ความคิดเห็นที่ 1 เที่ยวบินพิเศษที่ LA 1306 ที่รับผู้โดยสารที่ติดเกาะมาร่วม 2 วันเต็มแบบผม ในที่สุดก็มาถึงท่าอากาศยานกรุง Santiago โดยสวัสดิภาพอีกครั้งหนึ่ง ในเวลาเกือบบ่ายโมงของวันที่ 3 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับความกังวลถึงแผนการ ผมมานั่งคิดไปคิดมา ถ้าเราจะเข้าเมืองไปนอนกับคุณ Hector อีกรอบก็คงได้ แล้ววันพรุ่งนี้ลองไปหาตั๋วรถบัสไปยังเมือง San Pedro de Atacama ลองดู แต่ทันใดนั้นผมก็ต้องเบรกความคิดนี้ครับ เพราะว่าเท่าที่ผมศึกษาข้อมูลมาก่อนนั้น รถบัสจาก Santiago ไปยัง San Pedro de Atacama ใช้เวลาทั้งสิ้น 23 ชั่วโมงครับ!! นั่งกันก้นระบมกันเลยทีเดียว จากแผนที่จะต้องถึง San Pedro de Atacama ในวันนี้ตอนเช้าก็จะดีเลย์ไปอีกสองวันสามวัน ซึ่งนั่นคงไม่ดีแน่ๆ กับการเดินทางของผม เพราะผมมีตั๋วเครื่องบินทั้งในโบลิเวียและเปรูที่ได้จองไว้เรียบร้อย และไม่สามารถเปลี่ยนวันได้ด้วย เพราะฉะนั้นล้มเลิกความคิดนี้ไปได้เลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:39:27

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วถ้าผมไม่นั่งรถบัส ทางเลือกอีกเพียงทางเดียวที่เหลือก็คือต้องบินครับ เที่ยวบินจาก Santiago ไปยัง Calama ใช้เวลาบินทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง ผมเลยมาที่เคาน์เตอร์ของ LAN หวังจะมาหาตั๋วไปยัง Calama อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้ ลองมาคุยกับเคาน์เตอร์ขายตั๋วเขาก็บอกมาว่ามีไฟลท์ออกตอนสี่โมงเย็นวันนี้นะ ถึงโน่นประมาณหกโมงเย็น ดูเวลาถึงก็ไม่เลวร้ายมาก ผมจึงถามเขาไปว่าแล้วราคาเท่าไหร่ล่ะ คุณเจ๊ช่องขายตั๋วก็หยิบเครื่องคิดเลขมากดให้ดู 417 ดอลลาร์สหรัฐ!! เวอร์ไปไหม!! อะไรมันจะแพงมหาโหดได้ขนาดนี้!! เที่ยวเดียวด้วยนะเนี่ย ไม่ใช่ตั๋วไปกลับ! แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็ต้องกัดฟันซื้อไปแหละครับ รูดปรื๊ดอีกรอบด้วยบัตรของผม หากจะเดินทางยาวๆ ผมว่าการพกบัตรมาด้วยซักใบนี่เป็นเรื่องที่ไม่เลวนะครับ แต่ต้องเก็บรักษาดีๆ ในที่ลับๆ ยิ่งชีวิตเลยละครับ บัตรเครดิตถ้าเป็นไปได้อย่าเอามา เพราะอันตรายและเสี่ยงมากๆ เอามาแค่บัตรเดบิตที่รูดวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ดได้ก็พอแล้วครับ แล้วก็ตุนเงินในบัญชีบัตรเดบิตของเราไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดด้วย แต่ในกรณีของผมยังนับว่าโชคดีครับ เพราะผมซื้อประกันการเดินทางเอาไว้ และประกันการเดินทางของผมนี้ก็ครอบคลุมเรื่องของเที่ยวบินดีเลย์จากสภาพอากาศด้วย ก็เลยสามารถเก็บใบเสร็จนี้ไว้ไปเคลมได้ภายหลังครับ แต่ถึงจะเคลมได้ก็เถอะครับ การที่ต้องมาเสีย 417 ดอลลาร์กับสิ่งที่ไม่ควรต้องเสียมันก็น่าเจ็บใจอยู่เล็กๆ เหมือนกันครับ ทางทีดีหากจะต้องเดินทางไกลๆ ยาวๆ ให้ซื้อประกันเดินทางให้ครอบคลุมตรงนี้ด้วย จะเป็นอะไรที่ทำให้โล่งใจได้มากๆ เลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:40:07

ความคิดเห็นที่ 3 จ่ายตังค์เสร็จปุ๊บก็ได้ Boarding Pass มาทันที จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:41:14

ความคิดเห็นที่ 4 นั่งเสียดายเงิน 417 ดอลลาร์อยู่เป็นชั่วโมง พอมามองดูนาฬิกา ตายละหว่า เผลอแป๊บเดียวก็เริ่มจะใกล้เวลาเข้า พอมี Boarding Pass แล้วเราก็เอากระเป๋าไป drop ตรงเคาน์เตอร์ที่ช่องในประเทศได้เลยนะครับ (ไฟลท์ไปเกาะอีสเตอร์ถึงจะเป็นไฟลท์ในประเทศชิลีแต่ LAN ทำเหมือนกับไฟลท์นี้เป็นไฟลท์ระหว่างประเทศครับ หากจะไป drop กระเป๋าสำหรับไฟลท์ไปเกาะนี้ต้องไปช่องระหว่างประเทศด้วยครับ) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:41:44

ความคิดเห็นที่ 5 เร็วๆ หน่อยละกันครับเจ๊ คนกำลังเศร้าเสียดายเงิน อยากรีบๆ ไปเที่ยวที่ใหม่แล้ว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:42:31

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาหน้าเกทไม่ทันไรคนก็มารอกันเพียบแล้ว ไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือเปล่าที่เกทของเราในวันนี้มันดันตรงกับเกทที่ผมขึ้นเครื่องไปเกาะอีสเตอร์เมื่อ 6 วันก่อนโน้นพอดีเป๊ะ! ตายแล้ว หรือว่าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอย! สาธุ! เจอกับเรื่องแบบนี้ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วคร้าบบบ ไม่เอาอีกแล้ว ขอทีเถ๊อะ!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:42:58

