ความคิดเห็นที่ 1 ปาดขวาครับ ปร้า.... จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:40:08

ความคิดเห็นที่ 2 มาเป็นกำลังใจให้ป้าค้นหาค่ะ คริ คริ จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:44:44

ความคิดเห็นที่ 3 เหมารถแท็กซี่ไปจากตัวเมืองมัณฑเลย์ราคา 12,000 จั๊ต    ราคานี้คนขับก็จะให้เราเดินเที่ยวที่บริเวณสะพานอูเบ่งเอง    และรอรับกลับเมืองหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อไปถึงบริเวณเชิงสะพานอูเบ่ง   ป้าบอกคนขับให้พาไปที่ โยเดียเซดีย์ ก่อนอื่น (สถูปเจดีย์ของขุนหลวงหาวัด)  แต่เขาไม่รู้จัก   ก็ต้องขับรถวนหากันพักใหญ่    จอดรถแวะสอบถามชาวบ้านแถวนั้นเรื่อยไป.... หลายคน..จนอ่อนใจ... ไม่มีใครรู้จัก... แง..แง...  เค้าจะหาเจอมั๊ยเนี่ย.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:45:07

ความคิดเห็นที่ 4 มารอดูการค้นหาของคุณป้าด้วยค่ะ จากคุณ : เอกจิตรา เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:47:53

ความคิดเห็นที่ 5 ไปเที่ยวด้วยค่ะ  ภาพเปิดสวยจัง จากคุณ : บูตะ กะ กิมจิ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:48:16

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะ   น้าฮีโร่มัยซิน    คุณ Memories pink     มาช่วยเดินเป็นเพื่อนหน่อยค่ะ... แถวนั้น..หวาดเฉียยยววววเจงๆ .... อิอิ จนแท็กซี่พาวนมาแถวๆ ริมทะเลสาบใกล้ๆ กับแนวต้นไม้ใหญ่ที่น่าจะมีอายุนับร้อยๆ ปี... เห็นคนสูงอายุสักหน่อยบริเวณนั้น    ป้าก็บอกให้เขาจอดรถลงไปถาม    โป๊ะเช๊ะ.... รู้จัก.....  เย้ๆๆๆๆ ..... ก็โธ่... ที่ผ่านมาคนขับเล่นถามแต่คนหนุ่มคนสาว    ยิ่งสาวๆ ล่ะก็ชอบจอดถามจัง   จะรู้ไรมั๊ยเนี่ย.... อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 17:54:20 จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:53:02

ความคิดเห็นที่ 7 ↑ ชอบๆ ต้นไม้หญ่ายดี จากคุณ : หนุ่ม ณ วันวาน เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 17:59:18

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมาแล้วจ๊ะ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:03:46

ความคิดเห็นที่ 9 ต้นไม้แบบว่าใหญ่มาก จากคุณ : aonlin เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:06:56

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะ  คุณเอกจิตรา  คุณบูตะกะกิมจิ   ลุงหนุ่ม  ลุงม่วง  คุณ aonlin.... มีเพื่อนเยอะๆ แบบนี้ป้าค่อยอุ่นใจค่ะ...  แบบนี้จะให้ลุยป่าช้าที่ไหนไม่หวั่นแล้วล่ะ.... อุ๊บบสส์.... อิอิอิ ขุนหลวงหาวัด (เจ้าฟ้าอุทุมพร) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ   มีพระเชษฐาที่ร่วมพระบิดาพระมารดาเดียวกันคือ พระเจ้าเอกทัศน์ นั่นเองค่ะ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแต่งตั้งให้เจ้าฟ้าอุทุมพรดำรงตำแหน่ง พระมหาอุปราช  ซึ่งก็คือตำแหน่งรัชทายาท     โดยให้พระเชษฐา (พระเจ้าเอกทัศน์ ผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์มากกว่าเพราะเป็นพี่ชาย) ออกผนวช   เพื่อเปิดทางให้กับพระอนุชา เพราะพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเห็นว่า พระเจ้าเอกทัศน์นั้นเป็นคนโฉดเขลาเบาปัญญา  หาสติปัญญาและความเพียรไม่ได้เลย   ถ้าได้เป็นกษัตริย์บ้านเมืองก็จะพินาศย่อยยับล่มจม ปี พ.ศ. 2301 เมื่อพระราชบิดาสวรรคต    เจ้าฟ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) จึงขึ้นครองราชบัลลังก์    แต่ก็ได้เพียงเดือนเศษๆ เท่านั้น    พระเชษฐาก็ลาผนวชเดินดิ่งๆ ส่ายก้นอาดๆ เข้ามาทวงสิทธิ์ในฐานะรัชทายาทอันดับต้น น่าเศร้าใจยิ่งนัก... บริเวณที่สถูปเจดีย์ของขุนหลวงหาวัดตั้งอยู่     ในอดีตไม่นานมานี้เคยเป็นที่ทิ้งขยะแหล่งใหญ่ของเมืองมัณฑเลย์     ร่องรอยยังมีอยู่ให้เห็นทั่วไป    โชคดีที่ไม่มีกลิ่นหลงเหลืออยู่แล้ว จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:12:03

ความคิดเห็นที่ 11 ต้นไม้ใหญ่สมฐานะ  ^___^ มาเป็นเพื่อนตามหาเจดีย์ขุนหลวงหาวัดค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:12:38

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาเป็นผู้ติดตามหน้าใหม่.. ครับ จากคุณ : ฤดูที่มีเสียง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:15:58

ความคิดเห็นที่ 13 ปร้าฟู ไม่ไปตามขุนหลวงเสือมาดูเหรอครับ...อิอิ จากคุณ : หนุ่ม ณ วันวาน เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:18:39

