ความคิดเห็นที่ 1 หากคุณมีไฟลท์โลว์คอสไปลงที่เทรวิโซ ก่อนจะออกจากสนามบินจะมีตู้จำหน่ายตั๋วรถบัส (หรือซื้อออนไลน์จากเวบได้ที่ www.atvo.it จะถูกกว่า 50 เซ็นต์) ตั๋วราคา 7 ยูโรค่ะ รายละเอียดดีมากๆ แต่ก็ยังมีคนซื้อตั๋วไม่ได้ อันดับแรก ยืนอ่านให้เข้าใจก่อน แล้วควักเงินออกมาเลย จะเหรียญหรือธนบัตร เครื่องก็รับค่ะ เมื่อได้ตั๋วแล้ว ก็เดินตรงออกประตูไปได้เลย สนามบินเล็กมาก จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:11:26

ความคิดเห็นที่ 2 รถบัสสีขาว ของ ATVO จอดรออยู่ด้านนอกสนามบินเลย คุณคนขับ จะเดินไปเดินมา คอยต้อนคนขึ้นรถ มั่นใจได้ว่าไม่ผิดคัน ถ้าลงปลายทาง บอกว่า Venezia เขาจะเอากระเป๋าเรายัดเข้าไปในรถ ลึกหน่อย เพราะของเราจะไปถึงปลายทาง ท่ารถบัสที่เวนิสเลยค่ะ อาจจะมีรถสีขาวเหมือนกันอีกคัน แต่ไปสนามบินอีกแห่ง เพราะงั้นเวลาขึ้นเลยต้องถามคนขับนิดนึง ว่าคันไหนไปไหนนะคะ ระหว่างทางจะแวะ ที่สถานีรถไฟ Venezia mestre หากใครจะไปต่อเมืองอื่น เปลี่ยนรถที่นี่ได้เลย (ค่ารถเท่ากันกะเข้าถึงเกาะเวนิส) จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:18:06

ความคิดเห็นที่ 3 ขึ้นไปแล้วไปแย่งที่นั่งกันเองนะคะ ตรงข้างที่นั่งคนขับจะมีเครื่องตอกตั๋วสีเหลืองๆ ขึ้นไปตอกแล้วเก็บตั๋วให้ดี เพราะวันดีคืนดีจะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจ ช่วงแวะครึ่งทาง และบางอารมณ์ก็จะขึ้นมาตรวจที่ปลายทาง piazza le Roma ท่ารถด้วย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:19:20

ความคิดเห็นที่ 4 ตามชมค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:20:06

ความคิดเห็นที่ 5 ตามติดคู่รักหวานแหวว จากคุณ : Piggy M เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:22:07

ความคิดเห็นที่ 6 ขอตามไปเที่ยวด้วยคนคะ จากคุณ : ลุ๊งลิ๊ง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:22:50

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงซะที เราก็ลากกระเป๋าทั้งสองใบ (ถูกแล้วค่ะ) เพราะคุณชายถือแต่กล้องเทพของท่านเท่านั้น ข้ามสะพาน(คอนกรีต แต่พื้นดันไม่เรียบ) เข้าสู่เกาะฝั่งสถานีรถไฟ Venezia Santa Lucia ใช้เวลาเดินทางประมาณ 70 นาทีค่ะ เข้าเกาะทางถนนที่เราก็ไม่เคยมาเหมือนกัน นั่งแต่รถไฟ ทางฝั่งแผ่นดินใหญ่ จะเป็นย่านอุตสาหกรรม และท่าเรือ ฝั่งซ้ายมือของสะพาน จะเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยของเวนิส จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:27:07

ความคิดเห็นที่ 8 พี่ท่านถ่ายรูปตลอดทาง สำหรับท่านที่ไปครั้งแรก อย่าเพลินกับการถ่ายรูปจนลืมกระเป๋า เพราะว่าหากมีคนเดินกันเยอะๆ กระเป๋าท่านจะหายไปอย่างไวมาก  ส่วนในซอยเงียบๆ ไม่มีผู้คน ปลอดภัย คือย้ำว่า อย่าไปอยู่ในที่คนเยอะๆ ไว้ จะปลอดภัย(สลับกันซะงั้น) จากสถานีรถไฟเราใช้เวลาเดินไปที่พักอีกประมาณ 25 นาที เสียเวลากับการถ่ายรูปไปด้วย ที่พักอยู่ที่ท่าเรือ Fondamenta Nuvo ซึ่งจริงๆแล้วนั่งเรือไปก็ได้ แต่เรายังไม่เปิดใช้ตั๋วเรือ พรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มใช้ค่ะ ตั๋วเรือมีให้เลือกตามเวลาที่ต้องการ แต่แบบ 24 ชั่วโมงจะคุ้มที่สุด สำหรับคนเที่ยวหน้าร้อน และมีเวลาค้างคืนที่นี่ ราคาต่อคน 20 ยูโร และซื้อล่วงหน้าได้ เมื่อจะเริ่มใช้จึง Activate ที่เครื่อง ที่ก่อนทางขึ้นโป๊ะลงเรือค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:30:58

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับสถานที่ซื้อตั๋วเรือ คือท่าลงเรือใหญ่ๆ อันได้แก่ Ferrovia (สถานีรถไฟ) Fondamenta Nuvo ท่าเรือด้้านหลัง สำหรับการต่อเรือไปเกาะ Burano, Murano และ Torcello ท่าเรือ San Marco ทั้งสองท่า และท่าเรือ Rialto ทั้ง 5 ท่านี้ มีจำหน่ายตั๋วแน่นอน เพื่อให้สะดวกควรซื้อเสียให้เรียบร้อย ที่หน้าสถานีรถไฟ แล้วเก็บตั๋วไว้ค่ะ ที่พักที่เราเลือก เป็นเครือเดียวกับโรงแรม Vecellio ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่หันหน้าออกสู่ทะเลเลย ข้างล่างก็ติดโป๊ะลงเรือ แต่ Guesthouse Vecellio ซึ่งอยู่ในซอยเข้าไป เจ้าของเดียวกัน ก็ไม่ได้เดินทางลำบาก เข้าซอยไปไม่ถึงสามร้อยเมตร เงียบสงบ นอนสบาย มีแอร์ และอาหารเช้าบริการ มีห้องพักแค่ 4 ห้องเท่านั้น ปลอดภัย สบายใจมากๆ เจ้าของคุณ Matteo ดูแลแขกเอง ห้องพักเล็กๆ ประมาณ 3 x 4 เมตร มีห้องน้ำในตัว wifi TV และที่ขาดไม่ได้หน้าร้อนของอิตาลี แอร์ ไม่งั้นแย่แน่ๆ  ค่าที่พักสองคืน สองคน 166 ยูโร (รวมภาษีเมืองด้วย) ถ้าใครจองที่พักแล้วอยู่ดีๆ ราคาขึ้นไม่ต้องแปลกใจค่ะ ส่วนของ city tax ไม่รวมอยู่ในค่าโรงแรม และโรงแรมต้องเก็บส่งสรรพากรโดยตรง คุณจะเสียเงินเพิ่ม แขกคนก่อนหน้าเราก็มาโวยวาย แต่เราอ่านมาแล้ว จึงสงบเสงี่ยม แล้วก้มหน้าก้มตาจ่ายเงินไป (โรงแรมเก็บเงินวันเช็คเอาท์ค่ะ) จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:41:06

ความคิดเห็นที่ 10 เย็นนั้นเราก็แวะเข้าซุปเปอร์ขนซื้อน้ำขวด และเชอรี่มาเก็บใส่ตู้เย็นในห้องไว้ก่อน แล้วก็มากินอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมน้ำ อาหารไม่ได้แพงผิดปกติ บริการรวดเร็ว และดูแลดี อาหารอร่อยทีเดียว แต่ต้องรอคนนิดนึงถ้าไม่ได้จองไว้ เพราะวิวดี คนแน่นไปหมดเลยค่ะ สเต็กอร่อยมาก เนื้อนุ่มอร่อยดีจริงๆ เยอะด้วย กินแทบไม่หมด ของแฟนเธอไม่เคยพบอาหารทะเล เลยสั่งจานรวม ซึงปกติต้องสั่งสองคน แต่ไม่เป็นไร คนเสิร์ฟหนุ่มหล่อบอกว่า คนเดียวก็ขายได้ ก็เลยจัดไป เห็นพี่แกกิน นึกถึง Mr Bean Holiday ขึ้นมาตะหงิดๆ เราดึ่มไวน์แดง และเบียร์ กับกาแฟอีกคนละแก้ว (กินอาหารที่อิตาลี ส่วนมากราคานี้แทบทุกวัน)  เราไม่ได้ที่นั่งริมน้ำ แต่ไม่เป็นไร ก็สวีทได้ ให้แกงค์ลุงป้าอเมริกันอิจฉา ค่าอาหาร 57 ยูโรเลยทิปที่เหลือไป ตามประสาคนดัตช์ขี้เหนียว ทิปทั้งทีให้ไม่เคยถึง 10% ที่นี่ร้านอาหารจะมีชาร์จค่าขนมปัง และค่านั่ง coperto อีกอยู่แล้วด้วยค่ะ ราคาจึงออกมาอย่างที่เห็น คือเข้าไปปั๊บ 5 ยูโรนี่โดนก่อนแล้ว ยังไม่ทันสั่งอะไรเลย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:48:15

ความคิดเห็นที่ 11 ขอตามไปเที่ยวด้วยนะคะ จากคุณ : golove2 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:57:18