ความคิดเห็นที่ 7 หน้าจอบอกว่าเที่ยวบินของเราวันนี้ออกตรงเวลา ให้มันได้อย่างงี้สิครับ!! ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวของอเมริกาใต้ บวกกับทางทะเลทราย Atacama นี่ก็แล้งสุดๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังไงก็คงไม่มีหรอกครับฝน อากาศปลอดโปร่งแจ่มใสแน่นอน! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:43:29

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนอื่นขอเกริ่นนำเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของทะเลทรายนี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ บริเวณทะเลทราย Atacama นี่นับได้ว่าเป็นบริเวณที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ด้วยสาเหตุหลายประการครับ เพราะทะเลทรายแห่งนี้มันเป็นแอ่ง ทางตะวันตกมีเทือกเขาริมมหาสมุทรแปซิฟิกคอยกันความชื้นไม่ให้เข้ามา ส่วนเทือกเขาแอนดีสทางตะวันออกก็สูงเสียจนความชื้นจากป่าฝนเขตร้อนในเขตอะเมซอนไม่สามารถเข้ามาถึงได้เลย ก็เลยแห้งแล้งแบบนี้นี่แหละครับ แต่ความแห้งแล้งแบบนี้ก็มีข้อดี เพราะว่าไม่มีเมฆเลย และบริเวณรอบๆ เมือง San Pedro de Atacama นี่เองก็เป็นสวรรค์ของนักดาราศาสตร์เลยละครับ เพราะอยู่ใกล้เทือกเขาสูง ไม่มีเมฆบัง แถมอยู่ไม่ไกลมากจากเส้นศูนย์สูตร ทำให้สามารถเห็นดาวได้หลากหลายและชัดเจน อีกทั้งยังไม่ค่อยมีมลภาวะทางแสงจากเมืองใหญ่มารบกวนอีกด้วย จึงไม่แปลกใจอะไรที่ไฟลท์นี้จะมีบรรดานักดาราศาสตร์ที่มาทำวิจัยอยู่เรื่อยๆ อยู่มากครับ และบริเวณทะเลทรายนี้เองยังเป็นที่ตั้งของศูนย์การวิจัยทางดาราศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ซึ่งก็คือ ALMA (Atacama Large Millimeter Array) หากใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการนี้ก็ติดตามได้ใน Wikipedia ได้เลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:44:09

ความคิดเห็นที่ 9 ไฟลท์สั้นๆ แค่นี้ก็เสริฟแค่ของว่างกล่องเล็กๆ แบบนี้แหละครับ เสียดายตังค์จริงๆ บินเที่ยวเดียวคราวนี้แพงกว่าครึ่งนึงของราคาตั๋วไปเกาะอีสเตอร์เสียอีก T_T จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:44:53

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ว่า dulce de leche (แปลเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า sweet milk) นี่รสชาติดีนะครับ ผมชอบมากๆ เลย แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 04:46:21 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:46:00

ความคิดเห็นที่ 11 ลงรูปผิดครับเมื่อกี้ เอาใหม่ๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:46:43

ความคิดเห็นที่ 12 ใกล้ถึงแล้วละครับ ในแผนที่แอบเห็นบินผ่านเมือง Copiapo ด้วย ห่างจากเมือง Copiapo ไปไม่ไกลนี่เองครับที่เกิดเหตุการณ์สยองขวัญ เหมืองทองแดงถล่มขังชาวเหมือง 33 คนไว้ใต้ดินเป็นเวลาร่วมสองเดือนเมื่อสองปีที่ผ่านมา และรัฐบาลชิลีสามารถช่วยเหลือชาวเหมืองทั้ง 33 ออกมาได้สำเร็จ เป็นข่าวไปทั่วโลกเลยละครับช่วงนั้น จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:47:12

ความคิดเห็นที่ 13 เครื่องกำลังเริ่มลดระดับลงสู่เมือง Calama พร้อมกับพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าพอดีครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:48:04

ความคิดเห็นที่ 14 ลงจอดโดยสวัสดิภาพ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:48:33

ความคิดเห็นที่ 15 ลาก่อน หวังว่าผมจะได้ 417 เหรียญคืนนะ (แน่ะ ยังไม่วายเสียดายเงินอีกตอนนี้!) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:48:55

ความคิดเห็นที่ 16 คนรอรับกระเป๋ากันเพียบครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:49:15

ความคิดเห็นที่ 17 พอรับกระเป๋าเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยังเมือง San Pedro de Atacama กันแล้วครับ ตามแผนเดิมในตอนแรกเนี่ยผมว่าจะเข้าตัวเมือง Calama กันก่อนแล้วขึ้นรถบัสระหว่างเมืองที่วิ่งมาที่ San Pedro (ต่อไปนี้จะเรียกย่อๆ แบบนี้ครับ) เลย ซึ่งถูกกว่า แต่ตอนนี้เรามาถึงก็มืดแล้ว รถบัสหยุดวิ่งกันแล้ว ก็เลยต้องกัดฟันนั่งรถบัส VIP ที่จะไปรับส่งตามโรงแรมใน San Pedro เลย เราก็มากันที่เคาน์เตอร์นี้ครับ มีหลายเจ้าให้เลือก แต่ตอนนั้นผมเห็นมีคนประจำอยู่ที่เจ้าเดียวคือ Licancabur ซึ่งเรียกราคา 12000 เปโซ (ประมาณ 24 ดอลลาร์หรือ 720 บาท) แพงครับแพง เพราะผมเห็นมีเจ้าอื่นโฆษณาว่า 8000 เปโซก็มี 10000 เปโซก็มี แต่ดันไม่มีคนมาเรียกลูกค้าซะงั้น แปลกดีเหมือนกันครับ หรือว่าเขาปิดไปแล้วก็ไม่ทราบ แต่เอาก็เอาครับ หมื่นสองก็หมื่นสอง ขอให้ผมไปถึงเร็วๆ ก็พอแล้วครับ อยากถึงที่หมายเร็วๆ แล้วครับตอนนี้ ไม่คิดอะไรอย่างอื่นแล้ว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:49:55

