ความคิดเห็นที่ 1 อรุณสวัสดิ์ เช้าวันที่ 26 พฤษภาคม 55 วันที่ 4 ของการเดินทางอยู่ในประเทศพม่า ประทับใจผู้คนที่นี่ มีน้ำใจ ให้เกียรติ สุภาพ อาหารการกินก็อร่อย แต่เราคิดว่าเรายังไม่เห็นอาหารพม่าที่หลากหลายเลย เพราะเวลา ทานอาหารพม่าส่วนมากก็จะมีแกงกะหรี่ไก่ แกงแพะ แกงปลา และ พะโล้หมู พร้อมเครื่องเคียง เช่นน้ำพริกพริกแห้ง น้ำพริกพริกเผา ถั่วหมัก ใบชาดอง ผัดผัก ยำผักใบคล้ายๆใบบัวบก และน้ำซุปผักดอง แต่ถามว่าเบื่อมั๊ย ไม่เบื่อเลย ทานข้าวนุ่มๆ หนักท้องดี แถมน้ำพริกแต่ละร้านอร่อยต่างกัน มีน้ำพริกหลากหลาย แกงแต่ละที่ก็อร่อย ที่นี่ไก่ ยังเป็นไก่บ้าน เหนียวมาก แต่อร่อยนะ ใครเคยทานไก่บ้าน กับ ไก่ฟาร์มจะรู้ถึงความแตกต่างของเนื้อ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:20:07

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนการเดินทางโดยรถสาธารณะ เรานั่งรถบัสมา 2 วันแล้ว ก็รับได้ แม้ไม่ได้สะดวกสบายมาก แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้ พบเห็น ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน หากวันใดคิดว่าชีวิตตัวเองช่างลำบากแสนเข็ญ จะได้คิดถึงว่าคนพม่านั้น ลำบากกว่าตัวเราหลายเท่านัก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:21:20

ความคิดเห็นที่ 3 เช้ามืดนี้เราจะไปไหว้พระมหามุนีกัน รวมทั้งดูพิธีล้างหน้าพระมหามุนี เราตื่นก่อนใครเพื่อน ตีสามครึ่ง เมื่อคืนหลับสบาย แอร์ ทำงานตลอด รีบอาบน้ำ แต่งตัว พอเรียบร้อยทั้งสามคนแล้วก็ลงไปรอนายอ๋องข้างล่าง เกสเฮ้าส์ยังไม่เปิดแต่มีน้องผู้ชายนอนเฝ้าหน้าประตูอยู่ข้างล่าง เปิดประตูให้ นายอ๋องมารอเราแล้ว จากที่พักไปวัดมหามุนีประมาณ 5 นาทีก็ถึง เช้าๆ รถโล่งมาก อากาศดี แล้วก็เห็นวัด เสียงสวดมนต์ แว่วมาแต่ไกล ขณะเดินเข้าไปในวัด ผู้คนเริ่มมามากมายแล้ว แม่ค้าก็มาขายพวงมาลัยกับเรา แต่เราก็ไม่ได้ซื้อ ที่จริงคือ หนูหมดเงินจ๊าตแล้วค่ะ มีซุ้มประตูเก็บตังค์ค่าเข้าวัดของคนต่างชาติด้วยะ แต่ไม่มีใครอยู่ เราเลยไม่ได้จ่าย เราไปถึงบริเวณโถงที่นั่ง ผู้คนมากันเยอะแล้ว เราได้นั่งส่วนบริเวณกลางๆ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:23:49

ความคิดเห็นที่ 4 คำว่า มหามัยมุนี แปลว่า "ผู้รู้อันประเสริฐ" (The Great Sage) เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์  หรือปางทรมานพระยามหาชมพู จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:24:56

ความคิดเห็นที่ 5 อนึ่ง องค์พระมหามัยมุนีมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทั้งพระองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไป ก็จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ชั้น ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่าศตวรรษ ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า "พระเนื้อนิ่ม" แต่น่าแปลกที่ว่า แม้จะมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนองค์พระใหญ่ขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่พระพักตร์ขององค์พระมหามัยมุนีก็ยังแลดูใหญ่ตามองค์พระอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการปิดทองที่องค์พระเลยแม้แต่น้อย จากวิกิพีเดีย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:26:19

ความคิดเห็นที่ 6 พระมหามัยมุนี เปล่งประกายเป็นสีทองสวยงามยิ่งหนัก ดูพระพักตร์ก็แจ่มใสเหลือเกิน ขณะเราไปถึงนั้น ท่านเจ้าอาวาสทำพิธีถึงช่วงใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ แต่มองไม่ค่อยเห็น และอยากถ่ายรูปด้วยก็เลยเดินไปข้างหน้า ช่วงหน้าสุดจะคั้นเป็นคอกไว้ ให้แต่ผู้ชายเข้าไป เราเลยไปนั่งข้างๆ ตั้งขาตั้งกล้องถ่ายรูป แต่คนก็เดินไปเดินมาตลอด ได้ภาพบ้างไม่ได้บ้าง จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:27:53

