ความคิดเห็นที่ 1 จขกท. ไปไหนแล้ว รอชมอยู่นะคะ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 20:26:42

ความคิดเห็นที่ 2 อยู่ค่ะอยู่ กำลังเขียนค่ะ ขอบคุณที่รอชมนะคะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 20:37:55

ความคิดเห็นที่ 3 ปูเสื่อรอด้วยคนครับ จากคุณ : Civict2003 เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 20:44:51

ความคิดเห็นที่ 4 Australia 101 มารู้จักกัน พอสังเขป ก่อนออกเดินทางเรามาทำความรู้จักออสเตรเลียกันสักเล็กน้อยก่อนนะคะ (ดูรูปแผนที่ด้านบนประกอบ) จากรูปข้างบนจะเห็นว่าออสเตรเลียเป็นเกาะค่ะ เกาะขนาดใหญ่ที่ด้านทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิค ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นมหาสมุทรอินเดีย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก โดยมีความกว้างจากตะวันออกจรดตะวันตกประมาณ 4,000 กิโลเมตร และจากเหนือจรดใต้ประมาณ 3,200 กิโลเมตร มีชายฝั่งยาว 36,735 กิโลเมตร และมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถึง 19 จุด แม้จะเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ (มาก) แต่ออสเตรเลียกลับมีประชากรเพียงแค่ประมาณ 22 ล้านคน (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2010) ตอนนี้ก็คงจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยกระมัง เนื่องจากความที่มีขนาดใหญ่นี่เองทำให้ออสเตรเลียมีลักษณะภูมิอากาศที่หลากหลาย โดยทางตอนบนของประเทศจะมีสภาพอากาศแบบเส้นศูนย์สูตร คือร้อนชื้นฝนตกชุก ตรงกลางเป็นทะเลทราย ด้านทิศตะวันออก (Queensland) เป็นภูมิอากาศแบบ กึ่งร้อนชื้น ส่วนทางตอนล่าง NSW/Victoria/South Australia/Tasmania มีอากาศแบบอบอุ่น (Temperate) ด้านตะวันตกเฉียงใต้เป็นสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนี่ยน (เพิร์ธ) เรียกว่ามีสภาพอากาศแทบจะทุกแบบที่มีเลยทีเดียว ส่วนอากาศที่ดีที่สุดอยู่ที่ Central Queensland ตรงจุดที่เราเริ่มต้นเดินทางนั่นล่ะค่ะ เป็นอากาศที่เย็นสบายตลอดปี ฝนตกในหน้าร้อน อากาศไม่ร้อนมาก หน้าหนาวก็ไม่หนาว เพอร์เฟ็คท์สุดๆ ตอนนี้ก็สงสัยว่าย้ายหนีมาเพิร์ธทำไมเนี่ย ในระหว่างการเดินทาง เราพบเจอสภาพอากาศทุกแบบเลยล่ะค่ะ   จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 20:52:07

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนออกเดินทาง เหตุมันเริ่มจาก บริษัทที่ฉันทำงานอยู่มีดำริจะย้ายงานจากสำนักงานที่เมืองเราเข้าสำนักงานใหญ่ที่เมลเบิร์น คนทำงานอย่างเราเลยตกงานกันถ้วนหน้า กอปรกับแม่คุณสามีซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราย้ายมาจากเมืองไทยมาที่นี่เสียชีวิตลง จึงไม่มีอะไรที่จะรั้งให้เราอยู่ที่นี่ต่อไป คุณสามีจึงชวนว่า.. ย้ายบ้านกันเถอะ ได้ยินดังนั้นฉันก็ใจง่ายตอบว่า.. ย้ายก็ย้ายสิ ทั้งหมดนั้นใช้เวลา 2 วินาทีในการตัดสินใจ พอตกลงจะย้ายบ้านก็คิดกันว่าจะย้ายไปไหนดี คุณสามีเคยมาเที่ยวเพิร์ธและชอบไลฟ์สไตล์ที่นี่ก็เลยชวนว่าไปเพิร์ธกันเถอะ ส่วนฉันนั้นไม่รู้ว่าเพิร์ธเป็นอย่างไร แต่คุณสามียืนยันว่าไปแล้วจะชอบอย่างแน่นอน ก็เลยตกลง เพิร์ธก็เพิร์ธ พอตกลงได้ก็ทำเรื่องคืนบ้านเช่า เก็บของลงกล่อง เรียกบริษัทย้ายบ้านมาขนของให้ ติดต่อญาติที่เพิร์ธให้ติดต่อเช่า Storage เพื่อเก็บของไว้ให้เรา เพราะเราต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าจะถึงเพิร์ธ และเมื่ออะไรๆเรียบร้อย ก็ได้เวลาวางแผนการเดินทางกันเสียที เราตกลงจะขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่น โดยจะพักค้างแรมในเตนท์ ซึ่งเป็นวิธีการท่องเที่ยวของหนุ่มสาวงบน้อย แม้ว่าเราจะไม่ใช่หนุ่มสาวกันนักแต่เรื่องงบน้อยนั่นเป็นของแท้แน่นอน เมื่อตกลงจะนอนเตนท์เราก็ไปหาซื้อเตนท์ที่ Camping World ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์แคมปิ้งที่มีทุกอย่างให้เลือกสรร เราตั้งสเปคเตนท์ไว้ว่าต้องใหญ่พอที่จะใส่ที่นอนเป่าลมขนาดควีนไซส์และคอทลูกเข้าไปได้ และก็ไปได้เตนท์แบบสองห้องในราคาเป็นมิตร จะไปซื้อเตนท์เราก็ซื้อเฉพาะเตนท์จริงๆ อย่างอื่นไม่ได้ซื้อมาเลยเพราะไม่มีประสบการณ์ในการแคมปิ้ง เลยไม่รู้ว่านอกจากเตนท์นั่นต้องซื้ออะไรบ้าง เดี๋ยวพอออกเดินทางแล้วเราคงรู้เองกระมังว่าต้องซื้ออะไรเพิ่ม อุปกรณ์สำคัญอีกอย่างนอกจากเตนท์แล้วก็คือกระติกน้ำแข็ง เพราะเราจำเป็นต้องมีสเบียงไปด้วย และลูกก็อายุแค่ขวบกว่าๆยังต้องกินนมอยู่ (นมวัวสดแบบผู้ใหญ่กิน) ในกระติกน้ำแข็งก็มีนม เนย ขนมปัง เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ฉันตั้งใจจะบันทึกการเดินทางทุกวันหลังจากจบวัน จึงซื้ออินเตอร์เน็ตแบบมือถือไปด้วย ที่ออสเตรเลียจะมีอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบใช้ซิมโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (3G) เป็นอินเตอร์เน็ตแบบเติมเงิน ฉันจึงไปซื้อโมเดม (แอร์การ์ด) มาเตรียมไว้ นอกจากอินเตอร์เน็ตก็ซื้อที่ชาร์จไฟแบบติดรถยนต์ เผื่อต้องชาร์จแลปทอปหรือมือถือระหว่างเดินทาง การแคมปิ้งที่ออสเตรเลียจะแตกต่างกับแคมปิ้งที่เมืองไทย เพราะที่ออสเตรเลียจะมีจุดกางเตนท์หรือที่ค้างแรมที่เรียกว่า Holiday Park หรือ Caravan Park ให้บริการอยู่ทั่วไป ซึ่งคนออสซี่นิยมเดินทางท่องเที่ยวด้วยการแคมปิ้งซึ่งมีทั้งกางเตนท์ รถคาราแวน ซึ่งเป็นรถบ้านแบบมีรถลาก และแคมเปอร์แวนซึ่งเป็นรถบ้านแบบไม่ต้องลาก ส่วนใหญ่คาราแวนจะเป็นพวกคนมีอายุที่มีเงินพอที่จะซื้อได้เพราะราคาค่อนข้างแพง ส่วนแคมเปอร์แวนจะเป็นรถเช่าและส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนหนุ่มสาวงบน้อยก็จะกางเตนท์แบบเรานี่แหละค่ะ ก่อนออกเดินทางเราสมัครสมาชิก Big 4 Holiday Parks ซึ่งเป็นฮอลิเดย์พาร์คที่มีสาขาอยู่ทั่วไปในออสเตรเลีย โดยสมาชิกจะได้ส่วนลด 10% เมื่อสมัครสมาชิกแล้วจะได้บัตรสมาชิกและหนังสือเล่มเล็กๆที่เรียกว่าพาสปอร์ตเพื่อเอาไว้สแตมป์เวลาเราเข้าพัก เมื่อครบจำนวนที่กำหนดก็จะได้พักฟรี เหมือนโปรแกรมรีวอร์ดทั่วๆไป นอกจากนี้ก็มีหนังสือคล้ายๆคู่มือที่พัก โดยจะมีแผนที่ฮอลิเดย์พาร์คของบิ๊กโฟร์ทั้งหมดทำให้เราสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ว่าจะไปหยุดค้างแรมที่ไหนบ้าง และบริเวณนั้นมีอะไรน่าสนใจให้เที่ยว เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็เก็บของใส่ท้ายรถกันเลยค่ะ โดยมีกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากหนึ่งใบ ใส่เสื้อผ้าพ่อแม่ลูก กล่องพลาสติกขนาดใหญ่หน่อยใส่อาหารแห้งพวกกาแฟ น้ำตาล เส้นสปาเกตตี้ เกลือ พริกไทย ฯลฯ และถ้วยชาม นอกจากนี้ก็มีหม้อ กระทะ มีด และเครื่องครัวที่จำเป็น แล้วก็มีถุงเรนโบว์ใส่ชุดผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม แล้วก็มีคอทลูก กระเป๋าเตนท์ และถุงกอล์ฟของคุณสามีด้วย ทั้งหมดนั้นใส่เข้าไปในรถ Hyundai Elantra Hatchback ของเราได้เต็มพอดี คราวนี้ก็ออกเดินทางกันเล้ยยยย  จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 21:53:39

ความคิดเห็นที่ 6 รอชม..ค่ะ จากคุณ : สามชั้น เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:06:07

ความคิดเห็นที่ 7 แวะมาตามไปด้วยครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:25:48