ความคิดเห็นที่ 18 ถนนจาก Calama ไปยัง San Pedro ราดยางอย่างดีตลอดสายครับ ไม่มีหลุมมีบ่อ วิ่งไม่มีสะดุดแน่นอน ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งในการเดินทางครับ เมืองทั้งสองห่างกันประมาณ 100 กิโลเมตรครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:50:31

ความคิดเห็นที่ 19 พอถึงตัวเมือง San Pedro ปุ๊บคุณโชเฟอร์ก็ถามผม (ดันพูดอังกฤษไม่ได้อีก) เป็นภาษาสเปนว่าคุณจองโรงแรมไหนไว้ ผมก็ตอบไปเป็นภาษาสเปน (ที่กระท่อนกระแท่นเหมือนเคย) ว่าผมไม่ได้จองโรงแรมอะไรไว้เลย เขาเองก็แปลกใจเล็กน้อย เพราะเพื่อนร่วมคันรถของผมทุกคนล้วนแล้วแต่จองโรงแรมกันไว้ทั้งนั้น แต่พอเปิด LP อ่านดูก็เห็นมีโรงแรมนึงทำเลดูใช้ได้และราคาไม่แพง ก็เลยขอให้คุณโชเฟอร์พาไปส่งที่ Hosteling International ก็แล้วกัน เป็นโรงแรมในเครือ HI ครับ (ชื่อก็ฟ้องอยู่แล้ว) ห้องเตียงรวมเขาคิดคืนละ 6000 เปโซครับ หรือประมาณ 360 บาท ส่วนถ้าอยากยึดห้องเตียงรวมนอนคนเดียวก็ได้ครับ แต่คิดแพงขึ้นมาหน่อย คืนละ 9000 เปโซครับ หรือประมาณ 540 บาท ห้องน้ำรวม มีน้ำอุ่น อาหารเช้า และ wi-fi ฟรี เห็นโอเคก็เลยเอาครับ ไม่ไหวแล้ว อยากพักผ่อนทั้งกายและใจที่เหนื่อยล้ามาตลอดวันนี้จากเกาะอีสเตอร์ซักทีแล้วครับ พอตื่นเช้ามาหลังจากทานข้าวเช้า (ไม่มีอะไรให้น่าถ่ายเลยครับ ขนมปังแข็งๆ หนึ่งก้อน เนย แยม และกาแฟ ซึ่งเป็นมาตรฐานมากๆ ของโฮสเทลถูกๆ ในอเมริกาใต้ ของที่ผมพักที่เกาะอีสเตอร์นี่เจ๋งสุดแล้ว) เสร็จปุ๊บก็ขอรูปหน้าโรงแรมซักรูปก็แล้วกันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:51:22

ความคิดเห็นที่ 20 ช่วงที่ผมอยู่เกาะอีสเตอร์นั้นผมใช้เปโซชิลีซะจนเรียบวุธ มาตอนนี้ก็ไม่มีเปโซเหลือแล้วละครับ จำเป็นต้องมากดเงินเพิ่ม ตอนที่ผมอยู่สนามบิน Santiago ไปกดเงินเครื่องก็ดันถอนไม่ได้ กดอยู่อย่างงั้นสี่ห้าครั้งก็ไม่ยอมให้ถอน เพลียครับเพลีย นี่ผมเจ้าของบัตรนะครับเนี่ย ดันไม่ให้ถอน พอมาเช็คอีเมล์ก่อนขึ้นเครื่องเลยถึงบางอ้อ! ธนาคารของผมที่อเมริกาส่งอีเมล์มาถามครับว่าห้าครั้งที่มีการทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มในสนามบิน Santiago นี่ใช่ของคุณหรือเปล่า ทางธนาคารเกรงว่าจะมีใครมาปลอมแปลงบัญชีจึงมีความจำเป็นต้องระงับการทำรายการ โห! เป็นห่วงมากซะจนมาระงับการทำรายการของเจ้าของบัตรที่กำลังร้อนเงินเปโซเนี่ยนะ! แต่คิดในแง่ดีก็เพื่อความปลอดภัยแหละครับ และผมก็เลยกดตอบอีเมล์อนุมัติไปซะว่าห้าครั้งนี่ผ่านมาน่ะเจ้าของบัตรตัวจริงเสียงจริงแน่นอน!! พอผมมาถึงเมืองนี้ตอนดึกๆ ก่อนเข้านอนว่าจะมากด ATM เหมือนกัน ก็เลยมาตรงนี้ก่อนรอบนึงครับ ปรากฏว่า ATM ตู้นี้เงินหมดครับ! เกลี้ยง ไม่มีเหลือให้ถอนเลย เลยมาแก้ตัวใหม่ตอนนี้แหละครับ ซึ่งก็มีให้ถอนแล้ว เตือนไว้ก่อนครับว่าหากจะมานี่ให้เตรียมเงินมาพอสมควรครับ เพราะตู้ ATM ทั้งเมืองมีเครื่องเดียวที่ใช้ได้ และหากมาตอนเงินหมดนี่จะซวยเอาได้ครับ และ ATM ที่ชิลีกดได้เฉพาะเปโซชิลีเท่านั้นนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:52:20

ความคิดเห็นที่ 21 กลับมาที่โรงแรมซะหน่อยหลังจากได้เงินมาสมใจอยากแล้ว นาฬิกาผมบอกว่าที่นี่สูงจากน้ำทะเล 2355 เมตรครับ ซึ่งแม่นใช้ได้เลยทีเดียว การมาอยู่ที่นี่ซักระยะจะเป็นการเตรียมตัวอย่างดีก่อนขึ้นที่สูง 3000 เมตรขึ้นไปครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:53:00

ความคิดเห็นที่ 22 ป้ายเตือนหน้าห้องน้ำที่ hostel ครับ ยังไงก็ใช้น้ำกันอย่างประหยัดด้วยละกันนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:53:29

ความคิดเห็นที่ 23 ธนบัตรของชิลีตั้งแต่ใบละต่ำที่สุดจนถึงสูงที่สุดครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:54:09