ความคิดเห็นที่ 7 มีคุณป้าคนนึงนั่งอยู่หน้าสุดเลยกวักมือเรียกเราไปนั่งด้วย ใจดีจัง เราก็ดีใจเลยแหละจะได้เห็นพิธีชัดๆ จากแปรงพระโอษฐ์ ก็เป็นพิธีล้างพระพักตร์ ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำอบน้ำหอม ผสมทานาคา เช็ดพระพักตร์ พระมหามุนี พอสะอาดแล้วก็เช็ดด้วยผ้า ที่มีคนถวายขึ้นไปเช็ด ถ้าช่วงในคนถวายขึ้นไปเยอะๆ พิธีเช็ดก็จะนานเพราะท่านจะนำไปเช็ดให้ทุกผืน แล้วนำส่งคืนกลับมาเจ้าของด้วยความถูกต้อง ขณะเช็ดก็พัดไปด้วย พอเช็ดเสร็จ ก็เปิดผ้าคลุมกันเปื้อนออก จากนั้นก็ถวายภัตตาการ แล้วก็เป็นพิธีปิดทอง ตามธรรมเนียม เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่เข้าไปปิดทององค์มหามัยมุนีได้ สมัยก่อนที่ผิวท่านไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำคงสวยมาก http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-060629165603404 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:29:04

ความคิดเห็นที่ 8 พระมหามัยมุนี ช่างงดงามมาก ป็นบุญแก่ลูกช้างที่ได้มากราบ เรานั่งดูทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจมาก ถ่ายรูปมาประมาณ 100 กว่ารูป จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:30:58

ความคิดเห็นที่ 9 ผู้ชายเริ่มไปปิดทองกันแล้ว แนะนำถ้าจะไปไหว้พระที่พม่า เตรียมแผ่นทอง ไปเองจะได้สะดวก และประหยัดมากกว่าค่ะ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:32:21

ความคิดเห็นที่ 10 ด้านข้าง จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:35:10

ความคิดเห็นที่ 11 พระท่านองค์ใหญ่มากเลย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:35:46

ความคิดเห็นที่ 12 เสร็จพิธีราวๆ ตีห้ากว่าๆ แต่ตอนนี้มีปัญหากับท้องไส้อีกแล้ววิ่งหาห้องน้ำ ถามชายหนุ่มคนแรก ชี้ไปด้านหลังวัด ก็วิ่งจู๊ดๆๆๆ ไป ไม่ปรากฎเห็นห้องน้ำเลย คุณลุงคนหนึ่งเดินมา ถามว่ารู้มั๊ยคะ ห้องน้ำอยู่ที่ไหน ลุงก็ทวนคำเรา Toilet แล้วก็ชี้ที่ท้อง เราก็พยักหน้าหงึกๆ แต่ตอนนั้นไม่ไหวแล้ว คุณลุงเลยบอกรอแป๊บนะ แต่เป็นภาษากายนะ คุณลุงคงพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ แล้วคุณลุงก็วิ่งไปหลังกำแพงดูให้ว่ามีห้องน้ำหรือเปล่า ปรากฏว่ามี ท่านก็เลยกวักมือเรียก เราก็ขอบคุณ คุณลุงอย่างมาก “เจซูเต่น ปาเด” ค่าเข้าห้องน้ำ 500 k เรามีแต่ใบ 5,000 k ก็เลยยื่นให้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อน ไม่ไหวแล้ว พอออกมา ผู้หญิงที่เก็บเงิน มายืนรอแล้ว นึกว่าจะไม่ได้ตังค์ทอน เหมือนบ้านตัวเอง จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:38:01

ความคิดเห็นที่ 13 พี่ A และ พี่ B นั่งรอที่อาคารแสดงรูปปั้นสัมฤทธิ์ ยังเช้าอยู่มากจึงยังไม่เปิด เลยได้แต่ส่องถ่ายรูปเข้าไป เป็นรูปทวารบาล 2 รูป สิงห์ 3 รูป และช้างเอราวัณ 1 รูป นำจากเมืองยะไข่พร้อมพระพุทธรูป เป็นรูปซึ่งพระเจ้า บุเรงนองทรงนำมายังกรุงหงสาวดีเมื่อทรงตีพระนครศรีอยุธยาได้ในพ.ศ.2206 และราชคยี พระเจ้ายะไข่ ทรงขนจากกรุงหงสาวดีไปที่ยะไข่ รูปปั้นสัมฤทธิ์ เป็นประติมากรรมขอมสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ต้นพุทธศตวรรษที่ 18 และสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ทรงนำมายัง พระนครศรีอยุธยาเมื่อทรงตีพระนครหลวงของขอมได้ในพ.ศ.1974 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:39:22

ความคิดเห็นที่ 14 จากนั้นเราก็ชวนกันกลับ เพราะอยากเริ่มเที่ยวกันแต่เช้า ขณะนั่งรถกลับที่พักก็เลยปรึกษากับ พี่ B ว่าเราเหมาเรือไปเที่ยวมิงกุนเลยไหม ไปแต่เช้าๆ แดดไม่ร้อน กลับมาเร็วๆ เราจะได้ไปที่อื่นด้วย หน้าตา Royal GH ของเรา จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:41:36

ความคิดเห็นที่ 15 พอถึงที่พัก อาการท้องไส้ปั่นป่วนของข้าพเจ้าก็ยังไม่หมด วิ่งเข้าห้องน้ำเกือบ ไม่ทัน คิดไปคิดมาท้องเสียจากอะไร ก็เลยคิดออก ไอศครีม ไง ในไอศครีมมีนม ข้าพเจ้าแพ้นม แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 55 20:43:18 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:42:17

ความคิดเห็นที่ 16 เก็บของเตรียมตัวไปกินอาหารเช้าแล้วออกเดินทางเที่ยว เมืองมัณฑะเลย์ ราชธานีสุดท้าย ซึ่งปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ของพม่า จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:42:57

