ความคิดเห็นที่ 1 น่าน เมืองเล็กๆ ที่เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นทุกที ในหมู่นักท่องเที่ยว ทั้งแบบขาจรและขาประจำ  เพราะ เป็นเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา บรรยากาศเงียบสงบ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย มีวัฒนธรรมประจำถิ่นเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยสาเหตุดังกล่าว จึงทำให้น่านต้อนรับนักท่องเที่ยว มากมายในแต่ละวัน  เกรงว่าจะทำให้น่านเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทาง ททท และ นาย1081009 จึงจัดทริปนี้ขึ้นมาในชื่อว่า “เที่ยวน่านเส้นทางรักในเมื่องน่ารักษ์” โดยเน้นให้นักท่องเที่ยว เที่ยวแบบ เที่ยวแบบหัวใจใหม่  โดยยึดหลัก “สำนึก ด้วยกัน เข้าใจ” โดยเป็นการเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก  รวมทั้งเที่ยวด้วยความเข้าใจ เรียนรู้ในประสบการณ์ใหม่ๆที่เราได้จากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากนี้การท่องเที่ยวยังเป็นการสานความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย การที่เราไปเที่ยว  3 คำ สั้นๆ จึงเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:27:20

ความคิดเห็นที่ 2 จริงๆทริปนี้ต้องเริ่มต้น ที่ กทม ในวันที่ 24 กพ โดยทางผู้โชคดีและ นาย 1081009 จะเดินทางออกจากกทม ในเวลา 20.00 น. แต่เนื่องจากผมและเด็กดอย แอนด์จันทร์สม ออกเดินทางจากบ้านที่อำเภอเวียงแก่น โดยใช้เส้นทาง เวียงแก่น –ภูชี้ฟ้า – เทิง – เชียงคำ – ปง – สองแคว – ท่าวังผา – น่าน โดยเป็นการขับรถบนเขาซะ 70% ในระยะทางทั้งหมดประมาณ 270 กม (เส้นนี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชินทางบนเขานะครับ) จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:31:15

ความคิดเห็นที่ 3 ผมออกจากบ้าน เวลาประมาณเที่ยง โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่ภูลังกา อ.ปง จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นรีสอร์ท ที่สามารถชมวิว ของ อุทยานถ้ำสะเกิน ได้ สวยงาม แต่เนื่องจากวันที่ไป มี หมอกควันเยอะมาก ไม่สามารถ มองลงไปเห็นได้ จึงไม่ได้รูปสวยๆมาฝากครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:34:32

ความคิดเห็นที่ 4 ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชั่วโมง ก็มาถึงตัวเมืองน่านครับ จึงเข้าไปนอนที่บ้านเด็กดอย โดยทริปจริงๆ นั้นเริ่ม พรุ่งนี้ หกโมงเช้า เป็นการ ใส่บาตรพระ ในตอนเช้า ที่ตลาดตั้งจิตนุสรณ์ หรือ กาดลุ่ม(ตลาดล่าง) ในภาพเป็นบรรยากาศในตอนเช้าครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:35:35

ความคิดเห็นที่ 5 ในเมืองน่าน ตอนเช้ามืด สิ่งที่จะเห็นจนชินตา ก็คือ บรรดา พระและสามเณร ที่ออกเดิน บิณฑบาต ทั้งมาแบบเดินเรียงแถวมาหลายรูป หรือ จะออกมาเดินเดี่ยวรูปเดียว จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:37:30

ความคิดเห็นที่ 6 การใสบาตรในตอนเช้า เป็นกิจวัตรที่นิยม สำหรับชาวเมืองน่าน เพราะ เมืองน่านเป็นเมืองที่มีวัดอยู่เยอะมาก ดังนั้นจึงมีพระ และ สามเณร เยอะด้วยเช่นกัน การใส่บาตร ก็เพื่อเป็นการทะนุบำรุง ศาสนา ไปในตัว หากมีแต่วัดกับพระ แต่ไม่มีคนใส่บาตร วัดกับพระก็คงไม่สามารถอยู่ได้เช่นกัน  กลับกัน การใส่บาตรก็ช่วยขัดเกลาจิตใจ และ เป็นหารทำบุญ ของคนทั่วไปเช่นกัน จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:41:06

ความคิดเห็นที่ 7 ตามาเที่ยวด้วยครับ น้าตั้ม จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:42:00

ความคิดเห็นที่ 8 ตามไปเที่ยวน่านกับคุณ Tummeng ด้วยคนครับ จากคุณ : KOSMOZmicro เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:44:35

ความคิดเห็นที่ 9 น่านไง เลยแวะมาชม จากคุณ : ตระเวนเที่ยว เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:46:43

ความคิดเห็นที่ 10 น้าฮีโร่ - มาคนแรกเลยนะครับ คุณซัมจั๋ง - ยินดีครับ ตามมาเลย คุณ ตระเวณเที่ยว - น่านเป็นเมืองที่เที่ยวได้ตลอด แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 21:12:21 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 21:10:33 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 21:09:14 จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:52:23

ความคิดเห็นที่ 11 ตามไปเที่ยวน่านด้วยคนเน้อ จากคุณ : narasri เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:58:55

