ความคิดเห็นที่ 1 ที่มาที่ไปของทริปยังเหมือนเดิมนะครับ ไม่ขอเล่าเยอะ แต่สรุปง่ายๆคือ คุณลุงชวนมา แบบกึ่งไปเที่ยว กึ่งไปช่วยคุณลุงทำงานครับ ครั้งนี้แทบจะไม่รู้โปรแกรมการเที่ยวใดๆก่อนล่วงหน้าเลย จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แล้วผมก็พบว่าทริปนี้กลับทำให้หลายๆสิ่งที่เคยฝันไว้ เป็นจริงขึ้นมา รีวิวนี้ขออนุญาตตัดเป็นส่วนๆนะครับ ให้เขียนเป็นรายวันแบบครั้งก่อนคงไม่ไหว เดี๋ยวไม่จบ อิอิ รายละเอียดอาจจะน้อยลง เพราะหลายๆที่ก็ซ้ำกับในรีวิวก่อน เอาเป็นว่าแค่ดูรูปประกอบคำบรรยายกันสนุกๆก็ละกันครับ ใครที่อยากรู้จักกันกับรีวิวตอนก่อนๆ เชิญทางนี้ได้เลยครับ [CR] ทริปยุโรปสั้นๆ กับรอยต่อของฤดูกาลที่ Switzerland Germany France Day 1 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11278778/E11278778.html Day 2 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11279326/E11279326.html Day 3 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11280453/E11280453.html Day 4 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11300921/E11300921.html Day 5 Part 1 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11306493/E11306493.html Day 5 Part 2 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11326573/E11326573.html Day 6 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11335804/E11335804.html Day 7-8 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11342258/E11342258.html จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:10:04

ความคิดเห็นที่ 2 ขอออกตัวเรื่องรูปก่อนนะครับ ที่อาจจะไม่ค่อยแหล่มเท่าไหร่ เพราะว่าตอนนั้นซื้อกล้องใหม่พอดี และใช้กับทริปนี้เป็นงานแรก เลยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นมือมากนัก อีกทั้งยังเป็นทริปที่คณะของเราเน้นช้อปปิ้งเป็นหลัก เวลาในการเที่ยวชมสถานที่จึงไม่ค่อยชิลด์มากนัก บางเมืองกลับมาดูรูปอีกทีมีอยู่ 5 รูป T-T ที่หลับที่นอนก็ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เพราะมัวแต่ช่วยคุณลุงบริการคณะของเรา นึกแล้วก็เสียดาย หวังว่าอีกหน่อยคงมีโอกาสได้ไปซ่อมให้มากกว่านี้ (ซึ่งบางที่ก็ไปซ่อมมาแล้วเมื่อปี 2011) จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:10:30

ความคิดเห็นที่ 3 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมที่ได้บินกับสายการบินกาตาร์ ซึ่งก็น่าประทับใจมากเลยทีเดียว ทั้งการบริการและระบบความบันเทิงบนเครื่อง ถึงแม้ว่าจะต้องไปเปลี่ยนเครื่องตอนเที่ยงคืนตี่หนึ่ง และต้องนั่งรถบัสไกลอย่างกับรถทัวร์ต่างจังหวัดก็ตาม พอเช้าตรู่เราก็มาถึงที่สนามบินเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ซึ่งคุณลุงมารอรับเราอยู่แล้วที่ด้านนอก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:11:01

ความคิดเห็นที่ 4 เจนีวา Geneva เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของสวิตเซอร์แลนด์ รองจากซูริค Zurich และเป็นอีกหนึ่งเมืองที่หลายคนมักจะคิดว่าเป็นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ นั่นเป็นเพราะเจนีวามักถูกพูดถึงบ่อยครั้งตามข่าวสารต่างๆ ทั้งนี้เนื่องจากเจนีวาเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศสำคัญๆมากมาย ทั้งองค์การสหประชาชาติ UNHCR องค์การอนามัยโลก องค์การการค้าโลก ฯลฯ รวมทั้ง CERN ที่หลายคนเพิ่งจะรู้จักองค์กรนี้ครั้งแรกจากหนังสือนวนิยายเรื่องดัง Angles and Demons ของ Dan Brown จริงๆแล้วการที่เราเลือกมาที่เจนีวา ไม่ใช่ว่าเพราะมาประชุม มาท่องเที่ยว หรือมาซื้อนาฬิกา แต่เราใช้เจนีวาเป็นเพียงจุดตั้งต้นเท่านั้น เพื่อที่จะค่อยๆเที่ยวย้อนกลับไปทางตะวันออกของสวิส จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:11:56

ความคิดเห็นที่ 5 เมืองเจนีวาตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในแถบเทือกเขาแอลป์ และภาพของเจนีวาที่คนมักจะจำติดตาก็คือน้ำพุสูงใหญ่กลางทะเลสาบเจนีวา ที่ชื่อว่า The Jet d'Eau ดังนั้นตอนนี้เราจึงขอแวะมาสัมผัสกับละอองน้ำที่กระจายมาจากน้ำพุกันสักนิดที่ริมทะเลสาบเจนีวา จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:12:24

ความคิดเห็นที่ 6 ตามๆครับ จากคุณ : วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:12:42