ความคิดเห็นที่ 17 ขณะรออาหารเช้า จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:43:35

ความคิดเห็นที่ 18 ...ยามเช้าผู้คนเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:44:21

ความคิดเห็นที่ 19 อาหารเช้าเราเป็นแบบง่ายๆ อร่อยสุดน่าจะกล้วย กับ ขนมปัง และกาแฟ เพราะเป็นคนไม่ทานไข่  อิ่มแล้วเราก็ลุยกันต่อ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:45:15

ความคิดเห็นที่ 20 ขณะรอนายอ๋อง เลยสอบถามรายละเอียด Rate ราคา ห้องที่นี่ราคาจาก 15-20 US   และเป็นที่นิยมพอสมควร แถมได้แลกเงินด้วย แม้ธนบัตรจะมีรู ได้แลก 200 US ได้เรท  1US = 800 k ได้เท่านี้ก็พอใจแล้ว ได้เงินจ๊าตมาเพิ่มอีก 160,000 k สบายใจ เราเริ่มการท่องเที่ยววันนี้ด้วยการไปท่าเรือ เพื่อข้ามไปมิงกุน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:47:56

ความคิดเห็นที่ 21 ราคาเหมาเรือ อยู่ที่ 25,000 K เป็นเรือขนาดกลางน่าจะนั่งได้ประมาณ 8-10 คน แต่ถ้าไปเรือเมล์ ออกเวลา 9.00 น. กลับเวลา 13.00 น. ราคา 5,000 K /คน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:48:46

ความคิดเห็นที่ 22 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ทั้งไปและกลับ แอบงีบได้ด้วย แลดูเหมือนเรือ VIP มากเพราะเรือของเรามีผู้โดยสารแค่ 3 คน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:49:29

ความคิดเห็นที่ 23 อากาศกำลังดี แดดยามเช้ายังไม่ร้อนมาก ทำให้เราสามารถนั่งบนดาดฟ้าเรือได้ มีเก้าอี้หวายให้นั่งชมวิว บริเวณท่าเรือ มีวิถีชีวิตมากมาย บางคนอาบน้ำ เล่นน้ำบริเวณท่าเรือ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:50:14

ความคิดเห็นที่ 24 เรือโดยสารหลายลำก็กำลังออกจากท่าพร้อมๆ เรา บนเรือโดยสารไม่ได้มีเฉพาะผู้โดยสาร มีทั้ง มอไซค์ จักรยาน สัมภาระมากมาย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:50:54

ความคิดเห็นที่ 25 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:51:01

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าเรานั่งเรือมาจากพุกาม หรือจะไปพุกาม ก็ต้องมาขึ้นที่ท่าเรือนี้เหมือนกัน ลมเย็นๆ แดดหน่อยๆ ทำให้ผล็อยหลับไปได้ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:51:41

ความคิดเห็นที่ 27 ริมแม่น้ำ อิระวดี จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:52:37

ความคิดเห็นที่ 28 มองห็นมิงกุนไกลแสนไกล ถ่ายรูปนี้เสร็จ หลับเฉยเลย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:53:53

ความคิดเห็นที่ 29 สักพักใหญ่เราก็ถึงมิงกุน เดินจากท่าเรือไปแค่ 30 เมตรก็ถึงมิงกุนแล้ว และจากมิงกุนไป สินพยุเม (ทัชมาฮาลพม่า) ก็เดินไปได้ แต่ถ้าอยากช่วยเหลือชาวบ้านที่ขับเกวียนก็ใช้บริการได้ บริเวณท่าเรือเราก็จะเห็นเศษซากของสิงห์ คู่ พังทลายเพราะแผ่นดินไหว ในปี พ.ศ.2381 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:55:30

ความคิดเห็นที่ 30 ก่อนจะเดินขึ้นมิงกุนก็จะมีคนคอยบอกเราให้ไปซื้อตั๋ว คนละ 3 US ซื้อที่นี่แล้ว เก็บตั๋วไว้ สามารถใช้เข้าเมืองสะกายได้ด้วย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:56:18

ความคิดเห็นที่ 31 สวยมาก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:56:59

ความคิดเห็นที่ 32 แสดงไว้ในอาคารที่ขายตั๋ว จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:57:37

ความคิดเห็นที่ 33 เดินขึ้นมิงกุนก็เหนื่อยเหมือนกันนะ แดดเริ่มร้อนแล้ว จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:58:07

ความคิดเห็นที่ 34 ไปเที่ยวพม่าด้วยนะครับ ภาพสวยจัง จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:58:23

ความคิดเห็นที่ 35 เดินขึ้นไปข้างบนกัน ชันมาก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:59:06

ความคิดเห็นที่ 36 ข้างบนวิวสวยใช้ได้ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 15:59:44

ความคิดเห็นที่ 37 มองเห็นสินพยุเม และ อาคารเก็บระฆังมิงกุน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:00:33

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นเพียงไม่กี่รูปที่มีรูปตัวเอง พี่ B ใช้ Ipad ถ่ายให้ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:01:14

ความคิดเห็นที่ 39 บนนั้นจะมีน้องผู้ชาย ชื่ออะไรนะ จำชื่อไม่ได้แล้ว ที่จะมาคอยเป็นไกด์ให้ พร้อมทั้งคอยช่วยเราเวลาปีนป่ายทั้งคอยฉุด คอยดึง เพราะว่ามีบางที่ต้องปีน น่าอันตรายพอสมควร จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:02:12