ความคิดเห็นที่ 12 อาหารในเวนิสแพงพอๆกันเกือบหมดค่ะ ยกเว้นถ้าชอบกินพิซซ่า แนะนำร้าน www.aeoche.com  Ae Oche รูปนกกระสาค่ะ ถ้านั่งก็มีชาร์จ แต่ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมาซื้อ Take Away อร่อยดีเลยค่ะ มีสลัดและอาหารอื่นๆด้วย ใส่กล่องไปกินก็สะดวก สำหรับการมาเวนิส หลายคนเห็นว่าถ้าไม่ได้นั่งเรือกอนโดล่า มันจะยังมาไม่ถึง ขอแนะนำให้พยายามนั่งเสียก่อนหกโมงเย็น เพราะตอนเย็นจะมีราคาอีกเรทหนึ่ง ถ้านั่งสองคนราคา 80 ยูโร และเพิ่มเป็น 100 ยูโร หลังหกโมง ถ้าจำนวนคนมากกว่า ก็จะเริ่มที่ 100 และ 120 ตามลำดับค่ะ ในช่วงหน้าร้อน จะมีคนพายเยอะกว่า ทำให้คนพายต้องแย่งลูกค้ากันเอง อิอิ  เราเลยเลือกฝีพายหล่อๆ ได้ การต่อรองราคาทำได้เช่นกัน แต่จะทำให้ระยะเวลาในการนั่งเรือลดน้อยลงค่ะ เขาจะไม่บอกคุณ แต่เขาจะไปในระยะทางที่สั้นกว่าปกติ แต่แหม มันก็ประหยัดได้เนอะ ถ้าราคา 80 ได้ 40 นาที จ่ายน้อยกว่านั้น ก็จะลดเวลาลงตามลำดับค่ะ ท่าเรือกอนโดล่าจะเขียนไว้เลยว่า Gondola Service แต่ถ้าเห็นเขาจอดว่างๆ อยู่ก็เข้าไปถามได้ ไม่เสียหลาย ไม่ต้องไปรอถึงท่าใหญ่แล้วไปเข้าคิวนะคะ วิวที่จะได้ ขึ้นอยู่กับท่าที่คุณไปขึ้นด้วย ถ้าอยากนั่งชมวิวคลองใหญ่ ก็ขึ้นที่ริม Grand Canal ตรงไหนสักแห่ง ถ้าชอบเข้าตรอกซอกซอย ก็บอกฝีพายได้ค่ะ เขาจะหาเส้นทางที่เหมาะสมกับเวลาให้เอง จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:59:29

ความคิดเห็นที่ 13 เช้านี้ไปมุราโน่ และบุราโน่กันค่ะ เพราะว่าที่พักเราอยู่ไม่ไกลท่าลงเรือ F.Nove เราก็เลยจะข้ามไปเที่ยวสุสานกัน (มาฮันนีมูนทั้งทีเนอะ) ป้ายแรกที่เรือจอด Cimitero ลงไปชมได้ แต่เขาขอห้ามไม่ให้ถ่ายรูป มีห้องน้ำให้ล้างหน้าล้างตาด้วย เผื่อใครกลัวอะไรจะติดตากลับมา แต่อย่ากระนั้นเลย กลัวไม่มีอะไรมาให้เพื่อนๆดู ก็แอบเอากล้องเทพแชะไปทีหนึ่ง ภายในรั้วสวยงามอลังการค่ะ แต่สุสานเป็นแบบเรียบๆ ไม่เหมือนที่ลิสบอนที่เราไปมา เมื่อร้อนที่แล้ว คุณชายชอบทัวร์สุสานพอๆกะเรา เข้าไปแล้วทำให้ปลงชีวิตได้เยอะ อย่ากระนั้นเลยไปต่อ รอเรือลำถัดไป ระยะห่างเวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:14:57

ความคิดเห็นที่ 14 ตามชมรีวิวอยู่  ขอบคุณคู่รักหวานแหววครับ จากคุณ : nutpu เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:17:01

ความคิดเห็นที่ 15 เวบการขนส่งของเวนิสค่ะ  www.hellovenezia.com ไว้เช็คราคาตั๋วล่าสุด และหมายเลขเรือ หน้านี้โดยตรงเลยค่ะ http://www.hellovenezia.com/images/stories/navigazio/Mappa_linee_Actv_2012.pdf เรือลำที่ขึ้นไป เป็นเรือที่จอดทุกป้าย จึงจอดทุกป้ายภายในบริเวณเกาะมุราโน่ หากใครจะต้องลง ให้เลือกป้ายชื่อ Murano Faro จะเป็นป้ายหลักที่จะลงเรือสาย 13 ต่อไป Burano ได้ค่ะ หากขึ้นมุราโน่ เลือกป้ายนี้ก็ได้ Murano Colonna ลงป้ายนี้ จะผ่านไปในละแวกบ้านที่อยู่คนที่นี่ แล้วเดินไปเรื่อยๆ ก็จะไปออกริมคลองหลัก ถนนร้านขายของได้เองค่ะ ระหว่างเส้นทางเดินจะมีงานแก้ว ประดับเมืองเป็นระยะๆ  (จะเหลือหรือ เราต้องเข้าไปทำลายวิว) จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:21:27

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อไปถึงคลองสายร้านขายของ ก็ระวังนิดนึง ถ้าจะแอบถ่ายรูปตู้โชว์เค้านะค่ะ บางร้านมีป้ายห้ามถ่ายแปะไว้แต่อันกระจิ๊ดเดียว เราก็พยายามระมัดระวัง ไม่อยากโดนว่าเสียชื่อคนไทยร่วมประเทศหมด ตรงหอระฆังสูงหน้าสะพานข้ามไปโบสถ์ จะมีงานแก้วสีฟ้าๆ ที่คนนิยมมาถ่ายรูปมากๆ ในโบสถ์เข้าชมได้ฟรีนะคะ ตัวโบสถ์ไม่ได้วิจิตรอลังการแต่มีแชนเดอเลีย โคมระย้าที่ทำจากแก้วเป่า สวยงามดีค่ะ ถ้าใครชอบเดินดูของ ร้านค้าแถวนี้ให้ได้อย่างเต็มอิ่มเลยค่ะ ซื้อไม่ซื้อไม่ว่ากัน อย่าไปดึง ไปหยิบจับให้ของตกแตก รับรองไม่มีเสียทรัพย์ค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:25:20

ความคิดเห็นที่ 17 การเที่ยวมุราโน่ ถ้าเก็บเฉพาะส่วนที่เด่นๆ ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงค่ะ สุดทาง ของสะพานอีกด้าน (ถ้าคุณขึ้นเกาะจาก Murano Faro) จะมีซุปเปอร์มาร์เก็ต ซ่อนอยู่ในตัวตึก แวะซื้อน้ำดึ่ม หรือของไว้ทานได้ บางวันเราไปทัน ก็จะได้ไก่หมุนด้วย (เวลาทัวร์แบกเป้ มาแวะประจำ) ร้านไอศกรีมใน passage ทางเข้าซุปเปอร์ก็ไม่แพง ถ้าใครอยากได้แก้วเป่าตัวเล็กๆ ไม่ต้องแพงมาก แค่เป็นของฝากเด็กๆ เข้าไปซื้อได้ในนี้จะมีร้านที่มีเอาท์เล็ท ไม่ใช่ของจีน แต่เป็นชิ้นงานที่อาร์ตติสไม่ถูกใจ ถือว่าทำได้ไม่เพอร์เฟ็ค ก็จะมาขายถูกๆ ร้านพวกนี้ก็จะไปกว้านซื้อไว้ค่ะ นางแบบร้อนและเหนื่อยแล้ว เพราะอุณหภูมิวันนั้น 36 องศา ถือว่าร้อนผิดปกติสำหรับคนเวนิส เพราะปกติจะมีลมโชย แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงคลื่นความร้อนแผ่ลงมา แล้วกองอยู่สามวัน ร้อนมากๆ คนท้องถิ่นยังบ่นเลย เราก็ซวยไป อุตส่าห์ใส่แต่สีขาว ดับร้อนแล้วแต่ไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ พกร่มดีที่สุดค่ะ ขอแนะนำ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:30:40

ความคิดเห็นที่ 18 หนีร้อนไปขึ้นเรือสาย 13 ไปบุราโน่กันต่อค่ะ กลับไปที่ท่า Faro เรือสายนี้จะมาทุก 30 นาทีเท่านั้น ดังนั้น เมื่อมาถึงเช็คเวลาเรือออกไว้ก่อนเลยค่ะ แม้เราจะมาเร็วไป 15 นาที ก็มีอะไรให้ดูและถ่ายรูปเล่น แถวท่าเรือบ้างค่ะ แถวนั้นก็ยังมีร้านค้าย่อยๆ ประภาคารและงานแก้วที่ริมน้ำนิดหน่อย ตั๋ววันที่ Activate ไว้ก่อนลงเรือในตอนเช้า เก็บใส่กระเป๋าให้ดีได้เลย ถ้าจำเป็นจึงค่อยเอาออกมาค่ะ ไม่คุ้มกับการทำหล่นหาย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:33:08

ความคิดเห็นที่ 19 ขอตามไปด้วยคร๊าบบบบบ จากคุณ : วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:33:15

ความคิดเห็นที่ 20 แม่เจ้าเอย พอเรือมา คนก็แห่มาแย่งกัน เรือในเส้นทางนี้เป็นเรือค่อนข้างใหญ่และมีห้องน้ำด้วยค่ะ ไม่เหมือนเรือลำเล็กๆ อย่างสาย 1-2 หรือ 41 42 51 52 ดังนั้นถ้าจำเป็น ไปเข้าห้องน้ำได้ ประตูเขียวเล็กๆ ด้านซ้ายหรือขวาของเรือ ตรงข้างพื้นที่ว่างกลางลำนั่นเลยค่ะ มีน้ำและสะอาดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดวงนิดนึงค่ะ จากมุราโน่ เรือไปต่อใช้เวลาประมาณ 20 - 25 นาทีค่ะ พ้นจากนี้ไป ก็จะมีเกาะร้างผ่านมาทางขวาของเรือบ้าง บุราโน่ มีเสน่ห์ทุกช่วงของปีค่ะ ถ้ามาในช่วงเดือนเม.ย หลายๆบ้านจะปลูกดอกไม้หัว เห็นนาซิสซัส และทิวลิปบ้าง ในเดือนพ.ค. แต่ละบ้านที่ปลูกกุหลาบไว้ จะเห็นกุหลาบเลื้อยออกดอกสะพรั่งไปหมด ถ้ากลางฤดูร้อนอย่างนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นดอกชบาเยอะขึ้นมาแทนกุหลาบค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:38:31

