ความคิดเห็นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2553 ได้มีการบูรณะกำแพงและประตูพระนารายณ์ราชนิเวศน์โดยเริ่มจากกำแพงวังฝั่ง ตะวันตกฝั่งท่าขุนนาง โดยกรมศิลปากร ลักษณะของการบูรณะโดยการสกัดปูนเก่าที่ฉาบมาแต่เดิมเมื่อ 344 ปีก่อน แล้วทำการโบกปูนใหม่แล้วทาสีขาวทับ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553 นายภูธร ภูมะธน ประธานชมรมอนุรักษ์โบราณวัตถุสถานและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลพบุรี เปิดเผยกรณีสำนักศิลปากรที่ 4 ทำการบูรณะกำแพงพระนารายณ์ราชนิเวศน์อายุ 344 ปี ว่า การบูรณะดังกล่าว ไม่คำนึงถึงหลักวิชาการในการอนุรักษ์โบราณสถาน คือมีการสกัดปูนเก่าลวดลายดั้งเดิมออกทั้งหมด ทุบและโบกปูนสีขาวเกลี้ยงทับเสมือนสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งทางชมรมเห็นว่า กำแพงพระนารายณ์ราชนิเวศน์ มีคุณค่าด้วยความเป็นโบราณสถานร้าง ดังนั้นการบูรณะควรเป็นแบบรักษาคุณค่าความเก่าแก่มากกว่าการสร้างขึ้นมาใหม่ ด้วยการโบกปูนทับ จึงยื่นหนังสือคัดค้านไปหลายครั้ง แต่ไม่สามารถหยุดยั้งได้เพราะกรมศิลปากรยืนยันว่าบูรณะอย่างถูกต้องแล้ว จึงเห็นว่าเป็นการบูรณะโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากภาคประชาชน กรมศิลปากรยืนยันว่าการบูรณะนั้นเป็นไปตามหลักการและถูกต้อง เนื่องจากภายในกำแพงพระนารายณ์ราชนิเวศน์มีพิพิธภัณฑ์ จึงจัดว่าเป็นโบราณสถานที่ยังมีชีวิต หรือมีประโยชน์ใช้สอยอยู่ การบูรณะจึงต้องทำให้เกิดความมั่นคง แข็งแรงตามหลักฐานที่ปรากฏ ก่อนเริ่มบูรณะได้มีการศึกษารูปแบบ เทคนิค วิธีการสร้าง พร้อมทั้งศึกษาประวัติความเป็นมา จึงทราบว่าโบราณสถานแห่งนี้ได้ถูกซ่อมแซมและบูรณะมาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา และมีการใช้ปูนซีเมนต์ในการบูรณะกว่าร้อยละ 70 ซึ่งตามหลักการแล้วปูนซีเมนต์ไม่ควรนำมาบูรณะโบราณสถาน เพราะก่อให้เกิดความเค็มและผุกร่อนได้ง่าย จึงต้องมีการสกัดปูนฉาบเก่านั้นออกให้หมด และฉาบด้วยปูนหมักที่มีส่วนผสมของซีเมนต์ กระดาษสา และทราย เป็นต้น เพื่อแก้ปัญหาการผุกร่อน (จาก wikipedia.org) …………………………………………………… เราเดินเลียบกำแพงด้านข้าง ได้เห็นกำแพงที่บูรณะแล้วทาสีขาวจั๊วะเทียบกับกำแพงที่ยังไม่ได้บูรณะ ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก ด้านที่บูรณะแล้วเหมือนใครมาสร้างกำแพงเกะกะขวางถนน อีกด้านเหมือนถนนขวางกำแพงอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:40:55

ความคิดเห็นที่ 2 กำแพงด้านหน้าที่อยู่ตรงข้ามกับตลาดสด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:41:39

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อผ่านประตูเข้าไป จะเห็นเรือนไม้สองชั้นสวยงามหลังนี้ใช้เป็นสำนักงานพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:43:58

