ความคิดเห็นที่ 1 สาวขับรถมือวางอันดับหนึ่ง (และอันดับเดียว เพราะคนอื่นขับม่ายเป็น อิอิ) เธออึดมากกกกก ลงเวร(กรรม)มาตอนเจ็ดโมงเช้าก็กลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วขับรถออกมารับเพื่อนๆ ที่รออยู่ตรงตลาดเอี่ยมสมบัติ ขับเข้ามอร์เตอเวย์ออกบางปะอิน สอบถามว่ายังไม่ได้กินอาหารเช้ากันมา เลยแวะเข้าปั๊มเติมคาเฟอีนและอาหารกันซะหน่อย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:34:49

ความคิดเห็นที่ 2 จะรอกินกุ้งเผา ไม่รู้ทริปนี้มีป่าวววว??? ตามชมด้วยคน.......ขอบคุณครับ จากคุณ : Low Batt เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:39:15

ความคิดเห็นที่ 3 อิ่มแล้วก็พากันเดินทางต่อ เห็นป้ายตลาดโก้งโค้งก็เลยหักพวงมาลัยไปตามป้าย โค้งไปโค้งมา เอ....ทำไมไม่ถึงซะที จนคิดว่าเลยแล้วล่ะ และนี่ก็เป็นปัญหาไปเกือบทั้งวัน เพราะป้ายสถานที่เที่ยวส่วนมากที่ไม่ได้อยู่ในเกาะเมืองมีน้อย เท่าที่สังเกตจะเห็นอยู่ริมถนนเส้นใหญ่ เพราะเข้าไปตามถนนเส้นรองๆ ไม่มีป้ายต่อเลย แผนที่ที่เตรียมไปก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ เมื่อคิดว่าเลยแล้วก็มองหาที่เที่ยวต่อไปละกัน ขี้เกียจย้อนไปหาแล้ว ขับมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้เริ่มเที่ยวที่นี่ ที่ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะเป็นที่เที่ยวที่สุดท้าย ที่ซึ่งเป็นสถานที่ในดวงใจเราเสมอมา "วัดไชยวัฒนาราม" จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:41:17

ความคิดเห็นที่ 4 ตามไปเที่ยวด้วยคน จากคุณ : tonhok เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:32:20

ความคิดเห็นที่ 5 รอดูค่ะ ภาพสวยมาก แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 14:37:23 จากคุณ : บอลลูนลอยฟ้า เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:37:09

ความคิดเห็นที่ 6 ตามเที่ยวครับ ภาพสวยมาก :) จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:56:11

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพเปิดสวยจังค่ะ ^___^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:05:48

ความคิดเห็นที่ 8 มาแว้ววววค่า สงสัยเจ้านายจะได้กลิ่นเลขาอู้ เลยงอกงานมาให้ แหะแหะ ตามมาเลยค่าน้า Low Batt แต่งวดนี้ไม่ได้กินกุ้งนะคะ ชาวคณะก็เสียดายอยู่เหมือนกัน เชิญเลยค่ะ คุณtonhok ขอบคุณค่ะ คุณบอลลูนลอยฟ้า เชิญค่ะ คุณสีขุ่น ขอบคุณค่ะ คุณปลาผัดคื่นช่าย ตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม่ถามว่าอยากไปไหน บอกกับแม่ว่าอยากมาที่นี่ที่เดียวแหละ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พอเห็นภาพน้ำท่วมเข้าไปน้ำตาแทบร่วง คิดว่าต่อไปจะมาเยี่ยมชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่พระนครศรีอยุธยาให้บ่อยกว่าเดิม จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:18:53

ความคิดเห็นที่ 9 "วัดไชยวัฒนาราม" ตั้งอยู่นอกเกาะกรุงศรีอยุธยาฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา   สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีการสันนิษฐานเหตุผลของการสร้างวัดนี้อยู่สองประการ 1. เป็นการสร้างวัดขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา 2. สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวก โดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด วัดไชยวัฒนาราม สร้างบนพื้นที่ 160 เมตรยาว 310 เมตร โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กล่าวได้ว่าวัดนี้ตั้งตรงกับทิศทางคตินิยมในการสร้างวัดที่ปฏิบัติเป็นประเพณีสืบกันมา นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเหตุการณ์ในพุทธประวัติที่กล่าวว่า พระโพธิสัตว์ทรงประทับภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงบำเพ็ญสมาธิจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระพุทธรูปซึ่งเป็นหลักของวัด ก็สร้างแทนองค์ประพุทธเจ้าคือพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งเป็นปางที่แสดงเหตุการณ์ตอนพระพุทธองค์ตรัสรู้ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 15:24:18 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:23:34

