ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก http://www.breathecampaign.net/th/ สถานการณ์ปัจจุบัน ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง นี่คือเวลาที่จำเป็นต้องเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการเผาที่เกิดขึ้น ทั้งต่อคนที่เผา และต่อคนที่เพิกเฉยกับปัญหาหมอกควันในภาคเหนือนี้ ซึ่งมาจากการเผาในหลายรูปแบบ เช่น การเผาในพื้นที่ป่า การเผาในพื้นที่เกษตรทั้งเพื่อการเตรียมพื้นที่และการเผาเศษเหลืออันเกิดจากการทำเกษตรเช่นซังข้าว เปลือกถั่ว การเผาใบไม้ทั้งบริเวณข้างถนนหรือในพื้นที่ส่วนบุคคล เช่นในเขตครัวเรือน การเผาพลาสติก ยาง และขยะอันเกิดในครัวเรือน ผู้คนในพื้นที่ เผาไปทำไม? เป็นคำถามที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด ซึ่งคำตอบที่ได้รับมักมาจากสองสาเหตุคือ การขาดการศึกษา หรือ ความขี้เกียจ หรือทั้งคู่ เพื่อขยายพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อกำจัดเศษเหลืออันเกิดจากการทำเกษตร เพื่อกำจัดใบไม้ และขยะในเขตที่อยู่อาศัย เผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่ในการตัดไม้ การเผาพื้นที่ป่าเพื่อเพิ่มปริมาณเห็ดนางและเห็ดเผาะซึ่งเป็นเห็ดที่มีราคาแพง เราจะเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างไร? พวกเราจำเป็นที่จะต้องพูด ไม่ใช่เพียงแค่พูดด้วยเสียงเพียงเสียงเดียวหรือสองเสียง แต่ควรเป็นเสียงจากคนในประเทศที่จะมีมากพอในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสามารถส่งสารไปยังคนอื่นๆ ในโลก สารนี้ได้เริ่มส่งจากคนในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยปัญหามลภาวะจากหมอกควัน ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภาคเหนือของประเทศไทย ที่ซึ่งระดับฝุ่นละอองในอากาศสูงกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาก์ศเมตร (ค่าที่ปลอดภัยคือ ไม่เกิน 120  ไมโครกรัมต่อลูกบาก์ศเมตร – รายละเอียดสถานการณ์ ดูที่ เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ )  แต่ถึงทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยหมอกควัน ผู้คนต่างก็ยังไม่หยุดเผา พวกเราต้องการปฏิบัติการบางอย่างเพื่อหยุดการเผา เราต้องการนโยบายและปฏิบัติการในการหยุดการเผา ทั้งในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม การเผาในเขตพื้นที่บ้าน ทั้งใบไม้หรือขยะทั่วไป เพราะปัจจุบัน แม้การกระทำหลายอย่าง จะชัดเจนว่าผิดกฏหมาย แต่เมื่อไม่มีการบังคับใช้ ไม่มีการลงโทษ และไม่มีนโยบายที่จะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ปัญหาก็ยังลุกลามต่อไป ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้หยุดเผา ร่วมสนับสนุนพวกเรา โดยบอกทุกคนที่คุณรู้จักเกี่ยวกับสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือ รวมถึงเว็บไซต์นี้ เพื่อที่จะช่วยกระจายข้อความของเราและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อความนี้จะถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบปัญหา ปัญหานี้ไม่ควรจะถูกเพิกเฉยและมองข้ามอีกต่อไป จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:36:29

ความคิดเห็นที่ 2 อันตรายจากการเผา   ผลผกระทบต่อสุขภาพอันเนื่องมาจากการเผาขยะและพลาสติกในเขตที่อยู่อาศัย สารไดออกซินที่แพร่ออกมาจากการเผาไหม้พลาสติก อันตรายที่สุดของการแร่กระจายของสารเคมีจากกระบวนการเผาไหม้คือ การเผาพลาสติกจำพวก พีวีซี ซึ่งในขณะที่เกิดการเผาไหม้จะก่อให้เกิดสารไดออกซินซึ่งเป็นสารประกอบทางเคมีที่อันตรายที่สุดและสามารถระบบต่างๆในร่างกายอีกทั้งยังสามารถสะสมในไขมันในร่างกายและสามารถส่งต่อจากแม่ถึงลูกในครรภ์ได้ผ่านทางสายรก นอกจากนี้สารไดออกซินยังสามารถสะสมอยู่ในผลิตผลการเกษตรและแหล่งน้ำซึ่งสุดท้ายแล้วจะสามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ การเผาพลาสติกและขยะ จากผลสำรวจพบว่าการเผาขยะในเขตที่อยู่อาศัยสามารถพบได้ไปในเขตพื้นที่ชนบททั่วโลก ขยะจะถูกนำไปเผาในพื้นที่นอกบ้านเช่นในสวน หรือในบ้านเช่นในเตาเผา เตาอบ ขยะที่เผาประกอบไปด้วยกระดาษ กระดาน บรรจุภัณฑ์อาหาร และพลาสติก วัตถุเหล่านี้สามารถที่จะนำมาใช้ใหม่หรือนำเข้าสู่กระบวนการแปรรูปขยะ แต่หากเมื่อนำขยะเหล่านี้ไปเผา มลภาวะอันเกิดจากการเผาจะลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศรอบบ้านโดยไม่มีการกรอง มลภาวะอันเกิดจากการเผาพลาสติกจะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างไร คนส่วนใหญ่ที่เผาพลาสติกมักไม่เข้าใจถึงอันตรายที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จากการวิจัยที่ผ่านมาพบว่ามลพิษอันเกิดจากการเผาขยะในพื้นที่บ้านส่งผลอย่างมหาศาลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ระบบทางดินหายใจ เช่นโรคหืด หอบ โรคภูมิแพ้ ปวดหัว ทำลายระบบประสาท ไต และปอด นอกจากนี้การเผาสารจำพกวกโพลีสโตรีน โพลีเมอร์ เช่นบรรจุภัณฑ์จากโฟม กล่องบรรจุเนื้อสัตว์ ลังไข่ ขวดนม โยเกิร์ต สารสไตรีนที่ได้จะสามารถผ่านเข้าสู่ผิวหนังและปอด ในปริมาณที่สูงสารเหล่านี้สามารถทำลายตา และระบบประสาทอันส่งผลต่อการเกิดการปวดหัว หดหู่ เหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย ซึ่งผลอันเกิดจากการเผาไม่ส่งผลต่อเพียงผู้เผาเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อเด็ก คนในครอบครัว และเพื่อนบ้าน มลภาวะอันเกิดจากการเผาพลาสติกจะสามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร มลภาวะอันเกิดจากการเผาไหม้สามารถฟุ้งกระจายเข้าสู่อากาศได้ทั้งในระยะใกล้หรือไกลออกไปเป็นวงกว้าง และสามารถสะสมอยู่ในดินและน้ำ เช่นสารอันเกิดจากการเผาไหม้พีวีซี สารไดออกซิน ซึ่งสามารถสะสมอยู่ได้ในระยะเวลาที่ยาวนาน เข้าสู่ระบบห่วงโซ่อาหาร ซึ่งสามารถส่งผลต่อการเกิดโรคของทั้งคนและสัตว์ เช่นการทำลายระบบประสาท และเป็นเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง ทั้งในคนและสัตว์ ซึ่งสำหรับในคนสามารถรับสารตกค้างเหล่านี้ได้ผ่านการบริโภคปลา เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม ข้อมูลจาก WECF Women in Europe for a Common Future Blumenstrasse 28 D-80311 Munich, Germany wecf@wecf.org www.wecf.org จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:38:30

