ความคิดเห็นที่ 1 จากการอ่านประวัติการสร้างเมืองโบราณ มีความน่าสนใจตรงที่เกิดขึ้นแบบมีวิวัฒนาการ จากเริ่มแรกที่คุณเล็กวางมือจากงานธุรกิจให้ครอบครัวดูแลต่อ แล้วท่านตั้งใจจะใช้พื้นที่เปล่าๆ แถวบางปู สร้างสนามกอล์ฟที่แปลกใหม่ด้วยการจำลองสถานที่ต่างๆ ในเมืองไทยไว้ด้วย แต่เมื่อท่านลงมือและได้ศึกษาจริงจังจึงคิดว่าอยากให้มีประโยชน์มากกว่านั้น คือให้เป็นแหล่งศึกษาของคนรุ่นหลังๆ เมืองจำลองที่สร้างไปบางส่วนจึงทำการรื้อทิ้งจนหมด และท่านได้ให้บรรดานักการศึกษาและนักประวัติมาเป็นที่ปรึกษาและสร้างสถานที่ต่างๆ ตามจริง แต่ทำการย่อส่วนลงบ้าง ขนาดเท่าของจริงบ้าง จนมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อได้ทำการสร้างตลาดบก ตลาดน้ำ และพิพิธภัณฑ์ชาวนา ที่ได้นำบ้านเรือน ของใช้ต่างๆ จากชาวบ้านจริงๆ มาจัดแสดง เมืองโบราณจึงแปรสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งระดับโลกในปัจจุบันนี่เอง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:23:40

ความคิดเห็นที่ 2 รูปภาพและข้อมูลการรีวิวนี้ เกิดขึ้นจากการไปเมืองโบราณ 3 ครั้งหลังสุด และความตั้งใจว่าอยากเก็บภาพสถานที่ต่างๆ ภายในให้จำนวนสถานที่มากเท่าที่จะทำได้ (แต่ก็ได้เพียงครึ่งเดียวของเมืองโบราณ) รีวิวจึงมีขนาดยาวจากเดิมตั้งใจว่าจะให้จบเป็นตอนเดียว เลยขออนุญาตแบ่งภาคเป็นสองตอน และจะไล่เรียงสถานที่ตามหมายเลขที่กำหนดไว้ในแผ่นพับที่ได้รับแจกมาพร้อมการซื้อตั๋ว รีวิวชุดนี้อยากให้ได้เห็นสภาพโดยรวม และสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้มีโปรแกรมจะไปเที่ยวเมืองโบราณ สามารถจัดเรียงสถานที่ที่จะเยี่ยมชม ตามความชอบ ความสนใจ ซึ่งจะทำให้การท่องอดีตในเมืองโบราณ สนุก ซาบซึ้ง และอิ่มเอมในศิลปวัฒนธรรมไม่น้อยเลยครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:24:14

ความคิดเห็นที่ 3 การเดินทางสู่เมืองโบราณ ข้อดีอย่างหนึ่งนอกจากความใกล้กรุงเทพ คือการเดินทางที่สะดวก หากใช้รถส่วนตัว ก็มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดสมุทรปราการ ผ่านบางนา สำโรง จนถึงสามแยกศาลากลางก่อนเข้าตัวเมืองปากน้ำให้ชิดซ้าย ขับรถมาอีกหน่อยตรงตลอดโดยมุ่งหน้าสู่บางปู จนถึงช่วงกิโลเมตรที่ 33 สังเกตสะพานข้ามคลอง ที่มีป้ายเมืองโบราณสีแดงอันใหญ่สวยงามบนสะพานอยู่ หาไม่ยากครับ ระหว่างทางมีป้ายบอกทางโดยตลอด ส่วนถ้าใช้บริการรถสาธารณะ สามารถนั่งได้หลายสายที่ตรงเข้าสู่ตัวปากน้ำ จะสะดวกสุดคือสาย ปอ. 511 สายไต้-ปากน้ำ เพราะจุดที่รถสุดสายสามารถต่อสองแถวสาย 36 ได้เลย ถามคนแถวนั้นบอกว่าไปเมืองโบราณทุกคนรู้จักหมดครับ นั่งสองแถวมาลงหน้าเมืองโบราณได้เลยครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:24:48

ความคิดเห็นที่ 4 เวลาทำการและบัตรเข้าชม เมืองโบราณเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงห้าโมงเย็น เลือกวันได้ตามสะดวก ถ้าชอบบรรยากาศสบายๆ เลือกมุมถ่ายรูปได้แบบไม่จำกัด และไม่ต้องแย่งมุมมหาชนกับใคร ก็เลือกวันธรรมดา แต่อาจจะเหงาอยู่สักหน่อย และบางจุดไม่ได้เปิดบริการเต็มที่ อย่างบางจุดที่เป็นน้ำพุและน้ำตก เป็นต้น ส่วนร้านอาหารขายน้ำขายขนม ยังคงเปิดปกติไม่ต้องห่วง แต่ถ้าสะดวกวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด การบริการก็เต็มรูปแบบ ผู้คน ร้านอาหารคึกคัก สนุกไปอีกแบบ แต่บางจุดยอดนิยมอาจต้องรอคิว หรือพลุกพล่านไปหน่อย ส่วนค่าเข้าชม เท่าที่สังเกตมีการปรับขึ้นมาหลายครั้ง จากร้อย เป็นสองร้อย และปัจจุบันในราคา 350 บาท เรียกว่า “บัตรคุ้มสยาม” ที่รวมค่าเข้าชม ค่าจักรยาน ค่ารถราง และบริการนั่งเรือไว้ด้วยกัน (ชาวต่างชาติราคา 500 บาท) สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความชอบ และเหมาะสมกับทริปของแต่ละคน ถ้าสนใจจะนั่งเรือทางเมืองโบราณจะมีรอบ 8.00, 10.00, 13.00, 15.00 น. ใช้เวลารอบละประมาณ 2 ชั่วโมง อีกอย่างที่ผมชอบ คือนโยบายของค่ายนี้ทั้งที่นี่ (เมืองโบราณและพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ) คือมีส่วนลดให้คนปากน้ำ เพียงแสดงบัตรประชาชนที่แสดงว่าที่อยู่อยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ จะได้รับส่วนลด 100 บาท จ่ายค่าบัตรคุ้มสยามจริงแค่ 250 บาท ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จังหวัดอื่นๆ ที่มีสถานที่ต้องเก็บค่าเข้าชมน่านำไปใช้บ้าง เพราะมันสร้างความภูมิใจ หวงแหน และมีความรู้สึกมีส่วนร่วมและผูกพัน กับแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นตนเองด้วย แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 20:25:42 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:25:16

