ความคิดเห็นที่ 1 แต่ก่อนอื่นเรามาทานอาหารเช้ากันก่อน เหมือนกันทุกที่เลยครับ  มีขนมปัง  กาแฟหรือชา  .. มีคนบอกว่า ที่ไหนที่ชาอร่อย  กาแฟจะห่วย  .. ที่นี่ไม่มีข้อยกเว้นครับ  จะไม่อยากผิดหวัง สั่งชาเถอะครับ ส่วนอีกอย่างคือ ออมเล็ต ซึ่งก็คือ ไข่เจียวบ้านเรานั่นแหละครับ  มี 2 แบบ  คือ ออมเล็ตแบบธรรมดา (ไข่เจียวไม่ใส่เครื่อง)  กับ ศรีลังกันออมเล็ต (ไข่เจียวใส่เครื่อง พวกผักต่างๆ) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:33:32

ความคิดเห็นที่ 2 เจอคุณลุง คุณป้ากลุ่มหนึ่ง  มาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน มาทัวร์หลวงพี่ เป็นวันหยุดหาที่พักรวมกันไม่ได้  เลยต้องแบ่งมาที่นี่  คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ยังไม่ลงมา เราเลยช่วยกันสั่งอาหารเช้าให้  แล้วเช็คเอาท์ร่ำลา ไปชมเมือง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:37:05

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนออกเดินทาง พนักงานโรงแรมมาถามว่า เอาไกด์ไปด้วยมั้ย  .. พวกเราส่ายหน้า ขี้เกียจเสียตังส์  แต่พอพนักงานบอกว่า ถ้าไปเองเสียค่าเข้าคนละ 3,000 รูปี รวม 9,000 รูปี  .. แต่ถ้าไปกับไกด์เสียแค่ 6,000 รูปี .. เอาซีครับ  คราวนี้หูผึ่งเลย  เพราะเท่าที่รู้มา ค่าเข้าที่นี่ 25 USD เท่ากับที่ Polonnaruwa   แต่เพื่อความมั่นใจเลยถามไปว่า ทำไมถูก  เค้าบอกว่า ไกด์เค้ารู้ช่องทางในการเข้า  และมีใต้โต๊ะนิดหน่อย .. ปีที่แล้วผมแบกเป้ไปลุยเดี่ยวที่ หงสาวดี  ก็เจอแบบนี้ ตกลงใจให้ไกด์ไปด้วย รอประมาณ 10 นาทีก็มาถึง ทางเข้าที่พัก อยู่ใกล้ถนนใหญ่นิดเดียว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:45:24

ความคิดเห็นที่ 4 ออกมาเจอป้ายรถเมล์ที่ปากซอย ... มารู้จัก Anuradhapura กันนิดนึงนะครับ อนุราธปุระ  เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา  เริ่มต้นจาก พ.ศ. 1  หลังจากที่พระพุทธเจ้าดับขันปรินิพพาน เจ้าชายวิชัย จากแคว้นคุชราต ในประเทศอินเดีย  เข้าครอบครองแผ่นดินศรีลังกา ที่เมืองตัมพปัณณิ  โดยต้องปราบปรามชนพื้นเมืองอย่างหนัก แล้วปราดาภิเษกเป็นพระเจ้าวิชัย  ครองราชย์ ณ เมืองตัมพปัณณิ ทรงให้อำมาตย์ผู้ใหญ่คู่พระบารมีไปสร้างเมืองใหม่เพื่อกระจายกำลังปกครองชนพื้นเมืองไม่ให้กระด้างกระเดื่อง อำมาตย์ที่ชื่อว่า อนุราธ จึงมาสร้างเมืองใหม่และตั้งชื่อว่า   อนุราธคาม  (แปลว่า ที่พำนักอาศัยของอนุราธ)  ยังมีปุโรหิตอีกคนชื่อ อุปติสสะ  ไปสร้างเมืองใหม่ชื่อ อุปติสสคาม   อยู่มาไม่นานก็สิ้นรัชกาลของพระเจ้าวิชัย  อุปติสสะ รับภาระในการสถาปนากษัตริย์ปกครองศรีลังกา  เนื่องจากพระเจ้าวิชัยไม่มีพระราชโอรส  ที่สุดต้องไปอัญเชิญเจ้าชายปัณฑุวาสุเทพ ซึ่งเป็นพระญาติมาสถาปนาเป็นกษัตริย์ขึ้นครองราชย์ ณ เมืองอุปติสสคาม (อุปะติสสะคามะ)   ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5  พระเจ้าปัณฑุกาภัย ทรงเลือกเมืองอนุราธปุระเป็นเมืองหลวง ทรงจัดการปรับปรุงบ้านเมืองเมืองเป็นการใหญ่ ให้ทันสมัย ตัดถนน ขุดสระน้ำเพิ่มเติม ผู้คนต่างหลั่งไหลมาประกอบอาชีพที่นี่ ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง   จนถึง พ.ศ. 1536  สมัยพระเจ้ามหินทร์ที่ 5 ได้สิ้นสุดความยิ่งใหญ่ลงเพราะเกิดจราจลวุ่ยวาย โดยกองทัพพระเจ้าราชราชะที่ 1 แห่งราชวงศ์โจฬะ  ตีกรุงอนุราธปุระสำเร็จแล้วรวมไปถึงแคว้นรัชรตะทางเหนือด้วย พระเจ้าราชราชะที่ 1 ให้ย้ายเมืองหลวงไปตั้งราชธานีใหม่ที่  เมืองโปโลนนารุวะ เมืองอนุราธปุระดำรงความยิ่งใหญ่มากว่า 1,500 ปี จึงมีทั้งสิ่งปลูกสร้างทั้งปราสาทราชวัง วัดวาอารามจำนวนมาก ทำให้อนุราธปุระกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ของพระมหาเจดีย์และปราสาทราชวังที่ยิ่งใหญ่ให้เราได้ชมกัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:49:01

