ความคิดเห็นที่ 1 และไม่น่าเชื่อว่าUAจะเสิร์ฟอาหารจานนี้โดยให้มาแค่เกลือ! เดชะบุญที่เมื่อวานหยิบผมซอสมะเขือเทศจากเซเว่น-อีเลเว่นมาเยอะตอนซื้อไส้กรอกจึงเหลือซอสติดเป้มาด้วย ไม่งั้นการกินไข่เจียวและไส้กรอกกับเกลือคงสร้างความแปลกแบบกร่อยๆให้ผมน่าดู หลังเก็บถาดอาหารเสร็จสจ๊วตก็เอาใบเข้าเมือง-ออกเมืองมาแจก สจ๊วตที่เอาเอกสารมาแจกเป็นชาวญี่ปุ่น แถมตัดสกินเฮดเหมือนผมซะด้วย ไม่รู้ว่าเพราะผมทรงเดียวกันรึเปล่า พี่สจ๊วตเลยเหมาเอาว่าผมเป็นคนญี่ปุ่น แล้วก็แจกเอกสารภาษาญี่ปุ่นล้วนมาให้ซะอย่างงั้น - -" เครื่องบินบินได้นุ่มเรียบตลอดทางขัดใจคนอยากมีประสบการณ์ตกหลุมอากาศแบบหนักๆซักครั้งอย่างผมเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อใกล้ถึงสนามบินนาริตะเหล่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็เดินแจกอาหารว่างอีกรอบ... ขนมปังเนื้อแน่นแข็งประกบแฮมและชีส ถ้าเป็นพวกชีสเลิฟเวอร์คงจะชอบ แต่สำหรับผมทั้งขนมปังเนื้อแน่นๆและชีสมันช่างไม่ถูกปากเอาซะเลย อยากจะเอาซอสมะเขือมาบีบใส่ผมก็กินหมดไปกับออมเล็ตและไส้กรอกไปแล้ว เลยต้องประยุกต์วิธีกินด้วยการเติมครีมเทียมปรุงชาร้อนให้กลายเป็นชานมแล้วกัดขนมปังหนึ่งคำก็จิบชาหนึ่งทีเอา ...รสชาติก็พอกล้อมแกล้มไปได้น่ะครับ พอพี่สจ๊วตเดินมาเอาขนมปังที่เหลือมาเวียนแจกอีกรอบผมก็เลยขอเบิ้ลขนมปังและชาไปอีกรอบด้วยความเกรงใจ 555 จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 06:54:13

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อเครื่องจอดสนิท ผมเป็นคนที่ไปถึงด่านผู้โดยสารขาเข้าเป็นคนแรกๆของอีโคโนมีคลาส (คลาสไฮโซจะได้ลงเครื่องก่อน) เพราะผมมีเป้ไปใบเดียว ไม่ต้องรอโหลดกระเป๋า กระนั้นท้ายแถวที่ต่อก็ยังอยู่ตรงป้าย "รอคิวประมาณ15นาที" แต่เพราะปวดฉี่ผมเลยยังไม่ไปต่อแถวทันทีแต่ไปเข้าห้องน้ำก่อน ซึ่งพอทำธุระเสร็จออกมาแถวก็เลยจากป้าย15นาทีมาอีกเท่าตัว แถมท้ายแถวที่เคยมีคนไทยมากมายก็กลายเป็นชาวต่างชาติไปซะหมด ผมเพิ่งจะบินเดี่ยวเป็นครั้งแรกยังไงผมก็อยากมีคนไทยอยู่ใกล้ๆให้อุ่นใจนะ - -" โอ๊ะๆ ผู้ชายสามคนที่เพิ่งมาต่อท้ายแถวนู่นถือพาสปอร์ตสีแดงเลือดหมูอันแสนคุ้นตา เช็คหน้าตาแล้วก็เป็นหน้าแบบที่เห็นอยู่ทุกวัน อะ ยอมออกจากกลางแถวไปต่อท้ายแถวอีกรอบเพื่อความอุ่นใจก็ได้ ^ ^ แต่พอผมมายืนต่อจากอาเฮียสามคนนั้นแล้วผมก็รู้สึกตะหงิดๆว่า ทำไมคนไทยสามคนนี้มันถึงสำเนียงแปลกๆ ฟังไม่ค่อยออกเลยน้อ? ... บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า “หน้าตาเหมือนคนไทย ถือพาสปอร์ตสีเดียวกับพาสปอร์ตไทย อาจจะไม่ใช่คนไทยก็ได้” ในเมื่อไม่มีคนไทยใกล้ๆให้อุ่นใจผมก็ต้องทำใจขออย่าให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลย ...ค่อยยังชั่วที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแบบไม่มีตอนไหนให้ต้องลุ้น เมื่อผ่านทุกขั้นตอนของสนามบินมาได้การผจญภัยในญี่ปุ่นของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นซะที ^ ^ จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:00:37

