ความคิดเห็นที่ 1 ทริปนี้มีสมาชิกร่วมเดินทางรวมทั้งตัวเราด้วยทั้งหมด 5 คน เดินทางโดยรถส่วนตัวของคุณเพื่อน  ออกจากกรุงเทพฯ ในเช้าวันอาทิตย์ แวะทานอาหารเช้าที่ร้านบ้านสวนแถววังน้อย ก่อนมุ่งหน้าไปสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนมิตรภาพผ่าน อำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว แล้วเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 201 เข้าอำเภอด่านขุนทด  อำเภอจตุรัส ตัวเมืองชัยภูมิ อำเภอแก้งคร้อ และเข้าสู่อำเภอคอนสาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:03:25

ความคิดเห็นที่ 2 พวกเราเดินทางมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวกันในช่วงบ่าย จุดแรกที่แวะเก็บภาพความประทับใจก็คือ “จุดชมวิวปางม่วง” จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:04:27

ความคิดเห็นที่ 3 จุดชมวิวปางม่วง ถือเป็นส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทิวทัศน์ที่เห็นเบื้องหน้าประกอบไปด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่กว้างไกลสุดสายตา จากป้ายสื่อความหมายเบื้องหน้าทำให้เราทราบว่า ภูเขาสูงยอดตัดที่สูงกว่าลูกอื่นๆ นั้น คือ ภูผาจิต ถัดมาทางขวาตรงที่เห็นเป็นร่องเขานั้น สุดปลายสายตาคือ ภูกระดึง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:05:20

ความคิดเห็นที่ 4 จากจุดชมวิวปางม่วง วิ่งรถต่อไปอีกราว 2-3 กิโลเมตร ก็มาถึงปากทางเข้าที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:06:21

ความคิดเห็นที่ 5 “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว” อยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยว 3 อำเภอคือ อำเภอภูเขียว อำเภอคอนสาร และอำเภอเกษตรสมบูรณ์ และเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าอีสานตะวันตก เชื่อมรวมเป็นผืนป่าเดียวกันกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 3 แห่ง และอุทยานแห่งชาติอีก 4 แห่ง คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง , เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ , เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง , อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน , อุทยานแห่งชาติภูกระดึง , อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และอุทยานแห่งชาติตาดหมอก   ***ในกรณีไม่มีรถส่วนตัว ไม่ว่าจะเดินทางมาจากไหนให้ไปตั้งต้นที่สถานีขนส่งชุมแพ จ. ขอนแก่น ที่นั่นจะมีรถโดยสารประจำทางสายชุมแพ – เขื่อนจุฬาภรณ์ ถ้าจำไม่ผิดและยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รถจะมาวันละ 1 รอบเท่านั้นในช่วงเช้ามืด ถ้ากลัวพลาดแนะนำโทรไปสอบถามเวลารถออกกับสถานีขนส่งชุมแพโดยตรงค่ะ  นั่งมาลงยังป้ายหน้าทางเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และรออยู่กับเจ้าหน้าที่ตรงด่านตรวจ เพื่อขอติดรถเจ้าหน้าที่หรือนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆเข้าไปยังที่ทำการด้านใน ซึ่งต้องวิ่งรถเข้าป่าไปอีก 24 กิโลเมตรนะคะ***   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:10:32

ความคิดเห็นที่ 6 จากปากทางเข้าที่ทำการเมื่อสักครู่ หลังจากที่พวกเราแลกบัตรตรงด่านตรวจแล้ว  (บัตรประชาชนหรือใบขับขี่ แค่คนเดียวของกลุ่มที่ไปทั้งหมด) พร้อมทั้งเสียค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานอีกคนละ 30 บ. และต้องวิ่งรถเข้ามาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีกราว 24 กิโลเมตร เพื่อมายังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกระมัง) ก่อนจะออกรถมาจากด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าให้ขับรถช้าๆ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่พอได้วิ่งรถเข้ามาตลอดระยะทาง 24 กิโลเมตร ซึ่งตลอดสองข้างทางคือผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์จึงได้เข้าใจ เพราะตลอดทางที่วิ่งรถได้เจอกับสัตว์ป่าหลายชนิด ทั้งกวาง , เนื้อทราย , งู , นก และตะกวด จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:11:24