ความคิดเห็นที่ 8 Day One: Town of Seventeen Seventy & Agnes Water.. ระยะทาง 129 กิโลเมตร A: Gladstone B: Seventeen Seventy C: Agnes Water บันทึกวันนี้เขียน ณ ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ใช่ความเร็วของการบันทึก แต่เป็นความเร็วของรถยนต์ ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันนั่งเขียนบันทึกบนรถ อิอิ เราออกเดินทางจาก Gladstone (อ่านว่าแกลดสตั้น) ตอนบ่ายสองครึ่ง โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Town of Seventeen Seventy ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่กัปตันคุกขึ้นฝั่งในปี 1770 กัปตันคุกคือนักสำรวจชาวยุโรปคนแรกที่มาเจอออสเตรเลีย และเมื่อเป็นเมืองที่กัปตันคุกจอดเรือก็แปลว่าเมืองนี้เป็นเมืองชายฝั่งนั่นเอง เราใช้ทางหลวงหมายเลข A1 Bruce Highway ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 16 ที่ Miriam Vale หรือตามป้ายบอกทาง Agnes Water ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเข้าถนน Round Hill Road และเลี้ยวซ้ายครั้งสุดท้ายเข้าถนน Captain Cook Drive ซึ่งเป็นถนนเลียบชายฝั่งตรงเข้าเซเวนทีนเซเวนตี้ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีชายหาดที่สวย เราขับรถเลียบฝั่งไปจนถึงที่พักแรมที่ตั้งอยู่หน้าหาด ภาพข้างหน้าเป็นที่พักแรมที่มีคนเดินทางแน่นขนัด ทั้งครอบครัวและวัยเกษียณที่มาในรถคาราแวน ทั้งหนุ่มสาวที่มาในแคมเปอร์แวนที่เช่ามา มีหนุ่มสาวในชุดว่ายน้ำเดินแบกเซิร์ฟบอร์ดกันขวักไขว่ เด็กๆเล่นในสนามเด็กเล่น บางครอบครัวกำลังทำอาหาร บ้างกำลังตากผ้าบนราว เป็นภาพที่มีชีวิตชีวามากทีเดียว เราหาที่จอดรถก่อนที่คุณสามีจะลงไปติดต่อที่กางเตนท์ที่รีเซฟชั่น แต่โชคไม่เข้าข้างคนไม่เตรียมตัว เพราะจุดกางเตนท์ทุกที่ถูกจับจองหมดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็มีน้ำใจให้แผนที่พร้อมไฮไลท์ที่ค้างแรมในบริเวณใกล้เคียงให้เราอีกสองจุด ภารกิจตามล่าหาที่ค้างแรมในแผนที่จึงเริ่มขึ้น ด้วยความสามารถในการอ่านแผนที่ของฉัน กอปรกับไม่ได้ใส่แว่น เราจึงหาที่ค้างแรมที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง 1770 และที่ Agnes water ไม่เจอ มาเจอเอาตอนเย็นที่เรากลับไปกินข้าวเย็นที่ 1770 นู่นแหละ จริงๆมันก็ตั้งอยู่ข้างถนนเลย แต่ก็อย่างที่บอก ไม่ใส่แว่นก็เหมือนคนตาบอดดีๆนี่เอง เราได้ที่พักกันที่ Agnes Water Caravan Park ซึ่งเป็น Local Caravan Park ที่เมือง Agnes Water ซึ่งเป็นเมืองชายหาดที่ถึงก่อน 1770 แม้เราจะตั้งใจที่จะแคมป์ที่ Big 4 Holiday Parks แต่เพราะที่เมืองนี้ไม่มี Big 4 เราจึงต้องแคมป์ในคาราแวนพาร์คที่มีในเมือง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะว่าจุดกางเตนท์ติดชายหาดเลยทีเดียว จะมีเสียอยู่อย่างก็ตรงที่ ที่กางเตนท์ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้เหมือน Big 4 ทำให้แผนที่จะบันทึกหลังจบทริปทุกวันเป็นไปไม่ได้ เลยต้องมาเขียนบนรถนี่ไง อากาศที่ Agnes Water ยังเย็นอยู่ ยิ่งได้ลมทะเลยิ่งเย็นยะเยือกเข้าไปใหญ่ แต่เราก็มีผ้าห่มผืนใหญ่ทำให้อากาศไม่เป็นอุปสรรคในการแคมป์แต่อย่างใด ฉันกับคุณสามีช่วยกันกางเตนท์ในจุดที่กำหนด เนื่องจากเป็นครั้งแรกของเราเลยทำให้เงอะงะบ้าง กว่าจะกางเสร็จก็มีคนเดินมาเสนอความช่วยเหลือหลายคนทีเดียว เพราะเห็นเราพยายามกางกันอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นขึ้นเตนท์ได้เสียที แต่ฉันว่าเราก็ทำได้ไม่เลวสำหรับการกางเตนท์ครั้งแรก ฉันเป็นคนอ่าน Instruction จนเข้าใจแล้วก็บอกให้คุณสามีทำตาม ถึงแม้จะช้า แต่ก็เสร็จล่ะน่า ตอนแรกเราจะให้ลูกนอนอีกห้องนึงของเตนท์ แต่พอกางเตนท์เสร็จแล้วมันให้ความรู้สึกเหมือนเรานอนในห้องแต่ลูกนอนนอกห้อง สุดท้ายก็เลยขนกันเข้าไปในเตนท์ตัวในหมดเลย ข้างในเตนท์ให้ความรู้สึกเหมือนรถของพ่อของรอนในหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ ตรงที่มองข้างนอกเหมือนไม่ค่อยใหญ่ แต่ข้างในใส่อะไรก็ไม่เต็ม ก็จะไม่ให้ฉันว่าเหมือนได้ยังไง เราสามารถใส่ที่นอนขนาดควีนส์ไซส์และคอทลูกเข้าไปในเตนท์ได้ แถมยังเหลือที่ให้เดินอีกแน่ะ ส่วนห้องข้างนอกก็เป็นที่วางของ ตั้งกระเป๋าเสื้อผ้า รถไฟของลูก เบาะนั่งลูกและอื่นๆอีกมากมาย วันนี้คุณสามีได้เงินจากพนันม้าแข่ง Caufield Cup $446 ก็เลยตั้งใจจะฉลองกันด้วยอาหารทะเลชุดใหญ่ ฉันรู้สึกอยากกินหอยนางรมมาก แต่โชคไม่ดี ร้านอาหารที่เราเข้าไปไม่มีหอยนางรม ได้กินแค่กุ้ง ไม่หายอยากแต่ทำอะไรไม่ได้ แม้จะพักที่ Agnes Water แต่เราก็ขับรถไปกินข้าวเย็นกันที่เซเวนทีน เซเวนตี้ ร้านอาหารชื่อ The Tree เป็นร้านอาหารที่เขียนว่า Since 1770 ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าจะเปิดมานานขนาดนั้น ก็เล่นเปิดมาตั้งแต่กัปตันคุกมาจอดเรือเลยทีเดียว แต่เขาว่างั้นก็ว่าตามก็แล้วกัน ร้านอาหารค่อนข้างเป็นที่นิยม โต๊ะเต็มแทบจะทุกโต๊ะ และไม่ได้มีเฉพาะนักท่องเที่ยวด้วย ฉันว่าถ้าร้านไหนมีคนท้องถิ่นเข้าไปกิน แสดงว่าร้านนั้นต้องมีดี แต่ฉันว่าอาหารก็งั้นๆ แต่ไอติมสุดแสนจะอร่อย ว่าแล้วยังอยากกินอีกเลย เสร็จจากข้าวเย็นเราก็ไปเดินเล่นริมหาด อากาศเย็นมากเลยไม่ค่อยจะสนุกเท่าไหร่นัก แต่ลูกดูมีความสุขมาก กรี๊ดกร๊าดไปตลอดทาง ก่อนจะมาเจอสนามเด็กเล่น ลูกก็รีบวิ่งเข้าไปแบบไม่รอใครเลย เล่นกระดานลื่นอยู่ตั้งนานกว่าจะยอมกลับ กลับมาถึงที่กางเตนท์สามทุ่มครึ่ง แปรงฟัน ซักแห้งเพราะหนาวมาก เข้านอนฟังเสียงคลื่นกระทบหาดอยู่โครมคราม สุขใดไหนจะเท่า สวัสดีโรดทริปวันแรก ราตรีสวัสดิ์ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:30:57

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีค่ะ คุณ Bpearl คุณ Civict2003 คุณ สามชั้น คุณ กัปตันลูกชุบ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก ยังหวั่นๆว่าจะมีคนอ่านหรือเปล่า  จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:35:34

ความคิดเห็นที่ 10 ในที่สุดก็กางเตนท์เสร็จ เย่ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:45:58

ความคิดเห็นที่ 11 บรรยากาศในคาราแวนพาร์คยามโพล้เพล้ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:47:24

ความคิดเห็นที่ 12 ทะเลหลังพระอาทิตย์ตก จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 22:48:23

ความคิดเห็นที่ 13 กระทู้แบบนี้ทำให้คิดถึงออสเตรเลียตลอดเวลา มาปักหมุดติดตาม ขอย้อนวันวานไปด้วยคนค่ะ จากคุณ : จำมัย จัมไม เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:14:25

ความคิดเห็นที่ 14 มาเก็บข้อมูลค่ะ จากคุณ : manatjang เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:41:01

ความคิดเห็นที่ 15 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ :) จากคุณ : ตมิสา เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:45:02

