ความคิดเห็นที่ 1 ทริปนี้เราเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ของพม่าด้วย เครื่องบินภายในประเทศนะคะ  เราได้ทำการจองมาแล้วจากเมืองไทยผ่านเอเยนต์ที่พม่า   เราบินด้วยสายการบิน Air Bagan  สัญลักษณ์ เป็นเหมือนรูปดอกบัวสีเขียว เครื่องบินก็ออกโทนสีขาว – เขียวที่หางด้วยเหมือนกัน  ชอบสายการบินนี้มากเลยค่ะ บริการดี แอร์สวยมาก     เราจองตั๋วไป – กลับ  4 sector    ข้อควรจำ :  ควร Reconfirm Flight ต่อๆ ไปทุกๆ ครั้ง   จาก ย่างกุ้ง Rangon – สนามบินยองอู  (Nyaung  U) เมืองพุกาม                           ราคา 110 USD จาก สนามบินยองอู  (Nyaung  U) เมืองพุกาม  - สนามบิน เมือง Mandalay       ราคา   55 USD จาก สนามบิน เมือง Mandalay    - สนามบินเฮโฮ  ( HeHO ) อินเล                       ราคา   55 USD จาก สนามบินเฮโฮ  ( HeHO ) อินเล  - สนามบินย่างกุ้ง                                               ราคา 110 USD *** หมายเหตุ   สนามบิน ยองอู ( เขียนได้ 2 แบบ คือ Nyaung  U หรือ Nyaung Oo) ราคาตั๋วเครื่องบิน + ภาษีสนามบิน + ค่าธรรมเนียมน้ำมัน + หมดทุกอย่างแล้วนะคะ จริงๆ แล้วตั๋วที่เราได้ จะถูกลงกว่านี้อีก ไฟลท์ละ 15 USD แต่บังเอิญมากที่ตอนเราไปทางรัฐบาลได้ประกาศขึ้นราคาค่าธรรมเนียมอื่นๆ  เลยโชคดีไป  ได้จ่างค่าตั๋วเครื่องบินเพิ่มมาอีก 15 USD X ไปอีก 4 เที่ยวเท่ากับต้องจ่ายเพิ่มไปอีกทั้งหมด 60 USD เลย     รายละเอียดไฟลท์บินตามนี้เลยค่ะ Flight   W 9143   : RGN  – NYU    เวลา   06.30 น.    ( ใช้เวลาบินประมาณ 50 นาที) Flight   W 9143   :  NYU – MDL    เวลา  08.05  น.    ( ใช้เวลาบินประมาณ 25 นาที) ) Flight   W 9011   :  MDL – HEH    เวลา  08.50  น.    ( ใช้เวลาบินประมาณ 25 นาที) ) Flight   W 9011   :  HEH  - RGN    เวลา  10.05  น.    ( ใช้เวลาบินประมาณ 50 นาที) ) ลักษณะตั๋วจะเป็นเหมือนตั๋วชุด มีอยู่ 4 ใบ ( ห้ามหายเด็ดขาดเลยเดี๋ยวจะเป็นเรื่องวุ่นวาย ) ฉีกออกตามรอยปุที่ละใบตอนไปที่เคาเตอร์เช็คอิน แล้วทางพนักงานจะออก Boarding Pass แบบแข็งมาให้ ( เหมือนตั๋วการบินไทยหรือบางกอกแอร์ )  พร้อมกับสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ของสายการบินให้ติดไว้ที่เสื้อที่มองเห็นได้ชัดเจน  และที่สำคัญ ตอนเรียกขึ้นเครื่องต้องฟังให้ดีๆ แล้วก็สังเกตคนที่มีสติ๊กเกอร์สีเดียวกันก็จะดีมากๆ เลยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:18:12

ความคิดเห็นที่ 2 พอเราเดินออกไปจะขึ้นเครื่อง ก็ง่ายๆ  ค่ะ ไม่มีงวงให้เทียบ คือเดินออกจากอาคารที่นั่งรอไป ก็เดินไปขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ   ห้องพักรอผู้โดยสารก็ไม่ได้กว้างอะไรมากมาย  ถือเวลาเรียกขึ้นเครื่อง ก็จะมีพนักงานประกาศ เราก็แค่รอฟัง แล้วก็จะมี พนักงานถือป้ายชู ไฟลท์และสายการบินที่เราจะเดินทางค่ะ  ง่ายมากๆ เลยนะคะ   และที่น่าตื่นเต้นยิ่งไปกว่านั้น  เครื่องที่เราจะใช้เดินทางเป็นเครื่องบินแบบใบพัด ด้วยนะคะ เกิดมาก็ยังไม่เคยนั่งเลยสักครั้ง  เครื่องบินก็ลำไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย   ตอนเห็นเครื่องบินครั้งแรกก็กลัวมากๆ  มองหน้ากันแล้วยิ้มๆ ไม่กล้าพูดอะไรเลยค่ะ     แถมยังไม่ระบุที่นั่งด้วยนะคะ เดินขึ้นไปเลือกที่นั่งเองได้ตามสบายเลยค่ะ  ชอบมาก แต่ว่าไม่ค่อยชินกับเสียงใบพัดมากเท่าไหร่ค่ะ รู้สึกว่าจะดังมาก เพราะไปนั่งใกล้ๆ ปีกด้วยค่ะ เลยดังไปนิด แต่พอเดินทางครั้งต่อๆ ไปก็เริ่มชินแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:20:13

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับวันนี้ เราบินไม่เช้ามากเท่าไหร่    เอเยนต์ที่จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เราดีมากๆ เลยค่ะ เขียนเวลาว่าเราต้องออกจากโรงแรมกี่โมง ต้องไปถึงสนามบินกี่โมงมาให้ครบหมดเลยค่ะ น่ารักมากจริงๆ         พอขึ้นมาบนเครื่องได้สักพัก  พนักงานก็เสิร์ฟน้ำ สไปร์ท จากเมืองไทยด้วย  พร้อมกับแซนด์วิชทูน่า ( อร่อยมาก   ) แล้วก็นั่งไป จนก่อนจะถึงสนามบินปลายทางก็จะแจกผ้าเย็นพร้อมกับลูกอมหลากชนิดใส่ถาดตะกร้าเดินเอามาให้เราเลือกเองเลยค่ะ แปลกดี แต่ก็น่ารักมากๆ เลยค่ะ สายการบินราคาประหยัดของไทยน่าจะทำแบบนี้มั้งนะคะ     และเมื่อมาถึงสนามบินก็ต้องตื่นเต้นมากๆ ที่สนามบินภายในประเทศไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ประมาณ เหมือนสถานีขนส่งหมอชิตเลยค่ะ ผู้คนชาวพม่าเองก็ใช้บริการเยอะมากเหมือนกันค่ะ แต่นักท่องเที่ยวที่เห็นมากๆ ที่สุดน่าจะเป็นชาวต่างชาติซะมากกว่า ด่านตรวจก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมาก  เราสามารถถือขวดน้ำเดินผ่านไปได้สบายเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวคงต้องไปทิ้งตอนก่อนตรวจก่อนขึ้นเครื่องแน่ๆ เลย  แต่สรุปแล้วว่าไม่มีที่ตรวจแล้ว ผ่านด่านเดียวก็ขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ     ทุกด่านตรวจสัมภาระทุกเมืองที่เดินทางไป สามารถถือน้ำเดินผ่านไปได้สบายมากเลยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:22:58