ความคิดเห็นที่ 3 จดหมายร้องเรียน เรียน ท่านผู้เกี่ยวข้อง เรื่อง ปัญหาหมอกควัน วันที่  1 มีนาคม 2555 สืบเนื่องจากปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือของประเทศและส่งผลกระทบในหลายด้านแต่ที่เห็นเด่นชัด ที่สุดคือปัญหาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยพบว่าจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มีปัญหาหมอกควันปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือ แม้ว่าปัญหาหมอกควันพิษอันเกิดจากไฟป่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปีและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในแต่ละปี แต่กลับไม่ได้รับความสนใจในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง มีเพียงการแก้ปัญหาอันเกิดขึ้นแล้วเช่นการจัดตั้งหน่วยดับไฟป่า หรือการประกาศพื้นที่เฝ้าระวังไฟป่า ทั้งการพยายามจัดระดับความรุนแรงของไฟป่าและสุดท้ายกลายเป็นประเด็นถกเถียงในเรื่องงบประมาณการดับไฟป่า ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลที่กล่าวมาแล้วนั้นกลับถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้นเมื่อเข้าฤดูฝน และกลับมาแก้ปัญหาอีกครั้งในปีต่อไปเมื่อเกิดภาวะหมอกควันปกคลุมในระดับอันตราย จะเห็นได้ว่าการแก้ปัญหาที่ได้กระทำมาก่อนหน้าในแต่ละปีเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งที่ทัศนคติและพฤติกรรมเกี่ยวกับการ “เผา” ยังคงเดิม ทั้งการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมเช่นการเผาซังข้างในท้องนา หรือที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือการเผากองเปลือกถั่วเหลืองที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว การเผาขยะในพื้นที่โล่งแจ้งซึ่งขยะในที่นี้หมายรวมถึงเศษใบไม้ ไม้ และขยะอันตรายเช่นพลาสติกหรือเคมีภัณฑ์ซึ่งก่อให้เกิดสารพิษในอากาศอันส่งผลให้เกิดมะเร็งและปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ 1 การเผาในลักษณะนี้พบเห็นได้ทั่วไปทั้งในพื้นที่บ้าน พื้นที่สาธารณะเช่นในวัด ค่ายทหาร หรือแม้แต่บริเวณข้างถนน ทั้งในเขตเมืองและเขตป่า และในหลายกรณีพบว่าการเผาในพื้นที่ป่าหาใช่เกิดเพราะความเลินเล่อหรือประมาทแต่เกิดโดยความตั้งใจของคนบางกลุ่มเช่นการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ในการตัดและขนไม้จากป่า เผาเพื่ออ้างเหตุในการขยายที่ทำกินและเผาเพราะความเชื่อที่ว่าจะทำให้มีปริมาณของเห็ดที่มีราคาสูงเช่นเห็ดนางและเห็ดเผาะมีปริมาณมากขึ้นในฤดูฝน จะเห็นได้ว่าสาเหตุในการก่อให้เกิดการ”เผา”อันส่งผลต่อการเกิดมลภาวะเป็นพิษที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ล้วนมีสาเหตุมาจากทัศนคติที่มีต่อการจุดไฟ “เผา” ทั้งสิ้น ดังนั้นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับหมอกควันในฤดูแล้งจึงควรแก้ที่การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนในพื้นที่ที่มีต่อการ “เผา” ที่ไม่ใช่เพียงการตั้งป้ายรณรงค์หยุดเผาป่า ไว้ข้างถนน ในเขตป่า แต่ควรเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนถึงผลกระทบอันเกิดจากการเผา ทั้งต่อสภาพแวดล้อม ต่อทัศนวิสัย หรือแม้แต่ต่อสุขภาพของพวกเขาเหล่านั้นเอง ซึ่งพบว่ายังไม่มีหน่วยงานใด ดำเนินการในลักษณะนี้อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เหล่านี้จึงน่าจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ยั่งยืน และสามารถลดปริมาณการเผาที่ไม่ใช่เพียงในพื้นที่ป่าแต่ยังรวมถึงพฤติกรรมการ “เผา” ในชีวิตประจำวัน จากระดับชุมชนถึงระดับครัวเรือน ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าวิธีการแก้ปัญหาดังได้กล่าวมานี้ มีการคิดและพยายามปฏิบัติใช้โดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว หากถึงปัจจุบันกลับไม่สามารถทำให้ปัญหาลดลงแต่กลับทวีความรุนแรงขึ้น นั่นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาด้วยการปฏิบัติเดิมๆจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายใต้การออกกฏหรือเงื่อนไขข้อบังคับที่มีความชัดเจน จริงจัง และปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง? จริงอยู่ที่ปัญหาหมอกควันอาจจะเป็นเพียงปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วเวลาไม่นานในแต่ละปี แต่ปัญหาที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้นั้น(ทั้งที่ความจริงแล้วเกิดจากมนุษย์และควบคุมได้) ส่งผลกระทบต่อทั้งประชาชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ หมายรวมถึงตัวข้าพเจ้าและท่าน ในด้านสุขภาพ ในระดับจังหวัดย่อมสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ที่เกี่ยวข้องในการลดปัญหานี้ หรือในระดับประเทศที่ส่งผลอย่างยิ่งในด้านภาพลักษณ์เมื่อหลายประเทศนำเสนอภาพหมอกควันปกคลุมของภาคเหนือของประเทศไทยอันเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 2 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเตือนถึงอันตรายในการเข้าพักในพื้นที่ และในระดับโลกนั้นแม้ว่าหมอกควันจากการเผาไหม้ในช่วงเวลาไม่นานจะไม่สามารถก่อให้เกิดช่องโหว่ในชั้นบรรยากาศได้ แต่พฤติกรรมการ”เผา” ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงย่อมก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาวซึ่งอาจไม่สามารถแก้ไขด้วยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีกต่อไป ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ “เผา” จึงควรได้รับความสนใจและดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่นกันกับปัญหาหมอกควันที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนของผู้ที่ประสบปัญหาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจดหมายฉบับนี้จะไม่ถูกละเลย และส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยน ปรับปรุง ยุทธวิธีในการจัดการปัญหาอันจะเป็นการแก้ไขจากต้นตอคือเรื่องระบบคิดหาใช่เพียงการแก้ไขภายหลังจากมีการ ”เผา”หรือ “ไฟ” ถูกจุดขึ้นแล้ว และจะเป็นการจัดการปัญหาที่ต่อเนื่องเช่นเดียวกับการดำเนินการของกลุ่มของข้าพเจ้าในการรณรงค์ในการลดปัญหานี้ผ่านทางเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ จดหมายฉบับจึงเป็นเสมือนการร้องเรียนปัญหา ขอความร่วมมือ และส่งต่อความความคาดหวังต่อรัฐในการแก้ไขปัญหา โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยความเคารพอย่างสูง ตัวแทนผู้ประสบปัญหา สำเนาถึง: ผู้ว่าราชการจังหวัด แม่ฮ่องสอน ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ลำปาง ผู้ว่าราชการจังหวัด แพร่ ผู้ว่าราชการจังหวัด น่าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ลำพูน ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงราย ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงราย ผู้ว่าราชการจังหวัด ตาก ผู้ว่าราชการจังหวัด พะเยา นายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สถานีโทรทัศน์ ThaiPBS หมายเหตุ   ขออนุญาตตัดวรรคตอนเพื่อให้อ่านง่ายขึ้นค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:55:28

ความคิดเห็นที่ 4 รูปนี้ของเพื่อนเราเองค่ะ   ปกติจุดนี้จะเห็น อ.แม่แจ่ม ชัดเจน แต่รออยู่นาน...ไม่ดีขึ้นเลย คือปกติถ้าเป็นเมฆหมอก  จะพัดไปพัดมา   แต่นี่นิ่งอยู่แบบนี้เลยค่ะ นี่ขนาดบนดอยอินทนนท์นะคะ   ยังแน่นขนาดนี้ ปล.  แต่ได้เห็นกวางผา  2  ตัว  ....สุดยอดมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:58:33

ความคิดเห็นที่ 5 ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้ออกมาตรการเพื่อการหยุดเผา หลังจากนี้หนึ่งเดือน เราจะส่ง จดหมายร้องเรียน พร้อมทั้งรายชื่อทั้งหมดที่มีการลงนามไว้ในหน้านี้ ให้กับนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง ยิ่งมีคนร่วมลงชื่อกันมาก เสียงของเราก็จะยิ่งมีพลัง หมายเหตุ: เราจะไม่เปิดเผยอีเมลของคุณให้กับคนอื่น อีเมลเหล่านี้มีเพื่อแจ้งความคืบหน้าของโครงการนี้เท่านั้น จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:05:34

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัวแฟนมา อาทิตย์ที่แล้ว เดินถนนคนเดิน มีการรณรงค์เรื่องพวกนี้ ได้ยินพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นพูดว่า "คนในเมืองเขาไม่ไปเผากันหรอก..." ญาติแฟนที่อยู่เชียงใหม่บอกว่า มีเผาอยู่สองแบบ -แบบแรกเผาพื้นที่การเกษตร ตามไร่ -แบบที่สองคือเผาบนเขา เขาบอกว่าถ้าเผาแล้วจะเกิดเห็ดอะไรสักอย่าง ซื้งขายได้ราคาสูงมาก ไปเที่ยวมา สองวัน รู้สึกแสบตา แสบจมูกพอสมควร จากคุณ : Mr.pokpak เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:24:03

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่เลยค่ะ.... เค้าเชื่อว่าการเผาจะทำให้มีปริมาณของเห็ดที่มีราคาสูงเช่นเห็ดนางและเห็ดเผาะมีปริมาณมากขึ้นในฤดูฝน เลยเผาเตรียมรับฝน เดี๋ยววันที่ 1 นี้ไปคงแสบจมูกแสบตาเหมือนกัน แต่เราไปแค่ไม่กี่วัน   เพื่อนที่อยู่เชียงใหม่บอกว่า  คนแก่กับเด็ก ๆ ไม่สบายเป็นแถว แขกที่โีรงแรมก็ยกเลิกกันไปเยอะสำหรับกรุ๊ปท่องเที่ยว จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:37:49

ความคิดเห็นที่ 8 สนับสนุน การไม่เผา ด้วยค่ะ เดี๋ยวจะเลยไป สนับสนุน การไม่กินเห็ดถอบหรือเห็ดที่ว่า นั่นด้วยเหมือนกันนะคะ อร่อยลิ้นเพียงไม่กี่คน  แต่แสบตา แสบจมูก กันเป็น ร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น นี่ไม่ดีเลย จากคุณ : DangCola เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:39:47

ความคิดเห็นที่ 9 ชาวบ้านแถวบ้านยังมีการกวาดใบไม้ แล้วเผากันอยู่ค่ะ มีครั้งหนึ่ง ผ่านข้างวัด มีการเผาขยะ เราก็อุทานว่า เผาทำไม มองไปเห็นพระท่านเผา (ด่าพระบาปเลย) แต่อย่างไงอยากให้อบต. กำนัน ท้องถิ่น ออกมาประกาศเตือน ชาวบ้านจัง ออกมาห้ามเลยว่าไม่ให้เผา เพราะเห็นกวาดใบไม้ ชาวบ้านก็ยังเผาอยู่ดี จากคุณ : สโคลลี่ (สโคลลี่) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:41:51

ความคิดเห็นที่ 10 เราต้องไม่ซื้อผักหวานป่า และเห็ดเผาะกินครับ    ถ้าไม่ซื้อกิน  แม่ค้าก็จะไม่ซื้อมาขาย...ทีนี้พวกเก็บมาขายก็ "กิน" กันเอง จากคุณ : ฮิมดอย เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:42:01

ความคิดเห็นที่ 11 ....................................................... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:47:43

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องของเรื่องคือ ... คนเผาไม่ได้เปิดเว็บ ไม่ได้อ่านพันทิป และไม่ได้เดินถนนคนเดินครับ เผากันจัง คนก็ด่ากันทั้งเมือง ทำอะไรไม่ได้ ธุรกิจท่องเที่ยวกระทบพอสมควรเลยนะครับ วันก่อนแว๊บไปคุ้มขันโตก แขก drop ไปเยอะจนน่าใจหาย ทั้งๆ ที่ช่วงก่อนหมอกควันแขกเต็มแขกล้นแทบทุกวัน ปล. ตอนนี้เลิกกินเห็ดถอบเห็ดเผาะไปเลย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:32:56

