ความคิดเห็นที่ 1 อันที่จริงแล้วการเดินทางไป Montreux-Vevey จาก Luzern นั้นจะไปด้วย Golden pass ก็ได้แต่ใช้เวลานานถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว นานได้โล่เลยนะเนี่ย พวกเราเลยตัดใจไปกันด้วยรถไฟสายธรรมดาแทนโดยเลือกนั่งจาก Luzern ไปลงที่ Lausanne เพื่อฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เบิ้มไว้ในล็อกเกอร์ที่สถานีกันก่อน แล้วค่อยนั่งรถไฟจาก Lausanne ไป Montreux กันอีกที วิธีนี้ช่วยให้เราเที่ยวกันได้สบายตัว ไม่ต้องคอยกังวลกับสัมภาระรุงรัง จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 10:53:04

ความคิดเห็นที่ 2 พวกเรามาถึงสถานี Montreux กันเกือบสิบเอ็ดโมง สมแล้วที่ Montreux ได้ชื่อว่า “สวิสริเวียร่า” เพราะแค่ก้าวเท้าจากตัวสถานีออกมา สายตาก็ป๊ะเข้าให้กับบ้านพักตากอากาศเรื่อยไปถึงโรงแรมสุดหรูที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ เอาเป็นว่าเลือกไม่ถูกเลยทีเดียวว่าจะพักกันที่ไหน ก็แหม แต่ละที่ตกแต่งกันได้สดใสเชื้อเชิญให้เข้าไปพักกันจริง จริ้ง จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 10:55:29

ความคิดเห็นที่ 3 มาถึงที่นี่ทั้งทีต้องหาโอกาสไปเยี่ยมชม Chateau de Chillon ซึ่งเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของสวิส วิธีไปก็ง่ายมาก ขึ้นรถบัสสาย 201 จากหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Chillon ได้เลย สะดวกมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง เพราะมองเห็นตัวปราสาทได้ตั้งแต่บนรถเลย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 10:57:08

ความคิดเห็นที่ 4 รอรถเมล์ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 10:57:59

ความคิดเห็นที่ 5 Chateau de Chillon เป็นปราสาทริมน้ำที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ด้วยทำเลที่อยู่บนเนินหินและโอบล้อมไปด้วยทะเลสาบรอบด้าน ถือเป็นชัยภูมิในการป้องกันข้าศึกที่มาทางน้ำได้เป็นอย่างดีทีเดียว จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:01:13

ความคิดเห็นที่ 6 บริเวณรอบนอกของตัวปราสาทสามารถมองเห็นวิว Lake Geneva ไปได้ไกลถึงฝรั่งเศสนู่นเลย แดดวันนี้ดีจริงจสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับสวยอย่าบอกใครเชียว จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:03:18

ความคิดเห็นที่ 7 สะพานไม้เล็กๆที่ทอดตัวไปในทะเลสาบ ดูแล้วให้ความรู้สึกแอบเหงาเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:04:33

ความคิดเห็นที่ 8 ตามสไตล์ของปราสาททั่วไปเป็นต้องมีป้อมปราการอยู่ นัยว่าเอาไว้เป็นหูเป็นตาของคนในปราสาท ที่นี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มีป้อมปราการขนาดใหญ่ตั้งอยู่สี่มุมพร้อมหอคอยสูงที่อยู่ตรงกลาง จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:06:05

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากโชว์บัตรเบ่งสวิสพาสแล้วก็ก้าวเท้าเข้าสู่ด้านในตัวปราสาทกันได้เลยค่ะ ช่วงที่เราไปกันเนี่ย ปราสาทเปิดให้เข้าชมระหว่าง 9-19 น. เวลาเปิด-ปิดจะเปลี่ยนไปแต่ละฤดูนะ ถ้าใครจะมา อย่าลืมเช็คให้ชัวร์ก่อนล่ะ เด๋ยวมาเก้อ ไม่รู้ด้วยนา อ้อ! อย่าลืมหยิบแผ่นพับที่วางไว้ตรงทางเข้าด้วยนะ เค้าแนะนำการเดินเที่ยวในปราสาทไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เดินตามลูกศรบอกได้เลยจ้า จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:06:48

