ความคิดเห็นที่ 1 ขอเริ่มด้วยแผนคร่าวๆ ก่อนเลย วันที่ 11 ตื่นเช้าที่ Bibaushi ช่วงเช้าดูดอกไม้ที่ Furano ช่วงบ่ายนั่งรถบัสชมทุ่ง Biei พอบ่ายแก่ๆ ถึงเย็น ขี่จักรยานชมวิวโซน Bibaushi กลับมานอนที่เดิม วันที่ 12 ไปชมวิวบนเขา Daisetsuzan และแช่น้ำร้อนที่ Asahidake Onsen กลับมานอน Bibaushi วันที่ 13 เดินทางทั้งวันสู่ Shiretoko นอนที่ Iwaobetsu วันที่ 14 ช่วงเช้านั่งเรือชมแหลม Shiretoko ตอนบ่ายนั่งรถเล่นกับคนญี่ปุ่นและเยอรมัน กลับมานอนที่เดิม วันที่ 15 เที่ยวโซนห้าทะเลสาบใน Shiretoko และน้ำตก จากนั้นเดินทางยาวกลับไปนอนแถว Bibaushi วันที่ 16 เดินทางทั้งวัน ขึ้นเหนือสู่ Wakkanai แล้วนั่งเรือต่อไปเกาะ Rebun วันที่ 17 เดินชมนกชมไม้ในเกาะ Rebun ตกบ่ายแก่ๆ ก็นั่งเรือไปเกาะ Rishiri นอนโฮสเทลบนเกาะ วันที่ 18 ปีนเขา Rishiri ทั้งวัน กลับมานอนที่เดิม วันที่ 19 เดินทางทั้งวัน (อีกแล้ว) นั่งเรือกลับมา Wakkanai เที่ยวที่นี่สักพัก แล้วนั่งรถไฟลงใต้ไป Hakodate วันที่ 20 เที่ยว Hakodate ตอนบ่ายลงใต้กลับสู่เกาะ Honshu แวะพักที่ Hirosaki วันที่ 21 เที่ยว Hirosaki ทั้งวัน พอตอนค่ำนั่งรถบัสนอนกลับโตเกียว แผนที่ประกอบจาก Japan guide ครับ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:48:41

ความคิดเห็นที่ 2 วันที่ 11 เช้านี้กินอาหารของทางที่พัก Okasenri (จ่ายเพิ่ม 500 เยน) เป็นสไตล์ฝรั่งมีทั้งขนมปัง ไข่คน มันบด ไส้กรอก ซุป สลัด โยเกิร์ต และเมลอน คุ้มค่าที่จ่ายไปมาก จากนั้นก็เริ่มออกเที่ยวโดยนั่งรถไฟจาก Bibaushi (美馬牛) ไปลงสถานี Nakafurano แล้วเดินต่อไปอีกราวๆ 20 นาที เพื่อไปดูฟาร์ม Tomita ระหว่างทางมองเห็นวิวภูเขาไกลๆ วางตัวยาวขนานกับถนนและทางรถไฟ ให้ความรู้สึกคล้ายๆ ตอนไปเที่ยว Innsbruck (แต่ที่ออสเตรียนั่นเจ๋งกว่าเยอะ)  พอไปถึงฟาร์มก็เห็นโซนขายเมลอนเพียบเลย จากนั้นก็ได้เวลาสำรวจฟาร์ม (ไม่เสียค่าเข้า) เห็นดอกไม้เรียงรายอย่างสวยงามและสลับสีสันมากมาย นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันพัลวัน โดยส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นกับคนจีน ชื่นชมอยู่พักใหญ่ๆ ก็เดินกลับไปสถานีรถไฟพิเศษเฉพาะหน้าร้อน ชื่อสถานี Lavender Batake เพื่อนั่งขึ้นเหนือไป Biei (美瑛) จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:49:39