ความคิดเห็นที่ 4 ทางเดินปูอิฐมอญ ปลูกไม้ประดับและไม้ใหญ่ร่มรื่น จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:49:21

ความคิดเห็นที่ 5 ที่สนามหญ้าอันกว้างใหญ่ทางซ้ายมือของทางเดิน เป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก มีหมู่อาคารโบราณตั้งอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:50:57

ความคิดเห็นที่ 6 อาคารแรกนี้ คือ ตึกเลี้ยงรับรองแขกเมือง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:51:35

ความคิดเห็นที่ 7 ทางด้านหน้า มีฐานอิฐหลงเหลือให้เห็นว่าเป็นตึกหลังเล็ก ๆ คงจะเป็นโรงมหรสพ  ซึ่งมีการแสดงให้แขกเมืองชมภายหลังการเลี้ยงอาหาร สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตฝรั่งเศส ณ สถานที่แห่งนี้ในปี พ.ศ. 2228 และ พ.ศ. 2230 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:52:09

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางอุทยาน รอบตึกมีคูน้ำล้อมรอบ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:52:53

ความคิดเห็นที่ 9 จากด้านหลัง จะเห็นว่าคูน้ำโอบเกือบรอบตัวอาคาร อย่าไปมองท่อและก๊อกน้ำนะครับ จะเสียจินตนาการไป อิ อิ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:53:35

ความคิดเห็นที่ 10 กลับมาด้านหน้าอีกครั้ง โดยดั้งเดิมแล้วภายในคูมีน้ำพุเรียงรายได้ระยะ 20 จุด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:54:37

ความคิดเห็นที่ 11 ตึกพระเจ้าเหา ตึกหลังนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้อย่างชัดเจนมาก   เป็นตึกที่สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร ยกพื้นสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ตัวตึกเป็นรูปทรงไทย ฐานก่อด้วยศิลาแลง แล้วจึงก่อด้วยอิฐขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:56:04

ความคิดเห็นที่ 12 ประตูหน้าต่างทำเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ด้วยเหตุว่าภายในตึกมีฐานชุกชีปรากฏให้เห็นอยู่ และชาวฝรั่งเศสได้ระบุว่าเป็นวัด จึงสันนิษฐานว่าเป็นหอพระประจำพระราชวัง ในตอนปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเพทราชาและขุนหลวงสรศักดิ์ ใช้ตึกพระเจ้าเหาเป็นที่นัดแนะประชุมขุนนาง เพื่อแย่งชิงราชสมบัติ ขณะที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระประชวรหนัก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:57:58

ความคิดเห็นที่ 13 ตึกสิบสองท้องพระคลัง  หรือ พระคลังศุภรัตน์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:58:32

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นตึกที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างตึกเลี้ยงรับรองแขกเมือง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:59:15

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นอาคารที่สร้างอย่างมีระเบียบด้วยอิฐเป็น 2 แถว ยาวเรียงชิดติดกันรวม 12 หลัง  มีถนนผ่านกลาง ใช้เป็นที่เก็บของและสินค้าของหลวงก่อนที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงโปรดให้เบิกผ้าจากพระคลังศุภรัตน์ให้ข้าหลวงใส่บวชก่อนที่พระองค์จะสวรรคต ………………………………………………. ถนนที่อยุ่ระหว่างตึกสิบสองท้องพระคลังทอดตรงไปยังกำแพงชั้นกลางและประตูชั้นใน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:00:18

ความคิดเห็นที่ 16     ตามชมด้วยคน ขอบคุณครับ ปล.......DONE  จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:00:37

ความคิดเห็นที่ 17 มองจากประตูเขตพระราชฐานชั้นในผ่านช่องกำแพงออกไปยังตึกสิบสองท้องพระคลัง ที่เรียงรายอยู่สองฟากถนน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:01:52