ความคิดเห็นที่ 10 ประวัติศาสตร์ของที่นี่ย้อนอดีตไปเป็นพันปี แบ่งออกเป็น 3 ยุคคือ Savoy era, Bernese era, และ Vaudois era ตามสมัยของผู้ปกครองในแต่ละช่วง ในส่วนของงานที่จัดแสดงนั้น ยอมรับเลยว่าดูเป็นมืออาชีพมากๆ แบ่งเป็นแต่ละโซนให้เราค่อยๆเดินสำรวจกันไป ขอบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในอดีตจริงๆเลยหล่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:09:55

ความคิดเห็นที่ 11 ชั้นใต้ดินของที่นี่เป็นทั้งส่วนห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องบ่มไวน์ ไปจนถึงคุกขังนักโทษในอดีต แต่ส่วนที่ทำให้ Chateau de Chillon เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้น ต้องยกความดีความชอบให้กับ Lord Byron ผู้แต่งเรื่องThe prisoner of Chillon โดยใช้ส่วนคุกที่คุมขัง Bonivard เป็นฉากหนึ่งในบทกวีเรื่องนี้ บนผนังถ้ำยังมีชื่อของ Byron สลักติดไว้อยู่เลย แถมยังมีภาพเงาเคลื่อนไหวของ Bonivard บนผนังด้วย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:10:50

ความคิดเห็นที่ 12 ของที่ระลึกอย่างนึงของที่นี่คือไวน์ที่รู้จักกันในชื่อของ Clos de Chillon เป็นไวน์ที่ทำมาจากองุ่นที่ปลูกอยู่ริมกำแพงปราสาท สนใจก็ซื้อติดไม้ติดมือกันกลับไปได้ สนามหญ้าด้านนอกจัดเป็นบริเวณทานอาหารกลางแจ้งได้อย่างชิลๆ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:19:39

ความคิดเห็นที่ 13 ขอปาดเบาๆตามไปเที่ยวด้วยคนคะ ภาพสวยมากเลยคะ จากคุณ : ลุ๊งลิ๊ง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:21:21

ความคิดเห็นที่ 14 ในปราสาทนี้มีห้องโถงใหญ่อยู่ทั้งหมด 4 ห้องซึ่งสามารถมองออกไปเห็นวิวทะเลสาบได้ทั้งหมด ผนังห้องปูด้วยกระเบื้องสีดำสลับขาวให้ความอบอุ่น ช่วยเจริญอาหารได้ดีจริงๆ ถ้าใครสนใจก็สามารถมาจัดงานเลี้ยงหรือสัมมนาในนี้ได้นะ รับรองเก๋ไก๋ไม่มีใครเหมือนแน่นอน จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:23:03

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ คุณลุ๊งลิ๊ง จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:24:15

ความคิดเห็นที่ 16 เหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่า ปราสาทต้องคู่กับหอคอย แล้วบนหอคอยทุกที่ก็ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมของแต่ละเมืองเลยก็ว่าได้ ที่นี่ก็เช่นเดียวกัน วิวจากหน้าต่างมุมสูงสวยขนาดไหน ลองดูด้วยตาตัวเองเลยค่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:25:38

ความคิดเห็นที่ 17 .... จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:27:44

ความคิดเห็นที่ 18 เดินวนกันในปราสาทจนท้องเริ่มร้อง ว่าแล้วก็นั่งรถกลับมาหาอะไรกินกันแถบสถานี Montreux ดีกว่า เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดกันเรียบร้อยแล้วก็มาเดินเลียบริมทะเลสาบกันต่อเลยค่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:28:43

ความคิดเห็นที่ 19 รูปปั้น Freddie Mercury ยืนเด่นเป็นสง่าหันหน้าออกไปทางทะเลสาบ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาถ่ายรูปด้วย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:30:11

ความคิดเห็นที่ 20 คนที่นี่คงมีอารมณ์ขันใช่เล่น ดูได้จากตัวการ์ตูนที่ตกแต่งอยู่บนสนามหญ้าริมทะเลสาบ จำกันได้มั้ยคะเนี่ย  Barbapapa ตุ๊กตาที่เปลี่ยนร่างได้สารพัดอย่าง จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:37:37