ความคิดเห็นที่ 13 เนื้อหาในจดหมายก็พูดกันมากี่ปีแล้วเนี่ย  ... " ถ้าจะไม่ให้ชาวบ้านเผา   ต้องแนะนำเค้าด้วยว่าให้เขาทำอย่างไร " ถามชาวบ้านผลกระทบจากการเผาน่ะ  เขารู้ทั้งนั้นแหละ   แต่เราๆ หรือท่านทั้งหลายไปบอกเค้าอย่าเผานะ  ห้ามเผา    บอกชาวบ้านมั๊ยให้ทำอยากไร  ชาวบ้านอยากเก็บเห็ดเผาะที่เกิด  มีวิธีอื่นมั๊ยนอกจากเผา        ชาวบ้านเผาเพื่อเปิดพื้นที่ทำเกษตร  มีใครสอนเค้ามั๊ย  ควรทำวิธีไหน  ไม่งั้นก็ทนดมควันไปแล้วกัน  จากคุณ : โรแบโต้ง เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:41:40

ความคิดเห็นที่ 14 อาทิตย์ที่แล้ว ไปพิจิตรมาครับ เจอชาวบ้านเผาไร่เผานา ควันขโมงเลย เห็นด้วยกับน้าโรแบโต้งนะครับว่าควรบอกชาวบ้านด้วยว่าถ้าไม่เผาจะต้องทำอย่างไร เพราะแค่จุดไฟเผา มันง่ายมาก ๆ   จริงอยู่ว่าการเผามันเป็นการกำจัดเศษฟางข้าวในนาได้ง่ายกว่าวิธีอื่น  และมีผลพลอยได้เป็นเห็ดแถมมาอีก (ตามที่น้า ๆ ข้างบนบอก) แต่การเผาก็ทำให้หน้าดินสุกและแข็ง เวลาจะเริ่มทำการเกษตรอีกรอบก็ต้องไถกลบหน้าดินใหม่อีกครั้ง หากคิดอีกมุม ถ้าเปลี่ยนเป็นไถตั้งแต่เก็บเกี่ยวเสร็จ เอาเศษฟางกลับลงไปในดิน กลายเป็นปุ๋ยให้ดินได้อีก (หรือเปล่า) พูดแต่ปากมันง่ายครับ  เพราะผมก็ไม่ใช่คนที่ทำไร่ทำนา แค่คนปลูกต้นไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ เอาเศษใบไม้รองใต้กระถาง ใต้หลุมปลูก ต้นไม้ก็งอกงามดีไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไรมากมาย  เรื่องนี้ต้องอาศัยคนที่ทำแล้วได้ผลออกมาช่วยพูดช่วยให้คำชี้แนะ ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้ควรให้เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอน่าจะมีบทบาทมากกว่าสาธารณสุขจังหวัด แต่วิธีที่ง่าย (แต่ทำยาก) น่าจะเป็นการเอาพัดลมตัวใหญ่ ๆ(ยักษ์)  เปิดพัดควันไฟให้ลอยกลับไปบ้านคนจุด ให้ดมกันจนสลบไปเลยน่าจะดี จะได้รู้ซึ้งถึงผลกระทบของการจุดไฟ จากคุณ : ยุง บิน ชุม เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 16:30:23

ความคิดเห็นที่ 15 ไปลงชื่อมาแล้วจ้า จากคุณ : ก๋อยศรี เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 16:33:21

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 17:13:00

ความคิดเห็นที่ 17 ก่อนอื่น ออกเทศบัญญัติ หรือเป็นกฎกระทรวง ห้ามการเผาในช่วงหน้าแล้ง เดือนกุมภา-เมษา โดยอาจประกาศเป็นรายพื้นที่ที่ห้ามการเผา เป็นตำบล อำเภอ หรือทั้งจังหวัด ใครจะเผาอะไรในพื้นที่นั้น ต้องขออนุญาตเทศบาล หรือ อบต. ก่อน อาจจะอนุโลมให้เผากระดาษเงินกระดาษทอง ในเทศกาลตรุษจีน หรือเช็งเม้ง แต่อนุญาตให้เฉพาะในพื้นที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น ใครฝ่าฝืนมีทั้งโทษจำและปรับ และเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือกระทรวงเกษตร ซื้อเครื่องบินแบบที่ดูดน้ำเข้าไปไว้ใต้ท้องเครื่องได้ (แบบที่ต่างประเทศเค้าใช้ดับไฟป่ากัน) เอามาบินโปรยน้ำเหนือจุดที่มีโอกาสเกิดการเผาป่า เผาขยะ เผาฟางข้าว ให้มันเปียกๆ จนเผาไม่ได้ไปเลย ส่วนทางภาคพื้นดินก็เตรียมรถดับเพลิง เรือดับเพลิง จุดไหนมีการเผา เอาน้ำเข้าไปดับทันที โดยออกเป็น กม. รองรับ ไม่จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของพื้นที่ ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่กล่าวถึงไปแล้ว ใครขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีโทษจำคุก แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 17:24:49 จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 17:23:54

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ให้เผาแล้วจะทำอย่างไร นั่นแหล่ะโจทย์ที่ต้องหาคำตอบให้เขาให้ได้ เผาอืนๆไม่รู้ แต่เผาไร่เผานาเพื่อลงปลูกพืชครั้งใหม่นี่ เคยเห็นนักข่าวไปสัมภาษณ์ ลุงแก่ๆก็บอกว่าค้าจ้างรถไถ มาไถกลบหน่ะ ไร่นึงๆแพง แกไม่มีเงินจ้าง พอดูข่าวนี้แล้วเกิดคำถามในใจว่า ทำใมกระทรวงเกษตรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่จัดหารถไถไปสนับสนุนวะ จัดไปเลยหนึ่งตำบลหนึ่งรถไถ(หลวง) ใครจะไถให้มาลงชื่อตามคิว อาจจะช่วยจ่าย เฉพาะค่าน้ำมัน ซึ่งก็คงไม่แพงเท่าไร ส่วนคนขับก็เจ้าหน้าที่รัฐนี่แหล่ะ จัดไปสิ จากคุณ : varada เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 19:50:19

ความคิดเห็นที่ 19  พี่ DangCola ...  เป็นการได้ไม่คุ้มเสียจริง ๆ ค่ะ  แต่อย่างที่คุณโรแบโต้งว่าอ่ะค่ะ  จะทำอย่างไรที่จะได้เก็บเห็ดเผาะโดยไม่ต้องเผา  คุณสโคลลี่ ...  การเผาแบบประจำวันก็เป็นอีกสาเหคุนึงค่ะ  ตอนนี้ก็เริ่มมีความพยายามในการแก้ไขกัน จากเฟสของ Breathe Campaign ค่ะ อาจจะมีคำถามว่าแล้วใครจะมาเก็บใบไม้ตั้งมากมาย  ก็คงช่วย ๆ กันต่อยอดค่ะ อย่างน้อยก็เริ่มกันแล้ว v v แค่เริ่มลงมือ ภาพนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวของการแก้ปัญหาการเผาใบไหม้บริเวณสองข้างทางระหว่างปายไปแม่ฮ่องสอน กระบะไม้ไผ่ง่ายๆที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บรวบรวมใบไม้ ต้นทุนต่ำ และง่ายมาก เพียงแค่นำใบไม้ที่กวาดกองไว้มาใส่และรอให้มันย่อยสลายไปเอง แค่นี้ก็ไม่ต้องเผาให้เกิดควันพิษอีกต่อไป ไอเดียง่ายๆ สามารถลดขนาดนำไปใช้ในเขตบ้าน สวน ไร่ ได้สบายๆเลยค่ะ :) แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 21:46:06 จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:44:50

ความคิดเห็นที่ 20 ผักหวาน มันอร่อยยจริงๆนะ จากคุณ : นางมารร้ายใส่Lacroix เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:48:22

ความคิดเห็นที่ 21 เดี๋ยวเข้าไปร่วมลงชื่อครับ.... และขออนุญาตลงรูปวิว กว๊านพะเยา  ถ่ายเมื่อเดือนกพ. เพื่อให้เห็นภาพกันชัดๆ.... สถานการณ์แย่มากเลยครับ.... กับภาพนี้....พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา.... เห็นภูเขากันมั๊ยครับ.... .. . จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:57:46

ความคิดเห็นที่ 22 ปกติ ควรเป็นแบบนี้.... .. . จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:59:07

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่ออาทิตย์ก่อน  ขับรถผ่านแถววังเหนือ จ.ลำปาง ประมาณ 2 ทุ่ม .... เจอไฟป่าอยู่ริมทางซึ่งอยู่บนเขาสูง....ผมยังคิดอยู่ว่า จะโทรแจ้งใคร.... ตอนนั้นไม่รู้เลยครับว่าจะแจ้งที่ไหนดี.... จนผ่านไป 2-3 วัน  ถึงเห็นป้าย ติดบนรถกะบะ ของราชการวิ่งอยู่ในเมืองว่าถ้าเจอไฟป่า ให้โทรแจ้ง 191 .... ผมว่ายังมีหลายคน คงไม่ทราบนะครับ....น่าจะทำป้ายปักไว้ริมถนนระหว่างจังหวัด เป็นระยะๆ....เผื่อเจอ  และเข้าสู่เขตที่มีสัญญาณโทรศัพท์จะได้ช่วยกันโทร.แจ้งได้.... จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 22:08:24

ความคิดเห็นที่ 24 วันนี้ที่ถนนเส้นวังน้อย-ธัญบุรี มีการเผานาข้าวเป็นไร่ๆ ควันโขมงเต็มท้องฟ้าไปหมดครับ จากคุณ : Max_IamNikon เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 22:36:45