ความคิดเห็นที่ 4 เราใช้เวลาในการบินจากย่างกุ้ง มาถึงสนามบนยองอู ประมาณ 50 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ หลังจากเครื่องจอดสนิท ก็เดินมาอาคารผู้โดยสาร  แล้วมารอรับกระเป๋า สนามบินที่นี่ ไม่มีระบบสายพานเหมือนเมืองไทย นะคะ จะมีพนักงานของแต่ละสายการบินมช่วยกันขนกระเป๋าใส่รถแล้วช่วยกันลากมาที่อาคารผู้โดยสารนะคะ บางคนก็แบก หรือหิ้วกลับมาให้เราเลยค่ะ ใครจำกระเป๋าตัวเองได้ ก็เอาแท็กที่ห้อยกระเป๋าพร้อมโค้ดเตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ  ก็เอาไปยื่นให้เค้า แล้วก็รับกระเป๋ามาได้เลยนะคะ   มีเรื่องตลก ขำๆ ของเราจะเล่าให้ฟังด้วยนะคะ       เนื่องจากที่นี่ดีมาก  พนักงานของสายการบิน จะช่วยแบกกระเป๋ามาให้จนถึงรถเลยค่ะ ตอนเราไปเจอครั้งแรกเราก็จะขอแบกกระเป๋าไปเอง แต่เค้าก็ไม่ยอมให้ ยกมือแล้วชี้มือให้เราเดินนำหน้าไป เราก็จะเอากระเป๋าอ่ะ  เอาไปทำไมอ่ะ    จนเราเดินมาถึงรถ เค้าก็เปิดท้ายรถเอากระเป๋าใสรถให้เรา   พี่ที่ไปก็ถามว่า  “  ต้องจ่ายเงินให้เค้าเท่าไหร่  ”  พวกเราก็ไม่รู้กันเลยว่าต้องจ่ายเท่าไหร่  เค้าก็ยืนรอ เราก็คิดว่าเค้าจะรอเอาเงิน เราก็เลยหยิบยื่นเงินให้เค้าไป แต่เค้าก็ไม่รับ แล้วเราก็เลยเข้าไปนั่งในรถ เค้าก็ไม่ยอมไป ยืนเกาะรถ แล้วก็โวยวาย เพราะเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษอ่ะ เราก็ฟังไม่ออกด้วย     เค้าก็เลยไปพูดกับคนขับรถ  “  *%$#%^&*@#  ” แล้วคนขับรถก็ ถามเราว่า   “  เค้าจะขอแทกและโค้ดที่ติดมาด้วย  ”   เราก็เลยมองหน้ากัน แล้วก็หาซะ ตั้งนาน ดีที่ไม่ทิ้งไปเพราะมันเล็กมากๆ เราก็ถามไปว่า  “  อันนี้ใช่รึเปล่า  ” แล้วก็ชูให้เค้าดู เค้าก็พยักหน้า พอให้เค้าไปเสร็จเรียบร้อย  เค้าก็คำนับๆ เราแล้วก็เดินไปเลย เราก็งงมากๆ  คิดว่า เค้าจะขอเงินเพิ่มจากที่เราให้เค้าตอนแรกซะอีก  เฮ้อ...แล้วก็ไม่บอก ให้เรางงอยู่ซะตั้งนานอ่ะ      พอครั้งต่อไปทำให้เรารู้แล้วค่ะ เวลาไปเมืองอื่น   เราก็เตรียมไว้ให้พร้อมเลยค่ะ     แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 13:59:31 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:25:00

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ ที่สนามบินเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ตามโปรแกรมของเราเมื่อเดินทางมาถึงตอนเช้า ก็จะเป็นช่วงที่เมืองยองอู  มีตลาดเช้า ที่พ่อค้าแม่ค้า ( ส่วนใหญ่จะเห็นแต่แม่ค้านะคะ เท่าที่สังเกตดู   )เอาของมาขายเยอะแยะเต็มไปหมดเลยค่ะ  ตลาดเช้าที่นี่ผักจะเยอะมากๆ เลยค่ะ แล้วผักแต่ละชนิดก็มีขนาดใหญ่มากๆ เลยนะคะ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:26:38

ความคิดเห็นที่ 6 ตลาดเช้าที่เมืองยองอู  เป็นตลาดแบบชาวบ้านมากๆ เลยค่ะ ชอบบรรยากาศตลาดเช้าแบบนี้จังค่ะ แต่อยากจะขอแนะนำสำหรับใครที่แพ้ฝุ่น ควร มีหมวก หรือผ้าคลุมผม และผ้าปิดจมูกสำหรับคนที่แพ้ฝุ่นมากๆ นะคะ  ขนาดไม่ได้แพ้มากมายยังมีอาการแสบคอและระคายคอเลยค่ะ สงสัยจะโม้มากไปหน่อย ฝุ่นเข้าไปซะเยอะเลยทั้งทางปากและจมูก       *** น้ำเป็นสิ่งสำคัญและมีค่ามากๆ  ในการเดินทางท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ ในพม่าเลยนะคะ สำหรับคนที่ดื่มน้ำเยอะมากๆ แบบเราด้วยแล้ว ต้องหาพกติดตัวไว้ตลอดเลยค่ะ  แล้วราคาขายแต่ละเมืองก็ไม่เท่ากันด้วยนะคะ ( ราคาก็ไม่ได้แพงมาก 1 ลิตรอยู่ที่ประมาณ 300 -500 จ๊าด ก็ประมาณ  12 -15 บาทค่ะ   ) แล้วก็หาที่ซื้อน้ำยากมากๆ เพราะฉะนั้นแล้ว น้ำมีค่ามากจริงๆ สำหรับเราเลยค่ะ  อยู่เมืองไทยน้ำหาง่ายมากๆ  พอไปอยู่ที่พม่าแล้วทำให้เรารู้ว่า เราต้องบริหารการใช้น้ำอย่างไรให้พอในแต่ละวันด้วยนะคะ นี่ขนาดมีน้ำที่โรงแรมให้ด้วยแล้วนะคะ   ก็ยังไม่พอ  เป็นเหตุให้เราต้องหาซื้อน้ำเพิ่มตลอดทุกวันจริงๆ ค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:28:19

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าผ้าปิดจมูกพร้อมแล้วก็ไปเดินเที่ยวตลาดเช้ากันค่ะ  ตลาดที่นี่จะมีทุกวัน ขายเฉพาะตอนเช้าไปจนถึงสายๆ   ผักที่นี่ทั้งสดและก็มีขนาดใหญ่มากๆ เลยค่ะ ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่า ผักที่เราเห็นที่ตลาดเนี่ย ในอีกต่อๆ ไปทุกๆ วันมันจะกลายมาเป็นอาหารหลักๆ ของเราทุกมื้อเลยนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:30:58

ความคิดเห็นที่ 8 เบบี้แครอทขนาดน่าหม่ำมากๆ เลยค่ะ และพริกสำหรับคนไทยที่ชอบทานรสจัด เพราะอาหารพม่ามักจะรสไม่จัดออกไปทางจืด  มาเที่ยวพม่าขาดไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ   ไปทุกเมือง ก็หาได้ในทุกๆ เมืองและทุกๆ มื้ออาหารเลยด้วยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:31:50