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากครับคุณน้า Low Batt ที่ติดตามชมและช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ให้ ........................................ กำแพงที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์นี้ เจาะเป็นช่องเล็กๆ รูปโค้งแหลมคล้ายกลีบบัว สำหรับตั้งตะเกียงในเวลากลางคืน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:03:53

ความคิดเห็นที่ 19 กำแพงชั้นกลางอีกด้านหนึ่ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:04:35

ความคิดเห็นที่ 20 ทางเข้าไปยังส่วนของ โรงช้างหลวง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:05:09

ความคิดเห็นที่ 21 มองย้อนจากส่วนของโรงช้างหลวงกลับไป เห็นยอดตึกสิบสองท้องพระคลังโผล่พ้นกำแพงชั้นกลางขึ้นมา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:06:31

ความคิดเห็นที่ 22 โรงช้างหลวง  ตั้งเรียงรายเป็นแถวชิดริมกำแพงเขตพระราชฐาน สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2209 เป็นที่อยู่ของช้างหลวง สำหรับยืนโรง โรงละ 1 เชือก ซึ่งยังคงเหลือรากฐานโรงช้างนับได้ราว 10 โรง ใกล้ๆ โรงช้าง มีรากฐานอาคารเล็กๆ สำหรับเป็นที่พักอาศัยของควาญช้าง สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงเลี้ยงช้างไว้ใช้ในราชการจำนวนมาก และทรงใช้ช้างเป็นพาหนะสำหรับเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์ด้วย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:07:39

ความคิดเห็นที่ 23 ในบริเวณโรงช้างหลวง มีไม้ดัดเป็นรูปช้างน้อยด้วย น่ารักดี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:08:24

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพนี้เป็นประตูเขตพระราชฐานด้านทิศใต้ ช่องเล็กๆ สำหรับตั้งตะเกียงในพระราชวังนี้ มีทั้งหมดประมาณ 2,000 ช่อง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:08:57

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนของประตูนี้ จะเป็นพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:10:34

ความคิดเห็นที่ 26 พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ สร้างขึ้นในสมัยพระนารายณ์มหาราชเมื่อ พ.ศ. 2209 สำหรับเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:11:23

ความคิดเห็นที่ 27 บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า พระที่นั่งองค์นี้ตั้งอยู่ในพระราชอุทยานที่ร่มรื่น ทรงปลูกพรรณไม้ต่างๆ ด้วยพระองค์เอง หลังคาพระที่นั่งมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ที่มุมทั้งสี่ มีสระน้ำใหญ่สี่สระ เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:12:02

ความคิดเห็นที่ 28 สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงประชวรและเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:13:49

ความคิดเห็นที่ 29 ด้านทิศเหนือของพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ มีทางลาดขึ้นสู่ประตูเขตพระราชฐานชั้นในฝั่งเหนือ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:14:33

ความคิดเห็นที่ 30 ซุ้มประตูทุกซุ้มเป็นแบบจตุรมุข รูปทรงไทยประยุกต์ ดูร่วมสมัยจนไม่แน่ใจว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่ดั้งเดิมหรือเปล่า หรือว่าผมจะระแวงกรมศิลปากรมากไป อิ อิ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:15:07

ความคิดเห็นที่ 31 ขออภัยครับรูปที่แล้วใหญ่ไปหน่อย ลืมไปว่าเป็นรูปแนวตั้ง .................................................... เมื่อผ่านประตูเข้ามา จะเห็นพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทอยู่ตรงหน้า จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:17:13

ความคิดเห็นที่ 32 พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท   เป็นพระที่นั่งท้องพระโรง มียอดแหลมทรงมณฑป    ศิลปกรรมแบบไทยและฝรั่งเศสผสมผสานกัน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:18:20

ความคิดเห็นที่ 33 ประตูและหน้าต่างทำเป็นโค้งแหลมเหมือนอย่างอาคารอื่นๆ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:18:51

