ความคิดเห็นที่ 1 !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ช่วงบ่ายๆ ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ผมเดินทางออกจากท่าวังผา มุ่งหน้าอำเภอปัว จุดหมายของที่ซุกหัวนอนคืนนี้ ไม่กี่อึดใจผมก็มาขับรถวนอ่านป้ายสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แถวๆสามแยกปัว ในฐานะนักท่องเที่ยว ขอบอกว่า ป้ายชี้ทางไปที่ท่องเที่ยวในเมืองท่านนั้น ทำเอาผม confuse ครับท่าน (ขอใช้คำภาษาต่างชาติ เพื่อลดทอนความงุนงง ลงสักหน่อย) เริ่มจากที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆกัน ไปทางเดียวกัน เอามาไว้บนป้ายเดียวกันดีไหมครับทั่น ป้ายบนถนใหญ่สีฟ้า พอไปกลางๆ ทางกลายเป็นสีเหลือง พอถึงทางแยก กลายเป็นป้ายไม้เก่าๆ ซะงั้น ทุกที่ที่ผมไปในเมืองทั่นนี้ ต้องวนหา+ถามทาง ไม่ต่ำกว่าสองครั้งทุกที่เลยครับผม เช่น วัดต้นแหลง วัดพระธาตุเบ็งสะกัด วัดร้องแง ต้นสะหลียักษ์ เป็นต้น จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:04:16

ความคิดเห็นที่ 2 ตามไปด้วยคนนะครับ จากคุณ : tonhok เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:11:54

ความคิดเห็นที่ 3 วัดแรกที่ผมไปเยือนคือ วัดร้องแง คือขับดุ่ยๆ ไปอ่ะครับ ตั้งใจไปวัดพระธาตุเบ็งสะกัด แต่หาป้ายวัดไม่เจอ จึงขับเลยไปวัดร้องแงแทน วัดร้องแง เป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2310 โดยการนำของเจ้าหลวงเทพพญาเลนเจ้าช้างเผือกงาเขียว  เดิมปกครองอยู่ที่เมืองลิน เป็นคนไทยกลุ่มหนึ่งที่พูดภาษาลื้อ เมืองลินอยู่ในเขตปกครองของแคว้นสิบสองปันนา มีพญาแสนเมืองแก้วเป็นผู้ปกครอง ต่อมาได้เกิดศึกสงคราม ศัตรูเข้ารุกรานเมืองจนกระทั่งพญาแสนเมืองแก้วต้านทานไม่ไหว เจ้าหลวงเทพพญารินเจ้าช้างเผือกงาเขียว จึงได้มาช่วยต้านทานทัพศัตรูไว้  พร้อมด้วยแม่ทัพนายกอง 4 นาย คือ ท้าวแก้วปันเมือง ท้าววรรณะ ท้าวเหล็กไฟ และท้าวเต๋อ  แต่สู้ไม่ไหวจึงแตกทัพรวบรวมไพร่พลหนีมาพร้อมกับเสนาทั้ง 4 ถอยร่นลงมาจนถึงบริเวณใกล้กับลำน้ำล่องแง (ใกล้ลำน้ำมีต้นแงซึ่งมีลักษณะผลคล้ายกับผลส้มจึงเรียกว่าลำน้ำล่องแง)  ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์จึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อลำน้ำ ต่อมาการเรียกผิดเพี้ยนไป  จึงกลายเป็นบ้านร้องแง  และเมื่อสร้าง วัดจึงได้ใช้ชื่อหมู่บ้านเป็นชื่อวัดไปด้วย วัดร้องแง  ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองน่านแล้วเมื่อปี พ.ศ.2310 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2470 เมื่อปี 2550 วัดร้องแงได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เป็นรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ จาก http://www.facebook.com/note.phpnote_id=224711324222247 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 55 22:31:09 จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:19:15

ความคิดเห็นที่ 4 พระวิหารวัดร้องแง สวยงามมากๆ ครับ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:21:57

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ : tonhok เกาะแน่นๆ นะครับ ระวังหลง ง่ะ รูปนี้ด้านหน้าพระวิหารครับ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:26:15

ความคิดเห็นที่ 6 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านร้องแง มีอีกหลายที่เลยครับผม ภาพนี้น่าจะเป็น โบสถ์ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:30:34

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อมูลแน่นดีจังค่ะ อ่านเพลินไปเลย ยังไม่เคยไปวัดร้องแง เลย ตามไปด้วยคนนะคะ ^__^ จากคุณ : ลุงหนวด & ต้นอ้อ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:31:59

ความคิดเห็นที่ 8 พระประธานในพระวิหารวัดร้องแง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มองเห็น สัตตภัณฑ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “บันไดแก้ว” มีลวดลายงดงาม อยู่ด้านหน้า จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:36:32