ความคิดเห็นที่ 3 ลงจากรถไฟมาก็รีบไปซื้อตั๋ว Twinkle bus นั่งรถบัสเที่ยวโซน Patchwork road course ที่อยู่ด้านตะวันตกของ Biei นั่งรถผ่านต้นไม้มีชื่อหลายๆ ต้น ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก แค่คนญี่ปุ่นอยากตั้งชื่อให้เฉยๆ ก่อนกลับมีแวะนั่งพักชมวิวด้วย กลับมาถึง Biei ก็จับรถไฟกลับไป Bibaushi อีกครั้ง แวะไปที่พักยืมจักรยานมาขี่เล่น โดยตั้งใจขี่ไปตามทาง Panorama course ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของที่นี่ ขี่ไปเรื่อยๆ จนถึงเนิน Shikisai-no-Oka มีดอกไม้เรียงรายอยู่เพียบคล้ายๆ ที่ฟาร์มโทมิตะเลย เข้าไปเดินเล่นได้ซักแป๊บนึงก็เจอกลุ่มคนไทยมาถ่ายทำรายการเรื่องจริงผ่านจอ (งงเหมือนกันว่ารายการนี้มีช่วงนำเที่ยวด้วยเหรอ?) จากนั้นผมก็ขี่จักรยานต่อตามเส้นทางที่น้าเจ้าของที่พักแนะนำมา ซึ่งต้องขึ้นลงเนิน ได้ดูวิวสวยงามมาก แต่ก็เหนื่อยเป็นบ้า ได้ดูไฮไลท์สำคัญๆ ของเส้นทางนี้ พอเหนื่อยได้ที่ประมาณสามชั่วโมงกว่าก็ปั่นกลับที่พัก อาบน้ำ และกินอาหารเย็นที่อร่อยเว่อร์เกินราคา 900 เยนอีกแล้ว จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:50:07

ความคิดเห็นที่ 4 วันที่ 12 ตื่นเช้าเหมือนเดิม วันนี้ตั้งใจไปปีนเขา Asahidake (旭岳) ยอดเขาที่สูงสุดในฮอกไกโด ทีนี้วิธีไปจากแถวนี้ที่เร็วสุดคือนั่งรถไฟไป Biei แล้วต่อรถบัสไปสนามบิน แล้วเปลี่ยนเป็นรถบัสต่อไปอีกจนถึงที่หมาย รวมๆ แล้วใช้เวลาเดินทางเยอะอยู่เหมือนกัน ไปถึงตีนภูเขาเกือบๆ 11 โมง ก็ขึ้นกระเช้าต่อจนถึงสถานีด้านบน โดยช่วงแรกๆ ก็เห็นวิวสวยงามดีอยู่ แต่พอใกล้ถึงด้านบน หมอกนรกก็มาเยือนอีกแล้ว บดบังทัศนียภาพไปซะหมด พอถึงบนสุดก็ขาวโพลนมองอะไรแทบไม่เห็นเลย อากาศก็หนาวด้วย ผมเดินตามทางสำรวจธรรมชาติไป 20 นาที ก็ถึงทางขึ้นเขาจริงๆ ซะที แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยกเลิกการปีนเขา เพราะดูจากหมอกที่ลงหนาจัด กลัวว่าขึ้นไปแล้วจะไม่เห็นอะไรเลย เหมือนตอนปีนที่ Akita ผมก็เดินเล่นอยู่แป๊บนึงค่อยเดินกลับไปไปขึ้นกระเช้า ระหว่างเดินกลับเจอกลุ่มคนไทยแก๊งเดิมที่มาถ่ายทำรายการด้วย เลยพักคุยกับพี่ๆ เค้าเล็กน้อย แล้วค่อยเดินกลับมาขึ้นกระเช้ากลับไปด้านล่าง จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:50:46

