ความคิดเห็นที่ 1 ก่ออื่นมาทำความรู้จักกัยข้อมูลเบื้อต้น ของมหาสารคามกันก่อนครับ สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ตราประจำจังหวัด: รูปต้นรังใหญ่ (มาจากคำว่า มหาสาละ ในชื่อจังหวัดมหาสารคาม) กับทุ่งนา ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกลั่นทมขาว (Plumeria alba) ต้นไม้ประจำจังหวัด: มะรุมป่า (Albizia lebbeck) คำขวัญประจำจังหวัด: พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักสิลานคร ภูมิศาสตร์ ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดกาฬสินธุ์ ทิศใต้ ติดกับจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดร้อยเอ็ด ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคามมีระยะทางจากจังหวัดนครราชสีมา193กิโลเมตร จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:47:25

ความคิดเห็นที่ 2 โดยโปรแกรมในตอนเช้า เราจะเที่ยวในเมือง แล้ว เที่ยวเป็นวงกลม โดยในช่วงเช้า จะเริ่มจากในเมือง แล้วไปที่ กันทรวิชัย เชียงยืน โกสุมพิสัย บรบือ นาเชือก และ นาดูนตามลำดับ ก่อนอื่น มาเดินเล่นในตลาด ดูวิถีชีวิต และ หาของอร่อยๆยามเช้ากันก่อนครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:55:12

ความคิดเห็นที่ 3 สินค้าส่วนมากก็เป็พืชผัก มีทั้งที่ชาวบ้านนำมาขายกันเอง และรับเค้ามาครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:56:34

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าแต่ขนมเบื่องอยุธยา มาโผล่อะไรที่สารคามหว่า จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:57:24

ความคิดเห็นที่ 5 ร้านนี้ขายหมี่กะทิครับ ขอบอกว่ายังไม่เคยทานเลย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:58:14

ความคิดเห็นที่ 6 มองข้ามจริงๆละครับ ไปแต่รอบนอกๆ แล้วนอนร้อยเอ็ดทุกที ตามชมด้วยคน...............ขอบคุณครับ   จากคุณ : Low Batt เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:59:39

ความคิดเห็นที่ 7 ร้านนี้ก็นำเห็ดที่เก็บมาเอง มาจำหน่ายครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:59:57

ความคิดเห็นที่ 8 แอบชมการถ่ายทอดสดค่ะ จากคุณ : ทำไมเด็กชอบเรียกตัวเองว่าหนู เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 15:59:59

ความคิดเห็นที่ 9 ปาดซ้าย รอชม รีวิวมหาสารคาม จากคุณ : การูด้า เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:01:09

ความคิดเห็นที่ 10 มารอชมครับ จากคุณ : เขียนบน iPad (beer8r) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:01:55

ความคิดเห็นที่ 11 ปาดขวา  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:03:39

ความคิดเห็นที่ 12 มาชม.... จากคุณ : ตัวเล็กฟันเหล็กรักเด็กใส่แว่น เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:03:40

ความคิดเห็นที่ 13  Low Bat ตามมาเลยครับ 1 กิ๊ฟ สำหรับลูกค้าคนแรก อิอิ ทำไมเด็กชอบเรียกตัวเองว่าหนู ตามมาแลยครับผม พึ่งเริ่มต้นเอง ........................................................... ผักต่างๆเก็บมาขายกันเอง จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:04:19

ความคิดเห็นที่ 14 มาแล้ว  มาแล้ว  ! ! จากคุณ : Draught Beer เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:04:33

ความคิดเห็นที่ 15 มารอดักน้องต้นตรงกึ่งกลาง จากคุณ : pin chonburi เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:06:50

ความคิดเห็นที่ 16 ตามมาดูครับพี่ ^__^ จากคุณ : natthawat เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:07:01

ความคิดเห็นที่ 17 คุณการูด้า เปิดทางให้แล้วตามมาเลยครับ คุณเขียนบน iPad (beer8r) ตามมาเลยจ้า คุณnumsiam ปาดซ้าย ปาดขวา เตรียมตัวครับ อิอิ ตัวเล็ก ตามมาเลยจ้า .................................................... รูปนี้ไม่มีอะไร แต่ชอบ สวยดี 55555 จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:07:20

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบสารคาม เมืองการศึกษา ชอบที่พัก โรงแรมตักศิลา จากคุณ : TheKop78 เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:07:45