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ : ลุงหนวด & ต้นอ้อ  ตามมาเลยครับผม คือพอผมอ่านๆ แล้วก็อยากให้รับรู้กัน อ่ะครับ เวลาผมไปเที่ยว ผมจะอ่าน พวกนี้ไปก่อนเสมอครับ ไม่งั้น เราก็จะไม่รู้ ว่าจะไปดูอะไร นั่นคืออะไร เช่นภาพนี้เป็นต้น  นี่คืออะไร ??????? เป็นไม้ไผ่สานเป็นตาราง สองแผ่นประกบกัน ตรงกลางใส่พวกดอกไม้ แขวนไว้ตามเสา คู่กับตุง และโคม นี่คืออะไร ??????? ใครรู้ตอบหน่อยนะครับ เอาบุญ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 55 22:41:41 จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:40:54

ความคิดเห็นที่ 10 อีกฟากหนึ่งของถนนสาย ปั่ว-บ่อเกลือ ทางหลวงหมายเลข 1256 ซึ่งผ่านกลางหมู่บ้านร้องแง เยื้องๆ กับวัดร้องแง มีเฮือนไทลื้อบ้านร้องแง จัดแสดงไว้เช่นกัน ด้านบนก็ขึ้นไปชมได้ครับ แต่การจัดแสดง ยังสู้ที่วัดหนองบัว อ ท่าวังผา ไม่ได้ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 22:48:56

ความคิดเห็นที่ 11 ไปต่อที่วัดพระธาตุเบ็งสะกัด เลยครับ เป็นสถาปัตยกรรมไทยลื้อ ที่ได้มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบหลายครั้ง ลักษณะวิหารเป็นรูปวิหารทรงสูง แต่หลังคาจะกดต่ำแบบช่างล้านนาเดิม มีลาดบัว ที่ฐานตอนล่างของพระวิหาร ด้านข้างของวิหาร เจาะหน้าต่าง เป็นบานเล็ก ๆ แคบ ๆ หน้าวิหารมีลักษณะเป็น มุขโถงโล่ง ๆ ขึ้นบันไดด้านหน้า จะถึงโถงมุขหน้าเข้าสู่ภายในวิหาร ซึ่งภายใน ประกอบด้วยเสา รายเรียงสองแถว ตรงสู่แท่นฐานชุกชี ประตูด้านหน้าวิหาร เป็นประตูใหญ่กว้างและสูง ประกอบด้วยลวดลายปูนปั้น ผสมผสาน ระหว่างศิลปะเก่ากับใหม่          เจดีย์พระธาตุเป็งสะกัด ความหมายของพระธาตุตามตำนาน หมายถึง สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น จากบ่อดิน ที่ใช้ไม้แหย่ลงไป แล้วไม้ขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนมีอะไรมากัดให้ขาด และมีลำแสงเกิดขึ้น ลักษณะของ เจดีย์นี้เป็นสถาปัตยกรรมล้านนา สร้างโดยพญาภูคาในปี พ.ศ. 1826 สร้างก่อนพระวิหาร และได้รับการบูรณะ จากกษัตริย์ราชวงศ์น่านหลายสมัยสืบเนืองต่อกันมา เจดีย์เป็นรูปทรง ฐานระฆังคว่ำ เป็นมุมแปดเหลี่ยมลดหลั่นกัน เป็นชั้น ๆ ไม่มีลวดลายเป็นศิลปะแบบพะเยา หรือที่เรียกว่าเจดีย์ ทรงพะเยา ซึ่งมีมากที่พะเยา เชียงราย http://www.nan.go.th/webjo/index.php จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 23:19:39

ความคิดเห็นที่ 12 ภายในวิหาร จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 23:22:08

ความคิดเห็นที่ 13 วัดปรางค์ ตั้งอยู่ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ ที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาชมคือ ต้นดิกเดียม ต้นไม้มหัศจรรย์ผิดธรรมชาติ พันธุ์พฤกษาน่าฉงน แค่เห็นเป็นต้นไม้หันหลังให้แดดหันหน้า เข้าวัดก็แปลกเหลือ หลายอยู่แล้ว แต่ใครจะเชื่อว่าต้นไม้ ประหลาดต้นนี้เป็นต้นอารมณ์ขัน ใบไม้จะไหวสั่นทุกครั้ง ที่ถูกคนสัมผัส ผมพยายามถูก็แล้ว ลูบก้อแล้ว ลองแอบทุบ ก้อแล้ว ไม่กระดิกเลยครับ  สงสัย ไม่โดนจุด จั๊กกะจี้ อิ อิ ปล เข้ามาบอกว่า ใกล้ๆ วัดปรางค์ จะมีวงเวียน และตลาดครับ  แถวๆ วงเวียน จะมีต้นสะหลีเมือง ก็คือต้นโพธิ์ ต้นใหญ่ๆ ครับผม แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 55 23:28:33 จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 23:26:59