ความคิดเห็นที่ 40 แม่น้ำอิระวดีอันกว้างใหญ่ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:03:17

ความคิดเห็นที่ 41 ข้างบนมีรอยแยกเยะมาก เดินข้างบนต้องระมัดระวัง พอสมควร เวลาพี่ A ปีนทีไร เรานี่ลุ้นมาก พี่แกเล่นเอาด้านหน้าลงตลอด บอกให้หันหลังค่อยๆ ปีนลงก็ไม่เชื่อ ตกลงไปในปล่องนี่จะทำไงดีเนี่ย แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 55 20:48:41 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:04:31

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนจะลงเลยให้ทิปน้อง 1,000 k น้องบอกว่าเพิ่มอีกได้เปล่า เอ้าทุ่มสุดตัว 2,000 k พวกพี่ๆ ไม่มีเงินจ๊าตแล้วลูกเอ๊ย ตอนที่เราเดินมาถึงข้างล่าง เรือเมล์เพิ่งเข้า นักท่องเที่ยวเลยเยอะทีเดียว ก็เลยตกลงกันว่า เดินไปดูสินพยูเมกันก่อนดีกว่า เพราะกรุ๊ปฝรั่งเขาแวะดูระฆังกันก่อน เราก็เดินนำหน้าไปก่อน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:05:18

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ BANBONDOI  ตามมาเที่ยวด้วยกันค่ะ ................................................................................. จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:06:31

ความคิดเห็นที่ 44 ขอเกาะกระทู้ไปด้วยคนนะคะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:07:03

ความคิดเห็นที่ 45 พอไปถึงสินพยูเม ก็นึกรำคาญพี่ A อีก แกถามว่าฉี่ในวัดได้มั๊ย ป้า อายุปูนนี้ยังไม่รู้อีกเหรออันไหนควร ไม่ควร เฮ้อ .... ก็เลยสุดจะทน บอกไปว่า ฉี่ในวัดมันบาป ไม่มีห้องน้ำก็กลั้นไว้ก่อน อารมณ์ไม่ค่อยดีแล้วเรา แยกออกจากกลุ่มดีกว่า เดี๋ยวพูดผิดหูใครไปอีก เวลาอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่อยากจะถ่ายรูปเลยนะ ทำให้คิดไอเดียไม่ออก อุตส่าห์ อยากมาที่นี่ เราทำไมต้องไปรู้สึกอะไรมากมายกับแกด้วยนะ พระท่านอาจจะสร้างบททดสอบ อารมณ์ โทสะ โมหะ ที่คอยมาเบียดเบียน เราจะรู้ทันมันหรือเปล่า แล้วเราจะจัดการมันได้มั๊ย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:07:46

ความคิดเห็นที่ 46 เจดีย์ชินพิวเม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาของพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักต่อพระมหาเทวีชินพิวเม ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร และได้รับสมญานามว่า "ทัชมาฮาล แห่งลุ่มน้ำเอยาวดี" จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:09:01

ความคิดเห็นที่ 47 เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล คือ มีองค์พระเจดีย์อยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ ที่เชื่อกันว่าเป็นแกนกลางของจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ http://www.oknation.net/blog/supawan จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:09:57

ความคิดเห็นที่ 48 บนเจดีย์ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:10:39

ความคิดเห็นที่ 49 ... จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:11:15

ความคิดเห็นที่ 50 เราเดินดูรอบๆ ได้สักพักก็มานั่งคอยหน้าวัด เพราะรอบๆวัดมีแต่ต้นหญ้าที่มีหนามไปไม่ได้ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:11:50

ความคิดเห็นที่ 51 กรุ๊ปฝรั่งมากันแล้ว จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:12:31

ความคิดเห็นที่ 52 รูปสุดท้าย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:13:11

ความคิดเห็นที่ 53 ตามครูตาลเที่ยวต่อค่า จากคุณ : หมูอ้วนจอมพลัง เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:13:41

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน ตามมาเที่ยวกันต่อค่ะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ ออกไปตลาดก่อนแป๊บนึง จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:16:31

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : จิ้งจอกหลงกรุง เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:34:59

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : บ้านนี้มีสุข เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 16:45:08

ความคิดเห็นที่ 57 ตามไป พุกามด้วยคน ครับ  ฮิ๊วว จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 17:05:45

ความคิดเห็นที่ 58 มานั่งรอนะครับบบบบบ จากคุณ : ส่วนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 17:30:04

ความคิดเห็นที่ 59 Give หมดเสียดายจัง จากคุณ : piangjit เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 17:33:03

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ จิ้งจอกหลงกรุง ตามมาเที่ยวด้วยกันต่อนะค่ะ คุณบ้านนี้มีสุข ตามมาเที่ยวด้วยกันต่อนะค่ะ นายฟ้าใส ตามมาๆๆ จร้า คุณ ส่วนหนึ่งของประเทศไทย กลับมาแล้วค่ะ ป้า piangjit ไปทำไรหมดป้า เพิ่งครึ่งเดือนเองนะ อิอิ คุณพี่หมูอ้วน ไม่เห็นเม้นท์ เที่ยวด้วยกันต่อนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 55 20:51:14 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 18:54:26

ความคิดเห็นที่ 61 อยากไปพม่าอีกซักรอบ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : ออร์-ฟิ-อุส_orpheus เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:05:03

ความคิดเห็นที่ 62 แล้วเราก็เดินกลับไปดูระฆังมิงกุนกัน ระหว่างทาง เจอคุณตา เคยห็นในรีวิวด้วยนะ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:07:39