ความคิดเห็นที่ 24 พอทำธุระส่วนตัว โทรคุยกับที่บ้านเล็กน้อยเสร็จแล้วก็ได้เวลาตามล่าหาซื้อทัวร์กันแล้วครับ ทัวร์แรกที่ผมจะซื้อวันนี้คือทัวร์ 3 วัน 2 คืนไปยัง Salar de Uyuni ของโบลิเวียนั่นเองครับ หลายๆ ท่านอาจเคยได้ติดตามผ่านกระทู้ของคุณอาตี๋อินเตอร์เน็ตมาแล้ว และได้เห็นถึงความสวยงาม เส้นทางที่ผมทำนี่ก็คือเส้นทางเดียวกับคุณอาตี๋อินเตอร์เน็ตเปี๊ยบ แต่ว่าคนละทิศทางครับ เพราะคุณอาตี๋ฯ เริ่มต้นจากเมือง Uyuni ส่วนผมเริ่มต้นจาก San Pedro ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะทำแบบคุณอาตี๋นี่แหละครับ มีส่วนน้อยที่จะทำแบบผม เพราะทัวร์นี้จะแพงกว่าหากเริ่มต้นจาก San Pedro และมีบริษัททัวร์ให้เลือกน้อยกว่าด้วย แต่ก็มีข้อดีครับ เพราะการที่คนน้อยกว่านั่นเอง ทำให้เรารู้สึกเสมือนว่ามีเพียงแค่กลุ่มของเราเท่านั้นที่ได้เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ โดยที่ไม่ต้องพบต้องเจอกับกลุ่มทัวร์ที่ยกโขยงกันมาจาก Uyuni และจะได้ความรู้สึกเหมือนละครที่ค่อยๆ เข้าสู่จุดไคลแม็กซ์เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เพราะหากเริ่มต้นจาก San Pedro ในวันสุดท้ายของทัวร์พวกเราจะได้เที่ยวทะเลเกลือกัน ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทัวร์นี้ ส่วนหากเริ่มต้นที่ Uyuni จะได้ทัวร์ทะเลเกลือในวันแรกครับ ผมเลือกบริษัทนี้ (Cordillera Traveler) เพราะหนังสือ Lonely Planet ของผมนี่แหละครับ และบริษัทนี้เป็นบริษัทที่รีวิวดีที่สุดแล้วสำหรับบริษัทที่เริ่มทัวร์จาก San Pedro แต่ก็เป็นบริษัทที่แพงที่สุดใน San Pedro เช่นกันครับเนื่องจากชื่อเสียงที่ดีกว่านั่นเอง การที่จะนั่งรถจี๊ป 3 วัน 2 คืนในสถานที่ที่เปลี่ยวร้างไร้ผู้คนแบบนี้ การเลือกบริษัททัวร์ดีๆ นี่สำคัญมากนะครับ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุมานี่ไม่คุ้มกันนะครับ บางบริษัทที่ถูกๆ นี่บางทีคนขับเมาเหล้าแล้วเกิดอุบัติเหตุก็มีให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ครับ ทางที่ดีอย่าเอาชีวิตและอนาคตของตัวเราเองไปเสี่ยงกับราคาที่อาจถูกกว่าแค่ไม่กี่ตังค์เลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:54:50

ความคิดเห็นที่ 25 ผมจองทัวร์ไว้สำหรับวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคมครับ ซึ่งก็หมายความว่าผมจะถึงเมือง Uyuni ของโบลิเวียในวันที่ 8 กรกฎาคมตอนบ่ายตามเวลาที่กำหนดไว้ครับ ที่นี่รับค่าทัวร์เป็นเงินเปโซชิลีหรือดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นครับ หากจ่ายเป็นดอลลาร์ก็ให้จ่ายด้วยแบงค์ใหม่เท่านั้นนะครับ แบงค์ขาดๆ เยินๆ ไม่รับนะครับ ขาดแค่นิดเดียวไม่ถึงมิลก็ไม่รับแล้ว ใช้ได้เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น ราคารวมก็ 170 ดอลลาร์ครับ หากจ่ายเป็นเปโซก็ 78000 เปโซครับ คูณสะระตะดูแล้วหากคิดราคา 170 ดอลลาร์เป็นเปโซ มันก็ตั้ง 85000 เปโซนะ จ่ายเป็นเปโซคุ้มกว่าเห็นๆ ครับ ราคาทัวร์นี้ไม่รวมค่าเข้าชมอุทยาน Eduardo Avaroa ในโบลิเวียที่มีราคา 150 โบลิเวียโน่ (ประมาณ 21 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 600 กว่าบาท) และค่าเข้าชมเกาะ Incahuasi ราคา 30 โบลิเวียโน่ (ประมาณ 4 ดอลลาร์) นะครับ ให้แลกเงินโบลิเวียโน่จากชิลีไปจ่ายเอาเองครับ แต่ว่ารวมอาหารทุกมื้อ ที่พักทุกที่ และน้ำอุ่นฟรีในโรงแรมเกลือในคืนที่สองครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 04:56:13 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:55:19

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากได้ทัวร์ทะเลเกลือมาไว้ในครอบครองแล้ว ต่อไปก็มาหาทัวร์ของสถานที่รอบๆ เมืองนี้กันบ้างดีกว่า วันนี้ผมตั้งใจจะไป Valle de la Luna หรือหุบเขาพระจันทร์นั่นเองครับ ทัวร์ไปหุบเขาพระจันทร์ส่วนมากจะเริ่มบ่ายสามโมง เสร็จหกโมงเย็น ราคาก็จะอยู่ระหว่าง 8000 ถึง 10000 เปโซแล้วแต่เจ้าครับ ผมจองกับบริษัททัวร์บนถนนสายหลักของเมืองเลย (หาไม่ยากครับ บนถนนสายหลักชื่อ Caracoles มีบริษัททัวร์อยู่เพียบครับ เลือกเอาได้เลย แต่จะมีบริษัทนึงที่แพงกว่าชาวบ้านชื่อว่า Cosmo Andino ครับ ทัวร์หุบเขาพระจันทร์เจ้านี้คิด 12000 เปโซ แต่รับประกันว่าเขาจะไม่ขายเราให้กับบริษัทอื่นแน่นอน) ผมซื้อกับ Desert Adventure ที่อยู่ตรงข้ามกันราคา 10000 เปโซ ที่เขาบอกว่ามีทัวร์ออกวันนี้ แต่พอถึงเวลาจริงกลับขายผมไปกับอีกบริษัทนึงซะงั้น บอกว่าคนไม่พอ เสียความรู้สึกเล็กน้อยครับ นี่ขนาดบริษัทที่ได้รับคำแนะนำใน LP นะเนี่ย บางที LP ก็เชื่อไม่ได้ 100% เสมอไปหรอกนะครับ แต่จะมาคิดมากก็ใช่ที่ ไหนๆ ก็จะไปเที่ยวแล้ว ไปกันเลยดีกว่าครับ อันนี้ก็เป็นปากทางเข้าตัวอุทยานครับ ค่าเข้าอุทยานจะไม่รวมในราคาทัวร์ครับ จ่ายแยกต่างหากคนละ 2000 เปโซ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:56:47

