ความคิดเห็นที่ 1 อีกเหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนทำให้ผมอยากมาเที่ยวประเทศรัสเซีย เพราะได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับรัสเซียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองประเทศเริ่มมีความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่น ในยุคสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ จากภาพถ่ายทั้งสองพระองค์ที่เราเห็นกันอย่างคุ้นตา และพระเจ้าซาร์ทูลขอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถเป็นโอรสบุญธรรม ไปศึกษาต่อที่นครเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี พศ 2440 และด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศส่งผลให้ปัจจุบันคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า (เฉพาะวีซ่าประเภทท่องเที่ยวเท่านั้น) สามารถเข้าประเทศรัสเซียได้อย่างสบายโดยอยู่ได้ถึง 30 วัน รูปภาพ ..... มหาวิหารพระคริสต์ผู้ช่วยชีวิต (Cathedral of Christ the Savior = Храм Христа Спасителя) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:24:19

ความคิดเห็นที่ 2 พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระสหายสนิทของรัชกาลที่ 5 ทรงเคยช่วยประเทศไทยไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นในยุคล่าอาณานิคม ซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงรักเพื่อนอย่างล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เป็นอย่างมาก ดูจากครั้งที่รัชกาลที่ 5 เสด็จไปทรงมาขอความช่วยเหลือให้ช่วยพูดกับฝรั่งเศสที่ขณะนั้นอยากได้ประเทศไทยเป็นอาณานิคม ซาร์นิโคลัสที่ 2 เสด็จไปถึงฝรั่งเศส เพื่อพูดกับประธานาธิบดี เฟลิกซ์ โฟร์ ด้วยพระองค์เอง และยังสั่งให้หนังสือพิมพ์แพร่ภาพของพระองค์กับล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทั้งคู่ประทับอยู่เคียงกันกระจายไปทั่วยุโรป จนทำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษเกรงใจไม่กล้ายึดประเทศไทย ครั้งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนรัสเซียเมื่อต้นเดือน กรกฏาคม พศ 2550 พระองค์เสด็จมาทรงวางพวงมาลาไว้อาลัยแด่ซาร์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวที่มหาวิหารปีเตอร์แอนด์ปอล อีกด้วย รูปภาพ ..... วิหารเซนต์บาซิล (St. Basil Cathedral = Храм Василия Блаженного) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:24:55

ความคิดเห็นที่ 3 แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาเพียงแค่ 9 วันกับดินแดนที่เคยปิดประเทศมานานทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย และถึงแม้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอุปสรรคทำให้แผนการเที่ยวไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพอากาศที่เอาแน่นอนอะไรไม่ได้  ปัญหาการสื่อสารเพราะคนรัสเซียโดยเฉพาะที่กรุงมอสโควคนพูดภาษาอังกฤษได้น้อยและไม่มีป้าย Information ที่เป็นภาษาอังกฤษเลย ที่เซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กค่อยยังชั่วหน่อยเพราะเคยเปิดประเทศติดต่อกับทางยุโรปมาก่อน ทำให้ป้าย Information ต่างๆที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวมีภาษาอังกฤษกำกับ ผู้คนก็ค่อนข้างพูดภาษาอังกฤษได้   แต่อย่างไรก็ตามทริปนี้ก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจมาก ประทับใจกับความหรูหรางดงามอลังการของสถานที่แหล่งเที่ยว ชื่นชอบศิลปะรัสเซียออร์โธดอกซ์ที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เป็นความรู้สึกไม่ได้ต่างจากเที่ยวยุโรปเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะที่นครเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กแทบไม่ต่างกันกับยุโรปเลย รูปภาพ ..... พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof = Петергоф) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:25:47

ความคิดเห็นที่ 4 ด้วยความที่ได้ยินถึงความยากลำบากในการเที่ยวรัสเซียมามากพอสมควร ทริปนี้ผมจึงเลือกใช้บริการทัวร์ของคุณ ลี่ (Smiley) เป็นทัวร์กึ่ง Backpack กึ่งช่วยตัวเองครับ คุณลี่เคยพาลูกค้าไปเที่ยวรัสเซียมาหลายครั้งแล้วจึงมีประสบการณ์ ความรับผิดชอบเรื่องโปรแกรมเที่ยว การเดินทาง การจองตั๋วรถไฟ การซื้อบัตรหรือจองบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆทั้งหมดคุณลี่เป็นคนจัดการให้ พวกเราเองที่เป็นลูกทัวร์รับผิดชอบจองที่พัก และ ตั๋วเครื่องบิน เดินทางระหว่างวันที่ 10 - 19 สค 2012 ระยะเวลาเที่ยวทั้งหมด 9 วันเต็มครับ การไปกับคุณลี่ แม้จะได้รับความสะดวกในระดับหนึ่ง แต่เราก็ต้องทำการบ้านเรื่องสถานที่เที่ยวการค้นคว้าศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศรัสเซียก่อนการเดินทางก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทำอย่างยิ่ง รูปภาพ ..... ป้อมปีเตอร์แอนด์พอล (Peter and Paul Fortress = Петропавловская крепость) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:26:21

ความคิดเห็นที่ 5 การเดินทางไปเที่ยวรัสเซีย ปัจจุบันไม่มีความน่ากลัวแต่อย่างใด เพราะสหพันธ์รัสเซียและกลุ่มประชาคมรัฐอิสระต่างก็เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก จากกรุงเทพ มีสายการบินที่บินตรงสู่กรุงมอสโควอยู่ 2 สายการบินคือ การบินไทย กับแอโรฟลอต บินตรงออกจากกรุงเทพเพียง 3 วันในหนึ่งสัปดาห์คือ วันพุธ ศุกร์ และวันอาทิตย์ ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง โชคดีที่มีตั๋วโปรโมชั่นของการบินไทย ค่าโดยสารชั้นประหยัดราคาอยู่ที่ 31500 บาท รูปภาพ ..... อารามชีโนโวดิวิชี (Novodevichy Convent = Новодевичий Женский Монастырь) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:26:52

ความคิดเห็นที่ 6 สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวเที่ยวรัสเซีย ใบผ่านเข้าเมืองใบ ต.ม. อันนี้สำคัญมากๆขอย้ำ ใบที่ว่านี้คือใบผ่านเข้า-ออกเมือง หรือใบ ต.ม. เป็นใบสีขาวเล็กๆ ถ้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องไม่นำมาแจกให้ ก็ให้หยิบเองที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วกรอกให้เรียบร้อย ใบ ต.ม. แบ่งเป็นสองส่วน A และ B คือเป็นบัตรขาเข้า - ออกประเทศ ใบนี้ห้ามทำหายเด็ดขาดจนกว่าจะกลับบ้าน แนะนำว่าหลังจากเจ้าพนักงานตรวจแล้วคืนใบ ต.ม ให้กลับเรา ให้หา แม็ก มาเย็บติดกับหนังสือเดินทางไว้กันหาย เนื่องจากก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย ต.ม. รัสเซียเค้าจะเรียกตรวจ และเก็บคืนน่ะครับ รูปภาพ ..... The Annunciation Cathedral (Благовещенский собор) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:27:37