ความคิดเห็นที่ 5 ค่าบริการเพิ่มเติมที่ควรทราบคือกรณีเราไม่ใช้รถราต่างๆ ที่มีให้บริการพื้นฐานข้างต้น อยากขับรถส่วนตัวเข้าไป ต้องเสียเพิ่มคันละ 300 บาท (ไม่รวมคนขับ) ข้อดีคือสบาย ไม่ร้อน ไม่เหนื่อย ไม่เมื่อยขา แต่บางจุดอาจนำรถเข้าไปไม่ได้ หรือจะเลือกแบบรถกอล์ฟ 2 ที่นั่ง 4 ที่นั่ง หรือมากกว่านั้น ก็มีให้เลือกหลากหลาย คิดราคาเป็นรายชั่วโมง ราคาเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศแปลกใหม่ลองติดต่อดูตอนที่ซื้อบัตรเข้าชมนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:26:25

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตัวผมไปที่นี่หลายครั้ง เคยลองทั้งรถราง ทั้งขับรถเข้าไป หรือจักรยาน จึงสรุปได้ว่าถ้ามาหลายคนหน่อยก็เลือกขับรถ แต่ถ้ามาน้อยคนหรือคนเดียว จักรยานเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เหนื่อยหน่อย ร้อนหน่อยแต่ได้บรรยากาศดี และขอแนะนำว่าอุปกรณ์สำคัญในการเที่ยวเมืองโบราณที่ห้ามลืมเด็ดขาด คือหมวก ครีมกันแดด และผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนูขนาดเล็ก เพราะบนพื้นที่กว้างใหญ่ในเมืองโบราณ แถมออกแรงปั่น ได้แวะกินน้ำ กินขนมริมทาง แวะล้างหน้าล้างตาบ้างทำให้การท่องเที่ยวสนุกขึ้นเยอะ เพราะขืนปั่นกันเหงื่อซ่ก ผิวไหม้เกรียม หน้าลอก แถมร้อนอีกต่างหาก จะพาลอารมณ์เสียกันเปล่าๆ 555... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:26:55

ความคิดเห็นที่ 7 พระแท่นที่ประทับ หมายเลขตามแผนที่  :  1 ตั้งอยู่บริเวณที่จอดรถฝั่งตรงข้ามจุดซื้อบัตร เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่เราสามารถเข้าไปไหว้และชมได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตู เพราะอยู่บริเวณด้านนอกครับ เป็นงานสร้างตามแบบปราสาทสมัยสุโขทัย ก่อด้วยปูนและศิลาแลง ใช้เป็นที่ประดิษฐานของพระพรหม ภายใต้ร่มเงาของแมกไม้ที่ปกคลุมบริเวณนั้นโดยทั่ว ทำให้บรรยากาศดูเย็นและสงบนิ่ง แม้ท่ามกลางวันที่อากาศร้อนๆ แนะนำว่าก่อนเข้าชมเมืองโบราณ แวะสักการะกันก่อนเพื่อสิริมงคลนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:27:28

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะพระแท่นที่ประทับตั้งอยู่ในดงไม้ และเป็นดงชงโคสีชมพูสดใส ทำให้การประเดิมเที่ยวเมืองโบราณ สดชื่นไปด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:28:05

ความคิดเห็นที่ 9 พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช หมายเลขตามแผนที่  :  7 ปูชนียสถานที่สำคัญของประเทศไทยและภาคใต้ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครศรีธรรมราชแห่งนี้ ตามตำนานการสร้างเล่าว่าแต่เดิมนั้นสร้างขึ้นจากความเชื่อของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ในสมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการติดต่อกับคณะสงฆ์ จากลังกา จนมีการสถาปนาพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ขึ้นในอาณาจักร ประกอบกับพระเจดีย์องค์เดิมชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก จึงได้สร้างสถูปทรงโอคว่ำตามแบบลังกาครอบสถูปองค์เดิมในรูปแบบที่เราเห็นได้ในปัจจุบัน องค์ที่อยู่ในเมืองโบราณแห่งนี้ เป็นการสร้างที่ย่อสัดส่วนลงจากองค์จริงอัตรา 1 ต่อ 3 และจากการที่พระธาตุได้รับการบูรณะมาอย่างสม่ำเสมอ ทางเมืองโบราณจึงได้ทำการศึกษาและสืบค้นและทำการก่อสร้างขึ้นตามแบบของสมัยก่อนหน้า แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 20:28:46 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:28:33

ความคิดเห็นที่ 10 พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ถือเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เราจะพบได้เป็นแห่งแรก เมืองก้าวเข้าสู่โลกแห่งเมืองโบราณ องค์สีขาวที่ตั้งเด่นอยู่ริมทาง ท่ามกลางหมู่ไม้ และผืนหญ้าเขียวขจี ทำให้ทุกคนไม่พลาดที่จะแวะเข้าเยี่ยมชม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:29:25