ความคิดเห็นที่ 9 ร้านนี้ขายพวกผักทำซุป  ตาชั่ง  ขายของเค้ายังใช้แบบนี้กันอยู่เลยนะคะ แปลกและน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ    ใช้ตะกร้าเล็ก 2 ใบผูกเชือกแล้วมัดปลายไม้ไว้ทั้ง 2 ด้าน แล้วตรงกลางไม้มีไม้คล้องลงมาอีกทีค่ะ เวลาจะชั่งของ ก็เอาของที่เราซื้อใส่ไว้อีกตะกร้านึง ส่วนอีกตะกร้านึงก็เอาไว้ใสแผ่นเหล็กกลมๆ ซึ่งจะบอกเป็นน้ำหนักของค่ะ รอจนตาชั่งของสมดุลกัน ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งก็แสดงว่าใช้ได้แล้วค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:34:23

ความคิดเห็นที่ 10 ตาชั่งแบบนี้เห็นมีใช้กันทุกร้านเลยค่ะ   ส่วนผักที่นี่ก็มีเหมือนตลาดบ้านเราเกือบหมดนะคะ จะมีของที่ดูแปลกและแตกต่างไปบ้าง     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:35:16

ความคิดเห็นที่ 11 ที่เห็นจะแปลกๆ มากก็คือ มะเขือเหมือนมะเขือที่บ้านเราใส่แกงเขียวหวาน แต่ที่นี่ลูกใหญ่มากๆ  เรียกมะเขืออะไรไม่รู้ค่ะ ใส่ไป 3 ลูกก็เต็มตะกร้าแล้วอ่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:35:53

ความคิดเห็นที่ 12 ผักที่เราคุ้นเคยคล้ายๆ ผักที่บ้านเรานะคะ  มะเขือเทศ มะเขือสีม่วง มะระ กระเจียบเขียว ผักชี  ลีกตะกร้าเล็กๆ ทางขวาไม่รู้เรียกว่าอะไรแปลกดีค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:36:47

ความคิดเห็นที่ 13 กล้วยๆ ค่ะ     กล้วยที่นี่จะไม่เหมือนของที่บ้านเรานะคะ จะออกเป็นเหลี่ยมๆ กว่านะคะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:37:25

ความคิดเห็นที่ 14 ถั่วอะไรก็ไม่รู้นะคะ ลักษณะจะออกสีชมพูเข้มๆ และก็จะออกแบนๆ  แต่เห็นที่วัดที่ มัณฑะเลย์ เวลาเอาไปประกอบอาหารเค้าก็จะเอาไปต้มและไปแกงหม่ำกับข้าวเลยค่ะ  แปลกดีค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:38:21

ความคิดเห็นที่ 15 ร้านขายอาหารเช้าในตลาดยองอูค่ะ  เป็นเหมือนพวกก๋วยเตี๋ยวค่ะ เป็นเส้นๆ คล้ายบะหมี่  เห็นคนรอคิวหม่ำเยอะเหมือนกันนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:39:22

ความคิดเห็นที่ 16 ดอกไม้สด หลากหลายสีสัน ทั้งสดสวยและดอกใหญ่มากค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเบญจมาศและกุหลาบ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:40:02

ความคิดเห็นที่ 17 ตามตะวันไปเที่ยวพุกามด้วยคนนะคร้าบ ฮี่ๆ จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:40:38

ความคิดเห็นที่ 18 ถั่วสีชมพูเข้มเมื่อกี๊เองค่ะ เอามาทำเป็นถั่วงอกก็ได้เหมือนกันเลยนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:40:45

ความคิดเห็นที่ 19 น้ำตาลก้อนค่ะ มีหลายแบบหลายขนาด  ที่เมืองพุกามก็เป็นแหล่งปลูกต้นตาลเยอะเหมือนกันนะคะ  บางทีตอนนั่งรถผ่านยังคิดว่ามาเที่ยวเพชรบุรีรึเปล่าเนี่ย  ต้นตาลเยอะจริงๆ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:41:28

ความคิดเห็นที่ 20 น้าชาติ   มาเร็วมากๆ เลยนะคะ พอไปเิดินเที่ยวตลาดเช้ากันก่อนนะคะ     ............. เต้าหู้เหมือนที่เอาไว้ใส่ทำพะโล้ที่บ้านเราเลยค่ะ  แต่มาอยู่ที่นี่ไม่เห็นเคยเจออาหารที่ใช้เต้าหู้แบบนี้เลยค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:43:41

ความคิดเห็นที่ 21 ตามหนูตะวันจ๋าไปเที่ยวต่อนะจ๊ะ จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:43:46

ความคิดเห็นที่ 22 ไปพม่าบ่อยๆ เลยนะน้องตะวัน จากคุณ : Palm Jung Won เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:44:49

ความคิดเห็นที่ 23 ผักสดๆ ใหญ่ๆ ด้วยนะคะ  กะหล่ำปลี ผักกาดขาว บล็อกโคลี่  แครอท และดอกกะหล่ำ เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารที่เราต้องหม่ำเกือบทุกมื้อเลยค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:44:57

ความคิดเห็นที่ 24 คุณป้าเตี้ย   ตามมาเดินเที่ยวตลาดเช้าเมืองพุกามกันนะคะ     พี่เถียน   ไปไม่บ่อยหรอกค่ะ  จะว่าไปก็ไม่ไกลไปได้บ่อยกว่าไปญี่ปุ่นนะคะ     ............... ดอกไม้สวยๆ สีสดใส  แต่สงสัยเจ้าของขายดอกไม้จะไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่แล้วค่ะ ท่าทางจะง่วงมากๆ สงสัยจะตื่นมาขายแต่เช้ามากไปหน่อยรึเปล่านะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:48:27

ความคิดเห็นที่ 25 มะเขือเทศสีแดงสวยๆ ของชอบเลยล่ะค่ะ เดี๋ยวอีก  2 วันเราก็จะได้ไปชมแหล่งปลูกมะเขือเทศแหล่งใหญ่และสำคัญของพม่ากันด้วยนะคะ   คือที่ ทะเลสาบอินเล  ค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นแหล่งปลูกมะเขือเทศที่ใหญ่มากที่สุดในพม่าและยังส่งออกไปยังผู้บริโภคในเมืองต่างๆ ของประเทศพม่าด้วยนะคะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:49:58

ความคิดเห็นที่ 26 น้องสาวชาวพุกามคนขายมะเขือเทศค่ะ กำลังเหม่อเชียว   ปะแป้งได้ถูกใจมากเลยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:50:41

ความคิดเห็นที่ 27 ตามไปเดินเที่ยวตลาดด้วยคนนะครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:52:01

ความคิดเห็นที่ 28 ไปเที่ยวด้วยคน มะเขือเทศน่ากินมากๆเลยค่ะ จากคุณ : หงิมหงุ๋ม เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:52:34