ความคิดเห็นที่ 7 ปรากฏว่ายังเช้าเกินไป น้ำพุเลยยังไม่เปิด เห็นแต่เพียงทางเข้าท่าเรือที่ว่างเปล่า มาทราบภายหลังว่าเขาจะเปิดน้ำพุตอน 10 โมงไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่ง แต่หากเป็นหน้าร้อนจะเปิดตอน 9 โมงถึง 5 ทุ่ม ส่วนหน้าหนาวจะเปิดตอน 10 โมงถึงแค่ 4 โมงเย็น จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:12:47

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพของน้ำพุที่พุ่งสูงถึง 140 เมตร ในวันอากาศดี ที่ต้องใช้เครื่องปั๊มน้ำขนาดใหญ่เลยทีเดียว ถึงจะมีกำลังในการดันน้ำจำนวนมหาศาลขึ้นไปบนฟ้าตลอดเวลา จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:13:10

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีครับมาทันเครื่องออกพอดี ขอบคุณที่แบ่งปันน่ะครับ จากคุณ : Mr.FIF เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:13:26

ความคิดเห็นที่ 10 เราจึงถือโอกาสปิคนิค รับประทานแห้วกันเป็นอาหารเช้า เอ้ย..ไม่ใช่ ทานข้าวผัดฝีมือคุณลุงที่เตรียมไว้ให้กันที่ริมทะเลสาบเสียเลย จากนั้นก็ออกเดินสูดอากาศดีๆ กันที่สวนสาธารณะ Jardin Anglais บริเวณริมทะเลสาบกันสักเล็กน้อย จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:13:32

ความคิดเห็นที่ 11 จุดที่น่าชมของสวนสาธารณะแห่งนี้ก็คือ นาฬิกาดอกไม้ ที่เป็นดังสัญลักษณ์บ่งบอกชื่อเสียงเรื่องอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาของเจนีวา ซึ่งแน่นอนว่าลวดลายและสีสันที่เห็นนี้มักมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ตามการออกแบบและดอกไม้ที่นำมาปลูก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:13:59

ความคิดเห็นที่ 12 หนึ่งในเสน่ห์ของยุโรปที่ผมหลงใหล หงส์แสนสวย ในแม่น้ำลำคลอง และทะเลสาบทุกแห่ง จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:14:24

ความคิดเห็นที่ 13 น้ำที่นี่ใสเสียจนเห็นว่ามีคนมาลืมจักรยานทิ้งไว้ (รึเปล่า) จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:14:44

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วเราก็ออกเดินทางกันจริงๆเสียที โบกมือลาสาวเจนีวาขี้อาย และเมืองที่เราอาศัยเป็นเพียงแค่ทางผ่านไว้เท่านี้ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:15:06

ความคิดเห็นที่ 15 จากนั้นเราก็มาแวะเที่ยวและกินกาแฟกันที่ปราสาทชีลอง Chateau de Chillon สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจะคุ้นตากันพอสมควร จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:15:30

ความคิดเห็นที่ 16 ปราสาทชีลอง เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนทะเลสาบเจนีวา เชื่อมต่อกับฝั่งด้วยสะพานไม้สั้นๆ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใดไม่ปรากฏ แต่ชื่อของปราสาทถูกพบในบันทึกครั้งแรกประมาณศตวรรษที่ 11-12 เราสามารถเข้าชมด้านในได้นะครับ ค่าเข้าอยู่ที่ 12 ฟรังค์สวิส จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:15:53

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆแล้ว ผมว่าความน่าสนใจของที่นี่อยู่ที่ด้านนอกมากกว่าครับ เพราะวิวทะเลสาบ และเทือกเขาแอลป์โดยรอบเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ปราสาทยุคกลางแห่งนี้ไม่มีที่ไหนเหมือน ดูสวยงามน่าชม จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:16:18

ความคิดเห็นที่ 18 เราลัดเลาะริมฝั่งทะเลสาบมาเรื่อยๆ ผ่านเมืองตากอากาศหรู อย่าง มองเตรอซ์ Montreux จนมาถึงเมืองตากอากาศแบบชิวๆบ้าง ที่เมืองวีเว่ Vevey จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:16:41

ความคิดเห็นที่ 19 เมืองวีเว่นั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโลซานน์ Lausanne ที่คนไทยรู้จักกันดี และมีชื่อเสียงโด่งดังเนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเนสท์เล่ ตั้งแต่ปี 1867 คุณลุงเรียกต้นไม้ที่เห็นด้านหลังว่าต้นมะเหงก เพราะว่าในช่วงที่มันผลัดใบ สภาพปลายกิ่งก้านสาขาของมันดูเหมือนมะเหงก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:17:07

ความคิดเห็นที่ 20 มารอชมครับ น่าจะทันถ่ายทอดสดนะ จากคุณ : แพรมรกต เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:20:28

ความคิดเห็นที่ 21 เราเดินเล่นในย่านเมืองเก่า และชมบรรยากาศริมทะเลสาบกันสักพัก ก่อนที่จะมาจบลงที่ตลาดนัดขายของบริเวณ Place du Marche หรือ Market Square ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก ออกจากวีเว่ประมาณบ่ายโมง เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายถัดไป ที่ปราสาทกรูแยรส์... จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:21:06