ความคิดเห็นที่ 7 การเดินทางจากสนามบิน Domodedovo (Домодедово) เข้าเมือง กรุงมอสโคว มีสนามบินนานาชาติอยู่ถึง 4 แห่ง ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเครื่องบินลงที่สนามบินไหน การบินไทยบินลงที่สนามบิน Domodedovo (Домодедово) การเดินทางเข้าเมืองทำได้ 2 วิธี   1) ใช้บริการรถไฟเข้าเมือง Aero Express (Аэроэкспресс) สะดวกสบาย (ราคาตั๋วประมาณ 300 รูเบิ้ลถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งจาก International Terminal จะมีป้ายบอกทางเดินไปขึ้นรถไฟ ให้เดินผ่านมาทาง Domestic Terminal ซื้อตั๋ว Aero Express ที่นี่ และแตะตั๋วตอนผ่านประตู (ตั๋วต้องเก็บไว้ให้ดีเพราะจะถูกเรียกตรวจอีกครั้งตอนอยู่ในรถไฟ) ลากกระเป๋าแล้วก็ขึ้นรถไฟได้เลย จากสนามบิน Domodedovo (Домодедово) ใช้เวลาเพียง 45 นาทีรถไฟจะมาถึงสถานีปลายที่ Paveletskaya (Павелецкая) ซึ่งเป็นสถานีร่วมกับสถานีเมโทรสีน้ำตาลสาย 5 และสีเขียวสาย 2 ชื่อสถานีเดียวกัน   2) ถ้าของไม่เยอะ จะเลือกขึ้นรถบัสคันใหญ่ๆก็ได้ (เดินออกมาจาก International Terminal) ราคา 80 รูเบิ้ล รถบัสจะมีป้ายตัวใหญ่ๆ เขียนตัว M สัญลักษณ์เมโทร และชื่อสถานีเมโทร Domodedovskaya (Домодедовская) รถบัสวิ่งมาสุดสายที่สถานี Domodedovskaya (Домодедовская) ก็เดินเข้าเมโทรได้เลย แล้วนั่งเมโทรสายสีเขียว (สาย 2) ต่อเข้าเมือง   ผมไม่แนะนำให้เลือกวิธีที่ 2 เพราะการนั่งรถบัส เราไม่สามารถคำนวณเวลาได้แน่นอนไม่เหมือนนั่งรถไฟ แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือเฟือจะทดลองนั่งดูก็ไม่ผิดกติกา ( Aero Express Website = www.aeroexpress.ru/en ) รูปภาพ ..... โบสถ์สมอลนี (Smolny Cathedral = Смольный собор) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:28:36

ความคิดเห็นที่ 8 การฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ สถานีรถไฟใหญ่ๆส่วนใหญ่มีที่ฝากกระเป๋าไว้บริการสำหรับคนที่ต้องการฝากกระเป๋า ทั้งนี้ที่ฝากกระเป๋าไม่ได้เป็นแบบตู้หยอดเงินทันสมัยแต่อย่างใด แต่เป็นห้องมีรั้วตาข่ายกั้นมิดชิด มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้า (ที่สถานี Paveletskaya Павелецкая มีที่บริการรับฝากกระเป๋ากว้างขวางมาก) ตรงจุดที่เจ้าหน้าที่นั่งอยู่(เจ้าหน้าที่นั่งอยู่ในรั้ว) เค้าจะเจาะรั้วให้เป็นช่อง มี 2 ขนาด ช่องใหญ่และช่องเล็ก ข้างบนช่องจะมีป้ายติดแสดงค่าบริการฝากกระเป๋าครับ วิธีการคือให้เรายกกระเป๋าใส่เข้าไปในช่องที่เค้าเจาะเปิดไว้ กระเป๋าขนาดใหญ่ให้เลือกใส่ช่องใหญ่ ขนาดเล็กให้ใส่ช่องเล็ก หลังจากจ่ายค่าบริการ(ไม่แพงประมาณหลักสิบถึงร้อยรูเบิ้ล) เจ้าหน้าที่จะให้บัตรรับกระเป๋าให้เราเก็บไว้มาแสดงตอนมารับกระเป๋าครับ ข้อควรระวังคือ ข้างบนป้ายนอกจากระบุราคาค่าฝากกระเป๋าแล้ว ยังระบุเวลาไว้ด้วยว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นเค้าพักตอนกี่โมง(มีหลายช่อง และมีเจ้าหน้าที่หลายคน) ให้ตรวจสอบให้ดีอย่ามารับช่วงตอนที่เค้าพักน่ะครับ ถ้าต้องการฝากกระเป๋าให้มองหาป้ายภาษารัสเซีย Камера хранения แปลว่าที่รับฝากกระเป๋าครับ รูปภาพ ..... โบสถ์หยดเลือด (Church of Our Savior on Spilled Blood = Церковь Спаса на Крови) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:29:12

ความคิดเห็นที่ 9 การใช้บริการรถไฟใต้ดิน หรือเมโทร เมโทรที่กรุงมอสโควเป็นอะไรที่ Amazing มากๆ โดยเฉพาะสถานีรถไฟที่อยู่ใต้ดินตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการมากๆ นอกจากเมโทรจะเป็นระบบ Mass Transit ใช้ขนคนได้วันละหลายล้านคนแล้ว ตัวสถานีที่อยู่ใต้พิภพยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวง สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในการใช้บริการเมโทรคือแผนที่รถไฟแบบสองภาษา เนื่องจากป้ายสถานีไม่มีภาษาอังกฤษกำกับ แต่เป็นภาษารัสเซียล้วนๆ ให้ใช้แผนที่รถไฟสองภาษาเปรียบเทียบเทียบตัวอักษรเอาครับ แผนที่สามารถสั่ง ดาวน์โหลด ที่นี่ครับ http://www.mosmetro.ru/documents/13014/moscow_metro.pdf รูปภาพ ..... สถานีเมโทรสายสีน้ำตาลสาย 5 สถานี Komsomolskaya (Комсомольская) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:29:42

ความคิดเห็นที่ 10 การซื้อตั๋วเมโทรให้มองหาเค้าท์เตอร์ขายตั๋วที่มีป้าย KACCA ราคาตั๋วเที่ยวเดียวอยู่ที่ 28 รูเบิ้ล 10 เที่ยว 265 รูเบิ้ล และ 20 เที่ยว 520 รูเบิ้ล ตั๋วแบบ 10/20 เที่ยวที่มอสโคว มีอายุนับจากวันใช้งานครั้งแรก 45 วันครับ เวลาซื้อตั๋วให้บอกเจ้าหน้าที่ว่า  "นา เดสิท" (สิบเที่ยว) หรือ "นา ดวาทสัท" (ยี่สิบเที่ยว) ง่ายๆแบบนี้ครับ หรือจะใช้วิธีเตรียมเงินให้พอดีแป๊ะยื่นให้เจ้าหน้าที่ครับ ตั๋วแบบสิบเที่ยว หรือยี่สิบเที่ยว สามารถใช้ร่วมกันได้ เวลาใช้ให้นำตั๋วซึ่งเป็นบัตรแข็งนำมามาแตะที่เครื่องอ่านตรงทางเข้า ถ้าไปกันหลายคนและต้องการใช้ตั๋วร่วมกัน ก็ให้เพื่อนเป็นคนยืนแตะที่เครื่องอ่าน แตะหนึ่งครั้งพอไฟเขียวขึ้นก็ให้เพื่อนที่รอเดินผ่านเข้าไป ทำอย่างนี้ทีละคนครับ หลังจากใช้บัตรแตะที่เครื่องที่หน้าจอจะจะบอกว่าเหลืออีกกี่เที่ยว ส่วนขาออกไม่ต้องใช้บัตรแตะครับ ให้เดินออกมาได้เลย พวกเราเพลิดเพลินกับการใช้เมโทรมากๆเพราะสะดวกสบาย ข้อสำคัญราคาถูกด้วย เสียค่าบัตรเพียง 28 รูเบิ้ลก็สามารถนั่งรถไฟเที่ยวในระบบไปได้ทุกที่ตราบใดที่ยังไม่โผล่ขึ้นมาบนดิน Official website ของเมโทรในมอสโควครับ http://engl.mosmetro.ru/ รูปภาพ .....  พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจและพระราชวังฤดูหนาว (Hermitage and Winter Palace = Эрмитаж) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:30:17