ความคิดเห็นที่ 34 ตรงกลางท้องพระโรงมีสีหบัญชรที่เสด็จออกเพื่อมีปฏิสันถารกับผู้เข้าเฝ้าฯ  ท้องพระโรงตอนหน้าสร้างแบบฝรั่งเศส ในจดหมายเหตุทูตฝรั่งเศสกล่าวพรรณนาพระที่นั่งองค์นี้ว่า ....ตามผนังประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งนำมาจากฝรั่งเศสเพดานแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจตุรัส 4 ช่อง ประดับด้วยลายดอกไม้ทองคำ และแก้วผลึกที่ได้มาจากเมืองจีนงดงามมาก…. จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:20:10

ความคิดเห็นที่ 35 เป็นพระที่นั่งที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จออกรับคณะราชทูต เซเวอลิเย เดอร์เซอร์ มอง ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตามบันทึกของบาทหลวงตาชารด์ ระบุว่า ....พระเจ้าแผ่นดินสยามประทับ ณ สีหบัญชร ที่สูงมาก การจะยื่นพระราชสาสน์ถวายให้ถึงพระองค์ท่านนั้น จำเป็นต้องจับคันพานที่ปลายด้าม และชูแขนขึ้นสูงมาก ซึ่งเมื่อพิจารณาเห็นว่าการถวายพระราชสาสน์ในระยะห่างมากนั้นเป็นการไม่สมพระเกียรติ โดยควรที่จะถวายให้ใกล้พระองค์มากที่สุด ราชทูตจึงจับพานที่ตอนบน และยื่นขึ้นไปเพียงครึ่งแขนแค่นั้น พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงทราบความประสงค์เหตุใดราชทูตจึงกระทำเช่นนั้น จึงทรงลุกขึ้นยืนพร้อมกับแย้มพระสรวล และทรงก้มพระองค์ออกมานอกสีหบัญชรเพื่อรับพระราชสาสน์ตรงกึ่งกลางทาง แล้วทรงนำพระราชสาสน์นั้นจบเหนือเศียรเกล้า อันเป็นการถวายพระเกียรติให้เป็นพิเศษ…. จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:21:58

ความคิดเห็นที่ 36 และจากบันทึกของ ราชทูตเซเวอลิเย เดอร์เซอร์ มอง ....แล้วข้าพเจ้าก็รับพระราชสาสน์จากมือของบาทหลวง เดอ ชัวซีย์ เพื่อที่จะถวายด้วยวิธีการที่ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจไว้เรียบร้อยก่อนแล้ว   เมอซิเออร์   คอนสแตนส์   ผู้ซึ่งมาด้วยกับข้าพเจ้า และกำลังคลานด้วยมือและเข่า เรียกข้าพเจ้าทำสัญญาณให้ยกแขนขึ้น เพื่อที่จะถวายพระราชสาสน์ให้กับพระองค์   อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูดและยืนนิ่งอยู่ พระองค์ทรงแย้มพระสรวลอยู่เป็นเวลานาน ทรงลุกขึ้นแล้วทรงก้มลงมาเพื่อรับพระราชสาสน์ในพาน   ทรงเอนองค์มาข้างหน้าจนเห็นพระวรกายทั้งหมด และขณะที่พระองค์ทรงรับพระราชสาสน์ไป ข้าพเจ้าก็โค้งต่ำอย่างนอบน้อม แล้วเดินกลับมายังที่.... ……………………………………………………………………… ภาพวาดตอนรับพระราชสาส์น ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:23:47

ความคิดเห็นที่ 37 มองจากสุดบันไดข้างสีหบัญชร ส่วนหลังของท้องพระโรงน่าจะเคยมีพื้นกระดานปูอยู่ ตอนนี้โล่งลงไปถึงพื้นข้างล่าง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:24:55

ความคิดเห็นที่ 38 ภาพที่แล้ว ถ่ายจากจุดที่หวานใจผมยืนอยู่ จะเห็นร่องเหนือคานที่รับพื้นไม้ชั้นบน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:25:32