ความคิดเห็นที่ 19 พี่ต้น...ขอติดรถแวะกลับบ้านด้วยคน บ่ ได้ กลับ บ้าน นานแล้ว จากคุณ : paepaemaru เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:09:25

ความคิดเห็นที่ 20 น้าเบียร์ ตามมาเลยจ้า พี่พิน มาถึงแล้วโดดขึ้นมาเลยครับ น้องเต้ย เสาร์นี้เจอกันนะครับที่ฉะเชิงเทรา ............................................... แต่ที่สะดุดตาแล้วทำให้ผมขนลุก คือเจ้านี่ครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:09:26

ความคิดเห็นที่ 21 ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดด เห็ดโคน....... คคห7 เห็นแล้วอยากสิกลับบ้านไปเก็บเห็ด จากคุณ : naykainui เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:10:26

ความคิดเห็นที่ 22 ผักสดน่าหม่ำ ๆ มากครับ รูปสวยมากเลย จากคุณ : ดอกไม้ในเงาจันทร์ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:10:37

ความคิดเห็นที่ 23 ............ เปลี่ยนดีกว่า  เดี๋ยวน้า งง น่าจะลงรูป  น้า ข้าว เสาไห้ ด้วย .. แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 16:30:49 จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:11:26

ความคิดเห็นที่ 24 ปาด...ไปด้วย จากคุณ : maxoutda เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:12:07

ความคิดเห็นที่ 25 คุณTheKop78 โรงแรมตักศิลา ที่พักสวยในราคาไม่แพงด้วยครับ แป๊ะ อ้าว คนอีสานหรือนี่ หุหุ ......................................... มาดูกันชัดๆ สิ่งนี้คือ ลูกอ๊อดที่กำลังจะเป็นกบครับ ดิ้นไปดิ้นมา เห็นแม่ค้า จับมาบีบท้อง เอาตับไตใส้พุงออกไป หยึ๊ยยยยยย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:12:11

ความคิดเห็นที่ 26 รอดูลิงเด้ออ้าย จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:14:12

ความคิดเห็นที่ 27 คุณnaykainui น่าอร่อยเน๊อะ เห็นโคน แซ่บๆ ดอกไม้ในเงาจันทร์ พี่ตี้ ยังมีอักเยอะเลยจ้า เจ๊ เชพบ๊ะ จะดีเหรอเจ๊ เค้าเขินอะ คุณmaxoutda ตามมาเลยครับ ......................................................... บ้างก็นำของป่ามาขาย อย่างป้าคนนี้ เอาน้ำผึ้งป่ามาขายครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:15:37

ความคิดเห็นที่ 28 สวดยอด ครับ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:16:18

ความคิดเห็นที่ 29 ลุงม่วง อีกแป๊บนึงก๊าบบบบ ....................................... ชอบรถแบบนี้จัง เห็นแล้วนึกถึงตอนที่ไปอุดร นั่งแล้วรถยกล้ออะ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:17:03

ความคิดเห็นที่ 30 ขออนุญาต จขกท.ใช้พื้นที่นิดนึงนะคร้าบบบ รบกวนถามชาว'สารคามว่า เส้นบรบือ- วาปีฯ ยังทำนาเกลือมั้ยครับ ??? แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 16:18:31 จากคุณ : Low Batt เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:17:55

ความคิดเห็นที่ 31  tummeng_in ขอบคุณครับน้าตั้ม ................................................... วันนี้ก็เหมือนฟ้าเป็นใจจริงๆ หลังจากเมื่วานมาถึง ฝนตกจนไปไหนไม่ได้เลย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:18:18

ความคิดเห็นที่ 32 คุณLow Batt ได้เลยครับ ..................................... มาเจอป้ายนี้งงเล็กน้อย มหาวิาลัยมหาสารคามตัวย่อคือ มมส ไม่ใช่เหรอ ทำไมป้ายนี้เป็น มค อะครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:20:17

ความคิดเห็นที่ 33 ตามไปเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:21:38

ความคิดเห็นที่ 34 จากตลาด ท่านสามารถเดินต่อไปที่หอนาฬิกาได้เลยครับ น่าอิจฉาคนที่นี่จริงๆ รถว่างมากกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:21:48