ความคิดเห็นที่ 5 จากสถานีด้านล่าง เนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือสำหรับรถบัสกลับ ก็เลยเดินออกไปหาออนเซ็นแช่อย่างสบายใจ แล้วก็ออกมานั่งกินรอเวลารถมา สักพักก็ขึ้นรถรอบ 14:10 กลับเข้าเมือง Asahikawa แล้วก็เดินไปเดินมาในเมืองแวะซื้อเสบียงสำหรับวันต่อๆ ไป ผมไม่ค่อยชอบตัวเมืองนี้เท่าไหร่ก็เลยจับรถไฟต่อไปสถานี Biei ออกไปเดินเล่นต่อและหาอะไรกิน สุดท้ายได้กินราเมงชามยักษ์ หน้าตาน่ากินมาก แต่รสชาติธรรมดา จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับ Bibaushi จัดการซักและอบผ้าให้เรียบร้อย วันนี้ไม่กินอาหารเย็นที่นี่เพราะเพิ่งซัดราเมงชามโตมา ก็มานั่งซดเบียร์และอ่านหนังสือแทน เป็นอันจบวันสบายๆ เท่านี้ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:51:14

ความคิดเห็นที่ 6 วันที่ 13 วันนี้ทำท่าจะเป็นอีกวันสบายๆ เพราะไม่ได้มีโปรแกรมทำอะไรเลย แค่เดินทางอย่างเดียวก็หมดวันแล้ว เป้าหมายหลักคือเดินทางให้ถึง Shiretoko โดยไม่ตกรถ จัดการจัดของเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาร่ำลาเจ้าของที่พัก แล้วเริ่มออกเดินทางได้ อ่อ เป็นวันแรกที่เริ่มใช้ Hokkaido Free Pass ด้วย ซึ่งก็เหมือนกับ JR Hokkaido Pass ทุกประการ แต่แพงกว่า จาก Bibaushi นั่งรถไฟขึ้นไป Asahikawa แล้วไปต่อรถด่วนไป Abashiri (網走) ตอนแรกเข้าใจว่ารถด่วนต้องดูดีมีสกุลหน่อย ที่ไหนได้ พอรถไฟมาเทียบชานชาลาก็อึ้งทันทีเพราะเป็นรถไฟหน้าตาแบบรถ Local เลย ยังดีที่ที่นั่งโอเคและไม่จอดทุกสถานี รถออกจากที่นี่เก้าโมงเช้าไปถึง Abashiri 12:46 ระหว่างทางทั้งเล่นเน็ต อ่านหนังสือ ฟังเพลง เขียนไดอารี่ ฆ่าเวลาไปจนถึงที่หมาย จากนั้นก็มีเวลาอีก 40 นาทีในการเปลี่ยนรถ ก็เลยแวะหาอะไรรองท้องไปด้วย จากนั้นก็กลับมาขึ้นรถไฟต่อไปถึงสถานี Shiretokoshari (知床斜里) บ่ายสองกว่าๆ โดยสถานีนี้เป็นสถานีรถไฟที่ใกล้ Shiretoko ที่สุดแล้ว ต่อจากนี้ต้องเดินทางโดยรถบัสต่อ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:51:48

ความคิดเห็นที่ 7 รถบัสออกเวลา 14:20 นั่งยาวไปชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง Iwaobetsu Youth Hostel ลงจอดหน้าโฮสเทลเลย โดยระหว่างทางผ่าน Utoro ซึ่งเป็นตัวเมืองของย่าน Shiretoko นี้ด้วย ระหว่างนั่งรถบัสมา Utoro เป็นถนนธรรมดายังไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก แต่จาก Utoro ไปโฮสเทลนี่ทางเลียบทะเลสวยมาก และเป็นถนนแบบขึ้นเขาลงเขาด้วย ได้เห็นวิวรอบด้าน ตัวที่พัก Iwaobetsu Youth Hostel (3,300 เยนต่อคืน) มีอาหารเย็นให้เลือกสองแบบ คือแกงกะหรี่ (จ่ายเพิ่ม 600 เยน) และแบบพิเศษ (จ่ายเพิ่ม 2,000 เยน) ด้วยราคาที่ต่างกันขนาดนี้ ผมเลยแทบไม่ต้องคิดยอมจ่ายถูกไปเลย จากนั้นก็ไปถามพนักงานเรื่องล่องเรือชมแหลม Shiretoko พนักงานก็ให้โบรชัวร์บริษัทต่างๆ มาและแนะนำให้โทรไปจอง เพราะช่วงนี้คนมาเที่ยวเยอะ ถ้าไปหาเอาดาบหน้าอาจจะเต็มหมด จัดการจองรอบสิบโมงเช้าพรุ่งนี้ไป เป็นคอร์สใหญ่ ราคาก็แพงตามไปด้วย 8,000 เยนเลยทีเดียว  พอจองเสร็จ เวลาที่เหลือก็หมดไปกับการพักผ่อนอาบน้ำ ระหว่างอาบเจอแมลงปีศาจคล้ายแมงมุมน้ำตัวเบ้อเร่อน่ากลัวมาก ผมเลยทำบาปด้วยการเอาน้ำร้อนสาดมันจนตาย ขอโทษด้วยนะ พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาเดินเล่นฆ่าเวลา เจอลุงฝรั่งคนนึงก็เข้าไปคุยตีสนิทด้วย ปรากฎว่าเป็น roommate ของเรานั่นเอง จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:52:17