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อควรระวังในการใช้เมโทร นอกจากหลีกเลี่ยงการใช้เมโทรช่วงชั่วโมงเร่งด่วนแล้ว สถานีรถไฟที่เป็นจุดตัดจุดเชื่อมของหลายๆสายจะมีชื่อสถานีต่างกันออกไป บางสถานีมีรถไฟ 4 ขบวนตัดกันเช่นที่สถานีบริเวณถนน Arbat มีทั้งหมด 4 ชื่อสถานี นอกจากจะต้องจำชื่อสถานีและสีของขบวนรถแล้ว ควรจำหมายเลขขบวนรถไว้เปรียบเทียบด้วย เพราะบางทีสีขบวนรถที่แสดงในแผนที่กับของจริงมันต่างกัน วิธีการลงไปรอรถไฟที่ชานชลาก็ไม่ยากแต่อย่างใด หลังจากแตะบัตรที่เครื่องอ่านแล้ว ให้เดินลงบันไดเลื่อน (ลงไปลึกมากไม่เลยลงบันไดเลื่อนที่ลึกมากแบบนี้มาก่อน) เมื่อลงมาจนสุดบันไดเลื่อนแล้วจะพบชานชลาที่มีรถไฟสองขบวนวิ่งสวนทางกันซ้ายและขวา (ชานชลาอยู่ตรงกลาง) หลังจากนั้นเราต้องเลือกว่าจะขึ้นรถไฟขบวนไหน ซ้ายหรือขวา ให้ดูที่ป้ายที่ติดอยู่ที่ผนังอุโมงค์ครับ ป้ายนี้จะแสดงชื่อสถานีทุกสถานีของแต่ละทิศทางที่รถไฟวิ่ง ถึงตอนนี้ก็ให้นำแผนที่ออกมาเทียบตัวอักษรเอาครับว่าสถานีที่เราจะไปอยู่ทิศทางไหน เวลาต้องการเปลี่ยนขบวนรถ เค้าก็จะมีป้ายบอกเป็นเบอร์และสีของขบวนรถครับ ให้ก็เดินตามลูกศรไปครับ ให้ดูให้ดีทั้งเบอร์และสีของขบวนรถครับ เพราะบอกไว้แล้วว่าบางทีสีอาจเพี้ยนได้แต่ตัวเลขขบวนยังไงก็ไม่เปลี่ยนครับ เวลาจะออกจากระบบขึ้นมาบนดิน ให้มองหาป้ายทางออกที่เขียนว่า Выход в город หรือ Выход на улицу ... (ออกสู่ถนน ...)  ไม่ก็ Выход เฉยๆ รูปภาพ ..... พระราชวังฤดูร้อนแคทเธอรีน (Catherine’s Palace = Екатерининский дворец) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:30:47

ความคิดเห็นที่ 12 การนั่งรถไฟจาก มอสโคว ไปเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เนื่องจากผมไม่ได้จองตั๋วรถไฟเอง คุณลี่เป็นคนจองให้ เราใช้บริการรถไฟ Red Arrow เป็นรถไฟตู้นอน กั้นเป็นห้องๆมีประตูเลื่อนปิดล๊อกได้อย่างมิดชิด ห้องละ 4 คนเป็นเตียงนอนสองชั้น รถออกจากมอสโควกลางดึก มาถึงเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กตอนเช้าครับ ประหยัดค่าโรงแรมไปได้หนึ่งคืน ตั๋วรถไฟมีหลายราคาให้เลือก ขบวนที่พวกเรานั่งเป็นตู้นอนแบบ Second Class ราคา 3,000 กว่าบาทต่อหนึ่งขาครับ ขากลับก็เป็นรถไฟตู้นอน Red Arrow เหมือนกันแต่ว่าราคาถูกลงประมาณ 2,000 กว่าบาท ขนาดของตู้นอนแคบกว่าตอนขามานิดหน่อยครับ Website แนะนำสำหรับการจองตั๋วรถไฟ http://eng.rzd.ru/ http://www.russiantrains.com/ http://www.waytorussia.net/Transport/ รูปภาพ ..... รถไฟตู้นอน Red Arrow วิ่งระหว่าง มอสโคว - เซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:31:24

ความคิดเห็นที่ 13 Shopping แหล่งซ๊อปปิ้งถนนคนเดินที่นิยมกันคือที่ถนน Arbat (Арбате) ที่ถนนเส้นนี้มีของขายทุกอย่าง ร้านขาย Souvenir ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต เรียกได้ว่ามาเดินที่ถนน Arbat (Арбате) แล้วได้ซื้อของครบทุกอย่างแน่นอน แต่ว่าราคาค่อนข้างแพงน่ะครับ มีอีกที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองมอสโควไปหน่อย เรียกว่าตลาด Izmailov Market (ตลาดอีสมายโลว่า) วิธีไปให้นั่งเมโทรสายสีน้ำเงินไปลงที่สถานี Partizanskaja (Партизанская) ออกจากสถานีแล้วเดินตามฝูงชนไป ตรงบริเวณทางเข้าตลาดจะมองเห็นเครมลินจำลองที่ทำจากไม้ ที่นี่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คนจะมาจับจ่ายซื้อของเยอะมาก ตลาดอีสมายโลว่า เปิดทุกวันแต่จะมีของมาขายมากวันเสาร์-อาทิตย์ และวันพุธที่เป็นวันขายส่ง วันธรรมดาเสียค่าเข้าตลาด 5 รูเบิ้ล  ส่วนเสาร์-อาทิตย์ 10 รูเบิ้ล  เมื่อมาที่อีสมายโลว่า แนะนำให้ลองชิมของปิ้งย่างอร่อยมาก ของฝากอย่างตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka) ก็มีให้เลือกซื้อมากมาย แต่ถ้าใครมีโปรแกรมไปเที่ยว Sergiev Posad (Сергиев Посад) ก็อยากแนะนำให้ไปซื้อที่ Sergiev Posad (Сергиев Посад) ครับ เพราะเป็นแหล่งผลิตตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka)   รูปภาพ ..... ตุ๊กตาแม่ลูกดก Matryoshka dolls จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:32:12

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อแนะนำเกี่ยวกับการทำโพยท่องเที่ยว เนื่องจากรัสเซียเค้าเพิ่งเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวบ้านเค้า ข้อมูลให้บริการด้านการท่องเที่ยวจึงยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ โดยเฉพาะพวกป้าย Information ต่างๆ ไม่มีภาษาอังกฤษเลย (ที่เซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยังพอมีบ้าง) ฉนั้นควรมีโพยระบุสถานที่ท่องเที่ยวเป็นภาษารัสเซียกำกับไว้ด้วย เผื่อไว้ใช้เวลาจำเป็นต้องถามทาง หรือไว้ใช้เปรียบเทียบตัวอักษรภาษารัสเซีย ในรีวิวนี้ผมพยายามใส่กำกับชื่อสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่เป็นภาษารัสเซียไว้ด้วยน่ะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังค้นหาข้อมูล เช่น ท่าอากาศยาน Domodedovo ( Домодедово ) สถานีรถไฟ Leningradsky ( Ленинградский ) วิหารเซนต์บาซิล St. Basil Cathedral ( Храм Василия Блаженного ) ศาสนสถานเซอร์เกอเยฟ โปสาด Sergiev Posad ( Сергиев Посад ) ป้ายทางออก EXIT ( Выход в город หรือ Выход на улицу ) ป้ายสำหรับที่ฝากกระเป๋า ( Камера хранения ) โบสถ์หยดเลือด Church of Our Savior on Spilled Blood ( Церковь Спаса на Крови ) รูปภาพ ..... วิหารเซนต์บาซิล (St. Basil Cathedral = Храм Василия Блаженного) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:33:04

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องการจองพักที่ ที่พักมีให้บริการเยอะมาก สามารถจองผ่านเวปไซท์จองโรงแรมได้เลย (ค้นหาตาม hostelworld, hostelbooker มีออกมาให้เลือกเยอะมาก) มีให้บริการทั้งประเภท Hotel, Hostel, Apartment การจองที่พักควรเลือกที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และควรอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน ที่พักแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แบบประเภทโรงแรมราคาแพงแต่สะดวกสบายด้านการให้บริการ แบบโฮสเทลราคาย่อมเยาประหยัดแต่ต้องเสียเวลาต่อคิวอาบน้ำที่ห้องน้ำส่วนกลาง ส่วนที่พักแบบอพาร์ตเม้นต์ราคาปานกลาง แต่การเช็คอิน-เอาท์ต้องทำตามเวลาที่เค้ากำหนด อีกเรื่องที่ควรพิจาราณาคือควรเลือกที่พักที่ให้บริการฝากกระเป๋าได้ ผมเลือกที่พักแบบอพาตเม้นต์ เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มไปกัน 5 คน อยู่บนถนน Novy Arbat (Arbat ใหม่) ใกล้สถานีเมโทร Smolenskaya(Смоленская) ห้องพักกว้างขวางมากมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ ราคาประมาณ 1300 บาทต่อคืนต่อคน ข้อเสียคือการเช็คอิน-เอาท์ต้องทำตามเวลาที่เค้ากำหนดและฝากกระเป๋าไม่ได้ รูปภาพ ..... มหาวิหารเซนต์ไอแซค (St. Isaac’s Cathedral = Исаакиевский собор) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:33:48