ความคิดเห็นที่ 10 พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุเป็นปรางค์ประธานรูปแบบสมัยอยุธยาตอนต้น สูง 35 เมตร ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวาร 4 องค์ประจำทิศต่าง ๆ ปรางค์ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยระเบียงคดยาวต่อเนื่องกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีหลังคารูปจั่วคลุมยาวโดยตลอด และตลอดความยาวของพระระเบียงนี้มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยจำนวน 120 องค์ ประทับนั่งอยู่เป็นแถวยาว มีอาคารทรงเมรุประจำอยู่ทั้ง 8 ทิศ โดยผนังด้านนอกของเมรุทิศนี้มีปูนปั้นแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ 12 ภาพ ส่วนภายในเมรุทั้งแปดประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องขนาดใหญ่ป บริเวณด้านทิศตะวันออกของแนวระเบียงคดซึ่งเป็นด้านหน้าของวัดและเป็นเส้นทางสู่แม่น้ำเจ้าพระยา มีซากฐานของพระอุโบสถขนาดใหญ่ ยาว 52.75 เมตร กว้าง 20 เมตร ภายในมีพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย 3 องค์ ประทับอยู่ด้านหน้าของพระอุโบสถ ด้านซ้ายและขวามีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอยู่หนึ่งคู่ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:26:21

ความคิดเห็นที่ 11 คุ๊กกี้ ทีจี ทิพย์เทวี ของข้าอยู่ไหนนนนนนนนนนนนนนน ปีหน้า ถ้าโดดประชุมได้ เราไปอยุธยากันเถอะ เนอะเนอะ หม่อมป้า จากคุณ : จุ่น (nongsoon) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:26:40

ความคิดเห็นที่ 12 วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดหลวงที่บำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์สืบต่อมาหลังจากนั้นทุกพระองค์จึงได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชสมัย วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์(เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก และเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาจึงได้ถูกปล่อยทิ้งร้าง จนกระทั่งวัดไชยวัฒนารามได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาจนปัจจุบัน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:27:23

ความคิดเห็นที่ 13 ให้มันจริงนะไอ่จุ่น ถ้าเบี้ยวกันอีก ข้าตัดเอร็งออกจากกองมะรึดกแน่ๆ หุหุหุ แม่น้ำด้านหน้าวัด มีเรือประเภทต่างๆ สัญจรอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเรือที่นำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมด้วย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:30:25

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อสมัยก่อนเราสามารถเดินเข้าไปเที่ยวชมด้านในได้ แต่วันที่เราไปเค้ากันเทปเอาไว้โดยรอบ ให้ชมได้จากภายนอกเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกันแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า แต่เราก็เข้าใจแหละว่าโครงสร้างของวัดคงทรุดโทรมมากจากน้ำท่วมที่ผ่านมา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:33:35

ความคิดเห็นที่ 15 แน่นอนฮะหม่อมป้า ว่าแต่ปีนี้ ป้าจะไปหาหลานเมื่อไหร่อ่ะ ปิงลอ  ป้ายังติดเค้าอยู่นะ เค้าไม่ลืม 555555 จากคุณ : จุ่นคุง (nongsoon) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:36:23

ความคิดเห็นที่ 16 จากวัดไชยวัฒนาราม สาวๆ ยังคงอยากไปเที่ยวตลาดอยู่ พลาดจากตลาดโก้งโค้งไปแล้วก็ว่าจะไปแก้มือที่ตลาดคลองสระบัว ดีนะที่พากันไปถามทางคุณลุงที่ด้านหน้าวัดถึงได้รู้ว่าตลาดคลองสระบัวปิดไปแล้ว คุณลุงบอกให้ไปตลาดน้ำอโยธยาแทนแล้วก็ช่วยบอกทางให้ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่เราใช้เป็นหลักในการไปสถานที่ต่างๆ ในอยุธยาวันนั้นคือเจดีย์วัดสามปลื้ม หรือเจดีย์กลางถนนนั่นเอง เวลาถามทางใครๆ ว่าไปทางไหน เราก็เอาเจดีย์องค์นี้เป็นหลักกัน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:43:14

ความคิดเห็นที่ 17 เอออออ ไม่ลืมย่ะ ไปอีกทีปลายกันยา ไปมะล่า รอใครอยู่จ๊ะ พ่อเสมา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:48:00

ความคิดเห็นที่ 18 แพร่พันธุ์ไปครบทุกจังหวัดกันหรือยังเนี่ย พวกเธอ!!! จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:48:59

ความคิดเห็นที่ 19 แหะๆ ในตลาดคนเยอะ ไม่รู้จะดูอะไร เลยส่องดอกไม้ใบหญ้าไปเรื่อย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:50:30

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นแล้วอดไม่ได้ ชอบๆๆๆ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:53:53

ความคิดเห็นที่ 21 กำลังเดินกลับออกจากตลาดเพื่อไปหาข้าวกลางวันกิน ก็มาป๊ะกับเจ้าตัวนี้เข้า กรี๊ดค่ากรี๊ด จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:05:54

ความคิดเห็นที่ 22 ลืมหิวไปชั่วขณะ ไม่อยากกินข้าวแล้ว อยากกินคุกกี้แทน หมาอาไร้ น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:13:10

ความคิดเห็นที่ 23 เล่นจนหมาเค้าเกือบช้ำใน เอ๊ย พอสมควรแก่เวลาก็ไปหาข้าวกลางวันกินกันดีกว่า ชื่อร้านชายน้ำ อยู่แถวๆ วัดพนัญเชิง บรรยากาศดี กับข้าวอร่อย ราคาสบายกระเป๋า เสียอย่างเดียววันที่เราไปไม่มีกุ้งอ่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:16:07