ความคิดเห็นที่ 14 วัดต้นแหลง จากสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในหนังสือเรื่องสถาปัตยกรรมวัดไทยลื้อในเขตจังหวัดน่าน ได้กล่าวถึงวัดต้นแหลงนี้ว่าเป็นวัดโบราณ สร้างมาสมัยชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนาในรุ่นแรกๆ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:31:48

ความคิดเห็นที่ 15 สรุปลักษณะสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดและสำคัญของวัดต้นแหลง 1. การวางหลังคารูปทรงตะคุ่ม ลาดต่ำ และลดหลั่นกันลงมาทีละชั้นจนถึงชั้นล่าง เป็นลักษระที่วิวัฒนาการมาจากรูปแบบเดิม ที่มีความลาดเอียงมาก การแก้รูปทรงของผืนหลังคาซึ่งแผ่กว้างให้เป็นส่วนย่อยลงมา วิธีวางหน้าจั่วเน้นทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นส่วนสำคัญของวิหารทรงตะคุ่มแบบนี้ 2. การวางรูปทรงวิหารให้เตี้ยแจ้ โดยใช้บัวที่ฐานประดับตกแต่ง ลดความสูงรูปด้านลงพร้อมกับเจาะช่องหน้าต่างเล็กๆ แคบๆ ให้ความสำคัญกับรูปด้านซึ่งเป็นลักษณะของ "วิหารทรงโรง" อันเป็นลักษณะพิเศาของสถาปัตยกรรมล้านนา ซึ่งเป็นแบบเฉพาะของไทลื้อ รูปทรงและการใช้ลวดบัวฐานตกแต่งนี้ มีใช้ไปถึงรัฐสิบสองปันนาในประเทศจีน 3. การเปิดประตูกว้างด้านทิศตะวันออก และประตูเล็กทิศเหนือและใต้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าความเชื่อเรื่องทิศที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย การเน้นทางเข้าด้านหน้าด้วยบันไดและประตูกว้างเพื่อให้แสงรุ่งอรุณสะท้อนเข้ามาภายในวิหาร พุ่งตรงไปยังพระประธาน นับเป็นวิธีพิเศษที่สำคัญประการหนึ่งของช่างไทลื้อ ประตูออกด้านข้างสองด้านสำหรับพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านเป็นการแสดงประโยชน์ใช้สอยที่ลงตัวสมบูรณ์ เหมาะกับสภาพการใช้งานดี http://www.lannatouring.com/Nan/Interesting-article/Wat-Tonlang-Nan.htm จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:34:17

ความคิดเห็นที่ 16 ต้นแหลง ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัน ไม่มีแล้วที่บ้านต้นแหลง แม้แต่ต้นนี้ ก็ต้องไปนำพันธุ์จากถิ่นอื่นมาปลูก จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:38:07

ความคิดเห็นที่ 17 ขออณุญาติลบข้อความออกนะครับ เพราะ ซ้ำกับความคิดเห็นที่ 15 ทั้งภาพและข้อความ ซึ่งเกิดขึ้นในตอนที่ผมโพสแล้ว คคห หาย เลยโพสซ้ำ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 18:33:39 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 18:32:12 จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:40:27

ความคิดเห็นที่ 18 โดยรวมๆ แล้ว ผมชอบพระอุโบสถของวัดต้นแหลงมากที่สุด สำหรับผมแล้ว ชอบการให้สีครับ เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:44:10

ความคิดเห็นที่ 19 หน้าบัน ช่อฟ้า ใบระกา ป้านลม และชายน้ำ กับการประดับตกแต่งต่างๆ ในวิหารหลังนี้สร้างทำขึ้นคนละสมัยตามสภาพการใช้สอย และความชำรุดทรุดโทรมของวัสดุก่อสร้างที่เสื่อมและหมดสภาพการใช้งาน ก็ถูกนำมาสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้คงสภาพการใช้งานได้ต่อไป จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:46:23

ความคิดเห็นที่ 20 การวางหลังคารูปทรงตะคุ่ม ลาดต่ำ และลดหลั่นกันลงมาทีละชั้นจนถึงชั้นล่าง เป็นลักษณะที่วิวัฒนาการมาจากรูปแบบเดิม ที่มีความลาดเอียงมาก การแก้รูปทรงของผืนหลังคาซึ่งแผ่กว้างให้เป็นส่วนย่อยลงมา วิธีวางหน้าจั่วเน้นทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นส่วนสำคัญของวิหารทรงตะคุ่มแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 00:53:47 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 00:49:53 จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:49:18

ความคิดเห็นที่ 21 ภายในพระวิหาร จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:56:06