ความคิดเห็นที่ 16 อาหารการกิน เพื่อนๆที่กังวลเรื่องที่ว่าจะหาอาหารทานลำบากเพราะทานอาหารท้องถิ่นไม่ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยครับ เพราะตามแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งตามแหล่งที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว มีอาหารแบบ Fast Food ให้บริการมากมายเป็นดอกเห็ดเลยครับ ร้านอย่าง Hamburger, Subway หรือ McDonald มีให้บริการอยู่ทั่วไป สนนราคาประมาณมื้อละ 150 - 200 รูเบิ้ล Supermarket ก็มีให้บริการอยู่ทั่วไปครับ อย่างที่ใกล้ๆอพาร์ตเม้นต์ที่พวกเราพักที่มอสโคว เมื่อออกจากเมโทร Smolenskaya(Смоленская) จะเจอแมคโดนัลส์ มีซุปเปอร์ ชื่อ SEDMOYJ  KONTINENT(เซียดมอยฮ์ คอนทิเนียนต์) อยู่ติด ๆ กับแม็คโดนัลส์เลย ไปเที่ยวกลับมาก็แวะซุปเปอร์ได้เลย ส่วนตัวผมเป็นคนทานยาก นอกจากพึ่งร้าน Fast Food อย่าง Hamburger, Subway หรือ McDonald บางวันก่อนออกไปเที่ยวผมจะเตรียมอุ่นข้าวสวยที่เตรียมมาจากเมืองไทยใส่กล่องถนอมอาหาร พร้อมทั้งนำปลายิ้มกระป๋องติดตัวไปทานตามแหล่งท่องเที่ยวด้วยครับ เป็นทางเลือกอีกหนึ่งวิธีทั้งประหยัดเวลาและประหยัดเงินด้วยครับ น้ำดื่มที่รัสเซียค่อนข้างแพงโดยเฉพาะตามแหล่งเที่ยว ควรซื้อแบบขวดใหญ่ๆมาแบ่งลงขวดเล็กครับ เวลาซื้อให้ระวังด้วยเพราะน้ำดื่มมีทั้งแบบอัดแกสและแบบธรรมดาครับ รูปภาพ ..... ศาสนสถานเซอร์เกอเยฟ โปสาด แห่งเมืองซากอร์ส (Sergiev Posad =  Сергиев Посад) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:34:21

ความคิดเห็นที่ 17 ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและข้อมูล(เท่าที่นึกได้)ที่จำเป็นสำหรับใช้ในการท่องเที่ยวประเทศรัสเซียครับ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังคิดวางแผนไปเที่ยว ทีนี้มาเข้าเรื่องทริปรัสเซียของผมเลยน่ะครับ เริ่มที่โปรแกรมเที่ยวเป็นแบบนี้ครับ Day 1 (FRI 10 Aug) – BKK - DME TG974 10:10 - 16: 55 นั่งรถไฟตู้นอน Red Arrow จากมอสโคว ไป เซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก Day 2 (SAT 11 Aug) – เที่ยวพระราชวังฤดูร้อน Peterhof(Петергоф) ทั้งวัน Day 3 (SUN 12 Aug) – ถนนเนฟสกี้(Невский просп), พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ(Эрмитаж), โบสถ์หยดเลือด(Церковь Спаса на Крови) Day 4 (MON 13 Aug) – พระราชวังฤดูร้อนแคทเธอรีน(Екатерининский дворец), มหาวิหารเซนต์ไอแซค(Исаакиевский собор) Day 5 (TUE 14 Aug) – ป้อมปีเตอร์แอนด์พอล(Петропавловская крепость), โบสถ์สมอลนี(Смольный собор), โบสถ์เซ้นต์นิโคลัส(St. Nicholas), ล่องเรือแม่น้ำเนวา Day 6 (WED 15 Aug) – วันว่างปล่อยอิสระ ก่อนนั่งนั่งรถไฟตู้นอน Red Arrow กลับมอสโคว Day 7 (THU 16 Aug) – เที่ยวจัตุรัสแดง(Красная площадь), ห้างสรรพสินค้ากุม(Кум), และมหาวิหารพระคริสต์ผู้ช่วยชีวิต(Храм Христа Спасителя) Day 8 (FRI 17 Aug) – นั่งรถไฟไปเที่ยวศาสนสถานเซอร์เกอเยฟ โปสาด(Сергиев Посад), ก่อนกลับมาชมละครสัตว์ Circus(цирк), และเที่ยวถ่ายภาพสถานีรถไฟใต้ดิน Day 9 (SAT 18 Aug) – พระราชวังเครมลิน(Кремль дворец) ทั้งวัน, ก่อนเก็บตกถ่ายภาพสถานีรถไฟใต้ดิน Day 10 (SUN 19 Aug)  – อิสระซ๊อปปิ้งเที่ยวตลาดอิสเมโลฟสกี้(Измайлов рынка), อารามชีโนโวดิวิชี(Новодевичий Женский Монастырь), ก่อนเดินทางไปสนามบิน การรีวิวเรียงตามลำดับ วัน และสถานที่ตามโปรแกรมด้านบนเลยครับ รูปภาพ ..... โบสถ์เซ้นต์นิโคลัส (St. Nicholas Church = Никольский морской собор) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:35:31

ความคิดเห็นที่ 18 พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof Summer Palace = Петергоф) พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ เป็นพระราชวังที่สำคัญในทางประวัติศาสตร์ของเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยด้วย เพราะเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5 ครั้งเสด็จมาเยือนยุโรปเป็นครั้งแรกในเดือน กรกฏาคม พ.ศ. 2440 หรือเมื่อ 110 ปีก่อน  ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายคู่กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่วังแห่งนี้ ในขณะเดียวกันพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เองก็เคยเสด็จประพาสประเทศไทยตามคำเชิญของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ยังเป็นพระราชกุมาร และพระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติเช่นกัน ปีเตอร์ฮอฟ หรือพระราชวังของปีเตอร์ เป็นพระราชวังที่สวยงามไม่เหมือนใคร สร้างด้วยศิลปะผสมทั้งแบบเรอเนสซองส์ บารอก และคลาสสิก โดยใช้สถาปนิก วิศวกร จิตกร และประติมากรที่มีชื่อเสียงหลายท่าน พระเจ้าปีเตอร์มหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โรมานอฟโปรดให้สร้างขึ้นใช้เวลาราว 10 ปี โดยระดมช่างมีฝีมือจากยุโรปมาออกแบบก่อสร้าง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:36:52