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อถูกพระเชษฐาทวงสิทธิ์    ขุนหลวงหาวัดก็ยินยอมแต่โดยดี   สละราชบัลลังก์ยกให้พี่ชายตัวแสบ... เพราะเหตุที่ว่าพระองค์เป็นคนรักสงบไม่ยินดียินร้ายในยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ อยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพื่อตัดปัญหาทั้งปวง  เมื่อสละราชบัลลังก์แล้วพระองค์ก็ออกผนวช   ประทับอยู่ที่วัดประดู่ทรงธรรม พระเจ้าเอกทัศน์ครองราชย์ได้ไม่ถึงปี    พระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่าก็ยกทัพเข้ามาล้อมอยุธยา      พระเจ้าเอกทัศน์ไม่สามารถสู้รบได้จึงไปขอร้องให้พระอนุชา (ขุนหลวงหาวัด) ลาผนวช    ขึ้นมาดำรงตำแหน่งกษัตริย์บัญชาการรบแทนตัวเอง     พระอนุชาที่แสนดีก็ยอมลาสิกขาแต่โดยดี      เป็นผู้นำการสู้รบอย่างเข้มแข็ง      ทหารของกรุงศรีอยุธยายิงปืนใหญ่ไปที่กองทัพของพม่าที่โอบล้อมเมืองอยู่     สะเก็ดของกระสุนปืนใหญ่ไปถูกพระเจ้าอลองพญาบาดเจ็บสาหัส   และสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา     กองทัพพม่าจึงต้องพ่ายแพ้ล่าถอยกลับประเทศไป หนุ่มน้อยแก่เยอะชาวพม่าแถวนั้น   อาสาที่จะพาป้าไปดูโยเดียเซดีย์.... โน่น... เดินส่ายก้น อาดๆ ไปโน่นแหละ.... ส่วนป้าก็ต้องเดินนวยนาด... เพราะนึกว่าอยู่บนแคทวอร์คนางสาวไทย... เอร๊ยยย...ม่ายช่ายยย... เพราะกลัวจะไปเหยียบเศษแก้วหรืออะไรแหลมๆ คมๆ แถวนั้น    โธ่.. ก็กองขยะเก่า... สารพัดจะทิ้งกัน... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:24:25

ความคิดเห็นที่ 15 ตามป้าไปขึ้นสะพานด้วย ว่าแต่สะพานจะหักไหมอะ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:34:10

ความคิดเห็นที่ 16 สงสัยอ่ะครับ....ว่า ต้นไม้กับปร้าฟู อันไหนเกิดก่อนครับ แวบไปเตรียม รีวิว แข่งกะปร้าบ้างดีกัว จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:34:29

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีค่ะ    คุณแม่ซากานะ    คุณฤดูที่มีเสียง   เดินกันดีๆ นะคะ.... ช่วยๆ แหวกถุงขยะกันหน่อยจ้า... ลุงหนุ่ม  ให้ทำใกล้ๆ จบก่อนแล้วจะไปตามค่ะ    หลวงเสือหาวัด คนนี้ตามตัวยากยิ่งกว่าใครๆ เลยอ่ะ... อิอิอิ เมื่อทัพพม่าพ่ายแพ้กลับไป... ชิชิ... พี่ชายตัวแสบคนเดิม    ก็ส่ายยยก้นอาดๆๆๆๆ   มาอีกแระ     เอาบัลลังก์ของฉ้านนน..คืนมา...    เจ้าฟ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด)   ก็ยินยอมให้คืนอย่างไม่มีโต้แย้งอีกละ....   โธ่..ไม่น่าเลยเนอะ... เมื่อยกราชบัลลังก์ให้พี่ชายเป็นครั้งที่สอง   พระองค์ก็ออกบวชอีกตามเคย       ชาวบ้านจึงให้ฉายากับพระองค์ว่า หาวัด...   ส่วน ขุนหลวง  เป็นตำแหน่งเรียกกษัตริย์สมัยปลายอยุธยาอย่างไม่เป็นทางการ    เป็นภาษาชาวบ้านใช้กัน     เหมือนอย่างในปัจจุบันที่เราเรียกกษัตริย์ว่า ในหลวง นี่แหละค่ะ จึงเป็นที่มาของชื่อ   ขุนหลวงหาวัด มองไปที่คนนำทาง... อร๊ายย... ไม่นะ... ไม่เลี้ยวไปทางนั้น    จะให้ป้าเดินติดใกล้ชิดสิ่งก่อสร้างอันเหลี่ยมๆ ที่เหมือนอะไรที่เห็นบ่อยๆ ในป่าช้าอย่างนั้นเชียวหรือ... กรี๊ดดดดด.... ใจร้ายยยย.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:37:20

ความคิดเห็นที่ 18 วันนี้มาทันถ่ายทอดสด ^^ เดินตามป้าฟูไปหาเจดีย์ด้วยค่ะ ตื่นเต้นอีกไม่กี่วันจะได้ไปย่างกุ้งแล้วค่ะ จากคุณ : ryjarja เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:40:00

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีค่ะ   โกปี้  น้าแก่ เอร๊ยย..น้าเก่ง ....    ถ้าโกปี้ตามป้าขึ้นสะพานเมื่อไรก็ต้องหักทันทีค่ะ    ได้ข่าวว่ามีชายหนุ่มชื่ออะไรปี้ๆ เพิ่งไปบัฟเฟต์ร้านพี่ยุ่นปี่มาแหมบๆ นี่เอง... พรายกระซิบ  มาบอกว่า   น้าเก่งเกิดก่อนต้นไม้ และก่อนป้าฟูอีกอ่ะ... นี่แน่ๆ ๆๆๆ  มาว่าเค้า...   อ้อ... ขุนหลวงหาวัดพระองค์นี้แหละ    ที่พ่อของนกยูงในเรื่อง เรือนมยุรา   ต้องท่องคาถาแปะยันต์ปิดบ้านเพื่อความปลอดภัยของนกยูง    เพราะพ่อต้องเดินทางออกไปตามหาขุนหลวงหาวัดที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่พม่านั่นไง      ใครเป็นแฟนละครเรื่องนี้คงคุ้นๆ ชื่ออยู่นะคะ... ฮือ..ฮือ... เขาต้องเดินผ่านรดลมหายใจไปที่ไอ้กล่องซีเมนต์นี้ด้วยอ่ะ    เดินใกล้ชิดติดกันเลย....   จ๊าก ๆๆๆๆ ... นู๋กัววว ๆๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 19:43:24 จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 18:44:08

