ความคิดเห็นที่ 1 พอรถเริ่มออก บัสโฮสเตส ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารว่าง ผ้าห่ม ที่รองคอ แนะนำว่าพยายามเลือกที่นั่งเดี่ยวเพราะสบายสุดครับ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:27:51

ความคิดเห็นที่ 2 เกือบเที่ยงคืน บัสโฮสเตสคนสวยก็ปลุกให้ทุกคนลงไปกินข้าวต้ม ให้เวลา 20 นาที เข้าห้องน้ำแล้วมากินข้าวต้ม เลือกกับข้าวได้สามอย่าง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:30:12

ความคิดเห็นที่ 3 ไชโป๊ผัดไข่ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:30:55

ความคิดเห็นที่ 4 กุนเชียงทอด จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:31:17

ความคิดเห็นที่ 5 ผัดผักบุ้ง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:31:44

ความคิดเห็นที่ 6 ตีห้ากว่า บัสโฮสเตสก็ปลุกให้คนที่ลงอุดรลงที่ขนส่ง นอกนั้นเค้าไปลงหนองคายกัน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:33:01

ความคิดเห็นที่ 7 หันไปหันมาอ๋อ เซ็นทรัลอยู่โน่น ขนส่งอยู่นี่ ถนนโล่งมาก จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:34:24

ความคิดเห็นที่ 8 รถของพี่อีกคนมาจากเชียงใหม่ จะมาถึงอุดร 7 โมงเช้า ก็เลยนั่งสกายแล็ปคันเก่งไปสนามบิน เพื่อรอบริษัทเช่ารถเปิด นอกจากนั้นก็จะได้ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน สามคน 150 บาท จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:36:34

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากถึงสนามบินก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจ ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน ระหว่างรอบริษัทเช่ารถเปิดก็ซัดกาแฟที่สนามบินไปคนละแก้วสองแก้ว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:38:13

ความคิดเห็นที่ 10 บริษัทเช่ารถเปิดละคับ ทุกคนพร้อมไปรับพี่สาวอีกคนแล้ว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:39:27

ความคิดเห็นที่ 11 ตามไปเที่ยวด้วยคนจ้า จากคุณ : PJ_Parichat เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:42:43

ความคิดเห็นที่ 12 เราเช่ารถของบริษัท AVIS วันละ 1100 บาทครับ 2 วัน เป็นวีออส ถ้าใครเช่ารถแนะนำเลย ประหยัดมากกกกก น้ำมันเต็มถัง วิ่งไปกลับอุดร หนองคาย เชียงคาน-เชียงคาน หนองบัวลำภู อุดร 500 กิโล ยังเหลือๆ นิดหน่อย หลังจากมารับพี่สาวที่ขนส่งแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เริ่มด้วยนี่เลย เคยมาอ่านรีวีวแล้วเค้าว่านี้อร่อย ร้านราชาไข่กะทะ ข้างทุ่งศรีเมือง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:44:52

ความคิดเห็นที่ 13 สตูว์ไก่ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:45:33

ความคิดเห็นที่ 14 ไข่กระทะ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:46:12

ความคิดเห็นที่ 15 ขนมปัง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:46:39

ความคิดเห็นที่ 16 ข้าวไข่เจียว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:47:08

ความคิดเห็นที่ 17 หมูยอทอด จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:47:32

ความคิดเห็นที่ 18 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:48:41

ความคิดเห็นที่ 19 อิ่มท้องละ ก็ตกลงกันว่าจะไปไหนกันต่อ เพราะในลิสต์ มีที่เที่ยวเยอะมากในอุดร ก็เลยคุยกันว่า สถานที่เด่นๆ ตอนที่ขับรถผ่านมาก่อน ก็เลยขับมาไหว้วัดนี้ เพื่อเป็นสิริมงคล วัดโพธิสมภรณ์ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:51:43