ความคิดเห็นที่ 21 ขอแนะนำว่าไม่ต้องศึกษาแผนที่ให้เมื่อยลูกตา ขึ้นเกาะไปได้ เห็นสีจัดๆ ตรงไหน ก็เดินเข้าไปเลยค่ะ ตามตรอกซอกซอยจะมีบ้านสวยๆ เต็มไปหมด ไม่ต้องเลือกนานค่ะ สำหรับการทานอาหาร เราทานที่ร้านนี้ประจำ เพราะมีคนไทยเป็นแฟนเจ้าของร้าน คุยก็ง่าย สั่งอาหารก็สะดวก มีบ๋อยคนไทยด้วยค่ะ  ชื่อร้าน Galuppi อยู่บนถนนสายการค้า กลางเกาะเลย วันนี้ดึ่มแต่วัน เหล้าสีๆ นี้เรียกว่าสปริต Sprit ค่ะ ไม่ใช่สไปรท์นะเออ กลิ่นคล้ายๆยาแก้ไอสมัยเด็กๆ แรงมากเลยค่ะ ใส่น้ำแข็งด้วย เห็นคนท้องถิ่นยกจิบกันทั้งวันอ่ะค่ะ เราเลยสั่งบ้าง ปกติถ้ามาทำงานจะดึ่มไม่ได้ อิอิ โต๊ะนี้หมดไป 45 ยูโรรวมทิปค่ะ ถ้าจะทานเร็วๆ ประหยัด มีร้าน Pizzeria ซึ่งสามารถสั่งเป็นเมนูได้ค่ะ ราคาไม่เกิน 6-8 ยูโร มีพิซซ่าชิ้นและน้ำอัดลมหนึ่งขวดก็อิ่มแล้ว บนเกาะมีตลาดนัดและร้านค้าที่เป็นซุปเปอร์เล็กๆด้วยค่ะ สามารถหาอาหารทานได้แน่นอน แต่ห้องน้ำเป็นอะไรที่แพงมาก ถ้าหน้าโลว์ ค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะ 1 ยูโร พอมาหน้าร้อนนี้ ขึ้นราคาอีกเป็นคนละ 1.5 ยูโร แพงปายม๊ายยยย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:44:45

ความคิดเห็นที่ 22 ตามไปแอบดู   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:44:47

ความคิดเห็นที่ 23 ห้องน้ำสาธารณะของที่อยู่ตรงซอยทางขวา หน้าจตุรัสกลางเมือง (ด้านหลังมีโบสถ์)นะคะ ตามในรูปนี้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ นั่งร้านอาหารแล้วก็เข้าห้องน้ำไปด้วยเลยค่ะ ตามร้านสแน็คและพิซเซอเรียจะไม่มีห้องน้ำนะคะ เป็นข้อเสียนิดนึง อิ่มแล้ว เราก็เมาอ่ะค่ะ เลยไปหาที่หลบแดด นั่งเก้าอี้ชาวบ้านเขา ให้ลมพัดเย็นๆ นี่ถ้ามาทำงานไม่ได้แอบอู้แบบนี้แน่ๆ อิอิ สบายย ถ้ามาเที่ยวบุราโน่ เผื่อเวลาไว้สัก 2 ชั่วโมงอีกเช่นกันค่ะ หลายๆคน อาจจะใช้เวลาน้อยหรือมากกว่านี้ แล้วแต่ความเร็วในการเดิน และถ่ายรูปของท่านเอง ไม่รวมเวลาทานอาหาร แต่พอดีเราไปร้านนี้เพราะสั่งแล้วได้เร็วมาก ขนมท้องถิ่นอร่อยดี เป็นคุกกี้จิ้มลงในเหล้าหวาน (เมาอีก เฮ่อ) จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:49:11

ความคิดเห็นที่ 24 จดรายละเอียดตามในบางส่วนได้เลยนะคะ เพราะว่าเป็นเกร็ดจากคนที่ไปบ่อยอยู่แล้วคะ ปกติเส้นทางนี้ เราจะไปทำงาน แต่ก็มีหลายๆเมืองที่เพิ่งเคยไป ก็ไปเก็บรายละเอียดในส่วนที่หนังสือท่องเที่ยวไม่บอก เพราะเดี๋ยวปีหน้าจะได้เปิดทัวร์ในเมืองเหล่านั้นด้วย สามีถามไม่เบื่อเหรอ มันไม่ได้อยู่ที่สถานที่ มันอยู่กับคนที่ไป แอร๊ยยยยย เขิน ออกจากเกาะ นั่งเรือวิ่งตรงกลับไปเกาะใหญ่แล้วเราแวะไปอาบน้ำทาแป้งเย็นแต่งตัวใหม่ค่ะ ได้เวลาระหว่าง บ่ายสองโมงถึงห้าโมงของแต่ละวัน เราจะอาบน้ำนอน ไม่ก็นั่งตากแอร์เย็นๆ เล่นเน็ทอยู่ในที่พักค่ะ สู้แดดไม่ไหวจริงๆ อย่าดูถูกร่มทีเดียวเชียว ไม่ต้องอายใครค่ะ ถ้าเอามา กางใช้ให้เป็นประโยชน์ไปเลยค่ะ ประมาณสี่โมงครึ่งค่ะ เราเดินทางต่อ นั่งเรืออ้อมทั้งเกาะ ผ่านเส้นทาง Biannale สวนอาร์ต แล้วก็ท่าเรือครูซ มาลงป้าย S.Marco (San Zaccaria) เพื่อไปเดินชมจตุรัส ซานมาร์โก้ และเข้าชมภายในโบสถ์กัน ก่อนโบสถ์ปิดพอดี ถ้ามาหลังหกโมงเย็น อดดูแน่นอนค่ะ อิจฉาคู่นี้สุดๆ จตุรัสซานมาร์โก้เป็นที่ที่คนเวนิสนิยมมาถ่ายรูปแต่งงานมากที่สุดในเกาะ (เกาหลีก็แน่นอนว่าอินเทรนด์ตามคนท้องถิ่นด้วย แต่วันนี้เราไม่เจอ) ภายในโบสถ์ เปิดให้เข้าชมภายในได้ฟรีค่ะ แต่ห้ามเอากระเป๋าใหญ่ๆเข้าไปด้วย ถ้าไปกะเพื่อนต้องผลัดกันเข้า หรือไม่งั้นต้องเอากระเป๋าไปฝาก ที่ฝากกระเป๋าอยู่ในซอยใกล้ๆ ค่ะ   แต่งกายให้เรียบร้อย คลุมไหล่และคลุมเข่าค่ะ ทั้งหญิงและชาย หากใครไม่ได้เตรียมผ้ามาเขามีให้เช่า แลกเงินบริจาคอยู่ประตูด้านในค่ะ ดังนั้นแม้แต่งตัวไม่เรียบร้อย ก็มีโอกาสได้เข้าชมค่ะ อย่าพลาด จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 16:58:11

ความคิดเห็นที่ 25 เราไม่แนะนำให้ซื้อของที่เวนิส ถ้าคุณจะไปฟลอเรนซ์ต่อ เพราะของฝากพวกหน้ากาก และแม่เหล็กติดตู้เย็น ที่ตลาดนัดฟลอเรนซ์ถูกกว่ามาก (ไม่นับเครื่องหนังฟลอเรนซ์ที่คุณภาพดี แบบสวย แถมไม่แพงด้วย) ยกเว้นท่านที่พิสมัยหน้ากากทำมืออันละเอียดประณีต ควรหาซื้อในเวนิสเลย แต่ก็ไม่ควรซื้อตรงจตุรัสซานมาร์โก้นี้เช่นกัน ให้เดินเข้าไปตามตรอกซอกซอยแคบๆ ถ้าเจอร้านทำหน้ากาก แบบนั้น จึงค่อยเข้าไปเลือกซื้อค่ะ เพราะมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้เปเปอร์มาร์เช่แน่นอน หน้ากากที่ขายอยู่ทั่วไป สีสันสวยงาม ร้อยละเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเป็นพลาสติกค่ะ และที่สำคัญคือขายแพงกว่าราคาที่ควรจะเป็น ราคาหน้ากากแบบถูกนั้น ไม่ควรเกิน 10-15 ยูโรค่ะ อย่างนี้ที่ซื้อมา แค่ 5 ยูโรเอง ซื้อมาสามอันไว้ประดับฝาบ้าน คุ้มค่ามาก และไม่ได้ต้องต่อราคาด้วยค่ะ ถ้าชอบแบบเป็นหน้าคน มีขนนกประดับก็ราคาประมาณ 15 ยูโรค่ะ ถูกกว่าที่เวนิสเยอะมาก จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:04:39