ความคิดเห็นที่ 20 ป้าฟลาย มารอลุ้นกระทู้ป้าฟูนะคร้า  ตื่นเต้นๆๆๆ จากคุณ : fly-girl เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:02:43

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีค่ะ  คุณ ryjarja      ดีใจด้วยค่าาา  เที่ยวย่างกุ้งให้สนุกนะคะ... ปี พ.ศ. 2307   พระเจ้ามังระกษัตริย์พม่า ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอลองพญาที่สิ้นพระชมน์ในการศึกครั้งก่อน    ได้ยกทัพเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง        บรรดาชาวบ้านข้าราชการหลายคนเห็นท่าไม่ดี    ก็รวมตัวกันเข้ามาขอร้องให้ขุนหลวงหาวัดลาผนวช   เพื่อไปช่วยทำสงครามอย่างคราวก่อน แต่อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้พระเชษฐาไม่ได้มาอ้อนวอนด้วยพระองค์เอง    ขุนหลวงหาวัดจึงเฉยเสีย       กรุงศรีอยุธยาถูกล้อมเมืองอยู่ถึงหนึ่งปีสองเดือน    จึงเสียกรุงให้แก่พม่า ในเดือนเมษายน  พ.ศ. 2310 พระเจ้าเอกทัศน์  กษัตริย์องศ์สุดท้ายของอยุธยา   ได้หลบหนีไปซ่อนตัวแต่เนื่องจากอดอาหารกว่าสิบวัน   พระองค์จึงสิ้นพระชนม์ที่บริเวณค่ายโพธิ์สามต้น..... ปิดฉากชีวิตที่วันๆ มีแต่เรื่องบันเทิงเริงรมย์เพื่อตัวเอง... ไม่สนใจใยดีในราชการบ้านเมือง     ผู้นำโง่ๆ เห็นแก่ตัว  บ้านเมืองที่ไหนก็ต้องล่มสลายแบบนี้แหละ... เป็นกฎธรรมชาติ... ส่วนขุนหลวงหาวัดที่อยู่ในสมณเพศ   ก็ถูกพม่ากวาดต้อนเป็นเชลยพร้อมกับเจ้านายและชาวบ้านกรุงศรีอยุธยาคนอื่นๆ  เดินทางไปอยู่เมืองมัณฑเลย์ใกล้ๆ กับสะพานไม้อูเบ่งนี่แล.... ฮูเร...   ในที่สุดก็ได้เจอ    โยเดียเซดีย์   สถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของขุนหลวงหาวัด จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:04:46

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีค่ะ    คุณ fly-girl     ตื่นเต้นมั่กๆ ค่ะ... เพราะต้องเดินผ่านอดีตกองขยะมหึมา... ผ่านป่าช้า... เพื่อไปทำความเคารพและรำลึกถึงบรรพบุรุษของเรา.... โยเดียเซดีย์ ถูกค้นพบอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540  เพราะองค์เจดีย์ถูกสร้างขึ้นมาจากศิลปะที่ไม่ใช่แบบมอญหรือแบบพม่า     และคนเฒ่าคนแก่แถวนั้นก็เรียกสถูปนี้ว่า โยเดียเซดีย์ (Yodia Zedi)   แต่เนื่องจากว่ากฎหมายพม่าไม่อนุญาตให้ขุดค้นหลักฐานทางโบราณคดีในสถูป    จึงยังไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการว่าใช่หรือไม่    แต่เหตุผลที่มีอยู่ก็เพียงพอสำหรับที่ป้าจะเชื่อแล้วว่าใช่.... วันนี้ครั่นเนื้อครั่นตัว... เหมือนกับได้แปลงร่างเป็นครูไหวสอนประวัติศาสตร์ยังไงก็ไม่รู้..... ใครไม่ฟัง....ฟาดดดๆๆๆๆๆ   นี่แน่ะๆๆๆ ... อารามตื่นเต้นดีใจเหมือนกับได้เจอปู่ย่าตายายบรรพบุรุษ    ป้าก็เฝ้าสอดส่ายสายตาชื่นชมระลึกถึงพระองค์ท่านอยู่พักใหญ่     จนความเห่อหายไป...    ฟุดฟิดๆๆๆ ....  เอ๊ะ.... กลิ่นไรหว่า... คุ้นๆ .... .... มองไปมองมา..จากประสบการณ์ชีวิตส่วนตัว.....  จ๊ากกก... แถวนี้มันเหมาะมากเลยนะที่จะเป็นที่ชำระสะสางทุกขัง   ปลดปล่อยไฟเบอร์ออกจากตัว......   ฉ้านนน..ต้องบุกข้ามอดีตกองขยะ.... ผ่านป่าช้า... ผ่านป่าพงรกชัฎ... เมื่อมาถึงเจดีย์... ก็ค้นพบว่าชาวบ้านแถวนั้นใช้รอบๆ บริเวณนั้น เป็นสุขาส่วนตัวซะอีก.... ฮือ..ฮือ... เพื่อเปรียบเทียบขนาดของเจดีย์    ก็ให้น้องโดมเข้าไปยืนแอ๊คท่าให้ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:24:00