ความคิดเห็นที่ 21 มองเธอแล้วก็ให้ว้าเหว่ ก็เลยเตร็ดเตร่ไป Vevey กันต่อ นั่งรถไฟแค่อึดใจเดียวก็มาถึงแล้ว ที่ vevey นี้ยังจัดอยู่ในแถบสวิสริเวียร่าเช่นเดียวกับ Montreux แต่ที่เก๋กว่าก็คือที่นี่มีไร่องุ่นที่เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกอยู่ด้วย จากหน้าสถานีรถไฟให้เดินข้ามถนน Avenue De La Gare ไปทางชายฝั่งตรงบริเวณจัตุรัส Place du Marche จัตุรัสที่ว่านี้ถือเป็นตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ติดอันดับโลกเลยนา จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:38:50

ความคิดเห็นที่ 22 เดินชมวิวเลียบทะเลสาบเป็นการเรียกน้ำย่อยกันก่อน ฟุตบาธริมทางตกแต่งไว้ด้วยดอกไม้หลากสี สมกับเป็นเมืองตากอากาศจริงๆ รับกับบรรยากาศฤดูร้อนสุดๆไปเลย ลัดเลาะไปทางทิศตะวันตกกันต่อ พอเริ่มจะเหนื่อยสายตาก็วิ่งไปชนเข้ากับประติมากรรม “ส้อมยักษ์” ที่ปักอยู่ในน้ำกลางทะเลสาบ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:40:59

ความคิดเห็นที่ 23 หันหน้ากลับมาก็เจอกับรูปปั้นของ Charlie Chaplin ตั้งอยู่กลางสวนกุหลาบขนาดย่อม ดาราตลกชาวอังกฤษผู้นี้มาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นี่ ชาวเมืองก็เลยสร้างรูปปั้นไว้เป็นที่ระลึกถึง จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:42:21

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องบอกก่อนว่า ตอนแรกพวกเราไม่ได้มีความคิดจะเข้าพิพิธภัณฑ์เลยสักนิด แต่สายตาเจ้าปัญหาดันเหลือบไปเห็นโปสเตอร์ที่เรียกความสนใจด้วยรูปอาหารสีสันแสบตา นั่นก็เลยเป็นที่มาให้พวกเราก้าวเท้าเข้าไปเยี่ยมชม Alimentarium ซึ่งก็คือ พิพิธภัณฑ์ Nestle ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของรูปปั้น ที่สำคัญใช้สวิสพาสเข้าฟรีด้วยล่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:46:47

ความคิดเห็นที่ 25 ไปเที่ยวสวิสด้วยค่ะ เป้าหมายทริปต่อไป จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:49:55

ความคิดเห็นที่ 26 ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน แบ่งเป็นหลายโซนให้เลือกเดินชมตามความสนใจ ห้อง “Coca-Cola” มีขวดโค้กสารพัดแบบให้ชม บางอันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลยอ่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:54:56

ความคิดเห็นที่ 27 cheer ครับคุณแม่ติดเน็ท จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:55:55

ความคิดเห็นที่ 28 ห้อง “ลูกอม” สังเกตดีๆจะเห็นทอฟฟี่ของบ้านเราด้วยนา แอบภูมิใจที่ลูกอมไทยมาไกลถึงที่นี่ 555 ว่าไปนั่น จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:57:24

ความคิดเห็นที่ 29 ห้อง “ปลากระป๋อง” ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะมีปลากระป๋องให้เลือกเยอะขนาดนี้ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:00:29

ความคิดเห็นที่ 30 ห้อง “น้องวัว” แยกให้ดูเลยว่าแต่ละส่วนของน้องวัวหนึ่งตัว เอาไปปรุงอาหารประเภทไหนถึงจะเหมาะ  บอกไว้แม้กระทั่งราคาขายด้วย สุดยอด จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:01:36

ความคิดเห็นที่ 31 โปรแกรมของเรายังไม่หมดสำหรับวันนี้ หลังออกจากพิพิธภัณฑ์ เรามุ่งหน้ากลับไปที่สถานีรถไฟกันใหม่เพื่อนั่งรถไฟสายท้องถิ่น S1 ไปลงที่สถานี Rivaz จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:02:43