ความคิดเห็นที่ 20 วัดโพธิสมภรณ์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลหมากแข้ง เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2499 ตอนปลายราชการที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมหาอำมาตย์ตรี พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร(โพธิ เนติโพธิ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ได้ชักชวนราษฎรในหมู่บ้านหมากแข้งสร้างวัด ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดใหม่ ต่อมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้ทรงประทานนามว่า “วัดโพธิสมภรณ์” ให้เป็นอนุสรณ์แก่พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรผู้สร้างวัดนี้ ภายในวัดมีสถานที่ น่าสนใจต่างๆ อาทิ เช่น พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ พระเจดีย์พิพิธภัณฑ์ ศาลามงคลธรรม พระระเบียงพระเจดีย์ ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในวันธรรมดา/วันหยุด ในเวลา 8.30น.-18.00น. ส่วนวันนักขัตฤกษ์จะเปิดให้เข้าชม เวลา 8.30-20.00น. จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:53:37

ความคิดเห็นที่ 21 พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:54:12

ความคิดเห็นที่ 22 "พระบรมธาตุธรรมเจดีย์" มีลักษณะเป็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์รูปทรง 8 เหลี่ยม มีห้องโถง 3 ชั้น ฐานกว้าง 12x12 เมตร ความสูง 38 เมตร มีลักษณะผสม ผสานสัญลักษณ์ของอีสานตอนบนและอารยธรรมลุ่มแม่น้ำโขง ห้องโถง ชั้นที่ 1 เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือน อัฐบริขาร และชีวประวัติ คติธรรมของพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) และพระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี) ประวัติวัดโพธิสมภรณ์ ประวัติการสร้างพระเจดีย์ รายนามผู้บริจาค จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:58:51

ความคิดเห็นที่ 23 ชั้นที่ 2 เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนและชีวประวัติ คติธรรม บูรพาจารย์ พระธุดงคกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จำนวน 9 รูป คือ 1.หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต 2.หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม 3.หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี 4.หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ 5.หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร 6.หลวงปู่ขาว อนาลโย 7.หลวงปู่ฝั้น อาจาโร 8.หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน 9.หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต   ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในพระเจดีย์แก้วจำลอง ประวัติสังเวชนียสถานทั้ง 4 และภาพทศบารมี จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:59:43

ความคิดเห็นที่ 24 เสร็จจากไหว้พระ ก็มาแวะพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:03:09

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นสถานที่ที่บอกเล่าแสดงเรื่องราวความเป็นมา/หลักฐานทางโบราณคดี/ วิถีชีวิต/หลักฐานทางธรณีวิทยา/เรื่องราวในท้องถิ่น/ศิลปะ และ วัฒนธรรม ของจังหวัดอุดรธานี รวมถึงเรื่อวราวและประวัติของเจ้าพระยากรมหลวง ประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:03:55

ความคิดเห็นที่ 26 เปิดให้เข้าชมเวลา 08.30 – 16.30น. ค่าบริการ 10 บาท/ผู้ใหญ่ 5 บาท/เด็ก ถ.โพธิ์ศรี(ติดกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานีเขต 1) จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:04:40

ความคิดเห็นที่ 27 ขลัง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:05:55

ความคิดเห็นที่ 28 ตามไปค้วยครับ  กาแฟ น่ากินมาก จากคุณ : red 4ever เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:09:45