ความคิดเห็นที่ 24 ที่นี่ปลาเยอะเชียว จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:17:43

ความคิดเห็นที่ 25 ได้โต๊ะริมน้ำ มุมค่อนข้างส่วนตัว แหม...ช่างมีความสุข จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:19:14

ความคิดเห็นที่ 26 อาหารมาไว มาพร้อมๆ กันเลย เริ่มด้วยอาหารสามัญประจำทริป ไข่เจียวกุ้ง หอม กรอบ รสชาติดีจริงเจียว จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:20:49

ความคิดเห็นที่ 27 ปลาช่อนเผา สะเดาลวก น้ำปลาหวาน อร่อยอีกแหละค่ะ ไม่กล้าถ่ายรูปตอนที่อิ่มกันแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนยายคงบอกว่ากินไม่เผื่อหมาเผื่อแมวกันเลยนะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:23:14

ความคิดเห็นที่ 28 อยากลองจานนี้ เคยได้ยินแต่ชื่อไม่เคยกินซะที ปลาม้าทอดกรอบ  แล้วก็ยังมีปลาเนื้ออ่อนทอดต้มโคล้ง น้ำต้มโคล้งรสดี ไม่จัดมาก สรุปแล้วคืออร่อยทุกอย่างไม่ผิดหวังเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:25:28

ความคิดเห็นที่ 29 กินอิ่มแล้วอยากจะขอเสื่อป้าปูนอนตรงท่าน้ำจริงๆ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:26:07

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นรูปข้างบน  ท้องร้องเลยครับ   จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:26:36

ความคิดเห็นที่ 31 กินข้าวเสร็จก็ไปเที่ยวกันต่อค่ะ ไปวัดที่อยู่ใกล้กับร้านชายน้ำนั่นแหละค่ะ ได้แก่ วัดพนัญเชิง "วัดพนัญเชิง" เป็นพระอารามหลวงชั้นโท  ชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนใต้ของเกาะเมือง ตรงบริเวณปากน้ำขนาดใหญ่ซึ่งแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยามาบรรจบกัน เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาและไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี เหตุที่ได้นามว่า "วัดพนัญเชิง" 1. คำว่า “พแนงเชิง” มีความหมายว่า  “นั่งขัดสมาธิ” ฉะนั้น คำว่า “วัดพนัญเชิง” “วัดพระแนงเชิง” หรือ  “วัดพระเจ้าพแนงเชิง” จึงหมายความถึงวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย 2. การสร้างพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยเป็นประธานของวัด เป็นลักษณะพิเศษจึงขนานนามวัดตามพระพุทธลักษณะที่สร้าง  พระประธานของวัดนี้เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 3. สืบเนื่องมาจากตำนานเรื่องพระนางสร้อยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายนั้น  พระนางคงจะนั่งขัดสมาธิ เพราะชาวจีนนิยมนั่งขัดสมาธิมากกว่านั่งพับเพียบ จึงนำมาใช้เรียกชื่อวัด  บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง  ตามสาเหตุที่ทำให้พระนางถึงแก่ชีวิต จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:29:30

ความคิดเห็นที่ 32 เหมือนกันเลยค่ะ คุณnumsiam รีวิวไปหิวไป อยากกลับไปกินอีก อิอิ มาวัดพนัญเชิงก็ต้องไปกราบสักการะหลวงพ่อโต วันอาทิตย์คนเยอะมาก ต้องผลัดกันเข้าเป็นรอบๆ เลยทีเดียว อยากมาวันธรรมดาจะได้สวดมนต์และชื่นชมองค์หลวงพ่อนานๆ หน่อย พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) เป็นพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 7 วา 10 นิ้ว สูงตลอดรัศมี 9 วา 2 ศอก ในทำเนียบพระพุทธรูปกล่าวว่า  สร้างเมื่อปีชวด  พ.ศ.1867  ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  26 ปี แต่เดิมนั้นประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโต หรือชาวไทยเชื้อสายจีน เรียกว่า ซำปอกง ปัจจุบันประดิษฐ์อยู่ในพระวิหารใหญ่ ตามฝาผนังพระวิหารใหญ่ทั้ง 4  ด้าน ทำเป็นช่องๆ ไว้บรรจุพระพุทธรูปขนาดเล็ก 84,000 องค์ พระพุทธรูปองค์นี้ มีเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ซึ่งควรนำมากล่าวไว้ในนี้ด้วย คือ ตามคำให้การชาวกรุงเก่าเล่าว่า เมื่อใกล้จะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าข้าศึกนั้น  พระพุทธปฏิมากรองค์ใหญ่ในพระวิหารหลวง วัดพนัญเชิง มีน้ำพระเนตรไหลออกทั้งสองข้างจรดพระนาภี ประชาชนจึงมีความเคารพนับถือมาก ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบูรณะองค์พระพุทธรูปใหม่ทั้งองค์และถวายพระนามว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 16:32:56 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:32:27