ความคิดเห็นที่ 25 เอาตามความเป็นจริงนะครับ.......... จะมีสักกี่คนที่ยอมเปลืองค่าน้ำมัน คราดซังข้าว ใบไม้ ใบหญ้า มาทำปุ๋ย ที่ดินของแต่ละคนมีตั้งกี่สิบกี่ร้อยไร่ แถมมันไม่ใช่แค่พื้นราบอย่างเดียว บนดอยก็เผากันเป็นว่าเล่น ทั้งหาของป่า เตรียมพื้นที่ปลูกข้าวโพด ปลูกยาง ฯ เวลานี้มันก็เลยแดงเถือกกันไปทั้งดอย...... พวกชาวบ้าน ชาวเขา ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเวลาเผามันทำให้เกิดควัน มันไม่ดีต่อสุขภาพ พวกเค้ารู้ดีครับ แต่เค้าต้องเลือกวิธีที่ง่าย สะดวก และราคาถูกไว้ก่อน ลองนึกถึงตัวเรานะครับ....มีที่ดินบนดอย (เอาแค่ 10 ไร่ก็พอ) มีวัชพืช กอข้าวโพดขึ้นเต็มไปหมด ท่านมีเวลาเพียง 1 เดือนก่อนเพาะปลูก เอารถไถเข้าก็ไม่ได้เพราะเป็นดอย ถามว่าท่านจะใช้วิธีไหน.... สังเกตุมั้ยครับว่าทำไมปีนี้ควันไฟมันหนักหนาสาหัสกว่าปีก่อนๆ...ที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะทั้งฝั่งลาวฝั่งพม่าเค้าก็เผา จะโทษเค้าก็ไม่ได้ ใครไปลาวคงทราบดี ว่าตอนนี้บริษัททางการเกษตรยักษ์ใหญ่ของไทยหลายรายได้เข้าไปส่งเสริมให้ เกษตรกรเค้าปลูกยางพารา ปลูกข้าวโพด เพื่อนบ้านเราก็เลยช่วยกันถางป่า ปลูกกันถ้วนหน้า...... บ้านเรามี จนท ควบคุมไฟป่ากี่คน จุดที่เกิดไฟป่ามีกี่จุด แต่ล่ะจุดต้องใช้เวลาดับนานขนาดไหน มันไม่มีทางทำได้เลย ดับจุดนี้ได้ พี่ท่านก็จุดเล่นอีก....จนท เข้าไปดับเช้า พี่ท่านจุดกลางคืน แล้วใครมันจะเข้าไปดับได้....ลำพังแค่ลากสังขารไปที่ จุดเกิดเหตุตอนมีแสงสว่างยังแทบไม่รอด...... มันไม่ใช่การที่ต้องมาสอนว่าสิ่งนี้ไม่ดีห้ามทำนะ เค้าไม่สนใจหรอกครับ เพราะความอยู่รอดของพวกเค้าต้องมาก่อน อธิบายง่ายๆ ก็คือ มันเหมือนกับว่าอยู่ๆ คุณไปบอกว่าอันนี้ไม่ดี ห้ามทำ แต่คุณไม่ได้ บอกว่าถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเค้าจะต้องทำยังไงต่อ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ การหาแนวทางที่ทำให้พวกเค้าประกอบอาชีพเดิมได้โดยไม่ต้องเผาต่างหาก ปล.ผมไม่ได้ทำให้เสียกำลังใจนะครับ ผมเชียร์เต็มที่ แต่ต้องหาทางออกให้เค้าด้วย แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 23:26:42 จากคุณ : lermylene (lermylene) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:20:04

ความคิดเห็นที่ 26 พี่อิ๋มครับ ยังไงผมตามไปลงชื่อก่อน แต่อย่างหลายๆ ท่านว่ามาแหละครับ ว่าต้องแนะทางออกให้ด้วย เผลอๆ อาจจะต้องไปป้อนเข้าปากเลยด้วย เช่น ไปขุดหลุมให้ฝังกลบกันเลยทีเดียว จะทำจริงๆ ต้องทำครบวงจรเลย - แยกกลุ่มการเผา เช่นเผาในครัวเรือน เผาป่า เพื่อแยกการจัดการ - ให้ความรู้ ให้ตระหนัก ให้วิตกจริตกันไปเลย - ให้คำปรึกษา หาทางออก - ให้วิธีทำ - ให้เครื่องมือช่วยบางชนิด เช่น แจก EM เพื่อไปเร่งการหมัก - ติดตามผล - บังคับใช้กฎหมาย จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:21:21

ความคิดเห็นที่ 27  คุณฮิมดอย...  อยู่แพร่ใช่มั๊ยคะ  ที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้เห็ดเผาะราคาดีจริง ๆ   เมื่อก่อนซื้อที่ตลาดรถไฟจตุจักรถุงใหญ่ ๆ 30 บาท  คุณหมอยุ่ง ...  เพื่อนก็บอกว่าเหงากันมากค่ะ  ทัวร์ยกเลิกเปนแถว แถมสมาชิกในบ้านหาหมอกันเป็นว่าเล่น   เดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลกันทั้งบ้าน ออกไปวิ่งก็ไม่ไหว  ...จมูกดำกลับมาเลย  คุณโรแบโต้ง...  เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ   สิ่งที่จำเป็นคือ  จะให้ชาวบ้านทำอย่างไร อย่างกรณีเห็ดเผาะ  เมื่อราคามันขึ้นมาดีขนาดนี้   งานวิจัยเกี่ยวกับเห็ดเผาะก็ทำกันมาหลายปีแล้ว  .....ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีการนำมาใช้งานหรือพัฒนาต่อแค่ไหน อย่างที่เรารู้ ๆ กันดีว่า  งานวิจัยหลายชิ้นที่ดี ๆ ถูกเก็บอยู่ตามห้องสมุด เมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยน...  การพัฒนาการเพาะเลี้ยงเห็ดเผาะอาจจะจริงจังมากขึ้นก็ได้นะคะ  ..หวังไว้ ชาวบ้านจะได้มีวิธีที่ดีกว่าการเผาป่า   เพราะเราก็คิดว่าชาวบ้านเองเค้าก็ไม่ได้อยากจะเผา เค้าก็ต้องอยู่ท่ามกลางฝุ่นควันที่อาจจะหนาแน่นกว่าคนที่อยู่ห่างออกมาก็ได้ 1 ในงานวิจัยจาก ม.อุบลราชธานี   ที่มีการอ้างถึงงานวิจัยก่อนหน้านี้มาด้วย แต่เท่าที่มีข้อมูลยังไม่มีใครสามารถเพาะเห็ดชนิดนี้ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 00:12:25 จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:22:36

ความคิดเห็นที่ 28 มาร่วมลงชื่อต่อต้านการเผาป่าครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:42:11

ความคิดเห็นที่ 29  คุณยุง บิน ชุม ...  มีวิธีการเริ่ด ๆ ทุกครั้งเลยนะคะ   ปล. ลูกนกเงือกรอดมั๊ยคะ  เห็นพี่หม่องมาโพสต์ไว้  ^^  คุณโอ๋ ก๋อยศรี  คุณเล็ก ทาโร่  ...ขอบคุณมากค่ะ    คุณ David_kop  .... มาตรการเร่งด่วนแบบนี้คงจำเป็นสำหรับสถานการณ์ช่วงนี้ มีทั้งเชิงรุกและเชิงรับไปพร้อม ๆ กัน แล้วตามต่อมาด้วยทำอย่างไรให้ยั่งยืนอย่างมีความสุขได้    คุณ varada...   แจ่มมากเลยค่ะ  หนึ่งตำบลหนึ่งรถไถหลวง  อ่ะ...ในฐานะผู้เสียภาษีให่ 2 คันเลย   น่าจะช่วยได้เยอะเลยนะคะ    คุณนางมารร้ายใส่Lacroix   ... ว๊า เรายังไม่เคยกินเลยค่ะเจ้าผักหวานนี่  เสียทีอยู่เจียงใหม่มาหลายปี         ใช่ค่ะ  เราเองไม่ใช่คนที่ทำไร่ทำเกษตรอยู่ที่นู่น เราคงได้แต่พยายามให้ภาครัฐเค้าทำหน้าที่ของเค้า ซึ่งไม่ใช่แค่สาธารณสุข  ซึ่งเป็นปลายเหตุ แต่เป็นตั้งแต่หน่วยงานวิจัย  ก.เกษตร  ก.วิทย์  ก.ทรัพย์  ก.ศึกษาธิการ  ฯลฯ เพียงแต่ตอนนี้  การรวมพลังกันอาจจะกระตุ้นให้เกิดการบูรณาการอย่างจริงจังได้บ้าง แม้จะหวังได้น้อยนิด  แต่ก็พยายามกันค่ะ ไม่ต่างจากปัญหาทั่ว ๆ ไป หรือแม้แต่ปัญหาน้ำท่วมที่ยังไม่รู้ว่าปีนี้จะออกหัวออกก้อยอย่างไร     ที่จริงกรมอุทยาน ฯ เองก็มีการทำวิจัยเรื่องนี้ค่อนข้างจริงจังเลยนะคะเนี่ย v v กิจกรรมยุทธศาสตร์งานด้านการวิจัย ดำเนินงานวิจัย เรื่อง การศึกษานิเวศวิทยา การกระจายพันธุ์ และการทดสอบคุณลักษณะ  ไมคอร์ไรซาของเห็ดเผาะ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2552) โดยสำรวจ เก็บตัวอย่างและข้อมูลของเห็ดเผาะ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง จัดทำแบบสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเห็ดเผาะ ช่วงเวลาที่พบเห็ดเผาะ ปริมาณและราคาของเห็ดเผาะ เป็นต้น พบว่า ชาวบ้านทั่วไปมีความเชื่อว่า ไฟป่าและสภาพแวดล้อมทางภูมิอากาศที่เหมาะสมเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเห็ดเผาะ                               ได้ทำการแยกเชื้อบริสุทธิ์ของเห็ดเผาะได้ 13 สายพันธุ์ (isolate) ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาเพื่อตรวจสอบสายพันธุ์เห็ดเผาะ โดยวิธี Molecular technology และกำลังเตรียมหัวเชื้อเห็ดเผาะ กล้าไม้ยูคาลิปตัส และกล้าไม้อะเคเซีย   เพื่อทดสอบคุณสมบัติการเป็นไมคอร์ไรซาของเห็ดเผาะกับกล้าไม้ทั้ง 2 ชนิด ให้ได้วิธีการที่เหมาะสมในการขยายพันธุ์เห็ดเผาะในสวนป่า อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ทั้งจากผลผลิตไม้และเห็ดไปพร้อมๆ กัน จากเวบของกรมอุทยานค่ะ www.dnp.go.th/foremic/fmo/.../earthstar%20project51.doc //กาแฟ   ชักดึกแล้ว จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:49:46