ความคิดเห็นที่ 16 Day Two: Heading to Brisbane.. ระยะทาง 521 กิโลเมตร A: Agnes Water B: Childers C: Gympie D: Brisbane เช้านี้ฉันตื่นเพราะเสียงเล็กๆที่เรียกออกมาจากคอท Mummy Mummy แกล้งหลับยังไงก็ยังเรียกไม่หยุดก็เลยต้องขาน พอแม่ขานคุณเธอก็หัวเราะคิกคัก ยืนเกาะคอททำท่าอยากออก แต่พอแม่จะเอาออกเธอก็ล้มตัวลงนอนแล้วกลิ้งหนี ก่อนจะหัวเราะถูกใจที่แกล้งแม่ได้ ไอ้การจะเอาลูกออกจากที่นอนนี่แม่ต้องเอาตัวแม่เองออกจากผ้าห่มและอากาศก็หนาวมาก ลูกก็ไม่ยอมออกจากที่นอนซักที เลยต้องลากกันออกมาเลย ลากลงมานอนตรงกลางระหว่างพ่อแม่แล้วกอดแน่นๆ ลูกหัวเราะคิกคักถูกใจ ส่วนพ่อแม่ยังพยายามจะนอนต่อแต่ลูกไม่ให้ความร่วมมือ สุดท้ายเลยต้องตื่นกันทุกคน ภาพชายหาดขาวสะอาด น้ำสีฟ้าใสตรงหน้า ทำเอาฉันแทบลืมหายใจทีเดียว แม้ว่าบ้านจะอยู่ชายฝั่งแต่มันก็ให้คนละความรู้สึกกับการตื่นขึ้นมาบนชายหาด ฉันผละจากภาพหาดตรงหน้าเพื่อไปทำธุระที่ห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ห้องน้ำที่นี่จะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง ฝั่งนึงเป็นห้องส้วมและอีกฝั่งเป็นห้องอาบน้ำในตึกเดียวกัน ตอนที่เราจองที่กางเตนท์เราจะได้กุญแจสำหรับห้องน้ำมา เพราะห้องน้ำไม่ได้เปิดให้บริการทั่วไป มีไว้สำหรับ Campers เท่านั้น ระหว่างเข้าห้องน้ำก็นึกถึงตอนไปแคมปิ้งที่น้ำหนาว อากาศหนาวมากแถมน้ำในห้องน้ำก็เย็นราวกับน้ำในตู้เย็น ตลอดทริปนั้นเลยอาบน้ำไม่กี่หนเอง ก็มันหนาวววว ฮ่า.. แต่น้ำในห้องน้ำที่นี่เป็นน้ำอุ่น เลยไม่มีปัญหา อาบน้ำแต่งตัวเสร็จกลับมาที่เตนท์ เจอกาแฟที่คุณสามีไปซื้อมาไว้ให้ เลยเอาไปนั่งกินกันบนชายหาด เช้านี้เป็นวันอาทิตย์ที่แดดจ้า ชายหาดขาวๆ น้ำสีฟ้า แดดแรงๆ เลยทำให้ชายหาดสวยขึ้นเป็นพิเศษ บนชายหาดเต็มไปด้วยเด็กๆมากมาย เจ้าถิ่นเล่าว่า ทุกๆวันอาทิตย์ จะมี Young Australian Lifesavers มาฝึกการเป็น lifesaver กันที่ชายหาด ซึ่งเมื่อตอนเด็กๆคุณสามีก็เคยเป็นเหมือนกัน โดยในแต่ละเมืองที่มีชายหาดจะมี Lifesaver Club เป็นของตัวเอง เป็นที่รวมตัวของอาสาสมัคร Lifesavers ที่จะประจำตามหาดต่างๆ ใครมาเที่ยวออสเตรเลียลองสังเกตดู Lifesavers ใส่เสื้อสีส้มๆ ประจำตามชายหาด เห็นแล้วก็อุ่นใจ เผื่อเกิดอะไรขึ้นยังมีคนรอช่วยชีวิตอยู่ เด็กๆน่ารักกันมากมาย บางคนถือเซิร์ฟบอร์ดซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ในการฝึกการช่วยชีวิต เพราะจะมีคนที่แสดงเป็นคนกำลังจมน้ำแล้วเด็กๆจะนอนบนเซิร์ฟบอร์ดว่ายน้ำออกไปช่วยชีวิต บ้างก็ฝึกความฟิตของร่างกายโดยการวิ่งแย่งธงที่ปักไว้บนพื้น ซึ่งการเป็น Lifesaver จะแบ่งความอาวุโสด้วยสีหมวก ถ้าหมวกสีฟ้าแปลว่าเด็กมากๆ จนถึงหมวกสีแดงเป็น Lifesaver ตัวเต็มวัย เอ๊ย หมายถึงเป็นผู้ใหญ่ ผ่านการฝึกมานานแล้ว เป็น Lifesaver เต็มตัว ในระหว่างที่เด็กๆกำลังฝึก พ่อแม่ก็ปูผ้านอนอาบแดด เป็นวันดีๆที่พ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว พวกเรากินกาแฟและอาหารเช้ากันบนชายหาด เสร็จแล้วคุณสามีกับลูกลงไปเดินเล่นในน้ำกันครู่นึงก่อนจะขึ้นมาเก็บเตนท์ เพราะวันนี้จุดหมายของเราคือบริสเบน เพื่อไปค้างที่บ้านเวน เพื่อนร่วมงานเก่าของคุณสามี คนนี้คุณสามีรักมาก มาบริสเบนทีไรต้องแวะหา และคราวนี้ก็ไม่พลาดเหมือนเดิม ว่าไปแล้วตอนกางเตนท์ฉันไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่เพราะมี Instruction ให้ แต่ฉันกลัวตอนเก็บเตนท์มากกว่า เพราะไม่รู้ว่าจะเก็บยังไงให้ใส่เตนท์ทั้งหลังเข้าไปในกระเป๋าใส่เตนท์ใบเล็กๆได้ แต่หลังจากพยายามกันไม่เท่าไหร่เราก็ยัดทั้งหมดใส่เข้าไปในกระเป๋าใบเติมได้ ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ ระหว่างที่กำลังเก็บเตนท์ก็มีผู้หญิงที่จอดคาราแวนอยู่ใกล้ๆเดินมาคุยด้วย เขาบอกว่านั่งมองพวกเรากางเตนท์อยู่เมื่อวาน ตลกดีเพราะเราดูมือใหม่มากๆ แต่ก็บอกว่าเชื่อว่าเราทำได้เพราะเห็นฉันอ่าน Instruction แล้วดูเข้าใจ น่าจะไม่มีปัญหา และในที่สุดเราก็กางได้จริงๆแม้ว่าจะใช้เวลาบ้างก็ตาม จากนั้นก็คุยถึงทริปที่ผ่านมาว่าไปไหนมาบ้าง ส่วนเราก็บอกว่าเราจะไปไหนบ้าง เราพูดถึงเตนท์ว่าเพิ่งจะกางเป็นวันแรกและนี่ก็เป็นทริปแรกของเรา กางเตนท์ดูไม่ง่ายเหมือนกับคาราแวน เขาก็บอกว่า กางเตนท์ไปก่อน คาราแวนนั่นรอให้อายุเท่าเขาก่อนแล้วค่อยซื้อ ตอนเขาอายุเท่าๆเราก็พาลูกกางเตนท์แบบนี้เหมือนกัน เรื่องพวกนี้มันต้องค่อยไปค่อยไป แล้วก็ชี้ให้เราดูคาราแวนของเขา ฉันบอกว่า ฉันอยากได้แบบนี้แหละ ดูเล็กๆไม่ใหญ่มาก เขารีบบอกว่า $73,000 นะนั่น มันแพ้งงง อือ เห็นด้วยว่ามันแพง อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า คาราแวนค่อนข้างมีราคา หนุ่มๆสาวๆยังไม่มีปัญญาซื้อกันหรอก ราคานี้ที่เมืองไทยซื้อบ้านได้เป็นหลังเลยนะ เราออกจากที่พักแรมตอนเกือบสิบเอ็ดโมง คุณสามีพาแวะร้านขายอาหารทะเล ฉันนั่งรอในรถส่วนคุณสามีเข้าไปซื้อ ข้างในร้านมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา อยากกินอะไรมีหมด แต่มีอย่างเดียวที่ขาดไป และสำคัญมากเสียด้วย นั่นคือคนขาย เรารออยู่นาน เรียกหาก็แล้ว ก็ยังไม่มีใครออกมาเสียที สุดท้ายเลยยอมแพ้ ไม่กินก็ได้ ฮือ ฮือ จุดหมายต่อไป บริสเบน.. ออกจากร้านขายอาหารทะเลลูกก็หลับทันที เราจึงตกลงใจว่าลูกตื่นเมื่อไหร่ค่อยจอดกินกลางวัน และลูกก็ตื่นที่เมือง Childers พอดี Childers เป็นเมืองเล็กๆที่มีบ้านไม่กี่หลัง แต่มีร้านอาหารเวียดนามที่เราแวะกินทุกครั้งที่ผ่านมา จริงๆแล้วอาหารไม่ได้อร่อยเลยแต่เพราะฉันชอบอาหารเวียดนามและอยู่ที่ออสเตรเลียก็หากินยากมาก ก็เลยกินพอให้หายอยาก วันนี้ฉันสั่งเฝอ ของลูกเป็นเกี๊ยวน้ำ ของคุณสามีเป็นบะหมี่น้ำใส่เกี๊ยว กินเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อ จาก Childers ไปบริสเบนเป็นระยะทางค่อนข้างไกล เราจึงตกลงจอดพักกันที่ Gympie ซึ่งมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ให้ลูกลงไปวิ่งเล่น เพราะนั่งรถนานๆ เด็กหญิงก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน  สวนสาธารณะที่นี่มีขนาดใหญ่มาก ตรงกลางเป็นคูน้ำมีเป็ดน้ำและนกเต็มไปหมด ลูกชอบมากๆ แล้วก็มีสนามเด็กเล่นที่มีชิงช้าและกระดานลื่นที่ลูกชอบ เราจอดพักกันที่กิมปีเกือบชั่วโมง ก่อนที่จะออกเดินทางต่อ หวังว่าน่าจะขับรถรวดเดียวถึงบริสเบน แต่เด็กหญิงที่อยู่ในคาร์ซีทไม่ให้ความร่วมมือ อีกประมาณ 100 กิโลเมตรเด็กหญิงก็แผดร้องโดยไม่บอกว่าเป็นอะไร ฉันเดาว่าน่าจะหิว ก็เลยต้องหยุดพักกันอีกครั้ง หกโมงเย็นกับ Aussie World ซึ่งเป็นผับที่ตั้งอยู่ข้างทาง ที่ผับฉันสั่ง Seafood basket ก็ยังพยายามจะกินซีฟู้ดและก็ผิดหวังอีกตามเคย เพราะไม่ใช่แบบที่อยากกิน ฉันอยากกินหอยนางรมสด กุ้งสดๆนึ่ง แต่ที่ฉันได้คืออาหารทอด กล้ำกลืนกินไป เศร้าใจมาก คุณสามีกินเบอร์เกอร์ ส่วนลูกแบ่งกันกินกับฉัน เสร็จแล้วก็กลับมาที่รถ คราวนี้มุ่งหน้าไปบริสเบนโดยไม่หยุดที่ไหนแล้ว เพราะเริ่มมืดแล้ว ถ้ามัวแต่จอดก็เกรงจะถึงบ้านเวนดึกเกินไป เกรงใจเจ้าของบ้าน ถึงบ้านเวนตอนสองทุ่มนิดๆ จับลูกอาบน้ำแล้วส่งเข้านอน ส่วนฉันนั่งคุยกับเวนและโนเอลลิสครู่นึงก่อนจะขอตัวเข้านอน ซึ่งจริงๆคือมานั่งเขียนบันทึกนี่เอง วันนี้ระหว่างขับรถอยู่คุณสามีก็เห็นว่ามีรถตำรวจขับตามหลัง สักพักก็ส่งสัญญาณให้เราจอด จอดรอสักครู่ตำรวจก็เดินมา ถามว่ารู้หรือเปล่าว่าทำไมถึงให้จอด คุณสามีบอกไม่รู้ ตำรวจเลยบอกว่า มีอยู่หนนึงที่คุณสามีแซงรถคันนึงซึ่งค่อนข้างอันตราย เพราะข้างหน้าก็มีรถมา ซึ่งตอนนั้นฉันก็จำได้ว่าค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว ทางข้างหน้ามันโค้งนิดๆ คุณสามีมองไม่เห็นรถ แต่พอแซงออกไปก็เห็นว่ามีรถสวนมา ถ้าเป็นฉันฉันจะถอยกลับมาที่เดิม ไม่แซง แต่คุณสามีตัดสินใจเร่งเครื่องแซงไปและก็หวุดหวิดกับรถที่สวนมาพอดี และตำรวจก็เห็นเหตุการณ์พอดีด้วย เลยขับตามมา ซึ่งถือว่าตำรวจขับตามนานเหมือนกันนะ น่าจะซักยี่สิบนาทีได้ แต่ฉันก็ประทับใจกับตำรวจ เพราะว่าขับตามมาเตือนว่า ไอ้การรีบเร่งแค่สองวินาทีนี่มันไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตเลย แต่คุณสามีกำลังเอาชีวิตลูกและเมียมาเสี่ยงบนถนน ที่เขาให้จอดวันนี้ไม่ได้จะมาให้ใบสั่งหรืออะไร แค่มาบอกให้ขับรถอย่างระมัดระวังมากขึ้น อยากให้ทุกคนปลอดภัยขณะเดินทาง มีการอบรมเล็กน้อยก่อนจะจากไป เราขอบคุณตำรวจที่เตือน แบบนี้ก็มีด้วย นี่สิถึงเรียกว่า "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ของจริง ขอบคุณในความห่วงใยนะคะคุณตำรวจ พรุ่งนี้เราจะยังค้างที่บริสเบนที่บ้านลุงของคุณสามี และจากนั้นเราก็จะออกจากควีนส์แลนด์ เริ่มเข้านิวเซาธ์เวลส์ อากาศก็จะเย็นลงเรื่อยๆ พรุ่งนี้ต้องไปหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวกันเสียแล้ว จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:52:14

ความคิดเห็นที่ 17 ชายหาดยามเช้า จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:00:00

ความคิดเห็นที่ 18 อ้าว รูปไม่มา แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 00:02:19 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 00:01:47 จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:01:31

ความคิดเห็นที่ 19 Lifesavers เด็กๆฝึกความฟิตด้วยการวิ่งแย่งธง จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:04:35

ความคิดเห็นที่ 20 ลากคนจมน้ำขึ้นฝั่ง จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:06:19

ความคิดเห็นที่ 21 พ่อแม่นั่งดูลูกฝึก จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:07:18

ความคิดเห็นที่ 22 พ่อเป็ด ลูกเป็ด จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:07:56

ความคิดเห็นที่ 23 นกนางนวล จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:08:32

ความคิดเห็นที่ 24 สวนสาธารณะที่ Gympie จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:09:09

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ที่นี่ตีหนึ่งแล้ว ขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อวันที่สามค่ะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:10:46

ความคิดเห็นที่ 26 คุณตำรวจน่ารักมากเลย.. จากคุณ : สามชั้น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:11:56

ความคิดเห็นที่ 27 ใช่ค่ะคุณสามชั้น ตอนแรกนึกว่าจะโดนใบสั่งเสียอีกค่ะ ไม่นึกว่าจะขับตามมาเพื่อเตือนแบบนี้ ประทับใจมากๆเลยค่ะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:14:40