ความคิดเห็นที่ 8 พอได้เวลากินข้าว ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องทานอาหาร เป็นแบบญี่ปุ่นคือนั่งพื้นแต่มีเบาะรองตูดให้ โดยกลุ่มกินข้าวแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มแพงสองพันเยน กับกลุ่มถูกหกร้อยเยน ผมเหลือบไปดูของกลุ่มที่กินของแพงเห็นปลาตัวใหญ่กับเนื้อสัตว์อย่างอื่นอีก แต่ไม่ได้น่ากินขนาดนั้น ส่วนกลุ่มยาจก พวกเรากินข้าวแกงกะหรี่หอยญี่ปุ่น เพื่อนร่วมกลุ่มเป็นเด็ก ม.ปลาย คนนึงม.4 อีกคน ม.6 โดยตอนแรกก็ต่างกลุ่มต่างกินกันไป พอกินเสร็จก็มีการรวมกลุ่มคุยกันนำโดยลุงฝรั่งคนเดิมนั่นเอง ลุงเป็นคนเยอรมันชื่อ Martin ระหว่างนั่งคุยกันก็ซัดเบียร์กันไปด้วยเป็นที่เพลิดเพลินมาก ราวๆ สองทุ่ม ก็มี Meeting ที่ห้องอาหารนี่แหละ พนักงานสาวออกมาสรุปพยากรณ์อากาศวันพรุ่งนี้ให้พร้อมกับพูดถึงที่เที่ยวต่างๆ อย่างย่อๆ ด้วย จากนั้นผมก็คุยกับน้าผู้ชายญี่ปุ่นชื่อ Hiroshi คุยไปคุยมาน้าก็ใจดีอาสาขับรถพาผมกับลุง Martin ไปเที่ยวช่วงบ่ายพรุ่งนี้ด้วย ใจดีมากๆ คุยต่อกันอีกซักพักก็แยกย้ายกันไปนอน จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:52:42

ความคิดเห็นที่ 9 เดี๋ยวเย็นๆ กลับมาเขียนต่ออีกครับ ^^ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 10:54:43

ความคิดเห็นที่ 10 ตามไปเที่ยวต่อครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 11:23:49

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบค่ะ ชอบฮอกไกโดมาก มีที่เที่ยวเยอะดีค่ะ แถมมีแต่ทุ่งดอกไม้สวย ๆ อีก จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 12:05:59

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณที่รีวิวให้ชมครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 12:48:44

ความคิดเห็นที่ 13 ขอไปเที่ยวด้วยคนค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 14:14:15