ความคิดเห็นที่ 27 จุดแรกที่เราเข้าชมกันเรียกว่า Tres Marias (Three Marias) ซึ่งเป็นจุดที่ดูเหมือนผู้หญิงสามคน เป็นหินเกลือที่ถูกกัดกร่อนด้วยลมตามกาลเวลาจนมีรูปร่างเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ สังเกตดีๆ จะเห็นว่าอันกลางเหมือนผู้หญิงกำลังอุ้มลูก ส่วนอันขวาเหมือนผู้หญิงกำลังแต่งหน้าหวีผมครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:57:14

ความคิดเห็นที่ 28 ดูแห้งแล้งสมกับเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลกดีครับ อ้อ สำหรับอุณหภูมิตอนนั้นน่ะหรือครับ 21 องศาเซลเซียสครับ ไม่ถือว่าร้อนมาก เพราะเรามาถึงที่นี่ในฤดูหนาวนั่นเองครับ ส่วนตอนเช้าน่ะหรือครับ หึหึ 0 องศาขาดตัว (ในเมืองนะครับ ถ้าเป็นกลางทะเลทรายแบบนี้คงหนาวระดับติดลบแน่ๆ)!! ใครที่ขี้หนาวก็ใส่เสื้อหลายๆ ชั้นหน่อยก็แล้วกันนะครับ ขนาดผมเคยอยู่หนาวๆ ระดับลบสิบลบยี่สิบองศาอย่าง Chicago มาก่อนยังใส่สามชั้นเลยครับ ยังไงๆ คนเมืองร้อนอย่างพวกเราก็ไม่คุ้นชินกับอากาศหนาวๆ แบบนี้อยู่ดีแหละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:57:55

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ใช่น้ำแข็งครับ แต่เป็นผลึกเกลือ!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:58:32

ความคิดเห็นที่ 30 เสร็จจากจุดนี้เราไปต่อยังจุดต่อไปกันดีกว่าครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:58:59

ความคิดเห็นที่ 31 จุดที่เราจะมานี้เป็นเนินทรายใหญ่ๆ ในรูปครับ มีชื่อภาษาสเปนว่า Duna Mayor (Big dune) นั่นเองครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:59:23

ความคิดเห็นที่ 32 ที่จุดนี้คุณไกด์ก็พาเราเดินขึ้นไปบนเนินทรายนี้ด้วยครับ เจ๋งดีทีเดียว รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่แถวๆ อียิปต์เลยละครับ (ยังไม่เคยไปหรอกครับ ผมเองก็อยากไปมากกกกก) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 04:59:48

ความคิดเห็นที่ 33 ระหว่างทางเดินขึ้นก็เห็นวิวภูเขาเต็มๆ แบบนี้แหละครับ ลูกที่สูงๆ นี่ชื่อ Licancabur ครับ เป็นภูเขาไฟที่อยู่ตรงชายแดนชิลี – โบลิเวียพอดี จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:00:15

ความคิดเห็นที่ 34 มาตาม KhunWasut ไปเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : พิ้งค์โลลี่ป้อบ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:00:19

ความคิดเห็นที่ 35 ภูมิทัศน์ที่นี่สวยงามและแปลกตามากๆ ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:00:42

ความคิดเห็นที่ 36 บนยอดเนินทรายในเวลาบ่ายแก่ๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:01:52

ความคิดเห็นที่ 37 ตื่นตาตื่นใจเหลือเกินครับ ไม่คิดว่าธรรมชาติจะสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม และวิจิตรได้ขนาดนี้ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:02:17

ความคิดเห็นที่ 38 จากตรงยอดเนินทรายมองไปจุดนึงก็เห็นเหมือนเป็นทุ่งเกลือเล็กๆ สีขาวๆ เพราะแบบนี้แหละครับจึงเป็นสาเหตุที่หุบเขานี้มีชื่อว่าหุบเขาพระจันทร์ เพราะภูมิทัศน์จากความขาวของเกลือทำให้ที่นี่แอบคล้ายดวงจันทร์นิดๆ นั่นเองครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:02:53

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีตอนเช้าครับคุณพิงค์โลลี่ป้อบ พ้นจากจุดนี้ก็นั่งรถกันมาอีกสักหน่อย มาชมหุบเขาแห่งความตาย หรือชื่อภาษาสเปนว่า Valle de la Muerte นั่นเอง แต่ที่แน่ๆ ผมว่าหุบเขาแห่งความตายของอเมริกา (Death Valley) ใหญ่กว่าและอลังการกว่านี้ครับ (และแน่นอน ร้อนกว่านี้ เพราะขณะนี้อเมริกาเป็นหน้าร้อนครับ ผมก็เพิ่งไปมาก่อนมาทริปนี้อาทิตย์สองอาทิตย์เท่านั้นเอง อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียสครับ สุกกันเลยทีเดียว) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:04:22

ความคิดเห็นที่ 40 แต่ Death Valley ไม่มีภูเขาสูงขนาดนี้แน่ๆ ผมเองก็ชอบวิวภูเขาสูงๆ มีหิมะตรงยอดอยู่แล้ว ผมให้ที่ชิลีชนะก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:04:51

ความคิดเห็นที่ 41 พระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ และเราก็มายังจุดสุดท้ายครับ Cordillera de la Sal หรือแปลตรงๆ เป็นไทยว่าเทือกเขาเกลือนั่นเองครับ เพื่อมาชมอาทิตย์อัสดงกันที่นี่ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:06:54

ความคิดเห็นที่ 42 ดูกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาดีครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:07:16