ความคิดเห็นที่ 11 เทวรูปปัลลวะ พังงา หมายเลขตามแผนที่  :  8 ใกล้ๆ กับพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช เพียงไม่กี่ก้าว เราจะพบกับเทวรูปอยู่ภายใต้ต้นไม้ ทางเมืองโบราณได้ถ่ายแบบมาจาก 1 ใน 3 องค์ที่พบที่โคนต้นตะแบก ณ เขาพระนารายณ์ อ.กะเปอร์ จ.พังงา ความเป็นมาขององค์จริง เล่าว่าเดิมเทวรูปทั้งสามองค์ตั้งอยู่บริเวณยอดเขาเวียง และพวกทหารพม่าพบเห็นเข้าในช่วงสงครามเก้าทัพ และมีความคิดจะขนกลับไปด้วย แต่เจอพายุฝนหนักขัดขวางไว้ จึงทิ้งเทวรูปทั้งสามไว้บริเวณเขาเวียงนั่นเอง ภายหลังมีความบ้านพบเห็น และเชื่อว่าหนึ่งในนั้นเป็นเทวรูปพระนารายณ์ จนกลายเป็นชื่อเรียกเขาแห่งนี้ว่าเขาพระนารายณ์ในเวลาต่อมา จากการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะแบบปัลลวะ ของอินเดียตอนใต้ ช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ 13-14 ปัจจุบันเทวรูปองค์จริงทั้งสามถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:29:58

ความคิดเห็นที่ 12 พระบรมธาตุไชยา สุราษฎร์ธานี หมายเลขตามแผนที่  :  9 ต่อจากเทวรูปปัลลวะมาอีกเล็กน้อย จะเจอกับพระธาตุสีน้ำตาลแดงรูปทรงแปลกตาตั้งอยู่ นั่นคือพระบรมธาตุไชยา ซึ่งองค์จริงเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นเจดียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุราษฎร์ธานี แต่พระบรมธาตุแห่งนี้ผ่านกาลเวลากว่าพันปี จึงสันนิษฐานได้ว่าผ่านการบูรณปฏิสังขรณ์ และก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงรัตนโกสินทร์ที่มีการบูรณะครั้งใหญ่ จึงมีลวดลายของสมัยรัตนโกสินทร์ปรากฏร่วมด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:30:26

ความคิดเห็นที่ 13 องค์ที่ปรากฏที่เมืองโบราณนี้ จะเห็นว่ามีลักษณะแตกต่างจากองค์จริงค่อนข้างมาก นับตั้งแต่สีออกน้ำตาลแดง และลวดลายหลายส่วน เป็นเพราะได้ยึดเอาจากการค้นคว้า เพื่อให้ได้รูปทรงแบบดั้งเดิมเมื่อแรกก่อสร้าง ซึ่งคล้ายกับเจดีย์จันทิเมนดุทในชวา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:30:56

ความคิดเห็นที่ 14 ตลาดโบราณ หมายเลขตามแผนที่  :  10 “ตลาด” เป็นสิ่งที่มีคู่สังคมไทยมานาน หากย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอยุธยา   ก็จะมีทั้งตลาดน้ำและตลาดบก โดยตลาดน้ำจะตั้งอยู่แถวคุ้งน้ำ หรือปากแม่น้ำ ชาวบ้านก็จะพายเรือขนของจากแต่ละสวนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ส่วนตลาดบกก็จะตั้งตามแหล่งชุมชนโดยมักมีชื่อขึ้นต้นว่า “ป่า” และตามด้วยสินค้าที่มีวางขาย เช่น ป่าผ้าไหม ป่ามะพร้าว ป่าสังคโลก เป็นต้น ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กรุงเทพเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง ตลาดน้ำจริงเป็นที่นิยมกว่า แต่ตลาดบกมีอิทธิพลมากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 หลังจากสนธิสัญญาเบาริ่ง มีการสร้างถนน ตึกรามบ้านช่อง และการค้าขายเจริญขึ้น ตลาดจึงย้ายขึ้นบก โดยมีตลาด นางเลิ้ง เป็นตลาดบกที่เป็นกิจจะลักษณะขึ้นเป็นครั้งแรก จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:31:34

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนตลาดบกในเมืองโบราณที่จำลองบรรยากาศให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ สภาพสังคมในสมัยก่อน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากถนนสายเก่าในจังหวัดตาก ผสมผสานกับบ้านเรือนและร้านค้าที่ถนนในเมืองกำแพงเพชร แต่บ้านเรือนที่นำมาปลูกสร้างส่วนใหญ่มาจากบ้านเรือนย่านเก่าในกรุงเทพฯแถบยานนาวามาปลูกสร้างขึ้น จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:32:01

ความคิดเห็นที่ 16 ที่ตลาดบกในเมืองโบราณนอกจากมีของกินของใช้มากมายแล้ว อย่าลืมแวะชมวิถีชีวิตคนโบราณกันนะครับ เพราะสภาพบ้านเรือน การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่ง นำมาจากรูปแบบบ้านเรือนของคนสมัยนั้นจริงๆ ถ้าจะบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านก็ไม่น่าจะผิดไปจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:32:27

ความคิดเห็นที่ 17 อย่างร้านตัดผมนี้ นอกจากเก้าอี้ตัดผมที่แทบไม่เหลือแล้วในเมืองใหญ่ ด้วยความที่ผมเป็นคนต่างจังหวัด แม้ไม่ย้อนอดีตไปไกลเท่ายุคสมัยที่เมืองโบราณจัดแสดงไว้ แต่ก็พอจะคุ้นเคยกับเก้าอี้ตัดผมแบบนี้อยู่บ้าง เดินดูแล้ว ได้แต่ยิ้มให้กับอดีตของในตัวเบาๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:32:54

