ความคิดเห็นที่ 1 คืนวันศุกร์เราสองคนเก็บกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้า เครื่องออก 7.10 น. เราวางแผนกันไว้ว่าจะออกบ้านประมาณตี 5.45 น. ไม่ต้องไปเช็คอินอีกเพราะเช็คผ่านเว็บมาแล้ว  คืนนี้เยอรมันมีนัดเตะอีกครั้ง แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนทำให้ไม่สามารถตื่นขึ้นมาดูเหมือนแมชผ่านๆมาได้อีก   รีวิวนี้จะแบ่งเป็น 3 ตอน โดยตอนแรกจะพาเดินย่ำต๊อกเที่ยวเวียงจันทน์ ส่วนตอนที่สองเป็นการเดินเที่ยวก่อนกลับเมืองไทย และตอนสุดท้ายจะเป็นรีวิวที่พักและนำรูปที่พักในเวียงจันทน์มาให้ชม เพื่อในโอกาสหน้าเพื่อนๆจะได้ตัดสินใจเข้าพักได้ถูก ชอบที่พักสไตล์ไหนแบบใดก็สามารถตัดสินใจได้เลย  จึงนำที่พักที่ได้ผ่านไปพบเจอมาฝากกันเล็กน้อยค่ะ เพราะการเลือกที่พักในแต่ละครั้งเราจะติดปัญหากันว่า ที่พักที่เราเลือกจะมีหน้าตาเช่นไร  ดังนั้นหากมีไกค์ไลน์บ้าง เราก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:33:14

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนจะเที่ยวเวียงจันทน์ เช่นเคยค่ะถ้าจะให้การเดินเท้าในเวียงจันทน์เป็นไปด้วยความราบรื่น ก็ควรจะหาแผนที่ติดไม้ติดมือก่อนออกเดินทางกันเล็กน้อย อย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกว่าเราหาแผนที่ใน google แล้วก็นำติดตัวไปด้วยค่ะ แต่พอถึงที่เวียงจันทน์ ที่พักมะลิน้ำพุก็เอาแผนที่ให้เราอีกครั้ง ซึ่งแผนที่ของทางที่พักดูง่าย ชัดเจนกว่ามากมาย จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:33:54

ความคิดเห็นที่ 3 ใครที่จะออกเดินทางไปเวียงจันทน์ หากยังไม่มีแผนที่ก็สามารถเซฟเจ้าแผนที่อันนี้ไว้ใช้ได้เลยค่ะ ซึ่งในตอนหน้าหากจะให้เข้าใจในเรื่องของที่พักที่ได้ถ่ายรูปมาเก็บไว้ควรจะมีเจ้าแผนที่อันนี้ไว้เพื่อเปรีบเทียบดูว่าที่พักนั้นอยู่ตรงจุดใดของตัวเมืองเวียงจันทน์  (หลังไมค์มาได้เลยนะคะสำหรับแผนที่) เกริ่นการเดินทางมาพอสมควรแล้วค่ะ กลับมาเข้าเรื่องการเดินทางไปไปเวียงจันทน์กันได้เลยจ้า จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:34:37

ความคิดเห็นที่ 4 เช้าวันเสาร์ที่ 23 มิย. เราสองคนออกเดินทางจากบ้านเกือบ 6 โมงเช้า โชคดีว่าอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเลยและได้ทำเวปเช็คอินมาเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถทำตัวชิวๆได้อย่างสบายๆ  เราเดินทางไปอุดรธานีโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย ออกจากบ้านมาเรียกแท๊กซี่ด้านหน้า หลังจากนั้นมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ในที่สุดเรากสองคนก็มาถึงสนามบินแล้วค่ะ   จ่ายตังค์ให้คุณลุงเป็นที่เรียบร้อย 160 บาท  เราสองคนก็เดินเข้าไปดูบอร์ดทันทีว่าเราออกเดินทางกันที่ Gate ไหน ... สงสัยมาเร็วเกินไป ยังไม่โชว์เลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปดูเอาดาบหน้าละกัน “ยุ่ง.... เดินเร็วๆหน่อยดิ ชักช้าอยู่ได้” เราส่งเสียงเรียกโอ๋ให้เข้ามาด้านใน “แป๊บนึงดิ เค้าก็รีบเดินอยู่แล้วเนี่ย” โอ๋ตอบ “แล้วไอ้โรตีกะขนมปังที่หิ้วมาด้วยเนี่ย กรุณากินให้หมดเลยนะ ไม่ต้องเอาเข้าไปข้างในล่ะ ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานแทนที่จะกินให้หมดก็ดันไม่กินซะงั้น” เราบ่นต่อ โอ๋มองหน้าพร้อมกับยืนกินขนมปังที่อยู่ในมือ “เออ รู้แล้ว บ่นจริง” จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:35:04

ความคิดเห็นที่ 5 เดินผ่านเคาน์เตอร์หางแดง เลยเก็บรูปไว้ซักหน่อย วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่  สงสัยใช้ตั๋วโปรกันหมด 5555++   วันนี้ยิ่งได้ข่าวว่าแอร์เอเชียจะย้ายไปบินที่ดอนเมืองก็ยิ่งเซ็งสุดๆ เฮ่อ... ได้ตั๋วโปรสองคนไปกลับ 321 บาท ค่าแท๊กซี่เที่ยวเดียวยังแพงกว่าค่าเครื่องอีกแน่ะ อิอิ ..  คนที่อยู่โซนตะวันออกได้รับผลกระทบไปตามๆกัน ส่วนคนที่อยู่ฝั่งดอนเมืองก็สบายเลยค่ะ อิจฉาจริงๆ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:35:55

ความคิดเห็นที่ 6 คนเข้าแถวเช็คอินไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ อาจจะเนื่องด้วยส่วนนึงทำการเช็คอินผ่านเว็บมาเรียบร้อยแล้ว  เดินผ่านจากจุดนี้ไปก็จะเข้าไปด้านในกันแล้วนะคะ เดี๋ยวขอตัวยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจแป๊บนึงค่ะ  เอกสารก็มี boarding pass กับ บัตรประชาชน ยื่นให้เจ้าหน้าที่เช็คและทำการส่งกระเป๋าเข้าสายพานเพื่อตรวจดูสิ่งของต่างๆ  สำหรับใครที่ไม่โหลดกระเป๋าอย่าลืมทำตามกฎด้วยนะคะ ห้ามนำเหลวเกิน 100ml ติดตัวขึ้นเครื่องค่ะ  หากใครที่ชอบพกครีมต่างๆไปเยอะๆก็คงต้องโหลดกระเป๋าแล้วล่ะ “โชคดีที่เราเช็คอินมาแล้วนะเนี่ย ไม่งั้นคงต้องยืนต่อแถวแบบนี้แน่ๆ” เราพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าโอ๋ “อืม... จ้า เก่งที่สุดเลยจ้า” โอ๋ตอบแบบขอไปที “เฮ่ย ตกลงนี่ชมใช่มั๊ยเนี่ย” เราหันไปมองตามพร้อมกับเอามือขยี้ไปที่ผมของโอ๋  โอ๋รีบจับมือเราออกจากศรีษะ “อย่ายีหัวดิ เดี๋ยวผมยุ่งหมด” “ยังจะห่วงสวยอีก  มานี่เลย มาให้ยีหัวเล่นซะดีๆ” เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามโอ๋ที่โกยแน่บไปแล้ว 5555+ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:36:39

ความคิดเห็นที่ 7 ผ่านขั้นตอนเบื้องต้นมาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเดินดูสินค้าใน duty fee กันแล้วล่ะ เราใช้เวลาเช็คราคาสินค้าในนี้ซักพัก หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปยังโซน B กัน เดินเข้าไปในเขตโซน B เพื่อไปดูว่าครั้งนี้เราสองคนออกเดินทางที่ Gate ใด ก็ได้ความว่าเปลี่ยนโซนออกไปยังโซน A เฉยเลย   ตั้งแต่เดินทางกับแอร์เอเชียมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ออกจากโซน A ค่ะ เลยต้องเดินย้อนกลับมาทาง food stop อย่างที่เห็น   Food Stop เป็นโซนในการขายอาหารซึ่งราคาเป็นราคาสนามบินนะคะ ใครเงินไม่หนักอย่าแหยมเข้าไปกินเชียว อิอิ “เค้าขอเดินเข้าไปซื้อของในบูธก่อนได้มะ” “จะซื้ออะไรอีกละ ซื้อมันตลอดทางเลยนะตัว” เราค่อนขอดโอ๋ แต่ก็ไม่เป็นผล โอ๋เดินตรงดิ่งไปยังร้านบูธที่อยู่ข้างๆ food stop ทันที “ขอเข้าไปดูนิดเดียวเอง บ่นไปได้” พูดเสร็จพร้อมกับชำเลืองด้วยหางตา แปล๊บๆๆๆๆ โดนด่าทางสายตาแล้วเรา แอร๊ยยยยยย.... โอ๋ใช้เวลาในเลือกซื้ออยู่ในร้านประมาณ 15 นาที สุดท้ายสิ่งที่ติดมือออกมาคือลูกอมค่ะ  สเตปซิล 1 ห่อ ดูมันทำ... โอเคเหลือเวลาอีก 30 นาทีก่อนเครื่องจะออก เดินไปด้านในกันเลยค่ะ วันนี้ได้ Gate A2 จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:37:03

ความคิดเห็นที่ 8 เจ้าหางแดงที่จะบินไปยังอุดรธานีมารอแล้วค่ะ ช่วงนี้หน้าฝนท้องฟ้าที่เห็นเบื้องหน้าเต็มไปด้วยเมฆฝนก้อนใหญ่ ซึ่งทางอุดรฯและเวียงจันทน์ก็คงมีสภาพไม่ต่างกันแน่ๆ ดังนั้นทริปนี้คงเป็นทริปชิวๆในเวียงจันทน์อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ไปเวียงจันทน์มาเกือบ 4 ปี  เสียงเจ้าหน้าที่เรียกให้ขึ้นเครื่องแล้วนะคะ ขออนุญาตสะพายเป้เดินไปเช็คเอกสารเตรียมขึ้นเครื่องกันก่อน จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:37:24

