- 15 มีนาคม 2555 -
การไปวูฟครั้งนี้หลายๆอย่างสะดวกโยธินกว่าการไปครั้งแรกมากนัก
ทั้งเรื่องการขอวีซ่าที่ผ่านแบบไม่ต้องลุ้น (แต่ก็ได้แค่15วันอยู่ดี)
และเรื่องที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงในบ้านเมืองที่นำมาซึ่งเคอร์ฟิวที่สร้างความลำบากมาให้ผมหลายอย่างในการไปครั้งที่แล้ว
เมื่อไม่มีการห้ามออกจากบ้านในยามวิกาลผมจึงขอให้พี่ชายช่วยขับรถไปส่งให้ถึงสนามบิน
ทำให้การเดินทางหนนี้ผมไม่ต้องนอนที่โรงแรมแอร์พอร์ทอีกแต่อย่างใด
กระนั้นก็ดีการจัดกระเป๋าเสร็จตอนเที่ยงคืนกว่าแล้วตื่นตีสี่เพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องก็ทำเอาผมลืมหยิบหมวกไหมพรมติดเป้ไปจนได้
และการชาร์จแบตมือถือเพราะอยากมีเพลงฟังแก้เซ็งระหว่างอยู่บนเครื่องบินก็เจอความรีบออกจากบ้านทำเอาถอดเอาไปแต่มือถือ ไม่ได้เอาที่ชาร์จไปซะได้ - -
ผมมาถึงสนามบินก่อนตีห้านานพอสมควรแต่แถวรอออกตั๋วของการบินไทยก็ยาวเฟื้อยก่อนผมจะมาถึงซะอีก
แต่ถึงแถวจะยาวแต่การออกตั๋วของเจ้าหน้าที่ประจำเคาท์เตอร์ก็ไม่ได้ช้าอะไรนัก ประมาณตีห้าก็ถึงคิวออกตั๋วของผม
ขณะที่ผมวางเป้ขึ้นชั่งน้ำหนักเพื่อโหลดไว้ใต้เครื่อง ตัวเลขดิจิตอลสีแดงแสดงน้ำหนักเป้ของผมที่3.8กิโล
ซึ่งไม่ไกลจากที่เป้ของผมวางอยู่นั้นมีสติกเกอร์แปะบนสายพานใจความว่าน้ำหนักขั้นต่ำ4กิโลกรัม ...เอาล่ะสิ
แต่ดูเหมือนว่าปัญหาที่ผมวิตกและปัญหาที่คุณจ้าหน้าที่กังวลจะเป็นคนละอย่างกัน
คุณเจ้าหน้าที่แปะสติกเกอร์เที่ยวบินบนลงเป้ของผมอย่างง่ายๆแล้วหันมาพูดกับผมว่า
เดินทางวันสุดท้ายที่วีซ่าอนุญาตน้องต้องทำใจนะถ้าจะโดนส่งตัวกลับทั้งๆที่ไม่ได้ออกจากสนามบิน(ที่โน่น)
...วันนี้ทั้งวันผมคงไม่เจออะไรให้ใจเสียได้อีกแล้วเพราะมันคงไม่มีอะไรจะร้ายไปกว่าที่พี่เค้าบอกอีกแล้ว...
ออกมาจากเคาท์เตอร์แบบตัวเบา(เพราะไร้เป้)แต่ใจหนัก(เพราะหนักใจ)ผมก็เริ่มเสาะหาที่ชาร์จมือถือทันที
แต่จากการถามเจ้าหน้าที่ในสนามบินก็ได้ความว่าถ้าจะหาที่ชาร์จต้องไปหาในพื้นที่ของผู้โดยสารขาออก
ดังนั้นสิ่งต่อไปที่ผมต้องทำคือหาข้าวเช้ากิน
ผมเลือกที่ฝากท้องไว้กับร้านชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วโลก...เซเว่นอีเลเว่นนั่นเอง 55
แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 19:01:00
จากคุณ |
:
kirofsky
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มิ.ย. 55 16:31:31
|
|
|
|