ความคิดเห็นที่ 63 มิงกาลาบา สวยมากครับ อยากไปมากๆ จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:08:57

ความคิดเห็นที่ 64 คุณ ออร์-ฟิ-อุส_orpheus ตามมาเที่ยวในรีวิวอีกรอบค่ะ ระฆังมิงกุนใหญ่มาก แต่ไม่กล้าเข้าไปข้างใน เป็นโรคกลัวที่แคบ จินตนาการมันล้ำเลิศเกินไป ระฆังมิงกุนมีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน ปัจจุบันระฆังใบนี้ถือว่าเป็นระฆังยักษ์ที่เล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเคลมลินใน กรุงมอสโคเพียงใบเดียว แต่ระฆังเคลมลินนั้นแตกร้าวไปแล้ว ไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก ระฆังมิงกุนจึงเป็นระฆังยักษ์ที่สามารถส่งเสียงก้องกังวานได้จริงๆที่เหลืออยู่ในโลก http://www.oknation.net/blog/supawan เราเจอกรุ๊ปข้าราชการจากกรมประมงพม่าอีกแล้วมากันหลายคนเจี๊ยวจ๊าวกันน่าดู ก็เลยแค่ดูแบบห่างๆ เพราะกลุ่มนั้นเขาถ่ายรูปกันสนุกสนาน ฝรั่งก็มาสมทบอีกคณะใหญ่ มีไกด์มาอธิบายด้วยนะ เราเลยชวนกันกลับ เพราะจะ 10 โมงครึ่งแล้ว อ๋องนัดว่าประมาณ 11 โมงควรกลับถึงฝั่ง แต่พี่ A แกยังไม่อยากกลับ จะยืนฟังไกด์เขาอธิบาย พี่ B ก็เลยบอกว่าตามมาแล้วกันนะจะเดินรอ ขนาดมากันแค่ 3 คน ยังดูวุ่นวายดีจริงเชียว สงสัยเราติดนิสัยเที่ยวคนเดียวแล้วละมั้ง ไม่ชอบรอใคร และไม่ชอบให้ใครรอ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:10:51

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ boy next door ตามมาๆๆ เที่ยวด้วยกันอีกค่ะ เดินมาถึงเรือเรียกน้องผู้ชายออกมารับ เพราะต้องเอาไม้กระดานมาพาดให้เดิน จากริมตลิ่งไปบนเรือ แม่น้ำอิระวดีนี่ช่างกว้างใหญ่ดีจัง บางแห่งก็มีเกาะกลางน้ำด้วย เราเดินทางกลับก็ประมาณ 45 นาทีเช่นกัน   แอบนอนหลับอีกแล้ว หิวข้าวกันแล้ว พอถึงฝั่งเลยบอกนายอ๋องพาไปทานข้าว นายอ๋องเลยนำเสนอร้านอาหารพม่า เพราะรู้ว่าพวกเราชอบ แต่พี่ A บอกว่าไม่อยากกินข้าวแล้ว อยากกินโมฮิงกะ สุดท้ายแล้ว พี่ B ก็บอกให้พาไปทานข้าว ร้านที่นายอ๋องพาไปอยู่ถนนเส้นไปเมืองสะกาย ร้านใหญ่พอสมควรแต่บุฟเฟ่ห์คนละ 1,700 K เอง อร่อยมาก อาหารเยอะมาก เต็มโต๊ะจนไม่มีที่จะวางจานข้าว แก้วน้ำต้องเอาเก้าอี้มาเสริมวางเพิ่ม แถมอร่อยอีกต่างหาก นายอ๋องก็ทานกับเราด้วย มีออกค่าข้าวตัวเองด้วย 1,700 K เราเลยคืนให้ 1,000 k นึง แอบงกนะเนี่ย มื้อนี้อิ่มมาก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:13:31

ความคิดเห็นที่ 66 เดินทางต่อ เราคงสื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่อง  เราบอกนายอ๋องว่า อยากไปดู วัดมหาเตงดอจี (Ma ha Thein Taw Gyi) สถูปที่หลายคนเชื่อว่าเป็นของขุนหลวงหาวัด Glass Palace หรือพระราชวัง และ Shwenandaw Kyaung Temple แต่ก็เป็นความผิดเราด้วย ตอนที่ตกลงสถานที่ไปเมื่อวาน เราไม่ได้เอาหนังสือที่มีรูปให้เขาดู และรูปสถูปที่ Print ไป พอดีพี่ A ยืมไปแล้วลืมไว้ที่พัก หรือ นายอ๋อง ยึดติดกับโปรแกรมทัวร์คนไทยนะ เราจะไปเมืองสะกายเพราะอยากไปดูวัดมหาเตงดอจี (Ma ha Thein Taw Gyi) ซึ่งเป็นวัดที่มีฝีมือช่างเขียนลักษณะเป็นลายโยเดีย คิดว่าน่าจะเป็นช่างจาก อยุธยาที่ถูกกวาดต้อนมา   ขณะข้ามสะพานเหล็ก วิวที่มองไปเมืองสะกายสวยมาก เจดีย์ทองเต็มไปหมด แต่กล้องเราแบตกำลังจะหมด เลยไม่ได้ถ่ายรูป เซ็งกล้อง เซ็งตัวเอง เห็นว่ายังเต็มอยู่ก็เลยไม่ได้ชาร์ท นายอ๋องพาเราไปขึ้น Sagaing hill ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงในการเดินขึ้นไป ชมทิวทัศน์และเดินลงมือ กำลังจะเดินขึ้นแล้ว หันมาถามนายอ๋องใหม่ที่นี่ที่ไหน ใช่วัดที่เราอยากไปหรือเปล่า นายอ๋องก็เลยทวนว่าวัดที่เราอยากไปคือที่ไหน เราเลยเอารูปให้ดู ตอนแรกนายอ๋องไม่รู้จัก ลุงคนอยู่แถวนั้นเลยมาช่วย คุณลุงเลยบอกว่า วัดที่เราอยากไปมันอยู่ทางใต้ของเมืองสะกาย ไกลออกไปอีกมาก อ๋องเลยว่าถ้าไปเวลาก็จะไม่พอนะ เพราะต้องไป พระราชวังและวัดไม้สักอีก กลัวเขาจะปิดก่อน ถ้าเราไปถึงเย็นเกินไป เลยอดเลย กลับมาเมืองไทยเลยมาค้นดู เผื่อมีโอกาสไปอีก จะได้ตั้งใจไปให้ได้ http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2851.0 http://www.bangkokbiznews.com/2007/09/06/WW06_0607_news.php?newsid=92852 จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:16:14