ความคิดเห็นที่ 29 อาคารหลังนี้มีชื่อว่าอาคารราชินูทิศ แต่เดิมนั้นเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนสตรีประจำมณฑลอุดร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 6 ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะบริจาคพระราชทรัพย์ สร้างโรงเรียนสตรีประจำมณฑลขึ้น แต่พระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อน การดำเนินงานจึงจำต้องค้างมา จนเวลาต่อมาพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (ศุข ดิษยบุตร) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ผู้สำเร็จราชการมณฑลอุดร และคุณหญิงน้อม ดิษยบุตร (ศรีสุริยราช) ได้ชักชวนชาวเมืองร่วมบริจาค ทรัพย์น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม สร้างเพื่ออุทิศถวายแด่พระองค์ท่าน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเหล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์เพิ่มเติม และพระราชทานนามโรงเรียนว่า “ ราชินูทิศ ”ต่อมาในปีพุทธศักราช 2497 ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงครามและท่านผู้หญิง ได้มาทำพิธีเปิดสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง จังหวัดอุดรธานี และใช้อาคาร “ ราชินูทิศ ” เป็นสำนักงานและเห็นว่าอาคารหลังนี้เล็ก อยู่ในทำเลที่ไม่เหมาะสมจึงอนุมัติให้สร้างโรงเรียนขึ้นใหม่ และย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่สร้างใหม่ ปีพุทธศักราช 2503 ต่อมาจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2546 และอาคารหลังนี้ กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานแห่งชาติ แล้วเมื่อ พ.ศ. 2535 จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:10:57

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:11:23

ความคิดเห็นที่ 31 เงียบๆสงบ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:12:12

ความคิดเห็นที่ 32 ข้างใน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:12:56

ความคิดเห็นที่ 33 ไดโนเสาร์ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:13:30

ความคิดเห็นที่ 34 สวย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:14:06

ความคิดเห็นที่ 35 >< มาเที่ยวอุดรบ้านผมสะด้วย ยังงี้ต้องติดตาม จนกว่าจะจบรีวิวสะแล้ว จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:16:24

ความคิดเห็นที่ 36 พระประวัติผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระนามเดิม พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับ เจ้าจอมมารดาสังวาลย์ ธิดานายศัลยวิชัย (ทองคำ ณ ราชสีมา) ทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอองค์ที่ 25 ในรัชกาลที่ 4 พระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ เพราะในวันประสูติมีผู้นำทองคำก้อนใหญ่ ซึ่งขุดได้ที่ตำบลบางสะพาน ในเวลานั้นได้เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงถือว่าเป็นศุภนิมิตมงคล สำหรับพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:18:14

ความคิดเห็นที่ 37 นายพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรมเมื่อ พ.ศ. 2424 เป็นกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ทรงเป็นกำลังสำคัญของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการรักษาดินแดนไทย ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสครั้งวิกฤต ร.ศ. 112 ทรงเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ปราบปรามกบฏจีนฮ่อในมณฑลลาวพวน จนสงบราบคาบ ในเวลาต่อมาทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑล ฝ่ายเหนือ พ.ศ. 2436 ทรงตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวน ที่บ้านหมากแข้ง ทรงสร้างความเจริญจากหมู่บ้านชนบทจนเป็นเมืองอุดร ซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็นจังหวัดอุดรธานี ภายหลังเกิดคดีพญาระกาขึ้นในปี พ.ศ. 2452 - พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 ทรงกระทำปัพพานิยกรรม ขับกรมหลวงประจักษ์ฯ และพระโอรส-ธิดาออกจากพระราชสำนักพระองค์เองทรงถูกห้ามมิให้เข้า เฝ้าในที่รโหฐาน ให้เฝ้าได้แต่ในท้องพระโรงหรือในที่มีผู้เฝ้าอยู่มากเท่านั้น ห้ามหม่อมเจ้าไศลทองโดยเฉพาะมิให้เข้าในเขตพระราชฐาน จนในหลวง รัชกาลที่ 5 สวรรคต พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม สิ้นพระชมน์ ณ วังตรอกสาเก เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2467 จากโรคอันตะ (ไส้ใหญ่ ) พิการ สิริพระชันษาได้ 68 พรรษา ทรงเป็นต้นราชสกุล ทองใหญ่ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:22:19

ความคิดเห็นที่ 38 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : มะระผัดไข่ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:42:23