ความคิดเห็นที่ 28 มาให้กำลังใจ  ติดต่ามอ่านอยู่ น่าสนใจมาก รูปถ่ายก็สวย จากคุณ : จงรักษ์อันอัน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:48:37

ความคิดเห็นที่ 29 มาให้กำลังใจค่ะ ลงรูปเยอะๆนะคะ ชอบจัง..ครั้งหนึ่งของชีวิต ที่ได้ใช้ชีวิตตามใจและมีความสุข จากคุณ : ไฮเดรนเยีย เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:34:24

ความคิดเห็นที่ 30 ดีจังตำรวจออสซี่ คนขับรถไม่เครียดด้วย จากคุณ : Civict2003 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:38:46

ความคิดเห็นที่ 31 ตามอ่านอยู่นะคะ ^^ จะบอกว่าเป็นกำลังใจให้ออกเที่ยวได้ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Writing to Reach You เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:58:10

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีค่ะทุกๆคน ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ เห็นมีคนตามอ่าน ทำให้มีกำลังอัพให้อ่านจริงๆนะคะ เมื่อคืนนอนดึก วันนี้ตื่นมาซะสายโด่ง กว่าจะเสร็จธุระนู่นนี่ก็บ่ายสองแล้วค่ะ งั้นไปเที่ยวกันต่อเลยนะคะ จขกท. เป็นคุณแม่ลูกสองนะคะ คนเล็กสองเดือนกว่าเอง เลยอาจจะช้าบ้างอะไรบ้างคงไม่ว่ากันนะคะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:06:43

ความคิดเห็นที่ 33 Day Three: Running around day - Brisbane.. เริ่มต้นวันด้วยอาหารเช้าจานใหญ่จาก Wayne ซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่สุดแห่งวัน เพราะหลังจากนั้นก็สับสนวุ่นวาย กว่าจะเสร็จธุระก็หมดแรงไปตามๆกัน เราตื่นมาสายๆ กินข้าว อาบน้ำ เก็บของ ก่อนจะโบกมือลากับเวนและโนเอลลิส หวังว่าคงจะได้กลับมาเจอกันสักวัน ออสเตรเลียใหญ่มาก พอย้ายข้ามรัฐกันแบบนี้เลยรู้สึกเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ใครจะรู้ อนาคตไม่แน่นอน เราอาจจะโคจรมาเจอกันที่ไหนสักแห่งก็ได้ ระหว่างเก็บของใส่รถ คริส มันซ์ ซึ่งเป็นจ๊อกกี้ที่ชนะ Caufield Cup ที่คุณสามีได้เงินจากการชนะพนันสี่ร้อยกว่าเมื่อวันที่เราออกเดินทาง เดินออกมาจากบ้านพอดี เป็นเรื่องบังเอิญที่ดีมาก เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อน เราเพิ่งกลับจากเมืองไทยแล้วมาค้างบ้านเวน เวนบอกว่าบ้านตรงข้ามเป็นบ้านของจ๊อกกี้ เพิ่งมาซื้อบ้านราคาสองล้าน (หกสิบล้านบาท O_O') พอวันเสาร์เพื่อนคุณสามีก็ถามว่าจะพนันม้าตัวไหนใน Caufield Cup คุณสามีไม่ได้มีตัวไหนเป็นพิเศษ พอถามเพื่อนเพื่อนบอกว่าจะพนันตัวที่ คริส มันซ์ เป็นจ๊อกกี้ แล้วคุณสามีเห็นว่าเพิ่งพูดถึงและเห็น คริส มันซ์ ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็เลยลงพนันด้วย แล้วก็ชนะจริงๆ ได้มาตั้งสี่ร้อยกว่า พอวันนี้เห็นคริสเดินออกมาจากบ้าน คุณสามีก็เลยขอถ่ายรูปด้วย คุณสามีนี่นี่ก็บ้าคนดังเหมือนกันแฮะ ๕๕๕   จากบ้านเวนเราไปกินกลางวันกันที่ Sunny Banks ซึ่งเป็นเขตคนเอเชียในบริสเบน คนเอเชียเยอะมาก มองหาฝรั่งนับหัวได้เลย เราเข้าไปกินร้านอาหารเวียดนาม ปกติจะไปกินเฝอ หรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แต่วันนี้กินแหนมเนือง ไม่ได้เลิศเลอ แค่กินให้หายอยาก ถ้าพูดถึงแหนมเนืองต้องร้านแหนมลับแลที่ขอนแก่นเท่านั้น หลายๆคนบอกว่าแหนมอินโดจีนที่อุบลก็อร่อย แต่ฉันว่าหมูหวานไป ไม่อร่อย ต้องลับแลเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นที่ไหนอร่อยเท่าเลย ใครไปขอนแก่นอย่าลืมแวะกินนะคะ อยู่ถนนกลางเมือง หาไม่ยากเลย   เสร็จจากอาหารกลางวันก็ไปหาซื้อของสำหรับทริปที่ Harvey Norman, Eight mile plains ซึ่งเป็นซับเบิร์บที่ไม่ไกลจาก Sunny Banks นัก เราตั้งใจซื้อหลายอย่างแต่ได้มาอย่างเดียว เป็นโต๊ะปิคนิคพร้อมเก้าอี้สองตัวในราคา $69 ถูกมากจนต้องซื้อ ราคาป้าย $179 ไม่รู้ทำไมลดลงมาเยอะขนาดนั้นเหมือนกัน แต่ไม่สนใจเหตุผลหรอก แค่ถูกก็พอแล้วสำหรับเรา วันนี้เราตั้งใจจะทำ Tax return ด้วย เพราะเพื่อนๆที่ทำงานของคุณสามีบอกว่ามีคนทำแทกซ์รีเทิร์นที่นี่ที่ได้เงินคืนเยอะ เลยลองดูว่าจะสมคำร่ำลือหรือเปล่า เราซื้อของยังไม่ทันเสร็จดีก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว เราไม่เคยไปที่นี่ด้วยต้องเปิดแผนที่กันไป ก็เลยรีบออกเดินทาง ฉันกางแผนที่ คุณสามีขับรถ จุดหมายคือตามหา Cracknell Rd. เหมือนจะยากแต่พอเริ่มเข้าใจการอ่านแผนที่ ฉันว่ามันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแฮะ จากประสบการณ์ฉันพบว่า ถ้าจะดูถนนเส้นใหญ่ให้ดูหมายเลข ทุกถนนมีชื่อแล้วจะมีหมายเลขกำกับ เช่น ถนน Beau desert หมายเลข 13 ฉันว่ามองหาชื่อถนนยากกว่ามองดูตัวเลข พอจะหาถนนเส้นเล็กๆ ชื่อถึงจะมีความสำคัญ เพราะถนนเส้นเล็กไม่มีหมายเลขกำกับ หมายคนอาจจะถามว่าทำไมไม่ใช่ Navigator อืม นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกันแฮะ เนวิก็มีนะ ในมือถือ แต่ก็ไม่ใช้ จะเอาแบบติดรถยนต์ก็ไม่รู้สึกอยากได้ รู้สึกว่าแผนที่นี่แหละคลาสสิคดี ยิ่ง Road trip ยิ่งต้องใช้แผนที่ เพราะจะได้วงๆสถานที่ที่ไปแล้วด้วย ขลังดีออก ตอนแรกฉันตั้งใจจะทำแทกซ์รีเทิร์นของตัวเองเอง แต่พอคุณสามีเอาไปให้บริษัทที่รับทำทำให้ ด้วยความขี้เกียจฉันก็เลยแนบของตัวเองไปด้วยเลย แต่ได้เงินคืนนิดเดียวเอง ปีที่แล้วทำเองยังได้คืนมาตั้งเยอะ เดี๋ยวปีหน้าฉันคงทำเองอีกดีกว่า   เสร็จจากแทกซ์แล้วก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้าย นั่นคือบ้านลุงของคุณสามี ซึ่งอยู่ออกจากบริสเบนมาทางโกลด์โคสท์ เป็นทางที่เราจะมุ่งหน้าออกนิวเซาธ์เวลส์ต่อไป จนกว่าจะออกจากบริสเบนนู่นล่ะ เราถึงจะรู้สึกเหมือนกำลังเที่ยวจริงๆ ธุระอะไรทั้งหลายก็จบกันไปที่ควีนส์แลนด์ เดี๋ยวไปเริ่มต้นใหม่แบบไร้พันธะที่เพิร์ธ พรุ่งนี้เจอกัน New South Wales จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:20:59

ความคิดเห็นที่ 34 Day Four: Hello NSW - Lunch @ Byron Bay - Yamba.. ระยะทาง 296 กิโลเมตร A: Brisbane B: Byron Bay C: Lennox Head D: Yamba จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:58:25

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีค่ะ เข้ามาตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ยังไม่เคยไปที่อื่นนอกจาก NSW กะ VIC เลย ไปทีไรก็จบอยู่แค่ 2 รัฐนี้ทุกที จากคุณ : +au_au+ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:09:50