ความคิดเห็นที่ 7 อีกไม่กี่ร้อยเมตรก่อนถึงที่ทำการฯ  ทางด้านขวามือมีหนองน้ำอยู่ จึงจอดรถลงมาชื่นชมกันก่อน จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:12:02

ความคิดเห็นที่ 8 อีกฟากฝั่งของหนองน้ำถูกโอบล้อมไปด้วยผืนป่า ระหว่างนั้นก็เห็นมีสัตว์ป่าพวกกวางและเนื้อทรายเดินลงมากินน้ำที่หนองด้วย จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:12:27

ความคิดเห็นที่ 9 ณ มุมหนึ่งของหนองน้ำ มีศาลาไม้เก่าผุผังอยู่หลังหนึ่ง อาจสร้างไว้สำหรับมาดูนกน้ำและสัตว์ต่างๆ รึเปล่าไม่แน่ใจ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:12:49

ความคิดเห็นที่ 10 วิ่งรถเข้ามายังที่ทำการฯ บริเวณด้านหน้ามีลานหญ้าขนาดย่อมเชื่อมต่อกับชายป่าและที่พักของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พวกเราได้พบกับเหล่าเนื้อทรายออกมาเล็มหญ้ากันแบบใกล้ๆ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:14:51

ความคิดเห็นที่ 11 ตัวนี้ค่อนข้างใหญ่ มีเขาสวยด้วย   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:15:20

ความคิดเห็นที่ 12 พอเดินเข้าไปใกล้ ก็ตามสัญชาตญาณระวังภัยของสัตว์ป่า คือ เดินหนีไปซะงั้น   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:15:48

ความคิดเห็นที่ 13 อีกมุมหนึ่งบริเวณที่ติดกับชายป่า เจอเหล่าเพื่อนของเจ้าตัวเมื่อกี้ เล็มหญ้ากันเพลินทีเดียว   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:18:16

ความคิดเห็นที่ 14 ดอกหญ้าสีขาวบริเวณนั้น   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:19:08

ความคิดเห็นที่ 15 ถึงสักทีนะ...ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกระมัง)  เข้าไปติดต่อแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่และรับกุญแจบ้านพัก ซึ่งในการเข้าพักที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องโทรมาติดต่อแจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้า 15–30 วัน ถึง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ตู้ ปณ. 3 ปทจ.ชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น 40130 หรือผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ 10900  สอบถามข้อมูล โทร. 0 2561 4292-3 ต่อ 711. (ขอขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.phukhieows.org) จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:20:39

ความคิดเห็นที่ 16 บ้านพักของที่นี่เป็นอาคารไม้ทั้งหมด และมีส่วนของพื้นที่กางเต้นท์ไว้รองรับด้วย บ้านพักหลังที่พวกเราได้เข้าพัก ทางเจ้าหน้าที่ได้เลือกและเตรียมความพร้อมไว้ให้ โดยอยู่ห่างจากที่ทำการกว่าหลังอื่นๆ ในบรรดาบ้านพักแรม แต่ว่าใกล้เส้นทางไปทุ่งกระมังมากที่สุด แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 18:21:59 จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:21:42

ความคิดเห็นที่ 17 ถึงแล้วจร้า...บ้านพักของพวกเราคืนนี้     เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ยกใต้ถุนสูง เป็นอาคารต่อกันเป็นรูปตัวยู ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีห้องพักเรียงต่อกัน 9 ห้องในหนึ่งหลัง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:22:41

ความคิดเห็นที่ 18 บ้านแต่ละหลังก็มีป้ายชื่อบ้านตั้งอยู่ด้านหน้า หลังที่พวกเราพักคือ “บ้านจาบคา”   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:23:05

ความคิดเห็นที่ 19 พวกเราไปกัน 5 คน ทางเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ 3 ห้องติดกัน แต่สุดท้ายก็แบ่งกันนอนแค่ 2 ห้อง (คงไม่มีใครอยากแยกไปนอนคนเดียวหรอก ว่ามั๊ย)     อ้อ...ลืมบอกไปว่า แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว แต่อุปกรณ์อาบน้ำทั้งสบู่ แชมพู ยาสีฟัน หรือผ้าเช็ดตัวต้องเตรียมมาเองนะจ๊ะ   แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 18:24:06 จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:23:40

