ความคิดเห็นที่ 1 แปะลิงค์รวมการเดินทางประจำปีนี้ก่อนครับ ปีนัง http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11531739/E11531739.html ซีบู http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11736325/E11736325.html จีน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11993151/E11993151.html ศรีลังกา http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12074134/E12074134.html คินาบาลู http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12210127/E12210127.html แอฟริกาใต้ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12249127/E12249127.html จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:35:09

ความคิดเห็นที่ 2 ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะโปรโมชั่น อั่งเปาติดปีกแท้ๆ เลยครับ หาเรื่องเสียเงิน ด้วยการสอยตั๋วมาใบนึง  คิดไปคิดมาอยู่นานว่าจะไปไหนดี ก็มาลงเอยที่นี่  ช่วงนี้มีเพื่อนๆ รีวิวเสียมราฐบ่อยมาก  จนทีแรกกะจะเที่ยวอย่างเดียว แต่คิดไปคิดมา  ลองรีวิวดูดีกว่าครับ  เผื่อเป็นประสบการณ์เพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ ท่านอื่น ออกเดินทางกันเลยครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:38:57

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นครั้งแรกเลยครับที่เดินทางด้วยเครื่องรุ่น ATR 72 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:40:35

ความคิดเห็นที่ 4 ลำเล็กมาก  แต่ก็ราบรื่นดี จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:41:19

ความคิดเห็นที่ 5 ทานข้าวต้มมัดแสนอร่อยในเลานจ์มาซะอิ่ม  ของในกล่องเลยไม่ค่อยได้แตะเท่าไหร่ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:42:32

ความคิดเห็นที่ 6 ดูพยากรณ์อากาศมาว่าฝนจะตก  พอมาถึงก็ปลอดโปร่งดี  ขอให้เป็นแบบนี้ทั้ง 3 วันเลยนะครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:43:49

ความคิดเห็นที่ 7 เอาล่ะ  ถึงแล้ว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:44:34

ความคิดเห็นที่ 8 เข้าไปผ่าน ตม. ตม.ที่นี่พูดไทยปร๋อเลยครับ  เป็นมิตรดีแท้  ชวนคุยอยู่นานมาก ทั้งลมฟ้าอากาศ  การเดินทาง   ก่อนจะเดินออกไปมีประโยคตบท้ายว่า มี sugar กาแฟมั้ย อ๋อ... ไม่เป็นปัญหาครับ  เรื่องเล็กน้อย  จัดไป  ถือซะว่าผมเลี้ยงกาแฟก็แล้วกัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:47:49

ความคิดเห็นที่ 9 ตามมาเที่ยวเขมรแบบไฮโซด้วยคนค่ะ... อิอิ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:50:59

ความคิดเห็นที่ 10 เดินออกมาด้านนอก  มีคนถือป้ายชื่อมารออยู่แล้ว โรงแรมที่พักคืนแรก  มีบริการรับที่สนามบินฟรีครับ ทีแรกนึกว่าเป็นพนักงานโรงแรม  แต่ไม่ใช่ครับ  เป็นคนขับมอเตอร์ไซต์พ่วงแบบนี้นี่แหละ  แต่เค้ามี contract กับโรงแรม  มารับลูกค้าให้ฟรี  เมื่อมารับแล้วจะเสนองานให้แก่ลูกค้า  ด้วยการรับพาเที่ยว  win-win ครับ  ลูกค้าไม่เสียเงิน  โรงแรมได้ให้บริการ คนขับได้มีโอกาสเสนองาน เราสามารถปฏิเสธได้ครับ ถ้าจะไม่ไปกับเค้า  แต่ผมปฏิเสธคนไม่เป็น  ก็เลยไปรับที่จะไปกับเค้าทั้ง 3 วัน คนขับชื่อ เล  วันนี้วันแรก  เที่ยวไม่เยอะ  คิดราคา 12 USD จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:52:53

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับป้าฟู  ทริปนี้กลับสู่สามัญครับ  เข้าสู่ mode เที่ยวตามสไตล์เดิม  เที่ยวแบบแอฟริกาใต้ไม่ได้แล้วครับ  เป๋าแบนซะแล้ว ................................................................................................................................................................................................................................ นั่งรถเข้าเมืองกัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:55:08

ความคิดเห็นที่ 12 ที่พักวันนี้  Karavansara Retreat and Residences  จองผ่าน hotels.com มาประมาณ 41 USD จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:57:44

ความคิดเห็นที่ 13 บรรยากาศดีทีเดียว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:58:53

ความคิดเห็นที่ 14 มาถึงเช้าเกินไปยังเข้าห้องไม่ได้  เลยฝากกระเป๋าไว้  ไปเที่ยวกันก่อน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 02:59:46

ความคิดเห็นที่ 15 พนักงานที่นี่เป็นมิตรมาก  ให้แผนที่กับเอกสารมาชุดนึง  แนะนำที่เดินเล่นแถวๆ นี้ พร้อมบัตร welcome drink  ถ้าทานอาหารค่ำกับเค้าจะมีเครื่องดื่มให้แก้วนึงด้วย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:01:49