ความคิดเห็นที่ 67 พอเรากลับมาที่  Blue Taxi คันเล็กของเรา เราเลยบอกให้นายอ๋องพาเราไปที่ สถูปที่เชื่อว่าจะเป็นของขุนหลวงหาวัด เราก็เลยเอารูปให้ดู นายอ๋องบอกว่าไม่เคยเห็น เลยไปถามคนขับรถ Blue Taxi อีกคนนึงที่มากับฝรั่ง คนนั้นเลยบอกว่าอยู่ฝั่งอมรปุระนู้น เป็นสถูปของกษัตริย์ หรือ Crown prince ใช่มั๊ย เราเลยบอกว่าเราเชื่อประมาณนั้น นายคนนั้นก็พูดกับนายอ๋องเป็นภาษาพม่า แล้วก็พยักหน้ากันหงึกๆๆ นายอ๋องก็พาเรากลับไปที่ฝั่งมัณฑะเลย์ ที่จริงนะ มา มัณฑะเลย์ น่าจะมาเที่ยวแบบช้าๆ 1 วันให้ สะกาย อมรปุระอังวะ สะพานอูเบ็ง (  Amarapura -Innwa  - Sagaing  - U bein ) 1 วันให้มัณฑะเลย์ city tour + Mingun ( พระราชวัง วัด Shwenandaw วัด Shweinbin Monastery วัด Ku Tho Daw ) มา มัณฑะเลย์ควรจะมีเวลาสัก 2 วัน   พี่ A แกยังพร่ำพ้อว่าแกจะมามัณฑะเลย์ใหม่อีก เพราะแกบอกเมื่อเช้า แกหลับ ไม่เห็นพิธีช่วงล้างหน้าพระมหามุนี แกบอกจะชวนคนนั้น คนนี้มา แต่แกจะขอดูแค่พิธีล้างหน้าพระมหามุนี นอกนั้นแกก็จะไปช๊อปปิ้งรอขณะที่คนอื่นไปเที่ยวกัน คิดในใจ พี่จะมากับใครก็มาเถอะ อย่าชวนหนูมาละกัน ไม่มาอีกแล้ว นายอ๋องพาเราไปไหนก็ไม่รู้ เพราะเรากับพี่ B นั่งหลัง ไม่รู้เขาจะพาไปไหน พอเลี้ยวเข้าถนนสายหนึ่งสวยมาก ต้นหางนกยูงมีแต่ต้นใหญ่ๆ สวยมาก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:18:22

ความคิดเห็นที่ 68 พอมาถึงท่าเรือนายอ๋องบอกเราว่าถ้าจะข้ามไปตามหาสถูปต้องข้ามไปอมรปุระ ค่าเรือคนละ 1,000 K เป็นเรือข้ามฟาก คนเราก่อนจะฉลาด ต้องผ่านการไม่รู้มาก่อน ว่ามั๊ย อุตส่าห์ซื้อตั๋วเรือข้ามฟากไปฝั่งอมรปุระ พอข้ามไป ไปถามคนขับรถม้าฝั่งโน้นว่ารู้จักสถูปนี้มั๊ย บอกว่ารู้จัก ค่ารถม้า 20,000 k เราเลยบอกเราจะไปแค่ที่นี่ ใช้เวลาเท่าไหร่ บอก 2 ชั่วโมง เราเลย ไม่ไป บอกลดราคาเหลือ 10,000 k และแค่ 20 นาทีก็ได้ สรุปแกไม่รู้จักใช่มั๊ย พี่ B เลยบอกว่าที่อ่านจากกระทู้ป้าฟูมันอยู่ใกล้สะพานอูเบ็งนะ เราก็เลย กลับกันดีกว่าบ่ายกว่าๆ จะบ่าย 2 แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน แล้วเราก็นั่งเรือกลับ ขณะมารอนั่งเรือก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีมากกกกกก มาส่ง และแอบหัวเราะ 3 นางนี้ด้วย อะไรเนี่ย นั่งมาและ นั่งกลับ นอกจากชายหนุ่มรูปงามนี้ก็มีคนขับเรือหัวเราะพวกเราเหมือนกัน ฮามาก ตอนมาถึงท่าเรือ เจอคนไทย ป้าเขาบ่นใหญ่เลยว่าเลยเงินค่าเข้า 2 รอบ สงสัยไม่ได้บอกหรือเปล่านะ ว่าจ่ายจากพระราชวังมาแล้ว ถ้าจ่าย 10 US ที่พระราชวังมาแล้ว สามารถนำตั๋วมาแสดงเวลาเรามาเที่ยวอมรปุระได้นะ จะได้ไม่ต้องจ่ายอีก อายุตั๋ว 3 วัน หรือจะซื้อที่นี่แล้วนำไปแสดงที่พระราชวังก็ได้ พอเราข้ามฝั่งไปนายอ๋องงงเลย ตรูกำลังจะกินมะม่วงสบายอุรา ยังไม่ได้หยิบเข้าปากเลยเพิ่งปอกเสร็จ พวกนี้ก็กลับมาแล้ว ฺรถ Blue Taxi ที่พาเราไปไหน มาไหน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:20:45