ความคิดเห็นที่ 43 และในที่สุดทัวร์หุบเขาพระจันทร์ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ พร้อมกับบริษัทของเราขับรถพาไปส่งที่เมือง San Pedro โดยสวัสดิภาพ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:07:41

ความคิดเห็นที่ 44 ค่ำแล้ว ท้องผมก็เริ่มร้อง ผมเองก่อนจะออกจากชิลีก็อยากทานเนื้อของที่นี่เสียหน่อย เห็นเขาว่ารสชาติดีมากๆ ผมเองก็มีเพื่อนคนไทยในมหาวิทยาลัยเดียวกับผมที่เคยมาทำวิจัยทางดาราศาสตร์ที่นี่ เขาแนะนำร้านนี้ผมมาครับ อยู่บนถนนสายหลักเลย ไหนรสชาติจะเป็นยังไงผมขอลองสักหน่อยดีกว่า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:08:23

ความคิดเห็นที่ 45 Appetizer ของผมครับ Quesadilla (อ่านว่า เกซาเดีย) เป็นของว่างรองท้องแบบละตินครับ เป็นแผ่นแป้งข้างในก็จะเป็นใส้ต่างๆ ผมเลือกใส้ชีสครับ ราคาก็รู้สึกจะ 4000 เปโซมั้งครับ น่าจะประมาณนี้แหละครับ รับคู่กับน้ำสตรอเบอร์รี่ (จริงๆ ผมอยากทานไวน์ด้วยซ้ำไปครับ เพราะไหนๆ ก็จะได้ทานเนื้อแล้ว แต่คิดไปคิดมาวันรุ่งขึ้นผมวางแผนจะไปทัวร์แต่เช้า และต้องตื่นก่อนตีสี่ด้วย ไม่เอาดีกว่าครับ ไวน์ชิลีผมก็ได้ทานมาแล้วใน Santiago) แก้วละ 2000 เปโซครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:09:00

ความคิดเห็นที่ 46 จานหลัก พระเอกของวันนี้ครับ Lomo Asado หรือสเต็กเนื้อนั่นเอง จานนี้ค่าเสียหาย 9000 เปโซ (ประมาณ 18 ดอลลาร์ หรือ 540 บาท) ครับ คิดเป็นเงินไทยอาจจะแพง แต่ต้องยอมรับครับว่าเนื้อที่นี่เยี่ยมจริงๆ นุ่มลิ้นมากๆ จนแทบจะละลายในปากได้เลยละครับ ผมไม่ได้เวอร์นะครับ ของแบบนี้ต้องมาพิสูจน์เองจริงๆ ครับ สรุปว่าหมดค่าอาหารไปเป็นพันบาท แต่เราก็กินแบบยาจกในชิลีมาหลายวันแล้ว ขอกินดีๆ สักวันแบบนี้คงไม่เสียหายอะไรมากหรอกครับ จริงไหม จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:09:40

ความคิดเห็นที่ 47 อิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินกลับโรงแรมแล้วละครับ ความที่เมืองนี้เป็นเมืองเล็กและตัวโรงแรมของผมอยู่ในย่านกลางเมืองทำให้จะไปไหนมาไหนก็ง่ายและสะดวกมากๆ เลยละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:10:32

ความคิดเห็นที่ 48 กลับมาปุ๊บผมก็ตั้งใจจะมาซื้อทัวร์ไปชมทุ่งน้ำพุร้อน El Tatio ซึ่งออกเดินทางกันตอนตีสี่ของเช้าวันรุ่งขึ้น (5 กรกฎาคม) และเนื่องจากที่ผมผิดหวังกับบริษัทที่ผมซื้อทัวร์เมื่อตอนเที่ยง แถมราคาก็แพงอีก ผมเลยตัดสินใจไม่หาทัวร์ข้างนอกแล้วครับ ซื้อกับโรงแรมดีกว่า ที่โรงแรมขายทัวร์นี้ในราคา 20000 เปโซครับ (เพิ่งมาเห็นด้วยว่าที่โรงแรมขายทัวร์ Valle de la Luna ในราคาแค่ 8000 เปโซเท่านั้นเอง เจ็บใจจริงๆ ทำไมเราไม่ดูที่นี่ก่อน!!) ซึ่งเป็นราคามาตรฐานทั่วๆ ไปด้วย ผมเลยตกลงครับ พอจ่ายเงินเสร็จสรรพแล้วผมก็เข้านอนครับ เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้า พอตีสี่ยี่สิบโดยประมาณ รถของบริษัททัวร์ก็มารับเราที่หน้า hostel แล้วละครับ ผมเองก็เพิ่งจะตื่น ยังงัวเงียอยู่เลย สุดท้ายแล้วก็ไปหลับต่อบนรถหลังจากคุณไกด์พูดเกริ่นนำทริปจนจบครับ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งในการเดินทางไปยังตัวน้ำพุร้อนครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:11:11