ความคิดเห็นที่ 9 ทางเดินเข้าเครื่อง วันนี้เป็นโซนของไทยพาณิชย์แฮะ สีม่วงสวยเชียวล่ะ เรายกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เล็กน้อยก่อนจะเดินนำหน้าโอ๋เข้าไปด้านใน “นี่ เดินไม่รอกันเลยนะ” โอ๋ตะโกนไล่ตามหลัง “เอ้า.. ก็ตัวเองเดินช้าเองนะ มาโทษเค้าได้ไง” เราตอบสวนกลับไปทันที เอาล่ะค่ะ การเดินทางเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นแท้ๆ แต่เราสองคนก็กัดกันได้ตลอดเวลาเลยเชียว สงสัยงานนี้หนีไม่พ้นได้กัดกันที่เวียงจันทน์แน่ๆ โปรดติดตามตอนต่อไป จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:37:49

ความคิดเห็นที่ 10 จัดแจงสัมภาระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็นั่งประจำการทันที วันนี้ได้ที่นั่งหมายเลข E16 F16 ค่ะ  ระหว่างรอเครื่องบิน take off  ก่อนหน้าที่จะนั่งจุ้มปุ๊กกันแบบนี้ พี่ผู้ชายคนข้างๆนั่นแหละค่ะ แกมานั่งที่นั่งของเราเฉ๊ยเลย “เฮ่ย... ไมเค้าไม่นั่งที่เค้าวะเนี่ย” เราหันหน้าไปมองโอ๋ “แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าพูดเอง”  สิ้นเสียง เราหันหน้าไปยังพี่ผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า “เอ่อม... พี่คะ พอดีว่าพี่นั่งผิดที่นั่งอะค่ะ” เราส่งยิ้มให้ แต่แกหันมามองหน้าเราด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วลุกขึ้นทันที เราหันมามองหน้าโอ๋ส่งสายตาเป็นคำพูดว่า “เป็นอะไรของมันฟระ” หลังจากนั้นก็นั่งประจำการค่ะ ที่นั่งใครที่นั่งมัน มาทำหน้าเฉยใส่เราได้ยังไง แปร่ว... เหมือนตัวเองผิดยังไงยังงั้นเลยวุ๊ย 55555+ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:38:11

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าหางแดงค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากตัวอาคารแล้วค่ะ นั่งแถวที่ 16 มันตรงกะปีกเป๊ะเลยค่ะ เสียงจะดังนิดหน่อย ถ้าใครไม่ชอบอย่าเลือกที่นั่งแถว 16 นะคะ ไม่งั้นได้ยินทั้งทริปแน่ๆ อิอิ ... แต่เราเองขึ้นไปแป๊บเดียวก็หลับแล้วค่ะ สงสัยจะเพลีย.... จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:38:51

ความคิดเห็นที่ 12 ในที่สุดก็ take off ขึ้นสู่ท้องฟ้ากันแล้ว วันนี้อากาศค่อนข้างขมุกขมัว ฟ้าไม่เปิดเลยค่ะ ยังตกหลุมอากาศบ่อยด้วย เครื่องสั่นตลอด แต่พอขึ้นไปจุดๆหนึ่งก็เริ่มทรงตัวได้ดีแล้วค่ะ ระหว่างที่พนักงานสาธิตการใช้อุปกรณ์การบิน เราสองคนก็เริ่มบทสนทนากันต่อ ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังสาธิตการใช้สายออกซิเจนที่หล่นลงมาจากด้านบนหากอากาศไม่เพียงพอ “มองไรยุ่ง อยากใช้รึไง” เราหันหน้าไปถามโอ๋ “บ้ารึป่าวเนี่ย พูดอะไรก็ไม่รู้” โอ๋ค้อนใส่ “อ้าว ก็เห็นจ้องตาเป็นมัน นึกว่าอยากให้มันตก” “เฮ๊ย ปากเสียว่ะ เลิกพูดไปเลย รำคาญจริงๆ” แปร่ววววววว.... โดนมุขนี้เล่นงานถึงกับพูดไม่ออกกันเลยเชียวเรา 5555+ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:39:21

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนนี้เจ้าหางแดงลอยตัวขึ้นมาอยู่เหนือเมฆแล้วค่ะ ท้องฟ้าด้านล่างมีเมฆเป็นกลุ่มก้อนหนา ทะมึนมากๆ  ท้องฟ้ายามนี้สวยมากๆค่ะ เสียดายที่นั่ง 16E  16F ถ้าบินตอนเช้าจะเป็นฝั่งที่โดนแสงแดด ทำให้เราต้องปิดม่านบังแสงอยู่บ่อยครั้งทีเดียว จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:39:42

ความคิดเห็นที่ 14 ปุยเมฆหนาๆน่าลงไปนอนคลุก ระหว่างที่รอเครื่อง landing ที่สนามบินอุดรธานี เรามาทำความคุ้นเคยกับเวียงจันทน์กันดีกว่านะคะ เวียงจันทน์ เป็นเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในลุ่มแม่น้ำโขง ในพิกัด 17°58' เหนือ, 102°36' ตะวันออก (17.9667, 102.6) ประชากรในตัวเมืองมีประมาณ 200,000 คน (ค.ศ. 2005) แต่ประชากรทั้งหมด ที่อาศัยในกำแพงนครเวียงจันทน์ เชื่อว่ามีอยู่ถึงกว่า 730,000 คน ประวัติศาสตร์ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงสถาปนาเวียงจันทน์ขึ้นเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้าง เมื่อ พ.ศ. 2103 ครั้นเมื่อล้านช้างเสื่อมอำนาจลง ในปี พ.ศ. 2250 เวียงจันทน์กลายเป็นอาณาจักรอิสระ เรียกว่า อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2321 เจ้าพระยาจักรีของไทย (ในสมัยกรุงธนบุรี) ยกทัพมาปราบดินแดนลาวทั้งหมด อาณาจักรเวียงจันทน์ตกเป็นประเทศราชของไทยนับตั้งแต่นั้นมา พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์องค์สุดท้ายพยายามรวบรวมกำลังเพื่อก่อการกบฏและกู้ชาติจากไทย รัฐบาลไทยจึงส่งกองทัพยกขึ้นมาปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ และจับเจ้าอนุวงศ์ไปลงโทษที่กรุงเทพ ส่วนเมืองเวียงจันทน์นั้นถูกทำลายย่อยยับ เหลือรอดเพียงแต่พระอารามสำคัญไม่กี่แห่ง เช่น หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เท่านั้น พ.ศ. 2436 ดินแดนลาวตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส เวียงจันทน์ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการบริหารการปกครองของลาวในอาณัติของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2442 ต่อมาเมื่อประเทศลาวประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส ก็ได้กำหนดให้กรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงของลาวสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:40:25

ความคิดเห็นที่ 15 ประเทศลาวมีอยู่ 3 ฤดูคือ 1.ฤดูร้อน เดือน กพ-เมย 2.ฤดูฝน เดือน พค-ตค 3.ฤดูหนาว เดือน พย-มค ระบบเงินตรา เงินลาวมีสกุลคือ กีบ  อัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 บาทเท่ากับ 250 กีบโดยประมาณ ตามหัวเมืองต่างๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของลาวเช่น เวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง สามารถใช้เงินไทยได้อย่างสบาย เรสามารถแลกเงินได้ตามจุดแลกเงินต่างๆหรือสามารถแลกได้ที่ธนาคาร อาหาร อาหารหลักของลาวคือข้าวเหนียว อาหารที่พบบ่อยคือลาบ ส่วนอาหารเช้าของเวียดนามที่นิยมกินกันคือเฝอ เครื่องดื่ม ที่นิยมที่สุดคือเบยลาว (เบียร์ลาว) ที่ผลิตเองภายในประเทศดีกรีไม่แรงมาก รองลงมาได้แก่เหล้าขาว ซึ่งหมักจากข้าวเหนียวนิยมดื่มตอนหลังอาหารเย็น จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:40:57

ความคิดเห็นที่ 16 ใช้เวลาเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ตอนนี้เครื่องบิน landing ลงสนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอตัวเก็บข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเตรียมตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะคะ อิอิ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:41:25

ความคิดเห็นที่ 17 สนามบินอุดรธานีไม่ใหญ่มากค่ะ ทำให้เครื่องบินสามารถจอดได้อย่างสบายและผู้โดยสารทุกคนหลังจากที่ลงมาแล้วก็เดินเข้าไปในตัวอาคารได้เลย ชิวมากๆ  เราสองคนสะพายเป้และกระเป๋าเดินลงมาจากเครื่องมุ่งหน้าเข้าตัวอาคารเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:41:46

ความคิดเห็นที่ 18 ทำนายไว้ไม่มีผิดว่าท้องฟ้าและอากาศที่อุดรจะต้องเหมือนกับ กทม เป๊ะ อย่างนี้แล้วไม่ต้องหวังค่ะว่าที่เวียงจันทน์จะเป็นอย่างไร ฟ้าก็คงขาวแบบนี้ไม่ต่างกันแน่นอน “โห ดูท้องฟ้าดิ ขาวโพลนเลย แบบนี้จะได้รูปสวยๆมามั๊ยเนี่ย” เราบอกกับโอ๋ “ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็แค่ไปเที่ยวชิวๆกันไง” โอ๋ตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ “อื้อๆๆ ก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก มาครั้งนี้เพราะคิดถึงเวียงจันทน์เท่านั้นเอง อยากเห็นว่าตอนนี้บ้านเมืองจะเปลี่ยนไปเยอะหรือป่าว” เราตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้โอ๋ เราสองคนเดินเข้าไปในตัวอาคาร และเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกมายังเคาน์เตอร์ของอุดรแก้วทัวร์เพื่อต่อรถเข้าไปยัง บขส.เก่า ค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:42:06