ความคิดเห็นที่ 33 เดินออกจากวิหารหลวงพ่อโตไปทางซ้ายมือ จะพบกันศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากค่ะ ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารหลวงพ่อโตใกล้กับแม่น้ำป่าสัก ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน ล้อมลานขนาดเล็กไว้ตรงกลาง ด้านหลังเป็นเรือนสองชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปเคารพ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:34:25

ความคิดเห็นที่ 34 สีขนคุ้กกี้เหมือนสีขนยัยปิงเลยเนอะ หน้าตาก็แบ๊วด้วย ปิงลอ2 ร้านชายน้ำบอกว่า จูนไม่ได้ไป ร้านก็เลยไม่ไปหากุ้งไว้รออ่ะหม่อมป้า 55555 จากคุณ : จุ่น (nongsoon) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:34:43

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนเช้าอากาศขมุกขมัวเล็กน้อย ลมเย็นสดชื่นดี พอตอนสายๆ ถึงเย็นวันนั้นอากาศร้อนแดดแรงขึ้นมาทีเดียว แต่ก็ได้ภาพท้องฟ้าสวยๆ เป็นการตอบแทน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:35:51

ความคิดเห็นที่ 36 ช่ายยย สงสัยเจ้าของจะเหมือนพวกป้า เออ ถ้างั้นวันไหนจูนไป จูนเลี้ยงกุ้งป้าๆ นะ หุหุหุ องค์จำลองของพระนางสร้อยดอกหมาก งามเชียวค่ะ เรื่องของพระนางสร้อยดอกหมากนั้นอ้างอิงอยู่กับตำนานซึ่งอยู่ในพงศาวดารเหนือที่กล่าวกันว่า พระนางเป็นธิดาของพระเจ้ากรุงจีน ซึ่งพระราชทานให้แก่กษัตริย์ในตำนานของอยุธยาชื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ขบวนพยุหยาตราของพระนาง เสด็จฯ มาทางชลมารค แต่มิได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติจากพระเจ้าสายน้ำผึ้งในฐานะพระราชธิดาของจักรพรรดิจีน ทำให้พระนางน้อยพระทัยเลยกลั้นลมหายใจจนสิ้นพระชนม์ไป พระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงเสียพระทัยมาก  โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระศพของพระนางขึ้นมาพระราชทานเพลิง และทรงสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระนางสร้อยดอกหมาก จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:38:01

ความคิดเห็นที่ 37 วันนี้ต้องผ่านวัดใหญ่ชัยมงคลไปก่อนด้วยความเสียดาย เพราะทริปพวกเรานั้นเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ได้กำหนดเวลาเอาไว้ ซึ่งตอนนี้ก็บ่ายแล้ว เดี๋ยวไปเยี่ยมน้องช้างกันไม่ทัน จากวัดพนัญเชิงเรามาไหว้พระที่วิหารพระมงคลบพิตรกันต่อค่ะ วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของพระราชวังหลวง บางคนสันนิษฐานว่าเคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก เพราะต้องการใช้พื้นที่เดิมสร้างพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพ แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑป พ.ศ. 2246 แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปต้องอสนีบาต (ฟ้าผ่า) ไฟไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรหัก สมเด็จพระเจ้าเสือ จึงโปรดฯให้แปลงมณฑปเป็นวิหารแต่ยังคงส่วนยอดของมณฑปไว้ แล้วซ่อมพระเศียรพระพุทธรูปใหม่ กระทั่งในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่หมด เปลี่ยนหลังคาคล้ายในปัจจุบัน พ.ศ. 2310 เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ พม่าเข้าใจว่าพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปทองคำ จึงได้ใช้ไฟสุมลอกทองจนกระทั่งองค์พระตลอดจนพระวิหารได้รับความเสียหายมาก โดยเฉพาะเครื่องบนพระวิหารที่หักลงมา ต้องพระเมาฬีและพระกรข้างขวาจนแตกหัก ตกลงมากลายเป็นซากปรักหักพัง  นับแต่นั้นมาจนกระทั่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:45:00

ความคิดเห็นที่ 38 พ.ศ. 2498 รัฐบาลไทยได้เชิญ ฯพณฯ อูนุ นายกรัฐมนตรีพม่า มาเยือนประเทศไทย และได้มาเยือนอยุธยาเป็นกรณีพิเศษ ท่านได้กล่าวขอขมาต่อการที่กองทัพพม่าที่ได้กระทำต่อกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังได้มอบเงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อสมทบทุนสร้างหลังคาวิหารพระมงคลบพิตรที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และยังได้อัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิ์มาปลูกไว้ ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ พ.ศ. 2499 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระมงคลบพิตร และพระวิหารขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะองค์พระมงคลบพิตรนั้นได้ทาสีดำตลอดทั้งองค์ ในคราวบูรณะพระมงคลบพิตรในปี พ.ศ. 2500 กรมศิลปากรได้พบพระพุทธรุปบรรจุไว้ในพระพาหา (แขน) เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม พ.ศ. 2533 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาเป็นองค์ประธานเททองหล่อพระพุทธรูปพระมงคลบพิตรจำลอง ได้ประทานพระราชดำริว่าควรปิดทององค์พระมงคลบพิตรทั้งองค์ ทำให้องค์พระพุทธรูปมีพุทธลักษณะที่งดงาม น่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้น จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:45:56