ความคิดเห็นที่ 16 มารอตามเที่ยวต่อครับ จากคุณ : net อนุชิต เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:02:30

ความคิดเห็นที่ 17 เริ่มต้นการเที่ยวกันเลยดีกว่า เล  ขับรถพามาซื้อตั๋วก่อนครับ ราคาตั๋วมีแบบ 1 วัน   3 วัน  และ 1 สัปดาห์ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:04:05

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีครับคุณ net อนุชิต   ตามมาเลยครับผม ................................................................................................................................................................................................................................ ซื้อแบบ 3 วันมาใบนึง  มีรูปบนบัตรด้วยครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:05:44

ความคิดเห็นที่ 19 ขอให้ เล  พาไปเริ่มต้นที่เมืองนครธมก่อนครับ   เล พามาส่งที่จุด start ณ ปราสาทบายน เห็นเค้าว่ากันว่า  มาเที่ยวปราสาท  ถ้าไม่รู้อะไรเลย  จะกลายเป็นการมาเดินชมก้อนหิน ก่อนมา 1 วัน ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนึง  เอาความรู้มาแบ่งปันกันครับ ผิด ถูก ยังไงก็แย้งได้นะครับ  ผมลอกเค้ามา  ความรู้ติดตัวไม่มีอะไรกับเค้าเลย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:08:51

ความคิดเห็นที่ 20 พื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมด เล บอกว่าเป็นเมืองนครธม (ธม = บิ๊ก ตามชื่อกระทู้นะครับ) ตามตำราที่อ่านมา เค้าใช้คำว่า เมืองพระนคร  เป็นคำเดียวกับคำว่า ankor แต่คำว่า ankor หรือ อังกอร์  มาปรากฏในยุคหลังประมาณ ศตวรรษที่ 14   อันไหนที่มีคำว่าเมืองพระนคร  หมายถึง อาณาบริเวณนี้ทั้งหมดนะครับ  ทีแรกผมอ่านเองยังงงเองเลย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:15:28

ความคิดเห็นที่ 21 มาดูเรื่องยาวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กันนิดนึง ประวัติศาสตร์ยุคโบราณของที่นี่ 2000 – 1000 ปีก่อนคริตกาล มนุษย์ยุคโบราณในเขตลุ่มน้ำท่วมถึง อาศัยอยู่ในบ้านใต้ถุนสูง ส่วนเขตเขตอื่นจะอาศัยอยู่ตามถ้ำ กินปลา ข้าว และเกลือเป็นอาหาร ทั้งยังรู้จักประดิษฐ์หม้อดินเผาขึ้นมาใช้ 100  ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 500 กำเนิดอาณาจักรฟูนันในเขตดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง รุ่งเรืองด้วยการค้าและรับศรัทธาทางศาสนามาจากอินเดีย ช่วงแรกนับถือพระศิวะ กับพระวิษณุ แต่ไม่นานพุทธศาสนาก็แพร่หลายตามเข้ามา ค.ศ. 500 – 700 อาณาจักรเขมรยุคต้นๆ อยู่ลึกจากอาณาจักรฟูนันเข้าไปในแผ่นดิน ณ จุดที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำซาปไหลมาบรรจบกัน  จีนเรียกขานว่า เจนละ  ราษฎรพูดภาษาในตระกูลมอญ – เขมร บูชาพระศิวะ และรังสรรค์ศิลปะสไตล์เขมรแท้ขึ้นที่เมืองวยาธปุระ (นครบุรี)  สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ยั่งยืนเป็นอนุสรณ์มาถึงทุกวันนี้ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองสมโบร์ไพรกุก ในรัชสมัยของพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1  (ค.ศ. 616 – 665) แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 03:18:23 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:17:26

ความคิดเห็นที่ 22 ว้าว ขอตามเที่ยวด้วยคนครับ ตาสว่างเลยทีเดียว จากคุณ : Pluggim เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:20:31

ความคิดเห็นที่ 23 ความยิ่งใหญ่ของเมืองพระนคร ค.ศ. 802 – 850 รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ผู้ระกาศตนเป็นเทวราชาและย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่รอลวยใกล้ๆ เมืองพระนคร ค.ศ. 877 – 889 พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1  ทรงรวบรวมอาณาจักรเข้าเป็นปึกแผ่น และโปรดฯ ให้สร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายกว้างไกลเพื่อรองรับการขยายอำนาจในภายหน้า ค.ศ. 889 – 908 พระเจ้ายโศวรมันที่ 1  ทรงย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองพระนคร ค.ศ. 1113 – 1150 พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 โปรดฯ ให้สร้างปราสาทนครวัด และทรงยกทัพไปตีได้ดินแดนของอาณาจักรจามปา ค.ศ. 1177 พวกจามยกทัพมาตีเมืองพระนคร ค.ศ. 1181 – 1219 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7  โปรดฯ ให้สร้างปราสาทบายน ชึ้นที่นครธม (เมืองพระนครหลวง) นำพุทธศาสนามาประดิษฐานในพระราชอาณาจักร และปราบปรามพวกจาม ค.ศ. 1296 สยามเริ่มเรืองอำนาจขึ้นทางทิศเหนือกับทิศตะวันตก และสุดท้ายได้ยกทัพมาตีเมืองพระนคร ค.ศ. 1297 – 8 ชาวจีนชื่อ โจวต้ากวาน  ติดตามคณะทูตมาเยือนกัมพูชา และเขียนบันทึกเล่าถึงชีวิตและสังคมในเมืองพระนครไว้ ค.ศ. 1352 – 1430 อาณาจักรอยุธยามีอำนาจกล้าแข็งขึ้นทุกขณะและยกทัพมาตีเมืองพระนคร 4 ครั้ง  ทุกครั้งล้วนชิงเอาเครื่องราชกกุธภัณฑ์อันล้ำค่าและกวาดต้นเชลยศึกไปได้มากมาย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:21:58