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับคุณแฟ  มาคนแรกเลย ................................................................................................................................................................................................................ ที่แรกที่เราไปชมกันคือ วิหารอิสุรุมุณิยะ  (Isurumuni Raja Maha Viharaya) แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 55 14:54:13 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:50:36

ความคิดเห็นที่ 6 ค่าเข้าชมคนละ  200 รูปี  (ที่นี่ไม่อยู่ในเงื่อนไข 6,000 รูปี เพราะถึงมาเองก็ต้องจ่ายแยกต่างหาก) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:52:16

ความคิดเห็นที่ 7 ว่าจะปาดแซว เจอสายเข้ามา ตอนนี้วางไปแล้วครับ กลับมาจากเที่ยวแล้วยังรีวิวได้อีก แสดงว่างานโปร่งโล่งสบายจริงๆ ถ้ารับพนักงานเพิ่มบอกด้วยนะครับ จะขอไปสมัครบ้าง แต่ดูท่าทางจะยาก 555 จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:53:35

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ได้อู้งานครับคุณแฟ  .. เมื่อวานผมเข้ามาเคลียร์งานเสร็จ แล้วรีวิวตอนที่ 3  ..วันนี้ตาลีตาเหลือกทำตั้งแต่เช้าเลยครับ  เพิ่งเสร็จไปเมื่อกี้เลยรีวิวต่อเลย เพราะตอนนี้เนื้อหาเยอะมาก  คาดว่าคงช้า  ถ้างานเข้าคงหันไปทำงานก่อนฮับ .. อย่ามานะคุณแฟ  เดี๋ยวกระผ๊มตกงาน ................................................................................................................................................................................................................................ ตัววิหารอยู่ติดภูเขาซึ่งมีหน้าผายื่นออกมาและมีประติมากรรมนูนต่ำสลักติดกับหน้าผาเป็นรูปช้างหมอบ งายาว ด้านในมีพระพุทธรูปให้เข้าไปกราบไหว้ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:57:16

ความคิดเห็นที่ 9 มีประติมากรรมสลักหินอีกชิ้นเป็นรูปผู้ชายนั่งชันเข่าอยู่กับพื้น มีรูปม้าอยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นรูปท้าวกบิลที่ประทับนั่งเฝ้าม้ารอเวลาเข้าพิธีอัศวเมธ  (พิธีกรรมที่จะเอาม้ามาบูชายัญ) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 14:58:59

ความคิดเห็นที่ 10 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:07:36

ความคิดเห็นที่ 11 ตามมาเลยครับคุณ numsiam ................................................................................................................................................................................................................................ อาคารที่อยู่ด้านข้าง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:13:11