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเลือกการเข้าเมืองด้วยวิธีการเดินทางที่สะดวก(และประหยัด อิอิ)โดยการนั่งรถไฟสายNarita Expressราคา1, 000เยน พอรถไฟเริ่มเข้าเขตตัวเมืองผู้คนก็เริ่มขึ้นจากสถานีรายทางมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง... ชาวญี่ปุ่นมากมายทั้งชายหญิงไม่มีใครเลยที่ใส่เสื้อยืดแขนสั้นตัวเดียวเหมือนผม (ซึ่งมาจากประเทศเมืองร้อนอย่างประเทศไทย) แต่ละคนใส่เสื้อ2-3ชั้นกันทั้งนั้น สมองผมตั้งคำถามขึ้นมาทันที “เค้าขี้หนาวหรือผมขี้ร้อน?” เมื่อลงรถไฟที่สถานีอาซาคุสะ(Asakusa) ผมก็พบว่าความหนาวนั้นไม่เป็นอุปสรรคเลย เย็นไปนิดแต่ไม่ถึงกะหนาว ฝนต่างหากที่เป็นอุปสรรค แต่เนื่องจากโฮสได้บอกไว้ว่าให้เอาเสื้อกันฝนมาด้วยดังนั้นผมก็ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้อย่างสบายๆ ...และอายๆ ทำไมต้องอายน่ะรึครับ?  ก็คนญี่ปุ่นรอบกายกว่า 98% เค้าใช้ร่มกันน่ะสิครับ อะไรนะ? ก็ยังมีคนใช้เสื้อกันฝนอีก2%เหรอ ใช่ครับ ผมเห็นคนใส่เสื้อกันฝน2คนจริงๆ แต่2คนนั้นคือ โนบิตะคุง(นามสมมุติ)อายุ5ขวบกับชิสุกะจัง(นามสมมุติ)อายุ3ขวบน่ะสิคร้าบ - -" ที่สำคัญสีของเสื้อกันฝนมัน...เอ่อ...เคยเห็นสีส้มสะท้อนแสงแบบพวกทำงานจราจรใส่มั้ยครับ นั่นแหละ ส้มเด่นเป็นสง่าท้าความมืดพร้อมแถบสีเงินสะท้อนแสงกลางแผ่นหลังที่เห็นได้แม้จะอยู่ห่างไปสามกิโลเมตรในขณะที่ฝนตกหนัก ตอนที่เตรียมมาไอ้เราก็นึกว่าจะได้ใส่ทำงานแค่ที่ไร่ที่สวน ที่ไหนได้ต้องมาใส่โชว์ซะที่อาซาคุสะเลย TT_TT จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:09:22

ความคิดเห็นที่ 4 เดินจากสถานีมาประมาณ150เมตรก็มาถึง Hotel Kawase เมื่อแจ้งชื่อที่จองไว้ สำแดงพาสปอร์ตแสดงตัวตนและจ่ายเงินค่าห้องหนึ่งคืนก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนเช็คอิน เมื่อขึ้นไปเก็บของในล็อกเกอร์ส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ลงมาที่ฟรอนท์ขอแผนที่ภาษาอังกฤษ ผมก็พร้อมแล้วที่จะไปตะลุยอาซาคุสะ โดยไม่พรั่นต่อสายฝน ...ด้วยร่มที่ยืมจากโรงแรม 55 ***Hotel Kawase เป็นโรงแรมแคปซูลราคาถูก ราคาที่ผมจองได้จาก www.hostelworld.com คือ1,800เยนต่อคืน ชั้นล่างมีอินเตอร์เนทให้ใช้ฟรีสองเครื่อง ชั้นสองมีครัวเล็กๆ มุมกาแฟและห้องสันทนาการที่มีเครื่องเกมและดีวีดีไว้คอยบริการ และที่เจ๋งมากๆ(แต่ผมไม่ได้ลอง - -")คือที่นี่มีบ่อน้ำร้อนรวมขนาดแช่พร้อมกัน4คนสบายๆให้ใช้ด้วยครับ แถมทางเข้าแคปซูลที่ใช้นอนก็เป็นทางเข้าด้านข้างที่กว้าง เข้าออกสะดวกและดูไม่เหมือนช่องเก็บศพแบบรุ่นที่มีทางเข้าด้านปลายเท้า ด้านในแคปซูลมีไฟอ่านหนังสือ ทีวีและวิทยุพร้อมสรรพ นอกจากนั้นในห้องนอนยังมีล็อกเกอร์ส่วนตัวให้คนละตู้อีกตะหากครับ*** จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:25:19

