เริ่มเดินเล่นแบบเพลินๆ กลางฝนพรำ
ฉันเริ่มเปิดแผนที่เมือง Bern กันก่อนเลยแล้วพร้อมเดินทางกันต่อ <ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแผนที่ต่าง ๆ จากเวปไซต์ http://maps.google.co.th/>
ระหว่างการเดินทางเพื่อเพิ่มความสนุกสนานของทัวร์เดินเท้าครั้งนี้ ฉันก็ขอเล่าเรื่องราวที่ฉันรู้งูงู-ปลาปลาเกี่ยวกับเมือง Bern ให้คุณผู้อ่านฟังกันก่อนนะ
เมือง Bern ที่พวกเรากำลังจะไปเที่ยวนั้นเป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐสวิส มีประชากรประมาณ 122,658 คน คิดเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 4 ของ สวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาสวิสเยอรมันกัน หน้าตาของเมืองนี้แตกต่างจากเมืองหลวงส่วนใหญ่ในยุโรปโดยสิ้นเชิง ทำให้หลายคนต่างเข้าใจผิดว่าเมือง Zürich ต่างหากที่เป็นเมืองหลวงแท้จริงของสวิตเซอร์แลนด์ แต่สำหรับฉันในการเลือกมาเที่ยวเมือง Bern นั้นไม่ไช่เพราะต้องการมาเที่ยวเมืองที่ทันสมัยหรูหราไฮโซแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ฉันอยากสัมผัสก็คือ การไปเยี่ยมเยือนเขตเมืองเก่าซึ่งองค์การ UNESCO ได้ยกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Cultural World Heritage) ตั้งแต่ปี 1983 และแถมได้รับรางวัลหนึ่งในสิบของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย
ตามบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมือง Bern ได้ระบุว่าในช่วงสมัยศตรวรรษที่ 12 ราชวงศ์ Zähringen มีอำนาจมากที่สุดในดินแดนแถบนี้ ดยุค Berchtold V แห่งราชวงศ์ Zähringen ต้องการแสวงหาพื้นที่ ที่มีทำเลที่ตั้งเป็นยุทธศาสตร์การรบอันเหมาะสม มองหากันอยู่นานจนกระทั่งพบดินแดนแห่งนี้ และได้ก่อตั้งเมือง Bern ขึ้นที่นี่ในปี 1191 โดยทำเลที่ตั้งของเมืองได้ตามความต้องการของดยุคเป็นที่สุด เนื่องจากเป็นจุดที่แม่น้ำ Aare โค้งเป็นรูปตัวยูพอดิบพอดีทำให้แม่น้ำโอบล้อมเมืองถึงสามด้าน ดยุคได้มอบหมายคำสั่งให้ท่าน Cuno Von Bubenberg สร้างกำแพงเมืองขึ้นทางทิศตะวันตกและมีหอนาฬิกาเป็นประตูเมือง แถมมีการสร้างคูเมืองล้อมรอบกำแพงเมืองอีกชั้นหนึ่งด้วย ดังนั้นจากการวางแผนผังเมืองแบบนี้แล้วเมือง Bern จึงสามารถป้องกันการบุกโจมตีของข้าศึกศัตรูได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในที่สุดในปี 1218 เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ Zähringen เนื่องจากไร้ผู้สืบสกุล เมือง Bern ก็ถูกยึดครองโดยชาวโรมันและเปลี่ยนสถานะเป็นเมืองอิสระแห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ไป
ต่อมาในช่วงปี 1255-1265 เมือง Bern ถูกปกครองโดยท่านเคาต์ Peter II แห่งตระกูล Savoy มีการขยายเขตเมืองออกไปอีกทางทิศตะวันตกในปี 1252 และมีการสร้างกำแพงเมืองใหม่โดยมี Käfigturm (Prison Tower) เป็นประตูเมืองในปี 1256
ในปี 1353 เมือง Bern ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธรัฐสวิส
ในปี 1405 ได้เกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ขึ้น ส่วนหลักของเมืองถูกไฟไหม้ทำลายไปเกือบหมดเนื่องจากส่วนต่างๆ ทำมาจากไม้โอ๊ค ต่อมาจึงมีการสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยหินทรายแทน
เมือง Bern ยังคงขยายอำนาจการยึดครองออกไปเรื่อยๆ เช่น ยึดครองเมือง Aargau ทางเหนือ(1415) เมือง Vaud (1536) จนกระทั่งเมือง Bern มีฐานะเป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดในเขตเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ เหตุการณ์ต่างๆ ก็ดูท่าจะดีสำหรับเมือง Bern นี้แต่ต่อมาในปี 1798 กองทัพของฝรั่งเศสที่นำโดย Napoleon Bonaparte ก็เข้ามารุกรานเพื่อจะอาศัยเป็นทางผ่านไปยังออสเตรียในสมัยสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolutionary War) ทำให้ทำลายฐานอำนาจของ Bern อย่างสมบูรณ์และลดขนาดอำนาจการครองเมืองต่างๆ ลงด้วย ความเจริญของ Bern มีการชะงักงัน จนกระทั่ง Napoleon แพ้สงครามในปี 1815
ในปี 1831 เมือง Bern ได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงของรัฐ Bern และในปี 1848 ก็ได้รับเลือกจากสมาพันธรัฐสวิสให้เป็นเมืองหลวงของประเทศ น่าจะมีคำถามว่า ทำไมเมืองใหญ่ๆ อย่าง Zürich จึงไม่ได้เลือกเป็นเมืองหลวงละ????? บอกตามตรงเลยว่า ครั้งนั้นเมืองที่เข้าชิงคู่คี่สูสีเลยจะเป็นใครไม่ได้ก็ต้องเป็นเมือง Zürich นั่นแหละ แต่คะแนนต้องตกลงไปเนื่องจากประชาชนสายฝรั่งเศสไม่เห็นด้วยเพราะ Zürich มีการรับวัฒนธรรมของเยอรมันมามากเกินไป ดังนั้นเมือง Bern ซึ่งค่อนข้างเป็นกลางไม่อยู่เขตอิทธิพลทางวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่งนัก จึงถูกเลือกให้เป็นเมืองหลวงของสมาพันรัฐสวิสไปในที่สุดเพื่อลดความขัดแย้งดังกล่าว