ความคิดเห็นที่ 19 พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ สร้างอยู่บนทำเลงามบนเนินธรรมชาติดุจดัง แวร์ซายน์ริมทะเล การสร้างน้ำพุซับซ้อนบนเนินดินเลนชื้นแฉะเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้น ด้านหน้าของพระตำหนักหันออกสู่อ่าวฟินแลนด์ ปีเตอร์ฮอฟนับเป็นหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของนครเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์ก ตั้งอยู่อ่าวฟินแลนด์ ห่างจากตัวเมืองเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กไปทางตะวันตก 29 กิโลเมตร เดิมทีพระเจ้าปีเตอร์มหาราช สร้างวังนี้ในปี 1720 ตามแบบเรียบง่ายของสถาปนิก ฌอง บัฟติสต์ เลอบลองด์ แต่ที่เห็นวิจิตรโอ่อ่าอยู่ในปัจจุบันเป็นการตกแต่งเพิ่มเติมโดยผู้ครองบัลลังก์ต่อๆมา โดยเฉพาะในช่วงรัชสมัยของซาลีน่าอลิธซาเบธ ที่ขยายทั้งตัวพระราชวัง (Grand Palace) และสวนประดับโดยรอบ ตลอดจนปรับปรุงระบบน้ำพุจนงดงามกลายเป็นที่โจษจันไปทั่งยุโรป อย่างไรก็ตาม พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ ถูกนาซีเยอรมันทำลายในช่วงครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นเดียวกับสถานที่สำคัญๆอื่นๆในเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์ก หลังจากนั้นปีเตอร์ฮอฟเป็นแห่งแรกที่ได้รับการฟื้นฟูต้องใช้เวลาบูรณะนานมากกว่าจะกลับมาเป็นเช่นที่เห็นในปัจจุบัน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:37:24

ความคิดเห็นที่ 20 จุดที่เด่นที่สุดของปีเตอร์ฮอฟ กลับไม่ได้อยู่ที่ตัวพระราชวัง แต่เป็นสวนที่ออกแบบไว้อย่างเลอเลิศอลังการ บริเวณลานน้ำพุประดับด้วยประติมากรรม กะไหล่ทอง ที่เรียกว่า Grand Cascade งานประติมากรรม กะไหล่ทอง เค้าทำได้เหมือนของจริงมากๆ ทรวดทรงองค์เอว กล้ามเนื้อ กริยาท่าทางของรูปปั้นในอิริยาบทต่างๆดูแล้วไม่ต่างจากคนจริงๆเลย   นักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาถ่ายรูปคู่กับหุ่นตัวนี้เยอะมากๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องมาคอยบอกว่า ห้ามจับต้องหุ่นเวลาถ่ายรูป จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:37:58

ความคิดเห็นที่ 21 ที่นี่จึงเป็นพระตำหนักชายฝั่งของกษัตริย์รัสเซียเพื่อใช้พักผ่อนและล่าสัตว์ในฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะน้ำตกที่ลดหลั่นกันถึง 27 ชั้น เปรียบเสมือนการแสดงความยินดีต่อชัยชนะ และยกย่องในความกล้าหาญของทหารชาวรัสเซียและทหารเรืออันยิ่งใหญ่ พระเจ้าปีเตอร์มหาราชได้แนวคิดการสร้างพระราชวังปีเตอร์ฮอฟมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส แต่พัฒนาไปไกลกว่า น้ำพุทั้งหมดอาศัยกลไกและแรงดันของน้ำ โดยจะพุ่งขึ้นมาเป็นจังหวะ จนหลายคนเรียกว่า แวร์ซายน์ริมทะเล เพื่อให้แตกต่างกับพระราชวังฤดูร้อนอีกแห่งหนึ่งคือ พระราชวังแคเธอรีน ที่ถูกกล่าวขานว่าคือ แวร์ซายน์แห่งรัสเซียเหมือนกัน สวนน้ำซึ่งมีบันใดน้ำตกใหญ่เป็นส่วนที่เด่นที่สุด มีน้ำพุ บ่อน้ำ แจกัน อ่างและรูปปั้นสวยงามประดับตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา โดยเฉพาะรูปปั้นทองตรงอ่างน้ำพุใหญ่ เป็นรูปแซมซั่นฉีกปากสิงโต น้ำพุต่างๆ สร้างด้วยกลไกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยอาศัยแรงดันน้ำจากทะเลบอลติกเป็นแรงดัน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:38:27

ความคิดเห็นที่ 22 การชมพระราชวังปีเตอร์ฮอฟ ให้ครบถ้วนควรใช้เวลาทั้งวัน แบ่งเป็นส่วนที่สำคัญๆได้ดังนี้ 1. พระราชวัง และสวนน้ำพุ กับวังเล็กวังน้อยในบริเวณเดียวกัน 2. Monplaisir เป็นพระตำหนักที่มีระเบียงสูงอยู่ริมทะเล ซึ่งเป็นสถานที่โปรดของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ( Monplaisir แปลว่า ความอภิรมย์ของฉัน ) 3. Peterhof Hermitage อาคารสองชั้นที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชตั้งใจให้เป็นห้องเสวยอย่างไม่เป็นทางการ เริ่มสร้างในปี คศ 1721 แต่มาลุล่วงเมื่อพระเจ้าปีเตอร์มหาราชสิ้นพระชนม์ไม่นานนัก เป็นอาคารหินทรายสีชมพู 4. Marly Palace เป็นคฤหาสน์แบบบารอกที่งดงามหลังหนึ่ง สร้างขึ้นตามพระบรรชาของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช  สำหรับเป็นที่พักผ่อนส่วนพระองค์ 5. Cottage Palace และ Alexandria Park อยู่ทางตะวันตกของสวนใหญ่และเคยเป็นบริเวณสำหรับการล่าสัตว์ มีภูมิทัศน์และสิ่งก่อสร้างแบบอังกฤษ ตั้งชื่อตาม Alexandra Fedorovna มเหสีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 ด้วยเนื้อที่ของพระราชวังปีเตอร์ฮอฟใหญ่โตมาก นักท่องเที่ยวทั่วไปจึงมักมีเวลาเที่ยวชมได้เฉพาะส่วน Grand Palace และสวนน้ำพุประดับด้วยประติมากรรมกะไหล่ทอง ที่เรียกว่า Grand Cascade อันเป็นจุดที่เด่นและสำคัญที่สุด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:39:10

ความคิดเห็นที่ 23 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมพระราชวังปีเตอร์ฮอฟ คือฤดูร้อน (ตั้งแต่ปลาย พค ถึง กย) เพราะสามารถเข้าชมอาคารและสถานที่ต่างๆ รวมทั้งสวนได้เกือบทั้งหมด ทั้งน้ำพุที่มีชื่อเสียงต่างๆ จะเปิดน้ำพุประดับสวนอย่างเต็มที่ ทำให้รับรู้ถึงความหรูหราที่รัสเซียพยายามสร้างเลียนแบบฝรั่งเศส ซึ่งกล่าวได้ว่า ทำได้ไม่แพ้และบางอย่างอาจจะงดงามยิ่งกว่าด้วยซ้ำ แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับสภาพว่าเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีเตอร์ฮอฟมากที่สุดเช่นกัน จุดสำคัญบางแห่งจะต้องเข้าคิวรอยาวเหยียด แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการรอคอย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:39:38

ความคิดเห็นที่ 24 การเดินทางจากเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กไปพระราชวังปีเตอร์ฮอฟ ให้นั่งรถไฟใต้ดินเมโทรสายสีแดงไปลงที่สถานี Avtovo (Автово) ตามวงรีสีแดงที่แสดงไว้ในแผนที่ จากนั้นขึ้นรถตู้สีขาวด้านฝั่งตรงกันข้ามสาย 224 หรือ 424 ค่ารถ 70 รูเบิ้ล บอกคนขับว่าลงป้ายน้ำพุฟอนเทเนี่ยน (ФОНТАНЫ) หรือจะใช้บริการนั่งเรือ Hydrofoil ข้ามอ่าวฟินแลนด์จากท่าเรือด้านหลังของ Hermitage ในนครเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กก็ได้ สนนราคาเที่ยวละ 500 รูเบิ้ล จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:40:07

ความคิดเห็นที่ 25 ค่าเข้าชมสวน(ถ้าต้องการชมภายในวังต้องซื้อตั๋วต่างหาก) 400/250 รูเบิ้ล เวลาเปิดให้เข้าชม 9:00 - 20:00 น และปิดทุกวันจันทร์และวันอังคารสุดท้ายของเดือน ส่วนน้ำพุเปิด 11:00 - 18:00 น (ช่วงซัมเมอร์) เราตัดสินใจชมสวนอย่างเดียว เพราะคิดว่าข้างในพระราชวังก็คงเหมือนกับวังอื่นๆที่เรามีโปรแกรมไปชมคือที่ เฮอร์มิเทจ และ วังแคเธอรีน อีกอย่างนักท่องเที่ยวเข้าคิวเข้าชมด้านในพระราชวังเยอะมากด้วย เวปไซท์ทางการของพระราชวังปีเตอร์ฮอฟ http://www.peterhofmuseum.ru/page.php?id=11 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:41:03