ความคิดเห็นที่ 26 ส่วนตัวเราไม่ได้มีอะไรกะอิตาลีเลย แต่ว่าแต่งงานสองครั้งไปฮันนีมูนที่เวนิสและฟลอเรนซ์ตลอด เพราะสามีล้วนๆ ค่ะ  เนื่องจากสามีคนแรกเป็นอาร์ตติสค่ะ ศิลปินสุดๆ ตกลงกันไปเวนิส เพราะจะไปดูงานโชว์ศิลปะ  Biannale di Venezia นั่นน่ะค่ะ แล้วก็จำเป็นต้องไปฟลอเรนซ์เพื่อไปชมงานศิลปะของศิลปินอิตาเลี่ยน เพื่อให้พี่แกได้อะไรไปใช้สอบจบปีสุดท้าย เราจึงมาอิตาลีครั้งแรกปี 2001 ครั้งนี้ก็กลับมาเพราะว่าสามีอยากไปเวนิส  (มันมีดีจริงๆนะ) และฟลอเรนซ์ เพราะเกม ง่ายๆ คำเดียว เกม Assassin creed ทำให้ผู้ชายหลายคนอยากมาเที่ยวอิตาลี จริงรึเปล่าเนี่ย ดังนั้นคุณสาวๆ ถ้าอยากให้แฟนไปเที่ยวอิตาลีด้วย ลองเอาเกมไปล่อ เล่นสักพักเดี๋ยวจะติดใจอยากมาดูของจริง อันนี้แฟนเราบอกค่ะ ส่วนเราก็ว่าผู้ชายอิตาลีหล่อๆแบบ Ezio ทุกคนเลย ชอบๆๆ โคมไฟในรูปนี้แหละ เฮียอยากมาดูของจริงนักหนา และจะสอยกลับบ้านด้วย มันเป็นโคมไฟสไตล์เวเนชี่ยนตั้งแต่ดั้งเดิม แต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถขนต่อไปอีก 16 วันล่ะค่ะ กลัวมันแตก ถ้ามาที่นี่วันสุดท้ายอาจจะซื้อ ถ้าใครชอบลองเข้าไปดู ร้านเขาจะอยู่ในซอย ด้านหลังถนน Highstreet ไปทางซอยร้านหลุยส์วิตตองอ่ะค่ะ แล้วเข้าซอยต่อไปอีกนิด ของฝากอีกอย่างคือกระดาษลายหินอ่อนค่ะ จะซื้อแบบที่ทำเป็นสมุดโน้ต หรือซื้อเฉพาะกระดาษลายโบราณสวยๆ เอาไว้ห่อสมุด หรือทำงานฝีมือ ลองเข้าไปเลือกดูที่ร้าน Il papiro ค่ะ มีหลายสาขาในอิตาลีเช่นกัน อันนี้ก็ไม่ได้อะไรจากเค้า แต่ส่วนตัวเราชอบของพวกนี้มากๆ อิตาลีมีชื่อเรื่องกระดาษจริงๆค่ะ แม้แต่งานพวก decoupage ก็มาหาซื้อกระดาษสวยๆได้แถวนี้ล่ะค่ะ เราชอบต้นตระกูลมากๆ มันเป็นกระดาษลายต้นไม้ มีชื่อสกุล เอาไว้จดญาติโกโหติกา สนนราคา 10 ยูโรค่ะ ใครชอบของแบบนี้ลองไปเลือกดูของสวยๆกันค่ะ มีวอลล์เปเปอร์ลายเมืองอิตาลีสวยๆขายเป็นม้วนๆด้วย ของน่าดูมากค่ะ ไม่ซื้อเข้าไปชมก็เหมือนเข้าไปเดินในพิพิธภัณท์เลย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:22:46

ความคิดเห็นที่ 27 ของฝากที่นักท่องเที่ยวนิยมมากๆ ในเวนิสคือหน้ากากพระจันทร์และพระอาทิตย์นี่ละค่ะ สัญญลักษณ์คู่ของหญิงและชาย ร้านนี้อยู่ตรงจตุรัสค่ะ ตามที่เห็นเงาบาซิลิคทอดลงมา ถ้าจะซื้อหน้ากากที่นี่ กรุณาต่อราคาอีกนิด เพราะลดได้เยอะมากค่ะ ของในร้านค่อนข้างถูก และแน่นอน มันไม่ใช่ของทำมือคะ ดังนั้นต่อโลด อย่าซื้อแพงโดยไม่จำเป็น เลือกดูฝีมือด้วยนะคะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:25:39

ความคิดเห็นที่ 28 จะออกจากเกาะแล้วค่ะ หวังว่าเพื่อนๆคงจะได้ทิปสำหรับการเที่ยว และการซื้อของบ้าง ส่วนของข้อมูลการท่องเที่ยว และประวัติศาสตร์ ตรงนั้นหาเองจากในอินเตอร์เน็ทได้มากมายอยู่แล้วค่ะ จาก Venezia S.L (ซานต้าลูเซีย สถานีในเกาะ) เราต่อรถไฟ Regional เข้าไปแวะที่ Padova ก่อนค่ะ เมืองนี้มีโบสถ์สวยมาก ซึ่งเรายอมเสียเวลาแวะกินข้าวและเที่ยวตลาดด้วย แหะๆ ช่วงนี้เชอรี่เยอะและถูกมากด้วยค่ะ ต้องกินให้หนำใจ จากเวเนเซีย มาถึงปาโดว่า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ค่ารถ 3.5 ยูโรเท่านั้นเอง มาถึงสถานีหลัก เอากระเป๋าฝากได้ที่ที่รับฝากกระเป๋า ชานชาลา 1 เอาพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่แล้วเขาจะคืนกลับมาพร้อมตั๋วบาร์โค้ดเล็กๆค่ะ แค่นี้แล้วเราก็ไปเที่ยวได้ ค่อยกลับมาจ่ายเงินค่าฝาก 3.84 ยูโรทีหลัง (ไม่รู้ทำไมต้องทำเศษไว้แบบนี้ด้วยสิ) ขาเข้าเมืองแนะนำให้เดินเข้าไปก่อนค่ะ แล้วค่อยหาเศษตังค์ไปซื้อตั๋วรถรางขากลับ เมืองเก่าอยู่บนเกาะที่เกิดจากการขุดคลองล้อมรอบ ก็เดินข้ามสะพานเข้าไป แค่ต้นทางก็เห็นถึงความเก่าใหม่ที่ปนกันอยู่ในเมืองเล็กๆนี้ค่ะ ปาดัว เป็นต้นกำเนิดสถาปัตยกรรม ที่หลายๆประเทศในยุโรปหยิบรูปแบบไปใช้ ที่แน่ๆก็โปแลนด์หนึ่งค่ะ เมือง Zamosc ในโปแลนด์เป็นเมืองที่สร้างตามแบบฉบับปาดัวแท้ๆเลย เดี๋ยววันไหนว่างเราจะเอามารีวิวสักที เข้าเมืองกัน ตรงอย่างเดียวเลยค่ะ ตามรถรางไป จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:33:56

ความคิดเห็นที่ 29 พอมุดทางเดินใต้ถนน ไปขึ้นอีกฝั่งก็ทิ้งรถแทรมได้เลยค่ะ เดินเข้าไปตามถนนช้อปปิ้ง เดี๋ยวคุณจะออกมาถึงจตุรัสเมืองเก่า อ้อลืมบอก ก่อนเดินออกมาจากสถานีรถไฟปาโดว่า ทางขวามือของตึก ออกมาปั๊บเเดินหาออฟฟิสการท่องเที่ยว ขอแผนที่ฟรีก่อนเลยนะคะ เพราะถนนหนทางที่นี่เล็กและหาชื่อถนนได้ยากค่ะ เดี๋ยวจะหลงช้อปปิ้งเมามัน ออกจากเมืองไม่ได้ จตุรัสกลางเมือง คล้ายๆที่ซานมาร์โก้ค่ะ เลยไปนิดจากตลาดนัดเสื้อผ้าตรงนี้ ก็จะเป็นตลาดผลไม้และผัก ตลาดนัดจะมีทุกวันพุธค่ะ เสื้อผ้าอิตาลีถูกมาก ก็คิดถูกที่ไม่ได้ขนมาเยอะ มาซื้อเอาแถวนี้เลย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:42:07

ความคิดเห็นที่ 30 ตลาดผลไม้ ซื้อแล้วเดี๋ยวเดินหาที่ล้าง ทานได้เลยค่ะ ของราคาถูกกว่าในซุปเปอร์มาก เราพกช้อนพลาสติกเสมอ เอาไว้กินแตงโมนั่นเอง ที่อิตาลีแตงโมงและแคนตาลูปหวานอร่อย เชอรี่ก็ถูกมาก ราคาตั้งแต่กิโลละ 2.5 ยูโรถึง 12 ยูโร อุแม่เจ้าเอ๋ย รอบๆจตุรัสมีคาเฟ่นั่งสบาย และร้านสแน็คให้หาอาหารเที่ยงได้ทั่วไปค่ะ ที่นี่เขามักจะขายเมนูพิซซ่า หรือแฮมเบอร์เกอร์ ที่นี่อาหารถูกกว่าเวนิสเยอะ เมนู 5.5-6 ยูโรก็กินอิ่มแล้ว จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:45:34

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อมาถึงวงเวียนใหญ่กลางเมือง ก็เท่ากับการค้นหาได้สิ้นสุดแล้วค่ะ รอบๆนี้มีโบสถ์ใหญ่อยู่ 2 แห่งด้วยกัน เราแนะนำให้ไปโบสถ์ที่เห็นใกล้ๆ ตรงข้างวงเวียนนี้ก่อนค่ะ เข้าชมฟรีค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:52:01

ความคิดเห็นที่ 32 แล้วเดินกลับมาตามรถแทรมเข้าไปในซอย จนเห็นอีกโบสถ์ ก็เดินตรงต่อไปค่ะ โบสถ์นี้ชื่อโบสถ์ San Antonio หรือ Santo เรียกให้สั้นๆง่ายๆ ภายในชมฟรี แต่ห้ามบันทึกภาพไม่ว่าด้วยกล้อง มือถือ หรืออะไรทั้งสิ้น แต่งกายเรียบร้อยตามมารยาทค่ะ ข้างในสวยมากจริงๆ ในบรรดาโบสถ์ทั้งทริป (ไม่รวมที่เซียน่า) แฟนเราบอกว่าที่นี่สวยซู้ด เราเองก็ว่าสวย ถ้าใครคิดว่า Notre dame ที่ปารีสสวย ที่่นี่สวยกว่า แต่คนละแบบกัน จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:54:10

ความคิดเห็นที่ 33 พอเที่ยวชมภายในเสร็จ ออกมาเลือกซื้อแม่เหล็กของฝาก ที่นี่ราคาค่อนข้างแพงค่ะ 3 ยูโรเนี่ยถูกที่สุดแล้ว หาถูกกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ ตามรถแทรมคันที่เราตามมาตั้งแต่ตอนแรก ไปซื้อตั๋ว (หยอดเหรียญค่ะ) ที่ตู้ได้เลย ค่าตั๋วใบละ 1.2 ยูโรถ้าเตรียมเงินไว้แต่แรกจะสะดวกกว่า การ์ดที่ได้ เมื่อขึ้นไปบนรถ ให้เอาไปตอกที่เครื่องค่ะ แม้ว่าจะห่างจากสถานีไม่ถึงห้าป้ายแต่ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะมาตรวจเมื่อไหร่ เราว่าคนอิตาลีค่อนข้างจะไม่มีวินัย ไม่ค่อยซื้อตั๋วกันแต่เราถือว่า ตั๋วราคาถูกกว่าค่าปรับเยอะ เลยซื้อทุกขาเลย ซึ่งก็เจ๋งเป๊ง เพราะเจอคนตรวจตั๋วแทบทุกขาเหมือนกัน กลับมาเอากระเป๋าจ่ายเงินเรียบร้อย ถ้าจะเข้าห้องน้ำ ที่สถานีมีห้องน้ำ อยู่ข้างที่ฝากกระเป๋านั่นเลยค่ะ ค่าเข้าห้องน้ำ 50 เซนต์ค่ะ เดี๋ยวเราขอไปทานมื้อเที่ยงก่อนนะคะ ที่สถานีนี้ ก็มีร้านฟ้าสฟู้ดค่ะ จริงๆแล้วระหว่างทางก็มีร้านอาหารจีน และร้านขาย panini มากมาย หากไม่นั่งรถแทรมกลับมา แต่ใช้วิธีการเดิน ก็จะกลับไปสู่ถนนใหญ่ สายที่เดินมาครั้งแรก ใช้เวลาเดินรวม 20-25 นาทีค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 18:00:55