ความคิดเห็นที่ 30  คุณ LVP@HEART  ....อารมณ์เดียวกับที่กิ่วแม่ปานเลยค่ะ ที่นั่นปกติเราจะเห็นเส้นขอบฟ้าและ อ.แม่แจ่ม   เด็ก ๆ เลยอดเห็นเลย กว๊านพะเยาทั้งสองรูปนี้เห็นชัดเลยว่าฝุ่นมันหนาขนาดไหน เห็นว่าตอนนี้ปักป้ายกันเยอะขึ้นแล้ว  คงพอช่วยได้บ้างค่ะ  คุณMax_IamNikon  .... จำได้ว่าปีก่อนนู้น  แถว ๆ วังน้อยนี่รถชนกันหลายคันเลย เราก็เคยค่ะ  มาจากโคราช...  โอ้โฮ...มีแต่ควัน  น่ากลัวสุด ๆ แต่ก็เห็นรถดับเพลิงกำลังทำงานกันอยู่  และตำรวจก็มากำกับกันก่อนจะถึงช่วงควัน เลยรอดมาได้ ปล. ว่าจะถอย Nikon1  เป็น V1 หรือ J1 ดีคะ    คุณ lermylene   ไม่เสียกำลังใจเลยค่ะ  และก็คิดว่ากลุ่มคนที่ทำ Breathe Campaign   แต่กลับจะดีใจเสียอีกค่ะ   เพราะเราคุยกันด้วยความจริงและด้วยเหตุผลอย่างสร้างสรรค์ เราก็เพิ่งรู้ค่ะเรื่องที่ บ.ยักษ์ใหญ่ไปสนับสนุนการปลูกพืชในลาวและพม่า มันเลยยิ่งยากเข้าไปใหญ่นะคะ  พ่อหนุ่ม Redrum  ตกลงแจกการ์ดไปรึยังคะ ใช่เลย  ....ครบวงจรอย่างที่น้องว่า   เราก็ช่วยกันให้ความเห็นเนอะ แต่ที่แน่ ๆ ...เวบของเค้าไฮเทคมากในการรวบรวมรายชื่อ   ไม่เหมือนตอนเราทำอุทยาน ใช้ก๊อบจากเมล์มาแปะในเอกเซล  กว่าจะเสร็จตีสี่เพื่อไปยื่นที่ ทส. 8 โมงเช้า แต่หวังว่าเราไม่ต้องทำแบบนั้นอีกแล้วเนอะ  น้าRed Fox  ...  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะลุงเรด  ช่วย ๆ กันค่ะ     เหมือนที่หลาย ๆ ท่านว่าไว้   สิ่งที่ควรทำคือ การหาแนวทางที่ทำให้พวกเค้าประกอบอาชีพเดิมได้โดยไม่ต้องเผาต่างหาก การเรียกร้องครั้งนี้คงเป็นก้าวแรกที่ทาง Breath Campaign เริ่มงานของเค้า เราในฐานะคนที่อยากเห็นคนกับสิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้  ก็ช่วยเผยแพร่และสนับสนุน ก้าวต่อไปอาจจะมีอะไรที่เป็นทางออก...เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี อย่างน้อย.... โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งรถไถ  ของคุณ varada ก็เป็นทางออกที่เป็นรูปธรรมได้ไม่ยากนะคะ  สำหรับการเผาในที่ราบ ชอบจังเลย...ให้ล้านไลค์เลยค่ะ   เอาแบบไหนดี  ขอยืมรูปมาจากคูโบต้าละกัน ตอนเด็ก ๆ เคยไปงาน คูโบต้าแฟมิลี่เดย์ ที่วชิราวุธ   ....เวลาผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 00:47:33 จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 00:46:08

ความคิดเห็นที่ 31 โหวตค่ะ ทิ้งตั๋วไปเชียงรายก็เพราะหมอกควันแท้ๆ จากคุณ : Aussie grandma เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 01:52:02

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาโหวตให้ครับ... จากคุณ : Khunbob เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 04:26:56

ความคิดเห็นที่ 33 ขอเป็นเสียงเล็ก ๆ  อีกหนึ่งเสียงค่ะ ถึงแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็อยากให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ถ้าเรามีการตื่นตัวกับสิ่งแวดล้อมให้มาก ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือ เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองที่เกี่ยวข้อง จะได้แก้ปัญหา แนะนำแนวทาง ให้ชาวบ้านได้อย่างชัดเจน ร่วมด้วยช่วยกันนะคะ... จากคุณ : ผักกะเฉดใส่ไข่ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 08:17:39

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาให้กำลังใจค่ะคุณแม่น้องมีน  .. ความจริงป้าชอบกินเห็ดเผาะอ่อนๆมากๆเลยนะ  ชอบเอามาต้มใส่เกลือไปนิด  แล้วเอามากินกะน้ำพริกตาแดง ข้าวเหนียวปั้นจิ้ม อร่อยอย่าบอกใคร  ... แต่ตั้งแต่เข้ามาอยู่กรุงเทพแล้วแปลงร่างเป็นคนอ่างทอง  ไม่เคยลิ้มรสเห็ดเผาะมานานแล้วค่ะ   ... จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 08:54:38

ความคิดเห็นที่ 35 โหวตให้จากใจเลยค่ะ จากคุณ : Ma Ma Pim เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 09:10:39

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามารับทราบค่ะ...คุณอิ่ม         โหวต จากคุณ : Talay&Me เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 09:27:15

ความคิดเห็นที่ 37 ขอให้ผ่านปัญหาไปได้โดยเร็วครับ ลงชื่อให้แล้วครับ เราชาว BP อีกไม่นานต้องทะลุ 10,000 ครับ จากคุณ : Crazypapsi เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 09:59:35

ความคิดเห็นที่ 38 โหวตค่ะพี่อิ๋ม น่าเห็นใจคนในพื้นที่มากๆ เลยค่ะ เราอยู่แถวนี้ดมแค่ขี้หมูวันละ 2 เวลาก็แย่แล้วค่ะ จากคุณ : ทำอะไรก็ไม่อร่อย เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:39:03

ความคิดเห็นที่ 39 เหมือนรัฐจะยังไม่เอาจริงนะครับ ไปเชียงใหม่ในเมืองก็มีคนเผาขยะ กลางวันด้วย แต่ไม่แค่ที่ไหนหรอกครับ วันก่อนที่ชัยนาทยังมีเผาตอข้าวกันอยู่เลย จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:39:35