ความคิดเห็นที่ 19 เคาน์เตอร์ของอุดรแก้วทัวร์หาไม่ยากไม่ค่ะ ออกมาปุ๊บให้หันมองไปทางด้านหน้าขวามือ จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รอต้อนรับอยู่แล้ว ที่อุดรแก้วทัวร์จะมีจุดหมายให้เรานั่งรถตู้เข้าไปประเทศลาวได้ 2 ปลายทางค่ะ หากใครต้องการนั่งรถทัวร์ระหว่างประเทศ ให้ไปลงที่ บขส เก่า ราคาตั๋ว 80 บาท แต่หากใครต้องการนั่งรถตู้ไปลงที่ด่านหนองคายเลยก็มีราคาค่าตั๋วอยู่ที่ 200 บาทค่ะ ครั้งนี้เราเลือกที่จะทดลองนั่งรถระหว่างประเทศจึงได้ตั๋วไปลง บขส เก่าในราคา 80 บาท “ไปไหนกันหนู” เสียงเจ้าหน้าที่หรือเจ้าของก็ไม่ทราบได้ตะโกนถามเราจากด้านในเคาน์เตอร์ “จะไปเวียงจันทน์ค่ะลุง แต่ว่าจะไปนั่งรถทัวร์ที่ บขส จ๊ะ” เราตอบไปพร้อมกับยิ้มให้คุณลุงที่ส่งเสียงถาม “ไป บขส. เก่าสินะ คนละ 80 บาท” คุณลุงแจ้งพร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงยื่นมือมารับเงิน เพื่อออกตั๋ว “เอ้า... เดินตามพี่คนนั้นไปได้เลย ไปนั่งรถตู้ด้านนอกเลยนะ เดี๋ยวรถก็ออกแล้ว” คุณลุงบอกต่อ “ขอบคุณค่ะ” เรายิ้มตอบ พร้อมกับเดินตามออกไปด้านนอก วันนี้ลูกค้าไป บขส. ไม่เยอะค่ะ มีเราสองคนกะพี่ผู้ชายอีก 1 คนเท่านั้น นั่งรอประมาณ 5 นาทีรถก็เคลื่อนตัวออกจากสนามบินมุ่งหน้าไป บขส. จริงๆรถตู้ไม่ได้มีวินอยู่ใน บขส. นะคะ แต่รถคันนี้จะวิ่งเข้าไปในตัวเมืองอุดร ดังนั้นใครที่จะเข้าไปในตัวเมืองก็ต้องใช้บริการรถตู้ค่ะ จะลงตรงไหนก็แจ้งคนขับได้เลย จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:42:30

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ถึง 20 นาทีค่ะ เราทั้งสองคนก็มาถึง บขส. เก่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราต้องมาต่อรถทัวร์ระหว่างประเทศ อุดร-เวียงจันทน์ หลังจากที่ลงจากรถตู้เสร็จ เราสองคนก็กลายเป็นคนเนื้อหอมทันที พี่ๆน้องๆ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถตุ๊กๆ รถแท๊กซี่ จะเข้ามารุมสอบถาม “ไปไหนกันครับ” “หนองคายมั๊ยครับ” “ขอนแก่น” “ศรีธาตุ” และอื่นๆ ประเดประดังเข้ามา  เราหันหน้าไปยิ้มแล้วตอบกลับไป “จะไปเวียงจันทน์ค่ะพี่” แค่นี้บรรดาพี่ๆน้องๆทั้งหลายก็วงแตกทันทีค่ะ จากกระทู้เก่าๆ ที่ผ่านมาเห็นว่าจะมีโต๊ะขายตั๋วอยู่ที่ชานชลา เราเดินไปที่ชานชลาหมายเลข 5 ยกนาฬิกาขึ้นมาดู อีก 15 นาที 9 โมงเช้า ... แต่คนขายตั๋วไม่อยู่ เอ๊ะ มันยังไงกันนะ ....  จึงตัดสินใจสอบถามคนแถวนั้นดูว่า ช่องขายตั๋วไปเวียงจันทน์ต้องไปซื้อตั๋วตรงไหน ก็ได้ความว่าจะมีช่องขายตั๋วไปเวียงจันทน์ที่ ช่อง 5 ค่ะ ... เราจึงเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง ปรากฎว่ามีพี่ๆน้องๆเพื่อนบ้านนั่งรอซื้อตั๋วรอบ 10.30น. กันเพียบเลยค่ะ  เดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่าป้ายเขียวไว้ว่าเปิดขายตั๋ว 9 โมง เราสองคนจึงตัดสินใจรอให้ตั๋วเปิดขายก่อนแล้วค่อยหาอะไรกินตอนเช้า ซึ่งตอนที่ลงจากรถตู้เราได้เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดค่ะ เดี๋ยวคงไปกินร้านนี้แหละ ใกล้ดี... จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:42:52

ความคิดเห็นที่ 21 ตารางเวลาเดินรถของรถโดยสารระหว่างประเทศ อุดร – เวียงจันทน์ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:43:17

ความคิดเห็นที่ 22 ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็เปิดช่องขายตั๋วแล้วค่ะ เราเข้าแถวซื้อตั๋ว 2 ใบ ซึ่งเวลาซื้อตั๋วต้องโชว์พาสปอร์ตด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นไม่ขายตั๋วให้ค่ะ “พี่คะ สอบถามนิดนึง แล้วใบขาเข้า-ขาออก ไม่มีแนบให้เหรอคะ” เราสอบถามไป “ไม่มีครับ คุณต้องลองขอที่คนขับรถ หรือถ้าเขาไม่มีก็ต้องไปเอาที่ด่านโน่นเลย” เจ้าหน้าที่บอก “ขอบคุณมากๆค่ะพี๋” ตกลงงานนี้ต้องไปเอาเอกสารที่ด่านกันนู่นเลยนะคะ ไม่มีแจกให้แล้ว เพราบังเอิญคนขับรถของเราขาไปเราได้รถฝั่งลาวค่ะ เขาก็ไม่ค่อยบริการหรือแจ้งอะไรมากมาย ส่วนขากลับได้ของฝั่งไทย พี่แกจะเดินแจก เดินสอบถามบนรถว่าใครยังไม่มีเอกสารก็เอาไปกรอกได้เลย ไม่ต้องไปขอที่ด่าน จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:43:40

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ตั๋วแล้ว ก็เดินออกมาหาอะไรทานก่อนไปเวียงจันทน์  ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนี้มีรีวิวของคุณ memories pink ได้รีวิวแจ้งไว้ (ไม่แน่ใจว่าจำถูกคนหรือป่าวนะคะ ถ้าผิดต้องขออภัยด้วยค่ะ)   “รับอะไรดีครับ” เจ้าของร้านถาม “ขอเกาเหลาเป็ด 2 ที่ค่ะ ไม่เอาข้าวเปล่า” เราตอบและส่งยิ้มให้ “เกาเหลาเป็ด 2 ที่ครับ” เจ้าของร้านทวนออเดอร์ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:44:00

ความคิดเห็นที่ 24 เกาเหลาเป็ดชามนี้รสชาดอร่อยดีค่ะ ไม่มีกลิ่นเหม็นของเป็ดเลย เจ้าของแกจัดเต็มมาให้ทุกอย่าง เนื้อติดหนัง เนื้อ เครื่องใน และเลือดเป็ด เรากินแบบไม่ปรุงอะไรเลยเพราะขี้เกียจ ชามนี้ราคา 40 บาท กินอิ่มกันเลยทีเดียว หนังท้องตึงเรียบร้อย แต่หนังตายังหย่อนไม่ได้ เราจ่ายค่าเสียหายแล้วออกไปนั่งรอรถที่ชานชลาค่ะ เหลือเวลาอีกเกือบ 1 ชั่วโมง หลังจากนี้ก็ขอเวลาทำธุระส่วนตัวกันเล็กน้อยจ้า จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:44:18

ความคิดเห็นที่ 25 นั่งรอเวลาค่ะ ระหว่างรอก็นั่งมองเหตุการณ์รอบๆตัวไปเรื่อยๆ ทำให้อมยิ้มได้เหมือนกันนะคะ  ไม่รู้ว่าวันนี้เราจะได้ใช้บริการของรถฝั่งไหน เดี๋ยวตามมาดูค่ะ แต่เห็นหลายๆคนบอกว่ารถฝั้งลาวไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ก็ภาวนาอย่าให้เจอรถจากฝั่งลาวละกันค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:44:41

ความคิดเห็นที่ 26 10.30 น. รถก็ยังไม่โผล่มาให้เราเห็นค่ะ งานนี้มีแววว่าจะถึงเวียงจันทน์ช้ากว่ากำหนดซะแล้ว  10.45 รถเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังชานชลา เราชะเง้อมองว่าจะเป็นรถฝั่งไหน อ้าว... เป็นของฝั่งลาวซะงั้น รถยังไม่ทันจอดสนิทพี่ๆน้องๆชาวตุ๊กๆก็กรูเข้ามาจับจองเรียกร้องผู้โดยสารกันเป็นระยะๆ ไม่ได้ยินแบบนี้มานานแล้วค่ะ มานั่งอยู่ที่ บขส ก็มีอะไรให้ได้ยิ้มตลอดจริงๆ  (ภาพถ่ายจากมือถือ) จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:45:08

ความคิดเห็นที่ 27 เคลียร์ผู้โดยสารและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆลงจากรถแล้ว คนขับก็ยังไม่ยอมให้เราขึ้นรถนะคะ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถออกจาก บขส. อุดร 11 โมงกว่าเลยทีเดียว สภาพภายนอกรถโอเคเลยค่ะ ส่วนสภาพด้านในรถก็โทรมเล็กน้อย บนรถไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เบาะเก่าแล้ว อิอิ.... ส่วนหน้าต่างเวลารถวิ่งจะมีเสียงสั่นแก๊กๆๆๆๆ ตลอดเส้นทาง  แต่เสียงดังแก๊กๆๆๆๆ ก็ไม่อาจทำลายสมาธิในการนอนหลับของเราได้ค่ะ เราสองคนหลับมาตอนทางใช้เวลาวิ่งจาก อุดร มาที่ด่านหนองคายประมาณ 1 ชั่วโมง จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:46:01