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อเชลยชาวไทยที่ถูกกวาดต้อนไปถึงมัณฑเลย์     ทางการพม่าได้สร้างหมู่บ้านให้อยู่รอบๆ เมือง   ปัจจุบันหมู่บ้านนั้นก็ยังมีอยู่  ชื่อว่า หมู่บ้านแมงตาสึ   และคนในหมู่บ้านนั้นก็ยังมีประเพณีไทยสืบทอดกันต่อมาหลายอย่าง  เช่น ประเพณีขนทรายเข้าวัดในวันสงกรานต์    การตั้งศาลบูชาพ่อปู่หรือหัวโขน   คนขับรถแท็กซี่ของป้าบอกว่า   ทางการพม่ามีโครงการที่จะรื้อสุสานเก่าหรือสถูปแถวนี้ทิ้งไปทั้งหมด    แต่อาจจะเหลือโยเดียเซดีย์ไว้แห่งเดียว   เพื่อจะปรับปรุงบริเวณนี้ให้เป็นสวนสาธารณะ.... สาธุ... เหลือไว้เถอะ   คนไทยจะได้ไปทำความเคารพพระองค์ท่านได้บ้าง... ป้าก็อยากให้พวกเราที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวสะพานไม้อูเบ่ง     สละเวลาสักนิด... แวะมาสักการะมาระลึกถึงขุนหลวงหาวัด     ถ้ามีคนไทยไปเยอะๆ  ทางการพม่าคงไม่กล้ารื้อทำลายเจดีย์ทิ้งเป็นแน่    เพราะต้องเห็นแก่ความสัมพ้นธ์ระหว่างประเทศ... ดูดิ... ทำเลรอบๆ .. เหมาะมั๊ย... โธ่ๆๆๆๆๆ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:38:11

ความคิดเห็นที่ 24 มาตามรอยหาด้วยครับ ไม่เคยทราบประวัติตรงนี้มาก่อน ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลดีๆนะครับ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:39:05

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านประวัติศาสตร์ของป้าฟูแล้วเศร้าจังเลยค่ะ   ทำดี ไม่ได้ดี สุดท้ายต้องพลัดบ้านพลัดเมือง  แถมบริเวณหลุมฝังพระศพก็ยังถูกเอามาทำเป็นสถานที่ไม่น่าอภิรมย์ จากคุณ : เอกจิตรา เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:39:48

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีค่ะ   คุณ TeeChoco     ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ...   แหะ..แหะ... วันนี้หนักประวัติศาสตร์ไปหน่อย     เพราะคิดว่าถ้าเอ่ยแค่ชื่อ ขุนหลวงหาวัด   คงไม่ค่อยมีใครรู้จักพระองค์ท่านค่ะ คุณเอกจิตรา      พระองค์ท่านคงเป็นคนรักสงบนะคะ    และดูจากบริเวณรอบๆ ทะเลสาบแถวนั้น   อุดมสมบูรณ์ผู้คนน่ารักมากค่ะ   พระองค์ท่านคงใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายเชียวล่ะ    ยิ่งอยู่ในสมณเพศ.. คนพม่าที่เคร่งศาสนาเป็นอย่างยิ่งก็ต้องกราบไหว้บูชายกย่องเป็นอย่างมากเลยค่ะ... เราว่าพระองค์ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุขนะคะ...   แม้สถูปจะโดนรังแกข่มเหงย่ำยีไปสักหน่อยเหอะ.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:52:48

ความคิดเห็นที่ 27 สถูปก็เริ่มผุพังไปตามกาลเวลา    ถ้าไม่มีใครไปบูรณะ... อาจจะอยู่อีกไม่กี่ปี     ตอนนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งกับหอเอนปิซ่าไปแล้ววว..... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 19:59:14

ความคิดเห็นที่ 28 ใครรู้มั่งว่าหนุ่มพม่าเจ้าชู้หรือไม่.... ป้าก็ไม่รู้และอยากทราบเหมือนกัน... อิอิ แต่ที่ชัดๆ แน่ๆ เลย    พอเห็นสาวสวยอย่างป้าเดินเข้าไปนะ.... ชิ..ชิ.. เข้ามารุมตอมเกาะติดกันใหญ่..... เจ้าชู้จริงๆ ..... ไวไฟสุดๆ ..... ป่าก็เผลอมัวแต่แหวกหญ้าเข้าไปหาเจดีย์หน่อยเดียว... เต็มกางเกงเลย   นี่แค่ส่วนหนึ่งนะ... หนุ่มพม่า..ไม่รู้... แต่หญ้า..เจ้าชู้แน่ๆ   จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:05:23

ความคิดเห็นที่ 29 เสร็จสิ้นภาระกิจไปอีกหนึ่งอย่าง....      ไปเดินเที่ยวสะพานไม้อูเบ่งกันดีกว่าค่ะ       ได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกเชียวนา.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:09:13

ความคิดเห็นที่ 30 สะพานไม้อูเบ่งยาว 1.2 กิโลเมตร   พาดข้ามทะเลสาบตองตะมาน   สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งของคนพม่าและชาวต่างชาติ.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:11:28

ความคิดเห็นที่ 31 ลืมลงลิงค์ของตอนแรกค่ะ... ภาระกิจอันดับที่ 1 ...  อิอิอิ....   http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11782418/E11782418.html สะพานไม้แห่งนี้สร้างมาจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแก่แห่งกรุงอังวะ     พระเจ้าปะดุงให้ขุนนางชื่อ อูเบ่ง เป็นผู้ดำเนินการสร้างสะพาน...  ดังนั้นมันจึงเป็นที่มาของชื่อ... เกือบตลอดสะพาน   จะไม่มีราวกั้นให้อุ่นใจ   มองไปข้างล่างก็สูงซะด้วย... เสียวตลอดทาง   ป้าก็ค่อยๆ ย่องเดินไป    แต่แหม๊.... ชาวบ้านแถวนั้น.... ขี่จักรยานแล่นผ่านฉิวๆๆ  อย่างไม่สะทกสะท้าน... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:19:43