ความคิดเห็นที่ 49 เช่นเคยครับ ทัวร์ที่เมืองนี้มักจะไม่รวมค่าเข้าชมสถานที่ ที่นี่ก็เช่นกันครับ ค่าเข้าชมน้ำพุร้อนที่นี่ราคา 5000 เปโซ แต่ถ้าแสดงบัตร ISIC ราคาก็จะลดเหลือ 2000 เปโซเท่านั้นครับ เสร็จผมสิครับแบบนี้ แต่ที่ Valle de la Luna ไม่มีส่วนลดนะครับ หลังจากที่ใต่ขึ้นเขามาตลอดชั่วโมงครึ่ง ที่ปากทางเข้าน้ำพุร้อน ความสูงตอนนี้อยู่ที่ 4100 เมตรจากน้ำทะเลครับ ผมเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เกิดกับร่างกายผมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นหายใจหอบๆ เริ่มปวดหัวเล็กน้อย ทำอะไรเร็วๆ ไม่ได้ นี่แหละครับจุดเริ่มต้นของอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) อาการแพ้ความสูงนี่ส่วนมากมักจะปรากฏชัดในสถานที่ที่มีความสูง 3000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไปครับ และหากเรายิ่งขึ้นเร็วเท่าไหร่อาการก็ยิ่งจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เพราะยิ่งสูงปริมาณออกซิเจนยิ่งมีน้อย ทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ วิธีป้องกันก็คือการกินยา Diamox ซึ่งมีตัวยา Acetazolamide ก่อนขึ้นที่สูงสักวันสองวันครับ จริงๆ ยาตัวนี้มันเป็นยาขับปัสสาวะครับ แต่ว่าผลข้างเขียงของยานี้ทำให้สมดุลกรดเบสในร่างกายเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไบคาร์บอเนตบัฟเฟอร์ในเลือดของเรา (เอ๊ะ มันชักจะเข้าใกล้เลกเชอร์เคมีเลกเชอร์ชีวะเข้าไปทุกทีๆ แล้ว ก็ผมนักเคมีนี่ครับ ฮ่าๆๆ) เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหายใจเร็วขึ้นเพื่อระบายคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือด และด้วยเหตุนี้เองทำให้ยาตัวนี้ช่วยบรรเทาอาการได้ สำหรับตัวอาการของโรคนี้ ก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว หายใจหอบ หรือแม้แต่ปวดท้อง เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ เวียนหัว หากเป็นมากหน่อยก็อาจถึงขั้นอาเจียน หากเป็นหนักมากๆ สามารถเกิดภาวะสมองบวม น้ำท่วมปอด ซึ่งอันตรายถึงชีวิตครับ หากอาการมีแต่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องบอกกับไกด์ครับว่าต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน และวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาคือต้องลงเท่านั้นครับ ห้ามฝืนขึ้นต่อโดยเด็ดขาด อาการนี้ไม่เลือกคนด้วยนะครับ คนที่ออกกำลังกายบ่อยๆ มีภูมิต้านทานเยอะๆ ก็มีโอกาสเกิดอาการเหล่านี้ได้ไม่ต่างอะไรไปกับคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายด้วย ผมเองก็ไม่ได้กินหรอกครับยา Diamox เพราะผมไม่อยากทานยาที่ไม่ใช่ยาสามัญ และกลัวเรื่องผลข้างเคียง ผมอาศัยการปรับตัวของร่างกายล้วนๆ ครับ หากเริ่มมีอาการปวดหัวหรือเวียนหัวก็ใช้กินยาตามอาการเอาครับ และยาอย่าง ibuprofen ซึ่งเป็นยาแก้ปวดแบบสามัญก็เป็นยาที่ใช้ได้ดีในสถานการณ์แบบนี้เช่นกันครับ ผลข้างเคียงของยานี้คือการสลายลิ่มเลือดซึ่งคล้ายๆ กับ Aspirin ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น นำออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้มากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ความสูงได้อีกทางด้วย แต่ห้ามกินยานี้ตอนท้องว่างโดยเด็ดขาด หรือผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารก็ไม่ควรกินยานี้เช่นกันครับ ส่วนอาการเวียนหัวหรืออาเจียนก็ใช้ยาเมารถเมาเรือธรรมดาๆ ได้ครับ อุณหภูมิในขณะนั้นก็ -8 องศาเซลเซียสครับ! หนาวใช้ได้เลยทีเดียว ทำเอาผมหายคิดถึง Chicago เลย ผมใส่สามชั้นนี่เอาอยู่ครับ แต่ท่านอื่นที่ไม่ชินกับอากาศหนาวอาจต้องใส่หนากว่านี้ครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 14:20:59 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 05:12:56 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:12:20

ความคิดเห็นที่ 50 พอฟ้าเริ่มสาง ควันจางๆ ของน้ำพุร้อนก็เริ่มปรากฏให้เห็นภายใต้แสงรำไรๆ ดูสงบและผ่อนคลายดีครับ และนี่คือทุ่งน้ำพุร้อน El Tatio ซึ่งนับได้ว่าเป็นทุ่งน้ำพุร้อนที่ใหญ่อันดับสามของโลก รองจาก Yellowstone ของอเมริกา และ Valley of Geysers ในคาบสมุทรคัมชัทกาของรัสเซีย และเป็นทุ่งน้ำพุร้อนที่สูงสุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:14:07

ความคิดเห็นที่ 51 อีกซักรูปละกันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:14:44

ความคิดเห็นที่ 52 พระอาทิตย์ก็กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้ามาแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดครับ ได้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นในที่ที่สงบๆ ทิวทัศน์แปลกๆ แบบนี้ หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลยครับวันนี้! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:15:19

ความคิดเห็นที่ 53 คุณไกด์ย้ำนักย้ำหนาครับว่าห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด เพราะมันอาจพุ่งขึ้นมาแรงๆ โดยไม่รู้ตัว และน้ำพวกนี้ร้อนใกล้จุดเดือดครับ หากโดนร่างกายนี่อาจทำให้เกิดแผลไหม้พุพองได้ และที่สำคัญ ห้ามวิ่งหรือทำอะไรเร็วๆ เด็ดขาดครับ เพราะอาจทำให้วูบหรือล้มลงโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ และนี่แหละครับคือสิ่งที่อันตรายสุดๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:15:59

ความคิดเห็นที่ 54 หากเราเดินชมอย่างช้าๆ ทำตามคำแนะนำของคุณไกด์ เราก็จะได้ชมของสวยๆ งามๆ ต่อไปนานๆ โดยไม่ทรมานร่างกายและสังขารของเรามากนักครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:16:31

ความคิดเห็นที่ 55 เตรียมพร้อมสำหรับอาหารเช้า (ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับอาหารเช้าที่ hostel) ซึ่งรวมอยู่ในราคาทัวร์แล้วครับ กินกันตรงนั้นนั่นแหละครับ ยืนกินกันท่ามกลางลมหนาวระดับติดลบเลย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:17:28

ความคิดเห็นที่ 56 เริ่มสายแล้ว ไปจุดต่อไปกันดีกว่าครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:18:13

ความคิดเห็นที่ 57 ย่านแบบนี้คงยากครับที่จะเห็นถนนราดยาง คนขับนี่ก็สุดยอด ขับเข้าไปได้ไง!! แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 05:19:22 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:18:43

ความคิดเห็นที่ 58 พอท้องฟ้าเริ่มจ้า สีฟ้าเริ่มสว่างสดใส ภาพที่ได้ก็สวยงามไปอีกแบบครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:19:54