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อถึงด่าน รถจะจอดให้ผู้โดยสารลงไปทำการประทับตราที่เจ้าหน้าที่ค่ะ  คนทีทำบัตรผ่านแดนเดินผ่านได้เลยนะคะ ไม่ต้องรอประทับตราเหมือนคนที่พกพาสปอร์ตไป ตอนนี้แหละที่เราเริ่มจะงงๆกันแล้ว เพราะอย่างที่ได้แจ้งไปเบื้องต้นว่าคนขับรถของฝั่งลาวไม่ได้เอาใบขาเข้า-ขาออกมาแจกบนรถเลย เป็นเหตุทำให้เราต้องมาเอาใบเอกสารที่นี่ ที่สำคัญที่สุด.... เอกสารมันวางอยู่ตรงไหนนะ มองหาไม่เห็นเลย โชคดีทริปนี้เจอพี่ชายใจดีคนหนึ่ง คอยบอกเราตลอดตั้งแต่เรื่องซื้อตั๋ว เพราะเราเห็นป้ายติดไว้ว่าตั๋ว 1 ใบต่อพาสปอร์ต 1 คน เราก็เรียกโอ๋ให้มาต่อแถวเพื่อซื้อตั๋วเองเพราะเกรงว่าคนขายตั๋วจะไม่ยอมให้ซื้อแทนกัน พี่ชายท่านนี้บอกว่า เรื่องนี้มันแล้วแต่คนขายเลย บางคนก็ให้ซื้แทนกันได้ บางคนก็ไม่ยอม โชคดีที่พี่คนขายตั๋วโอเคค่ะ พอเราโชว์พาสปอร์ตให้ดุ 2 เล่มแกก็จัดตั๋ว 2 ใบเลย โดยไม่ได้เรียกให้อีกคนมาโชว์ตัวแต่อย่างใด เมื่อมาถึงด่านก็เช่นกันค่ะ เราสองคนก็มองหาว่าไอ้เอกสารเนี่ย มันวางอยู่ตรงไหน พี่ชายแกก็ตะโกนกวักมือมาแต่ไกล บอกให้เดินลัดแถวเข้ามาขอที่เจ้าหน้าที่ในตู้ได้เลย เรายังคงเก้ๆกังๆเพราะเกรงว่าคนอื่นจะคิดว่าเราลัดคิว แกบอกว่า “เดินมาเลยไม่เป็นไร แค่มาเอาเอกสารไปกรอกเท่านั้น”  เราจึงเดินเบียดเสียดคนอื่นเข้าไปเอาเอกสารใบผ่านเข้า-ออก จากเจ้าหน้าที่ได้สำเร็จ พร้อมกับขอบคุณในความใจดีของพี่แกไปหลายยก “ขอบคุณมากๆค่ะพี่” แกไม่ได้พูดไรได้แต่ยิ้มตอบ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:46:25

ความคิดเห็นที่ 29 กรอกเอกสารเสร็จก็เข้าแถวรอตรวจเอกสารค่ะ จริงๆก็ไม่เข้าใจ ตม. เหมือนกันค่ะว่าทำไมไม่เอาเอกสารวางไว้ด้านนอก หรือไม่ก็ให้เจ้าหน้าที่คอยแจกอยู่ที่ด่าน เนื่องจากการเดินเข้าไปขอที่ช่องตรวจเอกสารนั้นมันไม่สะดวกเลยจริงๆ หรือว่าเราไปช่วง ส-อ เลยไม่มีเจ้าหน้าที่ยืนแจก อืม.... จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:46:47

ความคิดเห็นที่ 30 มุดเข้าไปขอเอกสารจากเจ้าหน้าที่ในช่องตรวจ Passport ได้เลยนะคะ ไม่งั้นไม่ได้ออกประเทศแน่ๆค่ะ การเดินทางผ่านจุดตรวจสะพานมิตรภาพ 1.ใช้หนังสือเดินทางและวีซ่า สำหรับคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถใช้หนังสือเดินทางไทยตรวจลงตราได้ที่ด่านสากลทุกแห่งในลาว โดยอยู่ในลาวได้ถึง 30 วัน 2.ใช้บัตรผ่านแดน โดยสามารถทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวเข้าไปเที่ยวยังลาวได้  โดยสามารถอยู่ได้ 3 วัน 2 คืน สามารถทำบัตรผ่านแดนได้ที่ด่านโดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน เข้าด่านไหนต้องออกยังด่านนั้น และไม่สามารถข้ามไปยังเขตอื่นได้เช่น ถ้าไปเวียงจันทน์ โดยออกด่านหนองคายต้องอยู่ในเวียงจันทน์เท่านั้น ห้ามไปวังเวียง หรือหลวงพระบาง และขากลับต้องมาทำการผ่านแดนที่หนองคายเท่านั้น ช่วงระหว่างเข้าออกในด่านไทยกับด่านลาว ไมค่อยได้ถ่ายรูปเก็บข้อมูลมาฝากเลยค่ะ เนื่องจากวิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างรถกับด่าน ในส่วนของด่านไทยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรค่ะ ผ่านตรงจุดตรวจพาสปอร์ตมาก็เดินมารอขึ้นรถได้เลย แต่ในส่วนของฝั่งลาวนั้นยุ่งสุดๆค่ะ เราไปวันเสาร์คนก็ค่อนข้างเยอะอยู่แล้วด้วย พอถึงด่านก็ต้องวิ่งหน้าตั้งไปเอาใบขาเข้า-ขาออกจากเจ้าหน้าที่เหมือนเดิม มายืนกรอกๆๆๆๆๆ หลังจากผ่านตรงจุดนี้แล้วก็ต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินอีกที วันนี้โดนค่าล่วงเวลาด้วย หลังจากนั้นก็ผ่าน ตม. ของลาว คือจะมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเพียง 1 คน คอยตรวจพาสปอร์ตแล้วก็ตรวจว่าเราได้จ่ายค่าล่วงเวลาหรือป่าว หลังจากนั้นก็วิ่งขึ้นรถเหมือนเดิม  เป็นอะไรที่ยุ่งยากจริงๆ..... ออกจากด่านฝั่งลาวมาก็ได้เวลาเดินทางเข้าเวียงจันทน์แล้วค่ะ รถของเราจะไปจอดที่สถานีขนส่งซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดเช้าของเวียงจันทน์นะคะ  เหมือนเดิมค่ะ พอลงจากรถปุ๊บบรรดาสารถีต่างออกมาต้อนรับเราสองคนกันอย่างเนืองแน่น และก็ปฎิเสธไปเหมือนเดิมอย่างนุ่มนวลค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:47:12

ความคิดเห็นที่ 31 ออกจากสถานีขนส่งเราเดินข้ามถนนเข้ามาด้านในตัวห้างที่อยู่ตรงข้ามเพื่อแลกเงินกีบค่ะ  ที่แลกเงินอยู่ชั้น 1 มองหาได้ง่ายค่ะ ค่าเงินวันที่ 1 บาทอยู่ที่ 253 กีบ rate โอเคอยู่ค่ะ เราแลกเงินมาทั้งหมด 2500 บาท อยู่แค่ 2 วัน 1 คืน ก็เลยแลกมาเท่านี้ค่ะ คิดว่าคงไม่ได้ได้ใช้อะไรมากมาย แลกเงินเสร็จเดินออกมาด้านข้างของตัวตึก มีตุ๊กๆเรียกให้ใช้บริการตลอด “เอื้อย ตุ๊กๆบ่อ” เสียงดังมาแต่ไกลเลย “ไปมะล้ำพุเท่าได” เราถามกลับ “30000 กีบ” คนขับรถหรือนายหน้าก็ไม่รู้ค่ะ ตอบกลับมา “โหย แพงหลาย” เราตอบพร้อมกับเอามือกดเครื่องคิดเลข คำนวณคร่าวๆที่ 250 กีบ ต่อ 1 บาท เฮ๊ยยย มันกะฟันหัวแบะเลยรึไงฟระเนี่ย ราคาที่โดนเรียก 120 บาทเชียวค่ะ “30000 กีบ แพงหลายเน่ออ้าย บ่อเอาดอกตั้ง 120 บาทไทย” เราโบกไม้โบกมือ มันยังไม่หยุดค่ะ “งั้น 100 บาท”  “งั้น 80 บาท” เราบอกไปว่า “ เพื่อนเคยมา 60 บาทเท่านี้แหละ ไปมะลิน้ำพุ” หลังจากนั้นเราทำท่าจะเดินไปหาเจ้าอื่น ก็มีเสียงลุงแก่ตะโกนมา “60 บาทก่อไปละเอื้อยมาเลยๆๆ”  เรามองหน้ากันเอาไงดีวะ ไปหรือไม่ไปดี สุดท้ายก็ไปกะตาลุงจนได้ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:47:40

ความคิดเห็นที่ 32 หลังจากตัดสินใจไปกะตาลุงในราคา 60 บาท แต่สมองเจ้ากรรมดันนึกได้ว่ามีรีวิวของนักรีวิวท่านนึงบอกว่า 60 บาทสำหรับไปมะลิน้ำพุก็ยังแพงอยู่ดี ยังไม่พอเพียงเท่านั้นค่ะ เสียงแจ้วๆของพี่ๆตุ๊กๆวินหน้าสถานีขนส่งก็ดังมาว่า “ไปหาที่พักบ่อเอื้อย คนละ 20 บาท” ป๊าดดดดดด... งานนี้โดนฟันอีกแล้วค่ะท่าน โอยยยยยยย เมืองเวียงจันทน์ยามนี้ มันไม่โสภาสถาพรอย่างวันวานเลยเนอะ เฮ้ออออออ... อีตาลุงขับรถอ้อมไปตรงธาตุดำทำให้มันดูไกลสมราคา 60 บาท 555++  ยังไม่พอเพียงเท่านั้น พอถึงซอยมะลิน้ำพุ ยังเจือกขับรถเลยอีกค่ะ เราต้องตะโกนออกไปว่า “ลุง ขับเลยแล้วเนี่ย ไม่รู้จักก็ไม่บอกจะได้ไม่ต้องมาด้วย” ฮึ่ยๆๆๆ โมโหไม่หาย แกกะจะวนอีกรอบรึไงนะ เอาให้มันคุ้มกับราคา 60 บาทเลยมั๊ยลุง แหมๆๆๆ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:48:01