ความคิดเห็นที่ 32 เพียงแค่ข้ามมาอีกด้านจากตัวสถานีก็จะเห็นไร่องุ่นสีเขียวทอดยาวไปไกล แต่ที่น่าเสียดายคือ ดูเหมือนเป็นต้นองุ่นที่เพิ่งลงได้ไม่นาน ยังไม่มีเถาองุ่นสวยๆให้เห็น ไอ้เราก็นึกว่าเข้าไปดูด้านในได้ก็เลยปีนบันไดกันขึ้นไปข้างบน แต่พอทำท่าจะก้าวเข้าไปเท่านั้นละ ก็เห็นคุงป้าตะโกนโหวกเหวก (ที่สำคัญคือฟังไม่รู้เรื่องอะ (._>)”) พร้อมทำไม้ทำมือประมาณว่า ‘ห้ามเข้านะเฟ้ย นี่มันเขตส่วนตัว’ ก็เลยรีบหลบฉากกันออกมาแทบไม่ทัน เกือบไปแล้วมั้ยล่ะเนี่ย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:04:20

ความคิดเห็นที่ 33 ถึงคุงป้าไม่ให้เข้า แต่เราก็ไม่หมดความพยายามกันหรอก เดินขึ้นไปบนเนินกันต่อก็ได้ ไร่องุ่นที่นี่กว้างจริงจังแหะ ปลูกลดหลั่นกันไปแบบขั้นบันได เรียกได้ว่าปลูกกันเป็นอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ เก็บเกี่ยวได้ก็เอามาทำไวน์ ครบวงจรจริงๆยกนิ้วให้เลยล่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:08:05

ความคิดเห็นที่ 34 แดดวันนี้แรงมากมาย ขนาดตอนนี้ปาเข้าไปเกือบหกโมงครึ่งแล้ว ฟ้ายังสว่างจ้าอยู่เลย เดินให้แดดเลียกันจนเริ่มหมดแรงก็ค่อยๆกลับลงมาพื้นราบกันใหม่ เฮ้อ!สังขารมันไม่เที่ยงจริงๆ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:09:40

ความคิดเห็นที่ 35 จาก Rivaz เรากลับไปเอากระเป๋ากันที่สถานี Lausanne แล้วต่อไปยัง Geneva ซึ่งเป็นที่พักคืนสุดท้าย คิดแล้วก็ใจหายนะ เผลอแป๊บเดียวเอง เหลือวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วหรอเนี่ย แงๆ อยากอยู่เที่ยวต่อจัง (T.T) จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:13:24

ความคิดเห็นที่ 36 ‘ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา’ คำกล่าวนี้ยังเป็นจริงอยู่เสมอ เฮ้อ! และแล้วเข็มนาฬิกาก็หมุนผ่านมาจนถึงวันสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนแห่งความฝันจนได้      ตื่นเช้ามากับความรู้สึกแอบเศร้าเล็กๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ต่ออีกน่ะสิ เปิดผ้าม่านมองออกไปนอกห้องก็ให้แปลกใจที่ฟ้ายังสลัวอยู่ทั้งๆที่เวลาปาเข้าไปแปดโมงกว่า ใช่แล้ว ฝนเพิ่งซาไปไม่นาน สงสัยแอบเศร้ากับพวกเราด้วยเหมือนกัน (อิอิ แอบเข้าข้างตัวเอง T.T)     วันสุดท้ายในสวิสขอให้เวลาเต็มที่ใน Geneva เลยละกัน แน่ล่ะ ก็ต้องขึ้นเครื่องกลับที่นี่ แถมสวิสพาสก็หมดวันใช้งานแล้ว ก็เลยไปไหนไกลกว่านี้ไม่ได้แล้วน่ะสิ โชคดีที่ทางโรงแรมมีบัตรขึ้นรถบัสฟรีให้ใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราใช้การเดินกันเป็นหลักค่ะ จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:15:45

ความคิดเห็นที่ 37 จากตัวโรงแรม Cristal Design เดินเข้าสู่ถนน Rue de Mont Blanc ซึ่งทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยร้านขายนาฬิการสารพัดแบรนด์ให้เลือก แต่เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ร้านค้าก็เลยหยุดกันเป็นส่วนใหญ่ เดินไปจนสุดถนนก็จะเจอกับสะพานขนาดใหญ่ที่ทอดข้าม Lake Geneva มองไปทางด้านซ้ายก็เจอกับน้ำพุ Jet d’Eau ซึ่งเป็นสัญลักษณ์คู่เจนีวามากว่าร้อยปีแล้ว น้ำพุนี้ส่งสายน้ำพุ่งสูงเสียดฟ้าถึง 140 เมตรเชียวนะ แรงได้แรงดีจริงๆ เดินกันได้ไม่เท่าไร ฝนก็เทกันลงมาอีก โอ๊ย! อะไรกันนักกันหนาเนี่ย (._.)”” ทำเอาฟ้าที่มัวซัวอยู่แล้วกลายเป็นครึ้มหนักกว่าเดิมอีก แถมวันนี้เราดันไม่ได้เอาเสื้อกันฝนออกมาด้วย นี่แหละน้า พอไม่พกออกมาฝนก็ตกเชียว จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:20:22