ความคิดเห็นที่ 20 เก็บข้าวของเข้าที่ พักพอหายเหนื่อย ก็ได้เวลาออกมาชมทุ่งกระมัง ไฮไลท์เด่นของการมาเยือนที่นี่กันแล้ว จากบ้านพักต้องขับรถมานะคะ หรือใครใคร่จะเดินก็ไม่ว่ากัน แค่ราวๆ 2-3 กิโลเมตรน่าจะได้ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:24:39

ความคิดเห็นที่ 21 “ทุ่งกระมัง”  เป็นที่ราบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่กลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ลักษณะคล้ายแอ่งกะละมังอยู่กลางผืนป่า จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งกะละมัง หรือ “ทุ่งกระมัง” นั่นเอง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:24:59

ความคิดเห็นที่ 22 ที่นี่ถือเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเหล่าเก้งกวาง และสัตว์ป่านานาชนิด ที่ขึ้นต้นหัวเรื่องรีวิวว่าเป็น “ทุ่งหญ้าระบัด”  ก็คือในบางครั้งทุ่งหญ้าบริเวณนี้จะมีการเผาทั้งเกิดจากไฟป่าตามธรรมชาติหรือทางเจ้าหน้าที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อให้เกิดการแตกยอดใหม่ของต้นหญ้า  เป็นแหล่งอาหารให้เหล่าสัตว์ป่าเรื่อยไป เรียกวิธีนี้ว่า “ระบัด” จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:25:28

ความคิดเห็นที่ 23 นอกจากนี้ยังมีการนำเอาดินโป่ง มาใส่ไว้เป็นจุดๆ เพื่อให้สัตว์ป่าได้มากิน เห็นหลุมสีน้ำตาลกลางทุ่งหญ้ามั๊ยคะ...นั่นแหละหลุมดินโป่ง   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:33:47

ความคิดเห็นที่ 24 ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดการทุ่งหญ้าบริเวณทุ่งกระมัง เพื่อรองรับโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงต้องการให้มีการอนุรักษ์สัตว์ป่าและนำสัตว์ป่ากลับคืนถิ่น จนเกิดวลีหนึ่งที่ว่า “ภูเขียว บรมโพธิสมภารของสัตว์ป่า” จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:35:42

ความคิดเห็นที่ 25 ยิ่งพวกเราเดินลึกเข้าไปในทุ่งหญ้ามากเท่าใด ก็ได้เห็นเหล่าเก้ง กวาง กระจง และเนื้อทราย ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:36:20

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ด้วยเวลาที่มีอยู่น้อยนิด เพราะกว่าจะเข้ามายังทุ่งกระมังก็เย็นแล้ว อีกไม่นานแสงใกล้จะหมด จึงเตรียมเดินทางกลับไปยังที่พักกัน แต่ระหว่างทางบริเวณใกล้กับทุ่งกระมัง ก็มีหนองน้ำตามธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งให้แวะเก็บภาพอีกแล้ว จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:36:49

ความคิดเห็นที่ 27 น้ำค่อนข้างนิ่ง เลยได้รูปสะท้อนเหมือนกระจกเงามาอีกตามเคย   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:37:08

ความคิดเห็นที่ 28 อีกสักรูปก่อนกลับออกไป... พวกเราต้องรีบกลับไปทานอาหารเย็น ซึ่งสั่งล่วงหน้าไว้ตอนทำเรื่องจองที่พักกับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยตอนโทรมาคอมเฟิร์มบ้านพัก  ทางเจ้าหน้าที่จะถามว่า จะให้เตรียมอาหารให้หรือไม่ เพราะในเขตรักษาพันธุ์ป่าภูเขียวนี้  ค่อนข้างห่างไกลแหล่งชุมชน ถ้าไม่เตรียมอาหารมาเองจะลำบากมาก จึงตกลงกันว่าจะสั่งอาหารจากครัวสวัสดิการของที่นี่ โดยแค่แจ้งจำนวนสมาชิกที่จะมา แล้วทางแม่ครัวเค้าจะเตรียมรายการอาหารให้เองตามความเหมาะสมนะจ๊ะ  ส่วนค่าอาหารนั้นคิดเป็นรายมื้อต่อหัว และจ่ายรวมกับค่าธรรมเนียมบ้านพักในวันกลับค่ะ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:37:42