ความคิดเห็นที่ 14 วันที่ 14 วันนี้เป็นหนึ่งในวันที่ดีที่สุดของทริปนี้เลยครับ ได้ทำกิจกรรมหลากหลาย และที่สำคัญที่สุดคือได้มิตรภาพต่างวัยอย่างไม่น่าเชื่อ ภารกิจหลักในวันนี้คือล่องเรือชมวิวช่วงเช้า และนั่งรถเที่ยวช่วงบ่าย วันนี้ผมยังตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม ขณะที่ลุง Martin เพื่อนร่วมห้องยังนอนหลับอยู่ จัดการซัดอาหารเช้าจากเสบียงที่เตรียมมา ราวๆ 9 โมงก็ออกจากที่พัก โดยมีเจ้าหน้าที่สาวใจดีขับพาจากโฮสเทลไปส่งที่ Utoro พอไปถึงบริเวณบริษัททัวร์ต่างๆ ผมกับลุงมาร์ตินก็แยกย้ายไปตามบริษัทที่ต่างคนต่างจองไว้ ซึ่งปรากฎว่าอยู่ติดกันเลย เดินเข้าไปจ่ายตังค์ค่าล่องเรือสามชั่วโมงแพงมหาโหด 8,000 เยน มีคนมาเที่ยวกันเยอะมากจนต้องออกมาตั้งแถวให้เป็นระเบียบก่อนเดินเรียงกันไปที่ท่าเรือที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 5 นาที จังหวะนี้ได้เห็นความมีมารยาทแบบสุดๆ ของคนญี่ปุ่น คือถ้าเป็นคนไทยนี่รับรองได้ว่ามั่วและคงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของทัวร์แน่นอน พอ 10 โมงนิดๆ เรือก็ออกจากท่า เป็นเรือลำเล็กสองชั้น ได้เห็นวิวกันเต็มที่ ซึ่งช่วงแรกก็อากาศดีมาก นักท่องเที่ยวทุกคนตื่นตาตื่นใจกับหน้าผา Shiretoko ก็เลยถ่ายรูปกันกระจาย แต่ซักพักคนก็เริ่มหายตื่นเต้นท่ามกลางอากาศที่แย่ลงเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ลุ้นด้วยว่าจะเจอหมีบ้างมั้ย เพราะดูตามโบรชัวร์แล้วบอกว่าคอร์สสามชั่วโมงนี้มีโอกาสเห็นหมี 98% เลยทีเดียว แต่เรือแล่นมานานแล้วก็ยังไม่เจอซะที แต่สุดท้ายลูกเรือคนนึงของบริษัทที่พยายามใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูตลอดก็โวยวายๆ บอกว่าเจอแล้ว เป็นลูกหมีตัวกระเปี๊ยกเดินอยู่บริเวณโขดหินริมทะเล มองแทบไม่เห็น แต่คนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นและพยายามถ่ายรูปกันใหญ่ อากาศยังคงแย่ลงเรื่อยๆ สักพักก็เห็นปลาโลมาโต้คลื่นด้วย จนราวๆ 11:45 ก็ถึงขอบสุดของแหลมนี้ จากนั้นเรือก็วกกลับทางเดิมและยิงยาวกลับท่าเรือโดยไม่แล่นชิดขอบผาเหมือนตอนขามา ราวบ่ายโมงนิดๆ ก็ถึงท่าเรือ ผมเดินตามทางไปก็เจอลุงมาร์ตินพอดี เลยเดินต่อไปด้วยกัน แวะคืนเสื้อหนาวที่บริษัททัวร์ จากนั้นเราก็เดินต่อไปถึงท่ารถบัส Utoro อันเป็นจุดนัดพบกับน้า Hiroshi จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 18:01:37