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ คุณ แพรมรกต เชิญเลยครับ ถ่ายสดอยู่อาจจะไม่สมู้ทเท่าไหร่นะครับ เมืองกรูแยรส์ Gruyeres และปราสาทกรูแยรส์ Chateau de Gruyeres ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนยอดเขาเตี้ยๆ ท่ามกลางท้องทุ่งชนบทของสวิตเซอร์แลนด์ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากระยะไกล ทันที่เดินเข้าสู่เมือง เราก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเก่าแก่แบบยุคกลางอันน่าค้นหา ทั้งลานหินกว้างด้านหน้า โบสถ์หลังเล็ก และปราสาทโบราณที่ตั้งอยู่ปลายเนิน จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:23:06

ความคิดเห็นที่ 23 อย่างที่เคยบอกไปในรีวิวที่แล้วว่า กรูแยรส์ในวันนี้ค่อนข้างทำให้ผมแปลกใจอย่างมาก เพราะจากเมืองที่ดูโทรมๆ เหงาๆ แบบที่ผมเคยเห็นเมื่อตอนครั้งแรกที่ได้มา แปรเปลี่ยนมาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แสนคึกคัก และหนึ่งในจำนวนกลุ่มผู้ที่มาเยือนก็คือ กลุ่มผู้ชื่นชอบชีสกรูแยรส์ ที่ต้องการมาเยียมชมเมืองกรูแยรส์ ที่เป็นแหล่งกำเนิดของชีสขึ้นชื่อชนิดนี้นี่เอง จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:23:42

ความคิดเห็นที่ 24 ทางลาดขึ้นสู่ปราสาทเซนต์เจอร์เมน Saint-Germain Castle ปราสาทชั้นนอกก่อนเข้าสู่ปราสาทชั้นในหรือปราสาทกรูแยรส์ สองข้างทางเป็นร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:24:11

ความคิดเห็นที่ 25 ประติมากรรมมนุษย์ต่างดาวท่ามกลางตึกเก่า อาจทำให้หลายคนงง ในครั้งแรกตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่ มาทราบภายหลังว่า ห้องด้านหลังเจ้ามนุษย์ต่างดาวตัวนี้ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ และห้องจัดแสดงผลงานของ HR Giger ศิลปินชาวสวิสผู้ที่ออกแบบ และให้กำเนิดเจ้าอสูรร้ายจากต่างดาวหัวยาวๆ ที่เราเรียกกันว่า “เอเลี่ยน” นั่นเอง พิพิธภัณฑ์ของ HR Giger เจ้าของรางวัลออสการ์สาขา Visual Effects จากภาพยนตร์เรื่อง Alien เป็นสถานที่รวบรวมผลงานการออกแบบสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกๆตามสไตล์ของตัวเขา ผ่านทางภาพวาด งานประติมากรรม และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1998 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆน่าสนใจของกรูแยรส์ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:24:41

ความคิดเห็นที่ 26 ช่องกำแพง ทางเดินเข้าสู่ปราสาทกรูแยรส์ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:25:39

ความคิดเห็นที่ 27 ปราสาทกรูแยรส์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1270 โดยเคาน์แห่งกรูแยรส์ ตามรูปแบบของป้อมปราการทีนิยมกันในสมัยนั้น ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติสวิตเซอร์แลนด์ สามารถเข้าชมภายในได้ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:26:09

ความคิดเห็นที่ 28 จากจุดนี้ต้องเสียค่าเข้าชมแล้วครับ 10 ฟรังก์สวิส แต่เนื่องจากเราต้องเดินทางต่ออีกค่อนข้างไกลเพื่อไปยังที่พัก จึงเลือกที่จะอำลากรูแยรส์เพียงเท่านี้ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:29:33

ความคิดเห็นที่ 29 ที่พักคืนแรกของพวกเรา ชื่อ โฮเทลไฮมัต Hotel Heimat ตั้งอยู่ที่เมืองวิลเดอสวิล Wilderswil ไม่ไกลจากเมืองอินเทอร์ลาเก้น Interlaken บริเวณเส้นทางที่มุ่งสู่เมืองกรินเดิลวาล์ด Grindelwald โรงแรมนี้จัดว่าดีทุกอย่าง โดยเฉพาะภัตตาคารที่น่าจะเป็นที่นิยมของคนท้องถิ่นแถวนี้ เพราะว่าคนแน่นเต็มร้าน และที่สำคัญอาหารอร่อยมาก ข้อเสียมากๆอย่างเดียวคือไม่มีลิฟต์ คราวนี้เลยงานช้างแมมมอทสิครับ กว่าจะขนกระเป๋าเดินทางใบยักษ์ขึ้นห้องพักได้แทบแย่กันเลย สิ้นสุดการเดินทางวันแรกที่มาราธอนพอสมควร สำหรับทุกคนแล้ว ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็แฮปปี้ครับ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:30:06

ความคิดเห็นที่ 30 เช้าวันใหม่ บรรยากาศด้านหน้าโรงแรมก่อนออกเดินทาง หันมองไปยังเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายของเราในวันนี้ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:30:41

ความคิดเห็นที่ 31 เรามากันที่สถานีกระเช้ามันน์ลิคเช่นบาห์น Mannlichenbahn ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองกรินเดิลวาล์ดกรืน Grindelwald-Grund ก่อนถึงเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง กรินเดิลวาล์ด Grindelwald เมื่อมาถึงพวกเราถึงกับงงกันเลยทีเดียวว่าทำไมรถยนต์จอดอยู่เยอะมาก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:31:13