ความคิดเห็นที่ 38 เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของเขตเมืองเก่าพร้อมหาที่กำบังฝนไปในตัวกันไปเรื่อยๆจนมาถึงด้านหน้าของ Saint Peter’s Cathedral เข้าจนได้ ยังค่ะ ยังไม่หมด ดูท่าว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของพวกเราเลยจริงๆ ตอนที่ไปถึงนั้นยังเพิ่ง 10 โมงกว่าๆเค้ายังทำพิธีกันในโบสถ์อยู่ ก็เลยเข้าไม่ได้ ทำให้ต้องเตร็ดเตร่กันต่อท่ามกลางละอองฝนที่โปรยปรายลงมา จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:22:23

ความคิดเห็นที่ 39 เจ้าหน้าที่แถวนั้นเลยแนะนำให้เราไปเดินเที่ยวหอศิลป์เป็นการฆ่าเวลากันก่อน หอศิลป์ที่ว่านี้อยู่ไม่ไกลจากโบสถ์เท่าไหร่ แต่เราก็เดินมึนกันไปมาหลายรอบเหมือนกันกว่าจะหาเจอ ด้านในของ Musee d’ Art et’ Histoire มีศิลปะวัตถุโบราณจัดแสดงอยู่ แต่โดยรวมแล้วดูไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเท่าไร จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:26:02

ความคิดเห็นที่ 40 ราวๆเที่ยงเราก็ยกขบวนกลับมาที่ Saint Peter’s Cathedral กันใหม่ มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1160 ใช้เวลาสร้างเกือบร้อยปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ แล้วก็มีการบูรณะต่อเติมกันมาเรื่อยๆ แต่เดิมนั้น Saint Peter’s Cathedral เป็นวิหารนิกายโรมันคาทอลิก แล้วเปลี่ยนเป็นของโปรแตสแตนท์ในปี 1536 เลยทำให้ความอลังการของโบสถ์แบบคาทอลิกถูกตัดทอนออกไป เหลือไว้แต่ความเรียบง่ายสไตล์โปรแตสแตนท์แทน จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:28:00

ความคิดเห็นที่ 41 หน้าต่างกระจกสี หนึ่งในของตกแต่งอันน้อยนิดภายในโบสถ์ เชิงเทียนวงกลมที่แขวนอยู่ตามมุมต่างๆช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นขึ้นเยอะเลย สิ่งที่น่าสนใจในโบสถ์อีกอย่างก็คือ “Chalvin’s chair” หรือ เก้าอี้ของคาลแวงซึ่งเป็นนักปฏิรูปศาสนาที่เปลี่ยนให้ชาวสวิสหันมานับถือนิกายโปรแตสแตนท์แทนคาทอลิก จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:31:05

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้ายังมีแรงเหลือเฟือแล้วละก็ แนะนำให้เดินขึ้นบันได 157 ขั้นเพื่อไปชมวิวมุมสูงของเจนีวากันดู แต่พวกเราไม่ได้ขึ้นไปหรอกนะ ไม่ใช่ว่าแรงไม่มี แต่ว่าฟ้าฝนมันไม่เป็นใจเลยต่างหาก จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:32:43

ความคิดเห็นที่ 43 นั่งสงบจิตสงบใจกันพอควรก็แล้ว ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย ไม่ได้การละ ว่าแล้วก็ตัดสินใจฝ่าสายฝนกันออกมาหาอาหารกลางวันที่เลยไปเกือบบ่ายสองกันดีกว่า ร้านรอบๆโบสถ์ต่างถูกจับจองที่นั่งไปหมดแล้ว ก็เลยต้องซอกแซกกันไปต่ออีกหน่อย แล้วมาจบลงที่คาเฟ่เล็กๆริมทางเดินกับแซนด์วิชและเครื่องดื่มร้อนๆพอให้หายหิวไปได้หน่อย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:34:06

ความคิดเห็นที่ 44 รูปสวยมากค่ะ จากคุณ : albatross11 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:34:55

