสียดายเหมือนกันที่ภาพเหล่านี้ได้วาดไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 โน้นแล้ว ปัจจุบันคงเลือนไปมาก ยกเว้นว่าทางจังหวัดจะให้วาดใหม่อีกครั้ง อ้อ..จากข้อมูลในอินเตอร์เน็ต บอกว่า วาดโดย อาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อต้อนรับงานประเพณีแข่งเรือ 5 - 6 กันยายน พ.ศ. 2552  ลิ้งค์ข้างล่างเพิ่งค้นเจอ มีภาพตรงจุดนี้ให้ดูเยอะมาก (มีรูปท่านผู้ว่าฯ ด้วยครับ) http://www.phichit.go.th/activity/Doc/3D.html แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 16:49:13 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:43:57

ความคิดเห็นที่ 18 มาเดินทางกันต่อ ผมได้ผ่านจุดพักรถที่มีหอสูงชมนกมาแล้ว ก็มองเห็นบึงบัวสวยงาม จนผมนำไปเป็นภาพพื้นหลังเปิดกระทู้เลย  ดูไปแล้วอาจนึกว่าเป็นบึงบอระเพ็ด คือคล้ายกับภาพที่มองจากบนรถไฟเวลาไป ปากน้ำโพ ที่ผมเคยเห็นตอนเด็กๆนะครับ จากรูปข้างล่าง ผมเพิ่มเติมให้เล็กน้อย โดยคาดคะเนว่าทางเข้าด้านหน้านั้นน่าจะอยู่ด้านซ้ายของรูป เพราะเห็นอาคารเล็กๆ อยู่เยอะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 16:57:38 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:53:15

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพซ้าย : ตอนนี้มาถึงโค้งท้ายบึงแล้ว (ให้ดูภาพบึงในคห.11ด้วย) เป็นพื้นที่ปลายแหลม ทำให้ถนนด้านใต้มีระยะทางสั้นมาก ก่อนจะเลี้ยวซ้ายวกขึ้นไปประตูทางเข้าด้านทางเหนือของบึงอีกที ภาพขวา : เลยโค้งมานิดนึง (เสียวรถเฉี่ยว) ก็จอดรถลงมาเก็บภาพดู จากจุดที่ไกลที่สุดของบึงจะเห็นอะไรบ้าง เงียบครับ มีแต่ทุ่งหญ้าในน้ำคล้ายที่ อุทยานเขาสามร้อยยอด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:05:13

ความคิดเห็นที่ 20 มองไปไกลๆ จะสังเกตุเห็นหอสูงดูนกอีกแห่ง ที่ภายหลังทราบว่าเป็นอุทยานบัว และวัดบึงสีไฟ นับว่าแปลกดีที่มีวัดอยู่ในบึงสีไฟด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:07:09

ความคิดเห็นที่ 21 ขับรถต่อมาถึงโค้งเลี้ยวซ้ายขึ้นมาทางเหนือเล็กน้อย ก็เห็นป้าย "อุทยานบัวบึงสีไฟ" เลยจอดรถลงไปดู ไม่ให้เสียเที่ยวครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:09:30

ความคิดเห็นที่ 22 มีทางเข้าไปข้างในอีก แต่ผมไม่มีเวลาเลยลงเดินหาเก็บภาพเอาแถวๆ ป้ายด้านหน้านี่แหละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:11:43

ความคิดเห็นที่ 23 ชื่อบอกว่าเป็นอุทยานบัว เลยพยายามมองหาดอกบัวมาให้ดูกัน เห็นอยู่ไม่กี่ดอก เลยถ่ายภาพมาให้ดูแก้เก้อครับ  ช่วงนี้เวิ้งน้ำดูโล่งๆ คาดว่ากำลังเตรียมปลูกใหม่อยู่กระมังครับ  มองเลยเวิ้งน้ำด้านหลังป้ายก็จะเห็นหอสูงดูนก ถ้ามีเวลาก็จะเข้าไปดูวิวบ้าง แต่ดูจากข้างนอกแล้วเหมือนพื้นที่เอกชน เช่นสนามกอล์ฟ เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:14:39

ความคิดเห็นที่ 24 กลับขึ้นรถ ขับต่อมาไม่ไกลก็สังเกตุเห็นกลุ่มอาคารทางราชการ "โครงการชลประทานพิจิตร" ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:16:13

ความคิดเห็นที่ 25 มองไปฝั่งตรงข้ามถนน สังเกตุเห็นบ้านกำลังก่อสร้าง ที่ดูเหมือนโบสถ์คริสต์ในต่างประเทศเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:18:46

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนนี้ผ่านด้านหน้าวัดบึงสีไฟแล้วครับ โชคไม่ดีแผนที่ดาวเทียมในคห.11 เป็นช่วงที่มีกลุ่มเมฆบังเลยไม่เห็นบริเวณวัดด้านในเลยครับ ว่าอยู่ในบึงอย่างไร  มองไปฝั่งตรงข้ามถนนเป็นบ้านที่กำลังก่อสร้างสวยๆ อยู่กลางทุ่งไม่มีรั้ว ครับ ชอบใจชายคาที่ยื่นลงมามาก เรียกว่าทั้งแดดและฝนไม่ได้แอ้มในบ้านแน่นอน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:22:32