ความคิดเห็นที่ 12 ไหว้พระเสร็จแล้ว เดินขึ้นไปข้างบน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:17:33

ความคิดเห็นที่ 13 คุณสิบล้อก็มา  สวัสดีนะครับ ................................................................................................................................................................................................................................ ตรงนี้ไม่มีคำอธิบายติดไว้เลย  ไม่เดานะครับ กลัวผิด จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:19:25

ความคิดเห็นที่ 14 ตามไปเที่ยวศรีลังกาต่อครับบ....... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:19:39

ความคิดเห็นที่ 15 ตามชมต่อค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:20:44

ความคิดเห็นที่ 16 หวัดดีค่ะ ตามมาเที่ยวค่ะ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:22:02

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีครับคุณสายลมแห่งวิงค์ ................................................................................................................................................................................................................................ มีเจดีย์อยู่ที่ด้านบนสุด เนื่องจากเรามีเวลาที่นี่เพียง 3 ชั่วโมง  เลยต้องรีบไปที่อื่นต่อ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:22:35

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีครับคุณ armearn  และคุณเด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน  ตามกันมาเลยครับ  วันนี้เสร็จคงมืดค่ำโน่นน่ะครับ ................................................................................................................................................................................................................................ ขึ้นรถตู้ เดินทางไปจุดหมายถัดไป ตรงนี้ไม่ใช่จุดหมายนะครับ นั่งรถผ่านเลยถ่ายรูปไว้  Dakkhina Tupa : The Southern Monastry สร้างตั้งแต่ 100 ปีก่อนคริตศักราช  อยู่ทางตอนใต้ของเมือง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:32:08

ความคิดเห็นที่ 19 จุดหมายของเราอยู่นี่ครับ   Sri Maha Bodhiya จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:35:08

ความคิดเห็นที่ 20 ซื้อดอกไม้ถวายบูชาพระก่อนครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:38:54

ความคิดเห็นที่ 21 บูชาพระในที่นี่ครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:43:02

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นที่ประดิษฐานต้นประศรีมหาโพธิ์ที่มีอายุ 2319 ปี (ปลูกเมื่อ พ.ศ. 236)  เป็นต้นที่พระนางสังฆมิตตาเถรี  พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชทรงนำกิ่งตอนของต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ มาจากพุทธคยา มาถวายแด่พระเจ้าเทวานัมปิยตัสสะ  แล้วพระองค์ทรงนำมากปลูกไว้ที่นี่   บริเวณวัดมีกำแพง 3 ชั้น ชั้นแรกกั้นเขตวัด  ชั้นที่ 2  ล้อมต้นพระศรีมหาโพธิ์  ที่สร้างขึ้นในลักษณะเหมือนวิหาร  ชั้นในสุด กั้นล้อมบริเวณโคนต้น  ยกฐานขึ้นจากพื้นดินประมาณ 4 – 5 เมตร  ห้ามไม่ให้คนเข้าไปภายในกำแพงชั้นที่ 3 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:44:54

ความคิดเห็นที่ 23 การห้ามเข้าไปนี่มีข้อยกเว้นนะครับ สำหรับบุคคลสำคัญ เก็บใบร่วงไปฝากป้าข้างบ้าน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:47:23

ความคิดเห็นที่ 24 ซักพักเพื่อนมาบอกว่า มีคุณลุงคนนึงผูกข้อมือให้ มาพาผมไปด้วย   นึกว่าลุงเค้าจะทำให้ด้วยเห็นว่าเป็นคนต่างชาติ  ที่ไหนได้  เสร็จแล้ว ลุงทำท่าเรียกเงินซะงั้น  เลยให้ไปนิดหน่อย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:50:28

ความคิดเห็นที่ 25 ใกล้ๆ อีกซักรูป จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:53:39

ความคิดเห็นที่ 26 บริเวณด้านหน้าพระวิหารมีประติมากรรมรูปปั้นของพระนางสังฆมิตตาเถรี  กำลังถวายกิ่งตอนของพระศรีมหาโพธิ์ในกระถางทองคำแด่พระเจ้าเทวานัมปิยตัสสะ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:56:54