ความคิดเห็นที่ 32 ไปพม่าด้วยคนค่ะ เพิ่งไปเมื่อสิงหาปีที่แล้ว ภาพทะเลเจดีย์ยังงามจับใจอยู่เลยค่ะ สะพานตอนไปเนี่ยน้ำเต็มปริ่มเลย ดูของป้าฟูได้บรรยากาศอีกแบบค่ะ จากคุณ : น้ำตาลกะข้าวตัง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:22:11

ความคิดเห็นที่ 33 ทะเลสาบตองตะมาน จะมีน้ำก็เฉพาะในบางฤดูเท่านั้น   ส่วนหน้าหนาว... น้ำจะแห้งจนเกือบหมด       หลายช่วงบนสะพานจะมีชาวบ้านเอากรงเล็กๆ ใส่นกฮูกมาขายให้เราปล่อย      แต่ไม่มีประโยชน์อันใด   เพราะนกพวกนี้กลายเป็นนกบ้านไปแล้วอย่างเต็มตัว   ถูกฝึกให้บินกลับเข้ากรงทุกครั้งที่ถูกปล่อย.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:24:15

ความคิดเห็นที่ 34 รีวิวที่แล้วยังตามอ่านไม่จบเลย มาต่ออีกแล้วเหรอเนี่ย  ฟิตจริง ๆ เลย จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:24:20

ความคิดเห็นที่ 35 เวลาปร้าฟูไปเที่ยวแต่งตัวกลมกลืนกับคนพื้นที่ทุกทริปหรือป่าวครับ(ความคิดเห็นที่ 29) จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:27:56

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีค่ะ   คุณน้ำตาลกะข้าวตัง    อยากเห็นตอนน้ำเยอะๆ บ้างเหมือนกันค่ะ   คงสวยน่าดูนะคะ น้าชาติ...  ก็ป้ายังเป็นเด็กอยู่นี่นา   ก็แข็งแรงอ่ะดิ   จะให้แก่เหมือนน้าชาติได้ไง... อิอิอิ อร๊ากก... เค้ายังไม่แก่    แต่ลงรูปซ้ำได้ไงหว่าตรู...   . แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 20:32:25 จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:28:13

ความคิดเห็นที่ 37 ชิชิ...น้าฮีโร่..  นี่แน่ะ...    เดี๋ยวจับให้เป็ดที่อูเบ่งกินซะนี่.... ฮี่ๆๆๆๆๆ.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:30:25

ความคิดเห็นที่ 38 ตามมานั่งเรียนประวัติศาสตร์กับปร้าแจงด้วยครับ วันนี้จะไม่ดื้อไม่ซนนะครับ จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:32:50

ความคิดเห็นที่ 39 ดั้นด้น ตามป้าฟูมาเที่ยวด้วยสักคน ^^ จากคุณ : เพราะรัก (blovech) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:37:25

ความคิดเห็นที่ 40 ขอไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : แม่ประนอม (luie2539) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:43:44

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีค่ะ   ลุงเปี๊ยก     วันนี้ข้อมูลเยอะจัด... ครูไหวเลยชักงงเลยจ้า... เล่าเองมึนเอง.... อิอิ     คุณ เพราะรัก      ดั้นด้นดีๆ นะค๊าาา.... เดี๋ยวเหยียบ... คุณแม่ประนอม      ขอบคุณค๊าาา... ตอนต่อไปครั้งหน้าจะพาไปชมภาพวาดฝาผนังในวัดพม่านะคะ       เหมือนศิลปะของไทยมากเลยจ้า    สันนิษฐานว่าน่าจะวาดโดยเชลยชาวไทยที่ไปอยู่ที่นั่น...  เห็นแล้วก็เหมือนกับพบญาติเจ้าคุณปู่ที่พลัดพรากจากกันไปนาน... จำได้เพราะปานแดงที่แก้มก้นข้างซ้ายนี่แหละ.... อาหารจากทะเลสาบตองตะมาน     น่าลองจัง... แต่ไม่เอาดีฟร่า... ยังเข็ดไม่หาย... อิอิอิ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:47:42

ความคิดเห็นที่ 42 โอ๊ะ....อยากเคี้ยวก้ามปูทอดวุ้ยย ทอดกันทั้าก้ามเลยทีเดียว จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:03:11

ความคิดเห็นที่ 43 ฃอบคุณสำหรับรีวิิวดีๆค่ะ จากคุณ : Gandh เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:05:58

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีค่ะคุณแจง มาช้าอย่าว่ากันนะคะ จากคุณ : เอ เองค่ะ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:09:09

ความคิดเห็นที่ 45 อ้าววปร้าแจงจบแล้วหรา รอชมตอนต่อไปนะครับ อ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์เพลินไปเลยครับ ขอบคุณนะครับคุณครูปร้าแจง จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:13:59

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับรีวิวบุกป่าฝ่าดงตามหาประวิติศาตร์ไทยที่หล่นหายไปครับ ^^ น่าจะมีโครงการบูรณะร่วมกันของคนไทยกับกรมศิลป์นะครับ ท่านก็เป็นหนึ่งในบูรพกษัตริย์ไทยเช่นกัน... จากคุณ : FooSang เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:22:15

ความคิดเห็นที่ 47 แวะมาชมครับ ป้าฟู ตามไปเที่ยวต่อ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:22:35

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพเปิด กะ ภาพเป็ด สวยมากกกกกกกเลยจ้าป้าฟู จากคุณ : บัวดินกับกลิ่นขจร เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:32:22

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้และเกร็ดประว้ติศาสตร์ จากคุณ : สมหมาย09 เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:37:59

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมาฟังประวัติศาสตร์ค่ะ ป้าเล่าๆได้เพลินดี ขอบคุณมากค้า จากคุณ : มุ่นแพร เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 21:46:16

ความคิดเห็นที่ 51 ...ตามป้าฟูมาเที่ยวพม่าต่อนะคะ   สะพานอูเบงสวยมากเลยค่ะ เห็นอาหารทอดแล้วน่าหม่ำจังค่ะ เป็ดลอยเต็มทะเลสาบเลยนะคะ    ^-^ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:06:08