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีครับคุณ Pluggim  ช้าหน่อยนะครับ เที่ยวไป รีวิวไป  ทำข้อมูล และเซ็ตรูปไปด้วย ไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะจบตอนที่ 1 มั้ย  ถ้าไม่จบก็ยกยอดไปตอนหน้าครับ ................................................................................................................................................................................................................................ ความแตกแยกและความเสื่อม ค.ศ. 1432 ภัยคุกคามจากสยามทำให้พระเจ้าพงหยัตทรงโยกย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองละแวก ใกล้ๆ กับจุดบรรจบของแม่น้ำโขง แม่น้ำซาป  และแม่น้ำบาซัก ไม่ไกลจากกรุงพนมเปญนัก ค.ศ. 1593 – 1594 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงสยามทรงยาตราทัพมายึดได้เมืองละแวก ค.ศ. 1618 – 1866 พระไชยเชษฐาที่ 2  ทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่อุดงทางเหนือของกรุงพนมเปญ ค.ศ. 1859 ชาวฝรั่งเศสเดินทางมาขึ้นบกที่ไซ่ง่อน ค.ศ. 1862 ฝรั่งเศสเข้ายึดครอง 3 แคว้นแห่งอินโดจีน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:24:32

ความคิดเห็นที่ 25 เขมรสมัยพระนคร ประวัติศาสตร์สมัยพระนครเริ่มต้นขึ้นราว ค.ศ. 800  จนมาสิ้นสุดในราวปี ค.ศ. 1431  ช่วง 600 ปีนี้ถือเป็นยุคที่กัมพูชาเรืองอำนาจและมีอิทธิพลสูงสุดในเอเชียอาคเนย์ และถือเป็นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมเขมร ผู้ก่อตั้งเมืองคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 2  แต่เรื่องราวของพระองค์ไม่มีปรากฏอยู่ในจารึกที่ร่วมสมัยเดียวกันเลย แต่กลับมาปรากฏอยู่ในจารึกสมัยศตวรรษที่  11  หรือ 200 ปีหลังสิ้นรัชสมัยของพระองค์ไปแล้ว   ข้อความในจารึกระบุว่า ในวัยหนุ่มพระองค์ประทับอยู่ที่ชวา และเสด็จคืนสู่กัมพูชาในปลายศตวรรษที่ 8  ทรงท่องไปทั่วเขมร จากพนมเปญไปถึงราชธานีเก่าที่สมโบร์ไพรกุก  ก่อนตั้งมั่นลงในแถบเมืองอนินทิตปุระ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบหลวง  ทรงประกาศตนเป็นเทวราชาหรือัจกรวารทิน (กษัตริย์แห่งจักรวาล)  ตามแนวคิดที่นำผู้ปกครองไปผูกไว้กับพระศิวะในศาสนาฮินดู แม้จารึกที่พบจะมีไม่กี่หลัก แต่เห็นชัดว่าพระองค์จะต้องเป็นเชื้อสายกษัตริย์ และทรงปรีชาในหลายด้าน รวมทั้งด้านการศึกสงคราม  ตลอดรัชกาลทรงทำศึกหลายครั้ง แม้ว่าอำนาจส่วนใหญ่ทรงได้มาด้วยการผูกไมตรี การแต่งงาน การนบนอบมอบแผ่นดินให้ก็ตาม จารึกหลักหนึ่งระบุว่า อาณาจักรของพระองค์แผ่ไพศาลไปถึง จีน จามปา มหาสมุทร และดินแดนแห่งกระวานกับมะม่วง (อาจหมายถึงภาคกลางของไทย)  นั่นเป็นการกล่าวเกินจริง เพราะดินแดนตอนเหนือของเขมรไม่เคยขยายไปไกลถึงจีนเลย แต่เป็นไปได้ว่าทรงมีอิทธิพลเหนือดินแดนประเทศกัมพูชา ครอบคลุมไปถึงภาคตะวันออกของไทย ภาคใต้ของลาว  และดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามในปัจจุบัน   ด้วยเหตุนี้จึงทรงได้รับยกย่องให้เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรให้เป็นปึกแผ่นของกัมพูชาเป็นแห่งแรก  โดยมีเมืองหริหราลัยเป็นเมืองหลวง  ปัจจุบันคือ ที่ตั้งกลุ่มโบราณสถานร่อลวย อยู่ถัดจากเมืองเสียมราฐมาทางตะวันออกเฉียงใต้ 13 กม.  จัดเป็นหมู่ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในเขตเมืองพระนคร จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:27:09