ความคิดเห็นที่ 27 ปกติเห็นตัวนี้อยู่ตรงทางเข้าวิหาร  วันนี้เพิ่งเห็นตัวเต็มๆ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:59:45

ความคิดเห็นที่ 28 โลหปราสาท ห่างจากพระศรีมหาโพธิ์ประมาณ 100 เมตร  (ซาก)โลหปราสาท เดิมมีความสูง 9 ชั้น สร้างโดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์ผู้ครองกรุงอนุราธปุระ ลำดับที่ 14  (พ.ศ. 382 – 406) ใน 9 ชั้นแต่ละชั้นแบ่งออกเป็น 100 ห้อง แต่ละห้องประดับประดาอัญมณีมีค่า ใช้เป็นสถานที่พำนักอาศัยของพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์สูง  ต่อมาในสมัยพระเจ้าสัทธาติสสะ เกิดเพลิงไหม้จนหมด พระเจ้าสัทธาติสสะทรงสร้างขึ้นใหม่มีความสูง 7 ชั้น  และมีการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง สุดท้ายถูกทำลายด้วยฝีมือของโจรโจฬะ   ซากปรักหักพังที่เห็นเป็นเสาหินในปัจจุบันเป็นโลหะปราสาทหลังล่าสุดที่พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชทรงสร้างขึ้นใหม่ ในต้นพุทธศักราชที่ 18  รวมทั้งสิ้น 1,600 ต้น  (40 x 40) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:03:08

ความคิดเห็นที่ 29 โลหปราสาทในโลกนี้มี 3 แห่ง คือ   1. โลหปราสาทวัดบุพพาราม ในนครสาวัตถี ประเทศอินเดียที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา สร้างถวาย 2. โลหปราสาทแห่งกรุงอนุราธปุระ 3. โลหปราสาทวัดราชนัดดา ซี่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:05:15

ความคิดเห็นที่ 30 เดินตามทางไปเรื่อยๆ สุนัขที่นี่รูปร่าง หน้าตาแบบนี้หมดเลย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:09:11

ความคิดเห็นที่ 31 ลิงก็เยอะ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:11:21

ความคิดเห็นที่ 32 จุดหมายต่อไป สุวรรณมาลิกเจดีย์  หรือ เจดีย์รุวันเวลิ (Ruvanveliseya) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:14:55

ความคิดเห็นที่ 33 พระมหาเจดีย์สุวรรณมาลิก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย  ระหว่างปี พ.ศ. 382 – 406  เพื่อฉลองชัยชนะในสงครามที่พระองค์ได้ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระยาเอฬทมิฬ แต่ยังไม่ทันเสร็จพระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระอนุชา คือ พระเจ้าสัทธาติสสะ ทรงสร้างต่อจนสำเร็จ    ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ผู้ออกแบบ คือ พระอินทคุตตะ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ และได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน   บริเวณรอบลานประทักษิณมีประติมากรรมพระพุทธรูปที่สลักจากหินปูนจำนวน 4 องค์ อายุกว่า 1,200 ปี  มีสถูปจำลองขนาดเล็กที่น่าจะเป็นพระสถูปจำลองพระมหาสถูปองค์เดิมก่อนที่จะมีการเสริมแต่งขึ้นใหม่    อีกด้านมีประติมากรรมแกะสลักหินรูปบุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่  ที่อาจจะเป็นพระบรมรูปของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:18:23

ความคิดเห็นที่ 34 นี่ครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:21:28

ความคิดเห็นที่ 35 สวย  ไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:21:50

ความคิดเห็นที่ 36 อยู่ห่างจากโลหปราสาทปราสาทประมาณ 200 เมตร  รอบๆ มหาสถูปเจดีย์มีประติมากรรมช้าง จำนวน 344 เชือก จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:23:10

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดีครับคุณเล็กทาโร่  ยินดีครับ ............................................................................................................................................................................................................................... เป็นทวารบาล (Guard Stone) เพื่อเป็นยามเฝ้าดูแลโบสถ์วิหารสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:24:59

ความคิดเห็นที่ 38 เค้ากำลังถ่ายหนังกัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:27:44

ความคิดเห็นที่ 39 ลืมทักทายคุณไก่เจี๊ยบไปครับ ................................................................................................................................................................................................................................ มาตั้งหลายวัน เพิ่งจะเจอแมว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:31:35

