ความคิดเห็นที่ 1 เช้าวันนี้ หลานชายเพิ่งกลับมาจากเข้าค่ายอบรมจริยธรรมทางศาสนาอิสลาม ภาพนี้ป้าภูมิใจเสนอหลานรักสุดหล่อ แถมกิริยามารยาทเรียบร้อยน่ารัก อีกด้วย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:17:12

ความคิดเห็นที่ 2 บ้านเพื่อนอยู่ที่อำเภอสุไหงปาดี ภาพนี้เป็นห้องแถวไม้เก่าแก่ในตัวอำเภอ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:18:20

ความคิดเห็นที่ 3 ห้องแถวครึ่งตึกครึ่งไม้หลังนี้ยังใช้กระเบื้องว่าวดินเผาอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:19:02

ความคิดเห็นที่ 4 ออกจากสุไหงปาดีเราไปสุไหงโกลก ต้องผ่านด่านตรวจนี้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:19:37

ความคิดเห็นที่ 5 สภาพในตัวเมืองอำเภอสุไหงโกลก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:20:10

ความคิดเห็นที่ 6 การจอดรถมอเตอร์ไซค์จะต้องเปิดเบาะให้เห็นว่าไม่ได้ซุกซ่อนระเบิดไว้ แต่ก็ดูไม่ได้เข้มงวดนัก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:21:55

ความคิดเห็นที่ 7 ออกจากสุไหงโกลกไปอำเภอตากใบ ที่ด่านนี้มีรูปรถและบุคคลต้องสงสัยติดอยู่จำนวนไม่น้อย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:22:28

ความคิดเห็นที่ 8 เพื่อนถามว่าจะไปวัดชลธารสิงเหไหม วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์พรมแดนไทย-มาเลเซีย ผมรีบตกลงทันที ด้วยเป็นวันศุกร์เป็นวันสำคัญของศาสนาอิสลาม มุสลิมต้องไปทำพิธีละหมาดใหญ่ที่มัสยิด เพิ่อนส่งเราลงที่วัดแล้วก็พาครอบครัวไปทำพิธี แล้วแวะกลับมารับเราหลังจากเสร็จศาสนกิจ เราตรงดิ่งไปที่พระอุโบสถกันก่อนเลย กำลังมีการบูรณะใหม่หมดทั้งหลัง ดูเหมือนใกล้จะเสร็จแล้ว ยักษ์ทวารบาลสองตนนี้นุ่งโสร่งเสียด้วย แปลกดี ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับคติความเชื่ออะไรหรือเปล่า หน้าบันลายปูนปั้นเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ บอกปีที่สร้าง คือ พ.ศ. 2416 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:25:23

ความคิดเห็นที่ 9 พระอุโบสถเป็นอาคารทรงไทย มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หลังคาซ้อน 3 ชั้น มีเสาพาไลอยู่โดยรอบ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:25:57

ความคิดเห็นที่ 10 ลายปูนปั้นซุ้มหน้าต่างวิจิตรบรรจง สีสันไม่ฉูดฉาด คงจะมีการลงสี ปิดทองเพิ่มอีก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:28:39

ความคิดเห็นที่ 11 พระอุโบสถมีขนาดไม่ใหญ่นัก พระประธานพุทธลักษณะแบบมอญปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีสูงจากพื้นมาก สูงกว่า 2 เมตร มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง 3 ด้าน ตั้งแต่คอสองขึ้นไป รวมถึงภาพบนเสา และเพดาน เขียนโดยฝีมือพระภิกษุชาวสงขลา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:30:42

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องที่เขียนเป็นพุทธประวัติและเทพชุมนุม การลำดับภาพพุทธประวัติ เริ่มจากมุมด้านทิศใต้มาทางทิศตะวันออก โดยแบ่งฝาผนังในแนวตั้งเป็น 4 ช่องเสา ในแต่ละช่องเสายังแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ บน-กลาง-ล่าง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:31:27

ความคิดเห็นที่ 13 ช่วงบนสุดเป็นวิทยาธร ต่อมาเป็นเทพชุมนุม 1 ชั้น นั่งประณมหัตถ์ถือดอกไม้ ถัดลงมาเป็นช่องสี่เหลี่ยมซ้อนกัน 2 ชั้น เขียนภาพพุทธประวัติและวิถีชาวบ้าน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:31:57