ความคิดเห็นที่ 34 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ จากคุณ : LittleRT เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 18:18:43

ความคิดเห็นที่ 35 จากปาดัว ขึ้นรถไฟต่อไปยัง Bologna ค่ะ เมืองนี้เราอยากมาตั้งนานแล้ว เพราะรู้จักสปาเกตตี้โบโลนเยส แล้วก็สงสัยว่ามันต้องมีจุดเริ่มต้นจากที่นี่เป็นแน่แท้ ก็ไปลองชิมรสชาติอาหารสไตล์นี้กันค่ะ จากปาดัว ค่ารถไฟ 9 ยูโรค่ะ เราซื้อออนไลน์ไว้ เป็นรถ Intercity แต่มีน้องนักเรียนข้างๆเรา เขาก็ซื้อตั๋วมา แต่คนตรวจตั๋วบอกว่า ขึ้นคันนี้ไม่ได้นะหนู น้องเขาก็เสียค่าปรับเพิ่มอีก 15 ยูโร แฟนเราตาเหลือก แต่เราคิดว่าธรรมดา รถไฟที่ไม่ใช่ Regional ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าแล้วถูกลงทุกคันค่ะ เพียงแต่ว่ามันเปลี่ยนคันรถไม่ได้ ต้องขึ้นให้ทันเวลา ถ้าพลาดก็ซื้อตั๋วใหม่เลย สถานีใหญ่คือ Bologna Centrale เราเลือกที่พักไว้ใกล้สถานีรถไฟ เป็นโรงแรมระดับสามดาว แต่จองล่วงหน้าไว้นานขอห้องวิวดีสุด ก็เลยได้วิวรูปนี้ตามที่คาดหวัง โรงแรม Nuovo del Porto ห้องนี้คือห้อง 608 ค่ะ ลองขอดู  ค่าห้องรวมอาหารเช้าสองคน และภาษีเมือง 59.5 ยูโร จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 18:48:19

ความคิดเห็นที่ 36 ห้องขนาดใหญ่กว่าที่เวนิสเยอะ ห้องน้ำสว่างโอ่โถง (แต่ไม่มีอ่าง เท่าที่เราพักไม่มีที่ไหนมีอ่างอาบน้ำเลย) แอร์เย็นฉ่ำ มีตู้เย็นเรียบร้อย wifi วิ่งฉิวแม้จะขึ้นลิฟท์มาชั้นบนสุด และไม่ต้องหาพาสเวิร์ดด้วย ชอบมากๆ ใกล้ๆที่พักหัวมุมถนนมีซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ และเข้าเมืองก็เดินจากนี้ไปประมาณ 15 นาที ผ่านถนนช้อปปิ้งและร้านอาหารค่ะ สะดวกดี ตอนแรกที่เข้ามาเราวี้ดๆ ชอบห้องนี้มากๆ เพราะมันเป็นลายกุหลาบสีฟ้า แม้ว่าออกจะมืด เพราะว่าเขาปิดม่านไม้กันแดด แต่พอเปิดไฟ ได้แสงสะท้อนจากกระจก ห้องดูกว้างสบายดี  ถูกมาก ชอบๆ เสียแต่อาหารเช้าไม่ค่อยดี เพราะมีของกินน้อย สไตล์อิตาเลี่ยน คนไม่กินอาหารเช้า แต่กลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านกัน จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 18:52:22

ความคิดเห็นที่ 37 สถานที่น่าสนใจในเมืองค่ะ แล้วที่เหลือ เราก็เดินเล่นชมร้านค้าน่ารักๆ ที่ขายของประจำถิ่นและเดินชมเมืองเก่า จริงๆแล้วถ้าไม่มีเวลาค้าง เที่ยวเมืองนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงค่ะ ในเมืองมีรถบัสวิ่งแต่เราไม่สะดวกเท่าเดินเท้าเอาเอง ตรงจากสถานีรถไฟเข้าเมืองไป แล้วที่เหลือก็ตามแผนที่นี้ล่ะค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 18:56:13

ความคิดเห็นที่ 38 โบโลนย่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัย คนในเมืองครึ่งหนึ่งเป็นนักเรียน ที่เหลือเป็นคนท้องถิ่นบ้าง นักท่องเที่ยวอีกเล็กน้อย อาคารสูงและถนนแคบๆทำให้เดินได้เย็นสบายไม่ต้องกลัวแดดและฝนเลย อาหารถูกค่ะ เราทานอาหารกันที่ร้าน Il Rosso เพราะถามคนท้องถิ่นคนนึงแล้วเขาแนะนำมา เขาบอกว่าไม่ต้องไปหากินหรอกนะ สปาเกตตี้โบโลนเนสน่ะ ไม่มี มีแต่เส้นตากิยาแตล โอเค เราก็ไปหากินตามที่เขาแนะนำค่ะ คนที่นี่เขาเรียกมันว่า Tagliatella Ragu ก็ประมาณสปาเกตตี้โบโลนเยสที่รู้จักกันอยู่นั่นเอง เราไม่เคยถูกปากกะอาหารสไตล์เส้นๆ และพิซซ่าเท่าไหร่ เราก็ว่างั้นๆ แต่แฟนเรา เกิดที่อิตาลี กินอะไรอร่อยไปโม้ด ช่างโชคดี ร้านนี้อยู่ออกมาด้านนอกเมืองเก่า จากสถานีรถไฟตรงมาเลี้ยวซ้าย ลองหาชื่อดูค่ะ พอไปนั่งกินแล้วเห็นป้ายที่ติดหน้าประตูเลยรู้ว่า อ่อ นักท่องเที่ยวมากินกันเพียบ เพราะเป็นร้านแนะนำ ราคาประหยัดด้วย ต่อคน เครื่องดึ่มคือน้ำและไวน์ ประมาณคนละ 13 ยูโรค่ะ เมืองนี้ถ่ายรูปขาวดำได้แซ่บนักแล อยากรู้ต้องไปเที่ยวเอง จะเจอมุมเด็ดๆเยอะมากค่ะ ที่ทำการสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่จตุรัสกลางเมือง ที่น้ำพุเนปจูนค่ะ ไปขอแผนที่ฟรีและคำแนะนำในการเที่ยวได้ตลอดค่ะ ข้างในแอร์เย็นฉ่ำ มีเก้าอี้นั่งด้วย สบายเลย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 20:57:14

ความคิดเห็นที่ 39 ขอตามไปเป็นก้างด้วยนะคะ อิอิ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 20:57:21

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าใครไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยนเอาซะเลย ที่นี่ก็มีฟ้าสฟู้ดอเมริกันนะคะ สามารถหาทานได้บนถนนช้อปปิ้งสายหลักนั่นเองค่ะ ห้องน้ำฟรี ก็เข้าได้ที่แมคโดนัลด์นะคะ แต่ว่าต้องใช้โค้ด ห้องน้ำอยู่ชั้นบน ไปรอเข้าต่อคิวคนอื่นที่ออกมาก้อได้ค่ะ สำหรับการช้อปปิ้งที่อิตาลี เดือนก.ค. กลางเดือนเป็นต้นไปนี้ ของถูกมว๊ากกกเลยค่ะ อดไม่ไหวๆๆ โชคดีที่แฟนเราก็ชอบช้อป สนุกกันใหญ่ อิอิ ถ้าเมืองไม่ใหญ่มาก ของจะเหลือเยอะค่ะ เราเคยไปโรมแล้วทีนึง เสื้อผ้าไซส์เล็กไม่ค่อยจะเหลือเลย สาวอิตาลีตัวเล็กมาก ระหว่างทางไปเจอห้องสมุดโบราณที่ไม่มีอยุ่บนแผนที่ให้นักท่องเที่ยว เข้าชมฟรีค่ะ Fresco สวยมาก แม้รูปจะไม่สวยแต่สีสันชัดเจน ดูขลังแบบบอกไม่ถูก ถ้าเดินเล่นไปเรื่อยๆ อย่างไรก็เจอค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:04:54

ความคิดเห็นที่ 41 รูปสวยมากเลยค่ะ จากคุณ : poompinky เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:08:43

ความคิดเห็นที่ 42 อธิบายได้กระชับ ได้ใจความมากเลยครับ จากคุณ : tombell เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:21:05

ความคิดเห็นที่ 43 Bologna มีเอกลักษณ์อยู่ที่หอคอยคู่นี้ค่ะ แต่เราไม่ได้ขึ้นไปปีน เพราะมันโดนพันผ้า ดูป่วยมากๆ ตรงหัวมุมนึง ข้างๆ ห้าแยกหอคอยนี้ล่ะค่ะ จะมีร้านไอติมอยู่ อร่อยดี แต่หวานไปนิด มีหลายรสดีค่ะ ไอศกรีมที่อิตาลีนี่หายากร้านที่อร่อยจริงๆ แต่หลังจากเราให้แฟนชิม Grom เข้าไป พี่แกก็ไม่กินยี่ห้ออื่นอีกเลย เฝ้าแต่จะหาว่าเมืองไหน ร้านนี้อยู่ตรงไหน สุดท้ายเราก็ต้องพาไปกินแต่ร้านนี้อ่ะค่ะ ร้าน Grom แต่ละเมืองจะราคาไม่เท่ากัน อย่างที่เวนิส จะอยู่ข้างๆร้าน McDonald ที่ Canneregio ถนนสายหลัก ราคา 2.5 ยูโรแน่ะ บางเมืองแค่ 2.2 ค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:25:01