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เฉพาะรถยนต์เท่านั้น ยังเจอรถบัสอีกหลายคันที่เต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นนักเรียนที่มาเพื่อขึ้นไปเล่นสกีกัน จุดหมายของพวกเขาและพวกเราคือยอดเขาที่ชื่อมันน์ลิคเช่น Mannlichen ที่ความสูง 2,343 เมตร จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:31:40

ความคิดเห็นที่ 33 ก่อนอื่นเราต้องไปซื้อตั๋วกระเช้าเสียก่อน ราคาก็จัดว่าไม่ถูกไม่แพง ไปและกลับ Round Trip ราคา 32 ฟรังก์สวิส หรือ 25.6 ยูโร หน้าสถานีกระเช้า Mannlichenbahn จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:32:11

ความคิดเห็นที่ 34 ทันทีที่กระเช้าเคลื่อนสูงขึ้น เราก็ได้เห็นหิมะขาวโพลนสลับกับทิวสนและกระท่อมไม้ น่าเสียดายที่กระจกค่อนข้างหนา และเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนมากมาย เลยทำให้ภาพวิวสวยๆถูกจำกัดลงเล็กน้อย ตัวหนังสือ GMM บนกระเช้าสีส้มสดก็มาจากคำว่า Gondelbahn Grindelwald-Mannlichen นั่นเอ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:32:39

ความคิดเห็นที่ 35 ยิ่งขึ้นสูง เราก็จะเริ่มเห็นนักสกีที่สไลด์ลงมาจากยอดเขาเรื่อยๆ เห็นแล้วก็อยากฝึกเล่นสกีให้ได้อย่างนั้นบ้าง ด้วยระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร !!! กระเช้าแห่งนี้จึงได้รับการบันทึกว่าเป็นกระเช้าที่มีความยาวเป็นอันดับ 3 ของโลก ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที จึงจะถึงสถานีปลายทาง จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:33:03

ความคิดเห็นที่ 36 ที่สถานีปลายทาง พวกเราต้องใช้ความพยายามพอสมควรกว่าจะตะกายเนินหิมะย่อมๆ รอบๆสถานีขึ้นมาได้ เพราะรองเท้าพวกเราไม่เหมือนอย่างพวกนักสกีที่สามารถยึดเกาะหิมะได้ ลื่นไถลกันอยู่นานกว่าจะได้ขึ้นมาชื่นชมกับวิวอันตระการตาด้านบน จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:33:31

ความคิดเห็นที่ 37 ถึงแม้สภาพการแต่งตัวของพวกเราจะดูประหลาดอยู่บ้างเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่อย่าได้สน ตั้งตาตั้งตาถ่ายรูปอย่างเดียว มองไปทางไหนก็ดูน่าตื่นตา จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:34:01

ความคิดเห็นที่ 38 มีลานสกีเรียบๆสำหรับให้เด็กๆฝึกซ้อมกันด้วย จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:34:29

ความคิดเห็นที่ 39 ตรงจุดนี้มีร้านอาหาร และที่พักไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:35:33

ความคิดเห็นที่ 40 และยอดแหลมที่เห็นอยู่นี่ก็คือยอดมันน์ลิคเช่น จากสถานีกระช้าสามารถเดินต่อไปจนถึงได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และอาคารที่เห็นไกลๆก็คือสถานีกระเช้าอีกแห่งที่ขึ้นมาจากทางเมืองเวงเก้น Wengen จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:35:59

ความคิดเห็นที่ 41 แดดดีอย่างนี้ เป็นฝรั่งก็ต้องอาบแดดตามธรรมเนียม ไม่เว้นแม้แต่บนยอดเขา จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:36:47

ความคิดเห็นที่ 42 หันมองกลับไปเราก็พบกับกลุ่มยอดเขาสามประสานที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ ไล่จากซ้ายได้แก่ ไอเกอร์ Eiger เมินช์ Monch และยูงเฟรา Jungfrau (ที่มีเมฆอยู่บนยอด) ความหมายของชื่อก็คือ คนแก่ พระ และหญิงสาว ส่วนยอดแหลมๆที่อยู่ใกล้สายตาเรานั้นไม่ใช่นะครับ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของมันน์ลิคเช่น จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:37:35

ความคิดเห็นที่ 43 จุดหมายของนักท่องเที่ยวหลายคนคือยอดยูงเฟราที่สูงตระหง่านถึง 4,158 เมตร แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นความสูงเพียงแค่อันดับ 3 ของยอดเขาในแถบนี้ (Bernese Alps) นักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมที่จะนั่งรถไฟไปยังยูงเฟรายอคช์ Jungfraujoch สถานีรถไฟที่สูงที่สุดของยุโรป ที่ระดับความสูง 3,454 เมตร เพื่อชมความงดงามของทิวทัศน์ และเล่นหิมะ แต่จริงๆแล้วที่มันน์ลิคเช่นนี่เราก็ทำได้เหมือนกัน สามารถเห็นวิวยอดเขาทั้งสามครบถ้วนในราคาที่ถูกกว่าถึง 4-5 เท่า จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:38:15

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพสุดท้ายก่อนอำลามันน์ลิคเช่นครับ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:38:57