ความคิดเห็นที่ 18 ตลาด / ค้าขาย / คนจีน เป็นสามสิ่งที่แยกจากกันไม่ออก คนจีนและวัฒนธรรมจีน ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยมาตั้งแต่สมัยไหนๆ แล้ว จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นกลิ่นอายของชนชาวจีนเมื่อได้เยือนตลาดโบราณแห่งนี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:33:21

ความคิดเห็นที่ 19 บรรดาข้างของเครื่องใช้ ล้วนแต่น่าชม แสดงว่าก่อนการสร้างเมืองโบราณผู้สร้างคงเป็นนักสะสมของเก่าตัวยงแน่ๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:33:46

ความคิดเห็นที่ 20 บรรยากาศในซอกหลืบมุมหนึ่งของตลาดโบราณ สามารถจินตการของการกินอยู่ของคนเหล่านั้นได้เลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:34:11

ความคิดเห็นที่ 21 จำนวนข้าวของต่างๆ ในแต่ละร้านภายในตลาดที่แสดงไว้ มากมายละลานตา จนไม่กล้าประเมินมูลค่าเลยละครับ แถมแต่ละชิ้นมีความสวยคลาสสิคในตัว อย่างตู้นี้เต็มไปด้วยชฎา และเครื่องประดับที่ใช้ตามโรงละคร จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:34:36

ความคิดเห็นที่ 22 หุ่นเชิดที่ถูกเก็บไว้ในตู้ สภาพที่บางส่วนชำรุด แสดงให้เห็นว่าผ่านกาลเวลามานาน และความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความคลาสสิค และความหลอน !!!... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:35:05

ความคิดเห็นที่ 23 ตัวละครหุ่นเซ็ตนี้แสดงเรื่องราว ตำนานของชนชาติจีน มีมากมายหลายตัวละคร จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:35:31

ความคิดเห็นที่ 24 ทั้งแบบสวยงาม ทั้งนักรบที่น่าเกรงขาม หรือตัวละครที่น่ากลัว หากใครชอบแนวนี้ลองแวะไปดูด้วยตานะครับ มีให้เลือกชมหลายสิบตัวเลยครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:35:57

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนโดราเอมอนกับตลาดโบราณมันเข้ากันยังไงละนี่ ... หนึ่งในของที่ระลึกภายในตลาดที่แม้ไม่เข้ายุค แต่น่ารักดี เกือบพลาดท่าหยิบกลับมาซะแล้วคร้าบ... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:36:35

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าจะดี อยากแนะนำว่าเดินชมตลาดกันแบบไม่รีบ และใช้เวลากันสักหน่อย ทั้งเดินชมบ้านร้าน ร้านขายของ ร้านขายยาสมุมไพร ร้านเหล้า ร้านกาแฟ ที่ล้วนเปิดทำการขายจริงด้วย เพื่อให้ได้บรรยากาศ หรือจะนั่งนิ่งๆ ซึมซับบรรยากาศโดยรอบที่เงียบสงบ เรียบง่าย ที่เราแทบหาไม่ได้แล้ว จากความเร่งรีบดำเนินชีวิตในเมืองใหญ่ของเราทุกวันนี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:37:07

ความคิดเห็นที่ 27 ศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรี หมายเลขตามแผนที่  :  11 วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง โดยครั้งสำคัญในสมัยพระเจ้าเสือ และอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันถือเป็นอารามหลวง ตั้งอยู่ในตัวเมืองเพชรบุรี ที่มีความน่าสนใจทั้งทางด้านศิลปะ โบราณคดี ตลอดจนฝีมือช่างหลายแขนงที่ฝากผลงานไว้มากมาย แต่ที่เมืองโบราณได้จำลองมาเฉพาะศาลาการเปรียญหลังสีแดงที่เราเห็นอยู่นี้ มีความเป็นมาที่สำคัญและน่าสนใจตรงที่เคยเป็นตำหนักไม้สักทั้งหลังของพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ได้ถวายแด่สมเด็จพระสุวรรณมุนี หรือสมเด็จเจ้าแตงโม พระสังฆราชในขณะนั้นซึ่งเป็นชาวเพชรบุรี จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:37:39

ความคิดเห็นที่ 28 ทันทีที่ก้ามข้ามธรณีประตูของศาลาการเปรียญแห่งนี้ ก็เกิดอาการสำรวมขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลยละครับ เพราะบรรยากาศภายในนิ่งและสงบมาก มีพุทธรูปประธานรูปทรงงดงามตั้งเด่นอยู่กลางศาลา ตลอดริมศาลาด้านหนึ่งเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปน้อยใหญ่ปางต่างๆ หลายสิบองค์ ส่วนอีกด้านเป็นข้าวของเครื่องใช้เก่าที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ที่สามารถศึกษาศิลปะแบบไทยได้เป็นอย่างดี และความพิเศษอีกอีกของที่ดู จะหลบอยู่ด้านหลังพระประธานที่เห็นในรูปนี้ ท่านจะพบกับงานแกะสลักไม้ผืนใหญ่ ที่ลวดลายสวยงามละเอียดบรรจงอย่างน่าตะลึง ไปเมืองโบราณคราวหน้าจะลืมแวะไปชมให้ได้นะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:38:07