ความคิดเห็นที่ 35 คุณเล็กทาโร่ ตามมาเลยครับผม ............................................ จากบริเวณนั้น สามารถเดินเที่ยวต่อมาได้เลยนะครับ เป็นเส้นตรง ถนนสวยมาก ถนนเส้นนี้เมื่อก่อนนี้ เต็มไปด้วยต้นมะขามใหญ่ แต่ปัจจุบัน โดนตัดไปบางส่วนแล้วครับ แต่ก็ยังร่มรื่นอยู่ดี จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:24:07

ความคิดเห็นที่ 36 ให้สังเกตุ ทางขวามือ บริเวณ ส่วนราชการ จะเห็นวิหาร ตั้งเด่นเป้นสง่าอยู่ไม่ไกล จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:25:09

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นวิหาร พระประธานกันทรวิชัย  พระพุทธรูปโบราณ ที่พึ่งขุดคนพบเมื่อไม่นานมานี้เองครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:26:31

ความคิดเห็นที่ 38 วิหารสร้างใหม่ สวยเด่นเป็นสง่ามาก จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:27:10

ความคิดเห็นที่ 39 แวะไหว้พระ เพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อนนะครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:28:41

ความคิดเห็นที่ 40 บรรยากาศร่มรื่นมาก เดินถ่ายรูปเพลินเลย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:29:46

ความคิดเห็นที่ 41 อีกภาพกับ วิหารพระประธานกันทรวิชัย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:30:42

ความคิดเห็นที่ 42 ใกล้ๆกัน รูสึกว่าจะเป็นศาลเยาวชนนะครับ สีสวยตัดกับท้องฟ้าสุดๆเลยครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:31:56

ความคิดเห็นที่ 43 บริเวณนี้ เต็มไปด้วยต้นก้ามปูยักษ ยักมากๆเลยครับ เทียบกับขนาดตัวของเพื่อนผมดูนะครับ แต่ว่า ฝากท่านผู้ว่า ช่วยดูเรื่องความสะอาดหน่อยนะครับ ขยะเพียบเลย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:33:38

ความคิดเห็นที่ 44 ดูความร่มรื่นอีกครั้งครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:34:16

ความคิดเห็นที่ 45 ปาดจ้าาาาาาาา พอดีอยู่สารคาม อิอิ ภาพสวยจังค่ะ จากคุณ : พี่จิงค์&น้องมุก เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:34:46

ความคิดเห็นที่ 46 ใบ้หวย 5555555 จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:35:10

ความคิดเห็นที่ 47 คุณพี่จิงค์&น้องมุก สวัสดีครับ คนสารคามตัวจริงมาแล้ว หุหุ ......................................... จากนั้นก็เดินมาไหว้ศาลหลักเมืองกันต่อครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:36:44

ความคิดเห็นที่ 48 ศาลหลักเมืองที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากๆเลยครับนะครับ นั่งอยู่ซักพักนึงเห็นมีคนแวะเวียนมาไหว้อย่างไม่ขาดสายเลย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:37:51

ความคิดเห็นที่ 49 คนที่นี่ไปไหนกันหมดนะ ถนนว่างมากกกกกกกกก จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:38:49

ความคิดเห็นที่ 50 จากนั้นเราก็ต้องไปไหว้ ท่านเจ้าเมืองกันต่อเลยครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:39:45

ความคิดเห็นที่ 51 ประวัติศาสตร์ เมืองมหาสารคามถือว่าเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญและยาวนานมาหลายร้อยปี เพราะได้พบหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยคุปตะตอนปลายและปัลลวะของอินเดียผ่านเมืองพุกามมาในรูปแบบของศิลปะสมัยทวารวดี เช่น บริเวณเมืองกันทรวิชัย (โคกพระ) และเมืองนครจำปาศรี โดยพบหลักฐาน เป็นพระยืนกันทรวิชัย พระพิมพ์ดินเผา ตลอดทั้งพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนั้นแล้วยังได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ผ่านทางชนชาติขอม ในรูปแบบสมัยลพบุรี เช่น กู่สันตรัตน์ กู่บ้านเขวา กู่บ้านแดง และกู่อื่น ๆ รวมไปจนถึงเทวรูปและเครื่องปั้นดินเผาของขอมอยู่ตามผิวดินทั่ว ๆ ไปในจังหวัดมหาสารคาม จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:40:45

ความคิดเห็นที่ 52 โย่วๆ ตกลงมีอะไรน่าไป จากคุณ : ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:41:37