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากจ่ายค่าโดยสารรถตู้ 70 รูเบิ้ล ลงรถตู้เดินมานิดหน่อยก็ถึงประตูทางเข้า ซึ่งเป็นส่วนของ upper garden ที่กว้างใหญ่ ประดับด้วยไม้ดอกสวยงาม   ต้นไม้หน้าร้อนผลิใบเขียวขจี ระหว่างทางพบรูปปั้นเป็นระยะ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:41:35

ความคิดเห็นที่ 27 bb1 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:42:17

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นอีกหนึ่งประเทศที่จะต้องไปให้ได้ในชีวิตนี้ ขอบคุณที่มารีวิวให้ดูค่ะ จากคุณ : oummini เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:42:26

ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อผ่านประตูเข้ามาบริเวณภายในพระราชวัง จะพบเฉลียงหลักหน้าพระราชวัง ที่ด้านล่างเป็นน้ำพุเต้นระบำเป็นชั้นๆลดหลั่นกันลงไปสู่เบื้องล่าง จากระเบียงหลักหน้าอาคารพระราชวัง มีบันไดทางลง 2 ข้าง ลงไปสู่สวนน้ำตกต่างระดับและน้ำพุเต้นระบำ   บ่อน้ำพุยักษ์ด้านล่างมีเส้นทางเป็นคลองเชื่อมยาวประดับน้ำพุตลอดแนวไปจนจรดริมทะเลบอลติก อ่าวฟินแลนด์ คลองนี้เรียกว่า Water Avenue เมื่อเดินลงบันไดลงมาด้านล่าง จะพบน้ำพุเป็นชั้นๆลดหลั่นกัน โดยที่แต่ชั้นประดับไปด้วยงานประติมากรรม กะไหล่ทอง Grand Cascade จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:42:56

ความคิดเห็นที่ 30 น้ำพุเต้นระบำที่ลดหลั่นกันลงไปในแต่ละชั้น และรูปปั้นกะไหล่ทอง (Grand Cascade) เหลืองอร่ามในอิริยาบถต่างๆ สวยงามมากยามเมื่อต้องแสงพระอาทิตย์ น้ำพุทั้งหมดไม่ได้ใช้ระบบปั๊มน้ำ แต่อาศัยกลไกและแรงดันของน้ำตามธรรมชาติจากแหล่งเก็บน้ำในส่วนของ upper garden  โดยน้ำพุจะพุ่งขึ้นมาเป็นจังหวะ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:43:41

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อเดินลงมาจนสุดบันไดจะพบรูปปั้นทองตรงอ่างน้ำพุใหญ่ เป็นรูปแซมซั่น (Samson) กำลังง้างปากสิงโต เรียกตรงนี้ว่า Samson Fountain Samson Fountain ถือเป็นจุดเด่นของน้ำพุทั้งหมด รูปปั้นแซมซั่น (Samson) ซึ่งเป็นนักบุญกำลังง้างปากสิงโต สื่อความหมายถึงชัยชนะของรัสเซียในการทำสงครามกับสวีเดน น้ำพุที่พุ่งออกจากปากสงห์โตสูงมากประมาณ 20 เมตร จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:44:20

ความคิดเห็นที่ 32 bb5 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:44:44

ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อเดินลงมาสู่ด้านล่าง ปีกซ้ายและขวาของพระราชวังเป็นสวน lower garden เนื่องจากมีพื้นที่สวนกว้างขวางมาก นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย สวนร่มรื่นมากเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีม้านั่งให้นั่งพักเป็นระยะ เราเดินเที่ยวสวนด้านขวาก่อนนั่งพักทานข้าวกลางวันที่ริมอ่าวฟินแลนด์ รูปนี้คือสวนบริเวณตำหนัก Monplaisir จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:45:20

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเดินไปทางด้านซ้ายจะพบคฤหาสน์ Marly Palace บริเวณนี้ก็ร่มรื่นเช่นกัน ในรูปคือ Marly Pond ที่ด้านหน้าคืออ่าวฟินแลนด์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:45:46

ความคิดเห็นที่ 35 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ จากคุณ : tonhok เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:46:14

ความคิดเห็นที่ 36 งานประติมากรรมในส่วนบริเวณ Marly Palace ของ lower garden ด้านซ้าย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:46:15

ความคิดเห็นที่ 37 พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจและพระราชวังฤดูหนาว (Hermitage and Winter Palace = Эрмитаж) Hermitage เป็นพิพิธภัณฑ์อันดับสองของโลก เป็นรองแค่ ลูฟร์ (Louvre ที่ Paris) แห่งเดียว ภายในมีของให้ดูมากกว่า 1 ล้านชิ้น (มีเก็บไว้อีกจำนวนมากเพราะไม่มีพื้นที่พอ) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้านหนึ่งติดแม่น้ำ Neva อีกด้านติดจัตุรัสใหญ่ Palace Square แต่เดิม Hermitage เป็นวังฤดูหนาวของซาร์และราชวงศ์ สร้างโดยซาร์ปีเตอร์มหาราชเมื่อ 300 ปีก่อนเพื่อเก็บสะสมงานศิลปะ แรกเริ่มมีอาคารหลักไม่กี่หลัง แต่ต่อมาได้มีการต่อเติมโดยซาร์และราชินีองค์ต่อ ๆ มาจนมีขนาดใหญ่ถึงทุกวันนี้ ภายนอกเป็นศิลปแบบบารอค ภายในประกอบไปด้วยห้องมากกว่า 1,000 ห้อง แต่ละห้องก็ประดับตกแต่งแตกต่างกันอย่างหรูหราอลังการ Hermitage ประกอบด้วยอาคาร 3 ชั้นขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยหมู่อาคาร 5 หลังเชื่อต่อกันคือ พระราชวังฤดูหนาว  (Winter Palace) อาคารเล็ก (Small Hermitage) อาคารเก่า (Old Hermitage) อาคารใหม่ (New Hermitage) อาคารโรงหนัง (Hermitage Theatre) Hermitage ออกแบบโดยสถาปนิกหลายคนด้วยกัน แต่มีความสวยงามลงตัวและกลมกลืนเข้ากันอย่างดีเยี่ยม ตัวอาคารทาด้วยสีเขียวอมฟ้าตัดขอบประตูหน้าต่างด้วยสีขาวโดดเด่น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมของสะสมและสมบัติล้ำค่าของพระนางแคเธอรีนที่ 2 มหาราชินี อาทิ ภาพวาดของศิลปินชื่อก้องโลก ลีโอนาโด ดาวินชี นาฬิกานกยูงไขลานเก่าแก่สูงค่า จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:47:35

ความคิดเห็นที่ 38 ในอดีต Hermitage เป็นวังฤดูหนาวสร้างเพื่อเป็นพระราชวังที่ประทับของพระนางอลิซาเบธ สร้างเสร็จในปี 1762 แต่พระนางสิ้นพระชนม์ก่อนที่จะได้ประทับ จึงกลายเป็นที่ประทับของพระนางแคเธอรีนมหาราชินี พระนางทรงให้ชื่อว่า Hermitage ซึ่งมีความหมายว่า ที่ปลดปล่อยอารมณ์โดดเดี่ยว และในปี 1764 ทรงรวบรวมศิลปวัตถุจากหลายๆที่และต้องการมีห้องสะสมจึงสร้างห้องเล็กๆไว้เก็บข้าวของมีค่า ต่อมาของสะสมมีมากขึ้นจึงถูกขยับขยายไปยังห้องต่างๆภายในพระราชวัง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:48:06