ความคิดเห็นที่ 12 มาเยี่ยมชมคร๊าบบบ จากคุณ : Kanuman เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 20:59:15

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ narasri - ยินดีครับตามมาเลย   คุณนุ - ทริปเชียงคานคุณนุเป็น bloger ผมเป็นผู้ร่วมทริป ดีมั๊ย อิอิ ----------------------------------------------------------------------------------- วัดพระธาตุเขาน้อย  นมัสการพระธาตุเก่าแก่  ชมเมืองน่านจากมุมสูง           จากตัวเมืองน่านใช้เส้นทางเดียวกับวัดพญาวัด แต่เลยไปอีกราว  2  กม. ขึ้นเขาไป ก็จะถึงยอดเขาน้อยซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด  วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.น่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเบาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ  240  ม.  หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค  303  ขั้น         ทางรถขึ้นถึงตัววัด เมื่อขึ้นไปยืนบนยอดเขา จะมองเป็นทิวทัศน์ของเมืองน่าน ได้อย่างชัดเจน ตามประวัติ  พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยมเหสีรองของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่าน เมื่อราวพุทธศตวรรณที่  20  เจ้าผู้ครองนครน่าน อีกหลายองค์ต่อมา ได้บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุ โดยตลอด จนกระทั่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ในปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า ชื่อหม่องยิง กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี  พ.ศ.2523  ด้วยความเป็นวัดที่อยู่บนเขาสูง จึงเป็นจุดชมทิวทัศน์  ที่สวยงาม  อยู่ตรงลานปูน พระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่  คือพระพุทธมหาอุตมมงคมนันทบุรีศรีเมืองน่าน สร้างเมื่อปี  พ.ศ.2542  ถีอเป็นจุดเดียวที่เห็นเมืองน่านจากมุมสูง เราจะเห็นขุนเขา น้อยใหญ่ ตั้งทะมึนโอบล้อมเมืองน่าน เป็นฉากหลัง จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:02:03

ความคิดเห็นที่ 14 อิอิ เอางั้นเลยนะครับ  ^^ จากคุณ : Kanuman เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:07:50

ความคิดเห็นที่ 15 น่านด้วยคนสิจ๊ะ จากคุณ : หมูอ้วนจอมพลัง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:08:26

ความคิดเห็นที่ 16  พี่อุ๊ - ความหวังศรีลังกา ผมรออยู่ที่พี่อุ๊นะครับ  ---------------------------------------------------------------------- จุดชมวิวตัวเมืองน่าน ที่สวยมากๆ ที่หนึ่ง แต่ตอนนี้ หมอกควัน อาจไม่เห็น  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:15:02

ความคิดเห็นที่ 17 เมืองน่านผู้คนน่ารักดีคะ เคยไปครั้งนึง แต่เที่ยวไม่ทัวเลย ^^ จากคุณ : สักวันฉันจะแปลงร่าง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:15:30

ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อฟ้าสว่างแล้ว ก็มาถึงการเที่ยวหัวใจใหม่ โดยการปั่นจักรยาน ชมตัวเมืองน่านและไหว้พระตามวัดต่างๆ ในตัวเมือง เนื่องจากเมืองน่านมีเลนจักนยานให้กับนักท่องเที่ยว ดังนั้นการปั่นจักรยานก็ถือเป็นอักหนึ่งทางเลือกที่เราจะสามารถเที่ยวเมืองน่านได้อย่างช้าๆ เยี่ยมชมวัฒนธรรมชุมชนชาวน่านได้อย่างใกล้ชิดในแบบของการท่องเที่ยวด้วยความเข้าใจและซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ดีที่สุด รูปต่อจากนี้ บางรูปจะเป็นฝีมือถ่ายจาก เด็กดอย นะครับ เพราะ ผมต้องเอาจันทร์สม ใส่กระเป๋าอุ้มเด็กสะพายไว้แล้วปั่นจักรยานไปด้วย จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:17:45

ความคิดเห็นที่ 19 ไปเที่ยวน่านด้วยคนครับคุณตั้ม จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:20:37

ความคิดเห็นที่ 20 มารอชมด้วยคนครับ จากคุณ : นาย1081009 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:21:02

ความคิดเห็นที่ 21 ตามไปด้วยนะครับ อยากไปน่านซักครั้งจัง จากคุณ : enviboy เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:28:09

ความคิดเห็นที่ 22  คุณสักวันฉันจะแปลงร่าง - ถ้าจะเที่ยวให้ทั่วต้องใช้เวล่ หกเจ็ดวัน ละครับ   น้าม่วง - ตามมาเลยครับ   นาย1081009 - หวัดดีครับ  ------------------------------------------------------------------- เริ่มจาก วัดแรกเลยครับ วัดศรีพันต้น   เป็นวัดที่มีภาพเขียนภายในพระอุโบสถแสดงประวัติศาสตร์เมืองน่าน ภายนอกมีการตกแต่งงดงาม และยังมีเรือจอดในโรงเรือบ้านศรีพันต้น เรือทุกลำมีลวดลายงดงาม อยู่ห่างจากศาลหลักเมืองไม่มากนัก และตั้งอยู่หัวมุมทางแยกเด่นสะดุดตา        วัดศรีพันต้นตั้งอยู่ ถ.เจ้าฟ้า ตำบล ในเวียง อำเภอ เมือง จังหวัด น่าน  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:28:50