ความคิดเห็นที่ 69 เราก็เลยบอกว่า ค่ารถม้าแพง แถมใช้เวลาเยอะ เราไปพระราชวังกันเลยดีกว่า เดี๋ยวเขาปิดก่อน เพื่อนนายอ๋องที่มากับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มก็เห็นด้วย ยิ่งวันไหนทหารมา ยิ่งปิดเร็วนะ สรุปนายอ๋องเลยไม่ได้กินมะม่วงเลย เราก็ไปกันต่อ แดดร้อนมาก ลืมเสื้อแขนยาวไว้ที่ห้องพัก ดำจนเกรียมค่ะ งานนี้ นายอ๋องพาเราลัดเลาะไปไหนก็ไม่รู้ เข้าไปในหมู่บ้าน พอไปถึง โรงเรียนพระ วัดนึงก็เลยว่าคุ้นเหมือนทางไปสะพานอูเบ็ง นายอ๋องพาพวกเรามาที่สุสานนะเอง ขับมาสักพักก็เจอ สถูปเชื่อว่าเป็นของขุนหลวงหาวัด หรือ พระเจ้าอุทุมพร ของเรา จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:24:42

ความคิดเห็นที่ 70 แต่หลายกระแสก็บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะ เวลาย้ายเมืองหลวงไม่น่าที่จะจำเป็น ต้องย้ายเชลยมาด้วย ชาวโยเดีย น่าจะอาศัยอยู่ที่เมืองสกาย ตอนพนมมือไหว้เราเลยอธิฐานว่า ถ้าใช่ท่านจริงๆ มาเข้าฝันหน่อยเถอะ แล้วเราก็ลาจากมา จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:26:18

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าอยากจะไปดูสถูปที่ว่า จะอยู่ใกล้สะพานอูเบ็งมาก เดินลัดมาตรงข้างหลัง ศาลาลกลางน้ำสีขาว ที่มองเห็นจากสะพานอูเบ็ง และจะมีแนวต้นไม้ใหญ่เรียงสวย สุสานอยู่แถวนั้นแหละ หรือ จะนั่งรถมาจากมัณฑะเลย์มาสะพานอูเบ็ง พอเห็น วัดที่มีพระมาเรียนเยอะๆ แทนที่จะเลี้ยวซ้ายไปสะพานอูเบ็ง ก็ให้ตรงมาแป๊บนึง ประมาณ 10 เมตร จะมีซอยด้านซ้ายเลี้ยวไปสุสานได้เหมือนกัน อยู่หลังแนวไม้เหล่านั้นนะคะ แต่แนะนำให้ไปตอนกลางวัน มันแลดูเปลี่ยว และ น่ากลัว จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:28:14

ความคิดเห็นที่ 72 ขณะเดินทางกลับเข้าเมืองมัณฑะเลย์ นายอ๋องพักเติมน้ำมัน พี่ A เดินมาบอกเราว่า สงสัยจะไปไม่ทันแล้วมั้ง เลือกไปที่ใดที่หนึ่งเถอะ คราวหน้ามาใหม่ ค่อยไปอีกที่ อ้าว ของขึ้น ....ทำไมไม่ไปดูก่อนละ เผื่อมันทัน เพิ่งจะบ่ายสองกว่าเอง ถ้ามันปิด 4 โมงก็อีกตั้งนาน แกก็ดูเหมือนไม่พอใจ เราก็เลยบอกว่า ให้ไปที่อื่นบ้างเถอะ ถ้าให้กลับมามัณฑะเลย์อีกเนี่ย อยากไปที่อื่นดีกว่า ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น สงสัยจี๊ดตรูตั้งแต่นี่ละมั้ง นิสัยพูดตรงๆ เนี่ยแก้ไม่หายจริงๆ นายอ๋องกลับมาจากซื้อน้ำมันใส่ถัง เราก็เลยบอกนายอ๋องให้ไปดูก่อน พอไปถึงพระราชวังปิดตั้ง 4.30 PM อ่ะ แล้วก็เลยถามว่า วัด Shwenandaw ปิด กี่โมง จนท.เลยบอกว่าปิด 5 PM สรุปไปทันทั้ง 2 ที่ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:29:44