ความคิดเห็นที่ 40 เดินออกมา ขึ้นรถไปที่  Mirisewetiya  Dagoba สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้า Dutugemunu ระหว่าง 161 - 137 ปีก่อนคริตกาล เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ต่อมาได้พังทลายลง  และถูกสร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1979 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:40:15

ความคิดเห็นที่ 41 เศษซากที่เหลืออยู่ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:41:57

ความคิดเห็นที่ 42 ทีแรกกะจะไป  มหาเจดีย์อภัยคีรี  แต่ไกด์บอกว่ากำลังปิดซ่อมแซม ไปไม่ได้  เลยได้แต่ถ่ายรูปในระยะไกล  ผ่าน Abaya Wewa (Basawak Kulama) มหาเจดีย์อภัยคีรี   สร้างเมื่อต้นศตวรรษที่ 2  ในสมัยพระเจ้าคชพาหุ สูงจากพื้นดินถึงยอด 113 เมตร  เส้นผ่าศูนย์กลาง 110 เมตร  สูงเป็นอันดับสองรองจากมหาสถูปเจดีย์เชตวัน  ซึ่งมีความสูงมากกว่า 120 เมตร  ปัจจุบันส่วนยอดหักทำลายไปบางส่วนเหลือเพียง 76 เมตร  นอกจากนี้มีพระพุทธรูปปางสมาธิศิลาสลัก  หินรูปพระจันทร์ครึ่งดวงหรือมูนสโตน (moonstone) ที่มีสภาพสมบูรณ์ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:52:38

ความคิดเห็นที่ 43 เราเลยเดินไปดู หินรูปพระจันทร์ครึ่งดวงหรือมูนสโตน (moonstone) ที่มีสภาพสมบูรณ์     สังเกตดูนะครับว่าที่นี่มีความแตกต่างกับที่ Polonnaruwa โดยช้าง ม้า สิงโต วัว อยู่ในช่องเดียวกัน คนนนี้ไกด์ของเรา ชื่อ Raja  แกทำหน้าที่พาเราไปที่ต่างๆ แล้วให้เราเข้าไปกันเอง  ส่วนแกรออยู่ข้างนอก  มีตรงนี้ที่เดียวที่บรรยายให้เราฟัง  ส่วนที่อื่นต้องอาศัย ไกด์บิ๊ก  .. เฮ้อ.. จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:58:31

ความคิดเห็นที่ 44 จากตรงนี้มองเห็นพระมหาเจดีย์สุวรรณมาลิก จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 17:00:14

ความคิดเห็นที่ 45 หายไปไหนแล้วครับไกด์บิ๊ก จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 19:48:13

ความคิดเห็นที่ 46 ตามมาชมต่อค่ะ  เจดีย์เขาแปลกดีนะคะ อ้วน ๆ จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 19:51:25

ความคิดเห็นที่ 47 มาแว้วครับคุณแฟ  .. เน็ตที่ทำงานล่ม  เพิ่งกลับมาถึงบ้านครับ   หวัดดีครับคุณแม่ติดเน็ต  มาต่อกันเลยครับ ............................................................................................................................................................................................................................... สถานที่ต่อไป  ถูปาราม  (Thuparamaya)     อ่างแช่น้ำยาเพื่อรักษาโรคครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:29:03

ความคิดเห็นที่ 48 ถูปาราม  (Thuparamaya)     สร้างในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ โดยมีพระมหินทเถระร่วมสร้างด้วยเพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมธาตุรากขวัญ (กระดูกบริเวณไหปลาร้า) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:32:50

ความคิดเห็นที่ 49 บริเวณนั้นมีเสาศิลาจำนวนมากล้อมรอบองค์พระสถูป เคยทำหน้าที่เป็นเสาค้ำยันโครงหลังคาซึ่งเป็นไม้ และผุพังตามกาลเวลา  เหลือแต่เสา จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:40:40

ความคิดเห็นที่ 50 ถูปารามถูกใช้เป็นสถานที่ทำสังคายนาครั้งแรกของศรีลังกา (ครั้งที่ 4 ของโลก) เมื่อ พ.ศ. 236  มีพระอรหันต์เข้าร่วม 68,000 องค์  โดยประธานในการทำสังคายนา คือ พระมหินทเถระ  ผู้สนับสนุนและองค์อุปถัมภก คือ พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:41:17