ความคิดเห็นที่ 23  enviboy - ลองไปสักครั้งนะครับ  -------------------------------------------------------------------- ที่เลือกมาวัดศรีพันต้นเป็นอันดับแรก เพราะว่า ที่นี่เป้นที่ตั้งของ หลักกิโลเมตรที่ 0 ของจังหวัดน่านครับ ตามประสาคนถ่ายรูปกับป้าย ขอก่อนหนึ่งที ครับ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:31:16

ความคิดเห็นที่ 24 มารับชมรีวิวก่อน... พรุ่งนี้จะขึ้นน่านบ้างละครับ ^^ (แต่ว่าไปธุระครับ ไม่ได้ไปเที่ยววววว) จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:34:23

ความคิดเห็นที่ 25 จากนั้นก็ปั่นกันมาเรื่อยๆ กับอากาศเย็นสบายในตอนสายๆมาถึงจุดหมายที่สอง   วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (วัดหลวงกลางเวียง) นมัสการเจดีย์ช้างล้อมทรงสุโขทัย    อิ่มไหว้พระทองคำปางลีลา           อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1949 พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรง สร้างตามสถาปัตยกรรม ทางภาคเหนือ           พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีลิกธาตุไว้ภายใน นับเป็น ปูชนียสถาน สำคัญ เป็นเจดีย์ ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัย จากเจดีย์ทรงลังกา คือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง พระธาตุเจดีย์ สร้างด้วยอิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสอง มีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะ เหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก ช้างแต่ละตัว โผล่ส่วนหัว ลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน 3 ชัน และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:34:24

ความคิดเห็นที่ 26 ดีใจจัง  มาทันไหว้พระพอดีเลย  อิอิ   จากคุณ : อะตอม (atom magazine) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:34:51

ความคิดเห็นที่ 27 คุณจิงนะ - เดินเล่นในเมืองก็มีหลายอย่างให้ดู ครับ  -------------------------------------------------------------------- เผยโฉมผู้โชคดีจากทางบ้าน ที่มาเป็นคู่ ร่วมทริปกับเราครับ คือ คุณนัท กับ คุณอ๋อ จากจังหวัดชลบุรี  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:36:29

ความคิดเห็นที่ 28  คุณอะตอม - มารับบุญด้วยกันครับ  ----------------------------------------------------------- อากาศคงเย็นสบาย หรือไม่ก็อ้อมอกพ่อมันอุ่นสบาย ปั่นจักรยานอยู่ จันทร์สม ก็หลับคาอกไปเลยที่เดียว  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:38:45

ความคิดเห็นที่ 29 น้องจันทร์สม โตเร็วจังน้าตั้ม จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:42:29

ความคิดเห็นที่ 30 หลังจากนั้นก็เดินข้ามถนนไปยัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ภายในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่เรียกว่า "หอคำ" โดยเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดช เจ้าเมืองน่าน สร้างขึ้นเป็นที่ประทับ เมื่อ พ.ศ. 2446 ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง แต่ตกแต่งให้อ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้ นับเป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ดีเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย นอกจากนั้นบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ผู้เป็นเจ้าของหอคำแห่งนี้ด้วย กรมศิลปากรได้รับมอบอาคารหอคำเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เมื่อปี พ.ศ. 2517 แล้วจึงนำโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาประจำท้องถิ่น มาจัดแสดงให้ชมอย่างมีระบบและระเบียบสวยงาม ที่สำคัญที่สุดได้แก่ ห้องเก็บ "งาช้างดำ" ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย เจ้านายบุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อมหอคอย ลักษณะของงาช้างดำนี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้า ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกำกับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน" หรือประมาณ 18 กิโลกรัม จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:43:31

ความคิดเห็นที่ 31  น้าฮีโร่ - สงสัยกินเยอะไปครับ อ้วนมากก ------------------------------------------------------------------ วัดภูมินทร์  น่าน               วัดภูมินทร์   เป็นวัดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง  ที่ประชาชนชาวน่านและจังหวัดใกล้เคียงนิยมเดินทางมาทำบุญสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล  ที่ทรงคุณค่าความงดงามทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม  ประวัติศาสตร์ และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองน่านมาช้านาน             ประวัติของวัดปรากฏในจารึกพงศาวดารของเมืองน่านว่า  สร้างขึ้นเมื่อประมาณ  พ.ศ.2139  โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์  เจ้าผู้ครองนครน่าน  ได้สร้างวัดขึ้นหลังจากที่ท่านครองนครน่านได้   6  ปี  ในคัมภีร์เมืองเหนือยังระบุถึงชื่อวัดแห่งนี้ว่าเดิมนั้นชื่อ  “วัดพรหมมินทร์”  ซึ่งเป็นชื่ของพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ผุ้สร้างวัดแห่งนี้  ต่อมาได้เพี้ยนจากเดิมกลายเป็นวัดภูมินทร์ในภายหลัง    วัดภูมินทร์นั้นมีกิตติศัพท์ในด้านความงามที่เป็นเอกลักษณ์  และถือว่ามีพระอุโบสถจัตุรมุขหลังแรกของเมืองไทย   ภายในพระอุโบสถหลังนี้ได้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่  4 องค์  ประทับนั่งหันเบื้องพระปฤษฎางค์ชนกันประทับบนฐานชุกชีหันพระพักตร์สู่ประตูทั้งสี่ทิศ   มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าทั้ง  4  พระองค์  คือ  พระกกุสันโท  พระโกนาคมนะ  พระกัสสปะ และพระสมนโคดม  ดังนั้นไม่ว่าผู้ที่มาสักการะจะเข้ามาทางประตูทิศใด  ก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้าน              ปล.รูปนี้ผมขโมยมาจากทริปน่านก่อนหน้านี้นะครับ เพราะ ปัจจุบัน วัดนี้กำลัง ปรับปรุง ก่อสร้างอยู่นะครับ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:45:17