ความคิดเห็นที่ 5 ที่แรกที่ผมไปจะเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจากวัดเซนโซจิ สถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนท้องที่ก็ตาม แม้จะมีฝนตกปรอยๆอยู่ตลอดแต่ผู้คนทั้งเจ้าของประเทศและชาวต่างชาติก็ยังหนาตาพอสมควร ผมไล่เก็บภาพสถานที่จนพอใจแล้ว(แต่ก็พอใจไม่สุดหรอกครับเพราะดันมาเอาช่วงที่อาคารวัดกำลังปรับปรุงอยู่พอดี กระนั้นก็ดีความใส่ใจต่อนักท่องเที่ยวก็ทำให้ทางวัดขึงผ้าลายมังกรไว้ให้นักท่องเที่ยวชมแก้เซ็ง ดีกว่ามาแล้วเห็นแต่ผ้าใบคลุมการก่อสร้างเฉยๆ) จากนั้นก็ถึงคิวของไฟท์บังคับ... ไฟท์บังคับของทุกคนที่มาอาซาคุสะคือต้องไปถ่ายรูปคู่กับโคมไฟยักษ์สีแดง ณ คามินาริม่อนแห่งวัดเซนโซจิ คนที่มาคนเดียวอย่างผมการจะถ่ายรูปช็อตนี้เลยต้องอาศัยตัวช่วย เอ้ย คนช่วยนิดหน่อย แหะๆ ผมเลือกสองสาวหนึ่งเด็กหญิงผมทองเป็นคนที่จะถ่ายรูปให้ (ที่เลือกเพราะพวกเธอมากันด้วยร่มสองคัน คนที่ถ่ายรูปจะได้ไม่ต้องต้องมาถือร่มให้มือสั่นโดยใช่เหตุไงครับ) ผมเดินเข้าไปถามสาวๆว่าถ่ายรูปให้ผมหน่อยได้มั้ย เธอตอบว่า"ได้สิ จัดให้" เธอจัดให้หลายแชะจนผมพอใจ แต่แค่นั้นคงยังไม่พอใจพวกเธอทั้งสาม ดังนั้นพอถ่ายรูปให้ผมเสร็จเธอจึงบอกกับผมว่า”ถ่ายรูปกับเราด้วยสิ” ...แค่จุดเริ่มต้นจากการเข้าไปขอความช่วยเหลือแต่กลับลงท้ายด้วยมิตรภาพที่ถูกบันทึกลงในไฟล์ดิจิตอลทั้งกล้องของผมและของพวกเธอ มิตรภาพระหว่างการเดินทางเกิดขึ้นได้เสมอ ขอบคุณครับสามสาวผู้น่ารักจากอิสราเอล ^ ^ จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:31:38