ความคิดเห็นที่ 73 งานเข้าก็ตอนที่ไปดูพระราชวังนี่แหละ ใครเคยไปแล้วรู้สึกผิดหวังบ้าง เราว่าน่าจะเยอะ มันช่างดูหยาบ ดูไม่มีความงดงามเอาเสียเลย ฝุ่นก็เยอะ ดูไม่เคยปัดกวาดเช็ดถูเลย น่าผิดหวังยิ่งนัก เราก็เดินไปดูเรื่อยๆ แต่ทนไม่ไหว พื้นมันสกปรกเกินไป และ ไม่อยากดูแล้ว ไม่คุ้มค่าที่จะเสียเวลาดู เราตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าขอขึ้นหอดูไฟ ถ่ายรูปภาพรวม เราก็เลยดินกลับไปเอารองเท้า พี่ B กลับออกไปแล้ว แต่ พี่ A แกบอกว่าจะไปดูห้องข้างๆ เราก็เลยไม่รอ เพราะถ้าตัวเองไปดูหอไฟแล้วจะเสียเวลาคนอื่น ก็เลยเดินไปเลย  พอออกไปข้างนอกเจอพี่ B บอกแกว่าจะไปดูหอดูไฟ แกก็เลยขอไปด้วย แกบอกเดี๋ยวรอพี่ A  แป๊บ รอนานทีเดียวไม่เห็นออกมาสักที ก็เลยเดินกันไปก่อน แต่ก็หยุดคอยเรื่อยๆ เพราะมองเห็นกันได้ง่าย ไม่ได้ลึกลับขนาดนั้น ไม่มาสักทีเลยหาทางขึ้นหอคอย  เดินขึ้นนี่เหนื่อยมาก ถ่ายรูปเสร็จ ลงมากลับ ไปที่รถ คิดว่าจะไปนั่งคอย เพราะไม่อยากดูอะไรแล้ว แม้จะเดินได้เพียงตึกเดียว กลับมาที่รถพี่ A มานั่งรอ พร้อมทำหน้าหงิกงอ แล้วโมโหพวกเราว่าไม่คอย ออกมาไม่เจอใคร ก็เลยมานั่งรอที่รถ แล้วก็บ่นอะไรมากมาย เราก็เหวอเลย อ้าวทำไมไม่เดินดูไปละค่ะ พื้นที่ก็นิดเดียวเอง แล้วก็บ่นให้เรามากมาย พอรู้ว่าเราไปดูหอคอยมาก็อยากไป เราก็เลยบอกว่าจะรอ ไปเลยสวยดี เดินหน้าบึ้งไป เราก็เลยรออยู่กับพี่ B นายอ๋องก็ถามว่าป้าแกเป็นอะไร กลับมาพร้อมหน้าบึ้งกว่าเดิม บ่นใหญ่เลย หาทางขึ้นไม่เจอ เห็นประตูก็ไปเปิด ประตูเขา มันล็อค ที่ไหนได้มันเป็น office แล้วก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง โวยวายใหญ่เลย เป็นอะไรที่เราแบบงงมาก เฮ้ย เกิดมาไม่เคยเจอ มาเที่ยวกันเองแบบนี้ต้องให้ คอยกันตลอดเลยเหรอ อ้าวฉันอยากดูนั่น ดูนี่ ฉันก็ต้องคอยดูเธอด้วยเธอ ฉันไม่ใช่ไกด์นะ จะได้ดูแลลูกทัวร์ หรือแกเข้าใจผิดมาตลอดว่าเรารับจัดทัวร์เนี่ย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:32:10

ความคิดเห็นที่ 74 เราเซ็งๆมาหลายวันแล้ว ยิ่งเป็นคนไม่พูด ยิ่งเงียบ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงด้วย พอไปถึงวัดชเวนันดอร์ ต่างคนต่างไปเลยงานนี้ อีกตั้งหลายวัน ทนไว้ๆๆ ที่ชเวนันดอร์ก็เก็บค่าเข้านะ แต่ถ้าเราจ่าย 10 US ที่พระราชวังแล้วก็ไม่ต้องจ่ายอีก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:33:49

ความคิดเห็นที่ 75 วัดชเวนันดอร์ เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังอันยิ่งใหญ่ของพม่า เป็นส่วนหนึ่งของที่ประทับของพระเจ้ามินดง และพระองค์ทรงเสด็จสวรรคตที่ อาคารหลังนี้ ในปี 1878 พระเจ้าสีป่อเห็นว่าไม่เป็นมงคลก็เลยให้ยกมาไว้วัด ก็เลยรอดจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร นั่นคืออังกฤษในปี ค.ศ. 1945 เพราะคิดว่าเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังพลของฝ่ายอักษะ (ญี่ปุ่น) ประวัติศาสตร์ อันยาวนานก็ดูเหมือนก็พังทะลายไปพร้อมกับพระราชวัง เหลือแค่วัดชเวนันดอร์ที่เหลือให้เห็นถึงความวิจิตรงดงามของพระราชวังไม้สักทองของพม่า จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:34:45

ความคิดเห็นที่ 76 ที่นี่สวยมาก แต่ด้วยกันดูแลรักษาที่ไม่ดีพอ รูปแกะสลักโดยมากก็เริ่มเลือนหาย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:35:31

ความคิดเห็นที่ 77 มีการนำรูปแกะสลักใหม่มาติดทดแทนด้วย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:36:11

ความคิดเห็นที่ 78 แต่เห็นความแตกต่างด้านความประณีตได้อย่างชัดเจน จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:36:38

ความคิดเห็นที่ 79 ถ่ายรูปสนุกมาก มีอะไรให้ถ่ายเยอะมาก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:37:32

ความคิดเห็นที่ 80 ....สวยมาก จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:38:36

ความคิดเห็นที่ 81 น่าจะมาจากรามเกียรติ์ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:40:11

ความคิดเห็นที่ 82 มหากาพย์รามายณะ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 19:41:09