ความคิดเห็นที่ 32 ตามไปเที่ยวน่านด้วยคนค่ะ จันทร์สมโตเร็วจังเลย จากคุณ : จันทร์แหว๋ว เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:49:59

ความคิดเห็นที่ 33 รูปนี้ 18+ นะฮะ นอกจากนั้นยังมีงานจิตรกรรมฝาผนังศิลปะไทยลื้อที่เลื่องลือเรื่องความงามว่าด้วยเรื่องราวของพุทธชาดกเรื่องคันธกุมาร  และเนมีราชชาดก  รวมทั้งปรากฏภาพบุคคลสำคัญของเมืองน่านและตำนานพื้นบ้าน   ที่จิตรกรได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีตเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมอีกด้วย จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:50:23

ความคิดเห็นที่ 34  คุณจันทร์แหว๋ว - ตามมาเลย ครับ  ----------------------------------------------------------------------------- ตรงข้ามวัดภูมินทร์ จะเป็น ศูนย์การท่องเที่ยวเมืองนาน ซึ่งเพิ่งจักงาน กระซิบรัก ที่เมืองน่านไปเมื่อ 14 กพ ที่ผ่านมา  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:53:57

ความคิดเห็นที่ 35 ก็เป็นอีกสีสัน หนึ่ง ที่ดึงดูดผู้คนให้มาเยี่ยมชม เมืองน่าน จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 21:58:16

ความคิดเห็นที่ 36 ตามน้าตั้มไปเที่ยวเมืองน่านด้วยคนนะครับ เห็นแล้วก็อยากกลับไปอีกจัง จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:01:06

ความคิดเห็นที่ 37 เหนื่อยแล้ว พักดื่มน้ำเย็นๆ ให้หายเหนื่อยหน่อยค๊า ............................. รูปนี้จันทร์สมแอบกิน บลูเบอร์รี่โซดา ของผมเข้าไป แก้มตุ่ย เชียว จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:02:10

ความคิดเห็นที่ 38  น้าชาติ ทริปนี้ไปน่านด้านเหนือ รอทริปหน้าเป็นน่านใต้มั้งดีกั๋ว อิอิ --------------------------------------------------------------------------------- ช่วงบ่ายเราไป ทำบุญถวายสังฆทาน กันที่วัดพระธาตุแช่แห้ง ครับ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:03:31

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาชมด้วยครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:09:20

ความคิดเห็นที่ 40 น้าเสือ - หวัดดีครับ ตามมาเลยครับ  ------------------------------------------------------------------------------- และคู่รักคู่นี้ก็ไม่ลืมที่จะ ทำบุญขอพร จากพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:14:32

ความคิดเห็นที่ 41 ออกจากวัดพระธาตุแช่แห้ง เราออกเดินทางต่อไปยังวัด หนองบัว ที่อำเภอท่าวังผา วัดหนองบัว     ตั้งอยู่ในหมู่บ้านหนองบัว ตำบลป่าคา ไปตามเส้นทาง 1080 เลี้ยวซ้ายที่ กม.40 ข้ามสะพานแล้วเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร วัดหนองบัวเป็นวัดเก่าแก่ของหมู่บ้าน จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดไทลื้อแห่งนี้สร้างราวพ.ศ. 2405 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4)     ภาพจิตรกรรมที่วัดหนองบัวแห่งนี้ได้สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหลหรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม นับว่ามีคุณค่าทางศิลปะและความสมบูรณ์ของภาพใกล้เคียงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์ในเมืองน่าน นอกจากภาพจิตรกรรมแล้วที่ฐานพระประธานยังประดิษฐานพระพุทธรูปล้านนาองค์เล็กอยู่หลายองค์ และยังมีบุษบกสมัยล้านนาอยู่ด้วย     ภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์เล่าเรื่องหนึ่งในปัญญาสชาดก ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า สันนิษฐานว่าเขียนโดย “ทิดบัวผัน” ช่างเขียนลาวพวนที่บิดาของครูบาหลวงสุ ชื่อนายเทพ ซึ่งเป็นทหารของเจ้าอนันตยศ (เจ้าเมืองน่านระหว่างปี พ.ศ. 2395-2434) ได้นำมาจากเมืองพวน ในแคว้นหลวงพระบาง นอกจากนั้นยังมีนายเทพและพระแสนพิจิตรเป็นผู้ช่วยเขียนจนเสร็จ และยังมีภาพของเรือกลไฟ และดาบปลายปืนซึ่งเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 5 ภาพจิตรกรรมที่วัดหนองบัวแห่งนี้ได้สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหลหรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม นับว่ามีคุณค่าทางศิลปะและความสมบูรณ์ของภาพใกล้เคียงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์ในเมืองน่าน นอกจากภาพจิตรกรรมแล้วที่ฐานพระประธานยังประดิษฐานพระพุทธรูปล้านนาองค์เล็กอยู่หลายองค์ และยังมีบุษบกสมัยล้านนาอยู่ด้วย จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:17:26