ความคิดเห็นที่ 39 "พระมงคลบพิตร" ประจักษ์พยานถึงความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์แห่งโลหะ และความสามารถในการหล่อโลหะ โดยเฉพาะสำริดซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งในสมัยอยุธยา พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ครองจีวรห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวา มีสังฆาฏิพาดเหนือพระอังสาซ้าย ชายยาวลงมาจรดพระนาภี ภายในองค์ก่ออิฐเป็นแกนแล้วบุด้วยทองสัมฤทธิ์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์พระไม่รวมฐานบัว 12.45 เมตร ส่วนฐานบัวสูง 4.50 เมตร พระเศียรวัดโดยรอบตรงบริเวณเหนือพระกรรณ 7.25 เมตร พระพักตร์กว้าง 2.32 เมตร บัวหงายระหว่างพระรัศมีกับพระเกศาเมาลีสูง 43 เซ็นติเมตร พระรัศมีเหนือบัวหงายสูง 1.30 เมตร พระกรรณยาวข้างละ 1.81 เมตร พระเนตรยาวข้างละ 1.05 เมตร พระนาสิกยาว 1.20 เมตร พระโอษฐ์ยาว 1.16 เมตร และเป็นพระพุทธรูปหล่อขนาดใหญ่องค์เดียวในประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชา ราว พ.ศ. 2081 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:46:54

ความคิดเห็นที่ 40 ติดกับวิหารพระมงคลบพิตร ก็คือบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สุดของราชสำนักอยุธยา มีฐานะเป็นวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐาน จึงไม่มีพระสงฆ์จำอยู่ในวัดพื้นที่ตั้งของวัด แตกต่างจากวัดมหาธาตุ สุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งวัดมหาธาตุ สุโขทัย วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ ต่างก็ถูกสถาปนาขึ้นในมูลเหตุการสร้างเดียวกัน นั่นคือ "สร้างเพื่อเป็นวัดประจำพระราชวัง" วัดพระศรีสรรเพชญ์ เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาในปี พ.ศ. 1991 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ทรงยกพื้นที่นี้ให้เป็นเขตพุทธาวาส แล้วย้ายบรรดาพระราชมณเฑียรเลยขึ้นไปทางทิศเหนือต่อจากเขตวัดไปจนจรดริมแม่น้ำลพบุรีในปัจจุบัน วัดพระศรีสรรเพชญ์ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตลอดจนใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์อยุธยาเกือบทุกพระองค์ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ขออนุญาตนำรูปภาพแบบจำลองจากหนังสือ Ayutthaya World Heritage มาให้ชมกันนะคะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:52:51

ความคิดเห็นที่ 41 บริเวณใจกลางสุด มีพระเจดีย์ทรงลังกาขนาดใหญ่ 3 องค์ สลับระหว่างกลางแต่ละองค์ด้วยมณฑปอีก 3 หลัง เจดีย์องค์แรกสร้างเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เจดีย์องค์กลางบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และองค์สุดท้ายบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ปลายทิศตะวันตกของพระเจดีย์องค์สุดท้ายมีฐานของพระวิหารจัตุรมุข โดยตรงกลางมีเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิ ส่วนมุขทั้งสี่ด้านเชื่อว่าเคยมีพระพุทธรูปนั่ง ยืน นอน และเดิน ด้านทิศตะวันออกต่อกับเจดีย์องค์แรกเป็นวิหารสำคัญที่สุด เพราะบริเวณด้านท้ายซึ่งเรียกว่า ท้ายจระนำ ใช้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์องค์ต่างๆ ในวิหารเคยมีพระพุทธรูปหุ้มทองคำหนัก 286 ชั่ง (หรือหนักเท่ากับ 12,880 บาท) ประทับยืนสูงถึง 8 วา มีพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในสมัยอยุธยา แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 17:11:15 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:55:07

ความคิดเห็นที่ 42 พระวิหารหลวงหรือวิหารพระศรีสรรเพชญ์นี้ถูกขนาบด้วยวิหารพระโลกนาถอยู่ด้านทิศเหนือ ส่วนทิศใต้เป็นวิหารพระป่าเลไลยก์ ถัดต่อทางด้านหน้าเป็นพระวิหาร(ทิศเหนือ) และพระอุโบสถ(ทิศใต้) อาคารทั้งหมดนี้ถูกล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยพระเจดีย์สลับกับวิหารแกลบอย่างได้สัดส่วน วัดพระศรีสรรเพชญ์ถูกเผาไปเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาให้พม่า ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2310 พม่าได้ปล้นสะดมทรัพย์จำนวนมาก ทั้งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาและที่ได้มาจากการที่สยามยึดมาจากพระนครธม ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ พม่าได้เอาไฟสำรอกทองหุ้มองค์พระศรีสรรเพชญ์ คงเหลือแต่แกนในพระซึ่งทำด้วยสำริด เมื่อคราวตั้งกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้อัญเชิญแกนในพระศรีสรรเพชญ์ลงมาด้วย ทรงสร้างพระเจดีย์หุ้มแกนพระองค์นี้ไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) แล้วถวายพระนามตามท่านว่า “เจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ดาญาณ” จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:14:53