ความคิดเห็นที่ 14 ผนังเบื้องหน้าพระประธานมีภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:32:28

ความคิดเห็นที่ 15 วัดชลธาราสิงเห มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สยามใช้เป็นเหตุผลอ้างอิงในการปักปันเขตแดนในปี 2452 มีผลให้ดินแดนแห่งนี้ไม่ต้องผนวกเป็นประเทศมาเลเซีย จึงได้รับสมญานามว่า วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย ………………………………………………. ภาพนี้ถ่ายจากภายในบริเวณวัดไปยังประตูทางเข้า จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:33:10

ความคิดเห็นที่ 16 การกำหนดเขตแดนของไทยกับอังกฤษในปี พ.ศ. 2452 นั้น หากกำหนดโดยใช้เชื้อชาติและภาษาของประชาชนในบริเวณนี้เป็นเกณฑ์ ดินแดนแถบนี้ก็จะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมอังกฤษอย่างแน่นอน แต่ด้วยกุศโลบายอันแยบยล สยามจึงใช้วัดชลธาราสิงเห เป็นข้ออ้าง ใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองจนได้ดินแดนส่วนนี้เป็นของไทย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:37:45

ความคิดเห็นที่ 17 เหตุการณ์ตอนปักเขตแดนระหว่างไทยกับอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2452 ว่าด้วยการจัดอำนาจของศาลกงสุลในการให้คนในบังคับบัญชาอังกฤษ ทั้งที่เป็นชาวฝรั่งและเอเซียขึ้นศาลไทย เพราะในสมัยก่อนหากประชาชนมีถ้อยความคดีกัน ต้องไปว่าความกันที่เมืองโกตาบารู ไทยจึงยอมเสียสละดินแดน 4 รัฐมลายู ให้แก่อังกฤษ ได้แก่รัฐกลันตัน, ตรังกานู, ไทรบุรี, และรัฐเปอร์ลิส พร้อมด้วยหมู่เกาะใกล้เคียง แต่เขตแดนรัฐกลันตันในสมัยนั้นอยู่ที่บ้านสะปอม (เขตอำเภอเมือง อำเภอตากใบ) เป็นจุดที่อังกฤษใช้ลากเส้นเขตแดน โดยใช้สันเขาและแม่น้ำเป็นแนวตามหลักสากล ซึ่งจะพ่วงอำเภอตากใบ, อำเภอแว้ง, อำเภอสุไหงปาดี, อำเภอสุไหงโกลก เข้าไปด้วย นับว่าไทยเราเสียเปรียบมาก แต่ไม่มีข้อที่โต้แย้งได้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:42:12

ความคิดเห็นที่ 18 ในที่สุด ก็เอาเรื่องพระพุทธศาสนาขี้นมาเป็นข้ออ้าง โดยอ้างว่า วัดชลธาราสิงเห เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอตากใน มีอาคารสถานที่และถาวรวัตถุเป็นแบบไทย ที่สร้างมาอย่างวิจิตรพิสดารทรงคุณค่าในเชิงศิลป์ ยากยิ่งที่คนต่างชาติจะสร้างสรรค์ได้ ประกอบกับท้องที่อำเภอตากใบมีวัด และคนไทยพุทธอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ผลปรากฏว่าอังกฤษยอมเชื่อในเหตุผล จึงนับว่าวัดชลธาราสิงเห ช่วยพิทักษ์แผ่นดิน 4 อำเภอชายแดนไทยเอาไว้ ไม่ต้องตกเป็นของอังกฤษ ซึ่งจริงๆ แล้วตอนที่พระครูโอภาสพุทธคุณ (พุด) เริ่มสร้างวัดเมื่อปี 2403 ปลายสมัยรัชกาลที่ 4 นั้นได้ไปขอผืนดินจากพระยากลันตัน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:44:53