ความคิดเห็นที่ 29 ตามมาชมค่ะ กิ๊ฟท์หมดจากกระทู้ตัวเองรับ ไปก่อนนะคะ แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 18:40:22 จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:40:00

ความคิดเห็นที่ 30 เสียดายที่เพราะความรีบและความหิว จึงไม่ได้เก็บรูปในช่วงเวลาอาหารเย็นไว้ แต่บรรยายได้ว่าอร่อยและดึกว่าที่คิดไว้ เยอะ มีแกงส้ม , ไข่เจียว , น้ำพริกกะปิและผักสดๆ พร้อมข้าวสวยที่เติมได้ตลอด แค่นั้นก็ดีเลิศแล้วกับการมาใช้ชีวิตกลางป่า หลังอาหารเย็นรีบกลับมายังบ้านพัก เพื่อจัดการตัวเองอาบน้ำแต่งตัว เพราะพวกเรานัดกับเจ้าหน้าที่ให้พาขึ้นรถไปส่องสัตว์กันในคืนนี้ พอได้เวลาราวทุ่มครึ่ง รถหกล้อแบบเปิดท้ายโล่งแต่มีราวเหล็กกั้นรอบกระบะเพื่อกันอันตรายจากสัตว์ก็มาจอดรับพวกเราถึงหน้าบ้านพัก  พร้อมเจ้าหน้าที่ขับรถและอีกท่านคอยส่องไฟพร้อมบรรยายแนะนำสิ่งต่างๆ ไปตลอดทาง มีแค่กลุ่มเรากับเจ้าหน้าที่เท่านั้น เพราะช่วงเวลาที่ไปพัก ไม่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเลยจริงๆ และแน่นอนไม่มีรูปมาฝากกันอีกตามเคย  ในนาทีนั้นเราสารภาพเลยว่าขี้เกียจใช้กล้อง และอยากใช้สายตาของตัวเองสัมผัสบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นตรงหน้าให้มากที่สุด ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง รถก็วนกลับมาส่งพวกเรายังบ้านพัก สรรพสัตว์ที่ได้เห็นเช่น เก้ง กวาง เนื้อทราย หมาป่า เม่น ฯลฯ จากนั้นก็มารวมตัวกันนั่งเล่นกินขนมอยู่ในห้อง จนได้เวลาเกือบสี่ทุ่มก็รีบแยกย้ายกันเตรียมตัวเข้านอน เพราะที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวมีไฟฟ้าให้ใช้แค่เวลา 18.00 – 22.00 น. เท่านั้นนะจ๊ะ นอกเวลานั้นยามค่ำคืนจะมืดสนิทเลยทีเดียว  ผู้ที่คิดจะไปพักควรเตรียมไฟฉายหรือแบตเตอรี่โทรศัพท์และกล้องไปด้วยนะคะ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:40:04

ความคิดเห็นที่ 31 เช้าวันต่อมา พอฟ้าเริ่มสางก็วิ่งรถจากบ้านพักออกไปยังทุ่งกระมังอีกครั้ง เพื่อไปชมบรรยากาศยามเช้า หากโชคดีอาจเห็นสายหมอกปกคลุมบริเวณทุ่งหญ้าด้วย จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:40:41

ความคิดเห็นที่ 32 และก็นับว่าค่อนข้างโชคดี ที่พอมีหมอกจางๆ ให้เห็นบ้าง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:41:09

ความคิดเห็นที่ 33 พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่ท้องฟ้าไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ อย่างว่ามันหน้าฝนนี่นะ   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:41:34

ความคิดเห็นที่ 34 สอดส่องสายตามองหาเหล่าสรรพสัตว์ เผื่อจะเจอพวกมันออกมาเดินเล่นเล็มหญ้ากันในตอนเช้า จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:41:57

ความคิดเห็นที่ 35 แต่เจอกับดอกหญ้าน่ารักๆ ซะก่อน   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:42:19

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนแรกมองไปในทุ่งหญ้าไม่เจอตัวอะไรเลย แต่พอมองกลับมาอีกฟากของทุ่ง ซึ่งเป็นเนินสูงขึ้นไปและมีพระตำหนักประทับแรมตั้งอยู่หลังเงาไม้ ก็เจอเข้ากับเนื้อทรายฝูงหนึ่ง สงสัยมานอนรออาบแดดกันรึไงเนี่ย จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:43:19