ความคิดเห็นที่ 29 ร้านนี้ก็กำลังขายมะเขือเทศอยู่ค่ะ ที่ไปยืนดูอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าเค้าขายกันยังไง  ตาชั่งก็ไม่เห็นมี  เห็นเหมือนนั่งนับลูกขายยังไงก็ไม่รู้นะคะ  พอดีฟังไม่ออกซะด้วยค่ะ แต่จากการที่ยืนดูอยู่นานน่าจะนับลูกขายมากกว่าค่ะ ก็ดีนะคะ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากไม่เรื่องมากดีค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:55:51

ความคิดเห็นที่ 30 พม่ากับน้องตะวัน นี่ของคู่กันจริงๆ จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:57:08

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ  numsiam   ขอบคุณมากนะคะ ตามมาเดินเล่นตลาดเช้ากันก่อนนะคะ     คุณ  หงิมหงุ๋ม   มาเดินเที่ยวตลาดเช้ากันก่อนนะคะ  มะเขือเทศน่าหม่ำจริงๆ ละค่ะ ถูกใจสำหรับคนชอบมะเขือเทศเลยนะคะ     .............. หลังจากเดินเล่นชมตลาดเช้าและวิถีชีวิตของชาวเมืองยองอูแล้ว  เราก็ได้พบทั้งความแปลกใหม่ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนของตลาดที่นี่ ที่เราไม่เคยได้เห็นจากที่ไหนมาก่อน ทำให้เราเดินเพลินและสนุกมากๆ เลยค่ะ จริงๆ อยากจะอยู่นานๆ จนเค้าเลิกขายไปเลย แต่ก็ไม่ได้เพราะต้องไปที่อื่นกันต่อ   จริงๆ แล้วตลาดก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็กว้างพอสมควร เดินพอเมื่อยล่ะนะคะ เพราะว่าเราเดินทุกซอกทุกมุม และทุกซอยเลยค่ะ เพลินมากจริงๆ  ที่ดีกว่าตลาดสดในกรุงเทพบางที่ ก็ตรงที่ว่าเดินสบายไม่แฉะ น้ำไม่ดีดไปถึงหัว  /หยอกเย้า  ไม่ชอบเดินเลยตลาดแฉะๆ เนี่ยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:59:58

ความคิดเห็นที่ 32 พี่หน่อง    พูดแบบนี้หมายความว่าตะวันเชยใช่เปล่าคะ   เพราะเราคู่กันเนี่ย   ............. ก่อนที่จะเริ่มเที่ยวในเขตเมืองพุกาม เรามาทำความรู้จักเกี่ยวประวัติและความเป็นมาของเมืองพุกามกันก่อนนะคะ     อาณาจักรพุกาม  (Bagan ( Pagan)  Kingdom) เป็นอาณาจักรโบราณในช่วง  พ.ศ. 1587 -พ.ศ. 1830  พุกามเป็นอาณาจักรและราชวงศ์แห่งแรกใน ประวัติศาสตร์พม่า มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพุกามในปัจจุบัน  พุกามอยู่ทิศตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี สภาพส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง เป็นที่อยู่ของ ชาวผิว ซึ่งเป็นชนชาวพื้นเมือง ในปี พ.ศ. 1587 พุกามถูกสถาปนาโดย พระเจ้าอโนรธามังช่อ  (Anawrahta) พระองค์ต้องทำสงครามกับชาวมอญที่อยู่ทางใต้ จึงได้สถาปนาชื่ออย่างเป็นทางการของพุกามว่า "ตะริมันตระปุระ"  หมายความว่า เมืองที่ปราบศัตรูราบคาบ ในรัชสมัย พระเจ้าจานสิตา แห่งราชวงศ์พุกาม เป็นสมัยที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด มอญที่อยู่ยังหงสาวดีทางตอนใต้ ได้ทำสงครามชนะพุกามและครอบครองดินแดนของพุกามไว้ได้ พระองค์จึงรวบรวมชาวพม่าและชาวมอญบางส่วนตีโต้คืน จึงสามารถยึดพุกามกลับมาไว้ได้ พระมหาเจดีย์ชเวสิกอง จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:03:33

ความคิดเห็นที่ 33 ตามน้องตะวันไปเที่ยวภายในพม่าต่อค่ะ จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:04:57

ความคิดเห็นที่ 34 พุกามเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดทางด้านศิลปะวิทยาการ  ในสมัย  พระเจ้าอลองสิธู ใน พ.ศ. 1687  พระองค์ได้โปรดให้สร้างเจดีย์ชื่อ "ตะเบียงนิว" หรือ เจดีย์สัพพัญญู  THATBYINNYU  PHAYA ในปัจจุบัน แปลว่า เจดีย์แห่งความรู้  ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกามไว้ด้วย กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์พุกาม คือ พระเจ้านรสีหบดี สร้างเจดีย์องค์สุดท้ายแห่งพุกามเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 1819 และเมื่อสร้างเจดีย์องค์นี้เสร็จ ได้มีผู้ทำนายว่า อาณาจักรพุกามจะถึงกาลอวสาน ซึ่งต่อมาก็เป็นจริงดังนั้น เมื่อกองทัพมองโกลยกทัพเข้ามาบุกในปี พ.ศ. 1827 และพุกามถึงคราวล่มสลายในปี พ.ศ. 1830 รวมระยะเวลาแล้ว 243 ปี มีกษัตริย์อยู่ทั้งหมดทั้งสิ้น 11 พระองค์ อาณาจักรพุกามหลังปี พ.ศ. 1830 ถูกมองโกลยึดครองและแบ่งดินแดนออกเป็น 2 มณฑล คือ  มณฑลเชียงเมียน โดยรวมรัฐทางเหนือของพม่าเข้าด้วยกันมีเมืองตะโก้ง เป็นศูนย์กลางภายใต้การปกครองของข้าหลวงจีน มีทหารมองโกลประจำ  มณฑลเชียงชุง อยู่ทางภาคใต้ของพม่า มีพุกามเป็นศูนย์กลางจนปี พ.ศ. 1834 จึงได้แต่งตั้ง พระเจ้ากะยอชวา เป็นกษัตริย์ปกครองพุกาม ในฐานะประเทศราชของจีน พระมหาเจดีย์ชเวสิกอง จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:08:32

ความคิดเห็นที่ 35 พี่แอน   ขอบคุณมากนะคะ มาเที่ยวพุกามกันต่อนะคะ   ............. ปัจจุบัน พุกาม ได้ชื่อว่าเป็น เมืองแห่งทะเลเจดีย์ หรือ ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยที่รุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง  4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ  พระมหาเจดีย์ชเวสิกอง  สร้างโดย  พระเจ้าอโนรธามังช่อ  พุกามเป็นเมืองมีชื่อเสียงทางด้านท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของพม่า และทางรัฐบาลทหารพม่าได้มีความพยายามเสนอชื่อพุกามให้เป็นมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมแห่งต่อไป พระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 1587 (ค.ศ. 1044) ช่วงเวลาที่พระองค์ขึ้นครองราชย์นั้น อาณาบริเวณของพุกามกินพื้นที่เพียงแถบเมืองพุกามและประเทศพม่าตอนกลาง (ในปัจจุบัน) พระองค์ได้สถาปนาราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งมั่นคงโดยรวมเอาเมืองประเทศราชเล็ก ๆ ที่แยกกันเป็นส่วน ๆ ณ เวลานั้น ในทางสงคราม ทรงชนะศึกกับยะไข่และสะเทิม จึงสามารถดำเนินการปกครองอย่างเป็นระบบ และสร้างเอกภาพโดยรวมให้กับพม่า จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:12:25