ความคิดเห็นที่ 19 ที่ผมรู้สึกเสียดายก็คือ ไทยสามารถรักษาดินแดนส่วนนี้ไว้ได้ทั้งผืน แต่ไม่สามารถรักษาใจของประชาชนไว้ได้ทั้งหมด ยังไม่รวมกันเป็นเนื้อเดียวอย่างที่ควรจะเป็น ยังมีความไม่เข้าใจและไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างที่ควรจะเป็น อาจจะเป็นเพราะแนวคิดปลุกความรักชาติ “ไทย” ด้วยเชื้อชาติ ทำให้คนเชื้อชาติอื่นเป็นความแปลกแยกจากความเป็น “ไทย” เดี๋ยวนี้ความคิดนั้นค่อยๆ เปลี่ยนไป ความเป็น “ไทย” ไม่ได้ตัดสินกันด้วยเชื้อชาติอีกแล้ว แต่มันก็ได้ฝากแผลให้ต้องรักษากันอยู่ แต่รัฐบาลบางชุดก็เลือกที่จะสะกิดให้แผลนั้นมันใหญ่ขึ้น อักเสบขึ้นมาอีก โดยลุแก่อำนาจ แล้วเมื่อไรถึงจะอยู่กันได้อย่างสงบสุขล่ะ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:47:33

ความคิดเห็นที่ 20 ที่นี่มีกุฏิไม้ทรงไทยเก่าแก่และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเล็กๆ ที่น่าสนใจ แต่ปิดอยู่ สอบถามจนทราบว่ามีผู้ถือกุญแจเปิดให้ชมได้ พี่ผู้ชายในภาพนี้กำลังกินข้าวอยู่ วางจานข้าว กุลีกุจอมาเปิดพิพิธภัณฑ์และกุฏิให้เราชมกัน บอกให้กินให้เสร็จก่อนก็บอกว่าอิ่มแล้ว พิพิธภัณฑ์ก็กำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่เหมือนกัน วัดนี้จะใช้สีโทนเทาเหลืองเหมือนสถาบันการศึกษาที่ผมเรียนเมื่อ 40 ปีก่อน อิ อิ ที่เพดานระเบียงมีภาพวาดเก่าแก่ติดอยู่บางส่วน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:48:47

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพวาดเก่าทีติดอยู่ตรงกลางเพดาน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:49:55

ความคิดเห็นที่ 22 มองย้อนกลับไปด้านหน้าของศาลาพิพิธภัณฑ์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:50:29

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพวาดเก่าแก่ที่เพดานส่วนข้างของระเบียงโถงทางเข้า เป็นภาพเกี่ยวกับนรกและสวรรค์ตามคติความเชื่อ อาจจะไม่ใช่ภาพที่วิจิตรบรรจงสวยงามมากนัก แต่มีความเรียบง่าย จริงใจ บ่งบอกถึงศรัทธา ประกอบกับความเก่าแก่มีค่าควรรักษาไว้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:51:36

ความคิดเห็นที่ 24 ด้านใน จัดแสดงของเก่าที่มีคุณค่า มีไม้ฉลุลายดอกไม้ลงสีสวยงามประดับอยู่ตามแนวเสาและคาน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:52:19

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ  จขกท  มากๆครับ กระทู้ สองคนรวมกันแล้วเกินร้อย ตระเวนแหล่งศิลปวัฒนธรรมและสัมผัสวิถีไทย ที่ทำเป็นตอนๆ ของ คุณ : splendour ที่นำเสนอข้อมูลและภาพ เรื่องวัดต่างๆ  นี่ผมคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆ ผมติดตามชมมาตลอด นะครับ และขอลงชื่อไว้ สำหรับเวลาค้นหา ข้อมูล จะได้เจอง่ายๆ ครับผม จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:55:36

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับคุณSC25_KU50 ดีใจที่ได้ทราบว่าคุณSC25_KU50 ติดตามชมมาตลอด ขอบคุณที่เข้ามาทักทาย ให้กำลังใจกันครับ .................................................................... ตู้นี้จัดแสดงของใช้ที่ทำจากทองเหลือง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:59:16

ความคิดเห็นที่ 27 มุมนี้เป็นเครื่องมือเกษตรพื้นบ้าน ให้สังเกตว่าพื้นปูด้วยไม้หน้าแคบ เว้นช่อง คิดถึงบ้านที่อยู่ตอนเป็นเด็กทำเหรียญตกร่องบ่อยๆ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:00:37