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพซ้าย : ถัดมาเล็กน้อยก็เป็นโรงเรียนบึงสีไฟ นึกแล้วแปลกเหมือนกันที่ มีโรงเรียนอยู่ในเขตบึงสีไฟด้วย คาดว่าโรงเรียนและวัดคงสร้างมานานแล้ว ต่อมามีการกำหนดเขตพื้นที่บึง แล้วทำถนนวนรอบในภายหลัง แต่นับเป็นเรื่องดี ที่เด็กๆ จะได้ชมวิวธรรมชาติบึงสีไฟ ตลอดเวลาที่เรียนครับ ภาพขวา : ขับเลยมาเกือบถึงประตูทางเข้าด้านหน้าบึงสีไฟแล้วครับ ดูไม่ค่อยมีที่จอดรถเท่าใดนัก แต่แอบสังเกตุเห็นมีคนนำรถไปจอดข้างในพื้นที่ สวนสมเด็จฯ และทางไปอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ กันเยอะ  แต่ผมกะจะไปแค่จระเข้ยักษ์เลยพยายามหาที่จอดให้ใกล้ๆ ด้านหน้าครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:51:23

ความคิดเห็นที่ 28 ผมจอดรถตรงหน้าอาคารสวยๆ สีเขียว อ่านจากป้ายที่รูปปั้นจระเข้ถืออยู่ด้านหน้าว่า "ศูนย์ OTOP" คงยังไม่เปิดดำเนินการ ดูเงียบๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:07:09

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพซ้าย : ป้ายด้านหน้าทางเข้าบึงสีไฟ เป็น "สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร" ไม่ใช่ป้ายชื่อบึงสีไฟนะครับ ดูสภาพรกเต็มไปหมด เพราะกำลังปรับปรุงพื้นที่อยู่ ภาพขวา : มีป้ายใหญ่แสดงภาพวาดโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และก่อสร้างประติมากรรมสัญญลักษ์ ระยะ 2 อยู่ตรงหน้าทางเข้าเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:10:12

ความคิดเห็นที่ 30 ออกไปยืนตรงหน้าทางเข้า แล้วเก็บภาพโดยรอบด้านนอกมาให้ดูกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:11:18

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเดินผ่านประตูทางเข้ามาแล้วหันกลับไปดูป้อมยามข้างหน้า ออกแบบสร้างได้สวยมาก แต่บริเวณด้านหลังป้ายชื่อ สวนสมเด็จฯ เป็นห้องเก็บของก่อสร้างดูรกมาก ทราบมาว่าก่อนมีการปรับปรุงพื้นที่ ตรงนี้มีความสวยงามมาก น่าเสียดายเหมือนกันที่ทำช้ามาก ตามข่าวบอกว่า นักท่องเที่ยวหนีหายไปเยอะ คงรอให้ทำเสร็จไม่รู้ว่าอีกเมื่อใด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:15:17

ความคิดเห็นที่ 32 มองไปทางใต้ เห็นมีอาคารใหญ่ คาดว่าเป็นที่ทำการของบึงสีไฟ หันมาทางบึง ก็จะเห็นมีการก่อสร้างอนุสาวรีย์ดอกบัว ซึ่งจะเห็นรูปปั้นจระเข้ยักษ์อยู่ริมบึง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:17:44

ความคิดเห็นที่ 33 เดินไปดูรูปปั้นจระเข้ยักษ์กันใกล้ๆ  ทางขวามือเห็นกรงสร้างใหม่ ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อเลี้ยงจระเข้ในอนาคต ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:19:30

ความคิดเห็นที่ 34 นี่แหละครับ รูปปั้นจระยักษ์ พญาชาละวันแห่งเมืองพิจิตร  มีความยาว 38 เมตร สูง 5 เมตร กว้าง 6 เมตร นับเป็นรูปปั้นจระเข้ที่คาดว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ที่สำคัญปั้นได้เหมือนมีชีวิตมาก ในอิริยาบทกำลังเดินเยื้องย่างย้ายส่ายไปมาด้วย  แต่ไม่ปรากฏข้อมูลว่าสร้างเมื่อใด ได้แต่คาดการณ์โดยประมาณว่าน่าจะอยู่ในช่วง ปีพ.ศ.2531 - 2533 ตามที่คุณสัญญาณหางปลาบอก และตัวผมเองก็ได้เคยพาคุณแม่แวะไปเที่ยว บึงสีไฟ เมื่อปี พ.ศ.2531 ก็ไม่สังเกตุเห็นรูปปั้นจระเข้ยักษ์นี้เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:34:03

ความคิดเห็นที่ 35 เดินใกล้เข้าไปอีกนิด เพื่อเก็บภาพรูปปั้นจระเข้ยักษ์นี้อย่างเต็มๆ เฟรม หน่อย ในรูปเห็นเด็กยืนมองอย่างพินิจพิเคราะห์ คงจะคิดว่า ถ้าเป็นตัวจริงจะน่ากลัวขนาดไหน คงกินเราแบบไม่ต้องเคี้ยวเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:36:18