ความคิดเห็นที่ 42 ที่วัดหนองบัวนี้ผมได้เห็น กลุ่มผู้สูงอายุ มารวมตัวกัน เล่นสะล้อซอซึง ต้อนรับนักท่องเที่ยว และยังมีอีกกลุ่ม มาออกกำลังด้วยการเล่นเปตอง กันอย่างสนุกสนาน  ดูแล้วต้องแอบ อมยิ้ม กับฝีมือของแต่ละคนที่ไม่ธรรมดา กันเลย ทีเดียว จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:18:16

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพจิตกรรมที่วัดหนองบัว สวยงามไม่แพ้ ที่วัดภูมินทร์ แต่จะออกแนวไทลื้อมากกว่า น่าเสียดายที่น้ำท่วมใหญ่หลายครั้งได้ทำลายภาพเสียหายไปหลายส่วน จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:19:53

ความคิดเห็นที่ 44 อีกหนึ่งของดีของที่นี่คือ ผ้าลายน้ำไหล ผ้าทอเมืองน่าน ผ้าทอลายน้ำไหลสันนิฐานว่าการออกแบบลายผ้าทอชาวไทยลื้อ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาวไทยลื้อในดินแดนสิบสองปันนา ประเทศจีน อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2379 โดยตั้งถิ่นฐานที่บ้านล้าหลวง อ.เชียงคำ จ.พะเยา และตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองบัว บ้านต้นฮ่าง ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน และบ้านดอนมูล อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยการนำของเจ้าหลวงเมืองล้า ชาวไทยลื้อ มีภาษาพูด และประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง และรักษาสืบทอดจนถึงปัจจุบันนี้ ประวัติดังกล่าวได้ปรากฎในจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ ซึ่งเป็นฝีมือช่างสกุลลื้อ ที่ได้วาดลวดลายของผ้าซิ่นของผู้หญิงในรูปเป็นลายผ้าซิ่นทั้งหมดด้วยผ้าทอลายน้ำไหลที่ดัดแปลงมาจากผ้าลายชาวลื้อ สมัยแรกๆ นิยมใช้ไหมเงิน และไหมคำด้านลายผ้าตรงส่วนที่เป็นหยักของกระแสน้ำ จากนั้นใช้ลายมุกรูปสัตว์แทรกเพื่อแสดงว่าผู้คิดลายน้ำไหล ไม่ได้ลอกแบบของชาวลื้อมาทั้งหมด ผ้าทอลายน้ำไหลไทยลื้อเริ่มทอกันครั้งแรกที่บ้านหนองบัว อ.ท่าวังผา จ.น่าน เป็นศิลปะการทอผ้าด้วยมือ สาเหตุที่เรียกผ้าทอลายน้ำไหล เพราะลวดลายที่ทอออกมามีลักษณะเหมือนลายน้ำไหล จึงเรียกว่าผ้าลายน้ำไหล แต่ปัจจุบันได้คิดพลิกแพลงลวดลายต่างๆ เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย และได้ขยายพื้นที่การทอผ้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:23:57

ความคิดเห็นที่ 45 ออกจาก อ.ท่าวังผา มุ่งตรงสู่ อ.ปัว เพื่อขึ้นไป อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ที่พักในคืนแรกครับ จันทร์สมดีใจ หลังจาก อึดอัดอยู่ในรถ มานาน และสงสัยจะเมารถเพราะ นั่งนิ่งมากๆ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:26:13

ความคิดเห็นที่ 46 ...ตามพี่ตั้มมาเที่ยวเมืองน่านด้วยคนนะคะ   เมืองน่านน่าอยู่ผู้คนน่ารัก มีที่สวยๆ ให้เที่ยวเยอะเลยนะคะ น้องจันทร์สมกับคุณแม่ก็น่ารักมากค่ะ   ^-^ จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า ^-^ (ปลายฟ้าที่ภูตะวัน) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:28:32

ความคิดเห็นที่ 47 จูลายกะปลายฟ้า - ขอบคุณจ้าาา ------------------------------------------------------------ เราได้พักบ้านแบบ ภูคา 02 ซึ่งแต่ละหลัง มี สี่เตียงนอนครับ แต่ เรา นอนกัน สามคน พ่อแม่ลูก  ไม่มีทีวี มีแต่ตู้เย็น มีเครื่องทำน้ำอุ่น และห้องน้ำ สะอาดสะอ้าน กว้างขวาง สะดวกสบาย ดีครับ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:41:35