ความคิดเห็นที่ 28 ธรรมาสน์ โต๊ะเครื่องแป้งและตู้ไม้แบบโบราณ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:01:07

ความคิดเห็นที่ 29 หุ่นจำลองแสดงพิธีลงนามการปักปันเขตแดนของสยามกับอังกฤษ ระหว่างนายราล์ฟ  แปซยิต ผู้แทนจากประเทศอังกฤษ กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ผู้แทนฝ่ายไทย ลงนาม ณ กรุงเทพ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2452 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:01:51

ความคิดเห็นที่ 30 กุฏิไม้ทรงไทยพื้นเมืองภาคใต้ของวัดชลธาราสิงเห เก่าแก่ สวยงามมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:02:32

ความคิดเห็นที่ 31 กุฏิเก่าหลังนี้ได้รับการดูแลรักษาไว้อย่างดี อยู่ในสภาพสมบูรณ์ อายุเกือบร้อยปี (สร้าง พ.ศ. 2463) จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:03:08

ความคิดเห็นที่ 32 บริเวณระเบียงหน้าและบันไดทางขึ้น  ประตูไม้บานเฟี้ยมใช้สีเทาเหลืองเป็นหลัก เหนือบานเฟี้ยมเป็นไม้ฉลุลายเทพพนมประทับบนดอกบัว สองข้างเป็นภาพเขียนลายแจกันดอกไม้แบบจีน ลูกกรง ซ้าย-ขวา ฉลุเป็นลายกลีบดอกไม้ดูอ่อนช้อย สวยงาม จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:06:20

ความคิดเห็นที่ 33 ภาพจิตรกรรมบนเพดานที่ซุ้มบันไดทางขึ้น จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:07:19

ความคิดเห็นที่ 34 ด้านข้างของศาลาทรงไทย ใต้ถุนสูงมี 2 ชั้น หน้าต่างเล็กๆ น่ารัก ลายตกแต่งล้อกับซุ้มหน้าต่างพระอุโบสถ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:08:15

ความคิดเห็นที่ 35 หลังคากระเบื้องว่าวดินเผาแบบดั้งเดิมของภาคใต้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:08:44

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาภายในกุฏิ พื้นส่วนหน้าเป็นไม้หน้าแคบปูให้มีร่อง ส่วนหลังยกพื้นปูแบบเข้าลิ้นขัดมัน มีไม้ฉลุประดับอยู่ตามมุมคานกับเสา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:10:07

ความคิดเห็นที่ 37 มุมในด้านซ้ายมีห้องเล็กๆ 2 ห้อง ช่องลมด้านหน้ามีพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวง พระราชินีและพระเทพฯ ข้างๆ ห้อง มีโต๊ะหมู่บูชา ประดิษฐานพระพุทธรูป องค์ใหญ่เป็นพระพุทธรูปแบบจีนสีขาว น่าจะทำด้วยหยก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:12:19

ความคิดเห็นที่ 38 ระหว่างห้องมีโถงที่มีประตูเปิดออกไปด้านหลังได้ ทางด้านซ้ายมีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:13:28

ความคิดเห็นที่ 39 กรอบทางเข้าโถงระหว่างห้อง มีไม้ฉลุลายดอกไม้เขียนสี และรูปเขียนสีลายเครือเถาที่คานด้านบน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:15:33

ความคิดเห็นที่ 40 ด้านในของโถงระหว่างห้อง แผงช่องลมด้านบนเป็นไม้ฉลุลายให้ความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มนวล แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 18:33:30 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:16:08

ความคิดเห็นที่ 41 แม้แต่เพดานก็มีภาพวาด รูปนก ค้างคาวและผีเสื้อแบบต่างๆ คั่นด้วยลายเขียนรูปดอกไม้และลายในวงกลม จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:16:46

ความคิดเห็นที่ 42 ตามคานทุกตัวเขียนลายดอกไม้และเครือเถา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:17:49