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพใหญ่ไปอีกแล้ว ขอโทษครับ ……………………………….. มองจากมุมทางซ้ายของท้องพระโรงส่วนหลัง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:26:52

ความคิดเห็นที่ 40 บันไดทางขึ้นทางด้านหลังของพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:28:20

ความคิดเห็นที่ 41 ตามไปชมด้วยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:28:44

ความคิดเห็นที่ 42 บันไดกลางจะขึ้นไปได้ทั้งชั้นล่างและชั้นบนของพระที่นั่งฯ ประตูหน้าและหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์แบบไทย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:28:50

ความคิดเห็นที่ 43 ตามมาด้วยกันเลยครับคุณarmearn ....................................... ผนังด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่าง เจาะเป็นช่องเล็กๆ สำหรับตั้งตะเกียงในเวลากลางคืน เช่นเดียวกับที่ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐาน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:30:05

ความคิดเห็นที่ 44 นอกกำแพงด้านหลังพระที่นั่งฯ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:30:40

ความคิดเห็นที่ 45 ด้านข้างของท้องพระโรงส่วนหน้า จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:31:08

ความคิดเห็นที่ 46 ตึกพระประเทียบ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2399 สำหรับเป็นที่พำนักของข้าราชการบริหารฝ่ายในผู้ตามเสด็จ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:31:42

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นตึกชั้นเดียว 2 หลัง ก่อด้วยอิฐปูน 2 ชั้น มี 8 หลัง ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งในสมัยก่อนเป็นเขตหวงห้ามมิให้ผุ้ชายผ่านเข้ามาในเขตนี้เด็ดขาด บางหลัง อย่างเช่นหลังนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงวัตถุโบราณ ศิลปะลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:32:59

ความคิดเห็นที่ 48 พระพุทธรูปปางนาคปรก หลังจากตรัสรู้ได้ 6 สัปดาห์ ประทับใต้ต้นมุจลินท์ พญานาคแผ่พังพานบังฝนให้พระพุทธองค์ ศิลปะลพบุรี อายุราว พ.ศ. 1700 – 1800 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:38:30

ความคิดเห็นที่ 49 ตัวอย่างพระพิมพ์ และแม่พิมพ์พระพิมพ์ดินเผาสมัยทวารวดี พบที่ลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:39:08

ความคิดเห็นที่ 50 พระพิมพ์แบบต่างๆ ที่พบใน จ.ลพบุรี อายุราว พุทธศตวรรษที่ 11 – 14 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:39:40

ความคิดเห็นที่ 51 ภาชนะดินเผา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 2,500 – 3,000 ปี มาแล้ว ได้จากแหล่งโบราณคดีบ้านพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:40:09

ความคิดเห็นที่ 52 โบราณวัตถุก่อนประวัติศาสตร์ และยุคประวัติศาสตร์ตอนต้น อายุราว 2,000 – 3,000 ปี ได้จากแหล่งโบราณคดีบ้านท่าแค อ.เมือง จ.ลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:40:45

ความคิดเห็นที่ 53 ภาชนะดินเผา กระดูกสัตว์ ลูกกระสุนดินเผา ตราประทับ ตะกรันจากการถลุงทองแดง ฯลฯ ที่พบในลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:41:33

ความคิดเห็นที่ 54 ภาชนะดินเผา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 2,500 – 3,500 ปี ได้จากบ้านท่าแค จ.ลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:42:09

ความคิดเห็นที่ 55 ภาชนะดินเผา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พบที่บ้านซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ และจากแหล่งโบราณคดีบ้านโคกเจริญ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:42:40

ความคิดเห็นที่ 56 เครื่องประดับประเภทสร้อยคอ ต่างหู ลูกปัด แหวนนิ้วมือและแหวนข้อเท้า อายุราว 1,000 – 4,000 ปี พบจากแหล่งโบราณคดีต่างๆ ในจังหวัดลพบุรี และ จังหวัดนครสวรรค์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:43:15