ความคิดเห็นที่ 37 หันกลับมายังทุ่งหญ้าฝั่งเดิม ลองเดินเข้าไปให้ใกล้ขึ้น ก็ได้เห็นเหล่าเนื้อทรายเริ่มออกมาหากินกันแล้ว จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:43:43

ความคิดเห็นที่ 38 เพื่อนเราบอกว่า “ตัวที่มีเขาคือตัวผู้ ส่วนตัวเมียไม่มีเขา”   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:44:05

ความคิดเห็นที่ 39 มุมนี้เก็บรูปมาได้พร้อมกันหลายตัวเลย จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:44:45

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าเข้าไปใกล้มาก มันอาจตกใจและวิ่งหนีไปได้ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:45:09

ความคิดเห็นที่ 41 ลองเดินตามทางเดินนี้เข้าไปใจกลางทุ่งหญ้าเรื่อยๆ เผื่อจะเห็นอะไรมากกว่านี้ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:45:30

ความคิดเห็นที่ 42 หันมามองจากทางถนนที่เดินมา เห็นตำหนักที่ประทับแรมอยู่ไกลๆ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:46:35

ความคิดเห็นที่ 43 เราพยายามจะเดินตามทางเดินนี้ไม่เข้าไปในทุ่งหญ้าลึกๆ  เพราะกลัวสัตว์มีพิษและไม่อยากไปเหยียบต้นหญ้า ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ที่นี่ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:47:27

ความคิดเห็นที่ 44 ทุ่งหญ้าที่นี่ต้นไม่สูงมากนะคะ ราวๆแค่เข่าเท่านั้น จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:47:50

ความคิดเห็นที่ 45 ละสายตาอันกว้างไกล มามองสิ่งใกล้ๆ ดูบ้าง   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:48:13

ความคิดเห็นที่ 46 ตัวอะไรไม่แน่ใจ ทราบแต่ว่าเป็นแมลงปีกแข็ง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:48:35

ความคิดเห็นที่ 47 หยดน้ำค้างในยามเช้า จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:48:55

ความคิดเห็นที่ 48 นี่สินะที่เค้าเรียกว่า...น้ำค้างยอดหญ้า   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:49:20

ความคิดเห็นที่ 49 ตรงนี้มีเยอะเลย   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:49:39

ความคิดเห็นที่ 50 อีกสักรูป   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:50:00

ความคิดเห็นที่ 51 เธอชื่ออะไร ฉันเองก็ไม่รู้   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:50:20

ความคิดเห็นที่ 52 แม้เธอจะเป็นดอกหญ้า แต่เธอก็ทรงคุณค่าและงดงาม...   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:50:43

ความคิดเห็นที่ 53 หลังจากชื่นชมเหล่าสรรพสัตว์และต้นไม้ใบหญ้า  ทั้งรอคุณเพื่อนสองหนุ่มที่เดินบุกป่าฝ่าดงไปเก็บภาพเก้งกวางแบบใกล้ชิดในทุ่งหญ้าลึกเข้าไปด้านใน ไม่นานนักก็ได้เวลากลับกัน เพราะต่างคนต่างรู้สึกหิวซะแล้ว จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:51:23

ความคิดเห็นที่ 54 เดินกลับออกมายังถนนที่จอดรถไว้  ก็เจอกับเนื้อทรายอีกหนึ่งฝูง   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:51:44

ความคิดเห็นที่ 55 ในที่สุดก็ได้เวลาอำลาทุ่งหญ้างามแห่งภูเขียวกันแล้ว ... ลาก่อนทุ่งกระมัง หากมีโอกาสเราคงได้พบกันอีก ขออย่าให้ใครมาเปลี่ยนแปลงเธอไปมากกว่านี้เลยนะ ขอให้คนที่เข้ามาเยี่ยมเธอ รักษ์เธอ ถนอมเธอ และเห็นคุณค่าของเธอเสมอไป   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:52:07