ความคิดเห็นที่ 53 มหาสารคามตั้งอยู่ตอนกลางของภาคอีสาน มีชนหลายเผ่า เช่น ชาวไทยพื้นเมืองพูดภาษาอีสาน ชาวไทยย้อและชาวผู้ไท ประชาชนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี "ฮีตสิบสอง" ประกอบอาชีพด้านกสิกรรมเป็นส่วนใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมีการไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันตามแบบของคนอีสานทั่วไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยก "บ้านลาดกุดยางใหญ่" ขึ้นเป็น เมืองมหาสารคาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2408 โดยแยกพื้นที่และพลเมืองราวสองพันคนมาจากเมืองร้อยเอ็ด และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวมหาชัย (กวด ภวภูตานนท์) เป็นพระเจริญราชเดช เจ้าเมือง มีท้าวบัวทองเป็นผู้ช่วยขึ้นกับเมืองร้อยเอ็ด จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:41:42

ความคิดเห็นที่ 54 ดีบุก ไม่มีเลย อย่าไปเลย 55555 ................................................. ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองมหาสารคามขึ้นตรงกับกรุงเทพมหานครเมื่อ พ.ศ. 2412 และร้อยเอ็ดได้แบ่งพลเมืองให้อีกเจ็ดพันคน พลเมืองเดิมอพยพมาจากเมืองจำปาศักดิ์ ท้าวมหาชัยและท้าวบัวทองนั้นเป็นหลานโดยตรงของพระยาขัติยวงศา (สีลัง) เจ้าเมืองคนที่ 2 ของเมืองร้อยเอ็ด เดิมกองบัญชาการของเมืองมหาสารคามตั้งอยู่ที่เนินสูงแห่งหนึ่งใกล้กุดนางใย ได้สร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและศาลมเหศักดิ์ขึ้นเป็นที่สักการะของชาวเมือง ต่อมาสร้างวัดดอนเมืองแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดข้าวฮ้าว (วัดธัญญาวาส) และได้ย้ายกองบัญชาการไปอยู่ริมหนองกระทุ่มด้านเหนือของวัดโพธิ์ศรีปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2456 หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์ เป็นปลัดมณฑลประจำจังหวัด โดยความเห็นชอบของพระมหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วิริยะศิริ) ได้ย้ายศาลากลางมาอยู่ ณ ที่ตั้งศาลากลางหลังเดิม (ที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคามปัจจุบัน) และในปี พ.ศ. 2542 ได้ย้ายศาลากลางมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน มีผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดรวม 41 คน จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:43:12

ความคิดเห็นที่ 55 ฝั่งตรงข้าม เยื้องไปไม่ไกล มีวัดป่า บรรยากาศ ร่มรื่นมากๆเลยครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:44:48

ความคิดเห็นที่ 56 ตั้งอยู่ริมน้ำ จริงๆมีศาลาปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยครับ แต่ว่า มีผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ก็เลยไม่ได้ถ่ายมาครับ เกรงจะรบกวนผู้ปฏิบัติธรรม จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:46:16

ความคิดเห็นที่ 57 มีดอกไม้จ่กที่วัดมาฝากดอกนึงครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:46:59

ความคิดเห็นที่ 58 ไปต่อกันเลยครับ แวะไปเที่ยวในมหาลัยกันหน่อย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:47:57

ความคิดเห็นที่ 59 เค้าก็ไม่เคยไปจังหวัดนี้  ตามพี่ต้นไปเที่ยวด้วยคน:D จากคุณ : namtanzay เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:48:55

ความคิดเห็นที่ 60 ตรงนี้มีอะไร ก็มี พิพิธภัณฑ์ บ้านพ้นเมืองในจังหวัดมหาสารคาม จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:49:02

ความคิดเห็นที่ 61 namtanzay ตามมาเลยจ้าน้ำตาล ............................................. เป็นหมูเรือนในแบบต่างๆครับ ถือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ของคนที่นี่กันด้วย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:50:30

ความคิดเห็นที่ 62 แบบนี้เรียกว่า กวางเหลียวหลัง อิอิ ส่วนนึงจาก มมส ครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:51:27

ความคิดเห็นที่ 63 โย่วๆ ตกลงมีอะไรน่าไป จากคุณ : ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:51:47