ความคิดเห็นที่ 36 ม่ายช่ายยยย เป็นประเทศที่อยากไปสุดๆ แต่ยังไม่มีโอกาสซะที แวะมาให้อีก1กิฟก่อนนอน จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:12:29

ความคิดเห็นที่ 37 พี่หน่อง   ขอบคุณมากนะคะ จะไปนอนแล้วเหรอคะ  แหมก็นั่นแหล่ะค่ะ คือมองข้ามไปก่อนเพราะที่อื่นน่าไปกว่าใช่เปล่าคะ   อ๊ะ..ล้อเล่น     ............. พระเจ้าอโนรธาเมื่อทรงครองราชย์แล้ว ไม่ทรงโปรดที่ชาวพม่าขณะนั้น นับถือความเชื่อพื้นเมืองอย่างงมงาย เช่น ผี หรือ นัต และนักบวชนอกศาสนา (อะเยจี) เป็นต้น จึงทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาให้สถิตย์อยู่ในอาณาจักรพม่า ในขณะนั้น มีพระรูปหนึ่ง ชื่อ พระชินอรหันต์ กำลังจารึกแสวงบุญจากเมืองสะเทิมมายังพุกาม พระเจ้าอโนรธาได้แสดงความนอบนบต่อพระชินอรหันต์ พระองค์ก็ทรงมีศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงขอร้องให้พระชินอรหันต์เผยแผ่พระศาสนาในพุกาม และด้วยความช่วยเหลือของพระชินอรหันต์ พระเจ้าอโนรธาจึงสามารถกำจัดความเชื่อดั้งเดิมลงได้ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:15:42

ความคิดเห็นที่ 38 ตามตะวันไปเที่ยวพม่าต่อครับ พุกามนี่เป็น 1 เมืองที่อยากไปมากๆ ... จากคุณ : ผู้ก่อการร้ายทางความคิด เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:16:01

ความคิดเห็นที่ 39 นอกจากนี้ เมื่อครั้งพระองค์ยกทัพไปตีเมืองสะเทิม ได้ทรงอันเชิญพระไตรปิฎกและพระเถระผู้เชี่ยวชาญในพระคำภีร์มายังพุกาม พระเถระชาวมอญซึ่งชำนาญในคำภีร์ได้ช่วยพระชินอรหันต์เพื่อให้พุทธศาสนาเป็นที่แพร่หลาย และทรงสร้างก่อเจดีย์มากมายหลายองค์ในทุกที่ที่พระองค์เสด็จไปถึง ไม่จำเพาะเฉพาะพุกาม ซึ่งเจดีย์องค์ที่มีชื่อที่สุดที่พระองค์ทรงสร้างคือ  เจดีย์ชเวสิกอง และพระองค์ยังส่งเสริมให้มีการเล่าเรียนพระไตรปิฏกในวัดต่าง ๆ และเชื่อว่า พระองค์เป็นผู้ทำการลบจุลศักราชเมื่อพุทธศักราชล่วงแล้วได้ 1172 ปี เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ ในการรับรู้ของชาวไทยจะรู้จัก พระเจ้าอโนรธาในแง่ของการเป็นกษัตริย์ที่ทรงนำพระพุทธศาสนาเข้ามาในพม่าเป็นพระองค์แรก ซึ่งคนไทยจะรู้จักพระองค์ในพระนามว่า พระเจ้าอนุรุทธ  หรือ พระเจ้าอนิรุทธ ปัจจุบัน ทางพม่ายกย่อง พระเจ้าอโนรธามังช่อ เป็น 1 ใน 3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพม่า ซึ่งประกอบด้วย พระเจ้าอโนรธามังช่อ  แห่งราชวงค์พุกาม, พระเจ้าบุเรงนอง แห่งราชวงศ์ตองอู และ พระเจ้าอลองพญา แห่งราชวงศ์อลองพญา   ข้อมูลจาก wikipedia จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:20:09

ความคิดเห็นที่ 40 ตามไปชมทะเลเจดีย์หน่อยนะน้องตะวัน แต่ท่าทางจะต้องรออีกสักพักใหญ่ๆ เพราะต้องรอน้องตะวันพาไปกินก่อนตามสูตร อิอิ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:22:19

ความคิดเห็นที่ 41 ประวัติศาสตร์น่าสนใจจริงๆครับ จากคุณ : vuddiken เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:25:52

ความคิดเห็นที่ 42 พี่ผู้ก่อฯ   กลับมาจากเกาะกูดแล้วเหรอคะ  ใช่ค่ะพุกามก็เป็นเมืองที่ใครๆ ก็อยากจะไปนะคะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความเจริญเลยค่ะ  แต่ก็ชอบมากนะคะ   ............ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวสิกอง  ( SHWEZIGON  PAGODA )   เป็นเจดีย์ใหญ่ สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศพม่า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าบูชาและนับถือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวสิกอง   เป็นเจดีย์ใหญ่ สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศพม่า เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวพม่าและชาวไทย ตั้งอยู่ที่เมืองพุกาม โดยชื่อ  ชเวสิกอง  มีหมายความว่า   เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ   สร้างโดย  พระเจ้าอโนรธามังช่อ แต่แล้วเสร็จในรัชกาล พระเจ้าจานสิตาแห่งอาณาจักรพุกาม  ราว 960 ปีก่อน จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:26:37

ความคิดเห็นที่ 43 พี่กาแฟเย็น      ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนี้ไม่มีอาหารเลยสักกะรูปเลยนะคะ  เพราะฉะนั้นก็ต้องอดหม่ำแน่ๆ เลยค่ะ  รูปเยอะเลยต้องตัดอาหารออกไปค่ะ   คุณ  vuddiken   ตามมาเที่ยวประวัิติศาสตร์ของพุกามกันมั่งนะคะ เรื่องราวซับซ้อนมากค่ะ ถ้าจะมาเที่ยวแนะนำอ่านประวัติมาก่อนก็จะทำให้เที่ยวสนุกด้วยค่ะ     ............. ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุ พระเขี้ยวแก้วและพระสารีริกธาตุ  โดย อัญเชิญมาจากลังกา บนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธามังช่อได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองถูกบูรณะในสมัยต่อมาอีกหลายครั้ง  เจดีย์ชเวสิกองเป็น เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ  พื้นผิวภายนอกถูกปิดด้วย ทองคำเปลว   ปัจจุบันมีความสูงราว 53  เมตร หรือ 160 ฟุต มีลวดลายปูนปั้นอยู่ 3 แถว และมีเจดีย์เล็ก ๆ เป็นบริวารอยู่รายรอบ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:31:28