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆแล้วความตั้งใจตั้งแต่แรกของเราก็คือจะมาพักที่มะลินี่แหละค่ะ แต่ I new hotel ก็น่าพัก ด้วยความที่มีการปรับปรุงสภาพห้องพักใหม่ๆ และพรประเสิรฐราคาก็น่าคบหาแค่ 600 บาทเอง เราจึงตัดสินใจดูที่พักที่พรประเสิรฐก่อนเป็นที่แรก “สบายดี” เจ้าของยิ้มพร้อมกับทักทาย “มีห้องว่างบ่อ ราคาเท่าได” เราสอบถามไปด้วยสำเนียงเหนือๆ เจ้าของยิ้มตอบ “ราคา 600 บาท เอากุญแจขึ้นไปดูห้องได้เลย ห้องบ่อได้ปิดดอกเอื้อย” เรารับกุญแจจากเจ้าของมาพร้อมขึ้นไปดูห้อง 301 ซึ่งอยู่ติดถนนเลยค่ะ มีระเบียงอยู่หน้าห้องด้วย “ขอบใจ๋เด้อ” เรายิ้มตอบ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:48:35

ความคิดเห็นที่ 34 เดินขึ้นมาช้น 3 เลี้ยวซ้ายไปทางระเบียง เดี๋ยวไปดูห้องพักของพรประเสิรฐกันค่ะว่าจะมีสภาพเป็นยังไงบ้าง จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:48:55

ความคิดเห็นที่ 35 สภาพห้องโอเคนะคะ สะอาดแต่ตัวห้องดูเก่าไปหน่อย ที่สำคัญห้องน้ำแคบมากๆ เรามองหน้ากันตกลงเป็นอันว่าไม่พักที่นี่ค่ะ “เอาไงอะ” เราถามโอ๋ “แล้วแต่เลยค่ะ” ดูมันตอบ “เฮ๊ย .. แล้วแต่อีกละ งั้นไม่เอาละกันเนอะ เค้าว่าห้องมันเก่าไปนิดนึง แต่เดี๋ยวอย่าเพิ่งลงไปนะ เค้าขอถ่ายรูปเอาไปแชร์ข้อมูลก่อน” จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:49:16

ความคิดเห็นที่ 36 ตู้เสื้อผ้าในห้องพักค่ะ ทุกอย่างดีมากแต่ดูที่วางทีวีเหอะค่ะ อยู่บนตู้เสื้อผ้านู่นนนนนน... แบบนี้คงได้นอนดูแบบแหงนคอกันเลยทีเดียว 5555++ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:50:21

ความคิดเห็นที่ 37 ระเบียงด้านที่อยู่ด้านหน้าห้องพัก วิวใช้ได้เลยค่ะ ออกมาจิบอะไรชิวๆยามค่ำคืนได้เลย  รวมๆแล้วที่พักโอเคนะคะ แต่สำหรับเราสองคนขอนอนแบบดีๆหน่อยละกันค่ะ หลังจากนั้นก็มาดูห้องที่ I new hotel ต่อ มีราคา 750 950 1200 ซี่งเรามีโอกาสเข้าไปดูห้องราคา 750 กะ 950 ค่ะ  ห้องทั้งสองราคาไม่มีหน้าต่างเลย ห้อง 750 บาทเล็กมากๆ เดินชนกันได้เลยนะ ห้องน้ำเล็กกว่าที่พรประเสริฐอีก ดีที่ว่าห้องใหม่ทุกอย่างใหม่เท่านั้นเอง ส่วนห้องราคา 950 บาท มีพื้นที่ใหญ่กว่าค่ะ ดูดีกว่าเยอะทีเดียว ส่วนเรื่องของห้องน้ำก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่ต่างจากห้องราคา 750 บาท เราต่อราคากับพนักงานเขาบอกว่าถ้านอนคืนเดียวลดไม่ได้หรอก ดังนั้นก็เป็นอันว่าผ่านนะคะ ไปดูเป้าหมายอันแรกของเรากันเลยดีกว่าค่ะ มะลิน้ำพุ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:52:19

ความคิดเห็นที่ 38 สุดท้ายเราเลือกพักที่นี่ด้วยอะไรหลายๆอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอัธยาศัยของพนักงานและก็บรรยากาศโดยรวม ซึ่งจะมาให้รายละเอียดอีกทีในรีวิวหน้าละกันค่ะ  เราพักห้องพักในตึกใหม่ซึ่มีราคา 280,000 กีบ หลังจากเก็บข้าวของในห้องเรียบร้อยแล้วก็ออกมาหาอะไรรองท้องกันก่อนค่ะ เพราะเวลานี้ก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:52:39

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนที่นั่งรถตุ๊กมามะลิ เราแอบชำเลืองเห็นร้านเฝอร้านหนึ่ง คนเยอะมากๆค่ะ ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะลองไปกินที่ร้านนี้ดู เลยสอบถามจากพนักงานก็ได้ความว่า ร้านชื่อ ร้านเฝอแซ่ป “เอื้อยๆ ร้านเฝอที่อยู่ตรงฝั่งโน้นแซ่ปบ่อ” เราถามแบบมั่วๆ 555+ “แซ่ปหลาย เจ้าลองไปกินดูได้เลย คนกินหลายอยู่นะ” พนักงานตอบ ออกจากมะลิน้ำพุก็เลี้ยวขวาเลยค่ะ หลังจากนั้นข้ามสี่แยกแรก แล้วไปเลี้ยวขวาที่สี่แยกที่สอง แค่นี้ก็ถืงร้านเฝอแซ่ปแล้วจ้า จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:52:59

ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนถึงร้านเฝอจะมีร้านกาแฟและร้านสเต๊กร้านนี้ตั้งอยู่ เห็นมีฝรั่งนั่งทานอยู่ด้านใน ร้านทำน่ารักดีค่ะ ไม่รู้รสชาดอาหารจะเป็นยังไงบ้าง  เวียงจันทน์เปลี่ยนไปเยอะค่ะ มีร้านอาหารแบบนี้ค่อนข้างเยอะทีเดียว จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:53:18

ความคิดเห็นที่ 41 ที่ลาวเค้าอยู่กันแบบเรียบง่ายจริงๆค่ะ อย่างร้านเฝอแซ่ปร้านนี้ โซนล้างจาน กะทะ กะลามังอยู่ด้านหน้ร้านเฉยเลย ตอนแรกที่เดินมาคิดว่าร้านปิดแล้ว เกือบเดินกลับแล้วค่ะ แต่เห็มีคนเดินเข้าออกจากร้านเลยเดินมาดู ก็ปรากฎว่าร้านยังเปิดขายปกติ เออ... ก็แปลกดีเหมือนกัน จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:53:40

ความคิดเห็นที่ 42 เราสองคนเดินเก้ๆกังๆเข้ามานั่งด้านใน สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เราเหมือนรู้ว่าเราไม่ใช่คนลาว  เราหันไปมองรอบๆ “เอาไงดีอะ จะกินเฝออะไรดี น่าจะมีทั้งเนื้อ ทั้งหมูนะ” เราบอกโอ๋ “อะไรก็ได้ เค้ากินได้หมด” มามุขเดิมอีกแล้ว อะไรก็ได้ เรายกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์  “เอื้อยๆ สั่งของหน่อย ขอเฝอเนื้อถ้วยใหญ่ 2” เราพูดพร้อมกับทำไม้ทำมือชู 2 นิ้ว “รับน้ำอะหยังดีเอื้อย” เราถูกถามต่อ “ขอน้ำขวดเขียว กับชาเย็นบ่อหวานละกั๋นเอื้อย” เราตอบ พร้อมกับส่งยิ้ม จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:53:59

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่ถึง 1 นาทีเฝอเนื้อที่เราสั่งไปก็วางอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ น้ำซุปหอมมากขนาดยังไม่ได้กินยังได้กลิ่นแตะจมูกเต็มๆ เฝอถูกยกมาพร้อมกับน้ำจิ้มในถ้วยเล็ก หน้าตาเหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะบ้านเราค่ะ พอลองชิมรสชาดยิ่งคล้ายมากๆ ออกหวานๆมันๆ หอมถั่วลิสง ... กินเฝอต้องกินกะผักสดด้วย ผัดสนในจานประกอบไปด้วยผักกาดขาว สะระแหน่ ผักพื้นบ้านอีก 2-3 ชนิด แล้วก็มีถั่วฝักยาว จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:54:19

ความคิดเห็นที่ 44 เฝอถ้วยใหญ่ราคา 17,000 กีบ ถ้วยใหญ่มากๆ  ถ้วยใหญ่ไม่พอถ้วยยังเป็นทรงลึกอีกค่ะ แบบว่าเราคิดผิดหรือป่าวที่สั่งถ้วยใหญ่มากิน  เครื่องปรุงของคนลาวนะคะเขาจะใช้ของไทยหมดเลยค่ะ น้ำปลาจะต้องเป็นน้ำปลาตราปลาหมึก ซอสเป็นซอสภูเขาทอง เรียกได้ว่าช่วยพี่ไทยกันเต็มตัวเลยทีเดียว  และอย่าแปลกใจหากไปนั่งกินเฝอแล้วเห็นกระปุกกะปิวางอยู่ เจ้ากะปินี่แหละค่ะกินกับถั่วฝักยาวสดๆ อร่อยใช่เล่นเลยทีเดียว ขนาดโอ๋ไม่ค่อยชอบกินอะไรแบบนี้ ยังเอาถั่วจิ้มกะปิกินเลย  หากมากินเฝอแล้วไม่ควรพลาดที่จะลองจิ้มนะคะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:54:38

ความคิดเห็นที่ 45 บางคนมาลาวแล้วบอกว่าอาหารการกินที่ลาวแพงมาก อยากบอกว่าเป็นปกติของคนที่นี่นะคะ เขาไม่ได้ charge ราคาเราอย่างที่เราทำกับนักท่องเที่ยวต่างชาติค่ะ ป้ายราคาขึ้นไว้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคนลาว คนต่างชาติ ก็กินอาหารในราคาเดียวกัน จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:55:03