ความคิดเห็นที่ 36 Day Four: Hello NSW - Lunch @ Byron Bay - Yamba.. เก้าโมงเราออกเดินทางจากบริสเบน ใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข M1 แปซิฟิคมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าโกลด์โคสท์ แต่จุดหมายของเราอยู่ไกลกว่านั้น คือจะไปกินกลางวันกันที่ Byron Bay มีเรื่องตลกที่ฉันก็ยังไม่เข้าใจจนบัดนี้ว่าทำไมฉันถึงคิดว่า ไบรอน เบย์ อยู่ในบริสเบน สารภาพตามตรงว่า เพิ่งรู้วันนี้เองว่าไบรอน เบย์ อยู่ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ หลังขับรถผ่านโกลด์ครู่เดียวก็สิ้นสุดมอเตอร์เวย์ แต่รถของเรายังแล่นต่อไปบนทางหลวงชื่อเดียวกัน.. แปซิฟิคไฮเวย์.. ทางหลวงหมายเลข 1 เลยจากโกลด์โคสท์ไม่เท่าไหร่ ก็เจอป้าย Welcome to New South Wales อ้าว นี่เรากำลังจะข้ามรัฐนี่นา จะยกกล้องมาถ่ายก็ไม่ทันแล้ว เลยต้องกลับรถเพื่อไปถ่ายรูปป้ายหน่อย แต่ตอนที่กำลังจะข้ามแดนจากควีนส์แลนด์เข้า NSW คุณสามีดันบอกให้ฉันถ่ายหลักเขตแดน พอถึงป้ายก็เลยไม่ได้ถ่ายอีก แต่คุณสามีไม่กลับรถให้อีกแล้ว ก็เลยไม่มีป้ายยินดีต้อนรับสู่รัฐนิวเซาธ์เวลส์มาให้ดู เดี๋ยวรอดูตอนเข้าวิคตอเรียก็แล้วกันเนอะ สปีดลิมิตบนทางหลวงจะเป็น 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยทำให้เราถึงไบรอนเบย์ก่อนเที่ยงเล็กน้อย แต่เวลาที่ไบรอนเบย์เป็นเวลาเกือบบ่ายสอง ทั้งนี้เพราะรัฐนิวเซาธ์เวลส์เวลาเร็วกว่าควีนส์แลนด์สองชั่วโมง เราก็เลยทำเวลาหายไปสองชั่วโมงเต็มๆเลย ที่ไบรอนเบย์เราตกลงจะกินอาหารทะเล เนื่องจากว่าอยากกินมาหลายวันแล้วไม่สมหวังเสียที วันนี้ขับรถผ่านร้านขายอาหารทะเลเลยจะต้องกินให้ได้ คุณสามีอยากกินในร้านอาหารมากกว่า แต่ฉันเสนอว่าก็ซื้ออาหารทะเลแล้วไปนั่งกินที่พาร์คไง ก็เลยตกลงกันตามนั้น หลังจากซื้ออาหารทะเลแล้วก็แวะซื้อไวน์ด้วย ก่อนที่จะซื้ออาหารกลางวัน เราขับรถไปดูหาดกันก่อน ไบรอนเบย์เป็นหาดที่ยาวมาก น้ำทะเลสีฟ้า หาดทรายสีขาว บนชายหาดมีทั้งครอบครัวและคนหนุ่มสาว ส่วนในทะเลส่วนใหญ่จะเป็นนักเล่นกระดานโต้คลื่น ซึ่งเป็นภาพที่หาไม่เจอในควีนส์แลนด์ ทั้งนี้เพราะควีนส์แลนด์มี Great Barrier Reef กั้น ทำให้ไม่มีคลื่นพอที่จะเล่นเซิร์ฟได้ และเมืองที่เราอยู่เป็นจุดเริ่มต้นของเกรท แบริเออร์ รีฟ ทำให้ตั้งแต่เมืองเราขึ้นไปไม่มีคนเล่นเซิร์ฟเลย ที่ควีนส์แลนด์จะเริ่มเล่นเซิร์ฟได้ก็ที่ Agnes Water ที่เราพักค้างคืนคืนแรกลงมาทางบริสเบนและโกลด์โคสท์ จากนั้นก็เข้านิวเซาธ์เวลส์แล้ว หนุ่มๆเล่นเซิร์ฟหุ่นล่ำๆ น่าดูจริงๆเลย หลังจากแอบดูหนุ่มๆเล่นกระดานโต้คลื่นแล้วเราก็ขับรถกลับไปซื้ออาหารกลางวันก่อนจะขับอ้อมมาอีกด้านของหาด และจะหาที่นั่งเหมาะๆแล้วลงมือกินข้าวกัน อาหารกลางวันวันนี้ประกอบไปด้วย หอยนางรม 1 โหล กุ้งครึ่งกิโล ปูม้าสองตัว หอยนางรมฉันว่าสู้ที่เมืองเราไม่ได้ เพราะหอยที่นี่ไม่หวานเลย แต่ปูม้าที่นี่ฉันว่ามีเนื้อเยอะกว่าปูม้าที่เมืองเรา ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เราไม่กินปูม้าแต่จะกินปูทะเลมากกว่า แต่ปูม้าที่นี่เนื้อเยอะแล้วก็หวานดี ก็เลยกินได้ อร่อยดี หลังอาหารกลางวันก็เป็นเวลาที่เด็กหญิงจะปล่อยพลังงาน ที่พาร์คที่เรากินข้าวกลางวันมีสนามเด็กเล่นด้วย ลูกก็วิ่งไปเล่นทั้งชิงช้าและกระดานลื่น ช่วงนี้ไม่ต้องตามประกบมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว เพราะว่าลูกโตมากขึ้น สามารถเล่นเองได้ เราแค่มองอยู่ห่างๆก็พอ เพราะสนามเด็กเล่นไม่มีที่จะตกได้ แบบนี้ค่อยเล่นอย่างสบายใจหน่อย แต่เล่นได้ไม่นานพ่อก็บอกว่าได้เวลาออกเดินทาง เพราะอยากไปถึงที่กางเตนท์แต่หัววัน จะได้รีบกางเตนท์แล้วทำอะไรๆก่อนที่จะมืด ลูกก็กรี๊ดกร๊าดขัดใจเล็กน้อย แต่พอขึ้นรถได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว จากไบรอนเบย์เราใช้ถนนเลียบชายฝั่ง ผ่าน Lennox Head ซึ่งมีชายหาดที่กว้างใหญ่และทรายขาวสะอาดแต่ไม่ค่อยมีคนเลย คุณสามีจอดรถให้ฉันเข้าห้องน้ำ ส่วนพ่อกับลูกไปถ่ายรูปชายหาดมา หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ ขับรถต่อไปสักครู่ก็เจอจุดชมวิว เห็นอ่าว Lennox Head ทั้งอ่าว แต่เลนส์ไม่ให้ความร่วมมือเพราะช่วงยาว เลยถ่ายอ่าวมาเต็มอ่าวไม่ได้ จริงๆเคยมีเลนส์ช่วงสั้นแต่ลูกทำกล้องตกเลนส์แตกกระจาย ยังไม่มีเงินซื้อใหม่เลย เป็นเรื่องเศร้าใจมากๆ เสร็จจากชมวิวเราก็ขับรถเข้าทางหลวงหมายเลข 1 อีก คราวนี้ยิงยาวไปที่ Yamba ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง จุดหมายคือ Big 4 Holiday Parks ซึ่งพอขับรถตามป้ายไปเรื่อยๆก็เริ่มสงสัย นี่เราไปถูกหรือเปล่าทำไมข้างทางมีแต่ไร่อ้อย แต่ขับไปเรื่อยๆก็เจอที่พักแรมจริงๆ แต่อยู่ท่ามกลางไร่อ้อยเลย ถึงแล้วเราเข้าไปถามว่าจากที่นี่ไปในเมืองไกลหรือเปล่า พนักงานบอกว่าประมาณสิบนาที ซึ่งมันก็ไม่ไกลมาก คุณสามีเลยชวนค้างที่นี่แหละ เพราะในพาร์คกว้างขวางและมีที่ให้ลูกเล่น ราคาค่าที่กางเตนท์ (หลังจากหัก 10% แล้ว) $31.50 ไม่แพงเลย มีไฟฟ้าให้พร้อม ถูกใจที่สุด พอจ่ายเงินเสร็จก็ขับรถเลือกที่กางเตนท์ได้ตามสบาย พาร์คที่นี่ใหญ่มาก มี sites ให้ตั้ง 46 sites แล้วก็มีเคบินซึ่งราคาเริ่มต้นที่ $85 ไปจนถึง $195 นอกจากนั้นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ทั้งครัว ที่ย่างบาร์บีคิว มี jumping pillow ซึ่งลูกชอบมาก กระโดดใหญ่เลย Jumping pillow มีลักษณะเหมือนหมอนเป่าลมขนาดใหญ่ฝังลงดินครึ่งลูก สำหรับให้เด็กๆ (ผู้ใหญ่ด้วยก็ได้) กระโดดกัน ที่ Big 4 จะมี Jumping pillow อยู่แทบจะทุกที่ ระหว่างที่คุณสามีกางเตนท์ฉันก็เอาผ้าไปซัก เป็นเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ โดยจะต้องหยอด $3 ต่อหนึ่งโหลด ถ้าจะตากก็มีราวตากผ้าให้ หรือไม่อยากตากก็มีเครื่องอบให้ซึ่งก็ราคา $3 เหมือนกัน ฉันซักผ้าไว้แล้วไปซื้อกาแฟจากตู้กดกาแฟอัตโนมัติ อร่อยไม่อร่อยไม่รู้เพราะว่าวางไว้บนโต๊ะแล้วหกหมดเลย อดกิน หลังจากซักผ้า อบผ้า และอาบน้ำเสร็จเราก็ไปหาข้าวเย็นกินกันที่เมือง Yamba คุณสามีชวนกินอาหารไทยและเราก็เจอร้านอาหารไทยจริงๆเสียด้วย เราสั่งแกงเขียวหวาน ห่อหมกทะเล ทอดมัน ปีกไก่ทอด ผัดเนื้อน้ำมันหอย ห่อหมกทะเลอร่อยมาก ตอนจะกลับพี่เจ้าของร้านออกมาคุยด้วย พี่แอนมาจากเชียงใหม่ มาอยู่ออสเตรเลีย 21 ปีแล้ว คุยกันเรื่องกระเพราเพราะร้านพี่แอนมีผัดกระเพราแต่ใช้โหระพาแทนเพราะว่าหากระเพราไม่ได้ ฉันเลยขอที่อยู่ไว้แล้วจะส่งเม็ดกระเพรามาให้ เสียดายไม่ได้เอาติดรถมา เรามีเม็ดกระเพราเยอะแต่แพ็คส่งไปเพิร์ธแล้ว ต้องเอาไปด้วยเดี๋ยวจะไม่มีกระเพรากิน (ปรากฏว่ามาถึงเพิร์ธแล้วปลูกกระเพราที่อุตส่าห์เอาข้ามน้ำข้ามทะเลมาไม่ขึ้นซะอย่างนั้นแหละ) เสร็จจากอาหารเย็นก็กลับมาที่เตนท์ ระหว่างทางที่ผ่านไร่อ้อยก็เจอตาแดงๆอยู่ข้างทาง ชะลอรถดูปรากฏว่าเป็นกระต่าย เจอตั้งสามตัวแน่ะ แสดงว่ากระต่ายเยอะมากเลยแถวนี้ น่ารักด้วยนะ แต่เป็นกระต่ายป่า ปราดเปรียว กลับมาถึงเตนท์ก็มาเขียนบันทึก จากนั้นก็จะนอนแล้วแหละ จบไปอีกหนึ่งวัน จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:22:19

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดีค่ะคุณ +au_au+ ตามมาเลยค่ะ เดี๋ยวจะพาเที่ยวให้รอบ ฮ่า ฮ่า จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:24:21

ความคิดเห็นที่ 38 น่าสนุก  ไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:31:17

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีค่ะคุณเล็กทาโร่ ตามมาเลยค่า เดี๋ยวลงรูปหน่อยสักเล็กน้อย จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:45:36

ความคิดเห็นที่ 40 หลักเขตแดน ควีนส์แลนด์ - นิวเซาธ์เวลส์ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:47:06

ความคิดเห็นที่ 41 เข้าเขตนิวเซาธ์เวลส์ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:47:53

ความคิดเห็นที่ 42 วงเวียนเล็กๆในเมือง Byron Bay จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:49:30

ความคิดเห็นที่ 43 หนุ่มๆเล่นกระดานโต้คลื่น จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:50:13

ความคิดเห็นที่ 44 กระดานโต้คลื่น จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:50:58

ความคิดเห็นที่ 45 Byron Bay จากจุดชมวิว จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:51:49

ความคิดเห็นที่ 46 Byron Bay จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:52:34

ความคิดเห็นที่ 47 โต้คลื่น จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:53:19

ความคิดเห็นที่ 48 Byron Bay จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:54:06

ความคิดเห็นที่ 49 โต้คลื่น จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:54:53

ความคิดเห็นที่ 50 หุ่นล่ำๆ ตื่นตา ตื่นใจ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:55:32

ความคิดเห็นที่ 51 อีกซักรูป จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:56:19

ความคิดเห็นที่ 52 Byron Bay จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:56:53

ความคิดเห็นที่ 53 อาหารกลางวัน จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:57:40

ความคิดเห็นที่ 54 คนท้องถิ่นก็ปิคนิคที่พาร์คริมหาดเช่นกัน จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:58:37

ความคิดเห็นที่ 55 Lennex Head Beach จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:59:33

ความคิดเห็นที่ 56 กางเตนท์ที่ Big 4, Yamba เห็นชุดโต๊ะเก้าอี้แคมปิ้งที่ซื้อเมื่อวันก่อนไหมคะ $69 เอง จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:05:38

ความคิดเห็นที่ 57 Jumping Pillow จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:08:41

ความคิดเห็นที่ 58 มีใครอ่านอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย เดี๋ยวขอตัวจัดการกับลูกก่อนนะคะ ค่ำๆลูกนอนแล้วจะเข้ามาอัพต่อค่ะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 16:04:36

ความคิดเห็นที่ 59 ตามอ่านครับ จากคุณ : Civict2003 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 16:09:22

ความคิดเห็นที่ 60 โหลๆ มีใครอยู่บ้างค้า ลูกหลับ มาต่อกันอีกสักวันเนาะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:01:15