ความคิดเห็นที่ 43 ที่หัวเสาทุกต้นมีไม้ฉลุลายเขียนสีสวยงามประดับอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:18:41

ความคิดเห็นที่ 44 ลายเขียนสีและไม้ฉลุลายตามเชิงชายที่บริเวณระเบียงหน้ากุฏิ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:19:21

ความคิดเห็นที่ 45 มองออกไปยังหลังคาซุ้มประตูทางเข้ากุฏิ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:20:49

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ไกลจากพระอุโบสถมี วิหารพระพุทธไสยาสน์ สันนิษฐานว่า สร้างก่อนสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา เป็นพระปูนติดกระเบื้อง พิทักษ์โดยพญานาค 2 ตน ความยาวจากยอดพระเศียรถึงฝ่าพระบาท ยาวประมาณ 8 เมตรเศษ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:21:30

ความคิดเห็นที่ 47 ที่ผนังประดับด้วยเครื่องถ้วยชามสังคโลก ผู้ดูแลบอกว่าเคยมีคนเข้ามาพยายามขโมยอยู่หลายครั้ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:22:56

ความคิดเห็นที่ 48 ใช้เวลาอยู่ที่วัดชลธาราสิงเหประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งผ่านไปเร็วมาก ยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ได้ไปเยี่ยมชม คงต้องหาโอกาสกลับไปอีก เพื่อนพาไปที่ชายแดนบริเวณด่านสุไหงโกลก ที่มีแม่น้ำเป็นเขตแดน มีเรือจอดอยู่ที่ท่าหลายลำ ทั้งเรือประมงและเรือโดยสารหางยาว จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:25:12

ความคิดเห็นที่ 49 นี่เป็นฝั่งไทย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:25:49

ความคิดเห็นที่ 50 ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเป็นดินแดนมาเลเซีย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:26:23

ความคิดเห็นที่ 51 เรือลำนี้เป็นเรือโดยสารข้ามฟาก ไทย – มาเลเซีย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:26:54

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นเรือประมงแล่นผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:27:48

ความคิดเห็นที่ 53 ป้ากับหลานชายและเพื่อนสนิท ถ่ายรูปร่วมกันที่ท่าเรือเสียหน่อย รูปหล่อทั้งคู่เลย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:28:32

ความคิดเห็นที่ 54 ต้องผ่านด่านตรวจของทหารจนชักจะชินแล้ว จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:29:29

ความคิดเห็นที่ 55 เพื่อนอุตส่าห์ขับไปทางอ้อม เพื่อให้เราได้เห็นทางเข้าพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:30:09

ความคิดเห็นที่ 56 อนุสาวรีย์นกกระดาษ อนุสรณ์แห่งโครงการไร้สาระสำหรับผม ประเทศไทยได้อะไรจากโครงการตลกๆ โครงการนั้น บางคนบอกว่ามันเป็นการกระทำแบบสัญลักษณ์ ผมคิดว่าเราต้องการกระทำที่เป็นรูปธรรมมากกว่าโครงการเลอะเทอะแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 18:35:37 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:31:16

ความคิดเห็นที่ 57 สี่แยกในตัวเมืองนราธิวาส จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:31:59

ความคิดเห็นที่ 58 หอนาฬิกากลางเมืองนราธิวาส จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:32:28

ความคิดเห็นที่ 59 ชายหาดที่ปากน้ำบางนรามีหาดที่กว้างมาก มีผู้คนมาเที่ยวกันเป็นครอบครัวอยู่ไม่น้อย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:33:07

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นเรือกอและแล่นผ่านไปมา บางลำสวยมากแต่ถ่ายรูปไม่ทัน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:33:42

ความคิดเห็นที่ 61 คลิกเข้ามาดูทุกครั้งที่เห็นกระทู้ชุดนี้ผ่านตา ได้ความรู้ มุมมอง รวมทั้งเที่ยวชมหลายที่ๆ ยังไม่มีโอกาสได้ไป ยิ่งนราธิวาสอย่างนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้ไปเมื่อไร่ เลยอยากขอบคุณมากๆ ที่นำมาให้ชมครับ ไล่ดูมาเรื่อยๆ หลายๆ มุมของเมืองนี้ถูกใจ และรู้สึกชอบที่นี่จัง พอมาเห็นภาพกุฎิโบราณของวัดชลธาราสิงเห แล้วววว... โอโหสวยมากกกกกก... ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจจริงๆ ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้นเร็วๆ ตอนนั้นผมขอไปให้ได้เห็นกับตาสักที... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:35:56