ความคิดเห็นที่ 26 พระเจ้าชัยวรมันทรงมีเชื้อสายปกครองเมืองสืบต่อมากว่า 30 พระองค์  โดยใช้สร้อยพระนามว่า วรมัน (ภาษาสันสกฤต แปลว่า เกราะ) ทั้งหมด พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 (ค.ศ. 877 – 889)  เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่ง ทรงสถาปนาธรรมเนียม “ตรีกรณียกิจ” ขึ้นเป็นแบบอย่างให้กษัตริย์รุ่นต่อมา ประการแรก  การสร้างเครือข่ายชลประทานเพื่อเพิ่มผลผลิตให้กับรัฐ และเพื่อแสดงออกซึ่งพระราชอำนาจอันไพศาล ประการที่สอง สร้างเทวรูปอุทิศถวายแด่พระราชบิดามารดา และพระอัยกาอัยกี เทวรูปแทนองค์พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 และพระมเหสี  สร้างเป็นรูปพระศิวะและศักติ ประดิษฐานอยู่ที่ปราสาทพระโค ใกล้ๆกับร่อลวย   ประการที่สาม  การสร้างเทวาลัยบนภูเขา รูปทรงเหมือปิรามิดขั้นบันได เป็นการสร้างเพื่อพระองค์เอง โดยตั้งพระทัยจะให้เป็นสุสานและอนุสรณ์สถานที่ยั่งยืนถาวรตลอดกาล วิหารบากองจึงเป็นเทวาลัยแห่งแรกของเขมรที่สร้างด้วยศิลาทั้งหมด จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:28:46

ความคิดเห็นที่ 27 พระเจ้ายโศวรมัน  พระโอรสของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1  (ค.ศ. 899 – 908)  เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ดำริจะย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เมืองพระนคร แม้เมืองที่ทรงสร้างขึ้นจะใช้ชื่อว่า ยโศธรปุระ และชื่อเมืองพระนคร (อังกอร์)  เพิ่งจะเริ่มใช้กันแพร่หลายในศตวรรษที่ 14 นี้เท่านั้น สาเหตุที่ทรงตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่พระนคร (อังกอร์) อาจเป็นเพราะที่นี่เขาลูกหนึ่งที่ต้องพระทัย จนมีพระประสงค์จะสร้างเทวาลัยขึ้นบนบรรพตอันเปรียบได้กับเขาพระสุเมรุลูกนี้  ทรงสร้างเทวาลัยขึ้นทั้งหมด 3 หลัง ยังคงสภาพสมบูรณ์จนถึงทุกวันนี้  หลังใหญ่สุดคือ ปราสาทพนมกันดาล ในการสร้างเมืองพระนคร  ทรงโปรดฯ ให้สร้างบารายหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ชื่อ ยโศธรตฏากะขึ้นทางทิศใต้ของเทวาลัยที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ  พระวิษณุ  และพระพุทธเจ้า   เพราะสมัยนี้พระพุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลต่อขนบประเพณีและความเชื่อทางศาสนาของเขมรแล้ว  ต่อมาโปรดฯ ให้สร้างศาสนสถานขึ้นทั่วราชอาณาจักร ปราสาทหลังงามที่สุดคือ ปราสาทเขาพระวิหารบนขอบผาสูงของเทือกเขาพนมดงรัก ช่วง 100 ปีต่อมา เมืองเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (ค.ศ. 968 – 1001) ทรงยอมรับพุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลในราชสำนักมากขึ้น แม้ว่าพระศิวะก็ตาม  ปราสาทบันทายศรีก็สร้างในยุคนี้ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:30:22

ความคิดเห็นที่ 28 พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1  (ค.ศ. 1002 – 1050)  ทรงอุปถัมป์พุทธศาสนาสืบต่อมา เป็นอย่างดี   แต่พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (ค.ศ. 1050 – 1086)  ทรงศรัทธาเฉพาะลัทธิไศวนิกาย จึงโปรดฯ ให้สร้างปราสาทบาปวนขึ้นเพื่อประดิษฐานศิวลึงค์ตลอดรัชกาล ปลายศตวรรษที่ 11  ราชวงศ์เขมรที่ปกครองเริ่มอ่อนแอและตกต่ำจากการแย่งชิงอำนาจและราชบัลลังก์   จนต้นศตวรรษที่ 12 พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 (ค.ศ. 1080 – 1107)  จึงทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นและปกครองอาณาจักรเขมรสืบต่อมาอีกกว่า 100 ปี จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:34:41