ความคิดเห็นที่ 22 ผนังเดิมที่เป็นไม้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นผนังอิฐก่อ ของเดิมวิหารตอนบนอาจไม่มีหน้าต่างเลยแบบวัดในรัฐสิบสองปันนาและที่เชียงตุงซึ่งเป็นของดั้งเดิมของไทลื้อ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:57:35

ความคิดเห็นที่ 23 วัดสุดท้าย ที่จะพาชมคือ วัดป่าหัด จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:01:17

ความคิดเห็นที่ 24 พาชมเรือนโบราณพื้นถิ่นเมืองปัว ที่วัดป่าหัดนี้ ในตอนเย็นๆ จะมีลานวัฒนธรรม ให้น้องๆ นักเรียนมาร่วมกันฝึกซ้อมกิจกรรม เช่น รำไทย จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:05:58

ความคิดเห็นที่ 25 ที่นี่มีน้อง มัคคุเทศน์ นำชม งานนี้ ถามได้เต็มที่ครับผม จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:09:19

ความคิดเห็นที่ 26 ลักษณะเรือน จะค่อนข้างเป็นเรือนของผู้มีฐานะ มิใช่บ้านของคนธรรมดา แต่ใต้ถุนบ้าน ก็ยังคงเป็นพื้นที่ใช้สอย เช่นเดิม จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:12:27

ความคิดเห็นที่ 27 ผมมุ่งประเด็น ถามย้ำถามซ้ำ เรื่อง ห้องนอนเป็นหลัก สรุปแล้ว ความเหมือนกันของบ้านไทลื้อ คือ นอนรวมกัน แต่จะสังเกตุเห้นว่า มุ้งจะหนา และสีทึบเป็นหลัก ลักษณะมุ้ง หูมุ้ง เหมือนกันครับ แต่มุ้งที่วัดหนองบัว (ความคิดเห็นที่ 29) จะสีดำ ดังนั้น หากมีกิจกรรมอันใด เกิดขึ้นในมุ้ง นอกมุ้งคงมองไม่เห็น จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:20:12

ความคิดเห็นที่ 28 การผูกเครื่องบนหลังคาเป็นแบบ ขาแมงมุม โดยใช้ หวายเส้น จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:22:35

ความคิดเห็นที่ 29 ห้องครัวบ้านหลังนี้ จะแยกออกไปจากห้องนอน รายละเอียดเยอะครับ ต้องไปฟัง น้องมัคคุเทศน์ เล่าให้ฟัง จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:24:44

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพนี้คือ ห้องเก็บข้าวเปลือก บนเรือนยุ้งข้าว ที่สร้างแยกออกมาจากตัวบ้าน แต่ก็ยังคงมีลักษณะ ใกล้เคียงกัน จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:28:02

ความคิดเห็นที่ 31 เดี๋ยว ไปต่อกันด้วยกะทู้ เมืองปัว ไนท์ไลฟ์ ครับผม จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 01:31:47

ความคิดเห็นที่ 32 ตามมาเที่ยวด้วยสักคน ^^ จากคุณ : เพราะรัก (blovech) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 06:28:52

ความคิดเห็นที่ 33 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : โต้งซัง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 08:59:54

ความคิดเห็นที่ 34 ตามไปเที่ยวน่านครับ ดูมา 3 กระทู้ รู้สึกตัวสั่นอยากจะไปน่านขึ้นมาทันที ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : ยุง บิน ชุม เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 10:47:51

ความคิดเห็นที่ 35 น่าไปมากครับ จากคุณ : luffy เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 11:41:41 A:203.144.144.164 X:

ความคิดเห็นที่ 36 สวย  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 12:44:56

ความคิดเห็นที่ 37 หาคนพาไปเที่ยวปัวมานานแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : หน้ากลมผมม้า เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 13:12:49

ความคิดเห็นที่ 38 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11817335/E11817335.html เพื่อนๆ ตามไปชม กระทู้ One Night In Pua @Nan  ได้ที่ข้างบนนะครับ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 18:38:05

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณสำหรับรีิวิวครับบ....................... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 10:42:33

ความคิดเห็นที่ 40 ตามมาเที่ยวต่อคร๊า^^ จากคุณ : สามแซ่ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:31:55

ความคิดเห็นที่ 41 หาข้อมูลเที่ยวน่าน ที่พัก ร้านอาหาร เส้นทาง เพิ่มเติมได้ที่ www.nanstay.com ครับ จากคุณ : nanstay เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 19:16:47

ความคิดเห็นที่ 42 ข้อมูลเที่ยวน่าน ลองเข้าดูได้นะ ข้อมูลเยอะดี จากคุณ : nanstay เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:20:22

ความคิดเห็นที่ 43 www.nanstay.com ผมก็เป็นสมาชิกอยู่นะ จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 01:16:39