ความคิดเห็นที่ 51 ต่อมาในสมัยพระเจ้าลัญชติสสะ ระหว่างปี พ.ศ. 424 – 434 มีการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างศาลามีหลังคาคลุมโดยรอบพระสถูปเจดีย์ โดยมีเสาและโครงหลังคาทำด้วยไม้ล้วน   ในสมัยพระเจ้าอัคคโพธิ ที่ 2  ระหว่างปี พ.ศ. 1151 – 1161  มีการปฏิสังขรณ์ด้วยการรื้อศาลารอบพระสถูปที่เป็นไม้ออกหมดแล้วเปลี่ยนเสาค้ำยันทุกต้นเป็นศิลา  ส่วนอื่นคงเป็นไม้เช่นเดิม จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:42:54

ความคิดเห็นที่ 52 เหลือแต่เสา จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:44:24

ความคิดเห็นที่ 53 moonstone ของที่นี่ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:45:28

ความคิดเห็นที่ 54 The Royal Palace  สมัยพระเจ้าวิชัยพาหุ ทีแรกนึกว่าจะใหญ่แบบของพระเจ้าปรากรมฯ ที่ Polonnaruwa ที่ไหนได้  มีเท่านี้แหละครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:49:38

ความคิดเห็นที่ 55 ทวารบาลตัวอ้วน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:51:06

ความคิดเห็นที่ 56 ในรูปแรก  เห็นหลังคาใช่มั้ยครับ เราก็นึกว่าทำไว้ทำไม  จนมาเจอสิ่งนี้ครับ มีตั้ง 2 สำรับ  .. สร้างหลังคาไว้เล่นไพ่เหรอเนี่ย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:53:59

ความคิดเห็นที่ 57 สถานที่นี้ในครั้งกระโน้น  เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ  พระเขี้ยวแก้ว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 20:59:04

ความคิดเห็นที่ 58 นั่งรถมานิดนึง สระแฝดกูฏฏัมโปกุณะ  (Kuttam Pokuna) จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:05:12

ความคิดเห็นที่ 59 สระแฝดกูฏฏัมโปกุณะ  (Kuttam Pokuna)  สร้างราว พ.ศ. 8  เพื่อให้พระสงฆ์ใช้เป็นที่สรงน้ำ มีสระใหญ่กับสระเล็ก เชื่อมต่อถึงกันโดยท่อระบายน้ำขนาด 5 นิ้ว  ฝังลึกลงไปไม่น้อยกว่า 3 เมตร  พร้อมท่อระบายน้ำเสีย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:09:25

ความคิดเห็นที่ 60 แผ่พังพาน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:11:10

ความคิดเห็นที่ 61 เขรอะเชียว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:12:19

ความคิดเห็นที่ 62 จุดสุดท้ายของวันนี้ มหาสถูปเจดีย์ที่วัดเชตวัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:16:12

ความคิดเห็นที่ 63 บริเวณวัดก่อนขึ้นมหาเจดีย์  เมื่อก่อนมรพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานที่นี่ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:18:34

ความคิดเห็นที่ 64 ภายในอาคารสำหรับการสักการะ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:20:50

ความคิดเห็นที่ 65 มหาสถูปเจดีย์ที่วัดเชตวัน   ก่อสร้างโดยพระเจ้ามหาเสนะ (พ.ศ.819 – 846) เพื่อถวายพระติสสเถระ หัวหน้าคณะสงฆ์แห่งอภัยคีรีวิหาร  สมัยนั้นมีอิทธิพลอยู่ทางตอนเหนือของกรุงอนุราธปุระ  มีคู่แข่งคือ คณะมหาวิหาร (แบบเดียวกับเมืองไทยที่มีคณะมหานิกายกับธรรมยุติ)   ทั้งคู่แข่งกันสร้างมหาเจดีย์ว่าของใครสูงกว่ากัน โดยอยู่ที่ เชตะวันมหาวิหาร และอภัยคีรีวิหาร จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:23:04