ความคิดเห็นที่ 36 เอ้า...หันมาอ้าปากใกล้ๆ แล้ว...ฮา  ปากช่างกว้างจริงๆ คนชอบนำพวงมาลัยไปคล้องกับฟัน คงเป็นการบูชาเจ้าพ่อชาละวันตามความเชื่อกระมังครับ  แต่มีป้ายระบุไว้ "ห้ามขึ้น" เพราะจะไปทำให้ฟันจระเข้หักหลุดได้ครับ  แต่ก่อนใช้ลวดหนามล้อมตรงบริเวณปากจระเข้ไว้ ดูไม่สวย เลยหันมาใช้ต้นไม้ดัด ตัดให้สวยรอบๆ แล้วปักป้ายห้ามขึ้นแทนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:40:11

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่พลาดรูปที่ระลึก คุณยายกับหลาน ตรงปากจระเข้ ครับ  ดูภาพแล้วรู้สึกเสียวๆ สันหลังใหมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:42:26

ความคิดเห็นที่ 38 ด้านข้างรูปปั้นจระเข้ สามารถเดินเข้าไปสัมผัสใกล้ๆได้ เลยให้เจ้าตัวเล็กไปยืนแอ๊คท่ากันบนหลังเท้าทั้งหน้าและหลัง ครับ (เป็น 2 ภาพมาต่อกันนะครับ) แหม...ดูเท้าจระเข้แล้วช่างเหมือนไดโนเสาร์ หรือ ก๊อตซิล่า ในภาพยนต์ เล่นเอาเจ้าตัวเล็กเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นบ้างแล้ว... แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 19:00:51 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 18:47:36

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเลยให้ลองโพสท่าแบบกอดขาจระเข้ เลียนแบบผมเมื่อครั้งก่อนที่มาทำแบบนี้ตอนปี พ.ศ.2534 โน้นครับ  รูปถัดมาป้าเข้าฉากด้วย งานนี้ผมก็เลยขอแจมด้วยคนครับ อิอิ..แว่นตาดูตลกดีเหมือนคุณเสริมเวช ช่วงยรรยง (อิ๊ด) แห่งวงรอยัลสไปรท์สครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:34:11

ความคิดเห็นที่ 40 ขอนำรูป คุณเสริมเวช ช่วงยรรยง (อิ๊ด) แห่งวงรอยัลสไปรท์ส มาให้ดูเผื่อลืมไปแล้ว กับเพลง มาหาพี่ และ เป็นอะไร(จึงใส่แว่นตาดำ) ประมาณปี พ.ศ.2522 และยุบวงไปในปี พ.ศ.2530 ที่ผมเรียนจบพอดี เด็กๆ สมัยนี้คงอาจไม่เคยได้ยินกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:44:31

ความคิดเห็นที่ 41 ผมพาออกนอกเรื่องไปกับอดีตอีกละ.... มาต่อกันครับ ผมหันไปดูทางหัวจระเข้ แหม..ดูช่างเหมือนมีชีวิตจริงๆ แล้วสองสาวที่อยู่ตรงปากไม่ยักกะกลัว..แฮ่ๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:47:27

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพซ้าย : เอาแค่หางก็ดูเหมือนกำลังจะเลื้อยไปมาราวกับงูยักษ์แล้ว.... ภาพขวา : มองกลับไปทางหัวจระเข้อีกครั้ง ยิ่งใหญ่จริงๆครับ ใครช่างปั้นแต่งกันนะนี่  น่าจะมีแผ่นป้ายบอกประวัติการสร้างและผู้สร้างด้วยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:49:03

ความคิดเห็นที่ 43 หันไปทางศาลากลางน้ำบ้าง จากตรงนี้จะเห็นรูปปั้นพญาชาละวันในร่างมนุษย์นั่งอยู่ด้วยครับ ศาลากลางน้ำนี้ มีอีก 3 หลังเล็กๆ อยู่ถัดไปด้านหลัง ศาลาหลังใหญ่  ทีแรกผมก็คิดว่ามีหลังเดียวนะครับ ไม่เคยเดินไปที่ศาลาเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:51:48

ความคิดเห็นที่ 44 มองถัดมาทางขวา (ทิศตะวันออก) ก็จะเห็นเวิ้งน้ำกว้างมีเรือถีบให้เช่า ตรงนี้เป็นช่วงปลายหางจระเข้ มีป้ายชื่อจระเข้แบบ 3 ทิศทางด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:54:00

ความคิดเห็นที่ 45 มายืนเล็งตรงหางจระเข้ตรงๆ ยิ่งใหญ่จริงๆ ตรงนี้พอจะเห็นว่าเป็นรูปปั้นเพราะดูมันเรียบแข็งกระด้างไปนิด(เน้นด้านหน้าให้เหมือนจริง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:56:14