ความคิดเห็นที่ 64 กวางที่นี่รู้งานจริงๆ ตรงไหนมีแสง เค้าก็จะชอบมาเดินอยู่รงนั้นครับ ง่ายต่อการถ่ายภาพ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:52:25

ความคิดเห็นที่ 65 ได้เวลาออกเดินทางต่อกันแล้วครับ จุดหมายต่อไป เราจะไปที่ อ.กันทรวิชัย ซึ่งมีพระพุทธมิ่งเมือง และ พระพุทธรูปยืนมงคล ครับ ระหว่างทาง เจดบึงบัวขนาดใหญ่มาก แวะถ่ายรูปกันก่อน จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:55:18

ความคิดเห็นที่ 66 เสาร์นี้ผมกลับแปดริ้วพอดีครับ ไปงานบวชเพื่อนตอนเช้า และบ่ายๆกะว่าจะเข้า กทม. จากคุณ : natthawat เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:56:07

ความคิดเห็นที่ 67 ชาวบ้านปลูกไว้เก็บฝักขายครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:56:14

ความคิดเห็นที่ 68 พระพุทธมงคล และพระพุทธมิ่งเมือง กันทรวิชัย “กันทรวิชัยเมืองพระ สระบัวคู่บ้าน การเกษตรฟูเฟื่อง พลเมืองอยู่เป็นสุข” จากคำขวัญที่ว่า กันทรวิชัยเมืองพระ สาเหตุเนื่องมาจากว่า อำเภอกันทรวิชัยนั้น มีพระพุทธรูปสำคัญ ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองอยู่ 2 องค์ คือ พระพุทธมงคล และพระพุทธมิ่งเมือง ซึ่งเป็นพระเก่าแก่ เป็นโบราณวัตถุ และเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวอำเภอกันทรวิชัยมาแต่ครั้งโบราณ นอกจากนี้ยังมีพระพิมพ์ที่มีเนื้อดีเป็นที่นิยมของผู้สะสมพระเป็นอย่างยิ่ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:01:18

ความคิดเห็นที่ 69 ตามไปเที่ยวด้วยคน.. จากคุณ : กระเป๋าทองคำ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:01:58

ความคิดเห็นที่ 70 • พระพุทธรูปยืนมงคล      เป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดีสร้างขึ้นด้วยหินทรายแดง เหมือนพระพุทธรูปมิ่งเมือง พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้สร้างขึ้นในเวลาเดียวกันคือ เมื่ออำเภอกันทรวิชัยฝนแล้ง ผู้ชายสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมือง ผู้หญิงสร้างพระพุทธรูปยืนมงคล เสร็จพร้อมกันแล้วทำการฉลองยางมโหฬาร ปรากฏว่าตั้งแต่ได้สร้างพระพุทธรูปทั้งสองค์แล้วฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แก่ท้องที่นี้เป็นอันมากพระพุทธรูปยืนมงคล      พระพุทธรูปยืนมงคลตั้งอยู่ที่ วัดพุทธมงคล ตำบลคันธารราษฎร์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคามห่างจากตัวเมืองประมาณ ๑๔ กิโลเมตร จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:02:18

ความคิดเห็นที่ 71 วัดพุทธมงคล       อยู่ที่บ้านสระ ตำบลคันธารราษฎร์ อำเภอกันทรวิชัย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคล พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอกันทรวิชัย เป็นพระพุทธรูปหินทราย ศิลปทวาราวดี สูงประมาณ ๔ เมตร เดิมอยู่ในสภาพชำรุด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้ทำการต่อเติมให้สมบูรณ์ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสำคัญของชาติ เมื่อ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ ปัจจุบันพระพุทธมงคลได้ประดิษฐานอยู่ที่ลานโพธิของวัด รอบลานโพธิมีใบเสมาหินสมัยทวาราวดีปักล้อมอยู่สองชั้นทั้งแปดทิศ ลักษณะใบเสมาเป็นแผ่นเรียบแบน และแบบแท่งเหลี่ยม จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:03:50