ความคิดเห็นที่ 15 บ่ายโมงครึ่ง น้าฮิโรชิก็ขับรถมารับขึ้นรถไปด้วยกัน แผนการเราคือจะมุ่งหน้าไปจุดชมวิว Rausu dake หรือที่เรียกว่า Shiretoko Pass จากนั้นก็จะแวะดูออนเซ็นฟรีอันมีชื่อเสียงทั้งสามแห่งของ Rausu ก่อนจะแช่ที่ออนเซ็นแห่งสุดท้าย จากนั้นก็กลับโฮสเทลกัน โดยเส้น Shiretoko Pass นี้สวยงามมากเพราะเลาะเลียบไปตามภูเขาจนถึงจุดชมวิวที่มองเห็นยอดเขา Rausu อย่างเต็มตา และยังมองเห็นทะเลและภูเขาลูกอื่นๆ จากอีกมุมหนึ่งด้วย แวะถ่ายรูปกันไม่นานก็เห็นหมาจิ้งจอกเดินผ่านหน้าตาเฉย หน้าตาน่ารักแต่ก็ขี้โกงมาก จากนั้นน้าฮิโรชิก็พาขึ้นรถต่อไปดูออนเซ็นฟรีทั้งสามที่ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก เราแวะแช่กันที่สุดท้ายที่เป็นบ่อน้ำร้อนอยู่ริมทะเล แล้วก็เดินเล่นกันอีกแป๊บนึงก่อนที่น้าฮิโรชิจะขับรถพากลับถึงที่พักเกือบๆ ห้าโมงเย็น โดยก่อนถึงที่พักเราก็ยังแวะถ่ายรูปตามจุดที่วิวสวยๆ อีกด้วย พอถึงโฮสเทลก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำก่อนจะออกมาเจอกันเวลาอาหารเย็นอีกครั้ง โดยผมก็ยังกินแบบถูกเหมือนเดิม โดยวันนี้ลุงมาร์ตินก็มาร่วมแจมโต๊ะถูกด้วย เพราะอาหารเมื่อวานไม่ถูกปาก เราก็นั่งคุยไปกินไปจนได้เวลามีทติ้งประจำคืนนี้อีกครั้ง ซึ่งเนื้อหาที่พูดก็คล้ายๆ กับเมื่อวาน น้ามาร์ตินก็เลยแว่บออกไป ส่วนผมก็ได้ผูกมิตรกับคนญี่ปุ่นหน้าใหม่ชื่อ Takashi เป็นหนุ่มญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเมื่อเทียบกับคนญี่ปุ่นทั่วๆ ไป คุยกันเลยรู้ว่าทาคาชิเคยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ Iceland มาปีนึง เลยพูดอังกฤษพอได้ จากนั้นเราเลยชวนกันไปเที่ยวด้วยกันพรุ่งนี้เพราะแผนคล้ายๆ กันพอดี จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน เป็นอันจบวันแสนสนุกแต่เพียงเท่านี้ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 18:02:03

ความคิดเห็นที่ 16 วันที่ 15 วันนี้เป็นวันที่ทั้งเที่ยวและเดินทางอย่างจัดเต็ม โดยตอนเช้านัดเจอกับ Takashi เพื่อออกเดินทางโดยรถบัสไปน้ำตก Kamuiwakkayu ด้วยกัน โดยก่อนจะออกจากที่พักก็ร่ำลาลุงมาร์ติน พอถึงเวลารถบัสก็มาจอดรับคนหน้าโฮสเทลเลย สะดวกสบายมาก แต่คนก็แน่นเต็มรถ พี่คนขับพาเราไปถึงน้ำตกเก้าโมงกว่า นักท่องเที่ยวทุกคนก็เดินเหยียบน้ำอุ่นๆ ปีนขึ้นไปได้ถึงจุดนึงซึ่งยังไม่ใช่จุดที่สวยที่สุด (จุดที่สวยที่สุดและเล่นน้ำได้นี้ไม่อนุญาตให้คนขึ้นไปอีกแล้วเพราะเคยมีหินถล่ม) เลยน่าเสียดายมาก เราก็เดินถ่ายรูปเล่นกันพอประมาณ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก จน 10:15 ก็ได้เวลาขึ้นรถบัสต่อไปยังไฮไลท์ประจำวันนี้ซึ่งก็คือ Shiretoko 5 Lakes ที่เราจะไปเดินดูทะเลสาบเล็กๆ และวิวภูเขาสวยๆ กัน พอไปถึงก็ไปจัดแจงซื้อตั๋วเข้าชม โดยก่อนจะเข้าไปเดินเส้นทางนี้ต้องผ่านการอบรม (จากวิดีโอ) เกี่ยวกับข้อควรระวังในการเดินก่อน เพราะเส้นทางที่เราเดินนี่อาจจะมีหมีโผล่มาได้ แม้ว่าเปอร์เซนต์จะน้อยมากๆ ก็ตาม แต่ก็ต้องกันไว้ก่อนตามสไตล์ญี่ปุ่น พอดูวิดีโอเสร็จก็ได้เวลาเข้าไปเดินตามทะเลสาบแล้ว ซึ่งตัวทะเลสาบเองนั้นไม่มีอะไร แต่วิวภูเขาที่เห็นนั้นสวยงามมาก เดินๆ อยู่ยังเห็นกวางเดินตัดหน้าระยะประชิดอีกด้วย เรายังเดินต่อไปจนถึงโซนสะพานไม้ซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่ สวยงามมากจนทั้งผมและทาคาชิถ่ายรูปกันอย่างเมามัน จนบ่ายโมงกว่าก็สมควรแก่เวลาต้องเดินทางกลับซะแล้ว เราทั้งสองก็กลับไปตั้งหลักกันที่โฮสเทล โดยทาคาชิยังอยู่ที่นี่ต่ออีกหนึ่งคืน ส่วนผมเก็บข้าวของเตรียมขึ้นรถบัสกลับไปสถานีรถไฟ Shiretokoshari  เสียดายที่น้าฮิโรชิกลับไปแล้ว เลยไม่ได้ลากันวันนี้ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 18:37:28