ความคิดเห็นที่ 46 เดินกลับไปอีกฝั่งหนึ่งของตัวจระเข้  แม้จะสร้างมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ก็ยังดูน่าทึ่งในความเหมือนของจริงที่มีชีวิตอยู่ดี ทำให้มีคนยืนดู รอถ่ายภาพกันตลอด  เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ขาหลังด้านซ้าย ก็สังเกตุเห็นคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศวางอยู่ ซึ่งผมเคยเห็นแล้ว เลยทำให้ทราบว่าข้างในเป็นห้องประชุม ขนาด 25 - 30 คน  ไม่รู้ว่าใครกันบ้างที่ได้เข้าไปประชุมในห้องนี้ ไม่มีหน้าต่างให้แสงและอากาศเข้า ปัจจุบันน่าจะเปิดให้คนเข้าไปชมแทนในเชิงพิพิธภัณฑ์มากกว่านะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:03:02

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพซ้าย : เดินมาตรงระหว่างขาหน้ากับขาหลังด้านซ้าย สังเกตุเห็นช่องประตูด้านข้างเข้าไปห้องประชุมครับ นับเป็นไอเดียของใครกัน ที่แปลงห้องประชุมมาเป็นรูปปั้น หรือไม่ก็ ใช้เนื้อที่ว่างภายในรูปปั้นให้เป็นห้องประชุม คิดไม่ถึงจริงๆ ครับ ภาพขวา : หันกลับไปมองทางหางอีกที โอ..ทอดยาวไปไกลเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:09:52

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพซ้าย : มองมาทางหัวจระเข้ด้านซ้าย ตรงนี้เป็นที่ร่ม ใช้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัวของช่างภาพท้องถิ่นด้วย  แกคงนึกเบื่อ ที่ปัจจุบัน ผู้คนที่มาต่างก็มีกล้องติดไม้ติดมือกันมาทุกคน อย่างน้อยก็เป็นกล้องโทรศัพท์มือถือ... ภาพขวา : ลองเดินเข้าไปใกล้ประตูเข้าห้องประชุมในตัวจระเข้ แล้วหันไปดูขาหลัง ดูแล้วมีขนาดเล็กหลอกตามาก คนสร้างช่างคำนวณขนาดได้เหมาะเจาะจัง  ว่าแต่ท้องจระเข้ตัวนี้อ้วนมาก(เหมือนผมเลย...ฮา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:14:11

ความคิดเห็นที่ 49 หันมาดูปากจระเข้ดีกว่า อ้าปากกว้างๆ เขี้ยวเต็มปากแบบนี้ดูแล้วเสียวมากๆ ครับ กลัวเขี้ยวอันบนจะหล่นลงมาข้างล่างครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:16:58

ความคิดเห็นที่ 50 มองกลับไปด้านข้างจระเข้ ตรงนี้จะเห็นเวิ้งน้ำอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ด้วย  ในรูปด้านขวามือ จะสังเกตุเห็นมือกล้องคนหนึ่งเล็งถ่ายภาพอย่างจดจ่อ น่าจะเป็นมืออาชีพ สังเกตุที่กางเกงเขาได้..ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:21:13

ความคิดเห็นที่ 51 ผมขอเก็บภาพภายในปากจระเข้นี้ชัดๆ หน่อยครับ ภาพซ้าย : แหม...ดูแล้วเหมือนที่นอนกลางแจ้งที่มีหลังคาเปิดอ้าเลย แต่ต้องผ่านแนวฟันไปให้ได้ก่อนนะครับ ภาพกลาง : มองเข้าไปตรงๆ สังเกตุว่ามีป้าย "ห้ามขึ้น" เพราะจำให้ฟันจระเข้หักได้ และสกปรก ในครั้งก่อนที่ผมมามีการล้อมลวดหนามด้วยซ้ำไป มองไปลึกๆ ข้างในมีป้ายบอกว่า "ตัวละ15" ก็ชวนให้งงว่า เขาขายอะไร หุ่นการ์ตูนจระเข้หรือ แต่เห็นมีช่างภาพนั่งอยู่ อาจเป็นการคิดภาพถ่าย ภาพละ 15 บาท ใช่หรือเปล่าไม่ทราบครับ แต่คนที่เข้าไปวางป้ายนี้ ก็ต้องปีนผ่านฟันจระเข้เข้าไปเช่นกัน เฮ้อ..ทำให้เสียอรรถรสไปหมดเลย ภาพขวา : แหงนดูเพดานจระเข้ตัวนี้ มีลวดลายคล้ายใบโพธิ์ ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:27:22

ความคิดเห็นที่ 52 ระหว่างที่ผู้คนสนใจถ่ายภาพรูปปั้นจระเข้ยักษ์ ผมก็เหลือบเห็นสุนัขตัวหนึ่งนั่งอยู่ตรงริมทางเดิน แล้วทำหน้าเศร้า เหมือนจะบอกว่า "ไม่มีใครมาสนใจมันเลย มีแต่ดูรูปปั้นที่ไร้ชีวิต"....ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:29:30