ความคิดเห็นที่ 6 อย่างที่บอกว่าถ่ายรูปกับโคมแดงน่ะมันไฟท์บังคับ ใจจริงๆผมอยากลองมิซาเอะบุฟเฟท์ตะหาก (มิซาเอะบุฟเฟท์เป็นคำที่ผมตั้งขึ้นมาเองเพื่อให้ฟังดูดี มีที่มาจากแม่ของชินจัง(มิซาเอะ)ที่ชอบไปเดินชิมอาหารฟรี(จนอิ่ม)ในซูเปอร์มาร์เกต การตระเวณชิมนี้มีชื่อเรียกแบบทางการ(ขึ้นมาอีกนิด)ว่า "เดปาจิกะ") จากแผนที่ที่ผมขอมาจากโรงแรม ในละแวกนี้มีห้างสรรพสินค้าหนึ่งแห่งชื่อว่าROX ...แผนที่พร้อม ท้องเริ่มหิว ลุย! เมื่อมาถึงซูเปอร์มาร์เกตของROXแล้วเดินวนครบหนึ่งรอบ ท้องของผมก็อิ่มไปด้วยแห้ว - -" แล้วก็เกิดความสงสัยว่าบ้านนี้เมืองนี้เค้าให้ชิมสินค้ากันตอนไหนกันฟะ แค่ทุ่มเศษก็ไม่มีอะไรให้ชิมซะแล้ว เป็นอันว่าก็อดลองมิซาเอะบุฟเฟท์กันไป แต่ซักสองสามทุ่มผมว่าจะกลับมาดูการแปะสติกเกอร์ลดราคาอาหารปรุงสำเร็จอันลือชื่อที่คุณแม่บ้านมักจะมายื้อแย่งกันสุดชีวิต เผื่อว่าพรุ่งนี้จะมีมื้อเช้าราคาถูกๆกินด้วยน่ะครับ แหะๆ แต่ว่าตอนนี้ขอหามื้อเย็นถูกๆกินก่อนละกัน หิวแย้ววว เดินออกจากROXมาสู่ถนนใหญ่ก็เจอกับเซเว่น-อีเลเว่นเข้า ...ขอเข้าไปเปรียบเทียบเซเว่นญี่ปุ่นกับเซเว่นบ้านเราหน่อยดีกว่า ^ ^ (การเปรียบเทียบนี้วัดเอาจากเซเว่นสาขานี้ร้านเดียวนะครับ) สเลอปี้ไม่มี ตู้กดน้ำทั้งหลายก็คุ้นๆว่าไม่มี ตู้แช่เครื่องดื่มมีจำนวนตู้พอๆกับบ้านเราแต่ความหลากหลายของสินค้าเค้านำเราไปประมาณ3ช่วงตัว ไส้กรอกหายไปแต่มีของทอดแบบญี่ปุ่นเช่น หมูชุบแป้งทอดและโคร็อกเกะเข้ามาแทน ของกินบรรจุห่อมีมากมายล้านแปดละลานตาไปหมด แถมน่ากินทุกอย่าง! มุมเบเกอรี่ก็มีชนิดสินค้าเยอะน้องๆร้านขนมปัง ...และก็ไม่มีสุนัขอยู่ในร้านครับ 55 ของกินเยอะ(และไม่แพงมาก)ขนาดนี้แต่ผมก็จบที่นมสตรอเบอรี่กล่องเล็ก(ขนาดครึ่งลิตร o_0)ราคา150เยนอย่างเดียวรองท้องไปก่อน เพราะมื้อแรกในญี่ปุ่นผมไม่อยากจะอิ่มด้วยอาหารในเซเว่นหรอกนะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 07:46:08 จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:44:54

ความคิดเห็นที่ 7 ถัดจากเซเว่นมานิดก็เจอกับร้านข้าวหน้าเนื้อ(กิวด้ง)ราคาถูกที่เหล่ๆไว้พอดี แบรนด์นี้ใกล้ๆโรงแรมก็มีอยู่ร้านนึง ทั้งที่ตรงนี้ก็ห่างจากโรงแรมไม่มากแต่ก็ยังอุตส่าห์มีอีกสาขาตั้งอยู่ แปลว่าร้านนี้ต้องมีสาขาเยอะ ผมเลยเข้าใจไปว่ามันคือร้านโยชิโนยะ (ร้านข้าวหน้าเนื้อชื่อดัง มีสาขาเยอะและราคาถูก ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็คงประมาณชายสี่มั้งครับ) ซึ่งร้านโยชิโนยะก็อยู่ในMUST LISTของผมอยู่แล้ว งั้นก็กินร้านนี้แหละ ^ ^ หลังจากปลุกปล้ำกับตู้สั่งอาหารแบบหยอดเหรียญในร้านอยู่นานสองนานแต่ก็ยังสั่งไม่ได้ซักที ผมจึงจำต้องขอให้พนักงานในร้านมาช่วยกดให้ แหะๆ แล้วไม่นานนักข้าวหน้าเนื้อขนาดกลางพร้อมซุปราคา320เยนก็มาอยู่ตรงหน้าผม ^ ^ ...อร่อยกลางๆครับ ไม่ได้อร่อยมากมายอย่างที่หวัง ป.ล. พอกลับโรงแรมมาถามพนักงานผมถึงได้รู้ว่านั่นไม่ใช่ร้านโยชิโนยะ แต่เป็นร้านมะซึยะต่างหาก - -" จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:54:46