ความคิดเห็นที่ 44 ปัจจุบันเหลือให้ชมกันแค่นี้ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:39:55

ความคิดเห็นที่ 45 แนวกำแพงกั้นระหว่างวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:40:59

ความคิดเห็นที่ 46 เจดีย์สามองค์ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ แต่เราว่าอย่างเดิมดูสวยงามและมีมนต์ขลังกว่า แหะแหะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:42:37

ความคิดเห็นที่ 47 อีกมุมหนึ่ง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:43:43

ความคิดเห็นที่ 48 ส่งท้ายที่นี่ด้วยภาพนี้ค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:44:47

ความคิดเห็นที่ 49 บริเวณพระราชวังเดิมกว้างขวางมาก เราไม่มีเวลาไว้ค่อยกลับมาเที่ยวชมใหม่ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:46:04

ความคิดเห็นที่ 50 เราเดินมาทางคุ้มขุนแผน เพื่อไปยังวังช้าง แล เพนียดกันค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:47:15

ความคิดเห็นที่ 51 แชะ ระหว่างทาง อิอิ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:48:10

ความคิดเห็นที่ 52 เอ่อ ไม่ใช่ละคะหม่อมป้าาาา แต่จะบอกว่า เค้าเคยเข้าไปเที่ยวในวัดไชยวัฒนาราม ขึ้นบันไดไป ลมเย็นพัดสบายๆๆๆมากๆ อากาศดี ไปตอนเย็นๆนะป้า เสร็จแล้ว ก็ไปวัดกษัตราธิราช มาให้อาหาปลาต่อ เพลินดีฮะ จากคุณ : nongsoon เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:52:15

ความคิดเห็นที่ 53 ถึงแล้วค่า วังช้างอยุธยา แล เพนียด วังช้างอยุธยา แล เพนียด ตั้งอยู่ริมถนนป่าโทน  ข้างคุ้มขุนแผน  อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งขึ้นเมื่อวันที่  17  กุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2540  โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมศิลปากร  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  เดิมได้ตั้งชื่อว่า  ปางช้างอยุธยา  แล  เพนียด  และได้เปลี่ยนชื่อ ใหม่เป็น วังช้างอยุธยา  แล เพนียด  เพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของและสถานที่ คำว่า แล  หมายถึง  แลมอง แลเห็น แลดู  เป็นคำโบราณ  เพนียด หมายถึง โบราณสถานเป็นที่จับช้างโบราณ ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา  ความหมายรวม คือ  เป็นสถานที่ทำงานของช้าง และดูแลเพนียดคล้องช้าง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:54:56

ความคิดเห็นที่ 54 เพราะแกรนี่เองไอ่จุ่น วัดถึงได้ทรุดซะ เชือกนี้ชื่อพลายงาทอง เพิ่งอาบน้ำเสร็จคับ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:56:48

ความคิดเห็นที่ 55 มาถึงค่อนข้างเย็น เด็กๆ กำลังจะกลับบ้านกันแล้ว เชือกนี้ชื่อพลายศรีมงคลคับ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:58:04

ความคิดเห็นที่ 56 พังฟ้ารุ่ง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:58:52

ความคิดเห็นที่ 57 พลายปีเตอร์ โชว์ความสามารถให้ป้าๆ กรี๊ดดดดดด จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:59:59

ความคิดเห็นที่ 58 ลีลาพริ้วจริงๆ เลย ปีเตอร์จ๋า จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:00:45

ความคิดเห็นที่ 59 แชะรูปกันอีกสักนิด จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:01:25

ความคิดเห็นที่ 60 ระหว่างนั้นคู่ศรีมงคลกับพี่ควาญก็เล่นกันกระหนุงกระหนิง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:02:16

ความคิดเห็นที่ 61 สอบถามเรื่องพังโสภากับพี่ควาญของศรีมงคล ควาญบอกว่าพังโสภากับลูกน้อยพักอยู่ที่หมู่บ้านช้างเพนียดหลวง ต้องเดินทางไปอีกครับ ช่วงนั้นค่อนข้างเย็นแล้วลังเลๆ ว่าจะไปดีไหม ควาญบอกว่าไปได้ครับที่หมู่บ้านเปิดตลอด เลยถามทางแล้วขับรถกันไป เข้าไปค่อนข้างลึกทีเดียวจนนึกว่าหลงอีกแล้ว จอดถามบ้านข้างทางได้ความว่าเกือบถึงแล้ว ขับต่อไปอีกหน่อยครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 21:43:40 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:05:41