ความคิดเห็นที่ 40   คุณAussie grandma  ...ขอขอบคุณนะคะ  ช่วย ๆ พากันมาลงทั้งครอบครัวเลยน๊าคะ  ทั้งคุณยายและน้องสาวอีกสามหน่อของอิชั้น     ผักกะเฉดใส่ไข่....  นี่คือสิ่งสำคัญนะคะ  ถ้าเรามีการตื่นตัวกับสิ่งแวดล้อมให้มาก   ตื่นตัวและจริงจังที่จะไม่ยอมให้ปัญหามันดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ทำอะไรไม่ได้  ขอส่งเสียงไปเสนอความคิดเห็นหรือทางออกก็ยังดี หนึ่งตำบลหนึ่งรถไถ  ยังดีกว่า ...หนึ่งเด็ก ป.1 หนึ่งแทบเล็ตมากมายยยย  ป้าเกษขา...  ป้าบรรยายซะหนูอยากกิน  ไปอยู่เชียงใหม่ตั้ง 4 ปียังไม่เคยชิมเลยค่ะ นี่ถ้าไบโอเทค  วว.  ก.เกษตร....  เค้าวิจัยให้ชาวบ้านปลูกได้  หนูคงมีโอกาสชิมของอร่อยตามเมนูป้าเกษค่ะ ปล. ลิงค์กระทู้นี้ไปหน้าเฟสคนทำเวบแล้วค่ะ   เค้าจะได้มีกำลังใจกัน ศูนย์กลางน่าจะเป็นที่ปายนะคะ  คุณMa Ma Pim ....  ขอบคุณตากใจเช่นกันค่ะ   ช่วย ๆ กันไปลงชื่อนะคะ   เอาให้เต็มขีดเลย  คุณเมย์ Talay&Me... ขอบคุณมากค่ะ  เมื่อวานยังคุยกับยัยโซอยู่เลย นีโอโตขึ้นเยอะและน่าดีใจว่าเธอเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบในงานตัวเองเอามาก ๆ เลยค่ะ  คุณ Crazypapsi ...  ขอบคุณมากค่ะ  จะได้ช่วยเป็นอีกแรงผลักดันค่ะ แค่ในกระทู้นี้ก็มีข้อคิดเห็นดี ๆ มากมายที่เอาไปต่อยอดได้   คุณทำอะไรก็ไม่อร่อย...  จริงจ้ะน้องตุ๊ก  น้องตุ๊กวิ่งแล้วดมขี้หมู เพื่อนพี่วิ่งกลับมาถึงบ้านจมูกดำปี๋เลย   มันไม่กล้าวิ่งอีกเลย....  ปอดตรูจะดำตามมั๊ยเนี่ย  คุณไผ่พริ้ว (PyDE) ....  น้องไผ่..ดีนะคะ ไม่ได้อยู่เชียงใหม่ตอนนี้  ทางภาคกลางก็เผาตอข้าว  บนดอยก็เผาเอาเห็ด   เฮ้ออออ   //cake     ข้อมูลการเพราะเห็ดเผาะ   จากบล็อคขอคุณลูกลำปาว   ไม่กล้าแปะลิงค์เดี๋ยวจะโดนลบ  looklumpao.บล็อคสปอต. คอม  /2010/08/blog-post_03.html วิธีการเพาะเห็ดเผาะ(เห็ดถอบ) Posted by Arthit on 21:02 เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบเป็นเห็ดที่เกิดในต้นฤดูฝนไม่มีรากเป็นก้อนกลมๆมีสปอร์อยู่ข้างในมีเปลือกแข็งหุ้มสปอร์ไว้นิยมนำมาทำอาหารในช่วงที่อ่อนๆ ปัจจุบันการเพาะเชื้อยังทำไม่ได้แต่มีวิธีการปลูกแบบอาศัยธรรมชาติ ทำได้ปีละครั้ง อุปกรณ์ในการปลูกเห็ดเผาะ 1.เห็ดเผาะที่แก่จนแห้งแตก 2.ต้นกล้าไม้ที่นิยมคือ ยางนา มะค่า เต็งรัง 3.ถังเล็กๆ วิธีการปลูกเห็ดเผาะ 1.นำเห็ดเผาะที่แก่จัดมาแกะเอาสปอร์ข้างใน 2.นำสปอร์ไปผสมกับน้ำให้เข้ากันในอัตราส่วนที่เหมาะสม 3.นำไปรดต้นกล้าทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้ง 4.สังเกตุดูต้นกล้าถ้าเริ่มมีเนื้อเยื่อเห็ดเผาะเจริญเติบโตแล้วให้นำไปปลูกได้ 5.ปีถัดไปก็จะมีเห็ดเผาะเกิดตามรากไม้ต้นนั้นอย่าพึ่งเก็บเพราะต้นไม้ยังไม่แข็งแรงพอ 6.เมื่อต้นไม้โตพอประมาณให้เริ่มทำการเก็บเห็ดเผาะได้ เห็ดเผาะจะเกิดมาให้เราเก็บที่ต้นไม้ต้นนี้ทุกปี นี่เป็นรูปจากคุณลูกลำปาวเช่นกัค่ะ เห็ดเผาะที่แก่แล้วเหมาะจะนำมาทำเชื้อพันธุ์ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:51:01

ความคิดเห็นที่ 41 ร่วมลงชื่อด้วยคนค่ะ และ บวกไปอีก 1 โหวตค่ะ จากคุณ : bemuse เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 12:48:38

ความคิดเห็นที่ 42 ยังมีอีก 2 สาเหตุ ที่ไม่แน่ใจว่าไม่ค่อยมีคนรู้ หรือเปล่าค่ะ เราสังเกตว่า 1. ระบบการจัดการขยะในชุมชนยังไม่ดีพอนะคะ รถขยะมาเก็บ 2-3 วันหน บางทีก็นานกว่านั้น ไม่เข้าใจทำไมเก็บทุกวันไม่ได้ ขยะบางอย่างส่งกลิ่น ชาวบ้านรอไม่ไหวเผาเองง่ายและไวกว่า เขาก็เผากันค่ะ 2. อาชีพหลักอีกอย่างคือการเผาอิฐแดงนะคะ วิธีการคือเอาแกลบสุมแล้วเผา อยากให้มีใครก็ได้ช่วยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ออกแบบเตาที่ช่วยกรองฝุ่นควัน เราว่าเรื่องการเผาอิฐแดงนี่เป็นอีกเหตุผลใหญ่เลย แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงค่ะ ช่วยโหวตและให้กิ๊ฟท์แล้วค่ะ จากคุณ : devillish girl เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:27:17

ความคิดเห็นที่ 43 โหวตค่ะ อยากให้มีหน่วยงานที่ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแบบจริงจังค่ะ หรือว่ามีแล้วแต่ไม่เป็นที่รู้จัก??? จากคุณ : namtanzay เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:34:04

ความคิดเห็นที่ 44 กิฟท์น้องหมดเสี้ยงแล้ว  ช่วยโหวตกระทู้เจ้า จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:21:24

ความคิดเห็นที่ 45 ไปลงชื่อมาแล้วววว จากคุณ : Monkey Chan เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 15:52:54

ความคิดเห็นที่ 46 ยินดีครับ ขอร่วมลงชื่อ จากคุณ : From_CNX เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 18:03:40

ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไปดูงานกับมหาวิทยาลัยที่เทศบาลช้างเผือกมาค่ะ นายกฯ บอกว่า ชาวบ้านเผาเพื่อให้เห็ดเผาะมันเกิด แล้วเห็ดนี่ก็แพงด้วย ก็เลยไม่หยุดเผากันค่ะ (ช่วงที่เราไปกำลังวิกฤตเลย) พอมาปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปอีกรอบ น้องสาวรับปริญญา ขาไปมันมืด มองไม่เห็น แต่ขากลับนี่ไฟไหม้เป็นแนวยาวหลายสิบกิโลเมตรเลย (ช่วงลำปาง) แล้วก็มาแวะตรงอุทยานไม้กลายเป็นหิน เจอหัวหน้าอุทยาน ท่านบอกว่า ใบไม้มันแห้ง ก็ไหม้กันเรื่อยๆ แต่คิดว่าดีแล้วที่ไหม้เรื่อยๆ เพราะถ้ามันสะสมมากเกินไปจะเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทีนี้จะเดือดร้อนกันมากกว่าเดิม ส่วนตัวก็เลยยังครุมเครือว่า มันดีหรือไม่ดีกันแน่ จากคุณ : ตรามาร~ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 18:49:12

ความคิดเห็นที่ 48 ผมว่า....ต้องมีหน่วยงานที่มีสถิติ มีข้อมูลอยู่ว่า เกิดช่วงไหน เกิดตรงไหน บ่อยๆ เพราะการเผาด้วยน้ำมือมนุษย์น่าจะต้องทำแบบซ้ำๆ กันที่เดิมทุกปี ถ้านำข้อมูลตรงนี้มาจัดการ 1.หาสาเหตุที่เกิดในจุดนั้นๆ 2.วางแผนหาทางแก้ไขในแต่ละจุด โดยเน้นที่จุดใหญ่ๆ ก่อน 3.เมื่อถึงเวลาก่อนที่จะเกิดสัก 15 วัน ก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประกบเลย เป็นการให้ความรู้+ป้องปราม ซึ่งตรงนี้ถ้าเป้าหมายมาก ก็รับอาสาสมัครจากที่ต่างๆ รวมถึงในนี้ด้วย ไปอบรมว่าต้องเข้าหาอย่างไร และคุยอะไรบ้าง บางที่อาจจะหาผู้กระทำตรงๆ ไม่ได้ก็ใช้วิธีให้หัวหน้าชุมชนรับผิดชอบ ดูแลลูกบ้านตัวเอง ถ้าเกิดการเผาขึ้นและดับไม่ได้ภายใน 15 นาที หัวหน้าชุมชนจะต้องร่วมรับผิดชอบ 4.ติดตามผล โดยหาเครือข่ายที่จะคอยดูว่ามีควันขึ้นมาจากตรงไหนแล้วถ่ายภาพพร้อมรายงาน อาจจะต้องมีหน่วยม้าเร็วเข้าเป้าหมาย เพื่อดับโดยด่วน 5.ประเมินผลการทำงานและปรับปรุงไปเป็นแผนปีต่อๆ ไป เพื่อเป้าหมายการเผาเป็นศูนย์ ผมอาจจะฝันไป แต่ผมเชื่อถ้าหน่วยงานรัฐไม่เกียร์ว่าง และตั้งใจ ยกให้เป็นวาระหลัก และกล้าที่จะขออาสา ผมว่าทำได้ ที่เหลือก็แค่ควันจากเพื่อนบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศแล้ว... จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 23:11:56

ความคิดเห็นที่ 49 รู้ปํญหา รู้ทางแก้ จะรอเพื่อ... จากคุณ : tourthai เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 23:35:42

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่ใช่ชาวบ้านไม่รู้นะคะ (ออยเป็นคนเชียงใหม่) แต่จะให้เค้าทำอะไร มันเป็นหน้าหาของป่า ชาวบ้านเค้าเผา เค้าสูดควันผิดมากกว่าคนในเมืองอีกมั้ง แต่ เค้าไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ต้องทำอย่างไร ไม่มีใครเข้าไปบอก (โดยเพราะภาครัฐ) หรือ มีคนเข้าไปบอก แต่ก้จะสู้แรงชาวบ้านได้ยังไง เคยมีคนบอกว่า มีผู้ใหญ่รู้เห็นเป็นใจ ใครเข้าไปเตือนโดนยิงขู่!! เคยเห็นคนบางคนสาบแช่งคนหาของป่า แต่ออยว่ามันไม่ใช่นะ เคยสังเกตในเมืองกันบ้างไหม ว่ารถยนต์มันมากขึ้น บางทีควันที่เราเห็นๆกันอยู่อาจไม่ได้มาจากชาวบ้านหาของป่าอย่างเดียวก็ได้ จากคุณ : ออย-โอ๊ด เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 23:42:45

ความคิดเห็นที่ 51 ลงชื่อสนับสนุนโครงการนี้ค่ะ จากคุณ : Fiorella เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 00:52:19

ความคิดเห็นที่ 52 บ่อใช่คนเมืองแป่ครับ เป๋นจาว "เจียงใหม่" ครับ จากคุณ : ฮิมดอย เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 10:03:57