ความคิดเห็นที่ 29 พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 (ค.ศ. 1112 – 1152)  มีหลักฐานปรากฏชัดว่า เป็นกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจและทรงปกครองเขมรได้เป็นปึกแผ่นมั่นคง   ทรงขยายอาณาเขตออกไปอย่างรวดเร็ว และรวบรวมผู้คนมาอยู่ใต้พระราชอำนาจได้เป็นจำนวนมาก ทรงยกทัพไปตีเวียดนามและจามปาทางตะวันออก โดยเกณฑ์กองกำลังมาจากเมืองประเทศราชทางตะวันตก ซึ่งมีกองทัพสยามรวมอยู่ด้วย ดังปรากฏอยู่บนภาพจำหลักหินที่เมืองพระนคร   ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนอีกครั้งหลังจากอาณาจักรเจนละน้ำ ล่มสลายลง พระองค์มิได้ทรงเลื่อมใสลัทธิไศวนิกายหรือพุทธศาสนา แต่ทรงมีพระราชศรัทธาในลัทธิไวษณพนิกาย อย่างแรงกล้าถึงขั้นมีรับสั่งให้สร้างปราสาทนครวัดขึ้นถวายแด่พระวิษณุเจ้า (และพระองค์เอง) การก่อสร้างเริ่มขึ้นในต้นรัชสมัยของพระองค์ แต่แล้วเสร็จหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ลงแล้ว จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:37:07

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องราวช่วงสามทศวรรษหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ถึงการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ค.ศ. 1181 – 1219)  มีปรากฏอยู่น้อยมาก พบหลักจารึกเพียงหลักเดียว  แต่รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ถือเป็นยุคที่เมืองเรืองอำนาจสูงสุด   พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เมื่อครั้งวัยหนุ่มได้ทรงศึกษาหลักคำสอนในพุทธศาสนามหายานที่ได้รับการยอมรับนับถือในเวียดนาม จีน เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่านิกายเถรวาท  เมื่อขึ้นครองราชย์ทรงพยายามประสานแนวคิดเรื่อง เทวราชาของกษัตริย์เขมรในสมัยก่อนเข้ากับหลักคำสอนทางพุทธศาสนา   แนวคิดเรื่องเทวราชาตามแบบเดิมนั้น เชื่อว่ากษัตริย์เป็นองค์อวตารของพระศิวะ  พระวิษณุ หรือพระหริหระซึ่งเป็นภาครวมของเทพเจ้าทั้งสอง กษัตริย์เขมรทรงใช้แนวคิดเรื่องการอวตารนี้อ้างความชอบธรรมในอำนาจ  ขณะที่ราษฎรเองก็เชื่อมั่นว่า อำนาจบารมีของกษัตริย์ย่อมบันดาลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล อันจะส่งผลดีต่อระบบชลประทานและการปลูกข้าว แนวคิดใหม่ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อ้างว่ากษัตริย์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์  ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดเรื่องเทวราชาที่ เทวราชากษัตริย์มิใช่ผู้อุทิศตนให้กับเทพเจ้า  หรือเทวราชาจะกลายเป็นเทพเจ้าหลังจากสิ้นพระชนม์   แต่พระโพธิสัตว์ผู้จุติลงมาประกอบบุญกุศล ช่วยเหลือพระราชอาณาจักรและตัวพระองค์เอง  พระองค์ทรงผสานความเชื่อทั้งสองเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของกัมพูชา   ในทางอาณาจักร พระองค์ต้องเผชิญกับการคุกคามครั้งใหญ่จากจามปา  ทำให้ชาวจามและเขมรหวาดระแวงกันและกันเรื่อยมา จนก่อให้เกิดหายนะใหญ่หลวงขึ้นแก่กัมพูชาในกาลต่อมา จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:39:51

ความคิดเห็นที่ 31 เอาล่ะครับ  หลังจากที่ผมสร้างความปวดหัว ปวดตา  กับประวัติความเป็นมา  อันยาวเฟื้อยไปแล้ว   ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติแล้วนะครับ ชมรูปและข้อความบรรยายสั้นๆ เพียงอย่างเดียว (เพราะความรู้หมดแล้ว อิ อิ) ................................................................................................................................................................................................................................ อังกอร์ หรือเมืองพระนคร  เป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก  มีการแบ่งกลุ่มโบราณสถานออกเป็น 2 ส่วน  คือ รอบเล็ก  ประกอบด้วย หมู่เทวสถานสำคัญๆ บริเวณใจกลางเมือง  และ รอบใหญ่  หมายถึง วิหาร และเทวาลัยรอบนอก จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:42:35

ความคิดเห็นที่ 32 วันนี้เราเริ่มกันที่ รอบเล็ก เมืองนครธม นครธม (เมืองพระนครหลวง)  :  มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ภายในวงล้อมของกำแพงสูง 8 เมตร  และคูน้ำกว้างกว่า 100 เมตร  กำแพงแต่ละด้านยาวราว 3 กม. คาดว่าช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด จำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่ในนี้น่าจะมากกว่า 1 ล้านคน   ผู้สร้างและออกแบบเมืองนครธมคือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7  (ค.ศ. 1181 – 1220)  ว่ากันว่าพระองค์อาจสร้างโบราณสถานไว้มากกว่ากษัตริย์องค์อื่นๆ ในอาณาจักรเขมร ประตูเมืองมี  5 ประตู  แต่ละประตูมีสะพานทอดข้ามคูน้ำเข้ามาเหมือนกัน  ถ้าเข้ามาทางประตูทิศใต้จะสวยกว่าประตูทิศอื่นๆ เพราะสะพานด้านนี้มีรูปสลักสวยๆ ประดับอยู่ทั้งหมด 108  รูป   ด้านซ้ายเป็นเทพเจ้า  ด้านขวาเป็นอสูร ด้านละ 54 รูป  ไกลออกไปที่สุดปลายสะพาน คือ ประตูทิศใต้ ที่ทำเป็นซุ้มจัตุรมุข  มีภาพสลักรูปหน้าคนขนาดมหึมาหันออกไปทั้ง  4 ทิศ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:48:01