ความคิดเห็นที่ 17 พอขึ้นรถบัสมาได้ไม่นานก็รู้สึกจิตตกทันทีเพราะเมื่อวานกับวันนี้เป็นวันที่ได้ผูกมิตรกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ได้เจอคนที่คุยกันถูกคอ แม้ว่าวัยจะต่างกันแต่ความชอบล้วนเหมือนกัน ทำให้ช่วงสองวันนี้เป็นสองวันที่สนุกที่สุดในทริปนี้เลย เมื่อถึงเวลาแยกทางเลยอดเซ็งไม่ได้ คือไม่รู้ว่าจะได้พบกับความประทับใจแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่ ส่วนเวลาที่เหลือของวันนี้จะหมดไปกับการเดินทางล้วนๆ โดยกลับไปตั้งหลักถึงที่ Bibaushi โน่นเลย แต่ครั้งนี้ไม่ได้พักที่ที่พักเดิม แต่ไปนอนที่ Biaushi Liberty Youth Hostel (3,980 เยนต่อคืน มีอาหารเช้าให้ด้วย) แทน โดยเป็นที่พักที่จองไว้ตอนที่แผนการยังไม่ลงตัว ซึ่งตอนนั้นคิดว่าช่วงเวลานี้คงจะอยู่แถว Biei พอตอนหลังที่เปลี่ยนแผนแล้วก็ดันขี้เกียจเปลี่ยนที่พักแล้ว เลยต้องเดินทางมานอนไกลถึงที่นี่ ซึ่งตัวที่พักก็ดีเยี่ยม และแม้จะจองแบบ Dorm ไป แต่คงเพราะไม่ค่อยมีคนมาพักก็เลยได้ครองห้องไปคนเดียวเลย เป็นส่วนตัวมาก จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 18:37:53