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าจะให้ชาวบ้านที่ทำการเกษตรหยุดเผาป่าเพื่อปรับดินรับฤดูกาลปลูกใหม่ ตอบเลยว่าทำไม่ได้ เพราะอย่างข้างบนบอกมันจะมีวิธีไหนฆ่าวัชพืชได้ดีกว่าวิธีการเผา ไมมีทางเลยครับ ใช่อยู่อาจใช่ยาฆ่าหญ้า รถไถไถหน้าดิน แต่นั่นคือเงินท้้งนั้น ชาวบ้านไม่มีทางลงทุนแน่ ชาวบ้านเค้าไม่สนใจหรอก จริงอยู่เผาไร่ ทำให้หมอกควันลงจัด 2-3 เดือน แต่ถ้าไม่เผาเค้าอดตาย 1 ปี คืออย่าบอกเพียงแค่ว่าหยุด แต่ไม่หาทางออกให้ ------------------- เจอแนวคิดหนึงที่ดี คือ รณรงค์ให้เผาตั้งแต่ปีใหม่ และให้เสร็จก่อนเดือนสาม เพราะช่วงนั้นจะไม่ค่อยมีความกดอากาศมากดทับควันไฟ เผาป่าช่วงนั้นจะไม่เกิดปัญหามาก (เหมือนภาคกลางที่จริงก็เผาเหมือนกัน แตภูมิประเทศไม่ใช่แบบปิดแบบภาคเหนือ ควันเลยกระจายออก) แม้ว่าการเผาช่วงหน้าหนาว จะได้ผลไม่ดีเท่า เพราะพืชยังไม่แล้งมาก แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี คือ ชาวบ้านก็ยังได้เผา คนเมืองก็ยังได้เที่ยว จากคุณ : Nitty.M เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 10:40:46

ความคิดเห็นที่ 54 สนับสนุนด้วยค่ะ จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 12:42:28

ความคิดเห็นที่ 55 ตอนนี้ไผ่มีความคิดเล็กๆในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชาวบ้านครับ จากการเผาป่าเพื่อเพิ่มปริมาณเห็ด เสนอให้ใช้วิธีเพาะเลี้ยงครับ การเผาอิฐ ขอเสนออิฐดินดิบครับ แล้วที่เลี่ยงไม่ได้เลยคือรถยนต์ แต่เราสามารถลดได้ครับ ด้วยขนส่งมวลชน ที่เสนอมานี้ไม่ต้องการเห็นผลว่าโลกนี้จะปราศจากมลภาวะครับ แค่ต้องการให้ลดมลภาวะลง จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 13:32:08

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่ใช่คนเหนือ แต่ขอสนับสนุนด้วย สงสารป่า สงสารผู้คนที่ต้องเดือดร้อน และเห้นด้วย การเอาแต่ห้าม มันไม่พอ ต้องให้ทางเลือกเขา สนับสนุนเขาไม่ให้เผา เพราะการเผามันง่ายต่ออะไรหลายๆอย่างประหยัดมากๆด้วย ถ้าไม่ให้เผา แต่ไปใช้การย่อยสลายด้วยน้ำชีวภาพทางการต้องอุดหนุนตรงนี้ให้เขา ไม่งั้นเขาไม่ยอมหรอก สำนึกได้แต่ขาดทุนเขาก็ตัดสำนึกทิ้งไป อะไรง่ายๆได้เร็วก็ทำ (แต่ตายผ่อนส่ง) ส่วนเรา ก็รณรงค์ ไม่อุดหนุนผลิตผลที่เกิดจากความมักง่ายของพวกเขาซะ ปัญหานี้หลายครั้งก็ เพราะเพื่อนบ้านเผา ทางไทยก็ต้องกีดกันต้องเงื่อนไขทางเพื่อนบ้านด้วย เช่น ถ้าเผา เราก็อย่าไปรับซื้อของ อะไรก็ว่ากันไป ไอ้คนเผาน่ะมันไม่โดน มนอยู่เหนือลม ลองตัวเองโดนสิ เตือดร้อนจะเป้นจะตาย แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 55 21:21:56 จากคุณ : พี่น้องที่เคารพ เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 21:20:23

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นด้วยอย่างมากครับ ที่บริษัทเก่าก็รณรงค์เรื่องนี้ครับ เจ้านายพิมพ์โปสเตอร์หลายพันใบ รณรงค์ไม่เผา และโรคทางเดินหายใจ ไปแจก 3 อำเภอ ที่เชียงใหม่ ตอนประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านประจำเดือน ให้พ่อหลวงไปติดประชาสัมพันธืที่หมู่บ้านตัวเองครับ ป่า  อย่าเผา จากคุณ : Coach The Lead เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 21:54:08

ความคิดเห็นที่ 58 การตื่นตัว สำคัญมากกกก จากคุณ : zangkasi_revolution เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 00:58:15

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณทุกโหวต.....ทุกกิ๊ฟ.....และโดยเฉพาะทุก  "ทางออก" ที่ช่วยกันเสนอนะคะ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เข้ามา   ถ้าเห็นด้วยกับก้าวแรกของ Breathe Campaign   ก็รบกวน  โ ห ว ต  ให้ด้วยนะคะ   สมาชิกท่านอื่นจะได้เห็นกันและช่วยกันเผยแพร่ เป็นกำลังใจและสนับสนุนคนพื้นที่ ๆ ลุกขึ้นมาดูแลบ้านเมือง  ไม่ว่าจะเป็นคนไทยและคนต่างชาติ ให้เดินหน้าต่อ   ไม่หยุดแค่การลงชื่อรณรงค์ กระทู้นี้จังค่ะ   รู้สึกได้แต่กระแสแห่งความเป็นห่วงเป็นใย จะเอาไปแปะที่เวบและเฟสของ Breathe Campaign หัวเรือในการรณรงค์   และซักวันเสาร์ / อาทิตย์ จะมารวบรวมประเด็นต่าง ๆ ส่งไปให้ทาง Breath Campaign เพื่อเป็นแนวทางหาทางออกที่พอจะทำได้ ส่วนเมื่อวาน / วันนี้ / มะรืนนี้ / มะเรื่องนี้  ...ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตค่ะ แม้แต่วีซ่าก็ยังไม่ได้กรอกเลย   ชาวบ้านที่เกาะหางแดงเดือนเมษาเค้าเรียบร้อยกันหมดแล้วมั๊ง   ปล.  คุณฮิมดอย...  งั้นวันตี้ 2 นี้  ปี้เอาภาษีไปยื่นตี้เจียงใหม่ได้ก่เจ้า   คนละไม่ละมือที่ช่วยกัน   โลกเราต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ แล้วพวกเราก็จะได้  "เที่ยวสุขใจ" ในอากาศที่แจ่มใสเหมือนเดิม คนในพื้นที่ก็จะได้หายใจกันเต็มปอดได้ทุกวันๆๆๆๆ ฟังเพลงกันดีกว่าค่ะ จากกระทู้ ** ^_^ ** รีวิวประกอบเพลง "เที่ยวสุขใจ" by ทู้ของเพื่อนบีพีค่ะ ** ^_^ ** http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/04/E7757625/E7757625.html จัดทำเป็น youtube  โดย  น้องอิง  เต่าตัวลาย   จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 08:32:21

ความคิดเห็นที่ 60 มาช่วยค่ะ คนลำปางแต่อยู่ กทม. แต่ญาติพี่น้อง พ่อ แม่ อยู่โน่นหมด สงสารมากๆ ดูรูปแล้วนึกว่าหมอกหน้าหนาวเลย จากคุณ : banky G เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 08:58:08

ความคิดเห็นที่ 61 ไปช่วยกันลงชื่อด้วยนะคะ   คุณ banky G จะได้มีแรงเยอะ ๆ   เชิญทั้งครอบครัวเลยค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 09:21:43

ความคิดเห็นที่ 62 ร่วมด้วยครับ เอามาฝาก ว่าเผาป่าควันมันมากโดยเฉพาะกอไผ่ แต่ก็อย่างว่า คะนาน(ไม่ถึง1กิโล)ราคา200 เป็นใครก็ตาลุกวาว จากคุณ : คออ่อน เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 09:58:52

ความคิดเห็นที่ 63 อีกรูปหางกันไม่ถึง 2โล ที่แม่ฮ่องสอน จากคุณ : คออ่อน เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 09:59:49

ความคิดเห็นที่ 64 คนกรุงเทพฯ คนนี้  รณรงค์ด้วยได้ไหมครับ จากคุณ : Art999. เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 10:33:17

ความคิดเห็นที่ 65 อยากโหวตให้สักล้านเสียงค่ะ   ตอนไปเชียงใหม่เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พักที่วีรันดา ตอนกลางคืน มีชาวบ้านมาเผาป่าใกล้ๆ พนักงานช่วยกันดับไฟให้ค่ะ เราว่า เราต้องรณรงค์ให้ชาวบ้านเห็นข้อเสียอย่างจริงจัง ทั้งกับทางโรงเรียน หมู่บ้านต่างๆ ค่ะ จากคุณ : t_taeng เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 12:41:32

ความคิดเห็นที่ 66 ขอโหวตเลยค่ะ  อยู่เชียงราย  ห่างจากแม่สายประมาณ 40 kms.. ทรมานมากกก   หายใจไม่ได้เลยยย แสบจมูกแสบคอไปหมดเลยค่ะ....:( จากคุณ : วูล่าหมาดาวอังคาร เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 15:16:28