ความคิดเห็นที่ 46 กินเฝอเสร็จ เราจ่ายค่าเสียหายไป 61,000 กีบ รวมค่าน้ำเขียวกับชาเย็นเรียบร้อย ...  หลังจากนี้มีนัดเดินเที่ยวกันเล็กน้อยค่ะ หอพระแก้ว และ พิพิธภัณฑ์สีสะเกด คือเป้าหมาย จริงๆตั้งเป้าไว้ว่าจะไปวัดสีเมืองด้วย แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบถ่ายรูป เลยใช้เวลาค่อนข้างนานในการอยู่แต่ละที่ ทำให้ครั้งนี้อดไปวัดสีเมืองเป็นครั้งที่ 3   เราเดินย้อนกลับมาทางเดิมค่ะ เดินผ่านหน้ามะลิน้ำพุตรงไปยังวงเวียนน้ำพุซึ่งวันนี้วงเวียนปิดปรับปรุงเตรียมทำเป็นศูนย์การค้าเล็กๆรอบๆน้ำพุด้วยล่ะ  ระหว่างทางก็แวะถ่ายไปเรื่อยเปื่อย จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:55:25

ความคิดเห็นที่ 47 เที่ยวเก่งมากๆเลยค่า ตามไปด้วย จากคุณ : P r i m t a a เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:55:26

ความคิดเห็นที่ 48 เรากางแผนที่ที่ได้มาจากมะลิน้ำพุ แล้วเดินตามเส้นทางที่ได้ระบุไว้ งานนี้มีแค่เดิน เดิน เดิน และเดินค่ะ ไม่ขอพึ่งเจ้าตุ๊กๆพวกนี้แน่นอน เพราะโดนเอาเปรียบมาแล้ว ก่อนออกไปกินเฝอเราเล่าเรื่องที่โดนตุ๊กๆเรียก 120 บาทให้พนักงานฟัง พนักงานถึงกับอึ้ง แล้วบอกว่าจริงๆจากสถานีขนส่งเดินมาที่พักไม่ไกลเลย .... ดังนั้นจึงสอบถามไปอีกว่าหากจะเหมาเที่ยวหอพระแก้ว วัดสีสะเกด วัดสีเมือง ประตูชัย ธาตุหลวง ควรจะอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ เขาบอกว่าไม่ควรเกิน 400 บาท  แต่เชื่อมั๊ย ยืนคุยกับคนขับตุ๊กๆว่าจะไปเที่ยวตามรายการที่แจ้งมาเนี่ย มันคิด 700 บาท โอววววววววววว แม่เจ้า... จะฟันหัวแบะเลยรึไงนะ เอาค่ะ งานนี้พึ่งสองเท้าของเราเองดีที่สุด เพราะดูๆแล้วสถานที่แต่ละที่ก็ไม่ได้ไกลเกินขาจะไปถึง อิอิ ******************************** P r i m t a a  อยู่ด้วยกันต่อนะคะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:56:11

ความคิดเห็นที่ 49 ตามมาเที่ยวด้วยครับ ^^ จากคุณ : Pluggim เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:56:13

ความคิดเห็นที่ 50 เดินมาแป๊บเดียวผ่านมาถึง หอคำ แล้ว หอคำเป็นอาคารรูปทรงสวย จำลองแบบมาจากพระราชวังแวร์ซาย แห่งกรุงปารีส แต่เดิมเป็นพระราชวังที่ประทับของสมเด็จเจ้ามหาชีวิตของลาว หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองมีการใช้เป็นทำเนียบของประธานประเทศ ปัจจุบันใช้เป็นที่พักรับรองอาคันตุกะของประเทศ “เหนื่อยหรือป่าว” เราหันไปถามโอ๋ซึ่งเดินตามหลัง “ไม่เหนื่อยหรอก เดินเที่ยวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” โอ๋ตอบพลางยิ้มให้ “อื้อ... ถือว่าเดินออกกำลังกายไปในตัวเนอะ” เรายิ้ม ***************************************** Pluggim  ยินดีค่ะน้า จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:57:03

ความคิดเห็นที่ 51 เดินมาอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้วหอพระแก้ว  วันนี้คนค่อนข้างเยอะเหมือนกันแฮะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:57:38

ความคิดเห็นที่ 52 ก่อนเข้าไปเยี่ยมชมด้าน อย่าลืมจ่ายค่า “ปี้” กันก่อนนะจ๊ะ ราคา 5000กีบ “เสียค่าปี้ก่อนเบิ่ง” เสียงเจ้าหน้าที่แจ้งบอกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอื่นๆ เราเดินมาจ่ายเงินที่เจ้าหน้าที่พร้อมกับส่งยิ้มให้ รับตั๋วมาแล้วก็หย่อนลงไปในกระเป๋ากางเกง  หลังจากนั้นเดินชมความงดงามของหอพระแก้ว  มากี่ทีๆที่นี่ก็ยังคงความสวยงามได้ไม่เปลี่ยนเลยค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:57:58

ความคิดเห็นที่ 53 หอพระแก้ว คือสถานที่เคยประดิษฐาน พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ตั้งอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน เพราะพระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันได้รับการอัญเชิญลงมาประทับที่กรุงเทพมหานครในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นผู้อัญเชิญ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:58:19

ความคิดเห็นที่ 54 แต่เดิมหอพระแก้วนั้นเคยเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ของลาว พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2108 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากนครเชียงใหม่ อาณาจักรล้านนา เมื่อต้องเสด็จกลับมาครองราชบัลลังก์ล้านช้างหลังจากที่พระราชบิดาคือพระเจ้าโพธิสารสิ้นพระชนม์ลงในการทำศึกสงครามกับประเทศสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2322 นครเวียงจันทน์ถูกกองทัพสยามตีแตก กองทัพสยามได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของนครเวียงจันทน์ไป พร้อมทั้งกวาดต้อนราชวงศ์ชาวลาวกลับไปยังกรุงเทพฯมากมาย จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:58:46

ความคิดเห็นที่ 55 สำหรับหอพระแก้วที่นักท่องเที่ยวเห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นของที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2480 - 2483 ภายใต้การควบคุมดูแลการก่อสร้างของ เจ้าสุวรรณภูมา ผู้ที่จบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์จากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และต่อมายังได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังจากได้รับเอกราชอีกด้วย แม้หอพระแก้วปัจจุบันจะไม่ใช่วัดอีกต่อไป แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังนครเวียงจันทน์ก็ยังเดินทางมาสักการะบูชากันเป็นจำนวนมาก สำหรับส่วนในของพิพิธภัณฑ์นั้น จัดแสดง พระแท่นบัลลังก์ปิดทองจารึกพระไตรปิฏก ภาษาขอมและกลองสำริดประจำราชวงศ์ลาว สำหรับประตูใหญ่ทั้งสองเป็นของเก่าที่หลงเหลือมาแต่เดิม บานประตูจำหลักเป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริเวณโดยรอบของหอพระแก้วเงียบสงบ ร่มเย็นมีไหขนาดกลางจากทุ่งไหหิน ในแขวงเชียงขวางวางตั้งอยู่ 1 ใบ อาณาบริเวณรอบๆ วัดสีสะเกดและหอพระแก้วเคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานปกครองของฝรั่งเศสสมัยอาณานิคมมาก่อน ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:59:35

ความคิดเห็นที่ 56 ก่อนหน้าที่เราจะเดินมาที่หอพระแก้ว ท้องฟ้าขาวโพลนมากๆเลยค่ะ น่าอัศจรรย์จริงๆ ตอนนี้ท้องฟ้าเปิดเผยให้เห็นแผ่นฟ้าสีฟ้าอยู่เบื้องหน้า “เค้าไม่ขึ้นไปนะ” โอ๋หันหน้ามาบอก “อ้าว ทำไมอะ ขึ้นไปดิ เราไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้นนะ เพราะเลยหัวเข่าอะ ขึ้นได้อยู่” เราบอกพร้อมกับจับมือโอ๋กึ่งลากขึ้นไป “ไม่เอาอะ รู้สึกไม่ดี แล้วก็ไม่อยากถอดรองเท้าด้วย” โอ๋ยังปฎิเสธต่อ “อะ งั้นก็ตามใจ อยู่ข้างล่างไปละกัน เค้าขึ้นไปข้างบนก่อน” เราพูดพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปด้านบน จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:59:58

ความคิดเห็นที่ 57 สถาปัตยกรรมของหอพระแก้วสวยมากๆค่ะ ลวดลายที่ประดับประดาอยู่บนเสา กำแพง ทำให้เรารับรู้ได้ว่าช่างตั้งใจทำเป็นอย่างยิ่ง  ด้านในห้ามถ่ายรูปนะคะ เราจึงเดินรอบๆก่อนแล้วค่อยเข้าไปไหว้พระด้านใน จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:00:17

ความคิดเห็นที่ 58 ระเบียงด้านนอกของตัวหอพระแก้วจะมีพระพุทธรูปวางอยู่โดยรอบค่ะ ซึ่งพระพุทธรูปแต่ละองค์จะนั่งอยู่ในท่าเดียวกัน  แต่พระพักต์ของแต่ละองค์จะแตกต่างกันนะคะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:00:36

ความคิดเห็นที่ 59 อย่างองค์นี้ หน้าเรียวแหลมเชียว วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาตาทีเดียวค่ะ เวียงจันทน์ยังคงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและประเทศอื่นๆ เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักประเทศลาว 4 ปีที่ไม่ได้มาเยือนเมืองลาว การกลับมาครั้งนี้มีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆ ตึกรามบ้านช่องแบบสมัยใหม่กำลังผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด  ตึกสูงใหญ่ก็กำลังก่อสร้างกันเยอะมากๆ อย่าง ตลาดเช้า mall ที่สร้างระหว่างกึ่งกลางตลาดเดิม เมื่อ 4 ปีที่แล้วยังเป็นตลาดทั้งหมดอยู่เลยค่ะ ตอนนี้ความเจริญกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาที่เวียงจันทน์แล้ว จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:00:57