ความคิดเห็นที่ 59 รู้สึกราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:20:35

ความคิดเห็นที่ 60 ถ่ายภาพคนในม่านควันก็เป็นอะไรที่ไม่เลวนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:21:02

ความคิดเห็นที่ 61 ประทับใจมากๆ ครับกับทัวร์นี้ สวดยอดดดดดด!!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:21:28

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่อยากจะหยุดกดชัตเตอร์แม้แต่ซักวินาทีเดียวจริงๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:21:53

ความคิดเห็นที่ 63 จะหาโอกาสได้มาเห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้ซักกี่ครั้งกันในชีวิตของคนเราครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:22:26

ความคิดเห็นที่ 64 ครั้งแรกในชีวิตของผมจริงๆ ครับที่ได้อยู่สูงเกิน 4000 เมตร จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:23:01

ความคิดเห็นที่ 65 เริ่มอุ่นขึ้นบ้างแล้วครับตอนนี้ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:23:31

ความคิดเห็นที่ 66 งดงาม แต่ไม่งดแล้วซึ่งความงามเลยแม้แต่น้อย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:24:01

ความคิดเห็นที่ 67 แต่ก็ระวังตัวกันด้วยละกันครับ อย่าเผลอตกลงไปในอะไรก็แล้วกันเชียว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:24:36

ความคิดเห็นที่ 68 หากเตรียมชุดมาก็ลงแช่ในบ่อน้ำร้อนได้นะครับ แต่ผมไม่ลง กลัวสุกซะก่อนครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:25:02

ความคิดเห็นที่ 69 ไปกันดีกว่าครับ ได้เวลาแล้ว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:25:39

ความคิดเห็นที่ 70 ก่อนจะออกจากเขตทุ่งน้ำพุร้อนครับ ธงชาติชิลีปลิวไสวดีจริงๆ ครับวันนี้ นี่เป็นวันสุดท้ายของผมในชิลีแล้วจริงๆ หรือเนี่ย ม่ายยยยยยยยยยย!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:26:17

ความคิดเห็นที่ 71 ระหว่างทางก็พบกับเจ้ากวานาโกกำลังเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์ครับ กวานาโกนี่ก็เป็นหนึ่งในสัตว์พื้นเมืองที่คล้ายอูฐ (camelid) สี่ชนิดของอเมริกาใต้ครับ มียามะ(ลามะ) อัลปากา วิคุนย่า และกวานาโกครับ วิคุนย่านี่หาได้ยากสุด เพราะเป็นสัตว์อนุรักษ์ครับ ขนของมันนี่นับเป็นเส้นใยธรรมชาติที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ และมีราคาแพงมาก ทำให้สมัยก่อนมีการล่ากันมาก ปัจจุบันเลยมีการควบคุมครับ ส่วนยามะและอัลปากาปัจจุบันแทบไม่เหลือตามธรรมชาติแล้ว เพราะถูกคนจับเอามาใช้งานเอามาเลี้ยงกันหมดแล้วครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:26:43

ความคิดเห็นที่ 72 รู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวแบบซาฟารีเล็กๆ เลยละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:27:15

ความคิดเห็นที่ 73 เจ้านี่กำลังจะวิ่งไปไหนน้า?? จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:28:02

ความคิดเห็นที่ 74 บนถนนที่มีแต่รถของเรา และความเวิ้งว้างว่างเปล่า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:28:33

ความคิดเห็นที่ 75 จุดไหนสวยๆ คุณไกด์ก็พาแวะให้หมดครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:28:58

ความคิดเห็นที่ 76 งามแท้ๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:29:25

ความคิดเห็นที่ 77 รถของพวกเราครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:29:47

ความคิดเห็นที่ 78 อยากจะอยู่บนสรวงสวรรค์แบบนี้ตลอดไป!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:30:08

ความคิดเห็นที่ 79 แต่อยู่บนสรวงสวรรค์นานๆ คงไม่ไหวเพราะเดี๋ยวหายใจไม่ออกกันพอดี ลงมากันต่อดีกว่าครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:30:54

ความคิดเห็นที่ 80 อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นจากการที่เราอยู่ในความสูงที่ลดลงเรื่อยๆ เช่นกันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:31:17

ความคิดเห็นที่ 81 หายจงหายใจก็สะดวกขึ้นกว่าตอนอยู่ข้างบนมาก จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:32:21

ความคิดเห็นที่ 82 ระหว่างทางก็มาเจอเมืองเล็กๆ ที่คุณไกด์พาแวะให้ซื้อของที่ระลึกหรือเข้าห้องน้ำ ผมคงยังไม่เอาอะไรตอนนี้หรอกครับ ของก็เยอะ ไม่รู้จะขนไปยังไง นี่เพิ่งจะยังไม่ถึง 1/3 ของการเดินทางเลยซะด้วยซ้ำไป ยังเหลือระยะทางอีกไกลครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:32:56

ความคิดเห็นที่ 83 ต่ำกว่า 4000 เมตรแล้วครับตอนนี้ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:33:17

ความคิดเห็นที่ 84 หลังจากหมู่บ้านคุณไกด์ก็พาเรามาดูกระบองเพชรครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:33:50

ความคิดเห็นที่ 85 มันก็น่าแปลกเหมือนกันที่มีต้นใหญ่ๆ ต้นเดียวขึ้นอยู่โดดๆ แบบนี้ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:34:35

ความคิดเห็นที่ 86 อีกซักรูปครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:35:06

ความคิดเห็นที่ 87 จากนี้อีกไม่นานก็จะถึงตัวเมือง San Pedro แล้ว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:35:23

ความคิดเห็นที่ 88 ผมกับคุณไกด์ครับ เขาชื่อ Maximiliano ครับ (ชื่อยาวแฮะ) มาจากบริษัทชื่อ Andes Expediciones  แต่นับว่าเป็นคุณไกด์ที่ฮาและเอนเตอร์เทนผู้โดยสารได้ดีมากๆ คนหนึ่งเลยครับ ผมไม่รู้สึกเบื่อเลย ข้อมูลก็เยอะ โดยรวมแล้วนี่คือทัวร์ที่ผมประทับใจมากๆ ^ ^ คุ้มราคาครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 05:36:20 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 05:36:01