ความคิดเห็นที่ 67 การเผามีมานมนานแล้วครับ แต่ไม่เกิดปัญหารุนแรงแบบหลายปีที่ผ่าน เพราะช่วงหน้าแล้ง ไม่แล้งฝนขนาดนี้ครับ เมื่อก่อนหน้าแล้ง ยังไงก็จะมีฝนลงมาคั่นตลอด แต่หลายปีมานี้ ฝนมันหายไป เพราะสภาพภูมิอากาศโลกมันเปลี่ยนแปลงครับฝนจึงไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้เราพอจะใจชื้นได้บ้างว่า ฝนมันอาจกลับมาตกเหมือนเดิมแล้วหมอกควันมันก็จะหายไป จะเผากันหนักแค่ไหนก็ช่าง ขอแค่มีฝนมาคั่นบ้างแค่นั้นแหละครับ หมอกควันมันก็จะไม่เกิด ถ้าเราสร้างฝนได้ก็จะแก้ปัญหาได้เด็ดขาด แต่การทำฝนเทียมก็มีข้อจำกัดมาก ผมเลยคิดว่ามีวิธีอื่นที่จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะทำให้ตกได้ด้วยตัวเอง จากที่สังเกตุช่วงสงกรานต์ตอนเย็นหลังเล่นน้ำเสร็จบ่อยครั้งที่มีฝนตกลงมา ผมเลยคิดว่าลองประยุกต์มา วิธีคือเลือกวันเวลาใดสักวันหนึ่ง แล้วใ้ห้คนทั้งภาคเหนือที่ประสบปัญหาพร้อมใจกันออกมาเอาน้ำราดหรือสาดไปที่ถนนพร้อม ๆ กันในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้น้ำเกิดการระเหยไปเป็นฝน ที่ถนนมันร้อนและหน้าแล้งแดดแรงทำให้น้ำระเหยขึ้นไปได้เร็ว ก็อาจจะพอมีโอกาสไหมที่จะทำให้เกิดฝนลงมาได้ หรือถ้ามันไม่เกิดฝน แต่อาจทำให้เกิดความชื้นมากพอ แล้วก็ให้การทำฝนเทียมช่วยอีกที อาจเป็นไปได้ที่จะทำให้ฝนเทียมสำเร็จ ถ้าสำเร็จเราอาจทำให้หมอกควันหายไปได้ตามที่เราต้องการด้วยวิธีง่าย ๆ อันนี้ผมลองไปตั้งที่หว้ากอดูครับ เผื่อใครมีความรู้อาจช่วยเสนอความเห็น ว่ามีทางเป็นไปได้ หรือไม่อย่างไร http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11894976/X11894976.html จากคุณ : ถั่วขาว เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 15:28:13 A:101.109.18.149 X: TicketID:262212

ความคิดเห็นที่ 68 ไฟมา ปาเป่ง มดแดงเต้ง ผักหวานโป่ง ชาวบ้านเขาคิดแบบนี้ครับ จากคุณ : maengnoon เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:35:11

ความคิดเห็นที่ 69 รักเมืองเหนือค่ะ ร่วมด้วยช่วยโหวต..... จากคุณ : น้องพีวี เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:52:15

ความคิดเห็นที่ 70 ใช้ฝนหลวงซิ เอางบของ สส. มาใช้ จากคุณ : b_samart เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 11:38:53

ความคิดเห็นที่ 71 ต้องผสมผสานการแก้ไขปัญหา ที่คำนึงถึงวิถีชาวบ้าน และการเผาป่าแบบ ผสมโรงครับ รวมถึงการปรับพื้นที่เพื่อการเพาะปลูกบนที่สูงด้วยวิธีอื่นๆด้วย จากคุณ : สวมชุดทีมเยือน (เชียงคำ) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 12:38:50

ความคิดเห็นที่ 72 บ้านอยู่พิจิตร ที่อำเภอมีศูนย์ชัยพัฒนาสิริธร เป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับการเกษตรแนวทางที่เป็นมิตรกับโลก เคยคุยกะชาวนาที่เปลี่ยนจากเผาตอซังข้าวมาเป็นไถกลบ ตามแนวทางที่ศูนญืแนะนำเค้าบอกว่าดินร่วนซุยดีผิดกันเลย ข้าวก็โตดีไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีมากเหมือนก่อน แต่แนวทางนี้ไม่เป็นที่นิยมเพราะมันลำบากกว่าเผา เคยอยู่เชียงใหม่ตอนเด็กๆก็ไม่มีปัญหาหมอกควัน แต่เดี๋ยวนี้อะไรก้เปลี่ยนไปเยอะ คิดว่าอยู่ที่จิตสำนึกและความขยันของแต่ละคน จากคุณ : Noopy&Wood เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 15:24:37

ความคิดเห็นที่ 73 เท่าที่ดูรู้สึกยังมีการเผาอยู่เลยนะครับ ท่าทาง - -" คงต้องยกเลิกเที่ยวเชียงใหม่แล้วมั้งครับ จากคุณ : PGiZ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 17:49:24

ความคิดเห็นที่ 74     ขอบคุณสำหรับทุกโหวต....ทุกรายชื่อ....และทุกกิ๊ฟนะคะ   ช่วงสัปดาห์นี้ จขกท. ยุ่งเหยิงตัวเป็นเกลียงหัวเป็นน็อต อยากแลกเปลี่ยนกับหลายท่าน  แต่ด้วยงานที่หมดเวลาวันนี้พรุ่งนี้ ต้องขอแว๊บไปจัดการก่อนนะคะ   เดี๋ยวจะขออนุญาตนำภาพจากกระทู้นี้ไปฝากไว้ในเฟส Breathe Campaign เพื่อเป็นกำลังใจให้หัวเรือใหญ่ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ได้หลายไอเดียหลายข้อมูลไปฝากเฟสนู้นนนนเลยค่ะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 22:39:30

ความคิดเห็นที่ 75 โหวต  และร่วมลงชื่อแล้ว   มันแย่จริงๆ  2-3  เดือนมานี่เป็นโรคทางเดินหายใจขนาดหนัก  ไอมีน้ำมูก  ไอจนซี่โครงเจ็บ รักษามา 2 เดือนแล้วค่ะ ปกติจะเดินทางไปทุกเดือน (ซือบ้านไว้ที่ชม.) เดือนมีค. ไปปั๊บรีบกลับกท.ทันที เพราะไม่มีที่อยู่ที่ไม่มีควันพิษเลย กลางคืนต้องใช้ผ้าปิดจมูกทาวิกนอน แล้วปิดหัวแบบนอนคลุมโปงด้วยผ้านวมอีกที  นอนแบบทรมาณมาก ดีที่อากาศยังเย็นอยู่ ยังพอทนได้  ปิดหน้าต่างทุกบานใช้พัดลมเป่าไล่ควันออกก็ยังมีมาก ไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องหนีกลับ กท.  ทันทีมารักษาตัว ยังงงว่าเด็กเล็กๆแถวหมู่บ้าน รวมถึงเด็กแรกเกิดแถวหมู่บ้านที่พ่อแม่อุ้มออกมาเดินเล่น ทนรับควันพิษนี้ได้อย่างไร  โตขึ้นจะมีปัญหาด้านสุขภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้  ถ้าไม่แก้ไขคงจะเป็นภาระแก่จังหวัดและประเทศในระยะยาวทั้งด้านคุณภาพชีวิตและงบประมาณค่ารักษาพยาบาล เท่าที่สังเกตการเผาแถวหมู่บ้านมี 2-3 ลักษณะ 1. เผาเพื่อเพาะปลูกใหม่  ถ้าเป็นการเผาในเมือง หรือชานเมือง น่าจะจัดการได้เพราะหาตัวคนเผาไม่ยากและแนะนำวิธีการที่ถูกต้อง  ง่ายและประหยัดในการกำจัดใบไม้  ฟางข้าว ฯลฯ เพื่อเพาะปลูกใหม่ 2. เผาใบไม้และขยะของคนในหมู่บ้าน  มีบ้างสำหรับบ้านใหญ่ๆ ที่มีใบไม้แห้งมาก  ความจริงหมู่บ้านก็มีบริการเก็บใบไม้ให้ แต่ต้องขนมากองไว้หน้าบ้าน  บางบ้านขี้เกียจใช้วิธีเผาเร็วดี   ที่หมู่บ้าน มีคนที่เผาเป็นประจำเป็นคนญี่ปุ่น(แก่แล้ว) มาตั้งรกรากในเมืองไทย   อยู่หลังบ้านเรา  คุณลุงนี่เผาทุกเย็นเพราะแกขยันกวาดใบไม้มากกองไว้ ตามจุดหลายๆจุดในบ้าน  กองตรงไหนเผาตรงนั้น  เพื่อนบ้านรับควันเป็นประจำ  ร้องเรียนแล้วก็ไม่หยุดเผา เดือดร้อนกันไปหมด 3. เผาแก้หนาว  ช่วงธค.-กพ. อากาศ ตอนกลางคืนหนาวมาก และอุณหภูมิลดลงเร็วมาก  สงสัยยามหมู่บ้านและชาวบ้านแถวๆนั้นเผาเพื่อผิงไฟแก้หนาว ถ้าไม่มีมลภาวะอื่นๆ ก็พอรับได้ เพราะควันน้อย ถ้าเผาพร้อมกันทั้งข้อ 1 2 และ 3 ตายสถานเดียวค่ะ จากคุณ : pulnit เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 19:42:42

ความคิดเห็นที่ 76 เราไปเชียงใหม่มาประมาณเดือนที่แล้ว รู้สึกได้เลยค่ะว่าอากาศเปลี่ยนไป ที่สำคัญคือไซนัสกำเริบ นอนหายใจไม่ออก ปวดหัวและจมูกแน่นไปหมด อาจจะเพราะเราแพ้พวกฝุ่นและควันด้วยอ่ะค่ะ สงสารคนที่อยู่ทางโน้นมากค่ะ เรามีหลานเพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือน อยู่เชียงใหม่เหมือนกัน ตอนนี้แม่เค้าหอบลูกไปอยู่ที่อื่นแล้วค่ะ เด็กคลอดก่อนกำหนดด้วย ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังทนไม่ไหวเลยค่ะ ต้องรีบหนีกลับมา กทม เลย ฮ่าๆ แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 55 18:09:04 จากคุณ : CutieAngel เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 18:08:08