ความคิดเห็นที่ 29 และด้วยความที่ศาลาการเปรียญ รอบๆ เป็นสนามหญ้าเขียวและต้นไม้ใหญ่หลายต้น และยังมีไต้ถุนสูง อากาศจึงโปร่งสบาย คุณเล็กผู้สร้างเมืองโบราณจึงใช้ที่นี่เป็นห้องทำงานที่สมถะและเรียบง่าย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:38:35

ความคิดเห็นที่ 30 ที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ศึกษาประวัติศาสตร์ ออกแบบ และเป็นที่พักผ่อนตลอดช่วงเวลาที่ท่านได้ลุยดูงาน ลงรายละเอียดทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบรวมถึงคุมงานก่อสร้างเองอีกด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:39:00

ความคิดเห็นที่ 31 บริเวณใกล้กันนั้น มีต้นแบบของสิ่งก่อสร้างอีกสองแห่งที่คุณเล็กให้มีการก่อสร้าง คือปราสาทสัจธรรมและพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ซึ่งจุดมุ่งหวังในการสร้างมีความแตกต่างกัน อย่างการสร้างเมืองโบราณ เพราะต้องการให้คนไทยรุ่นใหม่ ได้รู้จักอารยธรรมอันเป็นรากเหง้าของตนเอง ส่วนปราสาทสัจธรรมนั้น ต้องการรวบรวบแหล่งความรู้ในศาสนาและปรัชญา ที่ศาสดาหรือปราชญ์สำคัญในแต่ละศาสนาได้สั่งสอนไว้ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งดีงามและเพื่อจรรโลงความสันติสุขของโลก จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:39:31

ความคิดเห็นที่ 32 พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ คือสถานที่ที่เก็บบรรดาศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เช่นพระพุทธรูป เทวรูป ที่ล้วนเคยเป็นที่สักการะ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนมานับไม่ถ้วน ที่ท่านได้แสวงหา เลือกเฟ้น และสะสมไว้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:39:57

ความคิดเห็นที่ 33 โดยสรุปแล้วศาลาการเปรียญแห่งนี้ แม้เป็นองค์จำลองมา แต่ล้วนสร้างสรรค์มาอย่างดี อีกทั้งมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อย และคุ้มค่ากับการแวะเยี่ยมชม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:40:29

ความคิดเห็นที่ 34 หอพระไตรปิฎก หมายเลขตามแผนที่  :  12 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : รื้อถอนมาปลูกสร้าง / ผาติกรรม ตั้งแต่สมัยโบราณ การมีหอเพื่อเก็บรักษาพระไตรปิฎกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมักจะเป็นจารลงในใบลาน หากเก็บรักษาไม่ได้อาจเสียหายจากมดปลวกได้ จึงมีการสร้างหอไตรไว้กลางน้ำ ซึ่งหาได้ไม่ง่ายแล้วในปัจจุบัน แต่สามรถชมได้ที่เมืองโบราณแห่งนี้ที่ได้ขอผาติกรรมมาจากวัดใหญ่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยหลังแต่เป็นการสร้างตามแบบศิลปะสมัยอยุธยา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:40:56

ความคิดเห็นที่ 35 ถ่ายภาพได้สวยมากครับ ^ ^ จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:41:16

ความคิดเห็นที่ 36 ลักษณะเด่นของหอไตรหลังนี้อยู่ที่ภาพจิตกรรมฝาผนังโดยรอบ ที่เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกาวปิดทองเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:41:26

ความคิดเห็นที่ 37 สีขุ่น ...ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันนึกว่าต้องรีวิวคนเดียวซะแล้ว 555 หอระฆัง หมายเลขตามแผนที่  :  13 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : รื้อถอนมาปลูกสร้าง / ผาติกรรม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ผูกพันกับวัด คือหอกลอง แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่โต แต่รูปแบบการสร้างที่สวยงามในสิ่งรอบตัวที่เงียบสงบ เราสามารถหวนกลับไปสัมผัสถึงบรรยากาศยุคที่ยังคงดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายได้ดี หอกลางหลังนี้เป็นการผาติกรรมมาจาก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม วัดเดียวกับหอไตร ที่อยู่ใกล้ๆ กันนั่นเอง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:42:43

ความคิดเห็นที่ 38 ตามไปเที่ยวด้วยครับ  รีวิววันเดียวกันเลยยย จากคุณ : Palm Jung Won เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:43:03

ความคิดเห็นที่ 39 พระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุ ราชบุรี หมายเลขตามแผนที่  :  14 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากสถานที่จริง พระปรางค์องค์นี้ตั้งอยู่ในวัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นการจำลองแบบย่อส่วนสามในสี่จากองค์จริง แต่ได้ทำให้เห็นถึงงานพุทธสถานในนิกายมหายาน และเป็นศิลปะลพบุรีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-18 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:43:10

ความคิดเห็นที่ 40 Palm Jung Won ...รีวิวยังครับ จะได้แวะไปชมด้วยคร้าบ สวนขวา หมายเลขตามแผนที่  :  15 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : รื้อถอนมาปลูกสร้าง / ผาติกรรม จากการศึกษาทางประวัติศาสตร์เชื่อว่าสวนขวา เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในในพระบรมมหาราชวังในรัชการที่ 2 แต่ในรัชกาลต่อมาได้รื้อบางส่วนนี้ถวายวัดแทน เป็นสวนที่มีสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปกรรมจีนเข้ามาผสมกับศิลปะของไทย อันสะท้องให้เห็นว่าสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เราได้มีความสำพันธ์ทางการค้ากับจีนอย่างแน่นแฟ้นนั่นเอง ภายในสวนนอกจากพันธุ์ไม้ที่ร่มรื่นและสวยงามแล้ว ยังมีทั้งเก๋งจีน รูปแกะสลักตุ๊กตาจีน และแผ่นจำหลักเรื่องราวในพงศาวดารจีนมากมาย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:44:28