ความคิดเห็นที่ 72 พระพุทธรูปมิ่งเมือง หรือพระพุทธรูปสุวรรณมาลี      เป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดีสร้างขึ้นด้วยหินทรายแดง เหมือนพระพุทธรูปยืนมงคล พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้สร้างขึ้นในเวลาเดียวกันคือ เมื่ออำเภอกันทรวิชัยฝนแล้ง ผู้ชายสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมือง ผู้หญิงสร้างพระพุทธรูปยืนมงคล เสร็จพร้อมกันแล้วทำการฉลองยางมโหฬาร ปรากฏว่าตั้งแต่ได้สร้างพระพุทธรูปทั้งสองค์แล้วฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล พระพุทธรูปยืนมงคล ตั้งอยู่ที่ ม. 1 ต.โคกพระ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม       พระพุทธรูปทั้งสององค์ และพระพิมพ์กันทรวิชัย เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของชาวอำเภอกันทรวิชัย และชาวจังหวัดมหาสารคามทุกคน ไม่ว่าท่านจะกราบไหว้ขอพร หรือบนบานศาลกล่าว ก็จะได้สมใจนึกทุกประการ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:05:34

ความคิดเห็นที่ 73 ประวัติ พระพุทธมงคล และพระพุทธมิ่งเมือง          อันบุญญาบารมีอภินิหารอัน ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงใครจะปฏิเสธเสียมิได้ และแข่งขัน ให้เท่าเทียมกันได้ยา ทั้งเป็นสิ่งที่เหนือเหตุเหนือผลของการพิสูจน์ดัง พระพุทธองค์ ตรัสไว้ ว่า " สิ่งมหัสจรรย์นั้นเป็นอาจิณไตย" ทรงหมาย ความว่าใคร ๆ ไม่ควรคิดความศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลให้เกิดมีเฉพาะแก่ผู้มีบุญวาสนา เลื่อมใสเชื่อมั่นเท่านั้น หลวงพ่อพระยืน (วัดสุวรรณาวาส)หลวงพ่อพระยืน(วัดพุทธมงคล) ทั้งสองพระองค์ทรงอานุภาพ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นปูชนียวัตถุ ที่ควรแก่กาสัก การะเคารพบูชายิ่ง ทั้งสององค์นี้ชาวบ้านนิยมเรียกกัน ว่า " หลวงพ่อพระยืน " เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเป็นมิ่งขวัญ เป็นที่พึ่งพาทางใจของชาวพุทธทุกถ้วนหน้าโดยเฉพาะ ชาว กันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และเป็นที่เคารพบูชาของพุทธ ศาสนิกชนทั่วไปพระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ เป็นปรางสรงน้ำ มีความสูงตลอดองค์ประมาณ 8 ศอก กว้าง 2 ศอก พระเนตร และเนื้อองค์พระ สร้างด้วยศิลาแลงอย่างดี เป็นพระพุทธรูปที่นิยมสร้างในสมัยขอมก่อนยุคสุโขทัยหลวงพ่อพระยืนทั้งสอง ผินพระพักตร์ไปทางทิศทักษิณ หลวงพ่อพระยืนทั้งสององค์อยู่ห่างกันประมาณ 1,250 เมตร เป็นปูชนียวัตถุเก่าแก่คู่บ้าน คู่เมืองตามตำนาน หรือประวัติที่หาหลักฐานยืนยันได้จากใบเสมาที่ฝังอยู่ใกล้องค์พระ เขียนเป็นอักษรขอมว่า สร้างปี ฮวยสง่า พุทธศักราช 1399 ปัจจุบันยัง มีตัวอักษรปรากฏที่ใบเสมาแต่เลอะเลือนมากแล้ว จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:06:29