ความคิดเห็นที่ 39 เสริมอาจะนอกเรื่องหน่อย คดี "พญาระกา" เริ่มจากกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์พระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดนิพนธ์บทละคร บทกวีและการแสดง และทรงมีหม่อมหลายคน และในจำนวนนี้ก็มีนางละครโด่งดังในคณะละครพระองค์ชื่อหม่อมพักตร์ แต่หม่อมก็หนีจากวัง ไปพึ่งพาผู้มีอำนาจต่างๆ หลายคนจนไปจบที่ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 5 ซี่งมีศักดิ์เป็นหลาน ต่อมากรมพระนราธิปฯ ทรงนิพนธ์บทละครเรื่องใหม่ เรื่องปักษีปะกรนัม พญาระกา เมื่อนิพนธ์เสร็จ กรมพระนราธิปฯ ทรงนำไปให้กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เพื่อขอให้ทรงแต่งทำนองขับร้อง ให้ กรมหลวงชุมพรฯทรงอ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อเรื่องพิกล ๆก็ไม่ทรงรับทำแต่ ทรงคัดบทกลอนบางตอนไว้แล้วนำไปหารือกรมหลวงพระจักษ์ศิลปาคม กรมหลวงประจักษ์ฯ อ่านแล้วก็นำไปถวายให้กรมหลวงราชบุรีฯ อ่านบ้าง เนื้อเรื่องของ" พญาระกา" อย่างย่อ ๆ  มีอยู่ว่าพญาระกามีเมียมาก   มีเมียตัวหนึ่งเป็นนางไก่ญี่ปุ่นซึ่งไม่พอใจตัวพญาระกา พอได้โอกาสก็แยกฝูง ไปพบไก่ชนที่ปลายนาเกิดรักใคร่เป็นชู้กัน พอรู้ถึงพญาระกา ก็ตามไปตีไก่ ชนจนแพ้และหนีไป นางไก่ญี่ปุ่นก็หนีเตลิดไป พบตาเฒ่านกกระทุงริมบึง ตาเฒ่าเอาไปเลี้ยงไว้ แต่ยายเฒ่านกกระทุงหึงหวงประกอบกับได้ข่าวว่า พญาระกาผู้มีฤทธิ์กำลังติดตามค้นหา นกกระทุงจึงไล่นางไก่ญี่ปุ่นไปหา พญาเหยี่ยว พญาเหยี่ยวเห็นว่ารับไว้จะเกิดปัญหา จึงส่งไปถวาย นกเค้าแมว เจ้านกเค้าแมวเกิดความปฏิพัทธ์นางไก่ญี่ปุ่น ไม่รังเกียจว่า เสียเนื้อตัวมาแล้ว เพราะนกเค้าแมวก็กินของโสโครกอยู่แล้ว จึงได้นางไก่เป็นเมีย พญาเค้าแมวเป็นผู้หลงระเริงในราคะจนลืมความละอาย ต่อบาป เอาเมียของอาเป็นเมียได้ ฝ่ายนางนกเค้าแมวมเหสี ได้ข่าวก็มาหึง แต่พญาระกากลับเข้าข้างนางไก่ ไล่ตีนางนกเค้าแมว หนีกลับเข้ารังไป ต่อมาพญาเค้าแมวยกทัพจะไปรบกับพญาระกา แต่เมื่อเผชิญหน้ากันยังไม่ทันรบพุ่ง ก็พอดีจวนรุ่งเช้า พญาระกาขันขึ้นมา ส่วนนกเค้าแมวตาฟางเพราะแสงอรุณเลยแพ้ เลิกทัพหนีไป กรมหลวงราชบุรีฯ ทรงอ่านแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องแต่งว่ากล่าว กระทบกระเทียบพระองค์ในกรณีหม่อมพักตร์ ก็กริ้วมากเพราะหากว่า เล่นขึ้นมาเมื่อไรก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต  พระองค์คงจะได้รับความ อัปยศอย่างมาก วันรุ่งขึ้นหลังจากกรมหลวงราชบุรีฯเสด็จออกจาก พระนครไปโดยมิได้กราบบังคมทูลลา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวง ยุติธรรมรวม 28 คนก็ประชุมกันแล้วลงชื่อถวายฎีกาขอลาออกจากราชการ ตามกรมหลวงราชบุรีฯ  ซึ่งถ้าหากว่าออกไปจริง ๆ กระทรวงและศาลยุติธรรมก็จะดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะขาดข้าราชการสำคัญถึง 28 คน เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่องฎีกา ก็ทั้งพิโรธและโทมนัสอย่างมาก ทรงมีพระบรมราชโองการ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่หลายพระองค์เข้าเฝ้าด่วนเพื่อสอบสาว ราวเรื่อง เพื่อจะนำไปสู่การพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด ส่วนข้าราชการ ทั้ง 28 คนนั้น ทรงพิโรธมาก ถึงกับทรงเรียกว่า 28 มงกุฎ และให้เขียนชื่อปิดไว้ที่ปลายพระแท่นบรรทมเพื่อทรงสาปแช่ง เจ้านายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพญาระกา ต่างก็ได้รับผลกระทบคนละอย่าง กรมหลวงราชบุรีฯกลับเข้ามากราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ และได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่โปรดเกล้าฯให้ทรงพ้นตำแหน่งเสนาบดี ส่วนกรมพระนราธิปฯ ทรงถูกลงโทษอย่างเจ้านาย เรียกว่าติดสนม คือต้องเข้ามาประทับในพระบรมมหาราชวังออกไปไหนไม่ได้มีกำหนด ๑ ปี เจ้านายพระองค์ที่สามคือกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งมีส่วนให้กรมหลวงราชบุรีฯเข้าพระทัยผิด ถูกห้ามเข้าเฝ้าจนสิ้นรัชกาล จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:52:53