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อท้องอิ่มก็เดินชมเมืองกันต่อ หลังจากเดินมองแต่หน้าร้านต่างๆมามากผมก็เข้าไปในร้านเกมตู้ร้านหนึ่ง ซึ่งจริงๆจะเรียกว่าร้านเกมก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะมันมีมากกว่าเกม ผมยืนดูตรงตู้หนีบตุ๊กตาอยู่นาน... จากการยืนดูหนุ่มสาวคู่นึงใช้เวลา(และเงิน)ในการหนีบตุ๊กตาอยู่นานผมก็เห็นข้อแตกต่างระหว่างตู้หนีบตุ๊กตาที่นี่และบ้านเราหลายอย่างคือ 1. พนักงานจะคอยจัดตุ๊กตาให้เป็นกองสูง(ซึ่งจะทำให้หนีบง่าย)อยู่ตลอด 2.(อันนี้เด็ดมาก)ถ้าคุณหมดเงินไปเยอะแล้วยังหนีบไม่ได้อยู่อีกพนักงานจะไขตู้แล้วหยิบตุ๊กตาตัวที่เล็งไว้ให้เลย! จากนั้นผมก็ย้ายไปดูสลอตแมชชีน และเครื่องเล่นอีกหลากหลายอย่างที่เรียกไม่ถูก แต่สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในร้านนี้ก็คือเกมแข่งม้า... เครื่องแรกโลว์เทคนิดนึง(สำหรับที่นั่นนะ คือมีตุ๊กตาม้าวิ่งกันในสนามย่อส่วนขนาดกะคร่าวๆสองคูณสามเมตรกันเห็นๆไปเลย ในสนามจะมีตุ๊กตาม้า6-8ม้านี่แหละครับ ผมจำจำนวนแน่นอนไม่ได้ และรอบๆสนามย่อส่วนก็จะมีหน้าจอแปดถึงสิบจอรอให้ผู้คนมาเลือกแทง ม้าแต่ละตัวจะมีสีและหมายเลขต่างกัน อัตราต่อรองจะขึ้นที่หน้าจอส่วนตัว และในหน้าจอนี้ก็จะแสดงภาพของม้าและสนามแข่งออกมาในแบบการ์ตูน ถ้าชอบอัตราต่อรองไหนก็จิ้มที่หน้าจอได้เลย ถ้าชนะก็จะได้ชิพเพื่อเอาไปแลกของรางวัล แบบที่สองแบบไฮเทค จะมีจอใหญ่(มากกก)อยู่ตรงกลาง มีที่นั่งส่วนตัวพร้อมจอเล็กๆประมาณสิบแปดที่รายล้อมอยู่ เกมนี้ไม่ใช่เลือกม้าและแทงอย่างเดียว ผู้เล่นยังต้องเลี้ยงดูม้าไปด้วย เช่น จิ้มหน้าจอเลือกชนิดอาหารให้ม้า จิ้มหน้าจอที่ตัวม้าเพื่อนวดให้ หรือจิ้มหน้าจอถูๆที่ตัวม้าเพื่อแปรงขน ...ถ้าผมอ่านภาษาญี่ปุ่นออกผมได้เสียตังค์ให้เกมนี้แน่ๆครับ ^ ^ (เสียดายมากครับที่ผมขออนุญาตแล้วทางร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป TT_TT) จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:13:22

ความคิดเห็นที่ 9 เพลินอยู่ในร้านเกมถึงเวลาสามทุ่มกว่าก็ได้เวลาไปROXอีกรอบเพื่อไปดูว่าจะมีมหกรรมลดกระหน่ำรึเปล่า ปรากฏว่าสติกเกอร์ที่แปะลดราคาก็ลดอยู่ที่20%เท่ากับตอนที่มารอบแรกตอนหัวค่ำ ผมเลยเลือกขนมปังถูกๆ3อย่างของยามาซากิไปกินเป็นมื้อเช้าพรุ่งนี้แทนอาหารปรุงสำเร็จที่ตั้งใจไว้ตอนแรก ซื้อขนมปังเสร็จผมก็เดินกลับโรงแรมปรากฏว่าหลงทาง แถมแผนที่ก็ทิ้งไปแล้วด้วยเพราะคิดว่าจากROXกลับโรงแรมไม่น่าจะกลับยาก - -" สุดท้ายผมต้องเดินย้อนมาตั้งต้นที่ROXใหม่อีกครั้ง จนเกือบครึ่งชั่วโมงให้หลังผมก็ถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ ...โดยที่ร่มของโรงแรมโดนคนหยิบสับไปตอนเข้าเซเว่น จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:25:33