ความคิดเห็นที่ 39 พระนางแคเธอรีนมหาราชินี ทรงรวบรวมและชื้อภาพเขียนชื่อดังจากยุโรปจำนวนมาก จึงต้องสร้างห้องสำหรับเก็บภาพและสมบัติล้ำค่าส่วนพระองค์และสมบัติของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้น โดยมีน้อยคนนักที่จะได้เห็นคอลเล็คชั่นอันประเมินค่ามิได้เหล่านี้  เมื่อพระนางสวรรคตจึงมีสมบัติสะสมมากมาย  โดยเฉพาะภาพเขียนที่ทรงโปรดปรานมากกว่า 3,000 ภาพ  เหรียญโบราณ อัญมณีอันล้ำค่า  จนถึงสมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 มีการจัดหมวดหมู่ของสะสมทั้งหมด และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในปี ค.ศ. 1852 ภายหลังการปฏิวัติในปี ค.ศ. 1917 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็กลายเป็นของรัฐบาลโซเวียต โดยทางรัฐบาลได้ขยายคอลเลคชั่นงานศิลปะและสมบัติล้ำค่าของพิพิธภัณฑ์ออกไปอีก โดยการนำภาพเขียนและสมบัติล้ำค่าส่วนพระองค์มาจากพระราชวังอื่นๆ เช่น พระราชวังแคทเธอรีน พระราชวังอเล็กซานดริสกี้  พระราชวังสโตรกานอฟสกี้ และพระราชวังยูซูปอฟสกี้ มารวบรวมเอาไว้ที่เฮอร์มิเทจ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:48:34

ความคิดเห็นที่ 40 Hermitage ตั้งอยู่เลขที่ 34 Dvortsovaya Naberezhnaya  ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Nevsky Prospekt (สีฟ้า 2) เปิดทำการเวลา  10.30-18.00 น. วันอาทิตย์เปิดถึง 17.00 น.ปิดวันจันทร์ ราคาตั๋ว 400 รูเบิ้ล/ฟรีบัตรนักศึกษา ค่ากล้องถ่ายภาพ 200 รูเบิ้ล เวปไซท์ http://www.hermitagemuseum.org/html_En/index.html จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:49:03

ความคิดเห็นที่ 41 ศิลปวัตถุล้ำค่าภายใน Hermitage มีทั้งภาพวาดของจิตรกรยุโรป งานประติมากรรม โบราณวัตถุ และหลักฐานโบราณคดีซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและรัสเซีย ถูกจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์นับล้านชิ้น กล่าวกันว่าต้องใช้เวลาดูสมบัติอันมีค่าเหล่านี้เป็นปีถึงจะหมด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:49:30

ความคิดเห็นที่ 42 ว้าววว ถ่ายออกมาสวยอลังทุกรูปเลยครับ ต้องไปให้ได้เลย ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:49:35

ความคิดเห็นที่ 43 บันไดจอร์แดน (Jordan Staircase) อันโด่งดัง ซึ่งเคยถูกไฟใหม้ในอดีต ตอนหลังได้รับการบูรณะให้กลับมาเหมือนเดิม จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:49:57

ความคิดเห็นที่ 44 ประติมากรรมสลักหินงานแกะจากหินอ่อน ชื่อว่า Kiss of Cupid and Psyche สวยงาม อ่อนโยน ผลงานของ Antonio Canova จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:50:34

ความคิดเห็นที่ 45 มีเรื่องเล่าว่าไซคีเป็นสาวสวย เข้าวัยสมควรมีคู่ครอง แต่ Cupid เกิดผิดพลาดยิงธนูใส่ตัวเองเลยหลงรักไซคี Cupid มาหาไซคีได้เฉพาะในความมืด ไซคีโดน Cupid กอดอยู่นาน ไซคีอยากเห็นหน้าชายผู้นั้นจึงแอบจุดตะเกียงดู Cupid ตื่นขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า เจ้าช่างทำการน่าละอาย ข้าพเจ้าจึงจำต้องจากไป แต่ขอทิ้งประโยคเด็ดที่เล่าขานต่อกันมากว่าพันปีไว้ดังนี้ " ด้วยความรักย่อมดำรงอยู่หาได้ไม่ ถ้าปราศจากความไว้วางใจซึ่งกันและกัน " จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:51:36

ความคิดเห็นที่ 46 ประติมากรรมสลักหินอันโด่งดัง Cupid จุ๊ปาก (Cheeky Cupid Wagging His Finger) ผลงานของ Etienne Maurice Falconet จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:52:49

ความคิดเห็นที่ 47 Etienne Maurice Falconet แกะสลักตัว Cupid ได้น่ารักมากๆเหมือนมีชีวิตจริง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:53:16

ความคิดเห็นที่ 48 ประติมากรรมบางชิ้นโด่งดังเพราะใช้เวลาสรรค์สร้างนานหนักหนา เช่น The Death of Adonis ผลงานของ Giuseppe Mazzuoli ในปี คศ 1709 สลักหินอ่อนเล่าเรื่อง Adonis ชู้รักของเทพวีนัส ผู้ถูกหมูป่าขวิดตาย ตำราหนึ่งว่าไว้ หมูคือเทพมาร์แปลงร่างลงมา ด้วยความอิจฉาในรักของสองคน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:53:47

ความคิดเห็นที่ 49 งาน The Death of Adonis ชิ้นนี้ใช้เวลาทำร่วม 30 ปี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:54:15

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมาดูความอลังการยิ่งใหญ่ของรัสเซียด้วยค่ะ จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:54:27

ความคิดเห็นที่ 51 ประติมากรรม Vase and a candelabrum รูปปั้นเด็กนั่งอยู่บนแจจัน น่ารักมาก สังเกตุที่ขาเด็กไม่ใช่คนแต่เป็นขาของแพะหรือแกะอะไรซักอย่าง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:54:41

ความคิดเห็นที่ 52 aa15 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:55:15

ความคิดเห็นที่ 53 ประติมากรรมสลักหิน Pygmalion & Galatea ผลงานของ Pietro Stagi จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:56:16

ความคิดเห็นที่ 54 aa17 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:56:39

ความคิดเห็นที่ 55 ประติมากรรมสลักหิน The Three Graces ผลงานของ Antonio Canova จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:57:11

ความคิดเห็นที่ 56 รูปปั้นมหาเทพซุสหรือจูปิเตอร์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:57:38

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพ Madonna and Child วาดโดย Leonardo da Vinci ในปี คศ 1490 อายุ 500 กว่าปี นับเป็นภาพที่มีผู้กล่าวถึงอย่างมากมาย เพราะเป็นภาพที่ค่อนข้างล่อแหลมต่อความเคารพในศาสนา เมื่อ Leonardo da Vinci วาดภาพพระแม่มารีให้นมแก่พระเยซู สังเกตุนกน้อยในมือพระเยซู  ภาพนี้จัดแสดงในตู้กระจกอีกที จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:58:13

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณมากๆๆเลยคร้าา ตามรีวิวคุณ Chris Evert ใจละลายทุกอันเลย ^_^ จากคุณ : Moobaby เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:59:08

ความคิดเห็นที่ 59 ห้อง The Raphael Loggias เลียนแบบจากระเบียง Loggia อันลือชื่อแห่งสำนักวาติกัน แคทเธอรีนมหาราชทรงสั่งให้สร้างขึ้นในราชวังในปี คศ 1783 ถือเป็นหนึ่งในห้องเด่นแห่ง The Hermitage ออกแบบโดย Giorgione Judith จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:59:09

ความคิดเห็นที่ 60 ห้อง Small Italian Skylight Hall เป็นโถงยาวเชื่อมต่อกันสามห้องรวด ภายในเก็บข้าวของอันมีค่าของศิลปินจากอิตาลีและสเปน ในช่วงศตวรรษที่ 16-18 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:59:59

ความคิดเห็นที่ 61 แจกันหินสีมาลาไคต์ขนาดยักษ์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:00:26

ความคิดเห็นที่ 62 แจกันหินสีลาปิส ใบยักษ์ที่หายากยิ่ง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:00:52