ความคิดเห็นที่ 44 หอคอยที่สวยๆในทริปนี้ มีต่อนะคะ ถ้าที่ไหนขึ้นไปแล้วคุ้มค่า รับรองเราจะมาแนะนำให้ค่ะ จาก Bologna เที่ยวเสร็จแล้ว เรานั่งรถไปในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครไปค่ะ Rimini ริมินี่เป็นเมืองตากอากาศ แต่ก็มีร่องรอยหลักฐานการตั้งอยู่ของเมืองในยุคโรมันด้วย ที่พักที่นี่เป็นที่พักที่เราว่าห่วยมาก (แต่ยังไม่ห่วยที่สุดในทริป) ค่าโรงแรม 2 คน 2 คืนพร้อมอาหารเช้าและภาษีเมือง 120 ยูโรค่ะ ถือว่าถูกแล้ว สำหรับเมืองนี้ โรงแรมชื่อ Moderna ดีตรงที่ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้ป้ายรถที่จะไปซานมาริโน่ และเดินไปทะเลก็ครึ่งทางพอดีค่ะ อาหารเช้าของเค้าก็โอเคนะคะ แต่ห้องพักคล้ายหอพักที่บ้านเราเมืองไทยเลย ห้องน้ำไม่มีเคบิน เวลาอาบน้ำฝักบัว เปียกกันไปทั้งห้องเลยทีเดียว เตียงไม่สบายเท่าไหร่ ไม่มีตู้เย็น แต่มีแอร์ ห้องเราอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ติดถนน ไม่งั้นคงหนวกหูมาก  สรุปไม่ได้มีใครถ่ายรูปห้องพักมา เพราะไปถึงที่พักจะเย็นกำลังดี ไปทะเลดีกว่าจะไม่ร้อน ทะเลที่นี่สวยมาก แม้น้ำจะไม่ใส เมื่อมาถึงแล้ว คู่รักหวานแหววหรือจะพลาดนั่งชิงช้าสวรรค์ค่ะ ค่าขึ้นคนละ 8 ยูโร ได้หมุน 4 รอบเอง T_T เขาเรียกมันว่า Eye love Rimini ตั้งอยู่สุดแหลมพอดี ตรงท่าเรือยอชต์ค่ะ คิวรอไม่ยาว คนที่มาขึ้นส่วนมากก็จะเป็นนักท่องเที่ยว จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:33:10

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีค่ะ คุณลี่ ดีใจด้วยนะคะ  ที่ได้อ่านรีวิว แถมเป็นรีวิวฮันนี่มูน ขอให้มีความสุข ตลอดไปค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:37:23

ความคิดเห็นที่ 46 ลืมบอกว่านั่งรถจาก Bologna ไป Rimini ราคา 9 ยูโร ด้วยตั๋วโปร mini เดิม เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Super Economy แล้ว ซึ่งถ้าจองตั๋วรถความเร็วสูงของอิตาลี ไม่ต้องหาที่ถูกกว่านี้ค่ะ ราคาจะมีแค่ 9, 12, 19, 29 ตามนี้ เราเคยได้ 12 หลุดมาครั้งนึงค่ะ ก็แปลกใจเหมือนกันว่ามีราคานี้ด้วยหรือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กะเวลาให้ดี อย่าให้เช้าหรือเย็นเกิน ก็จะมีตั๋วราคาถูก เหลือเยอะกว่าในเวลาเร่งด่วนค่ะ ชายหาดริมินี่ ร่มพรึ่บ  เอ ที่เมืองไทยมีร่มด้วยไหม บ้านเราก็อยู่สงขลา มีแต่ต้นสนอ่ะค่ะ ริมหาด จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:37:37

ความคิดเห็นที่ 47 วิวจากมุมสูงที่นี่ ก็ยังไม่สวยเท่าไหร่ค่ะ รุ่งเช้าเราจะรีบไปขึ้นรถบัสเพื่อไปซานมาริโน่กัน  รีบที่สุดนี่คือลงมากินอาหารเช้าตอนสิบโมงสิบห้า (ปิด 11 โมง) แล้วก็ตาลีตาเหลือกไปซื้อตั๋วรถบัสค่ะ (ตั๋วไปกลับจะเหมือนกัน ขาละ 4.5 ยูโรต่อคน) มีคุณป้าตั้งโต๊ะนั่งขายอยู่ตรงป้ายรถเมล์นั่นล่ะค่ะ รถออกชั่วโมงละคัน เราเลือกเวลา 10:40 เพราะไม่งั้นรอบต่อไป 11:40 จะต้องรอตั้งชั่วโมง วิ่งกระหืดกระหอบจากโรงแรมไป (ประมาณสิบวิ) ขึ้นไปนั่งรอ รถก็ยังไม่ออกค่ะ จริงๆแล้วเขาก็รอให้เต็มก่อน ก็จะออกเลทประมาณ 5 นาที ระหว่างทางแวะรับคนขึ้นเรื่อยๆค่ะ ไม่ได้วิ่ง Express ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ รถทัวร์คันใหญ่ก็ไต่เขาขึ้นมาถึงจุดจอด เมืองหลวงของซานมาริโน่ค่ะ ป้ายบอกเวลาขากลับ ซึ่งเราต้องเดินกลับมาขึ้นรถที่เดิม มีภาษาอิตาเลี่ยน อังกฤษ และรัสเซีย อเมซซิ่งมาก ที่นี่เป็นที่ที่รัสเซียชอบมาฟอกเงินตั้งแต่สมัยสิบยี่สิบปีก่อนมาแล้วค่ะ ทุกวันนี้คนรัสเซียก็ยังชอบมาเที่ยวทะเลที่ริมินี่ และแวะมาซานมาริโน่เที่ยวภูเขาได้อีก  ผู้โดยสารครึ่งคันรถก็เลยพูดรัสเซียกันหมด หวังว่าป้ายนี้จะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่วางแผนเที่ยวนะคะ เพราะเราเองก็พยายามหาตารางรถเหมือนกัน หาไม่ได้เลย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 21:44:11

ความคิดเห็นที่ 48 แอบตามคู่รักหวานแหววไปฮันนีมูนด้วยคนนะคะ ^__^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 22:28:51

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่อิจฉา SR แต่อิจฉาตรง ฮันนีมูน.....มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : MedicinePath เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 00:00:57

ความคิดเห็นที่ 50 อย่าสิหมอ ตัวเองก็ใช่ย่อย   เดี๋ยวเช้าจะมาจัดต่อนะคะ นี่จะเที่ยงคืนแล้วเพิ่งงานเสร็จ มัวแต่นั่งเล่นเกมอยู่   ทริปนี้มีโดนหิ้วกระเป๋าหายไป ที่ซานมาริโน่ โจรกระจอกมาก เอาเงินไปก็ไม่หมด เป็นอุทธาหรณ์ในการเที่ยวด้วยกัน ว่า การสื่อสารระหว่างกัน สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 04:54:19

ความคิดเห็นที่ 51 สำหรับคนที่สูงอายุหรือเดินไม่เก่ง ซานมาริโน่ไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้นค่ะ ถ้ามีเวลาสักสามชั่วโมง ก็ค่อยๆเดินสบายๆค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นพิพิธภัณท์มีไม่มากนัก จะเป็นแนวเดินชมร้านค้า ชมวิว ทานอาหารอร่อยๆ ซะมากกว่า ถ้ามีแรงปีนกระได ก็จะมีทางลัดเป็นจุดๆค่ะ ไม่งั้นก็เดินบนถนนที่ตัดคดเคี้ยว ค่อยๆไต่เข้าสู่กลางเมืองได้ค่ะ ซานมาริโน่ตั้งขึ้นมาเพราะนักบวชที่แยกตัวมาอยู่บนเขา ทุกวันนี้เลยเป็นประเทศที่เล็กเป็นอันดับสามในยุโรป ไม่รุ้ว่าในโลกด้วยหรือเปล่านะนี่ จากการสังเกต ประเทศยิ่งเล็ก คนจะยิ่งรวยและเศรษฐกิจจะดี ถ้าทุกคนทำงานกันหมด เพราะเปอร์เซ็นต์คนตกงานน้อย ก็จะทำให้ประเทศพัฒนาเนื่องจากมีภาษีเพียงพอนั่นเอง จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 16:27:03

ความคิดเห็นที่ 52 ร้านรวงที่นี่ มีของที่ระลึกน่ารักๆเยอะค่ะ ร้านที่แนะนำคือร้านขายเทียนทำมือ อยู่ที่หัวมุมจตุรัสในรูป และถ้าเดินวนๆอยู่ในเมืองก็จะเจอร้านขายกล่องดนตรีไขลาน snowball และร้านขายของแต่งต้นคริสมาสต์ อีกอย่างที่มีขายเยอะในย่านนี้คือร้านขายอาวุธ เข้าไปชมความอลังการกันได้ น่าดูกว่าพิพิธภัณท์เสียอีกค่ะ ทุกชั่วโมงที่จตุรัสจะมีการเปลี่ยนเวรยามตำรวจค่ะ ตรงหน้าตึกที่เห็นด้านหลังอนุสาวรีย์ สามารถไปขอถ่ายรูปกะคุณตำรวจได้นะคะ ไม่ผิดค่ะ เจ้าพนักงานใจดีมากๆ เพราะหลังจากเราไปแจ้งความกระเป๋าโดนหิ้ว เขาก็พยายามส่องกล้องมองหา แต่เคราะห์ร้าย กระเป๋าเราไปตั้งอยู่ตรงที่หลบมุม ก็เลยไม่เห็นคนร้าย แต่สุดท้ายเราก็เจอกระเป๋า พร้อมของทุกอย่างในนั้นครบ เงินสดหายไปหน่อยนึง ไม่ได้หายทั้งหมดด้วย เหมือนกับว่าโจร ขอแบ่งไปใช้หน่อยนึง ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ทั้งนี้เราก็มีเรื่องให้จำไว้ว่า ถ้าไปไหนด้วยกัน มีอะไรต้องพูดเสมอ แค่เอากระเป๋าไปฝาก ถ้าเฮียยังไม่ได้รับกระเป๋าใส่มือ แค่อือๆ อย่าไปไว้ใจ เพราะคราวนี้พี่แกก็เล่นกล้องเพลิน ปล่อยคนยกกระเป๋าเราไปเสียเลย แค่เดินพ้นไปไม่ถึงสองนาที เซ็งเป็ด จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 16:37:43