ความคิดเห็นที่ 61 Day Five: Emerald Beach, Coffs Harbour.. ระยะทาง 142 กิโลเมตร A: Yamba B: Ulmarra C: Emerald Beach D: Coffs Harbour จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:04:09

ความคิดเห็นที่ 62 Day Five: Emerald Beach, Coffs Harbour.. วันที่ห้าแล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปไวจัง วันนี้ฉันตื่นมาพร้อมกับลูก หันไปมองคุณสามีก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะตื่นซักที ก็เลยพาลูกไปเล่นที่ Jumping pillow ดีกว่า ลูกชอบเล่นมากๆ กรี๊ดกร๊าดใหญ่เลย ที่ Jumping pillow ฉันเจอเด็กๆเล่นกันอยู่สี่คน ทั้งสี่คนเป็นพี่น้องกันหมดเลย เคเดนพี่คนโต แบกซเตอร์น้องคนเล็ก ส่วนสองสาวตรงกลางไม่รู้ชื่ออะไร เพราะไม่ค่อยได้คุย ฉันประทับใจกับเคเดนมากๆ เป็นพี่ชายคนโตที่ดูแลน้องๆ แล้วยังเผื่อแผ่มาดูแลลูกด้วย เพราะว่าลูกเป็นเด็กตัวเล็กๆเวลาคนอื่นกระโดดก็ทำให้ลูกกระเด็นได้ แต่เคเดนจะค่อยๆกระโดดแล้วก็เล่นกับลูก ลูกอยากได้ลูกบอลก็เอาให้ พอแบกซเตอร์มาแย่งลูกบอลคืน เคเดนก็บอกให้น้องสาววิ่งไปเอาลูกบอลอีกลูกมาให้ลูกเล่นแทน แล้วพอแบกซเตอร์เกเรไม่ยอมแบ่งบอลเล่น เคเดนก็ทั้งขู่ทั้งปลอบจนแบกซเตอร์ยอมแบ่ง เป็นพี่ชายที่น่ารักมากๆ ถ้ามีลูกแบบนี้จะภูมิใจมากเลย เราเก็บเตนท์และออกเดินทางกันตอนเกือบเที่ยง และเนื่องจากติดใจห่อหมกทะเลที่กินที่ร้านอาหารไทยเมื่อคืน วันนี้เลยแวะเข้าไปซื้อกินกลางวันอีก อร่อยอีกแล้ว ชอบจังเลย ฉันสั่งใส่กล่องไปนั่งกินขณะเดินทางเพราะลูกหลับอยู่ไม่อยากจะจอดรถกินข้าว ปล่อยให้ลูกนอนดีกว่า และลูกก็นอนยาวจนเกือบถึงที่หมายเลยแหละ เห็นพ้องกันว่าวันนี้เราจะไปพักที่ Big 4 ที่ Coffs Harbour ซึ่งอยู่บน Emerald Beach ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง แต่เราใช้เวลามากกว่านั้นเยอะเพราะเจอเมืองน่ารักก็จอด ลูกอยากยืดแข้งยืดขาก็จอด แต่ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆไป ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ระหว่างทางขับรถผ่านเมืองเล็กๆ Ulmarra อย่าเรียกว่าเป็นเมืองเลย เรียกว่าเป็นหมู่บ้านดีกว่า เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่เงียบสงบมาก ตึกเก่าๆ และมีต้นศรีตรังเต็มไปหมด เราเห็นป้าย Village Centre เลยขับรถเข้าไป ประมาณสามร้อยเมตรก็สุดถนนแล้ว ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ สองข้างทางเป็นตึกสมัยโบราณ บ้างเป็นโรงแรม บ้างเป็นร้านค้า คุณสามีพาลูกขึ้นไปถ่ายรูปบนโรงแรม ซึ่งโรงแรมนี้อายุเป็นร้อยปีแล้ว คลาสสิคสุดๆ ส่วนฉันก็ถ่ายรูปต้นศรีตรังไปเรื่อย มีเยอะแยะเลย สวยมากๆ ออกจาก Ulmarra มุ่งหน้าสู่ Coffs Harbour ผ่านเมือง Grafton ช่วงนี้ Grafton กำลังจะมีเทศกาลดอกศรีตรัง เสียดายที่ไม่มีตอนเราผ่านพอดี ไม่งั้นก็ต้องแวะแน่นอน แต่นี่เทศกาลยังไม่เริ่มเราก็เลยตรงไปที่ Coffs Harbour เลย ซึ่งก็ขับรถนานเหมือนกัน จนฉันเผลอหลับเชียวแหละ ระหว่างทางจาก Ulmarra ไป Grafton เป็นถนนเลียบแม่น้ำ มีฟาร์มวัวเนื้อและวัวนมสลับกับไร่อ้อย และข้างถนนมีต้นศรีตรังขึ้นเป็นแถว เป็นภาพชนบทอันสงบเงียบ น่ามานอนอ่านหนังสือเล่นให้ลมเป่าตูดเป็นที่สุด นั่งรถไปฉันก็มองหาป้าย Emerald Beach ไป เพราะ Big 4 ตั้งอยู่ที่หาดนั้น แต่มองหายังไงก็ไม่เจอซักที แต่เจอป้าย  The Big Banana แทน คุณสามีเลยจอดรถพาลูกไปถ่ายรูปกับกล้วยใหญ่ The Big Banana เป็นสวนกล้วย เป็นสวนสนุก เป็นร้านอาหาร เป็นลานสเกตน้ำแข็ง เป็นอะไรหลายๆอย่าง แต่เราไม่ได้เข้าไปเพียงแค่ถ่ายรูปเท่านั้นเอง จากกล้วยใหญ่เราก็เข้า Coffs Harbour อ้าว แล้วหาดเอมเมอรัลด์ไปไหนล่ะ ถามคุณสามีว่าไม่เห็นป้ายเลยเหรอ คุณสามีบอกว่าไม่เห็นแต่ฉันคิดว่าเธอต้องขับเลยช่วงที่ฉันหลับแน่ๆ แล้วคุณสามีก็ถามว่าจะหาหาดเอมเมอรัลด์ทำไม อ้าว นี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองจะไปค้างที่นั่น บอกตั้งหลายรอบแล้วทำไมไม่รู้ คุณสามีบอกก็ไม่รู้นิ ก็นึกว่าเราจะไป Coffs Harbour เฮ้อ เลยเกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านกันเล็กน้อย ต้องกลับรถไปตามหาหาดมรกตกันอีก ดูจากแผนที่ก็ไกลเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ขับรถกลับไม่นานเท่าไหร่ก็เจอ พอขับเข้าไปที่ Big 4 ก็ตกลงค้างที่นี่ ตอนแรกคุณสามีบอกว่าถ้ามันไกลจากคอฟฟส์ฮาเบอร์มากจะไม่ค้างเพราะว่าอยากจะไปนั่งบาร์กินเบียร์ แต่พอเห็นสถานที่ดันตกลงค้างตั้งสองคืน ๕๕๕ ที่นี่เป็น Campsite ที่ใหญ่กว่าที่แยมบา มีไซท์ตั้งเป็นร้อยกว่าที่ มีเคบินรอบๆอีก มีสระน้ำอุ่น ซาวน่า Jumping pillow กระดานลื่น Mary goes round ตั้งอยู่ติดชายหาด (นอนฟังเสียงคลื่น) และที่เด็ดสุด มีไวเลสอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรี เรื่องนี้สำคัญมาก เป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจพักที่นี่ ๕๕๕ เรากะพักที่นี่กันสองคืน ให้รถได้พัก ให้เราได้พักกันด้วย ฉันมี The lost symbol ของ แดน บราวน์ต้องอ่านให้จบ คุณสามีมีธุระกิจกินเบียร์ที่ต้องทำ ส่วนคุณลูกสาวเราก็วางแผนจะพาไปสวนสนุกเด็กพรุ่งนี้ อ้อ และเราต้องลองชิม Local oysters ที่นี่ด้วย เป็นกิจธุระอันจำเป็นที่จะต้องชิมหอยนางรมในทุกที่ที่ไป ไม่งั้นไม่เรียกว่าไปถึง ระหว่างกางเตนท์คุณสามีบอกว่าให้เราพาลูกไปเดินเล่นบนชายหาด คุณลูกสาวพอรู้ว่าจะไปชายหาดเท่านั้นล่ะก็กรี๊ดกร๊าด รีบวิ่งนำแม่เลย แต่ยังไม่ครึ่งทางคุณเธอก็เดินกลับมาบอกว่า มัมมี่อุ้ม ๕๕๕ ชายหาด Emerald เป็นชายหาดที่ยาวและกว้าง ค่อนข้างสงบเพราะไม่ค่อยมีคน แต่ไม่เงียบเลยเพราะคลื่นโถมอยู่โครมคราม มองลงไปในทะเลเห็นคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้าหาฝั่งไม่ขาดสาย ให้ความรู้สึกเหมือนเกาะช้างในหน้ามรสุม แต่จะต่างกันก็ตรงที่ ในทะเลมีคนเล่นเซิร์ฟอยู่หลายคน คนออสซี่นี่ชอบการเล่นเซิร์ฟจริงๆ สมแล้วกับการเป็นชาวเกาะ แม้จะเป็นเกาะที่ใหญ่ขนาดเป็นทวีปก็เถอะ ที่นี่มีสัตว์ป่ามาเดินเพ่นพ่านด้วย ฉันเห็น Bush turkey (ไก่งวงป่า???) เดินไปมาอยู่ชายป่า เมื่อตอนเย็นที่ไปอาบน้ำก็เจอพอสซั่มอยู่บนเพดานห้องซักผ้า และเจอจิงโจ้อยู่หน้าห้องน้ำ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าที่เห็นนั่นคือ Kangaroo หรือ Wallaby เจ้าสองตัวนี้หน้าตาเหมือนกันต่างกันที่ขนาด คือ Kangaroo จะตัวใหญ่กว่า พอตอนกลับจากอาบน้ำเจอคนอื่นๆยืนล้อมเจ้าจิงโจ้อยู่ พอเห็นฉันมองก็มีคนบอกว่ายืนมองดู Kangaroo มีเจ้าถิ่นยืนยันแบบนี้เลยบอกได้ว่าวันนี้เจอ Kangaroo ด้วย แม้จะมีสัตว์ป่าเดินมาให้ดูหลากหลาย แต่ที่นี่ก็มีป้ายห้ามให้อาหารสัตว์ป่า ฉันว่าดีนะ ถ้าให้อาหารเดี๋ยวสัตว์ป่าก็จะมาขโมยหรือแย่งอาหารจากคน เหมือนที่เกิดขึ้นในหลายๆที่ในไทย ปล่อยให้สัตว์ป่าอยู่อย่างสัตว์ป่าดีกว่า ขณะที่เขียนบันทึกอยู่นี้ ได้ยินเสียงอะไรครางฮือฮืออยู่บนต้นไม้ คาดว่าน่าจะเป็นนก ก็บอกแล้วว่าที่นี่มีสัตว์ป่ามากมาย และเจ้าตัวนี้ก็เสียงหลอนได้ที่เลยเชียว จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:08:41

ความคิดเห็นที่ 63 แบ่งขนมปังกินกับเป็ด จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:11:03

ความคิดเห็นที่ 64 ต้นศรีตรังและแม่น้ำที่เมือง Ulmarra เมืองเล็กๆในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:11:51

ความคิดเห็นที่ 65 ตึกในเมือง Ulmarra จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:12:36

ความคิดเห็นที่ 66 โรงแรมอายุร้อยกว่าปี จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:13:15

ความคิดเห็นที่ 67 ดอกศรีตรัง จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:20:03

ความคิดเห็นที่ 68 ถนนหลักในเมือง Ulmarra จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:21:00