ความคิดเห็นที่ 53 ถอยออกมาหน่อย เพื่อเก็บภาพจระยักษ์แบบเต็มๆ จากด้านนี้  ดูแล้วเหมือนมันกำลังคลานสะบัดหัวอ้าปากจะกินกลุ่มคนด้านหน้าเลย..บรื๊อยย.. ช่างดูมีจิตวิญญาณจริงๆครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:32:08

ความคิดเห็นที่ 54 ถอยห่างออกมาอีก จนเลยริมน้ำ ที่เด็กๆกำลังให้อาหารปลาอย่างเพลินๆ แล้วเก็บภาพรูปปั้นจระเข้ยักษ์อีกครั้ง ช่างเหมือนกำลังคลานผ่านต้นไม้ไปเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:34:17

ความคิดเห็นที่ 55 เชยชมรูปปั้นจระเข้ยักษ์เหมือนจริงมาพอแล้ว เวลาเกือบบ่ายสองครึ่งแล้ว ไปที่ศาลากลางน้ำอันเป็นสัญญลักษณ์ของบึงสีไฟแห่งนี้ดีกว่าครับ ศาลาแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีบันทึกไว้เช่นกัน หากแต่น่าจะสร้างพร้อมๆ กับ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในปี พ.ศ.2527 โน้นนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:40:58

ความคิดเห็นที่ 56 ข้างหน้าสะพานมีของเล่นเด็กตุ๊กตารูปจระเข้มากมายให้เลือกด้วยครับ ด้านขวาของสะพานเป็นรูปปั้นพญาชาละวันในร่างมนุษย์ เนื่องจากเป็นการย้อนแสงพระอาทิตย์เลยถ่ายภาพมาได้ไม่ชัดเจนนัก ซึ่งตามตำนานเขาว่า พญาชาละวันนี้หล่อมาก แต่นิสัยเกเร ชอบอวดอ้างอำนาจกับผู้อื่น แม้แต่มนุษย์ ก็ฆ่ามาเยอะ แถมหลังสุดนี้ไปจับ ตะเภาทองลูกสาวเศรษฐีชื่อคำ ไปเป็นเมียในถ้ำใต้น้ำ ทั้งๆ ที่มีเมีย(เป็นจระเข้)แล้ว 2 ตน คือ นางวิมาลา และ นางเลื่อมลายวรรณ เศรษฐีก็ว่าจ้างคนไปปราบชาละวันโดยให้สมบัติครึ่งหนึ่งและนางตะเภาแก้วคู่แฝดตะเภาทอง จนต่อมาได้มี หนุ่มรูปงามนามไกรทอง มารับอาสาปราบชาละวันได้สำเร็จ ได้นางตะเภาแก้วเป็นภรรยาแถมด้วยนางตะเภาทองอีกคน แต่ไกรทองมีความเจ้าชู้ก็ได้หลงรักนางวิมาลา แล้วใช้เวทย์มนต์ให้นางกลายเป็นมนุษย์บนบกได้  จนมีเรื่องกับตะเภาแก้วตะเภาทอง ไกรทองต้องไปห้ามและตัดใจจากนางวิมาลาซึ่งกลายร่างคืนเป็นจระเข้ตลอดไป ที่มาตำนาน http://pirun.ku.ac.th/~b5008335/kraitong.html จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:54:50

ความคิดเห็นที่ 57 เดินมาอีกฝั่งของสะพาน ก็มีรูปปั้นพญาชาละวันในร่างจระเข้กับรูปปั้นผู้หญิง 2 คน ซึ่งคาดว่าเป็นนางวิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เมียของพญาชาละวันนั่นเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 20:58:58

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพซ้าย : ได้เวลาขึ้นสะพานข้ามไปศาลากลางน้ำสักทีครับ แดดตอนนั้นจ้ามาก ทางเดินก็ไกล แต่ลมพัดเย็นสบายครับ  จากภาพราวสะพานด้านขวา มีแหว่งเว้า ให้ระวังจุดอื่นๆ ด้วยว่าจะพังลงไปถ้าเผลอท้าวแรงๆ ครับ ภาพขวา : เดินมาได้เล็กน้อยก็หันกลับไปดูด้านหลังป้ายหน้าสะพานครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 21:06:04

ความคิดเห็นที่ 59 ภาพซ้าย : ตรงจุดนี้ทางซ้ายมือ(หันหน้าเข้าศาลากลางน้ำ)ที่เป็นรูปปั้นพญาชาละวันในร่างจระเข้ มองเห็นชัดเจนกว่าเดิม เพราะไม่ย้อนแสงแดด ภาพขวา : ด้านขวามือ ก็คือรูปปั้นพญาชาละวันในร่างมนุษย์ครับ สังเกตุดีๆ ตรงชายผ้าด้านหลัง ยังงอขึ้นมาเหมือนหางจระเข้ ซึ่งในทางตำนานคงถือเป็นข้อสังเกตุ จระเข้ที่แปลงร่างเป็นคนนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:23:57

ความคิดเห็นที่ 60 ตรงด้านขวามือ มองข้ามน้ำเลยไปก็เป็นรูปปั้นจระเข้ยักษ์นั่นเอง ดูตรงนี้จะเห็นแนวลำตัวโค้งเป็นรูปตัวเอสเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:27:39