ความคิดเห็นที่ 44 ความอัศจรรย์  ๙ ประการของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวสิกอง 1. ยอดพระเจดีย์ไม่มีการใช้เหล็กเสริม 2. กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวที่นำไปปิดส่วนยอดพระเจดีย์ จะไม่ปลิวพ้นฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ 3. เงาพระเจดีย์จะไม่ล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ (ถ้าเงาล้ำออกไป ถือว่าเป็นลางร้าย) 4. ภายในเขตองค์พระเจดีย์ สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ไม่จำกัดจำนวน (ไม่เคยเต็ม) 5. มีการให้ทานด้วยข้าวสุกร้อน ๆ ทุกเช้า (ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าสักเพียงใด จะพบข้าวสุกในบาตรอยู่ก่อนหน้าเราเสมอ) 6. เมื่อตีกลองใบใหญ่จากด้านหนึ่งของพระเจดีย์ จะไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากด้านตรงข้าม 7. แม้พระเจดีย์จะตั้งอยู่บนพื้นราบ แต่เมื่อมองจากภายนอก จะเกิดภาพลวงตาคล้ายพระเจดีย์ตั้งอยู่บนที่สูง 8. ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด จะไม่มีน้ำฝนขังอยู่ในอาณาเขตขององค์พระเจดีย์ 9. มีต้นพิกุล ซึ่งจะออกดอกตลอดทั้งปี (ปรกติจะออกปีละครั้ง) จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:33:52

ความคิดเห็นที่ 45 วัดกุบยางกี (GUBYAUKKKYI  TEMPLE)   สร้างโดย พระโอรสของพระเจ้าจานสิตา ที่โดดเด่นด้วยภาพจิตกรรม ฝาผนัง ที่งดงามที่สุดในพุกาม และยังคงหลงเหลืออยู่   ภายในเจดีย์สวยงามมากจริงๆ ค่ะ ภาพจิตรกรรมฝาผนังยังเหลือสวยงามและดูสมบูรณ์มากเลยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:36:49

ความคิดเห็นที่ 46 เนื่องจาก ทางรัฐบาลพม่า ไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายภาพเข้าไปภายใน วิหาร หรือ พระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย ดังนั้นจึงไม่สามารถถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขากล่าวกันว่า สวยงาม และ ทรงคุณค่าทางศิลปะอย่างมาก มาให้ชมได้ค่ะ ชมแต่ภาพรอบๆ ของเจดีย์ภายนอกไปก่อนนะคะ  ไม่สามารถได้จริงๆ ค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:37:56

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่เป็นไรค่ะ ถ่ายรูปข้างในไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอาบรรยากาศร้านขายของฝาก ของที่ระลึกด้านหน้ามาให้ชมแทนก็ได้นะคะ  น่าสนใจมากไม่แพ้กันทีเดียวค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:38:29

ความคิดเห็นที่ 48 กุญแจอันนี้อยากได้มากๆ  ยังใช้งานและไขได้จริงๆ ไม่รู้เป็นของเก่าจริงๆ หรือของทำเลียนแบบ แต่ก็อยากได้มาก ไปยืนต่อราคาอยู่ตั้งนาน ตอนแรกบอกขาย 50 USD แต่บอกว่าแพงไป ขอลดหน่อย เค้าก็ไม่ยอมบอกราคา ให้เราบอกราคาไปเราก็อยากจะได้ถูกเลย ไม่กล้าต่อ ( ในใจอยากจะต่อเหลือสัก 10 USD แต่ก็ไม่กล้า กลัวเค้าด่าเอา )       ปอลอ   ใครไปพุกามฝากต่อเหลือ 10 USD ด้วยนะคะ ถ้าเค้าให้ฝากหิ้วกลับมาให้ด้วยนะคะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:42:24

ความคิดเห็นที่ 49 ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:43:10

ความคิดเห็นที่ 50 ภาพก็งาม ข้อมูลก็มากล้น ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:44:48

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ  เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน   ขอบคุณมากๆ นะคะ รายละเอียดอาจมากไปสักหน่อยนะคะ อ่านแล้วอาจเวียนหัวตามไปด้วยค่ะ     .............. ที่นี่จะมีร้านขายของฝากไม่เยอะมาก กำลังดีเลย ดูดีและน่าซื้อมากๆ ของแต่ละชิ้นเหมือนของเก่า  บางครั้งอยากได้แต่ก็ไม่กล้าซื้อ กลัวเก่าจริงๆ เดี๋ยวจะมีคนตามมาทวงถึงบ้านด้วย     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:50:30

ความคิดเห็นที่ 52 มาแย้ววววจ้าตะวันจ๋า เนตมีปัญหานิดหน่อย รีวิวไปถึงไหนแล้วเอ่ยยยย ตลาดเช้าที่พุกามของขายเยอะเชียว ผักนานาชนิดไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ว่าแต่ไปเดินหาของกินหรือไปดูชีวิตในตลาดกันแน่นะตะวันจ๋า จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า (July 15th) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:50:38

ความคิดเห็นที่ 53 ตามมาเที่ยวด้วยความประทับใจเช่นเคยครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:53:49

ความคิดเห็นที่ 54 พี่ตี๋    ขอบคุณมากนะคะ ไปเที่ยวเมืองพุกามกันนะคะ ข้อมูลเยอะมากจนจะปวดหัวเลยค่ะ   พี่บอลขา      มาได้แล้วเหรอคะ ตลาดเช้าพุกามเน่าเดินมากค่ะ แต่ฝุ่นเยอะนิดนึงนะคะ     ............... ตุ๊กตาหุ่นชัก ที่เป็นเอกลักษณ์ของพม่า   หุ่นชักแบบพม่า มีลีลาพลิ้วไหว เป็นเอกลักษณ์ของตัว เราจะพบการแสดงหุ่นได้ที่พุกาม มากกว่าพื้นที่อื่นในพม่า หุ่นชักของพม่า ที่สร้างเป็นของฝากที่ระลึก ขายในตลาดพุกามจะดูสวยงามและปรานีตกว่าที่อื่นๆ อันนี้ก็อยากได้มากนะคะ แต่จำได้ว่าเคยดูละครอะไรสักอย่างทางช่อง 3 จำชื่อเรื่องไม่ได้   เลยเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า  กลัวๆ     ล้อเล่นนะคะ  จริงๆ แล้วอันนี้เป็นของทำขึ้นมาใหม่ ทำมาเป็นของฝาก ของที่ระลึกค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:55:12

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ  Red Fox   ขอบคุณมากนะคะ ที่แวะมาเที่ยวด้วยกันเสมอๆ เลยค่ะ  มาเที่ยวพุกามกันต่อนะคะ     ........... ภาพวาดหรือภาพเขียน   สามารถพบเห็นได้ทั่วๆ ไปเลยค่ะ ตามวัดหรือเจดีย์ต่างๆ ที่เราไปเที่ยวชม  แสดงให้เห็นว่า เมืองพุกาม เป็นเมืองแห่งศิลปะอย่างแท้จริง จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:57:40

ความคิดเห็นที่ 56 อยากได้มากค่ะ บางอันก็ดูสวยดี บางอย่างก็ดูน่ากลัว  เลยลังเลคิดไม่ถูกว่าจะเอายังดี เลยไม่ได้กลับมาเลยสักอัน ยังเสียดายมาจนถึงเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:00:39