ความคิดเห็นที่ 74 ตามคำบอกเล่าสืบทอดกันมาผู้ เฒ่าผู้แก่บอก ว่าได้รับฟังจากบรรพบุรุษเล่า ว่า เดิมที่ดินแถบนี้ขอมได้ครอบครองมาก่อน ต่อมาทางนครเวียงจันทร์มีอำนาจเข้าครอบครอง จากขอม มีเจ้าผู้เข้าครอบครองจากขอม มีเจ้าผู้ครองโดยอิสระ เรียกกันว่า " เมืองกันทาง " หรือ " เมืองคันธาธิราช "ก่อนปีมะเส็ง จุลศักราช 147 (ปี พ.ศ. 1328) ผู้ครองเมืองคนสุดท้ายที่นามว่า " ท้าวลินจง " ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น " หลวงบริเวณ " มีภรรยาชื่อ บัวคำ ปกครองราษฎรหัวเมืองใหญ่น้อยทั้งหลายด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา หัวเมืองต่าง ๆ ส่งส่วยขึ้นต่อเมืองคันธาธิราชที่หลวงบริเวณปกครองอยู่เป็นประจำ ท้าวลินจงมีบุตรชายคนเดียวชื่อว่า " ท้าวสิงห์โต " หรือ " ท้าวลินทอง " บุตรชายของท้าวลินจง เป็นผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมทารุณมาก เจ้าเมืองผู้เป็นพ่อชราลงจึงพิจารณาผู้ที่จะมาปกครอง บ้าน เมืองแทนตน หากจะให้ท้าวลินทองผู้บุตร เป็นผู้ปกครองเมืองแทนตนก็เป็นการไม่เหมาะสม เพราะบุตรมีนิสัยโหดร้ายทารุณ ดังกล่าว จะเป็นเหตุให้ราษฎรเดือดร้อนเนื่องจากขาดเมตตาความได้ทราบถึงท้าวลินทอง จึงมีความโกรธแค้นบิดาอย่างยิ่ง จึงได้ ตัดพ้อต่อว่าบิดาต่าง ๆ นา ๆ แล้วบังคับให้บิดาตั้งตนเป็น ผู้ปกครองเมืองแทน ผู้เป็นบิดาไม่ยินยอม ท้าวลินทองผู้เป็นบุตร จับขังทรมานด้วยการเฆี่ยน ทุบ ตี ใช้มีดกรีดตามเนื้อตัว เพื่อบังคับให้ บิดายกเมืองให้แก่ตน บิดาก็หาได้ยอมไม่ บิดาได้รับการ ทรมานต่อไปด้วยการขังในห้องมืด ห้ามข้าว ห้ามน้ำ มิให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมเด็ดขาด นอกจากมารดาเพียงผู้เดียว แต่ห้ามมิให้นำน้ำและ อาหารไปให้บิดา มารดาได้ทัดทานอ้อนวอนอย่างใดท้าวลินทองก็หาได้ฟังไม่ ด้วยความรักและห่วงใยสามี นางจึงทำอุบายนำข้าว น้ำ ให้เอาผ้าสะใบเฉียง ชุบข้าวบดผสมน้ำนำไปเยี่ยมสามี ให้สามีได้ดูดกินประทังชีวิตไปวัน ๆ แต่หาได้พ้นสายตาของบุตรไม่ ท้าวลินทองผู้เป็นบุตร จึงห้ามมารดาเข้าเยี่ยมอีกต่อไป จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:07:17

ความคิดเห็นที่ 77 ตามไปเที่ยวด้วยครับ ภาพสวยมากครับ จากคุณ : langtang เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:20:29

ความคิดเห็นที่ 78 โย่วๆ ตกลงมีอะไรน่าไป จากคุณ : ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:21:54

ความคิดเห็นที่ 79 ต า ม ไ ป ดู  .............. จากคุณ : หมูแอนร่าเริง เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:41:47

ความคิดเห็นที่ 80 วนอุทยานโกสัมพี (KOSUMPEE FOREST PARK) ตั้งอยู่ในเขตท้องที่เขตเทศบาลเมืองโกสุมพิสัย อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม บริเวณ เขตวนอุทยานโกสัมพี มีเนื้อที่ ประมาณ 125 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ดำเนินการ 2 ส่วน พื้นที่ส่วนที่ 1 ใช้สร้างอาคารสำนักงาน บ้านพักรับรอง บ้านพักเจ้าหน้าที่และอื่น ๆ พื้นที่ส่วนที่ 2 ใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าใช้สำหรับศึกษาธรรมชาติ และพักผ่อนอันประกอบไปด้วยป่าไม้ ลำน้ำชี แก่งตาด ลานข่อย และฝูงลิงแสม จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:03:24

ความคิดเห็นที่ 81 ประวัติวนอุทยานโกสัมพี          เดิมพื้นที่วนอุทยานโกสัมพี เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ (ดอนมเหศักดิ์) ตั้งอยู่บ้านคุ้มกลาง ตำบลหัวขวาง ในเขตเทศบาล ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม อยู่ติดแม่น้ำชี และมีองค์หลวงพ่อมิ่งเมือง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมืองของชาวอำเภอโกสุมพิสัยกราบไหว้บูชา นอกจากนี้ยังมีดอนปู่ตา พื้นที่มีสภาพเป็นป่าไม้เบญจพรรณ ต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้นขึ้นเป็นจำนวนมากและมีฝูงลิงแสมอาศัยอยู่เป็นจำนวน กว่า 500 ตัว ป่าหนองบุ่งแห่งนี้ เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ มีศาลเจ้าปู่ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวอำเภอโกสุมพิสัยแม้แต่ลิงแสมที่อาศัยอยู่เขตวนอุทยานโกสัมพีก็เชื่อกันว่า เป็นลิงของเจ้าปู่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:06:37