ความคิดเห็นที่ 57 ภาชนะดินเผา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 2,500 – 3,000 ปี มาแล้ว ได้จากแหล่งโบราณคดีบ้านพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:43:47

ความคิดเห็นที่ 58 หลังศาลาหลังนี้ เป็นอาคารชั้นเดียวในหมู่ตึกพระประเทียบที่เป็นส่วนจัดแสดงวิถีชีวิตไทยภาคกลาง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:44:37

ความคิดเห็นที่ 59 มุมจัดแสดงเครื่องจักสาน และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากไม้ไผ่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:45:08

ความคิดเห็นที่ 60 เครื่องมือจับสัตว์น้ำ และภาชนะจักสานจากไม้ไผ่และหวาย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:45:40

ความคิดเห็นที่ 61 มุมช่างเหล็ก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:46:10

ความคิดเห็นที่ 62 ครัวไทยพื้นบ้านภาคกลาง เห็นตู้กับข้าวที่ขาต้องหล่อน้ำกันมด ดูคุ้นเคยมากเพราะเหมือนกับที่เคยใช้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:48:50

ความคิดเห็นที่ 63 ส่วนยุ้งฉางที่เก็บข้าว และครกกระเดื่องที่เคยได้ตำตอนไปเที่ยวบ้านญาติที่ทำนา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:49:33

ความคิดเห็นที่ 64 จำลองเรือนใต้ถุนสูงที่ใช้เป็นคอกวัวควายตอนกลางคืน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:50:10

ความคิดเห็นที่ 65 จำลองโถงกลางบ้าน แต่รู้สึกว่าของจะมากเกินไปหน่อย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:50:37

ความคิดเห็นที่ 66 พระบรมรูปของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในส่วนจัดแสดงความเจริญรุ่งเรืองในรัชสมัยของพระองค์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:51:06

ความคิดเห็นที่ 67 บรรยากาศภายในห้องจัดแสดงวัตถุโบราณในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:51:36

ความคิดเห็นที่ 68 ธรรมาสน์โกษาปานจากวัดเสาธงทอง เป็นธรรมาสน์ที่โกษาปานสร้างถวายวัดเสาธงทอง ไม้สลักเป็นลายกระจังขนาดใหญ่ดูเสมือนกระทงรองรับเรือนบุษบก และลายสลักอื่นๆ เป็นเอกลักษณ์การตกแต่งในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:52:06

ความคิดเห็นที่ 69 ธรรมาสน์ ได้จากวัดมณีชลขัณฑ์ ตำบลพรหมาสตร์ อ.เมือง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2525 มีคุณค่าทางศิลปกรรมด้วยมีรูปทรงบางโปร่งได้สัดส่วน ตกแต่งด้วยไม้สลักลายไทย ที่สำคัญคือลายพรหมพักตร์ที่ส่วนยอด และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้วยมีจารึกระบุชื่อผู้สร้าง และวัน เดือน ปี ที่สร้างคือวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย พ.ศ. 2225 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:52:41

ความคิดเห็นที่ 70 ตู้พระธรรมใบนี้สมเด็จฯ กรมดำรงราชานุภาพโปรดให้เก็บรักษาไว้ ณ หอสมุดแห่งชาติ ต่อมาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ขอนำมาจัดแสดงเมื่อ พ.ศ. 2520 เป็นตู้มีขาสี่เหลี่ยมสูง (เรียกขาหมู) เขียนลายรดน้ำปิดทองลายเทพนมก้านแย่งบนฝาตู้ทั้งสี่ด้าน ยอดเสาตู้กลึงไม้รูปหัวเม็ดประดับ ขอบบนของตู้จำหลักไม้ลายกระจังติดโดยรอบ ลักษณะดังกล่าวเป็นคุณสมบัติตู้พระธรรมที่นิยมทำกันครั้งสมัยอยุธบาตอนปลาย ส่วนสำคัญของตู้นี้คือมีแผ่นไม้ประดับระหว่างขาตู้สลักรูปฝรั่งผมยาวประกอบลาย สันนิษฐานว่าสร้างครั้งรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. 2199 – 2230 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:53:53