ความคิดเห็นที่ 56 เอารถกลับมาจอดไว้หน้าบ้านพัก และเดินเท้าจากตรงนั้นเพื่อมาทานข้าวที่ร้านสวัสดิการ ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆกับที่ทำการฯ  เมนูเช้านั้นเป็นข้าวผัดกับไข่ดาว อร่อยมากมายอีกตามเคย อิ่มแล้วก็ร่ำลาคุณป้าแม่ครัว ที่คอยดูแลอาหารการกินพวกเราเป็นอย่างดี จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:53:04

ความคิดเห็นที่ 57 กลับมาเก็บของที่บ้านพัก และไปคืนกุญแจห้องพร้อมทั้งจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด ก่อนเดินทางออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ ค่าบ้านพักพวกเราใช้นอนกัน 2 ห้อง รวมอาหารอีก 2 มื้อ และค่ารถนำส่องสัตว์อีก 500 บ. รวมแล้วจ่ายไปประมาณ 2,200 น่าจะได้ ถือว่าคุ้มค่ามาก แถมยังช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วยนะ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:53:27

ความคิดเห็นที่ 58 แหงนหน้ามองฟ้า เหมือนโชคจะเข้าข้าง ฟ้าใสแดดดีแต่เช้าเชียว   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:54:16

ความคิดเห็นที่ 59 ขากลับออกมา ผ่านหนองน้ำแห่งเดิม เจอเข้ากับเนื้อทรายอีกแล้ว คราวนี้มากันหลายตัว ลงมากินน้ำในหนอง เลยหยุดรถแอบเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนลาจากกัน จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:55:22

ความคิดเห็นที่ 60 กับมุมเดิมๆ   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:55:47

ความคิดเห็นที่ 61 ลาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว - ทุ่งกระมังกันด้วยภาพนี้ค่ะ   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:56:11

ความคิดเห็นที่ 62 วิ่งรถมาถึงหน้าปากทางเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ  ตรงที่มีป้ายใหญ่ๆเมื่อวาน แล้วเลี้ยวซ้ายขับตรงไปอีกราว 3 กิโลเมตร ก็จะถึงเขื่อนจุฬาภรณ์ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:56:43

ความคิดเห็นที่ 63 "เขื่อนจุฬาภรณ์"  เป็นเขื่อนที่ปิดกั้นลำน้ำพรมบนเทือกเขาขุนพาย ซึ่งในบริเวณนี้เรียกว่าภูหยวก จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:57:04

ความคิดเห็นที่ 64 เป็นเขื่อนหินทิ้ง แกนกลางเป็นดินเหนียว ยาวประมาณ 700 เมตร ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และจุดชมวิวที่สวยงาม   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:57:31

ความคิดเห็นที่ 65 ยืนชมวิวบริเวณสันเขื่อนกันสักพัก ก็วิ่งรถกลับออกมา เพราะยังมีจุดหมายต่อไปรอให้พวกเราไปเยือนอยู่... จากเขตรักษาพันธุ์ป่าภูเขียว (ทุ่งกระมัง) ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอคอนสาร ใช้ทางหลวงหมายเลข 225 ผ่านอำเภอหนองบัวแดง อำเภอภักดีชุมพล เข้าสู่อำเภอหนองบัวระเหว รวมระยะทางประมาณสองร้อยกว่ากิโลเมตร จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:58:13

ความคิดเห็นที่ 66 วิ่งรถนานพอสมควร ในที่สุดเราก็มาถึงซะทีกับ   "อุทยานแห่งชาติไทรทอง"       สำหรับค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานแห่งชาติไทรทอง คนละ 40 บ.ค่ะ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:59:04

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่ได้จองบ้านพักกับทางอุทยานฯไว้ล่วงหน้า อาศัยว่ามาเที่ยวในวันธรรมดาที่คนน่าจะน้อย เลยกะมาเสี่ยงดวงเอาดาบหน้า  แล้วก็มีบ้านพักว่างจริงๆด้วย พวกเราได้บ้านพักเป็นบ้านเยาวชน ราคาห้องละ 400 บ. ***หากใครสนใจอยากจองที่พักกับทางอุทยานล่วงหน้า สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร. 089 282 3437 *** จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:59:57

ความคิดเห็นที่ 68 ถึงแล้วจร้าาาา  บ้านพักของพวกเรา เปิดนอน 2 ห้องเช่นเดิม   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:00:29