ความคิดเห็นที่ 48 มีระเบียงยื่นออกไปให้ชมวิวพระอาทิตย์ตก แบบชิวๆ ด้วยครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:44:57

ความคิดเห็นที่ 49 พระอาทิตย์ตกที่ดอยภูคา บรรยากาศในม่านหมอกและควัน อันหนาทึบมาก  ก่อนจะกลับมามาทานหารที่ ที่ทำการอุทยาน และไปนอนดูดาว กลางลานดูดาวที่ ภูคา เห็นดาวเยอะมากกกกกก พร้อมกับการเรียนรู้วิถีดวงดาวจากทีม 1081009 ที่นอกจากจะทำให้ค่ำคืนนี้ดูโรแมนติกแล้วผมยังได้เรียนรู้เรื่องดวงดาวอีกเยอะเลย เวลามาเที่ยวแบบสบายๆพร้อมกับเรียนรู้เรื่องใหม่ๆไปด้วยนี่ก็สนุกดีนะครับ เนี่ยแหละการเที่ยวหัวใจใหม่ที่แท้จริง ที่จะทำให้เราเกิดประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ๆตลอดเวลา จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:54:58

ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อคืนหลับสบาย โดยไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศ และพัดลม แต่อากาศก้อเย็นสบาย ทำเอาจันทร์สม หลับยาว ก่อนจะตื่นขึ้นมา คลานเล่นที่ลานชมวิวหลังบ้านพัก ด้วยอารมณ์แจ่มใส บางครั้ง เราก้ควรให้ลูกอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติบ้างนะครับ อย่าไปกลัวว่าจะเกิดอันตราย แค่ระวังให้มากไว้ก็พอ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:56:03

ความคิดเห็นที่ 51 ตามไปเที่ยวน่านด้วยคนครับคุณตั้ม... อยากไปมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปซะที ... ปล. จันทร์สมน่ารักมากเหมือนเด็กดอยเลยครับ ... จากคุณ : ผู้ก่อการร้ายทางความคิด เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 22:59:44

ความคิดเห็นที่ 52 ไปเที่ยวดินแดนน่านด้วยคนครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:01:24

ความคิดเห็นที่ 53  คุณผู้ก่อการร้าย - ขอบคุณที่ชมครับ หน้าบานทั้งแม่ทั้งลูก เลย  --------------------------------------------------------------------------- หลายคนอาจคิดว่าทำไม ผมชอบพาลูกสาวตัวเล็กๆ ไปเที่ยวโน่นนี่นั่น แต่ความจริง การให้ลูกไปเปิดหูเปิดตาก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งนะครับ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:02:56

ความคิดเห็นที่ 54 ตามไปเที่ยวน่านด้วยคน รู้สึกรูปสวยขึ้นมากๆ จากคุณ : ikhong เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:03:16

ความคิดเห็นที่ 55 Destiny-Boy - ตามมาเลยครับ เที่ยวสนุกมั๊ย  ก้องครับ - ขอบคุณครับ แต่รูป สีหลังคา เน่ามากๆ ------------------------------------------------------------------- บรรยากาศยามสายไของ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา กับการถ่ายด้วยเลนส์ 18-200 ครั้งแรกของผม 555  ช่วงนี้ดอกเสี้ยวกำลังบานสวยงามเต็มไปหมด  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:06:33

ความคิดเห็นที่ 56 กิจกรรมในวันนี้ เราจะได้ปลูกต้นไม้เพื่อรักษ์โลกกัน ครับ มาเที่ยวแล้วก็ต้องช่วยกันอนุรักษ์และรักษาด้วยนะครับ เด็กดอยกะจันทร์สม ไปแอ๊คท่ารอแล้ว จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:12:33

ความคิดเห็นที่ 57 ส่วนคู่นั้นก็กำลังช่วยกันอย่างขะมักเขม้น จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:15:05

ความคิดเห็นที่ 58 เสร็จแล้ว ก้อมาถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระทึก เอ้ยยยยย ระลึก จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:16:17

ความคิดเห็นที่ 59 รูปนี้มีผู้ร่วมทริปทุกคน วันนั้นครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:17:33

ความคิดเห็นที่ 60 ไม่เคยไปเที่ยวน่านเลยขอไปด้วยคนค่ะ น้องจันทร์สมน่ารักมากค่ะ จากคุณ : Tree Rose เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:18:28

ความคิดเห็นที่ 61 ตามไปด้วยครับ จากคุณ : Palm Jung Won เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:19:56

ความคิดเห็นที่ 62 มาแล้วววน้าตั้ม ขอตามไปน่านด้วยคน แหมม ให้ไปเป็นคู่ เลยไม่ได้สมัครขอร่วมทางด้วย อิอิ ปล. หน้าปกหนังสือสะกดผิดอะเป่าอะ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:22:49

ความคิดเห็นที่ 63  Tree Rose  - ขอบคุณครับ ตามมาเลยครับ  น้าเถียน - หวัดดีครับ ช่วงนี้ไม่เห็นรีวิวม่านรูแเอ้ยยรีวิวโรงแรมแปลกๆเลยครับ อิอิ น้ากาแฟ - เอ้ยยยจริงอะ ผิดตรงใหน ช่วงนี้ยิ่งเบลอๆ อยู่  ------------------------------------------------------------------------------- ก่อนจะออกเดินทางไปชมความงามหนึ่งเดียวในโลก(แต่มีหลายต้นนะครับตอนนี้) ของดอก ชมพูภูคา  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:32:06