ความคิดเห็นที่ 71 หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ  สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งเสด็จบูรณะเมืองลพบุรี ประกอบด้วย พระที่นั่ง 4 องค์ คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นที่ประทับ พระที่นั่งวิสุทธิวินิจฉัย เป็นท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน พระที่นั่งไชยศาสตรากร เป็นที่เก็บอาวุธ พระที่นั่งอักษรศาสตราคม เป็นที่ทรงพระอักษร ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานให้เป็นศาลากลางจังหวัด ต่อมาเมื่อศาลากลางจังหวัดย้ายไปอยู่ที่เมืองใหม่ พระที่นั่งหมู่นี้จึงรวมกับพระที่นั่งจันทรพิศาล เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ ………………………………… ภายในห้ามถ่ายภาพครับ น่าเสียดายมากเพราะมีพระพุทธรูปศิลาศิลปะลพบุรี งามๆ หลายองค์ การจัดแสงก็สวยเหมาะกับการถ่ายภาพมาก อยากให้พิพิธภัณฑ์ทุกแห่ง อนุญาตให้ถ่ายภาพได้โดยห้ามใช้แฟลชเหมือนที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และ นครศรีธรรมราช จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:55:47

ความคิดเห็นที่ 72 ถ่ายภาพพระพุทธรูปศิลาที่สนามแทนก็แล้วกัน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:57:09

ความคิดเห็นที่ 73 ประตูเขตพระราชฐานชั้นใน จะขาวไปไหน คิดถึงสภาพก่อนบูรณะที่ดูเคร่งขรึม ขลัง เข้ากับหมู่อาคารเก่ามากกว่า จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:59:47

ความคิดเห็นที่ 74 เดินกลับไปยังทางออกซึ่งก็คือทางที่เข้ามากันนั่นเอง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:00:17

ความคิดเห็นที่ 75 เจอสาวน้อยลพบุรี 2 คนนี้ โพสท่าให้ถ่ายรูป มืออาชีพจริงๆ อิ อิ ขอลากันด้วยภาพสาวน้อยที่น่ารักภาพนี้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดู แสดงความเห็นและช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ ขอบคุณเว็บไซต์ที่เข้าไปหาข้อมูล   lopburi.mots.go.th และ  ezytrip.com จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:02:19

ความคิดเห็นที่ 76    จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:09:59

ความคิดเห็นที่ 77 ข้อมูลดี ภาพสวย ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : แม่ต้นไม้ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:09:37

ความคิดเห็นที่ 78 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ ถ่ายภาพสวยมากๆ จากคุณ : พลุไฟ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:20:48

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพสวยสุดๆ ไปเลยค่ะ.. จากคุณ : Arjaree_Pang เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:39:58

ความคิดเห็นที่ 80 ไปดูเองถึงที ยังเก็บรายละเอียดไม่เท่าชมรีวิวนี้เลย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เถาไอวี่ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:41:02

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณที่พาเที่ยวค่าาาา ไว้จะตามรอยไปตาม link ต่างๆค่ะ จากคุณ : ธารน้ำ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:41:09

ความคิดเห็นที่ 82 ตามไปลพบุรี ด้วยค่ะ จริง ๆ ไปบ้านพี่ชายก็ออกบ่อย ยังเที่ยวไม่ละเอียดเท่าคุณ splendour เลยค่ะ เก็บเข้าคลังกระทู้ให้แล้วนะคะ จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:41:51