ความคิดเห็นที่ 45 จากนั้นเรามุ่งหน้ากลับไปทางอินเทอร์ลาเก้น และจอดแวะปิคนิคมื้อกลางวันกันที่จุดพักรถริมทะเลสาบเบรียนซ์ Brienzersee กินลมชมบรรยากาศกันอย่างสบายใจ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:39:24

ความคิดเห็นที่ 46 เราหันรถเข้าสู่เมืองใหญ่อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หลายๆคนเห็นแค่เงาสะท้อนก็สามารถเดาได้ว่าที่นี่ที่ไหน จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:39:51

ความคิดเห็นที่ 47 ใครที่มาถึงลูเซิร์น Luzern แล้วก็ย่อมต้องไม่พลาดชม Lowendenkmal หรือ The Lion of Luzern สิงโตหมอบอันมีชื่อเสียงของลูเซิร์น อนุสรณ์สถานรำลึกถึงทหารรับจ้างชาวสวิส หรือ Swiss Guards ที่เสียชีวิตในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อปี 1792 เป็นงานแกะสลักที่ให้ความรู้สึกถึงความเศร้าโศกมากที่สุดชิ้นหนึ่ง อันสะท้อนมาจากสีหน้าของสิงโตที่กำลังทนทุกข์ทรมาณจากคมหอกและศาสตราวุธในสงคราม แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 21:12:35 จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:40:18

ความคิดเห็นที่ 48 เราเดินชมเมืองไปพลางแวะช้อปปิ้งไปพลาง ขณะที่มุ่งไปยังสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์น จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:40:45

ความคิดเห็นที่ 49 ลูเซิร์นเป็นเมืองใหญ่ และมีประวัติยาวนาน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่ชื่อเดียวกัน Lake Luzern บริเวณปากแม่น้ำรีอุส Reuss River ที่ไหลลงสู่ทะเลสาบ ป้อมปราการ และแนวกำแพงเมืองเก่าตั้งอยู่บนเนินไม่ไกลจากริมฝั่งเท่าใดนัก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:41:12

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วเราก็มาถึงสะพานแชพเพิลบริดจ์ Chapel Bridge (Kapellbrucke) สะพานไม้แบบมีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป โดดเด่นด้วยหอคอยน้ำ Water Tower (Wasserturm) ที่ตั้งอยู่กลางน้ำข้างเคียงกัน โดยประมาณปี 1300 เริ่มแรกมีการสร้างหอคอยขึ้นมาก่อนบริเวณกลางแม่น้ำเพื่อใช้เป็นที่กักขังนักโทษ หลังจากนั้นประมาณ 30 ปี จึงมีการสร้างสะพานไม้ขึ้นเพื่อเชื่อมย่านเมืองเก่าทางฝั่งขวาของแม่น้ำกับย่านเมืองใหม่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ ตอนเดินมาถึงแสงกำลังย้อนเข้าหน้าพอดี เลยเดินข้ามมาถ่ายจากอีกฝั่ง จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:41:40

ความคิดเห็นที่ 51 บริเวณคานไม้ภายในสะพานติดตั้งภาพเขียนจากสมัยศตวรรษที่ 17 จำนวน 111 ภาพ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง ปี 1993 ทั้งภาพเขียนและสะพานเกือบถูกเพลิงเผาไหม้จนหมดสิ้น หลังจากนั้นจึงได้มีการบูรณะก่อสร้างขึ้นมาใหม่ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:42:14

ความคิดเห็นที่ 52 ปัจจุบันทั้งสะพานไม้และหอคอยน้ำต่างเป็นดั่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง เป็นสถานที่ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:42:47

ความคิดเห็นที่ 53 ออกจากลูเซิร์น เราก็เอารถยนต์ไปขึ้นรถไฟลอดอุโมงค์กันเพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องขับวนขี้นเขาที่ช่วงนี้ยังค่อนข้างเต็มไปด้วยหิมะ แพงหน่อยแต่สะดวกดีครับ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:43:11

ความคิดเห็นที่ 54 ที่พักของเราคืนนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่า 1,600 เมตร ที่เมืองชื่อว่าเกรชเช่น Grachen โดยเส้นทางที่มายังเมืองนี้เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะเป็นถนนขึ้นเขาแบบเลนเดียวที่ต้องมีไหล่ทางสำหรับหลบเป็นช่วงๆ หากมีรถสวนกันขึ้นมา ตื่นเต้นหวาดเสียวกันทั้งคันรถ แต่ถึงอย่างนั้นเมืองนี้กลับเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันพอสมควร สังเกตได้จากการที่มีโรงแรม และบ้านพักแบบ Long Stay กระจายอยู่มากมายแทบทั้งเมือง จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:43:44

ความคิดเห็นที่ 55 บ้านของเราก็เช่นเดียวกัน เป็นบ้านที่เจ้าของเปิดส่วนหนึ่งของบ้านให้นักท่องเที่ยวเช่า มีครัว มีห้องกินข้าวครบครัน ปกติจะให้เช่ากันเป็นสัปดาห์ ส่วนพวกเราอยู่กันแค่ 2 คืน แต่เจ้าของก็ยอมให้เพราะว่าสนิทกัน จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:44:31