ความคิดเห็นที่ 33 ปราสาทบายน หลังผ่านประตูเข้ามา  จะมีทางยาว 1.5 เมตร ทอดขึ้นไปสู่ปราสาทบายน  ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7  ทรงสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 12   ควรเข้าสู่ปราสาทโดยใช้โคปุระทางทิศตะวันออก  เป็นปราสาทหินที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตเมืองพระนครรองจากปราสาทนครวัด   ตัวปราสาทถูกสมมติให้เป็นทิพยสถานของเทพเจ้าบนยอดเขาพระสุเมรุ จึงตั้งอยู่บนฐานซ้อน 3 ชั้น  ชั้นแรกมีซุ้มโคปุระรวม 8 แห่ง  มีระเบียงคตเชื่อมต่อถึงกันหมด จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:52:05

ความคิดเห็นที่ 34 ลืมไปครับ    :  โคปุระ  =  ซุ้มประตู ผนังระเบียงแกะลสักเป็นภาพวิถีชีวิตชาวบ้านและภาพรบทัพจับศึก   โดยอย่างแรกแกะสลักอยู่ด้านล่างและมีขนาดเล็กกว่าอย่างหลัง  มีทั้งภาพคนหาปลา  ไปจ่ายตลาด งานเทศกาล การชนไก่  คนหาเหาให้กัน  การล่าสัตว์ และสตรีคลอดบุตร ส่วนภาพชีวิตในราชสำนักมีทั้งภาพเจ้าชาย  เจ้าหญิง  นักมวยปล้ำ  และนักดาบ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 03:54:53 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:54:04

ความคิดเห็นที่ 35 การยกทัพจับศึก จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 03:57:55

ความคิดเห็นที่ 36 อีกรูป จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:00:14

ความคิดเห็นที่ 37 หลังชมภาพสลักตามแนวระเบียงเสร็จ  ปีนขึ้นไปบนฐานชั้นสามเพื่อชมภาพหน้าคนขนาดมหึมาที่ดูลี้ลับด้วยรอยแย้มเยื้อนนุ่มนวล   ปราสาทองค์กลางตั้งอยู่บนฐานชั้นนี้  ยอดปรางค์สร้างเป็นทรงกลม  เชื่อว่ารูปสลักหน้าคนเหล่านี้ คือ พระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:03:21

ความคิดเห็นที่ 38 มุมนี้ จากด้านล่างมองขึ้นไป จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:06:01

ความคิดเห็นที่ 39 นางอัปสรา จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:07:50

ความคิดเห็นที่ 40 ได้เวลาไปทีอื่นต่อแล้วครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:11:24

ความคิดเห็นที่ 41 เดินไปทางทิศเหนือจะเป็นปราสาทบาปวน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:16:12

ความคิดเห็นที่ 42 หาปลากันเฉยเลย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:17:40

ความคิดเห็นที่ 43 ปีนขึ้นปราสาทมาได้ชั้นนึง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:19:21

ความคิดเห็นที่ 44 โอ้ ... ต้องปีนอีกแล้ว  ชันจัง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:22:13

ความคิดเห็นที่ 45 บนสุด จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:23:57

ความคิดเห็นที่ 46 ด้านล่างที่เดินมาเมื่อตะกี้ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:25:32

ความคิดเห็นที่ 47 ไปต่อ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 04:27:14

ความคิดเห็นที่ 48 ตามไปด้วยค่ะ จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 05:10:33

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีครับคุณ Flaminio .............................................................................................................................................................................................................................. เดินมานิดนึง Royal Palace & Phimeanakas Temple จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:15:43

ความคิดเห็นที่ 50 ทางขึ้น จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:17:59

ความคิดเห็นที่ 51 บนสุดอย่างที่เห็น จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:19:41

ความคิดเห็นที่ 52 ต้อวการเพื่อนมั้ยขอรับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:21:04

ความคิดเห็นที่ 53 เดินออกมา จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:24:11

ความคิดเห็นที่ 54 ถึงลานดำไร (ลานช้าง)   พระเจ้าชัยวรมันที่ 7  ทรงสร้างลานแห่งนี้โดยมีความยาวกว่า 300 เมตร  มีชาลายกพื้นขนาดใหญ่ 3 แห่ง ขนาดเล็ก 2 แห่ง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:26:28

ความคิดเห็นที่ 55 ลานช้าง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:28:11

ความคิดเห็นที่ 56 เป็นลานขาว  เอ้ย .. ไม่ใช่ .. ลานกว้าง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:29:44