ความคิดเห็นที่ 41 บรรดาไม้ดัดที่ตกแต่งอยู่ตามส่วนต่างๆ ของสวน ทำให้ได้บรรยากาศของสวนแบบจีน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:44:58

ความคิดเห็นที่ 42 ตรงกลางสวนเป็นหมู่งานประติมากรรมหลายตัวละคร ที่ดูมีชีวิตชีวา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:45:35

ความคิดเห็นที่ 43 แม้จะดูเก่า และทรุดโทรมตามกาลเวลาไปบ้าง แต่งานประติมากรรมที่งดงาม ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้การเดินสวนสดชื่น และคลายร้อนได้เยอะเลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:46:11

ความคิดเห็นที่ 44 ตามขอบ ตามซอกต่างๆ ไม่ได้ปล่อยพื้นที่ให้โล่ง แต่มีการแกะสลักรูปต่างๆ ที่น่าสนใจ น่าศึกษา และทำให้เห็นว่าคนสมัยก่อนเค้าละเอียดกันจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:46:34

ความคิดเห็นที่ 45 ท้องพระโรงธนบุรี หมายเลขตามแผนที่  :  16 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ สถานที่ต่อมา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมภูมิใจเสนอมากๆ และไม่อยากให้พลาดเมื่อได้เข้าชมเมืองโบราณ เพราะผมเองอย่างที่เล่ามาที่นี่หลายครั้ง แต่มองผ่านอาคารสีขาวหลังเล็ก ที่ภายนอกไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษอะไร จนกระทั่งผมเข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซด์ของเมืองโบราณ สะดุดตากับรูปภายในอาคารที่สวยงาม และพิถีพิถันในการตกแต่งเหนือความคาดหมาย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:47:08

ความคิดเห็นที่ 46 ครั้งล่าสุดที่ไปจึงไม่พลาดแล้วครับ โดยลักษณะเป็นอาคารทรงไทยชั้นเดียว แต่แบ่งเป็นสองอาคารที่อยู่หลังคาและทางเชื่อมเดียวกัน ส่วนแรกเป็นท้องพระโรงสำหรับขุนนางเข้าเฝ้า อีกส่วนหนึ่งจะเป็นมณเฑียรที่ประทับส่วนพระองค์ ที่ตกแต่งด้วยศิลปะจีน ทั้งบานประตูไม้ เครื่องเรือนต่างๆ และพระแท่นบรรทม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:47:37

ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อก้าวเข้ามาด้านใน บรรยากาศจากโคมไฟที่ส่องแสงสีส้มอาบทั่วทั้งห้อง ทำให้บรรยากาศที่ขรึมๆ และอบอุ่น พอมีแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาผสมผสาน ทำให้ทั่วทั้งห้องดูสวยขึ้นมากจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:48:02

ความคิดเห็นที่ 48 จิตรกรรมฝาผนัง ที่สวยและมีรายละเอียดยิบ เกินกว่าจะเรียกว่าเป็นเพียงงานเลียนแบบแล้วละครับ เพราะเป็นการถ่ายทอดมาในรูปจิตรกรรม ที่สะท้อนภาพช่วงสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:48:26

ความคิดเห็นที่ 49 มองจากบริเวณห้องรับรองผ่านบานเฟี้ยมแบบจีนที่ลวดลายวิจิตร เห็นแท่นพระบรรทมไกลๆ สวยประทับใจผมมากครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:48:57

ความคิดเห็นที่ 50 เครื่องกระเบื้องสีฟ้าสด ที่ตกแต่งอยู่อย่างเข้าบรรยากาศรอบๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:49:22

ความคิดเห็นที่ 51 เครื่องใช้ทุกชิ้นภายในนอก ผมรู้สึกว่าแต่ละชิ้นที่จัดวาง ได้รับการศึกษา และออกแบบมาอย่างดี ทำให้ทั่วทั้งห้องดูกลมกลืน ไม่มีสิ่งใดรู้สึกแปลกหรือเป็นส่วนเกินเลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:49:46

ความคิดเห็นที่ 52 พระพุทธรูปทวารวดี หมายเลขตามแผนที่  :  17 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ วงเวียนที่ไม่เหมือนวงเวียนที่ไหน สมกับเป็นเมืองโบราณ เพราะเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ หากย้อนกลับไปในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 บริเวณเมืองนครไชยศรีเป็นแหล่งที่มีอาณาจักรรุ่งเรืองไปพร้อมกับพุทธศาสนานิกายเถรวาท คือวัฒนธรรมแบบทวารวดี โดยเฉพาะรูปแบบการสร้างพระพุทธรูปที่เป็นเอกลักษณ์ ดังเช่นพระพุทธรูปที่เราเห็นอยู่นี้ คือปางปฐมเทศนา ที่ประทับนั่งห้อยพระบาท ซึ่งปัจจุบันเราพบได้เพียงสี่แห่งคือที่พระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ ลานประทักษิณด้านใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:50:16

ความคิดเห็นที่ 53 เรือนทับขวัญ-เรือนทวารวดี หมายเลขตามแผนที่  :  18 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากสถานที่จริง เป็นเรือนไทยที่สร้างตามแบบเรือนทับขวัญที่พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม เรือนไทย 8 หลังที่มีชานเดินถึงกันได้ตลอด ที่เรียกว่าเรือนทวารวดี เนื่องจากได้เลียนแบบปั้นลมให้เป็นรูปตัวเหงากระหนก แบบเดียวกับปั้นลมของปราสาท ซึ่งพบในจำหลักบนใบเสมาสมัยทวารวดีนั่นเอง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:50:42