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นหน้าตาบ้าน และห้องพักจะดูธรรมดาๆ แต่พอเห็นวิวจากระเบียงแล้วแทบลืมหายใจกันเลย บ้านรูปทรงสมัยใหม่แต่ยังคงรูปแบบเอกลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ หรือที่เรียกว่าชาเลต์ Chalet กระจายตัวอยู่ตามเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:44:58

ความคิดเห็นที่ 57 ต้องขับรถต่อกันอีกพอสมควรจึงจะถึงบริเวณกลางเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรม จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:45:41

ความคิดเห็นที่ 58 คืนนี้เราฝากท้องกันที่ร้านอาหารเล็กๆแต่แสนอบอุ่นในเมืองที่บรรยากาศหนาวเย็น จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:46:35

ความคิดเห็นที่ 59 ตามเที่ยวสวิสด้วยคนค่ะ... ต้นปีไปเที่ยวละ แต่ปีหน้าคิดว่าจะไปอีกค่ะ... เข้ามาเก็บข้อมูลค่ะ เผื่อได้ตามรอยเที่ยว... จากคุณ : ป้าปุ๊ (thai orchid) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:47:57

ความคิดเห็นที่ 60 ^ ^ คุณป้าปุ๊ (thai orchid) สวัสดีครับ ตามมาเที่ยวได้เลยครับ แต่เรื่องข้อมูล ไม่แน่ใจว่าจะได้อะไรกลับไปหรือเปล่านะครับ เพราะทริปนี้ที่เที่ยวธรรมดาๆทั้งนั้นเลยครับ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ก็ขอบคุณนะครับ เกรชเช่นตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสกีรีสอร์ทชื่อดัง 2 แห่ง ได้แก่ แซร์มัตต์ Zermatt และ ซาสเฟ่ Saas-Fee ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งเมืองจึงเต็มไปด้วยโรงแรม เพราะนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งไม่ต้องการที่จะจ่ายค่าที่พักที่แสนแพงในแซร์มัตต์และซาสเฟ่ จึงหันมาพักที่เกรชเช่นแทน วันนี้เราจึงจะขอไปชมสกีรีสอร์ททั้งสองที่ว่ากัน เริ่มจากไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ที่เมืองซาสเฟ่ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:06:15

ความคิดเห็นที่ 61 ซาสเฟ่เป็นเมืองปลอดรถยนต์ ดังนั้นจึงต้องจอดรถไว้ที่จุดจอด แล้วใช้การเดิน ปรากฏว่าขนาดเป็นช่วงเช้า แต่นักท่องเที่ยวเยอะมาก แทบหาที่จอดรถไม่ได้ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:07:00

ความคิดเห็นที่ 62 Pearl of the Alps เป็นสมญาที่เรียกขานถึงซาสเฟ่ เมืองที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาสูงรอบด้าน มีเคเบิลสำหรับขึ้นเขาหลายจุดด้วยกัน จึงเหมาะสำหรับการเล่นสกีเป็นอย่างยิ่ง หลายคนอาจเคยชมมิวสิควีดีโอ Last Christmas เวอร์ชั่นต้นฉบับของวง Wham ซึ่งก็ได้เลือกใช้ซาสเฟ่เป็นฉากในการถ่ายทำด้วยนะครับ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:07:29

ความคิดเห็นที่ 63 ทั้งเมืองเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร และหิมะ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:08:09

ความคิดเห็นที่ 64 โบสถ์แบบสมัยใหม่ประจำเมือง Herz-Jesu Church จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:08:35

ความคิดเห็นที่ 65 สิ่งที่น่าสนใจสิ่งหนึ่งของซาสเฟ่ก็คือ บ้านไม้หลังเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเสาหิน คล้ายๆขาโต๊ะหรือขาตู้กับข้าว ซึ่งจริงๆแล้วเป็นยุ้งข้าวแบบดั่งเดิมของสวิส ใช้เป็นที่เก็บผลผลิต/อาหารต่างๆ ให้ห่างจากสัตว์หรือแมลง บ้านไม้ลักษณะนี้จะพบได้มากที่ซาสเฟ่ และมีเห็นได้บ้างที่แซร์มัตต์ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:09:09

ความคิดเห็นที่ 66 ทิ้งท้ายซาสเฟ่ที่ภาพนี้ แล้วเดินทางต่อไปยังแซร์มัตต์ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:09:42

ความคิดเห็นที่ 67 เราย้อนกลับทางเดิม ผ่านทางแยกที่จะขึ้นไปยังเมืองเกรชเช่น เลยมาจนถึงเมืองทาช Tasch เนื่องจากแซร์มัตต์ก็เป็นเมืองปลอดรถยนต์เช่นเดียวกับซาสเฟ่ ดังนั้นการจะเข้าเมืองได้จึงต้องใช้ทางรถไฟเท่านั้น และที่เมืองทาชนี่เองที่เป็นที่ตั้งของเทอร์มินอลใหญ่ที่จะไปยังแซร์มัตต์ ค่ารถไฟขบวนสีแดงที่เห็นนี้ไปกลับราคาอยู่ที่ 15.6 ฟรังก์สวิส จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:10:25