ความคิดเห็นที่ 40 ไปอุดร นำเด้ออจ้า จากคุณ : ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:53:22

ความคิดเห็นที่ 41 หลังจากทราบซี้งกับประวัติศาสตร์เมืองอุดรธานีแล้ว ก็ขับรถมาตามทางที่ว่าไปหนองคาย ผ่านร้านกาแฟสดรานบรรยากาศดีก็แวะซะเลย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:55:54

ความคิดเห็นที่ 42 สวยๆเก๋ๆ มีฟรีไวไฟด้วย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:56:49

ความคิดเห็นที่ 43 ก็ขับรถกันมาไม่เท่าไหร่ ระหว่างทางก็แปลกใจว่า ทำไมมีแผงขายมะพร้าวอ่อนเยอะจัง ก็อดใจไม่ไหวมาคนละลูกซะเลย ลูกละ 2o บาท จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:59:38

ความคิดเห็นที่ 44 เข้าเขตหนองคายละคับ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:00:29

ความคิดเห็นที่ 45 เข้าหนองคายก็11 โมงกว่า ก็แวะเลยไปไหว้พระก่อนที่วัดโพธิ์ชัย หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่เมือง ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งมีฐานะเป็นวัดอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปฃประมาณ 2 กิโลเมตร ตามทาง หลวงหมายเลข 212 ทางไป อ.โพนพิสัย วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:03:28

ความคิดเห็นที่ 46 หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้อล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:06:20

ความคิดเห็นที่ 47 เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำและถูกเชิญมาประดิษฐาน ไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น ในขณะนั้น เกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า "เวินแท่น" การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย  จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปบริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ) ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปกรุงเทพฯและอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่อง ขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหัก จึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของหลวงพ่อพระใสจนได้สมญาว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก" จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:10:12

ความคิดเห็นที่ 48 หลังจากไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว ก็มาแดงแหนมเนืองของขึ้นชื่อเมืองหนองคาย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:11:42