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพเปิดสวยมากครับป้า... แถมเนื้อหาก็แน่นยังกะได้กลับไปเรียนประวัติศาสตร์ตอนมัธยมเลย ... แต่ทำเลที่ตั้งเจดีย์นี่ชวนให้ไม่อยากไปสุดๆ ยิ่งถ้ามาตอนค่ำๆ นี่คงน่ากลัวใช้ได้เลยครับ ... จากคุณ : ผู้ก่อการร้ายทางความคิด เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:13:58

ความคิดเห็นที่ 53 จบไวไปไหมฮะคุณครูไหว อิอิ ในที่สุดก้อเข้าใจคำว่าขุนหลวงหาวัดซะที แอบเห็นป้าฟูแซวลุงเสือเสียนาน ความหมายมันคนละอย่างเลยนะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:21:20

ความคิดเห็นที่ 54 อืม เห็นชื่อกระทู้แล้วสนใจ ตามรอย ขุนหลวงหาวัด รูปเปิด ก็สวย  บรรยายก็น่าฟัง ได้บรรยายนักลุย นักค้น นักเล่า นักถ่าย ครบครัน ไว้จะพยายามตามรอยป้าฟูบ้างค่ะ  ถ้าหลอกเพื่อนได้ 555 จากคุณ : สายลมชุนชิวแห่งทุ่งบางเขน เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:29:06

ความคิดเห็นที่ 55 ตามป้ามาเที่ยวย้อนรอยประวัติศาสตร์ด้วยครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:44:28

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่าเราน่าจะช่วยกันดันกระทู้เยอะๆนะครับ เผื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะได้เห็นบ้างแล้วคิดติดต่อพม่าเพื่อบูรณะเจดีย์ จากคุณ : เช่ (OR_Crew) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 00:01:03

ความคิดเห็นที่ 57 แวะเข้ามาตามรอยขุนหลวงหาวัดด้วยคนครับ ชอบนวนิยายเรื่อง เรือนมยุรา บทประพันธ์ของคุณ แก้วเก้าเหมือนกันครับ จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 02:12:50

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นกระทู้รีวิวพม่าที่ทรงคุณค่าอีกกระทู้หนึ่ง คู่ควรกับการถูกโหวตขึ้นเป็นกระทู้แนะนำอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 02:14:52

ความคิดเห็นที่ 59 ขอไปเที่ยวกับป้าทางกระทู้นี้ดีกว่าคะ ไปเองท่าจะไม่ไหวคะ เหอๆๆ ,, ขอบคุณรีวิวสวยๆฮาๆเช่นเคยนะคะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 02:31:30

ความคิดเห็นที่ 60 เราเคยแต่ได้ยินชื่อเพียงงอย่างเดียว แต่ไม่เคยทราบประวัติของพระองค์ท่านเลย จริงๆนะ แย่มากเลยเราเนียะ เราอยากให้พระเจดีย์ได้รับการบูรณะจังค่ะ เห็นแล้วน่าเสียดายเพราะเป็นพระเจดีย์ของพระมหากษัติย์ไทยพระองค์หนึ่งที่ช่วยปกป้องบ้านเมืองเรามา ถึงแม้พระองค์จะไม่ได้ทรงเสด็จกลับมาบ้านเมืองจนสิ้นพระชนชีพก็ตาม อยากดันกระทู้เหมือนกันคะ จากคุณ : มณีดารา เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 03:00:48

ความคิดเห็นที่ 61 ตามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ...... ภาพเปิดสวยจังครับ จากคุณ : ลุงแบกเป้ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 06:57:05

ความคิดเห็นที่ 62 ตามป้าฟู ไปหาวัด เอ๊ย ไปตามรอย ขุนหลวงหาวัด ด้วยจิค่ะ สะพานอูเบ่ง นี่สวยจัดเลยนะเนี่ย ยามเย็น เค้าอยากไปอีกแล้วง่ะ ทำม๊าย ทำไม ไม่มีคนอยากไปกับเราเลยฟะ ??? พม่าเนี่ย จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 07:04:42

ความคิดเห็นที่ 63 เพิ่งกลับมาจากเดินสาย เหนื่อยยยยย นี่หกโมงครึ่งยังไม่ทุ่มเลย แต่เราจะอาบน้ำนอนแล้ว ฮา อิจฉาที่ป้าฟูได้ไปดูเจดีย์บรรจุพระอัฐิขุนหลวงหาวัด คราวที่แล้วได้ข้อมูลช้าไปหน่อยเลยอด แต่มันเป็นป่าช้าชาวบ้านแถวนั้นจริงๆเหรอ ถามไปยังงั้นแหละ หากลัวไม่ อยากไปดูก่อนที่มันจะพังโครมลงมา ถ้าไม่มีใครซ่อมแซมนี่ อีกสิบปีมันคงจะไม่อยู่ให้เราดูแล้ว ต้องรีบไป จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 07:37:30

ความคิดเห็นที่ 64 ลากสังขารตามป้าแจงไปเที่ยวต่อค่ะ ^^ จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 08:26:02

ความคิดเห็นที่ 65 ..  นี่ถ้าไม่ใช่ป้าแจงรีวิว  ม่ายด้ายเห็นล็อคอินเค้าหรอกน่ะ รู้สึกเป็นเกียรติป่ะ จากคุณ : แมงเม่าติดลมบน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:00:45

ความคิดเห็นที่ 66 มานั่งเรียนวิชาประวัติศาสตร์กับอาจารย์ป้าฟูค่ะ..... จากคุณ : ปลาทะเลสีคราม เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 09:34:56

ความคิดเห็นที่ 67 น่าตามรอยไปเที่ยวที่มัณฑะเลย์มากเลยครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 10:13:26