ความคิดเห็นที่ 57 สวยงามครับ  กำลังเก็บข้อมูลครับ  จะไปเร็วๆนี้แหละครับ จากคุณ : สราวุธ (โก2521) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:30:30

ความคิดเห็นที่ 58 เข้าใจว่าเป็นที่ซึ่งกษัตริย์ พระราชวงศ์ เสนาบดี และแม่ทัพใช้ตรวจกำลังพลและชมการละเล่นบันเทิงต่างๆ  ลานทั้งหมดก่อด้วยหินทราย มีการแกะสลักรูปช้างและเสือประดับเอาไว้โดยรอบ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:31:06

ความคิดเห็นที่ 59 คุณสราวุธ (โก2521) ผมมาแบบไม่ได้เตรียมตัวครับ  ข้อมูลน้อยไปหน่อย ............................................................................................................................................................................................................................... ช้าง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:34:10

ความคิดเห็นที่ 60 ลานพระเจ้าขี้เรื้อน  (Leper King Terrace) อยู่ถัดมา  มีขนาดย่อมลงมา สร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 12 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:36:52

ความคิดเห็นที่ 61 มีภาพสลักนูนต่ำที่งดงามอยู่มากมาย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:39:39

ความคิดเห็นที่ 62 เที่ยงพอดี เดินมาฝากท้องกับที่โรงอาหารใกล้ๆ กัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:41:36

ความคิดเห็นที่ 63 ได้อาหารเขมร : Amok  มาชุดนึง  5 USD เป็นแกงเนื้อใส่กะทิ ใบชะพลู  ร้อนๆ แบบนี้อร่อยดี แต่แพงมาก เพราะตอนเย็นร้านอาหารในเมือง เมนูนี้ 2.5 USD เอง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:44:37

ความคิดเห็นที่ 64 หลังจากนี้ไปนครวัด กับปราสาทบาแค็ง  แล้วเดินเล่นในเมือง แต่ต้องจบตอนนี้ก่อน  รีวิวไม่ทันครับ  นัดรถไว้  เดี๋ยวตอนเย็นมาต่อตอนที่ 2 ครับ "ธม"  ต้องลาไปก่อนนะครับ  แล้วเจอกัน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:48:02

ความคิดเห็นที่ 65 อรุณซัวซไดย...... สวัสดีตอนเช้าคะ ท่านธม ใจคอจะไม่ให้พักทั้งผู้ชมและผู้เขียนเลยนะคะ เพิ่งผ่านไปอาทิตย์เดียวเอง.... สิบล้อล้อเล่นนะ..เช้าๆอากาศดี กรุงเทพเย็นๆนะ (เอ..หรือบ้านเราต้นไม้มันเยอะหว่า) ที่โน่นน่าจะเหมือนกัน บินแป๊บเดียวเอง ทริปนี้น่าจะสนุก ตื่นเต้นนะ รอชมต่อคะ จากคุณ : สิบล้อชอบเที่ยว เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:48:57

ความคิดเห็นที่ 66 คุณสิบล้อ  ซัวซไดย สวัสดีครับ  ที่จริงจองทริปนี้ไว้นานมากเลยครับ  บังเอิญทริปแอฟริกาใต้เข้ามาแทรก  เลยต้องไปติดๆ กัน  เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน  ทริปนี้ไม่หนักเหมือนคินาบาลู  ไม่หรูเหมือนแอฟริกาใต้  เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตากแดดร้อนๆ  ครับ   ขอสารภาพนะครับ เมื่อคืนกะจะรีวิวให้หมด  แต่ที่นี่มีเบียร์ท้องถิ่นหลายเจ้า  ลองทุกเจ้า  สุดท้ายรีวิวได้เท่านี้แหละครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:54:21

ความคิดเห็นที่ 67 รอชมครับ จากคุณ : สราวุธ (โก2521) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:55:25

ความคิดเห็นที่ 68 ชอบอ่าน review ของคุณ big ครับ จากคุณ : pichaic เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 08:09:44

ความคิดเห็นที่ 69 ตามมาเที่ยวต่อครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 08:32:42

ความคิดเห็นที่ 70 รอชมด้วยครับ ไปพนมเปญบ่อยๆ แต่ยังไม่เคยไปเสีมเรียบสักที มีโอกาสต้องแวะไปเที่ยวให้ได้ จากคุณ : Appimuke เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 08:35:58

ความคิดเห็นที่ 71 ขนาดมีเวลาแค่วันเเดียวหาข้อมูลนะเนี่ย... อิอิ ดีใจที่เห็นปราสาทบาปวนซ่อมเสร็จแล้ว   ต้องไปดูอีกแล้วซิเนี่ยเรา.. จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:03:00

ความคิดเห็นที่ 72 คห.56 ลานขาว(เสื้อเขียว)   ได้ขอเบอร์ไว้ไหมครับ..555 จากคุณ : ไปทัวทีบ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:10:46

ความคิดเห็นที่ 73 ปราสาทอลังการสมชื่อจริง ๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:24:52

ความคิดเห็นที่ 74 มาแล้วค่า จากคุณ : จำมัย จัมไม เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:37:32