ความคิดเห็นที่ 61 ตอนนี้เดินเกือบถึงศาลาหลังใหญ่กลางน้ำแล้วครับ แสงแดดแยงตาพอสมควร ครับ  ตรงจุดหน้ามุกศาลานี่แหละที่มีชื่อ "บึงสีไฟ" เท่านั้น เพราะไม่เห็นจากจุดอื่นเลยตรงประตูทางเข้าด้านนี้ครับ เสร็จแล้วหันกลับไปดูทางที่เดินเข้ามาอีกที จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ออกไปทางประตูด้านหน้าได้ครบ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:30:28

ความคิดเห็นที่ 62 ตอนนี้เดินเข้ามาในร่มเงาศาลากลางน้ำหลังใหญ่แล้ว มีเก้าอี้นั่งวางไว้รอบๆ มองไปทางซ้ายเป็นสะพานลัดไปยัง อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ และบ่อจระเข้  ส่วนทางขวาเป็นวิวกว้างผู้คนนิยมมายืนให้อาหารปลากันอย่างเพลิดเพลิน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:33:03

ความคิดเห็นที่ 63 บรรยากาศในศาลานี้เย็นสบายดี มีเวลาเหลือก็น่ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจ มองกลับไปทางด้านหน้าศาลา ลองเดินกลับไปดูด้านนี้อีกที  จะมองเห็นด้านหลังของรูปปั้นจระเข้ทั้งหมด และพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:37:01

ความคิดเห็นที่ 64 ใช้กล้องซูมดึงภาพรูปปั้นจระเข้ยักษ์ตัวนี้จากบนศาลากลางน้ำมาดูอีกครั้ง รู้สึกชื่นชอบฝีมือและไอเดียของผู้สร้างจริงๆ ไม่รู้ว่าใครกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:40:34

ความคิดเห็นที่ 65 ภาพซ้าย : เดินกลับไปทางด้านในศาลาใหญ่กลางน้ำอีกครั้ง มองออกไปข้างนอกจะเห็นว่ามีศาลาเล็กๆ 3 หลังแยกออกเหมือนกิ่งไม้ ภาพขวา : ก้มลงมองที่ผิวน้ำมีปลาชุกชุม พอดีสังเกตุเห็นมาตรวัดระดับน้ำ แค่ประมาณ 50 เซนติเมตรเอง น้ำขุ่นๆ ดูแล้วนึกว่าลึกมาก แต่พื้นข้างล่างอาจเป็นดินเลน ตกลงไปแล้วอาจจมลึกลงไปอีกได้ ก็ให้ระวังไว้เป็นดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:44:44

ความคิดเห็นที่ 66 สะพานข้างหน้าเป็นสี่แยกไปยังศาลาทั้ง 3 หลัง  แต่ผมสนใจหลังไกลที่สุดเพราะมีรูปทรง 6 เหลี่ยมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:47:39

ความคิดเห็นที่ 67 เกือบถึงศาลาหลังเล็กทรง 6 เหลี่ยมแล้วครับ ทำเป็นที่นั่งรอบๆ ราวกันตกด้วย  ศาลานี้อยู่ไกลสุด ปกติจะมองไม่เห็นเพราะศาลาหลังใหญ่ด้านหน้าบังไว้หมด (ผมเองก็เพิ่งทราบครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:51:52

ความคิดเห็นที่ 68 ตรงนี้ลองหันกลับไปทางศาลาหลังใหญ่อีกครั้ง จะเห็นสี่แยกกลางสะพานชัดๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:55:05

ความคิดเห็นที่ 69 ผมเข้าไปในศาลา 6 เหลี่ยมด้านตรงข้ามมีทางลงไปใกล้ผิวน้ำ ดูสภาพแล้วมีราวกันตกโดยรอบ (คงจะใช้ลอยกระทงยากหน่อย น่าจะสร้างไว้สวยๆ เพราะถ้าเป็นบ้านคนริมคลอง ตรงนี้ก็จะเป็นทางลงเรือ หรืออาบน้ำซักผ้า และลอยกระทงครับ) แต่พื้นไม่สมบูรณ์ ต้องค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังหน่อย มิฉะนั้นอาจจะพังลงไปได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:11:18

ความคิดเห็นที่ 70 มองไปข้างหน้า จะเห็นสีขาวๆ ทอดยาวขวางหน้าอยู่ไกลๆ นั่นคือทางเดินไปยังอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ในวันนี้ผมไม่มีเวลาแวะ แถมดูคนก็เยอะ เลยขอเอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ อ้อ..เวิ้งน้ำตรงนี้ เคยใช้เป็นที่แข่งเรือมาแล้วเหมือนกัน ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:13:45