ความคิดเห็นที่ 57 ตุ๊กตาหุ่นชักของพม่า   มีหลายแบบมากๆ มี่ทั้งที่เป็นคน และสัตว์ เช่น ช้าง  แต่ตัวนี้สงสัยอยู่ว่าทำไมตาถึงไม่เท่ากัน  ไม่ทราบว่าคนวาดตั้งใจรึเปล่านะคะ     หุ่นชักพม่า  มีมานับพันปี บางหลักฐานว่าก่อนยุคพุกามเสียอีก บางคนเชื่อว่าได้รับอิธิพลมาจากอินเดีย แต่บางคนก็เชื่อว่ามาจากทางเมืองจีน ถึงจะเป็นของเก่าแก่แต่ก็ได้มีการปรับปรุงอยู่เสมอ การแสดงชักหุ่นของพม่า เดิมทีเป็นการแสดงของเด็กเชิดหุ่นรูปสัตว์ต่างๆ แต่หลังจากที่ละครรำของราชสำนักเป็นที่นิยม ศิลปะการชักหุ่นจึงเริ่มมีตัวละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับคนโดยได้แรงบันดาลใจจากละครหลวง ศิลปินชักหุ่นมาชุมนุมกันจากทุกทิศของพม่า ในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 พม่าส่งเสริมนาฏยกรรมศาสตร์ และการแสดงซึ่งเผยแพร่ไปทั่วราชอาณาจักร หุ่นดั้งเดิมที่คงเหลืออยู่มี ตัวยักษ์หน้าสีแดง สีเขียว และทอง และยังพบเครื่องสวมศรีษะคล้ายหน้ากากโขนของไทย เทคนิคการชักหุ่นของพม่าอยู่ในระดับสูง บางตัวมีสายสำหรับชักกำกับตัวหุ่นมากถึง 60 เส้น แต่หลังจากที่อังกฤษเข้ามาครอบครองประเทศกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ศิลปะชนิดนี้ขาดการสนับสนุนจากราชสำนักและซบเซาลงในที่สุด แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 00:03:25 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:01:42

ความคิดเห็นที่ 58 วิหารติโลมินโล  (Htilominlo Temple) ในรัชสมัยของ   พระเจ้านรปติสิธู  (King Narapatisithu) แห่งราชวงศ์พุกาม พระองค์ได้ทรงสร้างเจดีย์จุฬามณี เป็นอารามหลวงประจำรัชกาล ครั้งถึงวาระแต่งตั้งองค์รัชทายาท โปรดฯให้ใช้ฉัตรเสี่ยงทาย ถ้าพระราชโอรสองค์ใดใน 5 พระองค์มีบุญบารมีจะเป็นกษัตริย์ก็ขอให้ฉัตรโน้มไปทางพระองค์นั้น ปรากฏว่าฉัตรโน้มไปทางเจ้าชายชัยสิงห์ ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์ พระนาม นาดวงมยา   (King Nadaungmya) หรือ  พระเจ้าติโลมินโล  (King Htilominlo) ซึ่งแปลว่ากษัตริย์ฉัตรตั้ง แห่งราชวงศ์พุกาม จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:04:28

ความคิดเห็นที่ 59 วิหารติโลมินโล  สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าติโลมินโล เมื่อปี พ.ศ.1761 ณ จุดที่ใช้ฉัตรเสี่ยงทาย เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมให้ สร้างตามมหาโพธิเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:05:26

ความคิดเห็นที่ 60 ป็นวัดที่สร้างแบบก่ออิฐถือปูน บนฐานกว้างด้านละ  43 เมตร องค์เจดีย์สูง 46 เมตร ภายในวิหารมีช่องบันไดเดินขึ้นสู่ระเบียงชั้นบนได้ วิหารแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิหารองค์สุดท้าย  ที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:06:11

ความคิดเห็นที่ 61 ด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะเจดีย์เล็กๆที่อยู่รอบวัด และลายปูนปั้นบริเวณฐาน รวมถึงกำแพงด้านนอก ทางเดินรอบวัดกว้างขวาง จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:08:48

ความคิดเห็นที่ 62 ภายในวิหารมีพระพุทธรูป 4 องค์ ที่ชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองของวิหาร พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในมีความแตกต่างจากที่เห็นกันโดยทั่วไป เพราะเริ่มได้รับอิทธิพลจากจีน ภายในยังมีช่องแสงที่เมื่อส่องกระทบพระพุทธรูปแล้วงดงามมาก     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:09:49

ความคิดเห็นที่ 63 องค์พระพุทธรูป ภายในวิหารสวยงามมากๆ เลยค่ะ ปกติในวิหารหรือเจดีย์ที่พุกาม  มักจะที่ซุ้มประตูทั้งหมด 4 ด้าน บางครั้งเราเดินๆ ไป จนงงก็มีค่ะ ว่าเราเข้ามาจากทางไหน เพราะฉะนั้นต้องจำทางเข้ามาตอนแรกให้ได้นะคะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:11:03

ความคิดเห็นที่ 64 เราเดินรอบๆ วิหาร ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มองเห็นช่างสวยและงดงามมากจริงๆ ค่ะ   มีบางครั้งในใจก็คิดไปว่า  ก้อนหินสีแดงๆ ก้อนใหญ่ๆ ที่ถูกนำมาวางเรียงรายต่อกันจนเป็นวิหารที่ใหญ่และแข็งแรงได้ขนาดนี้  เกิดจากพลังศรัทธาที่แรงกล้าของคนสร้าง ที่ตั้งใจจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยังยืนอยู่คู่กับบ้านเมืองสืบต่อไป แม้ในขณะที่กาลเวลาผันเปลี่ยนไป จนในปัจจุบันก็ยังคงเหลือร่องรอยแห่งอารยะธรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการครั้งเมืออดีตให้เห็นอยู่ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:12:08

ความคิดเห็นที่ 65 เจดีย์อนันดา  (Ananda Pagoda)               เจดีย์อนันดาสร้างขึ้นโดยพระเจ้าจานสิตา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขา นันทมูล (Nandamula) บนเทือกเขาหิมาลัย  การสร้างเจดีย์มีสาเหตุมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูปจากอินเดีย  เหล่าพระอรหันต์ได้ทูลเล่าถึงลักษณะวัดในอินเดียถวายพระเจ้าจจานสิตา  พระองค์ทรงพอพระทัยมาก  จึงได้ดำรัสให้ก่อสร้างวัดขึ้นตามลักษณะที่เหล่าพระอรหันต์ได้พรรณนา  แล้วตั้งชื่อว่า  วัดอนันดา  ตามชื่อ ถ้ำที่พระอรหันต์ทั้ง 5 องค์อาศัยอยู่ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 00:16:38 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:14:55

ความคิดเห็นที่ 66 ตามน้องตะวันมาเที่ยวพุกามจ้า  รู้ลึกรู้จริงเรื่องพม่า  พาชมตลาดเช้าแล้ว รอดูอาหารนะจ๊ะ ถ้าได้ไปเมื่อไหร่ ก็รู้แระว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร ^_^ จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:15:33