ความคิดเห็นที่ 68 การท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์โดยรถไฟเป็นสิ่งที่ได้รับนิยมมาก นั่นเป็นเพราะภาพของทิวทัศน์และภูมิประเทศตลอดเส้นทางรถไฟนั้นช่างน่าประทับใจ พวกเราต่างก็ดีใจกันมากๆที่ได้ขึ้นรถไฟกับเขาเหมือนกัน แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ และเวลาสั้นๆแค่ 30 นาทีก็ตาม จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:10:55

ความคิดเห็นที่ 69 พอถึงแซร์มัตต์ เราก็รีบมาซื้อตั๋วรถไฟขึ้นเขาทันที เพื่อไปชมยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น Matterhorn แล้วค่อยกลับลงมาสำรวจเมืองภายหลัง เจอราคาไป 80 ฟรังก์สวิส ประมาณ 2,500 บาท (แทบจะเท่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) แอบอึ้งอยู่เหมือนกัน แต่ถึงแพงขนาดไหนก็ยอม เพราะอุตสาห์มาถึงที่นี่แล้ว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:11:54

ความคิดเห็นที่ 70 ตอนขึ้นรถไฟ ไม่รู้หรอกว่าจะได้เห็นอะไรบ้าง รู้แค่ว่าจะขึ้นเขาไปชมยอดเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์กัน (ยังคงคิดในใจว่าค่าตั๋วแพ้ง แพง) ในบรรดาผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักสกีจิ๋วที่ดูคล่องแคล่วกระชับกระเชง รู้งานรู้หน้าที่ตัวเองดีมาก จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:12:28

ความคิดเห็นที่ 71 พอรถไฟไต่ระดับพ้นยอดสนไปได้สักระยะหนึ่ง ภาพเมืองแซร์มัตต์เบื้อล่างก็หายไป กลายมาเป็นโลกแห่งสีขาวฟ้าที่เรียกให้ทุกคนบนรถไฟ (ยกเว้นพวกนักสกี) แย่งกันไปเกาะที่หน้าต่างฝั่งขวาของรถไฟ แล้วกดชัตเตอร์กันกระหน่ำ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:12:56

ความคิดเห็นที่ 72 บอกตรงๆว่าพอได้เห็นภาพนี้แล้วน้ำตาจะไหล หัวใจเต้นแรงมาก ความรู้สึกมันบอกไม่ถูกเลย แดดอยู่ในด้านที่ดีที่สุด ท้องฟ้าแจ่มใส หิมะหนานุ่ม สวยที่สุด เป็นเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก พอมาเจอสิ่งที่มันเกินความคาดหวัง มันเลยรู้สึกประทับใจมากเป็นพิเศษ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:13:21

ความคิดเห็นที่ 73 ตลอดระยะทาง 9 กิโลเมตร รถไฟจอดตามสถานีต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวและนักสกีลง เพราะมีพื้นที่สำหรับเล่นสกีอยู่ตลอดเส้นทาง เห็นได้จากร่องรอยฉวัดเฉวียนอยู่บนพื้นหิมะ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:14:09

ความคิดเห็นที่ 74 ในที่สุดเราก็มาถึงกอร์เนอการ์ท Gornergrat สถานีปลายทางที่ระดับความสูง 3,093 เมตร จากนี้ก็ต้องขึ้นลิฟต์ต่อไปยังจุดชมวิวด้านบน หรือใครขยันหน่อยก็เดินเอาก็ได้ ป้ายบอกทางที่มีข้อความต้อนรับหลากหลายภาษา แต่ไม่มีภาษาไทย จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:14:40

ความคิดเห็นที่ 75 ที่ระเบียงด้านนอกอาคารหลักมีโบสถ์หลังเล็กๆตั้งอยู่ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:15:07

ความคิดเห็นที่ 76 และเมื่อมองไปยังซ้ายมือ เราก็ได้ทักทายกับราชาแห่งขุนเขา หรือ King of the Mountain ตามสมญานามของแมทเทอฮอร์น และแล้วทุกคนก็วิ่งผลัดกันเข้ากล้อง คู่บ้าง เดี่ยวบ้าง ครอบครัว (คนอื่น) บ้าง เป็นที่สนุกสนานของผมและทุกๆคน จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:15:42

ความคิดเห็นที่ 77 เราเดินอ้อมไปทางด้านหลังของจุดชมวิว และเดินตามทางเดินขึ้นไปยังเนินสูงเหนือจุดชมวิว ซึ่งต้องตะเกียดตะกายกันอย่างหนักทีเดียว เพราะหิมะที่พื้นมันเกาะตัวกันจนแทบจะเรียกว่าเป็นน้ำแข็งเลยก็ว่าได้ ทำให้ทั้งลื่น ทั้งไถล ต้องเกาะราวเชือกพยุงตัวกันขึ้นไป บางคนถึงกับขอกลับไปรอที่จุดชมวิวข้างล่างแทน แต่เมื่อขึ้นมาถึงก็ถือว่าคุ้มค่านะครับ หิมะหนานุ่มและสะอาดกว่าจุดอื่น พวกเราเล่นหิมะกันเพลินทีเดียว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:16:06

ความคิดเห็นที่ 78 จุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดของแมทเทอฮอร์น ที่มองเห็นทั้งสถานีรถไฟ จุดชมวิว และหอดูดาว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:16:36