ความคิดเห็นที่ 10 เทใจให้ก่อนค่ะ เดี๋ยวมาอ่านใหม่ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:27:57

ความคิดเห็นที่ 11 ขอติดตามไปด้วยค่ะ wwoof นี่เป็นความฝันเลย แต่ยังติดเรื่องงาน เวลา จากคุณ : posso farle (Posso farle) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:36:16

ความคิดเห็นที่ 12 ไปด้วยค่ะ กำลังมีโปรเจ็คนี้อยู่ในหัวเหมือนกัน เดี๋ยวกลับมาติดตามแบบละเอียดนะคะ จากคุณ : ZoSha เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:43:34

ความคิดเห็นที่ 13 มาติดตามด้วยคนค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:47:34

ความคิดเห็นที่ 14 นมกล่องที่ญี่ปุ่นกล่องน่ารัก ปริมาณสะใจ ราคาเป็นมิตร :) จากคุณ : สีน้ำ -_- เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 09:52:02

ความคิดเห็นที่ 15 มาติดตามด้วยคนค่ะ เคยซื้อหนังสิอคนไปวูฟที่ญี่ปุ่นมาอ่าน สนุกมาก คิดแล้วยังอยากไปเลย น่าจะได้ประสบการณ์เยอะมากๆ จากคุณ : นางมารชุดส้ม เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 10:26:43

ความคิดเห็นที่ 16 มาเกาะติดกระทู้ค่ะ อยากไป wwoof บ้างจังเลย~ อยากมีเวลาหยุดนานๆ T^T คนญี่ปุ่นนี่เค้าใช้ร่มเป็นปกติจริงๆ บ้านเราถ้าฝนไม่ตกหนักๆ ผู้ชายจะไม่ค่อยกล้าถือซักเทาไร่ จากคุณ : ฝนสุดท้ายเมื่อปลายกันยา เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 10:40:50

ความคิดเห็นที่ 17 มาเกาะติดกระทู้ค่ะ จากคุณ : สาคูไส้หมู (สาคูไส้หมู) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:13:09

ความคิดเห็นที่ 18 คุณสวยด้วยแสง-แรงด้วยสี - ขอบคุณครับ ^ ^ คุณPosso farle - ขอให้ได้ไปเร็วๆนะครับ ไปแล้วจะติดใจครับ ^ ^ คุณZoSha - ขอตอบคุณZoShaแบบด้านบนเลยครับ รับรองจะติดใจ อิอิ คุณClear Ice - ยินดีครับ ^ ^ คุณสีน้ำ -_- ถ้าไม่เทียบกับราคานมบ้านเราก็นับว่าราคาเป็นมิตรได้ครับ 55 คุณนางมารชุดส้ม - ทั้งสนุกและได้ประสบการณ์เลยล่ะครับ ^ ^ คุณฝนสุดท้ายเมื่อปลายกันยา - ไปสั้นก็ไปวูฟได้ครับ มีโฮสไม่น้อยครับที่ยินดีรับวูฟเฟอร์อย่างน้อย1คืน ^ ^ คุณสาคูไส้หมู - ยินดีครับ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 12:29:22 จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:18:35

ความคิดเห็นที่ 19 ตามต่อ ตอน 2 ผมเคยใส่ผ้าพันคอ ลายเรกเก้ ไปวัด ที่ nagano ชาวบ้านเค้ามอง ด้วยสายตาประหลาด พอเก็บผ้าพันคอปั๊ปเลิกมองทันที 555 จากคุณ : บารอนก๊อง เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 14:41:58

ความคิดเห็นที่ 20 ตามต่อกระทู้ที่ 2 สนุกเหมือนเคยคะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (สะพายเป้...ชวนหลง) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 15:40:21

ความคิดเห็นที่ 21 บรรยายได้สนุกมากเลยค่ะ ปิดเทอมปีหน้ามีเวลาเดือนกว่าๆ รึเราจะไปวูฟดีน๊า จากคุณ : janto เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 16:22:44