ความคิดเห็นที่ 53 หากใครจะเที่ยวซานมาริโน่ คงต้องเผื่อเวลาหน่อยนะคะ อย่างเร็วที่สุดคือต้องมานอนที่ริมินี่ แล้วรีบออกแต่เช้า เพื่อเก็บซานมาริโน่ เสร็จแล้วกลับมาเก็บริมินี่อีกที ทั้งสองเมืองนี้ทำได้ในหนึ่งวัน แล้วเย็นวันนั้นค่อยเดินทางออก กลับไปพักที่ Bologna หรือเข้า Florence ดึกหน่อยได้ค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 16:58:10

ความคิดเห็นที่ 54 ของฝากจากซานมาริโน่ ให้เพื่อนๆนะคะ ทริปนี้สิบแปดวัน เราได้แม่เหล็กมาน้ำหนักรวมกิโลนึงได้ หนักมากๆ ของฝากที่ถูก อยู่ร้านแรกๆ ตรงข้างบันไดทางเข้าเมือง (มีลิฟท์ด้วย) ตรงท่าจอดรถเนี่ยค่ะ ร้านแถวนี้เลือกให้ดีๆ ราคาถูกกว่าในกลางเมืองอีก จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:03:15

ความคิดเห็นที่ 55 เมืองเก่าของริมนี่ใช้วิธีการเดินเท้าจะสะดวกไม่แพ้รถบัสค่ะ แค่ตรงจากสถานีรถไฟ ตรงไปเรื่อยๆๆ จะเริ่มเห็นถนนที่ห้ามรถเข้า แสดงว่าถึงแล้ว เดินไม่แวะก็ประมาณ 15 นาที ที่จตรุัสหอนาฬิกากลางเมือง จะมีร้านอาหาร ราคาไม่แพงบริการ จำรูปไว้ดังนี้ค่ะ มื้อนี้ 25 ยูโรรวมทิป จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:20:54

ความคิดเห็นที่ 56 จตุรัสที่ตั้งของ City Hall เก่า วันเสาร์จะมีตลาดนัดใหญ่มาก เดินสนุกมากค่ะ เสื้อผ้ารองเท้าเยอะมาก และถูกสุดๆ ของดีมีดีไซน์ทั้งนั้นเลยด้วย ร้านไอศกรีม Grom ของเมืองนี้อยู่ทางซ้ายมือในรูปค่ะ ;) จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:24:33

ความคิดเห็นที่ 57 ที่เห็นในรูปนั้นนิ๊ดเดียวเองค่ะ ตอนแรกเราก็ถอยหลังกลับแล้ว คิดว่าไม่มีอะไร แต่ว่าแฟนบอกมีเวลาเหลือ ไปเดินดูขาสั้นอิตาเลี่ยนกัน ระยะเวลาการเที่ยวในเมืองริมินี่ รวมตลาดด้วยก็ไม่ถึงสามชั่วโมงครึ่งเองค่ะ วันนี้เราจะต้องย้อนกลับไปที่ Bologna เพื่อเปลี่ยนรถไปในเส้นทาง Florence ไม่มีรถวิ่งตรงคันเดียว จึงซื้อเป็นตั๋ว hi speed ไว้ ราคา 9 ยูโร ต่อขา รวมก็ 18 ยูโรค่ะ ถึง Firenze Santa Maria Nouvella (SMN) ใช้เวลาอยู่บนรถสองชั่วโมงกว่า สะพานเก่าของโรมันใน Rimini ระหว่างทางเดินกลับมาสถานีรถไฟ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:31:16

ความคิดเห็นที่ 58 ที่พักใน Firenze เป็นที่พักของเพื่อนอิตาลีเราเองค่ะ Franz House อยู่ตรงหัวมุมสะพาน แต่ว่าเขาเพิ่งย้ายไปอยู่ใกล้สถานีรถไฟ อย่างไรก็ตาม การหาที่พัก เน้นไว้ให้ใกล้ๆสถานีรถไฟ จะสะดวกในการไปขึ้นรถบัส และรถไฟ หากไปเที่ยวเมืองอื่นค่ะ โซนนั้นจะเรียกว่า SMN ซานต้ามาเรียโนเวลล่า ตามชื่อโบสถ์ที่อยู่ตรงหน้าสถานีนะคะ ตลาดนัดของฝาก ที่บอกว่าเป็นของถูกน่าซื้อมากค่ะ จะตั้งอยู่ระหว่างจตุรัส Duomo กับโบสถ์ San Lorenzo ที่เห็นในรูปนี้ค่ะ หาไม่ยาก มองหาโดมแดงๆกลมๆ ถ้าไม่ใช่ดูโอโม่ก็โบสถ์นี้แหละค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:36:53

ความคิดเห็นที่ 59 สะพานเวชชิโอ้ อันมีชื่อ ระวังจะโดนล้วงกระเป๋ากันก็ที่สะพานนี้ได้อีกแห่งคะ จริงๆแล้วมาตอนเช้าตรู่ หรือมืดเพื่อมาถ่ายรูปไม่อันตรายเลย มันอันตรายกะคนที่เดินมาข้างๆเรามากกว่าค่ะ ยิ่งไม่มีคนนั่นแหละค่ะ ยิ่งดี การขึ้นไปชมวิวบน Piazza Michaelengelo ซื้อตั๋วรถบัสราคา 1.2 ยูโรขึ้นไป แล้วใช้ตั๋วเดิมลงมาได้ค่ะ ถ้าไม่อยุ่บนนั้นนานเกิน 15 นาที  รถบัสในฟลอเรนซ์จะให้เวลาสำหรับการเดินทางภายใน 90 นาที แต่ตั๋วก็ไม่ได้ราคาแพง และหาซื้อได้ตามตู้ขายนิตยสาร และร้านบุหรี่ที่มีป้าย Tabacchi แขวนอยู่ รถบัสคันที่ขึ้นไปบนเนินชมวิวนั้นก็ได้แก่ สาย 12 และสาย 13 ค่ะ ราคาค่าขนส่งล่าสุด ดูได้จาก www.ataf.net ค่ะ เวลาที่เหมาะแก่การขึ้นไปชมวิวคือช่วงบ่ายค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 18:09:08

ความคิดเห็นที่ 60 ข้อมูลแน่นมาก เดี๋ยวเดือนหน้าจะไปอิตาลีเหมือนกัน ขอ bookmark ไว้ก่อนนะครับ จากคุณ : Scuderia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 18:42:53

ความคิดเห็นที่ 61 สำหรับคนที่มีเวลา สามารถเดินขึ้นไปที่เนินนั้นได้นะคะ ไม่ต้องนั่งรถ (เผลอๆ ใช้ระยะเวลาเท่ากัน) ถ้าจะเดินขึ้นไปเอง เผื่อเวลาไว้สองชั่วโมง จะได้ชมโน่นนี่ระหว่างทางด้วยค่ะ วิธีการเดิน ก็ข้ามสะพานนี้แหละค่ะ ไปยังฝั่งเนินเขาตามที่เห็นแล้วเดินเลียบริมน้ำต่อไปเรื่อยๆ จนเห็นหอคอย ตรงนี้จะมีทางลาดให้รถขึ้นเราก็เดินขึ้นไป ถ้าขี้เกียจก็ตัดเขาขึ้นไปเลย มีบันไดขั้นๆให้เดินค่ะ อย่าลืมพกน้ำไป เพราะแถวนั้นไม่ค่อยมีร้านขายน้ำเลย มีอีกทีข้างบนยอดเลยค่ะ ใกล้ๆกันมีแคมปิ้งด้วย สำหรับคนที่มาฤดูร้อนและสนใจที่พักราคาถูก วิวสวยๆ ค่ะ www.camping.it/toscana/michelangelo  เราไปพักที่นี่ตอนมาครั้งแรก ทุกวันนี้ก็ยังชอบ  เหมาะสำหรับคนที่อยากลองเที่ยวแบบฝรั่งค่ะ วิวยามบ่ายถึงเย็น กลางคืนก็สวย แต่อย่าให้ทันมืดซะก่อนค่ะ เราถ่ายไม่ทันมืดซะแล้ว มัวแต่นั่งเอาหัวชนกัน 555 จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 18:46:56