ความคิดเห็นที่ 83 ตามมาดูภาพสวยๆค่ะ สีส้มๆของอาคารตัดกับสีเขียวๆสวยงามมากค่ะ แต่เพลียกับสีขาวเจิดจ้าไม่เข้าพวกของกำแพงเหมือนกัน (ซ่อมใหม่ๆขาวโอโม่กว่านี้) กรมศิลป์โดนด่าไปเยอะนะคะ หลังการบูรณะ แต่ก็ไม่ได้นำพาอะไร เพราะคิดว่าคงทำกับที่อื่นๆต่อไป เหมือนเค้าจะเข้าใจว่าการบูรณะคือการทำใหม่เท่านั้น แย่จริงๆ เก็บเข้าคลังกระทู้แล้วค่ะ จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:54:08

ความคิดเห็นที่ 84 น่าดีใจด้วยจริงๆที่น้องทั้งสองยังมีเรี่ยวมีแรงเดินท่องเที่ยวแบบนี้ ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปนานเท่านานนะคะ จะได้มีรีวิวดีๆ ทรงคุณค่ามาให้เราได้ติดตามกันอีก ของพี่ได้แต่เป็นการไปพักผ่อนจริงๆ ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนๆ เพราะต้องถนอมเข่าให้ได้นานที่สุดถ้าไม่อยากผ่าเปลี่ยนเข่า ทำหน้าที่แล้วจ้า   จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:55:48

ความคิดเห็นที่ 85 เป็นรีวิวที่มีสาระประโยชน์ทางประวัติศาสตร์ของไทยอันน่าภาคภูมิใจ ... แถมถ่ายรูปได้สวยด้วยนะครับ   ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ แบบนี้นะครับ . จากคุณ : คนไทยใจกว้าง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 13:48:17

ความคิดเห็นที่ 86 ตามมาเที่ยวพระนารายณ์ราชนิเวศน์ด้วยครับ.. รูปสวยจัง.. จากคุณ : kungpack เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 13:57:50

ความคิดเห็นที่ 87 นี่ก็อีกที่นึงครับที่ผมเล็งๆไว้นานแล้ว พับผ่าซิ ไม่มีโอกาสแวะซักทีหลายปีแล้ว ขอบคุณสำหรับบันทึกการเดินทางดีๆมากๆครับ จากคุณ : Mr.Cellophane เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 14:14:18

ความคิดเห็นที่ 88 คุณน้า Low Batt - ขอบคุณมากครับที่แวะเข้ามาอีกครั้ง คุณแม่ต้นไม้ - ขอบคุณมากครับสำหรับคำชม คุณพลุไฟ  - ตามมาด้วยกันเลยครับ ขอบคุณครับ คุณArjaree_Pang - ขอบคุณมากครับ สถานที่สวยด้วยตัวเองอยู่แล้วครับ คุณเถาไอวี่ - ขอบคุณมากครับที่เข้ามาดูและแสดงความคิดเห็น คุณธารน้ำ - ดีใจที่คุณธารน้ำสนใจตามอ่านครับ คุณคุณแม่ติดเน็ต - นานๆ ไปที ต้องเก็บกลับมาให้คุ้มครับ อิ อิ                          ขอบคุณมากครับที่ช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ให้ คุณapple a day - กรมศิลป์ทำตัวเป็นขุนนางหลงยุคอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ                         ขอบคุณมากครับที่ช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ให้ คุณเตี้ยอ้วนชวนไถล - ขอน้อมรับพรที่พี่มอบให้ครับ เป็นความหวังของผู้สูงวัยทุกคนนะครับ ผมว่า อิ อิ                              พี่เองก็เช่นกันรักษาสุขภาพนะครับ ขอบคุณมากครับที่ช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ให้ คุณคนไทยใจกว้าง - ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจที่มอบให้ คุณkungpack - ตามมาด้วยกันเลยครับ คุณMr.Cellophane - หาโอกาสไปนะครับ รับรองว่าวันเดียวไม่พอเที่ยวแน่ๆ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 14:47:18

ความคิดเห็นที่ 89 แวะมาซึมซับกับโบราณคดี... ภาพวังนารายณ์..ยังสวยมากเลยครับ ขอบคุณ จขกท.ที่พาชมครับ จากคุณ : moccavipkream เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:15:18