ความคิดเห็นที่ 75 สุดยอดดดด เพิ่งกลับจากเเอฟริกาใต้ ก็มากัมพูชาต่อ ขอคารวะ เเละอิจฉา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:38:14

ความคิดเห็นที่ 76 เพิ่งเห็นกินเนื้อยีราฟ ที่แอฟริกามาเที่ยวที่เขมรต่ออีกแล้วหราครับคุณบิ๊ก จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 11:09:14

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับคุณบิ๊ก จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 11:26:26

ความคิดเห็นที่ 78 น่าเที่ยวมากครับ ของในศิลปะวัฒนธรรม จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 12:38:16

ความคิดเห็นที่ 79 ตามมาชมครับ :) จากคุณ : ตี๋น้อยคับ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 14:36:45

ความคิดเห็นที่ 80 ตามมาเที่ยวนครวัด-นครธมด้วยค่ะ ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้ว ดูซิว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 15:44:58

ความคิดเห็นที่ 81 คุณสราวุธ (โก2521)  มาต่อกันเลยครับ คุณ pichaic  ขอบคุณมากครับ คุณ numsiam  ตามมาเลยครับ คุณ Appimuke ยินดีครับ  ชมรีวิวผมไปก่อนนะครับ ป้าฟู  ตอนอ่านข้อมูลเค้าก็บอกว่าซ่อมเหมือนกันครับ  ดีใจมากที่ซ่อมเสร็จแล้ว คุณไปทัวทีบ  แบบนี้มีเยอะนะครับ  อยากเห็นต้องมาเองครับผ๊ม คุณหนูกิตหอ 4 ชาย  ยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ คุณจำมัย  มาแล้วหรอครับ  ตามมาเลยครับ คุณ Traveller Among Mountains   ผมรีวิวเสียมราฐ เป็นเพื่อนกับรีวิวพม่านะครับ คุณ BANBONDOI   ไฟลท์บังคับครับ  จองตั๋วไว้แล้ว คืนก็ไม่ได้  ต้องมาอย่างเดียวเลยครับ คุณเล็กทาโร่   ยินดีมากครับ คุณม่วงมหากาฬ   อลังการมากครับ  ต้นไม่ที่นี่ก็ใหญ่ยักษ์มากด้วย คุณตี๋น้อย  ตามมาเลยครับ คุณแอน  ผมถือโอกาสอัพเดทให้เลยนะครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 16:10:50

ความคิดเห็นที่ 82 มาตามต่อกันตอนที่ 2 ครับ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E12278163 จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 16:34:01

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณข้อมูลของคุณธมมากค่ะ สักวันหนึ่ง...คงได้ตามรอยคุณธมไปเที่ยวบ้าง (^_^) จากคุณ : ยี่สุ่นขาว เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 17:34:52

ความคิดเห็นที่ 84 รู้สึกจะถูกชะตากับสีเขียวนะคะ 5555 ล้อเล่นนะ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 20:24:44

ความคิดเห็นที่ 85 คุณยี่สุ่นขาว  ยินดีอย่างยิ่งครับ คุณเปิ้ล  ผู้ชายร้อยทั้งร้อยไปอยู่แล้วนั้น ใครๆ ก็ใจละลายครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 21:01:09

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีคร้า...คุณธม อิอิอิ ตามคุณธมไปเที่ยวกัมพุชาด้วยคน ได้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์มากมายจนตาลาย (อ่ะล้อเล่นนะคะ ข้อมูลเยอะดีค่ะ) สมัยโบราณนี่อาณาจักรขอมนี่รุ่งเรืองมากๆๆเลยนะคะ ดูจากสิ่งก่อสร้าง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ... เดี๋ยวพรุ่งนี้จะขอตามไปเที่ยวตอนที่ 2 วันนี้ราตรีสวัสด์คร้า...^_^ จากคุณ : ดอกโสนบานเช้า เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 22:16:03

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณครับคุณดอกโสนบานเช้า  ผมเองอ่านประวัติมาก็ตาลายเหมือนกัน ไม่อ่านก็ไม่ได้ครับ  เดี๋ยวจะกลายเห็นการเดินดูก้อนหินไปซะ  เวลาเดินดูแต่ละที่  แล้วเปิดโพยไปด้วย สนุกดีครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 23:06:01

ความคิดเห็นที่ 88 ประวัติแน่นมากครับ สารภาพว่า ตอนบ่ายเข้ามาแล้วรอบนึง กินอิ่มๆตาลาย เจอประวัติศาสตร์เยอะไปหน่อย เลยไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แทนเลยฮะ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 23:53:58

ความคิดเห็นที่ 89 แหะ  แหะ  ไปลอกเค้ามาครับ  แต่นั่งพิมพ์ซะมือหงิกเลยครับคุณแฟ  พิมพ์มาแล้วก็แปะไว้หน่อยนึง จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 06:41:11

ความคิดเห็นที่ 90 ขอไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 13:31:23

ความคิดเห็นที่ 91 ยินดีครับคุณเด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 18:43:25

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณครับ กำลังจะไปอาทิตย์หน้า มีเวลาเที่ยว 1 ครับ จากคุณ : kriengchai เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 14:18:44