ความคิดเห็นที่ 18 วันที่ 16 ตื่นเช้ามาอย่างแจ่มใส จัดการเก็บของให้เรียบร้อยเพราะต้องออกเดินทางแต่เช้า ก่อนไปก็แวะซัดอาหารเช้าที่นี่ซึ่งมีให้แค่ขนมปังเท่านั้น แต่เป็นขนมปังที่อร่อยมวากกกก คือทั้งนุ่มและหวานจนกินเปล่าๆ ได้เลย ผมจัดการซัดไปสี่แผ่นใหญ่ๆ ก็ได้เวลาเช็คเอาท์ วันนี้จะเป็นอีกวันที่เดินทางล้วนๆ มีแวะเดินชมวิวเล็กน้อยเท่านั้น โดยก่อนอื่นก็นั่งรถไฟไป Asahikawa จากนั้นก็จับรถไฟรอบ 9:12 ขึ้นเหนือไปจุดสูงสุดของเกาะคือที่ Wakkanai (稚内) กว่าจะถึงก็เกือบบ่ายโมง เป็นการเดินทางบนรถไฟที่น่าเบื่ออีกหนึ่งวัน จากนั้นก็รอเวลาไปขึ้นเรือเฟอร์รี่เพื่อข้ามไปยังเกาะ Rebun (礼文) เนื่องจากมีเวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งกว่าเรือจะออก ก็เลยไปหาของกินให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเล่นสำรวจเมืองเล็กๆ แห่งนี้ และขึ้นไปดูจุดชมวิว (ดูรูป) จนใกล้เวลาเรือออกก็เดินไปขึ้นเรือ ตอนอยู่บนเรือเห็นวิวภูเขา Rishiri ที่มีหน้าตาเป็นยอดแหลมโดดเด่นอยู่กลางทะเลด้วย ซึ่งภูเขานี้จะเป็นจุดหมายต่อไปหลังจากเที่ยวเกาะ Rebun แล้ว ใช้เวลาเกือบๆ สองชั่วโมงเรือก็ไปเทียบท่าที่มีรถจากโรงแรมต่างๆ มารอรับนักท่องเที่ยวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ตะโกนเรียกลูกค้ากันอย่างสนุกสนานตามแบบฉบับญี่ปุ่น ผมก็เดินไปหารถตู้ของที่พักคืนนี้ Field Inn Seikan So (6,000 เยน รวมอาหารค่ำและอาหารเช้า) นับว่าราคาแพงไม่น้อยเลยสำหรับ Backpacker อย่างเรา แต่ก็ไม่มีตัวเลือกมากนัก พอรวมตัวกันครบทุกคนก็ได้เวลาออกเดินทางไปที่พักซึ่งอยู่ด้านเหนือของเกาะ จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 19:56:53

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงที่พักแล้วก็จัดการเก็บของ อาบน้ำ ระหว่างรอกินข้าวเย็น มองจากห้องอาหารออกไปเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยมาก พอหกโมงครึ่งทุกคนก็มากันครบได้เวลาซัดข้าว โดยทางเจ้าของจัดให้นั่งเรียงกันกินไปทำความรู้จักกันไปยังกะมาเข้าแคมป์ ซึ่งตอนแรกผมก็ประทับใจที่เจ้าของมีอัธยาศัยดีมาก แต่หลังๆ รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นส่วนตัว เพราะเจ้าของจะคอยบอกตลอดว่าให้ทำโน่นทำนี่ หรือจงฟังทางนี้ เลยเปลี่ยนจากความประทับใจเป็นความรำคาญในทันใด หลังกินข้าวเสร็จก็ยังจัดให้รวมกลุ่มทุกคนแนะนำตัวเองอีกด้วย จากนั้นก็แนะนำเส้นทางเดินเขาชมดอกไม้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็มีให้เลือกได้หลายเส้นแล้วแต่ความชอบและเวลาที่เรามี สักพักทุกคนก็แยกย้ายไปนอนกัน จากคุณ : mikey keynes เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 19:57:31

ความคิดเห็นที่ 20 สวยจัง น่าไปฮอกไกโด อีกแหะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ จากคุณ : Mickey-kun เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 21:22:01

ความคิดเห็นที่ 21 อ่าน คห 19 แล้วก็รู้สึกเหมือนกันครับ ว่า ... เอ๊ะ .. ที่โฮสเทลเยอะไปไหมเนี่ย - -' แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 55 23:19:36 จากคุณ : realp** เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 23:19:08

ความคิดเห็นที่ 22 Hokkaido เป็นอะไรที่ต้องขอไปอีกหลายๆรอบครับ จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 12:29:29

ความคิดเห็นที่ 23 บรรยากาศสวยแบบนี้ อยากไปเดินชม สัมผัสมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : Sweety-around-the-world เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 14:23:58

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบจัง จากคุณ : SOYU_K เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:50:53

ความคิดเห็นที่ 25 เขียนได้สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบ จากคุณ : นู๋เป็นแมวน้อยมาจากญี่ปุ่น เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 21:30:35