ความคิดเห็นที่ 69 ภายในห้องมีเตียงนอนสองเตียงและปลั๊กไฟกับพัดลม นอกนั้นไม่มีอะไรเลย แต่ยังดีที่มีไฟฟ้าให้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:00:53

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมแต่แยกชายหญิงชัดเจน ตั้งอยู่อีกฟากถนนของบ้านพัก แต่ค่อนข้างสะดวกนะและเดินไม่ไกลเท่าไหร่ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:01:14

ความคิดเห็นที่ 71 เก็บของเข้าที่ก็ตอนบ่ายแก่ๆ   จากนั้นเดินออกมาตามป้ายชี้ทางไปน้ำตกไทรทอง ไปนั่งเล่นน้ำตกให้ชุ่มฉ่ำใจดีกว่า   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:01:36

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ ^ ^ อยากไปมานานแล้วภูเขียว เห็นเค้าว่ากันว่าอุดมสมบูรณ์มาก จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:02:53

ความคิดเห็นที่ 73 ระหว่างทางเดินไปตัวน้ำตก ระยะทางประมาณ 500 เมตร เดินเพลินๆ แป๊ปเดียวก็ถึงค่ะ ถึงแล้ว ... น้ำตกไทรทอง   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:03:10

ความคิดเห็นที่ 74 ปาดดดดดดดด เอี๊ยดดดดดดดดดดดดโคร่มมม!!!!! ตามไปเที่ยวทุ่งกะมังด้วย..คิดถึงทุ่งหญ้าสีเขียว กับเนื้อทรายน่ารักๆอ่ะ ทริปนี้รูปแจ่มมากๆเลยนะปริม.. จากคุณ : kungpack เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:03:53

ความคิดเห็นที่ 75 มีทางเดินเป็นสะพานไม้เลาะไปตามด้านข้างของตัวน้ำตก จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:04:27

ความคิดเห็นที่ 76 ช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝนแล้ว สีของน้ำเลยดูขุ่นแดง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:05:10

ความคิดเห็นที่ 77 แต่อาจเป็นเพราะมาในช่วงต้นฤดูฝน ปริมาณน้ำจึงยังน้อยๆอยู่  น้ำตกไม่ไหลแรงเท่าที่ควร ซึ่งก็ดีแล้วแหละ จะได้เล่นอย่างสบายใจ  แอบระแวงน้ำป่าว่างั้น   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:05:49

ความคิดเห็นที่ 78 ชั้นบนๆ ของตัวน้ำตก จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:06:10

ความคิดเห็นที่ 79 ลักษณะตัวน้ำตกเป็นเหมือนลานหินกว้างเทลาดลงสู่ชั้นหินเบื้องล่าง จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:06:34

ความคิดเห็นที่ 80 ไหลลงไปด้านล่าง    นั่งเล่นชิลๆ ขณะที่เพื่อนบางคนที่ไปด้วยลงเล่นน้ำ พอใกล้ค่ำก็เดินกลับออกมายังบ้านพักให้ทันก่อนแสงหมด อาบน้ำแล้วก็ไปทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารสวัสดิการของทางอุทยานฯ ซึ่งเป็นอาหารตามสั่งทั่วไป รสชาติใช้ได้และราคาสมเหตุสมผลอยู่ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:07:06

ความคิดเห็นที่ 81 เช้าวันต่อมา ตื่นกันแต่เช้ามืด เพื่อขึ้นไปชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวกันบนยอดเขา โดยนั่งรถกระบะของทางอุทยานฯไป  ซึ่งสามารถไปติดต่อสอบถามและจองล่วงหน้าได้ที่สำนักงานของอุทยานฯ กลุ่มเราไปแบบเหมาคัน ราคา 480 บ. รวมรอรับขากลับลงมาด้วย แต่หากไปกันน้อยอาจรอให้มีคนมาแชร์ค่ารถ พอได้ 6 คน เค้าก็ออกรถกันแล้วค่ะ คิดเป็นรายหัวตกคนละ 80 บ. ระยะทางเป็นทางขึ้นเขา 9 กิโลเมตร แต่สภาพถนนดี ใช้เวลาวิ่งรถขึ้นเขาราวๆ 30 นาทีก็ถึงยังลานจอดด้านบน สายหมอกลอยเข้าปกคลุมบนยอดเขาแล้ว ณ ตอนนั้น สวยดีนะ   จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 19:07:45