ความคิดเห็นที่ 54 ตัวเรือนไทยยังหลังนี้ยังแสดงให้เห็นระบบการก่อสร้างของไทยเมื่อครั้งโบราณ ที่ไม่ใช้ตะปูสักดอก แต่ใช้การเจาะรูเข้าเดือย และใช้ไม้สลักอย่างน่าทึ่ง จุดเด่นของเรือนไทยที่เป็นลานกว้างกลางบ้าน เดินถึงกันได้ตลอดนี้ คงทำให้เรามองเห็นสภาพชีวิตโบราณที่มีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นในครอบครัวได้เป็นอย่างดี จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:51:13

ความคิดเห็นที่ 55 ทุกส่วนของเรือนไทยหลังนี้ตกแต่งลายละเอียดอย่างดี รวมทั้งพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 6 ตามแบบเรือนหลังจริงที่พระราชวังสนามจันทร์ด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:51:45

ความคิดเห็นที่ 56 ที่นั่งพักผ่อนบริเวณชานบ้านที่แสนเงียบสงบ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:52:11

ความคิดเห็นที่ 57 คุ้มขุนแผน หมายเลขตามแผนที่  :  18 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากสถานที่จริง อยู่ไม่ไกลกันนั้นเป็นเรือนไทยหลังสวยอีกหลัง มีศาลาริมน้ำตั้งอยู่อย่างโดดเด่น เป็นเรือนไทยที่ได้ถ่ายแบบมาจากคุ้มขุนแผน ที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะเรือนของผู้มีฐานะในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:52:38

ความคิดเห็นที่ 58 อนุสรณ์สถานกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท หมายเลขตามแผนที่  :  21 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัชการที่ 5 ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาถ หรือวังหน้า ถือเป็นตำแหน่งสำคัญรองเพียงจากพระมหากษัตริย์เท่านั้น ส่วนอนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างให้กับผู้เป็นพระอนุชาและตำแหน่งวังหน้าในรัชกาลที่ 1 ซึ่งทรงเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ ในสงครามเก้าทัพ สงครามใหญ่ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ท่านสามารถนำทัพจนได้รับชัยชนะ ทั้งที่มีกำลังพลน้อยกว่า จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:53:07

ความคิดเห็นที่ 59 ด่านเจดีย์สามองค์ หมายเลขตามแผนที่  :  22 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากสถานที่จริง หากไม่สังเกตดีๆ อาจปั่นจักรยานผ่านไปโดยไม่รู้ตัวได้ เพราะขนาดที่เล็ก และหลบหายไปกับต้นไม้แถวนั้น เป็นอีกหนึ่งที่ที่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความสวยงาม แต่อยู่ที่ประวัติความเป็นมา และเป็นชื่อเรียกที่เวลาเราเรียนประวัติศาสตร์ไทยต้องได้ยินชื่อบ่อยแน่ๆ เพราะเป็นเส้นทางที่ทัพพม่าผ่านเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยานั่นเอง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:53:35

ความคิดเห็นที่ 60 ถ่ายรูปสวยมากเลยครับเห็นแล้วอยากไปเลย ช่วงนี้อากาศน่าจะเย็นสบาย  จากคุณ : naturenote เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:53:41

ความคิดเห็นที่ 61 มุมกล้องสวยอีกแล้วคุณเดี่ยว แวะมาปาดทักทายก่อน เดี๋ยวมาใหม่นะคร้าบบบ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:53:55

ความคิดเห็นที่ 62 พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หมายเลขตามแผนที่  :  23 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากสถานที่จริง พระที่นั่งสีขาว หลังคาสีสดที่เรามองเห็นได้แต่ไกล และรูปทรงที่คุ้นตา เพราะเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์นี่เอง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นปราสาททรงจตุรมุข สร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 1 ใช้เป็นที่ว่าราชการและประกอบพระราชพิธีสำคัญ มีความสูงใหญ่เทียบเท่าพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:54:10

ความคิดเห็นที่ 63 naturenote ...ช่วงนี้ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่กลัวบางวันจะเจอฝนนะครับ Coffee Blended ...ขอบคุณค้าบที่แวะมาทักทาย ทางเมืองโบราณได้สร้างปราสาทจากหลักฐานอ้างอิงจากรูปภาพ จดหมายเหตุ พงศาวดาร ประวัติศาสตร์และโบราณคดี เพื่อให้ตรงกับรูปแบบการสร้างครั้งแรก เพราะพระที่นั่งองค์จริงเคยผ่านการบูรณะทั้งหลังในสมัยรัชกาลที่ 3 และรัชการที่ 6 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:55:49

ความคิดเห็นที่ 64 ความน่าสนใจที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือการชมด้านใน เพราะเราจะได้พบกับเสาหารและซุ้มเรือนแก้วสีทองอร่าม ที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทำหน้าที่รับน้ำหนักของส่วนหลังคาไม่ให้ทลายลงมา แต่ปัจจุบันองค์จริงได้รื้อออกจนหมดแล้วจึงหาดูได้จากที่เมืองโบราณเท่านั้น จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:56:17

ความคิดเห็นที่ 65 ซุ้มที่อ่อนช้อยสวยงาม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:56:43

ความคิดเห็นที่ 66 ความวิจิตรบรรจงถูกตกแต่งในทุกส่วนของพระที่นั่งองค์นี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:57:12

ความคิดเห็นที่ 67 ภาพจิตกรรมฝาผนังเรื่องพระราชกรณียกิจของรัชการที่ 1 ทั้งด้านการปกครอง การศาสนา การสงคราม และการติดต่อกับต่างประเทศ ที่ถูกเขียนขึ้นด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ ซึ่งไม่ค่อยมีแล้วนับตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:57:40