ความคิดเห็นที่ 62 วันต่อมา จะพาไปเก็บสองเมืองยุคกลางค่ะ เริ่มด้วยเช้า เราออกจากที่พักไปขึ้นรถบัสที่ท่ารถบัส ข้างสถานีรถไฟ (ถ้าออกมาจากสถานีรถไฟ ให้ออกประตูขวาสุด ข้ามรางรถแทรมมาแล้วก็เลี้ยวหัวมุมขวาค่ะ ตั๋วซื้อที่เคาน์เตอร์แล้วขึ้นไปตอกตั๋วบนรถบัสได้เลยค่ะ รถบัสที่วิ่งตรงไป Siena จะออกชั่วโมงละคันค่ะ ถ้าใครพักในฟลอเรนซ์ วันก่อนหน้าที่จะเดินทาง ให้มาดูตารางรถ เลือกเวลาไว้ก่อนนะคะ เราเลือกเดินทางประมาณเก้าโมงกว่าๆ เพราะไม่อยากตื่นเช้า อุตส่าห์มาฮันนีมูน จะรีบไปไหนนักหนา รถวิ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ตั๋วราคา 7.8 ยูโร รถคันที่วิ่งตรงนี้จะมีคำว่า Rapida ที่แปลว่าเร็วค่ะ  ระหว่างสองข้างทางสวยงามดี ไปถึงเซียน่า เข้าไปถึงเกือบกลางเมืองเลย รถจอดที่ท่ารถบัส (มีท่าเดียวนี่แหละค่ะ) ไม่ต้องกลัวหลง ทุกคนที่เหลือ ลงที่ปลายทาง ลงลิฟท์ที่เห็น (มีอยู่ตัวเดียว) ลงไปข้างล่างจะมีออฟฟิสจำหน่ายตั๋วรถบัส ตั๋วรถไป San Gimignano ต่อค่ะ รถจะมีออกชั่วโมงละคัน ขอตารางรถได้กับเจ้าหน้าที่ค่ะ รถบัสที่ไปที่นี่จะต้องเปลี่ยนที่สถานีรถไฟ Poggibonsi ถ้าเป็นรถคันที่วิ่งไม่ถึงซานกิมินยาโน่ ก็ไปรอต่อรถโลคอลได้ที่ป็อกกี้บอนซี่ค่ะ คนขับรถที่นี่จะไม่มีการขายตั๋วนะคะ ให้ซื้อไว้เลยตามร้านขายบุหรี่อย่างที่บอกค่ะ ที่สถานี Poggibonsi ก็จะมีคนขายตั๋วรถบัสและรถไฟอยู่ในร้านอาหารที่สถานีค่ะ ถ้าใครนั่งรถไฟไปเซียน่า ให้เลือกเส้นทางโดยเลือกไปลงที่ Empoli แล้วเปลี่ยนไป Siena ส่วนถ้าจะมาที่ San Gimignano ก่อน ก็มาลงที่สถานีรถไฟ Poggibonsi ดังนี้ค่ะ รีวิวนี้ เราจะแนะนำ howto ล้วนๆ นะคะ เพราะนี่คืองานของเรา ที่เราไม่ต้องควักกระเป๋าไปฮันนีมูนเอง แต่ไปทำงานไปด้วย แล้วก็ควักเงินบริษัทออกค่ะ :) ถือว่าเอามาแบ่งปันกัน สำหรับสมาชิกที่มีเวลาหมั่นศึกษาเส้นทางด้วยตัวเอง จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:31:33

ความคิดเห็นที่ 63 ถ้าใครเที่ยวเมืองเซียน่าทั้งวัน หรือมีเวลาในการเดินชมเมือง แนะนำให้รีบไปที่ Duomo ของเซียน่าก่อนถ้ามองจากจตุรัสหอนาฬิกานี้ไป ก็จะอยู่บนเนินค่ะ ซื้อ Si pass ไว้ สำหรับเข้าชมภายในโบสถ์ และพิพิธภัณท์ของเซียน่า (รวมค่าขึ้นชมวิวไว้ด้วย) หอที่เห็นในรูปบนนั้นมีค่าขึ้นชม 8 ยูโร แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนแรกที่อยู่ในคิว จะต้องรอนานมากค่ะ เพราะเขาให้คนขึ้นไปได้ทีละไม่เกิน 25 คน และต้องรอจนทั้ง 25 คนเดินลงมาหมดแล้ว กรุ๊ปใหม่จึงจะขึ้นไปได้ เพราะบันไดแคบมาก มันเดินสวนกันไม่ได้ ถ้าจะขึ้นไป เห็นจำนวนคนก็เผื่อเวลาไว้ได้เลยค่ะ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงในการรอ เราไปขึ้นหอชมเมือง ที่ข้างโบสถ์ค่ะ ที่นี่จะต้องเดินผ่านพิพิธภัณท์ขึ้นบันไดไป แล้วไปเข้าคิวรอต่ออีก ก็เผื่อไว้อีก 1 ชั่วโมงเช่นกันค่ะ เคาน์เตอร์ที่ขายพาสที่ว่านี้ มองขึ้นไป จะเห็นอยู่ทางด้านขวามือของโบสถ์ (เมื่อคุณหันหน้าเข้าหาโบสถ์ในรูปนี้) คนจะเข้าคิวรออยู่แล้วค่ะ ถ้าคิดว่าชอบดูภาพเขียนฝาผนัง ซื้อตั๋วได้เลยถูกกว่าซื้อแยกเป็นสถานที่ไป 50% จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:39:21

ความคิดเห็นที่ 64 จากตรงนี้จะได้วิวนี้มาแทนค่ะ ภายในโบสถ์ก็สวยงามค่ะ ค่อนข้างจะมืดนิดนึง ถ้าเดินอ้อมโบสถ์ไปด้านหลังก็จะมีส่วนที่เปิดให้เข้าชมอีกค่ะ ทุกอย่างที่นี่ไม่มีอะไรฟรีเลยค่ะ :( จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:41:45

ความคิดเห็นที่ 65 เนื่องจากเราไม่ได้มีความสามารถในการถ่ายรูป แต่จะบอกที่กินละกันนะคะ ก่อนไปต่อซานกิมินยาโน่ เราก็ไปหาอาหารเที่ยงกินกันก่อน เป็นร้านฟ้าสฟู้ดร้านนี้ค่ะ อยู่ไม่ไกลกันหอคอยที่เห็นในรูปนั้น บนถนนสายหลัก ระหว่างทางกลับสถานีรถบัสนั่นเองค่ะ อาหารรสชาติดีทีเดียว สะอาด มีไอศกรีมด้วย ห้องน้ำอยู่ด้านใน ก็สะอาดเรียบร้อย มาร้อนๆยังงี้มีแอร์มีพัดลม สบายเลย จำเป็นสัญลักษณ์ดีกว่าค่ะ จะได้หาเจอง่ายๆ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:48:20

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้าอยากไปต่อให้ทัน ก็ต้องกะเวลาตอนขาเดินเข้าเมืองให้ดี ขากลับจะได้ไปทันรถค่ะ ไม่งั้นรออีกชั่วโมงนึง ค่ารถ 6 ยูโรค่ะ รถวิ่งต่อไป San Gimignano ก็ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เราได้รถคันที่วิ่งตรงไปถึงหน้าประตูเมืองเลย  เส้นทางก็สวยงามดีค่ะ มีอะไรให้ชมดูตลอด ป้ายรถที่จอด กะป้ายที่จะขึ้นกลับ อยู่คนละด้านกันนะคะ ขามารถจะปล่อยให้ลงฝั่งกำแพงเมือง แต่ขากลับ คุณต้องเดินต่อไปยังป้ายรถเมล์ทางขวามือของจตุรัส ที่เห็นมีหลังคาและที่นั่งพักรอนั่นล่ะค่ะ ส่วนตั๋วรถ ซื้อได้ที่ร้านขายบุหรี่ อยู่ข้างร้านอาหาร ที่ฝั่งซ้ายมือของจตุรัส (เอ้อ ปวดหัว) ค่าตั๋วรถ สำหรับกลับไป Firenze ก็ประมาณหกยูโรกว่า สรุปว่าทริปนี้ นั่งรถเป็นสามเหลี่ยมค่ะ ไม่ได้กลับทางเดิม วิว Toscan จากกำแพงเมืองค่ะ เมืองนี้ใช้เวลาเดินจนทั่ว 2 ชั่วโมงก็เต็มที่แล้วค่ะ ถ้าชอบพิพิธภัณท์ เมืองพวกนี้จะมีพิพิธภัณท์เครื่องทรมานเยอะเลย ซึ่งเราไม่เอาด้วยละ หยึย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:55:56

ความคิดเห็นที่ 67 เมืองนี้ก็เต็มไปด้วยร้านค้าน่ารักๆ ตลอดทางตั้งแต่ประตูทางเข้าเมืองค่ะ ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ไม่มีอยู่ในเมืองเก่า แต่มีร้านค้าที่ขายน้ำและสแน็ค แวะซื้อหรือนั่งทานได้ ถ้าไปให้ถึงที่นี่เวลาเย็นๆ แดดจะกำลังดีเลยทีเดียว   สำหรับคนที่ขับรถไปเอง ก็จะมีโอกาสแวะหลายเมืองมากขึ้น เราขอแนะนำ Volterra อีกเมืองหนึ่งค่ะ อยุ่บนเขาเช่นกัน เมืองนี้เป็น location ที่  Volturiอยุ่ในหนัง Twilight ภาค New Moon ค่ะ :) แต่ฉากที่นางเอกวิ่งผ่านน้ำพุนั้น น้ำพุไม่มี ผู้กำกับเลยต้องสั่งสร้างกันเลย ไปถ่ายกันจริงที่เมืองเล็กๆ อีกเมืองชื่อ Montepulciano ค่ะ มีโอกาสแวะไปดูกันนะคะ เราลงไว้ในลิสต์รอบหน้าเรียบร้อย เช่นเดียวกะ Arezzo จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 20:04:59

ความคิดเห็นที่ 68 ขากลับเข้ามาฟลอเรนซ์ ถ้าใครยังไม่มีโอกาสนั่งทานอาหารร้านโลคอล เราแนะนำร้านชื่อ Da Giorgio ค่ะ อยู่ในซอยไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เสิร์ชดู หรือถามจากรีเซฟชั่นที่โรงแรมได้นะคะ คนท้องถิ่นรู้จักทุกคนค่ะ อาหารเที่ยง และเย็น 2 คอร์ส (ขนมหวานเลือกต่างหาก) มีน้ำเปล่ามาให้ขวดนึง และให้เลือกว่าจะเอาน้ำอัดลม ไวน์ขาว หรือไวน์แดง อิ่มมาก ค่ะ รับรองไม่เกิน 15 ยูโรต่อคน ถ้าวันนั้นร้านปิด จะมีอีกร้านนึง เจ้าของก็เป็นพี่น้องกันเนี่ยล่ะค่ะ อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกันเลย อีกร้านจะถูกกว่า จอจิโอ้นิดหน่อยค่ะ เป็นร้านเล็กๆ ถ้าเต็มจริงๆ ร้านอาหารที่หัวมุมถนนใกล้ๆกันนั้นก็โอเคเลยค่ะ สนนราคาแพงขึ้นมาหน่อยแต่อาหารอร่อย และบริการโอเค กินข้าวเสร็จออกมาถ่ายรูปต่อได้อีก ข้อดีของหน้าร้อน ในฟลอเรนซ์เดินกลางคืนไม่น่ากลัวเลยค่ะ มีรถตำรวจขับผ่านถนนคนเดินบ้างเป็นระยะๆ อย่าปล่อยให้ใครเบียด หรือเดินผ่านในระยะใกล้ๆเป็นพอค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 20:18:41