ความคิดเห็นที่ 69 ศรีตรังริมทาง แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 18:23:13 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 18:22:45 จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:21:53

ความคิดเห็นที่ 71 ศรีตรังริมทาง จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:24:41

ความคิดเห็นที่ 72 The Big Banana จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:25:17

ความคิดเห็นที่ 73 Emerald Beach ยามเย็น จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:25:56

ความคิดเห็นที่ 74 ตามมาชมต่อค่ะ ชอบมากๆ Road Trip แบบนี้ แต่เป็น Road Trip ที่ยาวนานมากๆ เลยนะคะ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 20:33:08

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณที่ติดตามค่ะคุณ Bpearl ใช่ค่ะ ยาวนานมาก แต่ก็สนุกมากๆค่ะ อยากเที่ยวแบบนี้อีก หวังว่าหลังเดือนกรกฎาจะได้เที่ยวอีกค่ะ คราวนี้จะไปทางตะวันตก จะได้รอบเกาะ ฮี่ๆ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:19:04

ความคิดเห็นที่ 76 Day Six: Relaxing day at Tabatinga Entertainment Centre & Cafe'.. จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:42:39

ความคิดเห็นที่ 77 Day Six: Relaxing day at Tabatinga Entertainment Centre & Cafe'.. วันนี้เราพาลูกไปเล่นสวนสนุกเด็กที่ Tabatinga Entertainment Centre & Cafe' เมื่อวานตอนที่เราเช็คอินที่กางเตนท์ เราได้หนังสือแนะนำที่เที่ยวมา เปิดดูแล้วเห็นว่าที่นี่น่าสนใจ ลูกน่าจะชอบ ก็เลยตกลงพาลูกไปกัน แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ลูกชอบมากๆ เพราะมีทั้งบ่อบอล มินิกอล์ฟ มีที่ให้ปีนเยอะๆ กระดานลื่น เกม เครื่องดนตรี และอะไรต่อมิอะไรที่สรรหามาให้เด็กโปรดปราน ลูกเสียค่าเข้า $8.50 ส่วนพ่อแม่เข้าฟรี แต่เค้าไม่ห้ามพ่อแม่เล่นนะ อิอิ เราเข้าไปถึงตอนเกือบเที่ยง ก็เลยสั่งอาหารกลางวันมากิน อาหารลูกมาในรถแข่งสีสวย ส่วนอาหารพ่อแม่มาแบบธรรมดา ก็อย่างว่าแหละ คนจ่ายเงินเข้ากับเข้าฟรี การบริการก็ต้องต่างกันบ้าง ลูกตื่นเต้นมากที่เห็นเครื่องเล่นมากมาย แทบจะรอกินข้าวเสร็จไม่ไหวเลย พอกินข้าวเสร็จแล้วเราปล่อยลูกเข้าไป ลูกก็วิ่งแจ้น ปีนไวราวกับลิง แป๊บเดียวไหลลงมาในท่อซะแล้ว พอลงมาแล้วก็บอกว่า more more แล้วก็วิ่งไปเล่นอยู่นั่นล่ะ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย ที่สวนสนุกนี้มีไวเลสฟรีให้เล่นด้วย สนุกแม่ล่ะ นั่งเฝ้าลูกไปเล่นเน็ตไปด้วย ส่วนพ่อก็ไปนั่งกินเบียร์ที่ผับตรงข้ามกัน เราอยู่ในสวนสนุกจนสี่โมงเย็น ก็ได้เวลากลับบ้าน แต่กว่าลูกจะยอมกลับก็ต่อรองแล้วต่อรองอีก more more สุดท้ายก็ลากกันออกมาได้ แต่ก็เสียน้ำตาเล็กน้อย ฮ่า ฮ่า จากสวนสนุกเราไปต่อกันที่ Woolworths เพื่อซื้อหอยนางรม พอฉันจะลงไปซื้อคุณสามีก็บอกว่าซื้ออาหารเย็นมาด้วยเลย วันนี้ทำอาหารเย็นกันดีกว่า โอ้ว เป็นภารกิจที่ยากมากๆเลยนะ ซื้ออาหารเย็นเนี่ย คุณสามีสั่งว่าให้ซื้อไส้กรอกมาย่างบาร์บีคิว พอฉันเข้าไปถึงชั้นที่ขายเนื้อ ก็นึกว่ามันไม่ใช่ไส้กรอกอย่างเดียวนะ บาร์บีคิวมันต้องมีสเต๊กด้วย ก็เลยซื้อ Lamb chops มา ซื้อซีซ่าร์สลัดแบบสำเร็จมาด้วยจะได้ง่ายๆ นอกจากนั้นก็ได้ผลไม้มาเพิ่มด้วย ลูกชอบกินในรถ ซื้อของแค่นี้แต่ใช้เวลานานโข เรื่องซื้อของกับฉันนี่ไม่เคยถูกกันเลยจริงๆ ฉันหยิบเงินมาเจ็ดสิบ และก็ว่าซื้อของนิดเดียวเองแต่ก็หมดไปหกสิบ ว่าจะไปซื้อผ้าห่มเพิ่มอีกผืนเลยไม่ได้เลย เงินหมดก่อน - -" กลับมาที่เตนท์ตะวันยังสาดแสง ก็เลยไปว่ายน้ำกัน น้ำในทะเลว่ายไม่ได้เพราะอากาศยังเย็นอยู่ ตอนนี้ยังไม่ซัมเมอร์ แต่น้ำในสระว่ายน้ำเป็นน้ำอุ่น เลยเล่นน้ำสบายใจ แต่ลูกก็บ่นหนาวๆเพราะว่าลมมันแรง ตรงที่พ้นน้ำก็หนาว ตรงใต้น้ำก็อุ่น เล่นน้ำจนเริ่มเย็นก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของไปบาร์บีคิวกัน   ใน Holiday park ที่นี่จะมีครัวให้สำหรับพวกกางเตนท์และคาราแวน มีกาต้มน้ำ ไมโครเวฟ เตาบาร์บีคิว ตู้เย็น แล้วก็มีโต๊ะกินข้าวให้ เราทำอาหารเสร็จก็กินข้าวกันที่ครัวเลย มีครอบครัวอื่นๆทำกับข้าวอยู่ก่อนสองครอบครัว เลยได้คุยกัน เป็นมิตรภาพระหว่างทางที่หาได้ง่ายๆ เพราะคนแรมทางนี่ส่วนใหญ่จะเป็นมิตรโดยพื้นฐาน เจอหน้ากันก็ยิ้มทัก คุยกันบ้าง แลกเปลี่ยนข้อมูลกันบ้าง และในฐานะที่พวกเขาเป็นคนนิวเซาธ์เวลส์ คุณสามีเลยถามว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เขาบอกว่า Forster ซึ่งประมาณสี่ชั่วโมงจาก Coffs Harbour พอกลับมาเปิดแผนที่ดูที่เตนท์ เราก็ตกลงใจไป Forster กันเลยเชียว เพราะตั้งอยู่บนชายหาดและมี Big 4 ด้วย ขอเกาะติดกับบิ๊กโฟร์นี่แหละ สบายดี มีไฟฟ้าให้เล่นเน็ตด้วย วันนี้ระหว่างเตรียมของไปบาร์บีคิว ก็มีแขกมาเยี่ยม ลูกเห็นแขกก็วิ่งเข้าใส่เลย มีแอปเปิลในมือ จะเอาไปแบ่งให้ ฉันรีบวิ่งตามแทบไม่ทัน กลัวจิงโจ้มันเตะเอา พอตกดึกหน่อยก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบข้างๆเตนท์ คุณสามีบอกว่าเสียงพอสซั่มนะนั่น สักพักได้ยินเสียงอยู่ในเตนท์ เฮ้ย พอสซั่มมันเข้าเตนท์ ฉันกำลังจะวิ่งไปไล่มันออก มันก็วิ่งออกไปก่อน แต่ไม่ไปมือเปล่า ในมือมีอะไรบางอย่างด้วย มันขโมยอะไรของเราไปเนี่ย ฉันพยายามถ่ายรูปแต่แสงไม่พอ กล้องโฟกัสไม่ได้ จนกระทั่งพอสซั่มหันหน้ามามอง เห็นตาแดงๆแล้วถึงจับโฟกัสได้ พอมาดูรูป คาปากเลย พอสซั่มขโมยขนมปัง เสร็จแล้วก็ไม่ไปไหน นั่งกินอยู่ข้างๆเตนท์นั่นแหละ พอขนมปังหมดก็ค่อยๆเดินกลับมาที่เตนท์อีก คราวนี้เราพยายามจับภาพให้ได้ แล้วก็เจอแอปเปิลในมือ เฮ้ย ไปเอาตอนไหนเนี่ย เขียนบันทึกเสร็จแล้วก็เข้านอนล่ะค่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกไกล จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:47:22

ความคิดเห็นที่ 78 ลิงสองตัว จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:48:23

ความคิดเห็นที่ 79 จิงโจ้ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:49:11

ความคิดเห็นที่ 80 .. จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:50:24

ความคิดเห็นที่ 81 ขโมย จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:51:04

ความคิดเห็นที่ 82 คาหนังคาเขา ขนมปังในมือ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:52:08

ความคิดเห็นที่ 83 ง่ำง่ำ อร่อย.. จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:52:57

ความคิดเห็นที่ 84 จบของคาวก็ต่อด้วยผลไม้ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:53:44

ความคิดเห็นที่ 85 ตัวพอสซ่ำเข้ามาจกแอปเปิลถึงไหนเตนท์ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:54:35

ความคิดเห็นที่ 86 วันนี้ขอไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ใครมาอ่านแล้วจะทักทายกันบ้างก็จะยินดีมากเลยนะคะ เงียบๆแล้วรู้สึกเหมือนนั่งพูดอยู่คนเดียว รู้สึกเสียเซลฟ์ยังไงก็ไม่รู้ ฮ่า ฮ่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อค่ะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:56:29

ความคิดเห็นที่ 87 เล่าเรื่องสนุกดีครับ ไม่ต้องเสียเซ้ว เป็นกำลังใจให้ แต่กระทู้เริ่มหล่นแล้ว แตกกระทู้ หรือตั้งกระทู้รีวิวตอนใหม่ โดยเอาลิงค์เก่าไปแปะก็ได้คับ ปล อิจฉาอยากมีเวลาเยอะๆไปเที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่นบ้างอะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 23:41:24

ความคิดเห็นที่ 88 ตามไปด้วยเหมือนเิดิมนะค่ะ จากคุณ : สามชั้น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:38:19

ความคิดเห็นที่ 89 รอติดตามตอนต่อไปครับ จากคุณ : Civict2003 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 07:33:06

ความคิดเห็นที่ 90 คิดถึงออสเตรเลียมาก  ผมก็ชอบนอนตามคาราวานพาร์คนะครับ ถูกดีและก็ได้บรรยากาศด้วย ได้ขับรถเที่ยวจากsydney ไป cairns เกือบทุกปี สนุกมากเปลี่ยนที่เที่ยวไปเรื่อยๆ จากคุณ : angelababy เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:32:09

ความคิดเห็นที่ 91 เข้ามาคิดถึงออสเตรเลียด้วยคนค่ะ เสียดายตอนที่เราไปมีเวลาแค่สิบวัน ได้ไปเที่ยวแต่ที่ใหญ่ ๆ ไม่ได้มีโอกาสขับรถไปแต่ละเมืองเหมือนคุณ Le Cielo  น่าสนุกดีจังเลยค่ะ :) จากคุณ : แมวเหมียวลาย ๆ สบาย ๆ อ้วนพี เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:05:52