ความคิดเห็นที่ 60 ด้านหลังจะมีองค์พระพุทธรูปยืนคู่กับเต่าค่ะ  หลังจากนี้เราเดินเข้าไปด้านในองค์หอพระแก้วเพื่อเข้าไปกราบไหว้องค์พระ ซึ่งด้านในจะมีของโบราณหลายอย่างหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นพระ หรือถ้วย จาน ชาม ไห ส่วนพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ด้านในขอบอกว่างดงาม งดงามมากค่ะ เราบันทึกภาพลงในความทรงจำ  มีเรื่องฮาเกิดขึ้นในหอพระแก้วด้วยนะคะ แบบว่าอายมาก 555++   ด้วยวันที่เราออกเดินย่ำต๊อกเที่ยวเวียงจันทน์ เราสองคนก็ใส่หมวกเดินกันไปเรื่อยๆค่ะ มาถึงหอพระแก้วไอ้เราเองก็เดินถ่ายรูปจนลืมบางสิ่งบางอย่างไปเลย พอเข้าไปด้านในหอพระแก้ว เรานั่งลงตรงหน้าองค์พระ พนมมือและกำลังจะก้มลงกราบ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทแต่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ “สะบายดี....เอื้อย.... ม่วง” เสียงขาดๆหายๆในห้วงสำนึก อาจจะด้วยที่เรามีสติที่จะมุ่งมั่นในการไหว้พระมากก็ได้ แต่ในใจก็คิดตามเสียงที่ได้ยิน “โหย... วัดม่วงบ้านเราดังขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ขนาดว่าคนลาวยังรู้จัก ยังกล่าวขานถึงวัดม่วงกันเลยทีเดียว”  เราพนมมมือก้มลงกราบองค์พระครบสามครั้ง เสียงนั้นเริ่มใกล้เข้ามาทุกขณะ “เอื้อย....” เราหันไปมองตามเสียง “เอื้อย ถอดหมวก”... เราตกใจรีบถอดหมวกที่อยู่บนศรีษะออกทันที พร้อมกับกล่าวออกไป “ขอบใจ๋หลายอ้าย” อ้าว แล้วตูจะขอบใจเค้าทำไมฟระเนี่ย 5555++   เดินลงมาจากหอพระแก้วก็ทบทวนเสียงเหล่านั้น เฮ่ย แสดงว่าเค้าบอกให้เราถอดหมวกตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า 555++ ไม่ได้พูดถึงวัดม่วงเลยแม้แต่นิดเดียว กร๊ากกกกกกกก... เป็นอันว่าปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มที่เวียงจันทน์ไปเรียบร้อย อิอิ เรื่องหมวกต้องยอมรับว่าลืมจริงๆค่ะ ต้องกราบขอโทษต่อองค์พระที่หอพระแก้วด้วยนะคะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:01:23

ความคิดเห็นที่ 61 ก่อนออกจากหอพระแก้ว แวะถ่ายโปสการ์ด ณ จุดขายปี้ เห็นท้องฟ้าของประตูชัยแล้ว อยากได้สีฟ้าแบบนี้บ้างจัง แต่วันนี้ฟ้าไม่เป็นใจเลยค่ะ มาหน้าฝนก็แบบนี้ต้องทำใจ T_T จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:01:58

ความคิดเห็นที่ 62 เดินข้ามถนนมาก็จะเห็นวัดสีสะเกดและพิพิธภัณฑ์สีสะเกดตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าค่ะ เป้าหมายของเราวันนี้อยู่ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ มองนาฬิกาตอนนี้เหลืออีก 30 นาทีเท่านั้นจะหมดเวลาเยี่ยมชม เราสองคนมุ่งหน้าเดินไปยังพิพิธภัณฑ์พร้อมกับซื้อตั๋วเข้าชม 2 ใบ ราคาคนละ 5000 กีบ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:02:30

ความคิดเห็นที่ 63 “ยุ่ง รีบเดินหน่อยเร็ว อีกไม่ถึง 30 นาทีเดี๋ยวที่นี่จะปิดแล้ว” เราเรียกโอ๋ พร้อมกับเร่งฝีเท้ามุ่งไปด้านหน้า “เดินไปก่อนก็ได้ ไปถ่ายรูปเหอะ เดี๋ยวเค้าเดินตามไป” เสียงโอ๋เริ่มเหนื่อยๆแล้วค่ะ เรามองหน้าโอ๋ ยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปด้านใน มากี่รอบก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนค่ะ ชอบมากๆที่เขายังคงรักษาสภาพแวดล้อมได้ดีขนาดนี้ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:03:13

ความคิดเห็นที่ 64 ภายในบริเวณหอพิพิธภัณฑ์มีกมเลียนล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ อยู่ตามฝาผนังที่ทำด้วยดินเผา ไม้ และอื่น ๆรวมทั้งหมดมี 6,840 องค์ ส่วนอยู่ด้านบนทำด้วยประทายเพชร มีจำนวน 120 องค์ แม่พิมพ์เดียวกัน พระพุทธรูป รวมทั้งหมด ทั้งองค์ใหญ่และเล็กรวมทั้งสิ้น 10,136 องค์ ซึ่งประชาชน ได้พร้อมใจ กันหล่อนำมาถวาย พระพุทธรูปจำนวนมากมายเหล่านี้หมายถึงศิษยานุศิษย์สาวกของพระพุทธเจ้า ตามพุทธประวัติได้กล่าวไว้ว่า เวลาพระองค์เสด็จไปแห่งหนใดสาวก และบริวาร ต้องติดตาม เพื่อรับฟังคำโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์มิได้ขาด จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:07:39

ความคิดเห็นที่ 65 กมเลียนที่ล้อมรอบหอพิพิธภัณฑ์จะมีองค์พระประดิษฐานอยู่พร้อมกับมีพระองค์เล็กๆอยู่เรียงรายแบบนี้ทั้งหมด 4 ด้านเลย  รู้สึกได้ว่ามีความปราณีตและเอาใจใส่มากๆ เราเดินถ่ายรูปและยืนดูองค์พระองค์เล็กๆที่อยู่ในช่องกำแพง ปล่อยความรู้สึกให้ลอยผ่านไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็นึกขึ้นได้ว่าเราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเพราะใกล้จะหมดเวลาในการเช้าชมแล้ว จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:08:08

ความคิดเห็นที่ 66 ภาพนี้จะสังเกตุได้ว่าเมฆเยอะมากๆ แต่โชคดีที่ตรงหลังคาโบสถ์ยังเผยให้เห็นท้องฟ้านิดนึง อิอิ “ตัวไม่ต้องรอเค้านะ เดินถ่ายรูปได้เลย เค้าอยู่แถวนี้แหละ” โอ๋บอก “อ้าว ไม่ขึ้นไปไหว้พระด้านบนกันเหรอ มาเวียงจันทน์ 2 ครั้งแรกไม่เคยได้ขึ้นเลยนะ เพราะเค้าไม่เปิด วันนี้เค้าเห็นประตูเปิดแล้วน่าจะขึ้นไปซักหน่อย” เราบอกโอ๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่เอาอะ ใส่กางเกงขาสั้นมา” โอ๋ย้ำเจตนา “เอ่อม... มันสั้นตรงไหนนะ ไม่ได้อุจาดตาซักหน่อย” เราบอกพร้อมกับเบือนหน้าหนีด้วยความเซ็ง จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:08:31

ความคิดเห็นที่ 67 ตามมาอัพเดตเวียงจันทน์ด้วยค่ะ จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:08:40

ความคิดเห็นที่ 68 เดินลัดเลาะมาก็จะเจอกับองค์พระเป็นสิบๆองค์ที่ตั้งอยู่ด้านใน โดยส่วนใหญ่องค์พระจะไม่มีเศียรเลย มีภาษาลาวเขียวอธิบายไว้ แต่อ่านไม่ออกค่ะ แหะๆๆ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:08:56

ความคิดเห็นที่ 69 ดูในมุมกว้างองค์พระวางเรียงรายแบบนี้ค่ะ แม้ว่าจะไม่มีเศียรแล้ว ก็ยังคงถูกวางเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:09:13

ความคิดเห็นที่ 70 เราเดินวนหอพิธภัณฑ์ไปเรื่อยๆ เก็บบรรยากาศดีๆแบบนี้ไว้ค่ะ วันอากาศอบอ้าว คาดว่าเย็นนี้ฝนคงตกแน่ๆ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:09:29

ความคิดเห็นที่ 71 ตามเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : net อนุชิต เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:09:43

ความคิดเห็นที่ 72 “นี่ ตกลงจะไม่ขึ้นไปไหว้พระด้วยกันจริงๆเหรอ” เรายังยิงคำถามใส่โอ๋ต่อ “ไม่ขึ้นจริงๆ ตัวเองขึ้นไปเหอะ เดี๋ยวเค้ารอข้างล่างนะ” โอ๋ตอบพร้อมกับยิ้มให้ “งั้นตามใจละกันนะ เค้าขึ้นไปแป๊บนึงเดี๋ยวก็ลงมาละ” เราตอบพร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตายแล้ว..... เหลือเวลาอีก 10 นาทีเท่านั้น ที่นี่จะปิดให้เข้าชมแล้วค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:09:55