ความคิดเห็นที่ 64 วันที่ไป ดอกอาจจะเริ่มโรยแล้ว แต่ความสวยยังคงมีให้เห็น ต้นที่ไปดู จะอยู่ใกล้กับศาลเจ้าหลวงภูคา ครับ ดอกเยอะมาก จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:33:09

ความคิดเห็นที่ 65 วันที่ไปมี พีธีบวงสรวง เจ้าหลวงภูคาพอดี คนเยอะมาก เลยแอบเก็บภาพซะหน่อย จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:33:58

ความคิดเห็นที่ 66 ออกจากดอยภูคา เราก็มุ่งหน้าสู่ อ.บ่อเกลือ โดยหวังว่าจะไปทานข้าวเที่ยงที่นั่น โดยเล็งที่บ่อเกลือ วิว ไว้ปรากฏว่าวันนั้นปิดปรับปรุง เพราะ มีการมาถ่ายหนัง จึงต้องเตรียมสถานที่ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:34:25

ความคิดเห็นที่ 67 เลยมาลงที่ร้านนี้ครับ เพราะ ที่บ่อเกลือนี่ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล หาของกินยากนิดนึงนะครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:34:47

ความคิดเห็นที่ 68 อำเภอบ่อเกลือ เป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดน่าน อยู่ห่างจาก อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ยี่สิบกว่าโล เป็นอำเภอที่ เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เพราะ ยังคงเป็นธรรมชาติ ดิบๆอยู่ ถูกใจนักท่องเที่ยวทั้งแบบอาชีพและสมัครเล่น  ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ปั๊มน้ำมันยังเป็นแบบหลอดมือหมุน ร้านเหล้าร้านเบียรืยังมีน้อย (จะบอกว่าไม่มีก็แอบเหลือบไปเห็น ลานเบียร์บ่อเกลืออยู่แว๊บๆ น่ากลัวแทนคนแถวนั้นจริงๆ) ร้านกาแฟสวยๆชิคๆ ยังไม่มี รีสอร์ทหรูๆ ไม่ต้องหา จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:35:13

ความคิดเห็นที่ 69 "เมืองน่ารักษ์" อะครับ อาจจะไม่ผิดก็ได้เนอะ ผมอาจจะตีความผิดเอง แฮ่... จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:36:04

ความคิดเห็นที่ 70 แต่การที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมที่เยอะๆ ก็เริ่มจะมีการ ปรุงแต่ง เติมสีสัน เพื่อให้ดูสวยงาม เหมาะแก่การมาเที่ยว ถ่ายภาพ แม้บางครั้ง มันออกจะเกินเลยธรรมชาติไปบ้างแต่อย่างน้อยก็ถือซะว่าเป็นสีสันก็แล้วกัน อย่าให้มันเสียเหมือนหลายๆที่ ที่ดังๆแล้วเละเทะ ก็แล้วกัน จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:36:48

ความคิดเห็นที่ 71 น้ากาแฟ - อ่อ น่ารักษ์ ตัวนี้มาจากคำว่า รักษา ครับ  ----------------------------------------------------------------------- เราได้ไปเยี่ยมชม การทำเกลือ สินเธาว์ ของดีของอำเภอบ่อเกลือ ซึ่งปัจจุบัน ลดน้อยลงไปมาก แล้ว เหลือแค่สองบ่อเท่านั้น  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:38:04

ความคิดเห็นที่ 72 การทำเกลือที่นี่ยังใช้วีธีโบราณแต่ดั้งเดิมอยู่ โดยการนำน้ำที่อยู่ในบ่อ มาพักไว้ในบ้าน แล้วก็นำมาต้มบนเตาดินเผา เพื่อให้น้ำเกิดการละเหิด แล้วเหลือเกลือไว้ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:39:07

ความคิดเห็นที่ 73 แล้วนำเกลือที่ได้มาพักไว้โดยใส่ตะกร้าแขวนไว้เพื่อให้เสด็จน้ำ  จึงนำไปบรรจุใส่ถุง ขายต่อไป หรือ นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่นเกลืออาบน้ำขัดผิว เกลือสปา ต่างๆ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:39:43

ความคิดเห็นที่ 74 หลังจากดูสาธิต และทดลองทำเกลือแล้ว ลุงเจ้าของก็ออกมาตักน้ำเกลือใส่บ่อพักในบ้านให้เต็มอีกครั้ง ตักอยู่ตั้งนานเห็นเหงื่อโทรม แต่ลุงแกก็ยังมีรอยยิ้ม ที่ได้พูดคุยและสาธิต การทำ เพื่ออนุรักษืไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู  ที่นี่ทำให้ผมได้เข้าใจวิถีชีวิตของชาวน่านมากขึ้นเยอะ ทั้งได้พูดคุยกับชาวบ้าน ได้เห็นการใช้ชีวิตและอาชีพของชาวบ่อเกลือ การเที่ยวแบบหัวใจใหม่ด้วยความเข้าใจแบบนี้สนุกและมีความประทับใจเยอะกว่าจริงๆครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:40:22