ความคิดเห็นที่ 49 อร่อย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:12:14

ความคิดเห็นที่ 50 นี่ก็อร่อย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:12:45

ความคิดเห็นที่ 51 น้ำจิ้มก็แซ่บ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:13:24

ความคิดเห็นที่ 52 ยำ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:13:55

ความคิดเห็นที่ 53 อดใจไม่ไหว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:14:32

ความคิดเห็นที่ 54 อิมแล้วก็มาเดินเอื่อยๆที่ตลาดท่าเสด็จต่อ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:15:29

ความคิดเห็นที่ 55 วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:16:02

ความคิดเห็นที่ 56 หม่ำ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:18:01

ความคิดเห็นที่ 57 หนังวัว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:18:40

ความคิดเห็นที่ 58 มะพร้าวแก้ว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:19:12

ความคิดเห็นที่ 59 ตามมาชมค่ะ ภาพสวยมากๆ เลย จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:19:34

ความคิดเห็นที่ 60 ตลาดท่าเรือ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:20:14

ความคิดเห็นที่ 61 ก่อนจะออกเดินทางต่อ ก็ขอแวะสตาร์บัค โลตัส(ห้างบิ๊กเจียงเก่า) แวะเติมพลังด้วยกาแฟ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:22:33

ความคิดเห็นที่ 62 อร่อยแต่แพงไปนิดส์นึง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:23:11

ความคิดเห็นที่ 63 จากนั้นก็ตั้งใจกันว่าจะเลาะแม่นำโขงกันไปเรื่อยๆ ด้วยถนนสาย 211 จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:24:20

ความคิดเห็นที่ 64 ขับกันไปคุยกันไปก็มาถึงจุดนึง เราเรียกกันว่า หินมหัศจรรย์ ถ้าเห็นหินก้อนนี้แล้ว ก็นับได้ว่าใกล้ถึงละ เชียงคาน มันคือ ศิวลึงค์ แท่งนี้นี่เองงงง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:27:55

ความคิดเห็นที่ 65 ประวัติ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:28:35

ความคิดเห็นที่ 66 ชมความงามริมโขง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:29:31

ความคิดเห็นที่ 67 ขับรถต่อมาเรื่องๆ ก็มาถึงละค๊าบเมืองเชียงคาน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:30:40

ความคิดเห็นที่ 68 เกสต์เฮ้าส์ที่จองไว้ ถึงแล้วคับ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:31:36

ความคิดเห็นที่ 69 เรือนแรม ลูกไม้ สวยคลาสสิคมาก จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:32:23

ความคิดเห็นที่ 70 ข้างใน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:33:02

ความคิดเห็นที่ 71 สบาย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:33:33

ความคิดเห็นที่ 72 หลังบ้าน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:34:22

ความคิดเห็นที่ 73 ทางออกไปริมน้ำ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:35:08

ความคิดเห็นที่ 74 พักชั้นบนครับ ห้องละ 550 บาท จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:35:59

ความคิดเห็นที่ 75 ข้างบน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:36:27

ความคิดเห็นที่ 76 ทั้งหลังมีห้อง 5 ห้อง จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:37:15

ความคิดเห็นที่ 77 ห้องนอน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:37:46

ความคิดเห็นที่ 78 เตียงใหญ่ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:38:23

ความคิดเห็นที่ 79 ห้องน้ำรวมอยู่ข้างนอกครับข้างบน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:39:26

ความคิดเห็นที่ 80 บรรยากาศ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:40:09

ความคิดเห็นที่ 81 สงบมากก จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:40:42

ความคิดเห็นที่ 82 ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ถึงเวลาเดินถนนคนเดินแล้วววววว จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:41:51

ความคิดเห็นที่ 83 สวย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:52:22

ความคิดเห็นที่ 84 ... จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:53:03

ความคิดเห็นที่ 86 up จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:54:22

ความคิดเห็นที่ 87 ดนตรีไทย จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 22:55:44