ความคิดเห็นที่ 68 มาชมรีวิวด้วยคนครับ จากคุณ : ชานมชงเอง เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 11:45:31

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานอูเบ่ง คลาสสิคมากเลยอ่าพี่แจง ภาพเปิดสวยโดนใจเค้ามากเลย อยากให้กีฟ เยอะๆ กด ทั้ง like กัดทั้ง love เลยนะจ๊ะ   รอตอนหน้านะ อยากดูความเซี้ยว ซน แล้วก็โจ๋ ของหัวหน้าแก๊งวัยจ๊าบ แบบพี่แจงของเค้า จากคุณ : hollaneung เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 13:10:33

ความคิดเห็นที่ 70 รอชมตอนต่อไปด้วยคนครับ เคยไปเมียนมาร์ 9 ปีที่แล้ว กำลังจะกลับไปอีกครั้งเมษาหรือพฤษภานี้ ชอบคุณป้าฟูสำหรับรีวิวเจ๋ง ๆ จากคุณ : แมท เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 13:40:07

ความคิดเห็นที่ 71 ติดตามมาช่วยป้าฟูแหวกหญ้าหาเจดีย์ พร้อมแกะหญ้าเจ้าชู้ด้วย จากคุณ : 3KKK เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 14:26:58

ความคิดเห็นที่ 72 ตามไปชมสถูปครับ วิชาประวัติศาสตร์โดยอาจารย์ป้าฟู น่าสนุกกว่าเรียนในห้องมากมายครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวตอน 2 ครับ จากคุณ : ยุง บิน ชุม เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 14:31:12

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณที่แชร์เรื่องราวดีๆๆเสมอๆๆน่าคร้าป้าฟูคนสวย จากคุณ : แม่จีน-ไทไท (GT2007) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 14:58:26

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณมากครับป้าที่พาไปเที่ยว   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 15:34:56

ความคิดเห็นที่ 75 ... จะไปพม่าสิ้นปีนี้ รับรองเลยค่ะ ว่าจะแวะไปกราบไหว้สถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของขุนหลวงหาวัด ขอบคุณป้าฟู สำหรับข้อมูลนะคะ ^_^ จากคุณ : kungtalay เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 16:46:04

ความคิดเห็นที่ 76 เดี๋ยวจะตามรอยป้าฟู ไป Yodia zedi นะคะ  เรื่องมันเศร้าจัง จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 18:53:30

ความคิดเห็นที่ 77 ยังไม่เคยไปที่นี่เลยค่ะ ขอตามไปกับรีวิวนี้ก่อนละกันนะคะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : Salmon Lover เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 20:57:10

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณที่พาเที่ยวค่า ขอบคุณสำหรับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ จากคุณ : ยิ้มไม่หุบ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 22:46:54

ความคิดเห็นที่ 79 ชอบสะพานไม้ยามเย็นมากเลยครับ จากคุณ : Oatta's Journey เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 08:47:36

ความคิดเห็นที่ 80 ตามมาเที่ยวพม่า่ด้วย.. กำลังหาข้อมูลเลย ปีนี้ตัดสินใจว่าต้องไปแล้ว.. ไม่กลัวแล้ว อิอิ จากคุณ : WittyNakhon เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 11:28:09

ความคิดเห็นที่ 81 อ่านกระทู้นี้ ทำไมรู้สึกเศร้าล่ะคะ คุณครูป้าฟูขา จากคุณ : JK (JackKnife) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 11:50:57

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ.... มีกำลังใจปั่นรีวิวต่ออีกเยอะเลยจ้า.... ดีใจที่มีหลายคนคลายความหวาดกลัวคนพม่าลง    คนพม่าส่วนมากจะเป็นคนน่ารัก ซื่อสัตย์ ใจดี ชอบช่วยเหลือ    แต่คนไม่ดีก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดาของโลก   ก็ระวังตัวตามปรกติค่ะ ครั้งนี้ป้าไปพม่าเก้าวัน  เดินทางคนเดียว  ไปแบบวางแผนเดินทางวันต่อวัน   ลุยไปในเมืองที่ไม่ค่อยมีนักเดินทางที่ไหนเขาไปกัน     นั่งรถไฟไปจนสุดสายตะวันออกที่เมืองหล่าโชว      อยากแวะเมืองไหนก็แวะ... สนุกมากกก   แต่แอบผิดหวังเล็กน้อย   เพราะก่อนไปคาดว่าตัวเองจะต้องลำบากมากกว่านี้เยอะ..     ผิดคาด...ทุกอย่างค่อนข้างสบายยไปหมด  คนก็ใจดีน่ารักไปทุกเมือง  ไม่น่ากลัวเลยสักนิดเดียว...   ไม่สะใจจิ๊กโก๋แบบป้าเลยจริงจริ๊งงง....   ทริปหน้าต้องหาเมืองโหดกว่านี้ให้ได้.... อิอิอิ เพิ่มเติมนิดนึง... คนอยุธยาตอนปลายจะชอบเรียกกษัตริย์ว่า "ขุนหลวง" (สมัยนี้เรียก ในหลวง)  และตามด้วยฉายา     ฉายาก็จะมาจากอุปนิสัยที่เด่นชัดของกษัตริย์พระองค์นั้น   เช่น ขุนหลวงท้ายสระ  (ถ้าศัพท์ปัจจุบันก็ต้องเรียกว่า "ในหลวงท้ายสระ")  ก็เพราะกษัตริย์พระองค์นั้นชอบไปนั่งตกปลาอยู่ท้ายสระบ่อยมากกก... (เรื่องจริง..มิได้โม้นะ... อิอิ) จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 12:41:20

ความคิดเห็นที่ 83 ไปพม่าคราวนี้.....พี่แจง....พกไปกี่ล้านจั๊ต คร๊าเนี่ย   จากคุณ : กานพลู...คนชอบเที่ยว เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 15:22:29