ความคิดเห็นที่ 62 60. ใช่ครับคุณcold river มีความสวยงามอีกมากที่คนส่วนมากไม่เคยได้รับรู้นอกจากเหตุการณ์ความรุนแรง และหวังว่ากระทู้นี้จะแสดงให้เห็นถึงความสวยงามมีเสน่ห์ของที่นี่ ที่หลายคนไม่มีโอกาสได้ไปเห็น ผมเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสงบที่ยั่งยืนจะกลับสู่ดินแดนนี้โดยเร็ววัน ........................................................... เรือกอและเป็นเรือที่ใช้กันมากบริเวณภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า กอและ ในภาษามลายูมีความหมายว่า โคลงเคลง เรือกอและจึงมีความหมายอันแสดงถึงลักษณะเรือที่มีสภาพโคลงเคลงเมื่ออยู่ในน้ำ ไม่เคยหยุดนิ่งเหมือนกระแสคลื่นในทะเลนั่นเอง เพื่อนตั้งใจพามาดูเรือกอและที่ขึ้นคาน ซ่อมแซมทาสีใหม่ ลำนี้เพิ่งลอกสีเก่าออก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:51:16

ความคิดเห็นที่ 63 มุสลิมในภาคใต้มีความเชี่ยวชาญในการออกทะเล เนื่องด้วยคนส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมือง เครื่องไม้เครื่องมือในการทำประมงแต่เดิมใช้ใบในการขับเคลื่อน และเป็นเรือที่มีความคล่องตัวสูง โต้คลื่นได้ดี และคว่ำยาก เนื่องจากท้องเรือมีลักษณะกลม อันเป็นรูปทรงที่รับกันกับลักษณะของคลื่นในทะเล จึงสามารถที่จะแล่นในทะเลได้อย่างมั่นคง ………………………… ลวดลายสีสันสวยงามที่หัวเรือ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:52:38

ความคิดเห็นที่ 64 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:53:46

ความคิดเห็นที่ 65 เรือกอและ มีลักษณะเป็นเรือยาวที่ต่อด้วยไม้กระดานโดยทำให้ส่วนหัวและท้ายสูงขึ้นจากลำเรือให้ดูสวยงาม นิยมทาสีแล้วเขียนลวดลายด้วยสีฉูดฉาดเป็นลายไทย จีน หรือลายอินโดนีเซีย ซึ่งนำมาประยุกต์ให้เหมาะกับลำเรือ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:55:11

ความคิดเห็นที่ 66 เชิญตามมาเช่นเคยครับคุณarmearn ...................................... เรือกอและ เป็นเรือประมงที่แตกต่างจากเรือประมงประเภทอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะเรือกอและนั้นมีเอกลักษณ์ประจำตัวที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นลวดลายต่าง ๆ ที่อวดโฉมอยู่บนตัวเรือ ซึ่งมีความวิจิตรสวยงามมาก มีลวดลายที่ผสมผสานระหว่างศิลปะไทย อิสลาม จีน และศิลปะอื่น ๆ ลำนี้ทำสีเสร็จแล้ว ลวดลายอลังการ สีสันสวยงามมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:56:53

ความคิดเห็นที่ 67 จิตรกรรมที่เขียนลวดลายและระบายสีอย่างสวยงามตลอดทั้งลำ นั่นคือเรือกอและ มิใช่เรือประมงธรรมดาเท่านั้น แต่เรือกอและเป็นเสมือนหนึ่งศิลปกรรมที่มีคุณค่าชิ้นหนึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณของกลุ่มชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประดิษฐ์และสร้างสรรค์ขึ้น จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:58:53