ความคิดเห็นที่ 68 ยิ่งตัวพระที่นั่งดุสิตองค์นี้ตั้งก็ไม่ห่างน้ำนัก ทำให้มีลมพักมาเอื่อยๆ ไม่ได้ขาด ทำให้การเดินชมเป็นไปในบรรยากาศสบายๆ พักพักเหนื่อยไปในตัว และสบายตากับความสวยงามไปด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:58:11

ความคิดเห็นที่ 69 นอกจากสถานที่สำคัญต่างๆ ที่เราได้ชม ต้นไม้ดอกไม้ในเมืองโบราณยังมีให้แวะชมกันได้ตลอดทาง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:58:40

ความคิดเห็นที่ 70 กองวัสดุเหลือใช้ หรือไม่ก็เตรียมก่อสร้างที่ใดที่หนึ่ง แต่ผมว่าสวยดีนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:59:22

ความคิดเห็นที่ 71 เรือนต้น หมายเลขตามแผนที่  :  24 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดการประพาสส่วนพระองค์ตามหัวเมืองโดยแต่งองค์เป็นชาวบ้านสามัญ เพื่อได้ตรวจดูความเป็นอยู่ของราษฎรอย่างใกล้ชิด เรียกว่าการประพาสต้น ในสมัยพระองค์จึงโปรดให้สร้างเรือนไทยแบบสามัญที่ราษฎร์เรียกว่าเรือนต้นขึ้นในในพระราชวังดุสิต มีลักษณะเรือนไทยฝาปะกนแบบเรือนหมู่มีนอกชานแล่นถึงกันตลอด จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:59:52

ความคิดเห็นที่ 72 บริเวณหน้าชานมีที่นั่งพร้อมหมอนอิงที่ได้บรรยากาศย้อนยุคดีครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:00:23

ความคิดเห็นที่ 73 บรรยากาศภายในห้องรับรอง สีขรึมๆ ของตัวเรือน และเฟอร์นิเจอร์ทำให้บรรยากาศดูสงบมากขึ้น จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:00:55

ความคิดเห็นที่ 74 เตียงนอนภายในห้องที่โปร่ง ลมเย็นสบาย ซึ่งเป็นข้อดีข้อสำคัญของลักษณะเรือนทรงไทย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:01:26

ความคิดเห็นที่ 75 ส่วนห้องนี้ตกแต่งดูอบอุ่นและสวยงามไปอีกแบบ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:01:58

ความคิดเห็นที่ 76 บรรยากาศดอกไม้สีเหลืองเข้ากับสีเขียวเย็นๆ คู่กับจักรยานคู่ชีพที่ใช้ตะลุยแดนโบราณครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:02:31

ความคิดเห็นที่ 77 ก่อนไปเที่ยวต่อ นั่งรับลมเย็นๆ ที่ท่าน้ำ ชมดอกไม้กันก่อนนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:02:56

ความคิดเห็นที่ 78 มองออกไปไกลๆ ศาลาทรงไทยริมน้ำสวยๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:03:24

ความคิดเห็นที่ 79 หรือจะเป็นอาคารทรงเก่า ผมว่าทุกสิ่งก่อสร้างพอมาประกอบกับน้ำ ทำให้ดูเย็นๆ เพิ่มขึ้นมาเลยนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:04:00

ความคิดเห็นที่ 80 พระที่นั่งสรรเพชรปราสาท หมายเลขตามแผนที่  :  27 ประเภทสิ่งก่อสร้าง : สร้างขึ้นใหม่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พระที่นั่งสรรเพชรปราสาท ซึ่งพระที่นั่งแห่งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ หรือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการจำลองพระราชวังในสมัยอยุธยาที่สร้างขึ้นในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ และถูกทำลายลงแทบไม่เหลือในช่วงเสียกรุงศรีอยุธยา ทางเมืองโบราณได้สร้างพระที่นั่งแห่งนี้ขึ้น โดยการค้นคว้าจากหลักฐานดั้งเดิมทั้งของไทยและต่างชาติ เพื่อให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:04:25

ความคิดเห็นที่ 81 อีกทั้งยังเป็นการรวบรวมรูปแบบศิลปะสมัยอยุธยาจากแหล่งต่างๆ เช่น โครงสร้างเครื่องยอดหลังคา ได้รูปแบบมาจากวิหารสัดพระพุทธชินราช จ. พิษณุโลก หลังคาดีบุก จากหลังคาพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ ใน พระบรมมหาราชวัง ช่อฟ้า ใบระกา จากวัดโพธิ์ ทวย ได้จากวัดศาลาปูน จ.อยุธยา ซุ้มประตูหน้าต่าง จากวัดบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี และวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จ. นครศรีธรรมราช สิงห์ที่ประดับหน้าบันไดทางเข้าจากวัดธรรมิกราช จ. อยุธยา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:04:57

ความคิดเห็นที่ 82 ความสำคัญของอย่างของพระที่นั่งในเมืองโบราณแห่งนี้ คือ พระเจ้าอยู่หัวของเรา ทรงใช้เป็นที่รับรองสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบท ที่ 2 และพระราชสวามี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์. 2515 ซึ่งเมืองโบราณถือว่าเป็นวันสิริมงคล จึงถือเป็นวันเปิดเมืองโบราณต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก อย่างเป็นทางการ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:05:29

ความคิดเห็นที่ 83 ภายในสีทอง ลวดลายละเอียดมากๆ ทำให้เราเห็นภาพที่เราหาชมไม่ได้ เมืองโบราณทำให้จินตภาพของเราแจ่มชัดขึ้น เห็นภาพความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยาอันเกรียงไกรเมื่อหลายร้อยปีก่อนจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 21:05:49