ความคิดเห็นที่ 22 อยากไปวูฟมั่ง แต่ที่บ้านไม่ให้ไปค่ะ T-T จากคุณ : ryjarja เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 18:23:24

ความคิดเห็นที่ 23 มาตามอ่านค่า เขียนตลกดี ชอบๆ จากคุณ : harumi เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 19:22:52

ความคิดเห็นที่ 24 รออ่านต่อนะคะ เล่าเรื่องสนุกดีค่ะ ^^ จากคุณ : redpink เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:22:57

ความคิดเห็นที่ 25 มารออ่านต่อครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:47:10

ความคิดเห็นที่ 26 ลงชื่อไว้ก่อน มาดึกเกินเดี๋ยวเช้าๆมาตามต่อว่ามันส์เหมือนในบล็อครึป่าวน่ะคร้าาาา.... จากคุณ : zapawow เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:31:36

ความคิดเห็นที่ 27 กลับมาเร็ว ๆ นะคะ รออ่านต่อ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 07:38:50

ความคิดเห็นที่ 28 คุณบารอนก๊อง - ตอนผมใส่เสื้อกันฝนก็โดนมองครับ แหะๆ คุณสะพายเป้...ชวนหลง - ขอบคุณครับ ^ ^ คุณjanto - ช่วงเรียนอยู่เหมาะกับการไปวูฟที่สุดครับเพราะขอวีซ่าง่ายและมีเวลาว่างครับ คุณryjarja - ลองจับคู่ไปกับเพื่อนสิครับเผื่อทางบ้านจะอนุญาต ^ ^ คุณharumi - ตลกอย่างเดียวอะครับ ไม่มีเรื่องรักเข้ามาเกี่ยวมั่งเลย อิอิ คุณredpink - วันนี้ผมค่อนข้างว่าง เดี๋ยวคงมีเวลากระทู้ใหม่แหละครับ ^ ^ คุณDestiny-Boy - รอไม่นานแน่นอนครับ แหะๆ คุณzapawow - มีการขัดเกลาสำนวนและบรรยายอะไรๆมากขึ้นมานิดนึงอะครับ แหะๆ คุณสวยด้วยแสง-แรงด้วยสี - ขอบคุณครับ ^ ^ จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:01:26

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^ จากคุณ : สามแซ่ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:10:31

ความคิดเห็นที่ 30 แน่ะ มีแซวอีก จากคุณ : harumi เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:23:07

ความคิดเห็นที่ 31 จขกท ครับ ร้าน Matsuya อร่อยกว่า Yoshinoya นะครับ (ความเห็นผม และเพือนๆ หลายคนที่อยู่ที่ญี่ปุ่น) ครั้งแรกผมเข้าไปสั่งเหมือน จขกท เลยครับ... ไม่อร่อย (เอาตรงๆ ผมว่า ค่อนไปทางห่วยด้วย) งวดหน้าลองสั่งข้าวหน้าเนื้อ ที่มีผักสีแดงๆ กิมจิอยู่ตรงกลางนะครับ ขนาดกลาง 490 เยนครับ เมพมาก ^ ^ จากคุณ : โบมุ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:24:19

ความคิดเห็นที่ 32 ]ลงชื่อก่อน......เด๋วตามอ่าน ถ้าเล่าได้ทุกวันก็ดีน่ะชอบ... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 16:02:41

ความคิดเห็นที่ 33 555555555 สนใจจะไปอยู่เหมือนกันค่ะ เคยไปเที่ยวเมื่อ3ปีก่อน อ่านแล้วคิดถึงชะมัดเลย พออ่านเจอถึงตอนที่คนญี่ปุ่นไม่ใช้เสื้อกันฝนกันเราฮาแทบตกเก้าอี้เลยค่ะ เพราะครั้งแรกที่ไปเราก็งัดชุดกันฝนมาใส่เหมือนกันเลย เดินไปได้สัก3-4ซอย ไม่ยักเห็นคนประเทศนี้เขาใส่กันเลย พี่ที่ไปด้วยทนไม่ไหว แถมเราก็เริ่มเห็นความผิดปกติแล้ว พี่ที่ไปด้วยเลยลากเข้าแฟมิลี่มาร์ทซื้อรถให้อันนึงเลย 555555 รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอให้สนุกและได้ความประทับใจจากประเทศนี้มาเยอะๆนะคะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 14:38:47