ความคิดเห็นที่ 68 ความงดงาม โดดเด่นของเรือกอและไม่ได้งามเฉพาะบางส่วน แต่จะงามตลอดลำ ไม่ว่าจะเป็นลายที่อยู่บนเรือ สีสันที่แต่งแต้ม รวมทั้งรูปทรงของเรือที่มีปลายทั้งสองด้านบรรจบกันเป็นมุมแหลม ขณะที่เรือทั่วไปจะเป็นมุมแหลมที่หัวเรือเท่านั้น นี่เป็นความต่างของเรือกอและที่ไม่เหมือนเรือชนิดอื่นๆ สามารถสะกดคนที่เห็นให้ตะลึงงันได้ไม่ยาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 09:59:55

ความคิดเห็นที่ 69 หลังจากชมเรือกอและ ก็กลับเข้าตัวเมืองนราธิวาสอีกครั้ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:01:24

ความคิดเห็นที่ 70 ดูเป็นเมืองที่สงบเงียบ น่าอยู่ ถ้าไม่เห็นทหารถือปืนกลเดินอยู่จะไม่รู้สึกผิดแปลกไปจากเมืองในต่างจังหวัดทั่วๆ ไป จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:02:09

ความคิดเห็นที่ 71 เพื่อนจอดรถทำธุระ ผมรีบฉวยโอกาสโดดลงมาถ่ายรูปทันที ชอบหน้าต่างไม้แบบนี้จริงๆ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:03:10

ความคิดเห็นที่ 72 จะเรียกว่าหน้าต่างหรือประตูดีเนี่ย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:03:51

ความคิดเห็นที่ 73 ถ้าหลังคาเป็นกระเบื้องว่าวดินเผาละก็ จะสวยสมบูรณ์แบบจริงๆ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:04:54

ความคิดเห็นที่ 74 ตึกชิโนโปรตุกิสหลังนี้สวยงามทั้งรูปแบบและสีสัน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:05:31

ความคิดเห็นที่ 75 มีตำรวจทหารสนธิกำลังกันตั้งด่านอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:06:12

ความคิดเห็นที่ 76 ห้องแถวไม้เก่าแบบนี้ดูได้ไม่เบื่อ เห็นทีไรก็รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:06:53

ความคิดเห็นที่ 77 ในที่สุด ฝันก็เป็นจริง มัสยิดไม้ 300 ปี ปรากฎอยู่ตรงหน้าตอนเกือบ 4 โมงเย็นของวันศุกร์ที่ 27 เมษายน ผมหลงรักมัสยิดแห่งนี้ตั้งแต่เห็นรูปในเว็บไซต์ ตอนที่ค้นคว้าเรื่องมัสยิดทรงไทยในชุมชนกุฎีจีน ตั้งแต่นั้นมา ใจผมก็หมกมุ่นอยู่ว่าจะหาทางมาเที่ยวชมได้อย่างไร ตอนที่เปลี่ยนจากไปเที่ยวญี่ปุ่นมาล่องใต้แทน ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมาได้หรือเปล่า ยิ่งมีข่าวระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด็นที่หาดใหญ่ก็ยิ่งทำให้ความหวังริบหรี่ลงไปอีก โชคดีที่ผมมีกัลยาณมิตรอย่างเพื่อนผมคนนี้ ทำให้ผมได้รับประสบการณ์เกินฝันที่ไม่ใช่ว่ามีเงินและเวลาแล้วจะทำได้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:09:23

ความคิดเห็นที่ 78 ชอบรีวิวของท่านนะครับ... ติดดิน..ชิว ๆ ดี... อยากตามไปด้วยจัง...(ผมก็ 50 กว่าแล้วเหมือนกัน ) 55 จากคุณ : แก้วบางจาก เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:10:22

ความคิดเห็นที่ 79 เปรียบเทียบกับมัสยิดไม้ที่มาเลเซียแล้ว ที่นีจะมีขนาดเล็กกว่าพอสมควร แต่ในสายตาของผม มัสยิดนี้ดูเท่ มีเอกลักษณ์กว่า ส่วนหลังคาที่ซ้อนอยู่มีลักษณ์แบบบาหลี ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก สภาพโดยรวมก็สมบูรณ์ดี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:10:35