ความคิดเห็นที่ 62 หมู่บ้านช้างเพนียดหลวง ตั้งอยู่ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เส้นทางการเดินทางจากตัวเมือง ข้ามคลองเมือง(แม่น้ำลพบุรีเดิม) ตามเส้นทางผ่านวัดวงษ์ฆ้อง  วัดอินทาราม  วัดแม่นางปลื้ม  วัดสามวิหาร  วัดเจดีย์แดง  เพนียดคล้องช้าง   หมู่บ้านช้างเพนียดหลวง จะตรงกันข้ามกับ  สำนักงานทางหลวงชนบท  และบ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา   ก่อนถึงวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร  เป็นสถานที่อยู่อาศัย ที่พักให้กับควาญช้างทุกคน มีไฟฟ้าและน้ำสำหรับควาญช้างฟรี ในหมู่บ้านจะมี คชอภิบาลสถาน  ศาลปะกำ สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน เชือกปะกำ  เชือกบาศ  ที่สำหรับคล้องช้าง  ที่ได้รับมอบจากหมอเฒ่า  หมอช้างจากจังหวัดสุรินทร์และชัยภูมิ ซึ่งเป็นเชือกของบรรพบุรุษของควาญช้างที่ ใช้คล้องช้าง(จับช้างป่า)  มาฝึกหัดเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์  สตรีห้ามจับและบุคคลใดจะขึ้นไปบนศาลมิได้นอกจากเจ้าของศาล หรือได้รับอนุญาต เฉพาะผู้ที่เจ้าของอนุญาตเท่านั้น   บนศาลปะกำนั้นก็จะเป็นที่รวบรวมอุปกรณ์ในการคล้องช้าง  เช่น แผ่นหลังรองหลังช้าง ทวย  กาหลั่น  ซองในอุปกรณ์ต่าง  ไม้งก  ไม้คันจาม  และงาช้างที่เสียชีวิตไป ได้ถอดงาเก็บไว้  พร้อมกับอวัยวะช้าง เช่น ปลายงวงนำมาทำให้แห้ง  หางช้างที่เสียชีวิตไปแล้วเก็บไว้บูชา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:08:39

ความคิดเห็นที่ 63 มาถึงแล้วป้าๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ มีลูกช้างอยู่หลายเชือกเลย เพราะที่หมู่บ้านช้างเพนียดหลวงมีโครงการอนุบาลช้างน้อย กล่าวคือ เมื่อแม่ช้างตกลูก(ให้กำเนิด) แล้ว ช้างจะได้รับการดูแลอนุบาล คือการเลี้ยงดู โดยแม่ช้างไม่ต้องไปทำงาน อยู่ในคอกที่มีหลังคา เจ้าหน้าที่ควาญช้างคอยดูแล สุขภาพ อาหารช้าง น้ำ เก็บมูล ทำความสะอาด ตลอดระยะเวลา 3  ปีเต็ม  ลูกช้างก็จะได้รับความปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง  แม่ช้างจะได้ปริมาณอาหารที่มากพอที่จะผลิตนมให้ลูกช้างอย่างมีคุณค่า  และลูกช้างก็มีพัฒนาการที่ดี จากการกินนมอย่างเดียวก็เริ่มปรับตัวกินอาหารช้างบ้างจนกระทั่ง 3  ปีผ่านไป ลูกช้างจะถูกแยกจากแม่ลูก  แม่ก็จะนำมาฝึกใหม่ เพื่อให้ทำงานปกติ  ลูกช้างก็จะนำเข้าโรงเรียนฝึกลูกช้างต่อไป แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 22:59:47 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:16:35

ความคิดเห็นที่ 64 ใครเป็นใครกันบ้างล่ะเนี่ย เด็กๆ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:17:36

ความคิดเห็นที่ 65 เด็กๆ ในคอกอายุ 5-7 เดือน มีสองเชือกที่คลอดตอนช่วงน้ำท่วม เห็นป้ายที่ติดไว้ในหมู่บ้านแล้วดีใจ ป้ายเขียนไว้ประมาณว่าอพยพไป 97 เชือก กลับมา 99 เชือก เห็นรอยที่น้ำท่วมแล้วน่าตกใจมาก เกือบมิดเต็นท์กันเลยทีเดียว ก็คือมิดหลังช้างนั่นแหละค่ะ รู้สึกสงสารช้างและควาญมากเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:21:38

ความคิดเห็นที่ 66 ที่ต้องอยู่ในคอกเพราะซนกันมาก แรงเยอะด้วย ขนาดเจ้าตัวเล็กสองตัวข้างนอกคอกยังเผลอไม่ได้ ป้ายืนหันหลังให้แป๊บเดียวแอบมาทางข้างหลัง แล้วร่วมแรงกันชนกะจะให้ป้าล้ม แต่ไม่ล้มนะเพราะตัวป้าน่ะเกือบเท่าแม่ของหนูนะจ๊ะ นี่ก็กะจะถอดกลอนออกมาซนล่ะสิ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:24:59

ความคิดเห็นที่ 67 เจ้าตัวเล็กข้างนอกอายุสองเดือน หนึ่งเดือน และสองสัปดาห์ พังน้ำหวานกับพลายทีจี ทีจีเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2555 เป็นลูกช้างอุปถัมภ์ของการบินไทย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:38:19

ความคิดเห็นที่ 68 ภาพสวยมากๆ ค่ะ ช้างก็น่ารัก อยากไปเพนียดช้างอีกจัง เสียดายที่เข้าไปชมวัดไชยวัฒนารามไม่ได้เนอะ จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:39:08

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณค่ะ คุณเด็กศิลป์ (Artiste) เสียดายมากๆ เลยค่ะ ไม่ทราบว่าจะปิดอย่างนี้ตลอดหรือต่อไปจะเปิดให้เข้าชมนะคะ รอลุ้นอยู่ค่ะ ควาญน้อยกำลังพยายามผูกสายสิญจน์รับขวัญทีจี จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:49:14