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณสำหรับรีิวิวครับบบ...................... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 19:58:59

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : ส่วนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 07:32:39

ความคิดเห็นที่ 86 ตามไปเที่ยวพม่าด้วยคนครับคุณป้า  ภาพเปิดสวยงามมากๆๆๆ จากคุณ : noiwanwannoi เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 23:14:39

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาทักทายจ้า... ลืมบอกไปค่ะ...  ถ้าใครอยากจะไปไหว้เจดีย์ของขุนหลวงหาวัดนะคะ   หาง่ายมากกก... เมื่อไปถึงเชิงสะพานไม้อูเบ่งแล้ว    ให้หาถนนดินเลาะริมทะเลสาบที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นแนวในรูปของ คห. 6     เมื่อเจอแนวต้นไม้เหมือนในรูปแล้ว     ให้มองไปที่อีกฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบ    จะเห็นเป็นป่ารกๆ .... มองดีๆ เราก็จะเห็นยอดเจดีย์ขุนหลวงหาวัดโผล่ออกมาค่ะ     อยู่ใกล้กับทางเดินของชาวบ้านแถวนั้นดังในรูป. คห.14 และ คห.17 จ้า... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 02:28:08

ความคิดเห็นที่ 88 ตามมาเที่ยวพม่าด้วยคนนะคะ รูปเปิดสวยมากๆเลยค่ะป้าฟู จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 12:48:05

ความคิดเห็นที่ 89 จาก คห 21 ของป้าฟู "พระเจ้าเอกทัศน์  กษัตริย์องศ์สุดท้ายของอยุธยา   ได้หลบหนีไปซ่อนตัวแต่เนื่องจากอดอาหารกว่าสิบวัน   พระองค์จึงสิ้นพระชนม์ที่บริเวณค่ายโพธิ์สามต้น....." และข้อมูลจากวิกีฯ "สาเหตุการเสด็ตสวรรคตของพระเจ้าเอกทัศมีหลายข้อสันนิษฐาน ในหลักฐานของไทยส่วนใหญ่บันทึกไว้ว่าพระองค์เสด็จสวรรคตจากการอดพระกระยาหารเป็นเวลานานกว่า 10 วัน ภายหลังจากที่เสด็จหนีไปซ่อนตัวที่ป่าบ้านจิก ใกล้กับวัดสังฆาวาส ทหารพม่าเชิญเสด็จไปที่ค่ายโพธิ์สามต้น นายทองสุกได้นำพระบรมศพไปฝังไว้ที่โคกพระเมรุ ตรงหน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร" ทำให้หนูนึกถึงเรื่องราวที่คุณตาคุณยายแก่ๆแถวบ้านเล่าให้ฟังได้  ว่าขุนหลวงขี้เรื้อน (พระเจ้าเอกทัศน์)  หนีพม่ามาอยู่ ที่บ้านป่าจิก (ปัจจุบันคือตำบลคลองจิก)  หลบพม่าอยู่บนต้นไม้  อดข้าวจนตาย  ชาวบ้านแถวนั้นสร้างศาลให้ ไว้กราบไหว้ นับถือเรียกกันว่า "เจ้าพ่อคลองจิก"  แล้วที่วิกีฯ บอกว่า บ้านป่าจิกใกล้กับวัดสังฆาวาส ปัจจุบันนี้วัดนี้ก็ยังมีอยู่  (แต่ชาวบ้านจะเรียกกันว่า วัดน้อย มีโบสถ์เปิดอยู่ 1 หลัง กับพระพุทธรูป 3 องค์ องค์ใหญ่ องค์กลาง องค์เล็ก เรียงลำดับกัน  มีแต่โบสถ์กับพระพุทธรูปเท่านั้นค่ะ คล้ายๆวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์ใดๆ) ไว้ป้าฟู สนใจตามหาขุนหลวงขี้เรื้อนบ้าง ลองมาได้นะคะ ที่ อ.บางปะอิน อยู่ใกล้ๆกับพระราชวังบางปะอินเลย จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 10:43:09

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีวิว จากคุณ : ต้มส้มปลากระบอก เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 11:49:59

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณค่ะ  สำหรับคำทักทายและข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ     มีโอกาสเมื่อไรคงได้ไปสำรวจดูบ้าง... ^_^ พม่าตอนต่อไปนะคะ แกะรอย ตามหา ไอ้จุก ไอ้แกละ ณ อยุธยา  ที่มัณฑเลย์  พม่า http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11806633/E11806633.html#100 UNSEEN  HONGKONG  สไตล์ป้าฟูจ้า http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11579599/E11579599.html#113 เที่ยวมหาวิทยาลัย ฮาเวิร์ด  เมืองแคมบริดจ์    ยูเอสเอ... http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11806633/E11806633.html#100 รวมลิงค์รีวิวของป้าฟูจ้า... http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11515063/E11515063.html . จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 19:40:04

ความคิดเห็นที่ 92 อ่านกระทู้นี้แล้วอยากไปค้นตำราประวัติศาสตร์ชาติไทยมาอ่านจังเลยค่ะ อยากไปเดินดูต้นไม้ใหญ่ ๆ ด้วยยยย จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 00:06:18

ความคิดเห็นที่ 93 ตำบลคลองจิก อดีตบ้านเก่าเราเอง อ่านประวัติศาสตร์แล้วเศร้า  ดีใจนะที่มีลูกหลานคนไทยอย่างป้าฟูไปเยี่ยมเยียมท่าน  สงสัยป้าฟูคงจะเป็นสนมในวังละมั้งเนี่ย จากคุณ : มาดามไร่องุ่น เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 07:25:42

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณป้าฟูมากนะครับ สาระความรู้ มาพร้อมกับความเพลิดเพลินครับ จากคุณ : pathomlak11 เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 09:37:08

ความคิดเห็นที่ 95  ทุกเม้นท์ทุกกิฟท์เลยจ้า.... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 09:44:58