ความคิดเห็นที่ 80 ยินดีต้อนรับคนวัยเดียวกัน คุณแก้วบางจาก อย่าเรียกท่านเลยครับ ผมไม่ใช่นักการเมือง อิ อิ ตามมาด้วยกันเลยครับ ............................................... มัสยิดนี้ชื่อมัสยิดวาดิลฮูเซ็น หรือเรียกอีกชื่อตามชื่อหมู่บ้านว่า มัสยิดตะโละมาเนาะ ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอบาเจาะจังหวัดนราธิวาสเพียง 4 กิโลเมตร ท่านวันฮุเซน อาจารย์สอนศาสนาที่บ้านสะนอ ได้อพยพหลบภัยมาอยู่เมื่อครั้งกองทัพสยามยกทัพไปตีเมืองปัตตานี เพราะเป็นทำเลที่ดีสำหรับตั้งหลักแหล่งและหลบภัยสงคราม ประกอบกับเป็นแหล่งพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์อยู่ห่างจากตัวเมือง และสามารถหนีขึ้นเขา หรือหนีไปยังเมืองต่าง ๆ เช่น กลันตันและเปรักได้ และเมื่อตั้งเป็นหมู่บ้านแล้ว ท่านวันฮุเซนจึงได้เริ่มสร้างมัสยิดตะโละมาเนาะ หรือมัสยิดวาดีอัลฮูเซนขึ้น จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:14:55

ความคิดเห็นที่ 81 00. ลักษณะเด่นของมัสยิดตะโละมาเนาะ คือ สร้างด้วยไม้ มีหลังคาทรงไทย ซึ่งแตกต่างจากมัสยิดแห่งอื่น ๆ หลังคามี 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผา หลังคาชั้นที่สองมีลักษณะเป็นโดม แต่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามลักษณะของตัวอาคาร อาคารยกพื้นสูงด้วยไม้ตะเคียนขนาด 8x8 นิ้ว เดิมใช้วิธีฝังเสาลงดิน แต่ปัจจุบันตัดส่วนที่ผุออกเสีย แล้วใช้ตอม่อซีเมนต์รองรับแทน โครงสร้างของตัวอาคารใช้การเข้าสลักไม้แทนตะปู หรือสกรูเหล็ก ตัวมัสยิดสร้างเป็นอาคาร  2  หลังติดกัน มีขนาด 14.20X6.30 เมตร เฉพาะหลังที่เป็นมิหรอบ (บริเวณที่อิหม่ามนั่งละหมาด) มีขนาด 4.60X5.60 เมตร มัสยิดแห่งนี้สร้างแบบศิลปไทยพื้นเมืองประยุกต์ กับศิลปแบบจีนและศิลปแบบมลายู จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:17:59

ความคิดเห็นที่ 82 ที่หลังคาอาคารหลังแรกส่วนที่เป็นมิหรอบ หลังคาซ้อน 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผา หลังคาชั้นที่ 2 มีโดมอยู่บนหลังคา เป็นศิลปที่ดูเป็นแบบจีนมลายู  ใช้เป็นหออะซาน(สำหรับเรียกคนมาละหมาด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:19:34

ความคิดเห็นที่ 83 ภาพหออะซาน เพื่อนบ่นว่าเสียดายที่เปลี่ยนบานหน้าต่างที่ผุพังไปเป็นแบบตลาดๆ และมือจับเป็นอลูมิเนียมเสียแล้ว จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:20:32

ความคิดเห็นที่ 84 หลังที่ 2 หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา บนหลังคาชั้นแรกมีจั่วหลังคาอีกชั้นหนึ่งซ้อนอยู่ มีรูปแบบกึ่งๆ ทรงไทย – บาหลี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:21:28

ความคิดเห็นที่ 85 ฝาประกบหน้าต่างทำด้วยไม้ทั้งแผง ช่องลมเป็นไม้แกะสลักลวดลายแบบจีน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:22:15

ความคิดเห็นที่ 86 อีกมุมหนึ่งเห็นหน้าต่างทรงสูงเปิดอยู่บานหนึ่ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:23:14

ความคิดเห็นที่ 87 เปรียบเทียบบานหน้าต่างทรงสูงและหน้าต่างธรรมดาในส่วนอาคารหลังที่ 2 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:24:21