ความคิดเห็นที่ 71 เพื่อความชัดเจน ผมขอขยายแผนที่ดาวเทียม เอาตรงเฉพาะบริเวณด้านหน้าบึงสีไฟ ไปถึง อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ ก็พอจะเห็นตำแหน่งสถานที่ต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งจะพบว่าการไปอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ ให้สะดวก ต้องจอดรถที่ประตูด้านข้าง มิฉะนั้นจะเดินกันไกลมากๆ ครับ อ้อ..นอกจากนี้ยังจะเห็นบ่อจระเข้ด้วย ซึ่งผมมาวิเคราะห์เอาจาก ภาพที่คนอื่นไปเที่ยวมาแล้วในเว็บครับ รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปให้ครบเหมือนกัน  แต่เนื่องจากผมมีเป้าหมายถัดไปคือ น้ำตกแก่งโสภา โน้นกลัวไม่ทัน ตอนนี้เวลาก็บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:17:54

ความคิดเห็นที่ 72 ผมยังอยู่ท่าน้ำของศาลา 6 เหลี่ยมอยู่  มองไปทางทิศเหนือ ด้านที่มีเรือถีบให้เช่า จะสังเกตุเห็นสิ่งก่อสร้างคล้ายกระทงขนาดยักษ์อยู่ ผมเพิ่งเห็นตอนจัดเตรียมภาพนี้เอง เลยไม่ได้เดินไปตรงนั้นอีกครับ นับว่าที่บึงสีไฟนี้มีอะไรน่าดูไม่น้อยเหมือนกัน แต่ขาดการประชาสัมพันธ์ (แค่ป้ายตอนเดินเข้ามาก็ไม่มีให้แจ้งให้ทราบแล้วว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน ผมเลยพลาดไปหอชมนก เพื่อดูภาพ 3 มิติที่พื้น) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:24:41

ความคิดเห็นที่ 73 ผมลองใช้โหมดการถ่ายภาพมุมกว้างมาช่วยเก็บภาพเวิ้งน้ำบึงสีไฟด้านหน้านี้ครับ แสดงในภาพบน  ส่วนภาพล่างนั้นเป็นเส้นทางไปยังอาคารแสดงพันธุ์ฯ (จะเห็นว่าเดินไกลมากๆ ควรไปจอดรถที่ประตูข้างจะใกล้กว่ามาก) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:28:32

ความคิดเห็นที่ 74 กลับกันดีกว่าครับ สะพานท่ามกลางแดดจ้าๆ นี้ดูยาวไกลเหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:30:34

ความคิดเห็นที่ 75 ก่อนออกไปจากบึงสีไฟ ผมได้ถ่ายคลิ๊ปวิดีโอไว้บ้าง เริ่มจากสภาพด้านหน้าของบึงสีไฟ ที่อยู่ในช่วงปรับปรุงก่อสร้างครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:56:52

ความคิดเห็นที่ 76 คลิ๊ปนี้เป็นการถ่ายภาพรูปปั้นจระเข้ยักษ์ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:58:08

ความคิดเห็นที่ 77 คลิ๊ปสุดท้ายเป็นช่วงการเดินบนสะพานไปยังศาลากลางน้ำ 6 เหลี่ยมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:59:31

ความคิดเห็นที่ 78 ภาพบน : เป็นภาพสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตรทางด้านหน้า ที่ผมค้นได้จากในเน็ตเมื่อวันก่อน แต่กลับไปหาที่มาไม่ได้  แสดงเพื่อให้เห็นว่าก่อนการปรับปรุงมีสภาพสวยงามอลังการณ์ขนาดไหน เทียบกับตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพเดิมๆเลย (ภาพซ้ายในคห.29) ภาพล่าง : เป็นภาพรูปปั้นจระเข้ยักษ์ในสม้ยแรกๆ ที่เพิ่งสร้าง ที่ผมค้นได้จากในเน็ตเมื่อวันก่อน แต่กลับไปหาที่มาไม่ได้เช่นกัน เป็นภาพถ่ายมุมสูงที่ต้องมีอุปกรณ์ช่วย ครับ (สังเกตุดีๆ ว่ามีการล้อมลวดหนามตรงบริเวณปากจระเข้ และต้นไม้รอบๆ ยังมีขนาดเล็กมาก) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 02:20:48

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพบน : ตอนนี้ออกมาจากบึงสีไฟแล้ว กำลังผ่านวงเวียนสวยอันเดิม ซุ้มเฉลิมพระเกียรติทั้งสวยและแข็งแรงมากครับ ภาพล่าง : ผ่านวงเวียนมาแล้วก็ถึงสี่แยกตัดถนนสระหลวง ผมนึกคิดถึงโรงเรียนพิจิตรพิทยาคม ที่ผมเคยไปสอบโควต้าเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ 30 ปีที่แล้วครับ  จะลองวนรถไปดูสักหน่อย ต้องเลี้ยวซ้ายไปทาง จ.พิษณุโลกครับ   สังเกตุดีๆ ว่าโคมไฟกลางถนน เป็นรูปหงส์  ทางผู้ออกแบบคงจะประทับใจ โคมไฟหงส์ที่ ถนนอุทยาน กรุงเทพฯ นะครับ (แต่ก็ออกแบบไม่เหมือนกันนัก) แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 55 02:27:51 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 02:24:20