ความคิดเห็นที่ 66 มหาสถูปเจดีย์เชตวัน  ซึ่งมีความสูง 125 เมตร  ปัจจุบันส่วนยอดหักทำลายไปบางส่วนเหลือเพียง 76 เมตร จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:25:25

ความคิดเห็นที่ 67 เอาล่ะครับ  .. เบ็ดเสร็จครบถ้วน  สำหรับสถานที่สำคัญของที่นี่  ถ้าจะเที่ยวให้ครบจริงๆ คงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน  รวมถึงมิหินตาเล (Mihintale)  ที่อยู่ห่างจากอนุราธปุระประมาณ 12 กม.   มีสถานที่สำคัญคือ มิสสกบรรพต หรือ เจติยคีรี  (ภูเขาแห่งเจดียฺ) และโรงพยาบาลเสนราช (Ancient Hospital) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเสนะที่ 2 พ.ศ. 1396 – 1430)   เวลาเรามีน้อย  ก็ได้เวลาเข้าโคลอมโบกัน  แวะไปส่ง Raja ที่โรงแรม  แวะทานอาหารกลางวันที่เดิมกับเมื่อคืน  แล้วออกเดินทางกัน   จุดหมายคือ  เอากระเป๋าเข้าที่พักที่ Negombo แล้วให้รถไปส่งที่ Colombo แล้วเที่ยวที่นั่น  และนั่งรถไฟกลับ ระยะทางจาก Anuradhapura - Negombo  170 กม. จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:34:50

ความคิดเห็นที่ 68 เอาอีกแล้วครับ  .. โดนอีกแล้ว .. จราจรที่อนุราธปุระนี่ช่างขยันจริงเลย  คราวนี้ไม่รอดครับ เพราะลิมิต 70 กม./ชั่วโมง  พี่แกเล่นซะ 86 กม./ชั่วโมง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:38:29

ความคิดเห็นที่ 69 โดนจนได้ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:42:28

ความคิดเห็นที่ 70 นั่งรถมานานมาก  4 ชั่วโมงกว่า  พอมาถึงวนหาที่พักอยู่นานมาก   ที่พักคืนนี้ Mazz Homestay  ดูตามแผนที่เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย เพราะที่นี่มีลักษณะเป็นบ้าน  ต้องลงรถมาเดินหาจนเจอ  บ้าน 2 ชั้น  ไม่เจอคน เดินขึ้นไปชั้นสอง  เจอคนบนบ้าน เค้าบอกว่า Mazz อยู่ชั้น 1 ให้กดกริ่งเรียก มารู้ทีหลังว่า เจ้าของเป็นลูกครึ่งมาเลเซีย-ศรีลังกา  มีภรรยาเป็นชาวศรีลังกา ยังหนุ่มอยู่เลย  มีลูกอ่อนอายุ 2 เดือน  มาเช่าบ้านบริเวณชั้นล่าง ทำเป็น Homestay สภาพทางเข้าบ้านตอนกลางคืน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:51:52

ความคิดเห็นที่ 71 ลืมทักทายเพื่อนๆ ไป 2 ท่าน  สวัสดีนะครับคุณปลายฟ้ากับคุณ Traveller Among Mountains ................................................................................................................................................................................................................................. ด้านใน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:56:03

ความคิดเห็นที่ 72 เป็นกระทู้แรกที่รีวิวที่บ้านหรือเปล่าคะ ^^ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:57:09

ความคิดเห็นที่ 73 ห้องพักเป็นแบบ 4 เตียง  จ่ายเงินจองมาในราคา 4 เตียงครับ  กลัวมีใครมานอนด้วย ถูกสุดในทริปครับ  4,500 รูปี ทีแรกอยากจะนอน Hilton ใน Colombo  แต่เช็คราคาแล้วคนละ 2,400 บาทแน่ะ ในขณะที่ทริปนี้จ่ายค่าที่พัก 4 คืน  ตกคนละ 2,330 บาทเอง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:59:38

ความคิดเห็นที่ 74 ...ตามคุณบิ๊กมาเที่ยวต่อนะคะ   เจดีย์รูปทรงแปลกตามากๆ เลยค่ะ รอชมต่อนะคะ   ^-^ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:01:45