ความคิดเห็นที่ 79 กลับลงมายังจุดชมวิวเพื่อทำอีกหนึ่งภารกิจให้ลุล่วง ก็คือการถ่ายภาพกับเซนต์เบอร์นาร์ดตัวใหญ่ใจดี อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับแมทเทอฮอร์น อดีตสุนัขช่วยชีวิตนักสกีแห่งขุนเขานี้ปัจจุบันกลายมาเป็นดาราหน้ากล้องให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกอร์เนอการ์ด โดยจะมีเจ้าของร้านถ่ายภาพเป็นผู้ถ่ายให้ โดยห้ามเราใช้กล้องตัวเองบันทึกเด็ดขาด แล้วเราค่อยลงมารับภาพที่ปริ๊นเรียบร้อยแล้วที่ร้านในแซร์มัตต์ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาหรือไม่เอารูปก็ได้ (ถ้าไม่ถูกใจ) น่าสงสารน้องหมาของผมในวันนี้ ที่กำลังนอหลับนสบายอยู่ในอาคาร พอต้องทำงาน เลยเป็นว่าต้องมานั่งทำหน้าง่วงๆแอ็คชั่นข้างๆผมแทน เห็นแล้วน่ารักน่ากอดมาก แต่กอดไม่ลงเพราะกลิ่นตัวเหม็นใช้ได้ทีเดียว จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:22:24

ความคิดเห็นที่ 80 เรากลับลงมายังด้านล่าง และเดินสำรวจแซร์มัตต์กัน ในเมื่อเป็นเมืองปลอดรถยนต์ ที่นี่จึงใช้รถไฟฟ้าคันเล็กๆ และรถม้า สำหรับสัญจรภายในเมือง จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:23:01

ความคิดเห็นที่ 81 ภายในเมืองแซร์มัตต์ล้วนเต็มไปด้วยโรงแรมและร้านค้า ที่นี่ทำให้เราเสียทรัพย์กันไปเยอะทีเดียว ทั้งค่ารถไฟ ค่ากิน ค่าของที่ระลึก ค่าช็อกโกแลตของฝาก สำหรับผมยังมีค่าถ่ายภาพกับน้องหมาอีก 15 ฟรังก์สวิสด้วย ถึงเวลาเราก็ไปขึ้นรถไฟกลับเมืองทาช ที่ๆคุณลุงมารอรับอยู่แล้ว คืนนี้เรายังพักกันที่เกรชเช่นอีกหนึ่งคืน แต่จะเป็นอย่างไรต่อสำหรับเช้าวันพรุ่งนี้ ต้องขอเก็บไว้สำหรับตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:24:11

ความคิดเห็นที่ 82 ผมเชื่อว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นดินแดนในฝันของใครหลายๆคน รวมทั้งตัวผมด้วย แล้วเมื่อได้มาสัมผัสกับสวิตเซอร์แลนด์แบบจริงๆจังๆแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าตกหลุมรักสวิสเข้าอย่างจัง เคยฝันที่จะได้เล่นหิมะ ฝันที่จะได้เห็นปราสาทชีลอง ฝันที่จะได้ถ่ายรูปกับหมาเซนต์เบอร์นาร์ดบนกอร์เนอการ์ท ในตอนนี้ทุกอย่างเป็นจริงแล้วครับ ลากันที่ภาพตอนตะกายกันลงจากเนินบนกอร์เนอการ์ท กับวิวตระการตาของยอดเขาหิมะและธารน้ำแข็งโดยรอบครับ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:25:05

ความคิดเห็นที่ 83 สวย  ไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:32:15

ความคิดเห็นที่ 84 โอ้โห ผมพลาดทักทายไปหลายคนเลย  เพราะกำลังเมามันส์กับการถ่ายสด ต้องขออภัยด้วยนะครับ ^ ^ คุณ วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เชิยตามมาเลยครับ ยินดีอยู่แล้ว ^ ^ คุณ Mr.FIF ทันเครื่องออกพอดีครับ ขอบคุณที่ทักทายเช่นกันครับ นอกจากนั้นก็ขอทักทาย ^ ^ คุณ แพรมรกต กับ ^ ^ คุณป้าปุ๊ (thai orchid) อีกทีนะครับหลังจากที่เจอกันในกระทู้แล้ว ขอสวัสดี ^ ^ คุณเล็กทาโร่ ด้วยอีกคนนะครับ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 20:36:40 จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:35:42

ความคิดเห็นที่ 85 ไปต้นปี Matterhorn ของป้าปุ๊มีแสงเฮ้ากวงด้วยค่ะ 555 ใช้สวิสพาสเหลือค่าบัตรแค่ 37 ฟรังค์เองค่ะ พอดีเดินทางด้วยรถไฟ จากคุณ : ป้าปุ๊ (thai orchid) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:36:17

ความคิดเห็นที่ 86 ของ ^ ^ คุณป้าปุ๊ (thai orchid) มุมเดียวกันเลยนะครับกับ คห 72 ผมเดินทางแบบใช้รถยนต์เป็นหลักครับ พอเจอค่าตั๋วรถไฟที ค่ากระเช้าที แทบหงายหลังเลย แต่ก็คุ้มครับ ไม่เสียดายแม้สักฟรังก์เดียวจริงๆ จากคุณ : teayouem เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:42:56

ความคิดเห็นที่ 87 รูปสวยมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิว หวังว่าซักวันคงจะได้ตามรอย จขกท. ไปบ้างค่ะ จากคุณ : maemodok เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:51:11