ความคิดเห็นที่ 80 ตอนนี้ผ่านหน้าโรงเรียนพิจิตรพิทยาคมไปแล้ว วนกลับมาถ่ายภาพจากฝั่งถนนตรงข้ามครับ  โรงเรียนแห่งนี้ผมยังเคยมารับเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชกับพ่อ ตอนที่ผมยังเด็กๆ ผมยังจำได้ว่าถนนหน้าโรงเรียนเส้นนี้เพิ่งเกรดยกระดับเป็นดินสูงเลยครับ  ตอนนั้นได้ข่าวว่าพระองค์ท่านจะเสด็จมา ก็ตื่นเต้นมาอยากเห็นพระองค์ท่าน และขบวนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ตามเสด็จครับ ประทับใจมิรู้ลืมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 02:32:30

ความคิดเห็นที่ 81 ผมใช้เส้นทางเดิมกลับมายัง อ.สากเหล็ก เพื่อเข้าสู่ถนนหมายเลข 11 ที่จะตรงไป อ.วังทอง แล้วเลี้ยวขวาไปยัง น้ำตกแก่งโสภา ครับ แต่ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว ท้องยังหิวอีกด้วย ในที่สุดต้องตัดใจ ยกเลิกภาระกิจน้ำตกแก่งโสภา เพราะจำได้ว่า ระยะทางจาก อ.วังทองอีกไกล แถมขึ้นเขาต้งแต่เข้าสู่เขต จังหวัดเพชรบูรณ์อีก นับว่าห่างไกลจากน้ำตกแก่งซอง และ น้ำตกวังนกแอ่น(ในสวนรุกขชาติ สกุโณทยาน)อีกมาก จำได้เลยต้องตัดใจแวะหาอะไรทาน แถวๆวังทองแล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็น จ.พิษณุโลก ที่พระราชวังจันทร์ ที่ผมเคยไปแวะเมื่อช่วงปี 2537 ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร และซ่อมภาระกิจเก่าที่วัดใหญ่พระพุทธชินราช ที่พลาดไปไม่ได้เห็น พระเหลือ และ วิหารปรินิพพาน ครับ  ในตอนหน้า อันเป็นตอนจบของทริปนี้ ก็จะพาท่านไป พระราชวังจันทร์ และวัดพระพุทธชินราช ครับ คอยติดตามชมต่อไปนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 02:40:52

ความคิดเห็นที่ 82 ตามไปเที่ยวบึงสีไฟด้วยคนครับ จากคุณ : kungpack เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 11:08:34

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 20:49:12

ความคิดเห็นที่ 84 สวัสดีครับ คุณ kungpack, คุณ Destiny-Boy, คุณสุดท้ายตรงไหน, คุณSergeant Keroroและ คุณ burinza_baw : ขอบคุณทุกท่านครับ ที่แวะเข้ามาทักทาย ให้กิฟท์ตามความพอใจครับ  คอยติดตามชม ตอนต่อไป คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 10:07:28

ความคิดเห็นที่ 85 ตามไปดูบึงสีไฟด้วยคนครับ ผมเคยพาแม่บ้านไปเที่ยวบึงสีไฟ ก่อนลงไปเยี่ยมญาติที่อุทัยธานี ได้ภาพมานิดหน่อย แต่น่าเสียดายที่เก็บไว้ไม่ดี ภาพเลยมีร่องรอยชำรุดครับ ขอยอมรับว่า ฝีมือช่างปั้นรูปจรเข้ยักษ์ตัวนี้ ระดับไร้เทียมทานจริงๆ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 22:03:23

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีครับ คุณ owl2: ขอบคุณที่นำภาพมาแจมเพิ่มเติมครับ นั่นเป็นภาพนานกว่า 20 ปีแล้วใช่ไหมครับ ภาพถ่ายหยุดเวลาได้จริงๆ แต่กาลเวลาก็ยังตามมาทำให้ภาพชำรุดซะอีก โชคดีที่ปัจจุบันมีระบบดิจิตอล ที่เก็บภาพไว้ได้ตลอดกาล ครับ สำหรับ ตอนที่ 5 ในสัปดาห์นี้ ยังออกไม่ทัน เพิ่งจัดเตรียมภาพเสร็จเมื่อวันศุกร์ ต้นสัปดาห์หน้า ก็คงได้ออนแอร์ นะครับ (ตอน 5 : พาไปชมพระราชวังจันทน์ จ.พิษณุโลก แถมด้วย หลวงพ่อเหลือ วัดพระพุทธชินราช ตบท้ายก่อนจบด้วยอาหารมื้อดึก ที่ตลาดริมน้ำ แห่ง จ.นครสวรรค์) เนื้อหาเยอะต้องให้จบสำหรับทริปนี้สักที จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 03:23:31

ความคิดเห็นที่ 87 จะรอติดตามชมครับ คุณมิราชช์ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 22:45:11

ความคิดเห็นที่ 88 วันนี้มาต่อกันให้จบแล้วครับ ในตอนที่ 5 : พระราชวังจันทน์ - วัดใหญ่พระพุทธชินราช http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11745112/E11745112.html จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 12:43:46