ความคิดเห็นที่ 75 ใช่ครับคุณเปิ้ล  รู้ได้ไงครับเนี่ย ................................................................................................................................................................................................................................ ห้องน้ำรวม  มีแต่พัดลม  ไม่มีมุ้งลวด เลยไม่ได้เปิดหน้าต่าง ไม่งั้นยุงเข้ามาหามออกไปแน่  ก็ทนนอนไป  รุ่งขึ้นก็ไปสนามบินแล้ว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:03:06

ความคิดเห็นที่ 76 เจดีย์หลายแห่งที่ศรีลังกา  คล้ายกับที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเลยนะคะ     ประเทศนี้ดูสะอาดกว่าอินเดียเยอะเลยค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:08:59

ความคิดเห็นที่ 77 ใกล้จบเต็มทีแล้วครับคุณปลายฟ้า ................................................................................................................................................................................................................................ เสร็จแล้วรีบบึ่งรถเข้า Colombo ทันที  เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  รถติดมาก ในระหว่างนั้น เพื่อนคนนึงก็เขียนจดหมายน้อยฝากไปกับคนขับรถ เพื่อขอบคุณ Lahiru .. แน่ะ .. มันบอกไม่สนใจ  .. แล้วมันเขียนทำไมฟระ... เนื่องจากใกล้มืดแล้ว ตัดสินใจว่าจะไปแค่ 2 ที่  ให้คนขับรถไปส่งที่ วัดเกลานิยาราชมหาวิหาร  (Kelaniya Temple)  หรือวัดกัลยาณี จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:09:09

ความคิดเห็นที่ 78 อินเดียกับศรีลังกานี่คนละเรื่องเลยครับป้าฟู  .. ผม reccommend ศรีลังกาครับ ................................................................................................................................................................................................................................ ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงวันวิสาขบูชาอยู่  มีการแจกน้ำ ขนมฟรี จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:13:30

ความคิดเห็นที่ 79 ชิมชาอบเชยซะหน่อย .. ไม่เคยลองมาก่อน  รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:15:53

ความคิดเห็นที่ 80 ไปชมวัดกันดีกว่าครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:21:16

ความคิดเห็นที่ 81 ใกล้ๆ หน่อย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:24:35

ความคิดเห็นที่ 82 วัดเกลานิยาราชมหาวิหาร  (Kelaniya Temple)  หรือวัดกัลยาณี  ถือกันว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:28:58

ความคิดเห็นที่ 83 มีเจดีย์องค์ใหญ่สีขาว  เป็นที่ประดิษฐานหรือบรรจุพระบัลลังก์ทองที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รูปทรงเป็นแบบโอคว่ำ  ไม่ใช่ทรงระฆัง  รูปแบบนี้นิยมกันมากในอินเดียสมัยโบราณ เรียกว่า ศิลปะสาญจิ   ว่ากันว่า พระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จเยือนศรีลังกาถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 เสด็จพุทธดำเนินมาที่กัลยาณีบุรี  อันเป็นที่ตั้งของวัดแห่งนี้  แล้วเสด็จไปประทับรอยพระพุทธบาทไว้บนยอดเขาสุมนกูฏ หรือ อาดัมส์พีค ทางภาคใต้ใกล้เมืองรัตนปุระ  การเสด็จครั้งนี้ได้ทรงห้ามศึกระหว่างกษัตริย์มโหทรกับกษัตริย์จุโลทรที่แย่งบัลลังค์ฝังเพชรพลอยที่เกือบต้องทำสงครามกัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:32:58

ความคิดเห็นที่ 84 เข้าไปชมจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อภายในโบสถ์กัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:40:24

ความคิดเห็นที่ 85 moonstone  หน้าตาแปลกดี จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:42:16

ความคิดเห็นที่ 86 ข้างในวิจิตรงดงามมาก จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:46:54

ความคิดเห็นที่ 87 ภาพสวยมากครับ ไม่มีโอกาสไปเองก็ขอเกาะขอบจอตามไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : declare01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:54:34

ความคิดเห็นที่ 88 สวัสดีครับคุณ declare01  .. ช่วงนี้เอาแต่เที่ยว ไม่ค่อยได้อ่านรีวิวทริปยุโรปตะวันออกเลยครับ ................................................................................................................................................................................................................................ ด้านนี้ทำด้วยไม้ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 22:58:15

ความคิดเห็นที่ 89 จิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 23:04:37