ความคิดเห็นที่ 82 แต่เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรงทางจังหวัดมหาสารคามจึง ได้เสนอขอให้กรมป่าไม้มาดำเนินการจัดการ พื้นที่สาธารณประโยชน์แห่งนี้ให้เป็นวนอุทยานเพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนโดยทั่วไปและกรมป่าไม้โดยส่วนอุทยานแห่งชาติ จึงได้เข้ามาดำเนินการแต่งตั้งเป็นวนอุทยาน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันโดยมีชื่อว่า "วนอุทยานโกสัมพี" จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:10:28

ความคิดเห็นที่ 83 ลักษณะโดยทั่วไป          แต่เดิมป่าแห่งนี่ จัดเป็นวัฒนธรรม หรือป่าที่คนอีสานเรียกว่า "ป่าดอนปู่ตา" ระบบนิเวศของป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ คือ บริเวณป่าที่มีน้ำท่วมไม่นาน ที่คนอิสานเรียกว่า "ป่าบุ่งป่าทาม" ประกอบด้วยทรัพยากรป่าไม้และสภาพนิเวศวิทยาค่อนข้าง สมบูรณ์ อยู่ติดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำชี มีลิงแสมอาศัยกว่า 500 ตัว และนับว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น และยังมีหนองน้ำธรรมชาติอยู่ตรงกลางซึ่งชาวบ้านเรียกว่าหนองบุ่งมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ มีน้ำขังตลอดปี ลึกประมาณ 1-5 เมตร มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้น อยู่เป็นจำนวนมากเช่น ไม้ยาง ไม้กระเบา ตะโก ข่อย มะเดือ ไม้ไผ่ สำหรับไม้กระเบา ไม้หว้า เป็นทั้งอาหารและยาของลิงแสม จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:12:19

ความคิดเห็นที่ 84 สถานที่ติดต่อ          วนอุทยานโกสัมพี บ้านคุ้มกลาง ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม 44140 หรือ ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 5795743 , 5797223 จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:14:51

ความคิดเห็นที่ 85 นั่งดูอยู่นาน จนเริ่มเข้าใขละครับว่าแก้มลิง ที่เป็นโครงการรับน้ำเป็นแบบนี้นี่เอง จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:16:50

ความคิดเห็นที่ 86 นั่งดูลิงวิ่งไปวิ่งมา รวมถึงมีคนขับรถแวะเวียนมาให้อาหารลิงอย่างไม่ขาดสายก็เพลินดีนะครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:18:30

ความคิดเห็นที่ 87 แม่ลูกคู่นี้ น่ารักจริงๆเลยครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:19:34

ความคิดเห็นที่ 88 บางทีก็มี แอ็คชั่นน่ารัก เหมือนกันครับ อย่างรูปนี้ เอิ่มมม กรู งง 5555555 จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:20:44

ความคิดเห็นที่ 89 ตามมาเที่ยวด้วยสักคน ลิง จอ น่ารัก ^^ จากคุณ : เพราะรัก (blovech) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:21:24

ความคิดเห็นที่ 90 หรือว่าจะท่าเท้าคางแบบ นางแบบสาวๆก็มีครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:21:39

ความคิดเห็นที่ 91 เอาล่ะครับ นั่งดูลิง ให้อาหารลิงกันพอสมควรแล้ว ได้เวลามุ่งหน้าต่อไปที่ อ.นาเชือกแล้วครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:22:52

ความคิดเห็นที่ 92 คุณเพราะรัก (blovech) สวัสดีครับ ตามมาได้เลยครับ .............................................................................. ระหว่างทางไปอ.นาเชือก ให้มองทางซ้ายไว้ ท่านจะเห็นป้านนี้ครับ จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:25:39

ความคิดเห็นที่ 93 เลี้ยวขวาเข้ามา จากคุณ : ข้าวเสาไห้ เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 19:26:35