ความคิดเห็นที่ 75 ก่อนทีจะเข้าที่พัก เราแวะไปชมไร่สตรอเบอร์รี่ ของที่นี่สักหน่อย ครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:40:55

ความคิดเห็นที่ 76 รสชาติอาจจะไม่หวาน เท่าที่อื่น แต่ก็ถูกใจ จันทร์สมครับ กินเข้าไปทั้งลูกเลย 555 จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:41:27

ความคิดเห็นที่ 77 ที่พักสำหรับคืนที่สองของเรา ครับ ชื่อ อุ่นไอมาง ตั้งอยู่ริมน้ำมาง ที่ อ.บ่อเกลือ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:42:34

ความคิดเห็นที่ 78 จะเป็นแบบ เต้นท์ๆ แบบนี้ น่ารัก น่าพักดีเหมือนกัน ครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:43:40

ความคิดเห็นที่ 79 มีการตกแต่ง ด้วยโต๊ะเก้าอี้สีขาว กับวางดอกไม้ น่ารักๆ เก๋ๆ ดูชิลล์ๆ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:44:18

ความคิดเห็นที่ 80 นอกจากนั้นยังมี เต้นท์แบบธรรมดา และบ้านพัก ให้บริการอีกด้วย แต่เป็นแบบห้องน้ำรวมนะครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:45:01

ความคิดเห็นที่ 81 จันทร์สมได้เพื่อนเล่นที่นี่ ชื่อน้อง..ปานหยก..หน้าตาน่ารักพอกัน .เป็นลูกสาวของแม่บ้านที่ ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดต้องถ่ายเลือดอยู่บ่อยๆ น้องเขาบอกมาแบบนี้ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:47:31

ความคิดเห็นที่ 82 วันที่ไปเป็นช่วงน้ำแห้ง เลยทำให้ความสวยงามลดลง ไปไม่น้อย  หากอยากมาให้มีน้ำสวยๆ แนะนำว่า ควรจะมา ช่วงต้นหน้าหนาวครับ น้ำจะใส และสวยมาก ที่รู้เพราะว่าแม่น้ำมาง คล้ายๆ กับหลังบ้านผม ที่มีแม่น้ำงาว  555 จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:48:11

ความคิดเห็นที่ 83 แอร๊ยยยยยยยยยย คุณแม่คุณลูกน่ารักมากกกกกกกกก รูปสวย จันทร์สมตาใส เลิฟมากเลยค่ะ พี่ตั้มพาน้องเที่ยวบ่อย น้องต้องเป็นเด็กร่าเริงแน่แน่ ขอกอดจันทร์สมหน่อยจ้า เมืองน่านเป็นอีกเมืองที่น่าไป ยิ่งพักหลังๆเห็นแป๊ะตามท้ายรถ เป็นรูปแผนที่แล้วยิ่งน่าไป ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆนะคะ จากคุณ : My Lonely Planet เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:49:18

ความคิดเห็นที่ 84 เห็นน้ำใสไหลเย็นขนาดนี้เลยขอเอา สาวน้อยจันทร์สม ลงแช่น้ำกันซะหน่อย ถูกอกถูกใจไม่น้อย หลังจาก อุดอู้อยู่ในรถ มาทั้งวัน ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ใช่ไหมลูก จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:49:30

ความคิดเห็นที่ 85 My Lonely Planet - ขอบคุณครับ ไปฮิลตัน เป็นไงบ้างครับ  ------------------------------------------------------------------------ อากาศเย็มเริ่มลงอย่างมากหลังจากกลางวันร้อนจัดมาก ต้องเริ่มหนาเสื้อกันเหงา เอ้ยยเสื้อกันหนาว ไปด้วยนะครับ  จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:51:57

ความคิดเห็นที่ 86 บรรยากาศยามค่ำคืน เงียบสงบ มากมาย จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:52:36

ความคิดเห็นที่ 87 เราทานข้าวเย็นกันที่นี่ครับ บรรยากาศดีมากๆ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:53:31

ความคิดเห็นที่ 88 ก่อนจะมานั่งพักผ่อน เก็บบรรยากาศกันอีกที จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:54:06

ความคิดเห็นที่ 89 ดึกมาหน่อย เราก่อไฟ ล้อมวง เล่นอูคูเลเล่ ร้องเพลง และ เอามันกับเผือกที่ซื้อมา มาเผากินกันแบบร้อนๆ หากไม่ได้ซื้อมา ทางรีสอร์ทอุ่นไอมาง มีเตรียมไว้ไห้ เช่นกัน  การท่องเที่ยวแบบนี้ช่วยให้เราผูกพันกันมากขึ้น ไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน หรือครอบครัว ทุกคนก็สนุกสนานกันได้ เป็นคืนที่ทุกคนประทับใจจริงๆครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:54:39

ความคิดเห็นที่ 90 ตื่นเช้ามา อากาศค่อนข้างเย็นครับ มีหมอกบางๆ ถ้ามาหน้าหนาวคงสวยกว่านี้หลายเท่านัก จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 23:55:30