ความคิดเห็นที่ 73 เราไม่รีรอที่จะก้าวขึ้นไปด้านบนเพื่อกราบองค์พระที่อยู่ด้านใน  ถอดรองเท้าเสร็จเราค่อยบรรจงเดินเข้าไปด้านในต้องตะลึงเมื่อพบกับองค์พระที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า และตะลึงซ้ำสองเมื่อเห็นพระองค์เล็กแบบกมเลียนข้างนอกเต็มผนังทั้งสี่ด้าน เป็นภาพที่สวยงามมากๆค่ะ เสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปมาได้ ก้มลงกราบองค์พระและนั่งมองทั่วๆ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ รู้แต่ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ สวยและมีความขลังในตัวของมันเอง.... ยังไม่ทันจะซึมซับความรู้สึกอย่างเต็มที่ เจ้าหน้าที่เริ่มปิดหน้าต่างไล่เราแล้วค่ะ ไอ้เราก็มองหน้า “จะรีบปิดทำไมฟระเนี่ย” ยังไม่ 4 โมงเย็นเลย  แต่คงจะทนนั่งอยู่ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะพี่แกไล่ปิดทุกบานไม่เว้นแม้แต่บานที่อยู่ใกล้เราที่สุด เราแหงนหน้ามองแล้วลุกออกจาตัวหอพิพิธภัณฑ์ ยังไม่ทันจะก้าวลงจากบันได พี่แกปิดประตูปัง “เฮ๊ย... มันจะมากไปแล้วว่ะ” เราคิดในใจ “อะไรกันนักหนาวะ ยังไม่ 4โมงเลย เหลืออีกตั้ง 5 นาที”  บ่นในใจเสร็จแล้วก็เดินลงมาด้านล่าง มองหาโอ๋ แต่หาไม่เจอ สงสัยจะรออยู่ข้างนอกแน่ๆ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:10:25

ความคิดเห็นที่ 74 หลังพ้นประตูทางเข้าไปแค่นิดเดียวค่ะ เจ้าหน้าที่ปิดประตูไล่หลังกันเลยทีเดียว แหมๆๆๆ อะไรจะขนาดนั้นอยากกลับบ้านแล้วรึลูกพี่ ฮ่วย.... “ออกมานั่งตรงนี้นี่เอง เค้านึกว่าอยู่ไหน” เรายิ้ม “อือ หิวน้ำอะเลยออกมาซื้อน้ำกิน” โอ๋พูดพร้อมกับยื่นน้ำให้ดื่ม เรารับน้ำและจิบเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปาก “หิวหรือยังเนี่ย” ถามโอ๋ “ยังไม่หิวเลย เฝอเต็มท้องเลยอะ 5555+”  โอ๋หัวเราะ “เค้าก็เหมือนกัน 5555+” จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:10:49

ความคิดเห็นที่ 75 นั่งตามอ่านแล้วนึกถึว ความวุ่นวายที่  บขส.อุดร  เพิ่งไปมาเมื่อเดือนที่แล้ว   เป็นตรั้งแรก ที่ไปอุดร  และครั้งที่ 2 ที่ไป  ภาคอีกสาน  จะลงรถแต่ละที่ยากลำบากมาก อิอิ จากคุณ : net อนุชิต เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:15:36

ความคิดเห็นที่ 76 ตามไปเที่ยวเวียงจันทร์ด้วยครับ จากคุณ : karn.cop 1 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:18:50

ความคิดเห็นที่ 77 ไปเที่ยวด้วยคนครับ ^^ จากคุณ : ออร์-ฟิ-อุส_orpheus เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:38:27

ความคิดเห็นที่ 78 คุยกันเป็นที่เรียบร้อยค่ะ ตกลงกันไว้ว่าจะไปอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ก่อนแล้วค่อยไปนั่งกินน้ำเย็นๆที่โจมาแล้วเดินไปริมโขงยามเย็น ซึ่งคงฆ่าเวลากันที่ร้านโจมานี่แหละค่ะ อิอิ  กว่าริมโขงจะตั้งร้านขายของก็น่าจะเย็นแล้ว ****************************** Memories pink ยินดีค่ะ net อนุชิต  ใช่ค่ะวุ่นวายดี แต่ก็เป็นวิถีชีวิตที่เราไ่ม่ได้พบบ่อยกัน อิอิ karn.cop 1 ตามมาเลยค่ะน้า ออร์-ฟิ-อุส_orpheus  อยู่ด้่วยกันจนจบเลยนะคะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 17:59:02

ความคิดเห็นที่ 79 ก่อนออกเดินทางอีกครั้งถ่ายรูปเจ้านี่ไว้ค่ะ เป็นความร่วมมือในการสร้างถนนระหว่างลาวและญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2007 นู่นนนนน... จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:00:11

ความคิดเห็นที่ 80 เดินข้ามถนนมาฝั่งหอคำ เดินเลยหอคำมาจะมีซอยอยู่ด้านข้างค่ะ ให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ด้านหน้าจะเป็นถนนเลียบแม่น้ำโขง ซึ่ง 4 ปีก่อนโน้น ถนนตรงนี้ยังมีร้านรวงให้เราได้นั่งทานอาหารแล้วมองไปฝั่งไทยกันอยู่เลย วันนี้ร้านรวงถูกย้ายไปแล้ว เหลือไว้เพียงสวนสาธารณะและกำแพงคอนกรีตที่ทางลาวสร้างขึ้นมาริมฝั่งโขง ยาวสุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว เราสองคนเดินมาถึงสวนสาธารณะริมโขงกันแล้ว โอ๋เริ่มมีอาการเมื่อยให้เห็น เราจึงบอกให้โอ่นั่งรอที่สนามหญ้าก่อน ส่วนเราขอตัวไปถ่ายรูปอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ต่อ  ... มีชาวลาวหลายคนมากราบไหว้ที่อนุสาวรีย์เยอะทีเดียว มีตากล้องรับจ้างถ่ายรูปให้ด้วย ถ่ายแล้วเอามาปริ้นท์รอรับได้เลย   ประวัติเจ้าอนุวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์พระองค์ที่ 5 และเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้าย นักประวัติศาสตร์ลาวขนานนามพระองค์อีกอย่างหนึ่งว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 แต่นักประวัติศาสตร์บางท่านตรวจสอบพระนามจากจารึกต่างๆ แล้วได้นับพระองค์เป็นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 เนื่องจากพระเจ้าสิริบุญสารผู้เป็นพระราชบิดา และเจ้าอินทวงศ์ผู้เป็นพระเชษฐาธิราชได้ออกพระนามของพระองค์ว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ด้วยเช่นกัน จึงนับเป็นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 และที่ 4 ตามลำดับ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:00:54

ความคิดเห็นที่ 81 เราใช้เวลาอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประมาณ 15 นาที มองไปเบื้องหน้ายังฝั่งแผ่นดินไทย แม่น้ำโขงยามนี้แห้งแล้งเหลือเกิน ทั้งๆที่เป็นหน้าฝนแท้ๆ คงเป็นเพราะการสร้างเขื่อนที่แผ่นดินจีน กักเก็บน้ำไว้ไม่ปล่อยให้น้ำไหลตามปกติ คนเราสมัยนี้ทำไมเห็นแก่ได้กันขนาดนี้นะ ต้นน้ำกักน้ำไว้ ปลายน้ำจะเหลืออะไร จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:01:15

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นสภาพริมโขงวันนี้แล้ว มันช่างแตกต่างจากวันที่เรามาเยือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วมากมาย บรรยากาศวันนี้มันไม่เหลือความเป็นริมโขงของเวียงจันทน์อยู่เลยค่ะ ... คงเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวที่บ้านเราเช่นปาย ยิ่งความเจริญเข้าไปถึงมากเท่าไหร่ ความเป็นตัวตนของสถานที่นั้นๆก็น้อยลงเท่านั้น จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:01:48

ความคิดเห็นที่ 83 ขากลับเดินผ่านร้านขายดอกไม้ และของที่ระลึก เราเดินเข้าไปดูเห็นรูปแต่ละใบเป็นบุคคลสำคัญของลาวแทบทั้งสิ้นค่ะ แต่เหลือบไปเห็นใบนึง อิอิ.... ดูดีๆนะคะ มีหลวงพ่อคูณของคนไทยอยู่ด้วยค่ะ แอบปลื้มเล็กน้อย กลับมาถึงในส่วนของสวนสาธารณะเรานั่งพักเหนื่อยมองวิถีชีวิตของคนลาวไปเรื่อยค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:02:24

ความคิดเห็นที่ 84 หายเหนื่อยแล้ว เราสองคนเดินกลับทางเดิมค่ะ หลังจากเดินไปถึงสี่แยกแล้วก็เลี้ยวซ้ายกลับไปทางวงเวียนน้ำพุค่ะ ซึ่งตอนนี้ปิดซ่อมอยู่ เดินผ่านวงเวียนไปเล็กน้อย ด้านขวามือก็จะเห็นว่ามีร้านอาหารชื่อดังของเวียงจันทน์ตั้งอยู่นะคะ ร้านขอบใจเด้อ  ป้ายหรูซะด้วย... จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:02:48

ความคิดเห็นที่ 85 เยื้องๆกับร้านขอบใจเด้อคือร้าน Joma  ร้านเบเกอรี่ที่มีต้นตำรับอยู่ที่หลวงพระบางค่ะ วันนี้ Joma มาตั้งสาขาอยู่ที่เวียงจันทน์แล้ว เปิดมาหลายปีแล้วค่ะ ซึ่งวันนี้ก็ได้ฤกษ์มานั่งกินเพื่อคลายร้อนและคลายเหนื่อยกันซักหน่อย  เข้ามาด้านในพร้อมกันเลยนะคะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:03:16

ความคิดเห็นที่ 86 เดินเข้ามาในร้าน เมนูมากมายหลายอย่างจนละลานตา ส่วนใหญ่เป็นเมนูภาษาอังกฤษทั้งนั้นค่ะ “กินไรดีอะ” เรายิ่งคำถาม “ไม่รู้ดิ เอาอะไรดีล่ะ” โอ๋ตอบ เรากวาดสายตาไปดูพิซซ่า อืม... ยังไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ “กินสลัดกันดีปะ” เรามองหน้าโอ๋ “เค้ายังไงก็ได้” โอ๋ยิ้ม “โอเค งั้นก็เอาสลัดละกัน แล้วเค้าขอโกโก้เย็นนะ” เราบอกพลางแกมบังคับให้โอ๋ต้องเป็นคนสั่ง “แหมๆๆๆ อีอ้วน ให้เค้าสั่งเลยนะ” “น่า สั่งให้เค้าหนอ่ยละกัน” เรายิ้มตอบ สรุปงานนี้โอ๋เป็นคนบริการค่ะ อิอิ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:03:46