ความคิดเห็นที่ 70 อยู่นี่เอง นางเอกที่เรามาตามหา พังโสภากับพังทิพย์เทวีค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:50:14

ความคิดเห็นที่ 71 สอบถามเรื่องท้องขนาดใหญ่ของพังโสภา ควาญบอกว่า "อ้วน" ค่ะ อร๊ายยยย พูดคำนี้ต่อหน้าหญิงสาวได้งัยคะ พี่ควาญ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 21:41:01 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:51:40

ความคิดเห็นที่ 72 สาวน้อยทิพย์เทวี เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2555 เป็นลูกอุปถัมภ์ของทิพยประกันภัย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:55:27

ความคิดเห็นที่ 73 แสบ ซ่า ซน เป็นที่สุด จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:56:17

ความคิดเห็นที่ 74 พี่อาทิจกับน้องณี วิ่งไล่กันทั้งวัน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:58:08

ความคิดเห็นที่ 75 หมดแรงกันหรือยังเนี่ย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:59:16

ความคิดเห็นที่ 76 พี่อาทิจค่อนข้างจะสู้น้องไม่ได้นะคะ โดนน้องแกล้งตลอดเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:00:50

ความคิดเห็นที่ 77 ส่วนยัยแสบหมดแรงทีก็วิ่งไปหาแม่ที จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:11:14

ความคิดเห็นที่ 78 น่ารักน่าชังมากอ่ะ ทิพย์เทวีจ๋าาาาาาา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:13:28

ความคิดเห็นที่ 79 น้องนุชสุดท้องของหมู่บ้านช้างเพนียดหลวงตอนนี้อยู่นี่ค้าบบบบบ พังกำไลเพชรกับพลาย Sugar Cane ลูกอุปถัมภ์ของวังขนาย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:16:03

ความคิดเห็นที่ 80 พลาย Sugar Cane เกิดเมื่อวันสุนทรภู่นี่เองคับ (26 มิถุนายน 2555) จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:20:18

ความคิดเห็นที่ 81 ยังเล็กอยู่มากแม่เลยหวง ไม่ยอมให้ห่างตัวเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:25:11

ความคิดเห็นที่ 82 กำลังจะถามอยู่ทีเดียวเชียวค่ะ ว่าทำไมน้องช้างถึงชื่อ ทีจี  การบินไทยเป็นผู้อุปถัมภ์อยู่นี่เอง ปิงลิง 3  ถ้าแกงค์เราอุปถัมภ์ สงสัยน้องช้างต้องชื่อ นางมาร แน่ๆ แอร๊ยยย ไม่ใช่ ต้องชื่อ นางฟ้า สิ แน่นอน จากคุณ : nongsoon เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:27:19

ความคิดเห็นที่ 83 หรืออาจจะชื่อ หลงเอ๋อ นะจุ่น วิธีการคือใช้งวงคอยกันตัวลูกไว้ตลอด ไม่ให้เดินไปไหน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:32:57

ความคิดเห็นที่ 84 ดูแล้วอบอุ่น น่ารักมากมาย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:35:04

ความคิดเห็นที่ 85 พ่อพลายเชือกนี้ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่เราชอบมากๆ เลย เพราะหน้าเหมือนช้างแกะสลักที่เชียงใหม่ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:37:55

ความคิดเห็นที่ 86 ...เพิ่งไปมาเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนั้นยังมีแค่ ลูกช้างที่เพิ่งคลอดได้ 3 เดือน ชื่อพลาย "เดชมงคล" เชือกเดียว...ลูกช้างเชือกอื่นโตแล้ว ถูกเอาไว้ในคอกกั้น ตอนนี้มีหลายเชือกเลย อยากไปอีก ผมชอบไปเพนียดคล้องช้าง ไปเล่นกับลูกช้าง... จากคุณ : lengza เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:45:39

ความคิดเห็นที่ 87 ลาทริปวันนี้ด้วยภาพของเจสซี่ หมาหน้าหวานในหมู่บ้านช้าง ตอนแรกว่าจะกลับกันประมาณสี่ห้าโมงเย็น เพราะเกรงใจสาวคนขับรถ อยากให้เธอได้พักผ่อน แต่เอาเข้าจริงถึงกรุงเทพฯ ดึกเลย เพราะมัวแต่เล่นอยู่กับเจ้าตัวเล็กๆ ที่หมู่บ้านช้าง แหะ แหะ ไว้วันหลังป้าๆ จะมาหาใหม่น้า จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:48:46

ความคิดเห็นที่ 88 เหมือนกันเลยค่ะ คุณlengza ไม่ผิดหวังเลยที่ดั้นด้นไปจนถึงหมู่บ้านช้าง เพื่อนๆ ยังบอกเลยว่าต้องกลับไปเล่นกับเจ้าตัวเล็กๆ อีกให้ได้ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:51:53

ความคิดเห็นที่ 89 อิอิ  ไว้ไปกันใหม่  แก้มือกุ้งกันนะ จากคุณ : via iPhone (แบกเป้เที่ยว) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:18:14