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่รู้ว่ามีพายุเข้าหรือไงนะเนี่ย ฝนถึงตกได้ตกดีขนาดนี้ ไม่มีวี่แววว่าจะซาลงเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้โปรแกรมที่จะไปเดินเที่ยวสวน Jardin Anglais เรื่อยไปถึงนาฬิกาดอกไม้ น้ำพุ Jet d’Eau แบบใกล้ชิด เป็นอันต้องพับไปโดยปริยาย เฮ้อ! เสียดายจัง พวกเราเลยตัดสินใจขึ้นรถบัสดูวิวผ่านกระจกรถแล้วกลับไปตั้งหลักที่โรงแรมกันก่อน       ผึ่งพุง นั่งๆนอนๆรอเวลาไปสนามบินกันอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมจนราวๆ ห้าโมงกว่าก็เคลื่อนขบวนกันไปสนามบินต่อ จากสถานี Cornavin ที่อยู่ติดโรงแรมใช้เวลาแค่สิบนาทีกว่าๆก็มาถึง Geneva Aeroport เป็นที่เรียบร้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วสินะ ที่พวกเราจะต้องไปจากที่นี่กันแล้ว ความรู้สึกมันบอกไม่ถูกน่ะ เวลา 9 วันที่ผ่านมาช่างเป็นความทรงจำที่ดีจนเกินจะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้หมด ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันนะคะ หวังว่าคงได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก แต่ตอนนี้คงต้องกลับไปทำงานหาตังมาตุนไว้เป็นเสบียงสำหรับเที่ยวคราวหน้าก่อนแล้วล่ะ Bye ค่ะ > (^o^)< // " Miss you so much, Switzerland - sweet of Swiss " จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:39:22

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับ K.albatross จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:41:12

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณค่ะ ภาพสวยมาก จนอยากไปเที่ยวบ้างจัง ^^ จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:36:23

ความคิดเห็นที่ 48 มาเที่ยวสวิสด้วยค่ะ   ชอบสวิสเหมือนกันเลยค่ะ จากคุณ : ป้าปุ๊ (thai orchid) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:52:50

ความคิดเห็นที่ 49 สวย  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:58:56

ความคิดเห็นที่ 50 มาเที่ยวแบบ sweet sweet ด้วยคนค่า :) จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 16:15:43

ความคิดเห็นที่ 51 มาชมตอนจบด้วยครับ สวิส ประทับใจทุกคนที่ได้ไปเยือน ขอบคุณครับ กิฟหมด ขออภัย จากคุณ : ฟองสบู่ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 16:50:10

ความคิดเห็นที่ 52 สวยมากเลยครับ ขอบคุณนะครับสำหรับรีวิว จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 18:53:57

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณทุกท่านเช่นเดียวกันครับ ที่ร่วมติดตามจนถึงตอนสุดท้าย จากคุณ : Masaru Kung (Smiley2011) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 22:51:05

ความคิดเห็นที่ 54 กลับไปดูตอนเก่า เจอ Coop ปิดเหมือนกัน  อะไรจะปิดเร็วขนาดนั้น ยังดีมาม่าเหลือ จากคุณ : tan_www เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 07:58:27

ความคิดเห็นที่ 55 เป็นประเทศที่ไปแล้วอยากกลับไปอีกมากๆเลยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 11:43:00

ความคิดเห็นที่ 56 ดูแบบกระโดดจากตอนที่1-2-3-8-9แบบเร็วๆแค่นี้ก็พอปลุกความคิดถึงยุโรปแล้ว ผมอยู่เยอรมันสิบกว่าปีอายุหกสิบกว่าแล้วอยากหาเพื่อนเที่ยวแชร์ค่าใช้จ่ายกัน เป็นคู่สามีภรรยาอายุมากหน่อยรวมกันได้สัก6คน ผมจะเสนอโปรแกรมท่องเที่ยว10-15วันในเดือนพฤษภาคม2013 นอนโรงแรมไม่แพงเดินทางด้วยรถตู้(เช่า)ผมขับเอง เอาแค่เยอรมัน-ออสเตรีย-สวิสก็พอ เที่ยวแบบประหยัดแต่กินดีนอนดี ไม่เหนื่อย มีใครสนใจไหมครับ จากคุณ : sajako (Sajako) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 11:23:42