ความคิดเห็นที่ 92 สวัสดีค่ะคุณ สามชั้น คุณ Civict2003 ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ คุณ Coffee Blended ใช่ค่ะ ยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แม้แต่คนออสซี่เองน้อยคนนักจะมีโอกาสแบบนี้ค่ะ คุณ angelalaby ขึ้นเหนือเราไปถึงแค่แอร์ลี่บีชเองค่ะ แต่ก็ชอบมาก ต้องไปทุกปีเลยเหมือนกัน อีกเมืองที่ผ่านก็ชอบ Yeppoon ไปมันแทบจะทุกสัปดาห์ บางทีแค่ขับรถไปกินข้าวกลางวันก็มีค่ะ เพราะมีร้านอาหารไทยอร่อยอยู่ที่นั่น (ขับรถสองชั่วโมงเอง ชิวๆ ฮ่าๆ) ที่เยปพูน ให้ความรู้สึกเหมือนภูเก็ตย่อส่วนค่ะ เงียบสงบกว่า แต่ลักษณะผังเมืองและชายหาดคล้ายๆกัน คุณ แมวเหมียวลาย ๆ สบาย ๆ อ้วนพี เที่ยวแบบนี้สนุกดีค่ะ ถ้ามีวันหยุดอีกลองโรดทริปสั้นๆสักสองสัปดาห์ดูก็ได้ค่ะ The Great Ocean Road คนก็ทำทริปสั้นๆกันมากเหมือนกันค่ะ แต่เราอิจฉาที่คุณได้ไป Bora Bora ล่ะ คิดว่าทุกคนในประเทศไทยต้องได้รับฟอร์เวิร์ดเมลอันนั้นเหมือนกันแน่ๆเลย เห็นแล้วอยากไป สักวันต้องหาโอกาสไปให้ได้เลย เดี๋ยวขอแปะอีกวันแล้วจะแตกกระทู้นะคะ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:41:52

ความคิดเห็นที่ 93 Day Seven: Diamond Beach, Hallidays Point.. ระยะทาง 280 กิโลเมตร A: Emerald Beach B: Port Macquarie C: Diamond Beach, Hallidays Point จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:44:49

ความคิดเห็นที่ 94 Day Seven: Diamond Beach, Hallidays Point.. เราออกจาก Big 4 ตอนเที่ยง ขับรถตรงดิ่งขึ้นทางหลวง ยังคงใช้ทางหลวงหมายเลข 1 แปซิฟิคไฮเวย์ เช่นเดิม จุดหมายวันนี้อยู่ที่ Hallidays Point ตอนอยู่ Yamba ฉันเห็นโบรชัวร์ของบิ๊กโฟร์ตามที่ต่างๆ แล้วเห็นโบรชัวร์อันนึงเป็นภาพหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีเขียว เห็นแล้วอยากไปมาก พอหยิบมาอ่านดู มันคือ Beachfront Holiday Park ที่ Hallidays Point เลยบอกคุณสามีว่าจุดต่อไปต้องไปที่นี่ให้ได้ รวมกับคุยกับคนอื่นๆแล้วเค้าแนะนำว่าให้ไป Forster พอเราเปิดดูหนังสือคู่มือของ Big 4 ก็เจอว่า Hallidays Point อยู่ใน Forster Region นั่นเอง พอดีเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ขับรถไปเรื่อยๆเราก็เจอ Tourist drive ไป Port Macquarie ซึ่ง Tourist drive คือถนนเส้นเล็กที่แยกออกจากไฮเวย์ เพื่อไปยังสถานที่ต่างๆ เพราะไฮเวย์จะเป็นทางตรงดิ่ง เพื่อให้การเดินทางรวดเร็ว ส่วน Tourist drive จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม หรือผ่านป่าเขาก็แล้วแต่ แต่จะเป็นถนนเล็กกว่า ขับรถได้ช้ากว่า และบางทีก็อ้อมกว่า  ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าบนไฮเวย์ ฉันบอกคุณสามีว่าใช้ Tourist drive กันเถอะ เผื่อมีอะไรน่าดู ก็เลยออกจากไฮเวย์กัน คุณสามีบอกว่ารู้นะทำไมฉันอยากออกจากไฮเวย์ จะหาหอยนางรมกินใช่ไหมล่ะ แหม เกลียดนักคนรู้ทัน ฮ่า ฮ่า คุณสามีพูดยังไม่ทันขาดคำ เราก็เจอร้านขายอาหารทะเล เลยแวะเข้าไปซื้อหอยนางรมหนึ่งโหล นั่งกินที่ร้านนั่นแหละ แต่รีบกินรีบไปเพราะว่าอากาศเย็นมาก แต่ก่อนจะออกจากร้านฉันก็ถามเจ้าของร้านว่า จากที่นี่ไป Hallidays Point ไกลหรือเปล่า เวลาตอนนั้นก็บ่ายสองครึ่งแล้ว เจ้าของร้านบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึง แต่เราต้องกลับไปขึ้นไฮเวย์อีก เพราะถ้าขับตรงเข้าไปถนนที่เราเข้ามาจะต้องไปอ้อมไกลมาก เราก็เลยตกลงกลับมาขึ้นไฮเวย์กันอีกที วันนี้ขับรถกันไกลพอสมควร ฉันเปิดหนังสือคู่มือนักท่องเที่ยวของบิ๊กโฟร์ดู ที่ที่เราจะไปตั้งอยู่บนถนนRed Head ซึ่งจะเป็นทางแยกออกไปก่อนที่จะถึง Black Head ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Hallidays Point และที่พักของเราจะตั้งอยู่บนหาด Diamond Beach (ชายหาดแถวนี้มีราคาทั้งนั้น เมื่อวานมรกต วันนี้เพชร) ซึ่งขับรถตามป้ายบอกทางก็ไปถึงโดยสวัสดี ไม่มีหลง สองข้างทางที่เราขับรถผ่าน ถ้าไม่นับว่าเป็นชายฝั่ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฟาร์ม มีทั้งม้า วัวเนื้อ และวัวนม เป็นภาพชนบทที่ดูโรแมนติกดี นึกภาพตัวเองใส่บูทรีดนมวัว เป็นคาวเกิร์ล เท่ซะไม่มี (ตื่นๆ) ความประทับใจแรกต่อที่พักที่นี่ไม่ดีเลยเพราะราคาที่กางเตนท์แพงมาก ฉันดูในคู่มือบอกว่าราคาเริ่มต้นที่ $34 แต่ที่เราจ่ายจริงๆคือ $45 ลด 10% สำหรับสมาชิกก็ยังเหลือ $41.5 แพงที่สุดเท่าที่เคยจ่ายมาเลย อินเตอร์เน็ตฟรีก็ไม่มีเหมือนที่หาดมรกต และไม่ว่าจะที่พาร์คไหนๆจะให้เตาบาร์บีคิวฟรี แต่ที่นี่ต้องจ่ายเงิน!! กรี๊ด ไม่โปรดอย่างแรง มีอะไรดีฮึถึงได้แพงกว่าชาวบ้านแล้วก็ไม่ได้ฟรีทุกอย่างแบบนี้ บ่นฮึดฮัดงึมงำไปกางเตนท์ไป ก่อนจะเดินไปดูชายหาดที่ได้ยินเสียงคลื่นกระโจนอยู่ครามโครม และพอเห็นชายหาดเท่านั้นแหละ อาการฮึดฮัดขัดใจก็อันตรธานไปสิ้นเพราะชายหาดสวยมาก ชายหาดกว้าง น้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้ม ทรายขาวและน้ำใส เสียดายก็แต่อากาศเย็นจนลงเล่นน้ำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะลงไปแหวกว่ายให้ฉ่ำใจไปเลย กางเตนท์เสร็จฉันก็บ่นกับคุณสามีว่าอยากกินอะไรเผ็ดๆ แซ่บๆ จัง ตั้งแต่กลับจากไทยก็ยังไม่ได้กินอะไรไทยๆที่มันทำให้ซี้ดซ้าดเลย เธอเลยบอกว่างั้นเราไปหาร้านอาหารไทยกันไหม บอกตรงๆว่าฉันไม่ค่อยอยากนะ เพราะเบื่อที่จะผิดหวังกับร้านอาหารไทย เพราะร้านไหนๆอาหารก็ไม่ไทยเหมือนกันหมด พยายามลองมาทุกที่ ผิดหวังแทบจะทุกที่ มีดีอยู่ก็แต่ที่ซิดนีย์เท่านั้นล่ะที่อาหารเป็นไทยจริงๆ แต่เห็นคุณสามีกระตือรือร้นที่จะช่วยให้ฉันหายอยาก ก็เลยตกลงไปตามหาร้านอาหารไทยเพื่อหาอะไรกินแซ่บๆกิน (โดยเดาเอาไว้ว่าต้องผิดหวังแน่นอน) เราจอดถามคนแถวนั้น เป็นผู้ชายที่กำลังจอดรถอยู่หน้าห้างพอดี ได้ความว่าที่ Hallidays Point ไม่มีร้านอาหารไทย แต่มีร้านนึงที่ Forster หรือจริงๆแล้วอยู่ใน Tuncurry ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ก่อนที่เราจะข้ามแม่น้ำไป Forster ร้านอาหารไทยนี่ต้องเลี้ยวซ้ายก่อนข้ามสะพาน แต่ก็เตือนมาว่าอย่าคาดหวังว่าอาหารจะไทยมากเพราะถูกดัดแปลงให้ถูกลิ้นฝรั่งไปเสียแล้ว ถึงแม้จะโดนเตือนมาอย่างนั้น พวกเราก็ยังตัดสินใจไปกันอยู่ดี ขับรถประมาณยี่สิบนาทีจาก Hallidays Point เราก็เจอสะพานที่จะข้ามจาก Tuncurry ไป Forster "เห็นสะพานแล้วอย่าข้าม ร้านอาหารไทยอยู่ด้านซ้ายมือก่อนขึ้นสะพาน" เสียงของผู้บอกทางดังแว่วอยู่ในหัว แต่มองหาร้านอาหารไทยด้านซ้ายมือของตัวเองยังไงก็หาไม่เจอ และรถเราก็มุ่งหน้าขึ้นสะพานแล้ว ก็เลยปล่อยเลยตามเลย และขับวนหาร้านใน Forster ตั้งนานสองนานก็ไม่เจอเลย ฉันเริ่มหงุดหงิด (แต่คุณสามีบอกว่าฉัน 'โมโหหิว') เลยบอกให้คุณสามีจอดรถถามคนแถวนั้น ซึ่งบอกนานแล้วก็ไม่ยอมจอดเสียที ผู้ชายนี่เป็นพวกไม่ยอมถามทางจริงๆใช่ไหม ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนก็ขับวนหาอยู่นั่น ต้องให้หงุดหงิดก่อนสิน่ะ ในที่สุดคุณสามีก็จอดถามทางเสียที ทราบว่ามีอีกร้านที่ Forster บนถนนเส้นหลักของเมืองชื่อ 101 Thai House ซึ่งคนลูกสาวบอกว่า It's very good อร่อยแค่ไหนต้องไปพิสูจน์กัน อาหารวันนี้คุณสามีเป็นคนสั่งเอง ทอดมันปลา ลาบไก่ ไข่ยัดไส้ เราสั่งมาแค่นี้เพราะมีบทเรียนว่าสั่งมาเยอะก็กินไม่หมด วันนี้เลยสั่งไม่มากและก็กินกันหมดพอดีแบบอิ่มจัดๆ อาหารที่นี่อร่อยจริงๆด้วย อาการอยากฟาดหัวฟาดหางด้วยความผิดหวังเลยไม่ได้แสดงออก โชคดีของคนรอบข้าง (=คุณสามี) ไป กินเสร็จก็กลับมาที่เตนท์ คุณสามีเล่นเน็ตต่อส่วนฉันเข้านอน คร่อก ฟี้ จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:12:40

ความคิดเห็นที่ 95 ที่พักแบบเคบิน จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:17:59