ความคิดเห็นที่ 67 พี่ชมพู่      ไม่ได้รู้ขนาดนั้นหรอกค่ะ ว่าแต่ไปเมื่อไหร่คะ จะได้ตามไปด้วย อาหารสงสัยจะไม่มีอ่ะ ภาพเยอมากเลยค่ะ     .............. เจดีย์อนันดา ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่งดงามที่สุดเพราะเต็มไปด้วยเชิงชั้นทางศิลปะครบทุกแขนง  มีลวดลายปูนปั้นที่งดงามที่สุด และยังได้รับการยกย่องว่าเป็น  เพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตย์ของพุกาม  เพราะถือว่าเป็น  สุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:19:06

ความคิดเห็นที่ 68 เจดีย์สร้างในรูปแบบทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 175 ฟุต สูงจากฐานชั้นล่างถึงยอดฉัตร 172 ฟุต ตัวเจดีย์ที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขเด็จยื่นออกไปเท่ากันทั้ง 4ทิศ หลังคายกระดับทีละชั้น จนถึงจุดกึ่งกลางจึงประดิษฐ์ฐานส่วนยอดซึ่งเป็นรูปเจดีย์เอาไว้ ซึ่งสัดส่วนของเจดีย์นั้นงดงามได้สัดส่วนไม่มีที่ติ  เมื่อมองจากภายนอกแล้วคล้ายมี 2 ชั้น จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:20:20

ความคิดเห็นที่ 69 ภายในวิหารมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประทับยืน ๔ องค์ 1. ทิศเหนือ  แทนพระกกุสันโธพุทธเจ้า 2. ทิศตะวันออก แทนพระโกนาคมพุทธเจ้า 3. ทิศใต้ แทนพระกัสสปพุทธเจ้า 4. ทิศตะวันตกแทน พระโคตมพุทธเจ้า จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:21:22

ความคิดเห็นที่ 70 แต่องค์พระพุทธรูปได้เกิดความเสียหายครั้งแผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ.2518 เสีย 2 องค์ คือองค์ทางทิศตะวันออกและตะวันตก และถูกบูรณะขึ้นใหม่ รูปทรงจึงออกไปทางพม่ายุคใหม่ ไม่เหมือนอีก 2 องค์ที่ไม่เสียหาย ที่ทรงเป็นแบบพุกามแท้ ๆ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:22:15

ความคิดเห็นที่ 71 รูปเปิด สวยมากครับ พรุ่งนี้เข้ามาชมต่อ ขอบคุณครับ จากคุณ : ArtBu เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:24:39

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนนี้เรามายืนอยู่ตรงหน้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่เป็นของดั้งเดิม องค์นี้มีสิ่งที่น่าทึ่ง บ่งบอกถึงความลุ่มลึกชาญฉลาดของช่างพุกามที่ปั้นพระพักตร์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากเรายืนมองในระยะใกล้ๆ พระพักตร์จะบึ้งตึง จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:25:03

ความคิดเห็นที่ 73 คุณ  ArtBu   ขอบคุณมากๆ นะคะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาชมต่อนะคะ     ............... หากเรามองในระยะที่ถอยหลังห่างออกไปอีกนิด  จะเห็นพระพักตร์เรียบเฉยอย่างมีสมาธิ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:29:01

ความคิดเห็นที่ 74 ตามไปเที่ยวพุกามด้วยค่ะ   สวยจริงๆ เลยนะคะเมืองนี้ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:32:53

ความคิดเห็นที่ 75 หากเมื่อเดินเราเดินถอยหลังออกไปอีกจากจุดเดิม  จะเห็นว่าพระพักตร์ขององค์พระยิ้มให้เราอย่างมีเมตตา     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:36:11

ความคิดเห็นที่ 76 คุณป้าฟู   ขอบคุณมากๆ นะคะที่ตามมาเที่ยวพุกามเป็นเื่พื่อนกันค่ะ  พุกาม เป็นเมืองที่ดูสวย สงบและอบอุ่นดีนะคะ     ............... เคยมีผู้อธิบายว่า เป็นเพราะแสงที่ลอดช่องวิหารเข้ามากระทบพระพักตร์ทีสัมพันธ์กับมุมที่เรายืนดู ทำให้เรามองเห็นพระพักตร์ต่างกัน จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:39:51

ความคิดเห็นที่ 77 พระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่มาของสมญานาม “พระบึ้ง-พระยิ้ม”  ลักษณะการวางพระหัตถ์คล้ายปางปฐมเทศนาของไทย จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:42:10

ความคิดเห็นที่ 78 เจดีย์ กูเบียะก์จี  (Gu Byauk Gyi  Temple)   ป้ายเจดีย์ด้านหน้า แสดงประวัติและความเป็นมา จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:44:02

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพนี้เป็นช่องแสงภายในเจดีย์  เป็นการออกแบบให้แสงส่องจากภายนอก ส่องเข้าหาองค์พระพุทธรูป ทำให้ดูสวยงาม และภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเหลือมากที่สุด  ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ  เลยมีแต่ภาพด้านนอกนะคะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:44:53

ความคิดเห็นที่ 80 เดินเล่นรอบๆ เจดีย์กันบ้างถือเป็นการพักผ่อน หลังจากได้ชมความสวยงามมาเยอะแยะมากมายแล้วค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:45:45

ความคิดเห็นที่ 81 ความเหมือนที่แตกต่างอย่างลงตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะมาผสมผสานอยู่รวมกันได้เลยนะคะ ทำให้ดูสวยงามแปลกตาออกไปอีกแบบค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:47:02

ความคิดเห็นที่ 82 เด็กๆ กำลงอร่อยกับการหม่ำเส้นหมี่ผัดแบบพุกามอยู่เลยค่ะ แต่ก็ยังหันมาแอ็คท่าให้ถ่ายรูปได้นะคะ  แถมยังมีน้ำใจชวนเราหม่ำด้วยนะคะ ฟังไม่ออกหรอกค่ะ แต่ว่าเดาๆ เอาจากการใช้ภาษามือค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:47:50

ความคิดเห็นที่ 83 หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เองเส้นหมี่ผัดแบบพุกาม มีกุ้งแห้งและหมูสับ จะออกสีเหลืองๆ ไม่รู้ว่าใส่ผงกระหรี่หรือผงขมิ้น แต่น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:48:48

ความคิดเห็นที่ 84 เดินมาเรื่อยๆ จนครบรอบพอดี เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ ปกติเราจะเดินรอบๆ เจดีย์เวียนไปทางขวามือของพระพุทธรูป  จนครบวนกลบมาที่จุดเดิมทุกๆ ที่เลยค่ะ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:49:32

ความคิดเห็นที่ 85 วัดมนุหา หรือ มนูหะ  (Manuha  Temple) วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดย พระเจ้ามนูหะ (King Manuha)  กษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยอยู่ที่พุกามพร้อมมเหสี  และพลเมืองมอญอีกว่า 30,000 คน ที่ถูกกวาดต้อน มาเมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาตีเมืองสะเทิมได้ใน ปี พ.ศ. 1600 และยึดพระไตรปิฎก 30 ชุดมาไว้ที่พุกาม  การที่พระเจ้ามนูหะทรงสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นก็เพื่อเป็นการถ่ายทอด  และระบายให้ได้รับรู้ถึงความอึดอัดใจ  และความไม่สบายใจที่พระองค์มีต่อการต้องตกเป็นเชลยเช่นนี้ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 00:50:40