ความคิดเห็นที่ 63 ยังมีรูปภาพเก่าแก่อายุหลายร้อยปี รวมทั้งของมีค่าอื่นๆอีกมากมาย ถ้าเพื่อนๆสนใจลองคลิ๊กเข้าไปเยี่ยมที่บ้านผมได้เลยครับ http://www.facebook.com/jirobkk จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:01:37

ความคิดเห็นที่ 64 สวยงามมาก...ตามไปเที่ยวรัสเซียด้วยคน จากคุณ : narasri เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:02:30

ความคิดเห็นที่ 65 โบสถ์หยดเลือด (Church on Spilled Blood = Церковь Спаса на Крови) หนึ่งในสามสุดยอดโบสถ์ในนครเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์ก สร้างในปี คศ 1883 ริมฝั่งคลอง Griboyedov ณ.จุดที่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์โดยระเบิด จุดเด่นของโบสถ์นี้คือการใช้โมเสกนับล้านชิ้นตกแต่งเป็นภาพภายในตัวโบสถ์ และการออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบรัสเซีย ซึ่งต่างจากสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ในนครเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กที่อิงแนวยุโรปตะวันตก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:03:03

ความคิดเห็นที่ 66 รูปสวยมากเลยค่ะ :) จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:03:10

ความคิดเห็นที่ 67 สาเหตุว่าทำไมถึงชื่อว่า " โบสถ์หยดเลือด " คำตอบอยู่ที่ประวัติความเป็นมา เล่ากันว่าพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทรงไม่เชื่อคำทำนายที่ว่าไม่ให้จัดพิธีอภิเษกสมรสภายใน 3 ปี ภายหลังจากที่พระมเหสีของพระองค์สิ้นพระชนม์ ซึ่งภายหลังพิธีอภิเษกสมรสไม่นานพระองค์ก็ทรงถูกลอบปรงพระชนม์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 1881 โดยกลุ่มหัวรุนแรงได้ปาระเบิดเข้าใส่ขบวนรถม้าพระที่นั่ง จนพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรงสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมาที่พระราชวังฤดูหนาว จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:03:44

ความคิดเห็นที่ 68 สำหรับเหตุจูงใจที่คาดกันว่าเป็นต้นเรื่องที่นำไปสู่การลอบปรงพระชนม์ ในครั้งนี้ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เป็นต้นว่าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทรงพาประเทศเข้าร่วมในสงคราม ไครเมีย และพ่ายแพ้กลับมา และพระองค์ยังทรงคิดจะปลดปล่อยชนชั้นทาส ชาวนา และกรรมกร ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจหมู่เจ้าขุนมูลนาย อีกทั้งยังมีกลุ่มชนที่อ้างตนว่ารักชาติต่อต้านการปฏิรูปในหลายๆ ด้านของพระองค์อีก ทำให้พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์จากบุคคลหลายกลุ่มอยู่หลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ แต่สุดท้ายก็ถูกระเบิดของกลุ่มผู้ปฏิวัติที่ขว้างใส่รถม้าที่พระองค์กลับมาจากตรวจเยี่ยมกองทหาร ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระทั่งสวรรคตในที่สุด ผลจากการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ ทำให้พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ผู้ซึ่งขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา เกิดความโกรธแค้น พอกันทีกับการปฏิรูป พระองค์ทรงนำรัสเซียกลับสู่ยุคสมัยก่อน และทรงสั่งให้สร้างโบสถ์หยดเลือด ณ. จุดที่พระบิดาถูกลอบปลงพระชนม์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:04:23

ความคิดเห็นที่ 69 โบสถ์หยดเลือดมีสีสันสวยงามริมคลอง Griboyedov อยู่ใกล้สวน Mikhailovsky  ยอดโบสถ์สูง 81 เมตร โดยสื่อความหมายว่าพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทรงสิ้นพระชนม์ในปี 1881   โบสถ์นี้ถ่ายภาพยากมาก เพราะถูกขนาบด้วยตึกทั้งสองด้านเวลาถ่ายภาพจะมีเงาของตึกบดบังตัวโบสถ์ เวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพควรมาตอนเช้า   หรือมารอถ่ายภาพแสง Twilight หลังพระอาทิตย์ตกดิน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:04:51

ความคิดเห็นที่ 70 ปกติแสง Twilight หลังพระอาทิตย์ตกจะมีเวลาให้เราถ่ายรูปอยู่ประมาณ 5 นาที แต่ไม่ใช่ที่เซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ พระอาทิตย์ในหน้าร้อนที่นี่กว่าจะลับขอบฟ้าก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ทุ่ม และที่น่าแปลกใจตรงที่ว่า แสง Twilight ยังคงมีอยู่ให้เราถ่ายภาพเกือบ 1 ชั่วโมง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:05:16

ความคิดเห็นที่ 71 ดูจากระยะไกลโบสถ์หยดเลือดมีลักษณะคล้ายกับวิหารเซ้นต์บาซิลแห่งกรุงมอสโคว แต่ยังสวยสู้เซ้นต์บาซิลไม่ได้ และเนื่องจากโบสถ์นี้ตั้งอยู่ติดริมคลอง บริการล่องเรือชมเมืองก็ผ่านโบสถ์นี้ ทำให้นักท่องเที่ยวชอบมารอเก็บภาพโบสถ์นี้ขณะที่เรือวิ่งผ่าน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:05:48

ความคิดเห็นที่ 72 ภาพสวยมาก ๆ เลยครับ ขอตามชมด้วยคนนะครับ จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:06:04

ความคิดเห็นที่ 73 จุดสำคัญที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของการออกแบบคือต้องเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์รัสเซียแท้ๆ รูปแบบได้รับอิทธิพลจากมหาวิหารเซ็นบาซิล ที่จตุรัสแดง กรุงมอสโก และโบสถ์ที่ยาโลสลาฟ การก่อสร้างกินเวลา 24 ปี ค่าก่อสร้าง 4.5 ล้านรูเบิ้ล โบสถ์แห่งนี้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 6 สิงหาคม 1907   โดมหัวหอมสีลูกกวาด ดูคล้ายกันกับที่เซ้นต์บาซิล จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:06:15

ความคิดเห็นที่ 74 มาซะที กระทู้นี้ที่รอคอย ปาดทักทายก่อนนะครับ แอบชื่นชมรูปสวยๆในเฟซมานานแล้วพี่จิโร่ ^^ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:06:34

ความคิดเห็นที่ 75 โบสถ์หยดเลือดสร้างขึ้นตามคำบัญชาของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 เริ่มก่อสร้างในปี 1883 - 1907 ภายในโบสถ์จุคนได้ถึง 1,600 คน มีการออกแบบแข่งขันกันจากสถาปนิกที่มีชื่อเสียงมากมาย ก่อนจะทรงคัดเลือกแบบของสถาปนิก อัลเฟรด ปาร์แลนด์ และท่านเจ้าอาวาสอีก 2 องค์ ผู้ร่วมคิดแบบ ลวดลายตกแต่งรอบตัวโบสถ์ สวยงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์รัสเซีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:13:27

ความคิดเห็นที่ 76 ภายนอกว่าสวยแล้ว ภายในกลับหรูหราอลังการมากกว่า เพราะการตกแต่งภายในใช้วัสดุที่หลากหลาย เข่น อิฐ, หินแกรนิต, หินอ่อน, ทองแดงปิดทองและโมเสก โมเสกต่างๆ ถูกออกแบบและจัดทำจากศิลปินถึง 30 คน เช่น VM Vasnetsov, M. Nesterov, A. Ryabushkin P., V. Belyaev, N. Kharlamov เป็นต้น จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:13:56

ความคิดเห็นที่ 77 ที่สุดยอดและโดดเด่นที่สุดคือ การตกแต่งด้วยโมเสกนับล้านชิ้น ประกอบกันเป็นภาพต่างๆตามเสาและผนัง กลายเป็นภาพโมเสกอันมีค่าและสำคัญที่สุดในรัสเซีย หรูหราอลังการที่ใหญ่และสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:14:28

ความคิดเห็นที่ 78 bb2 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:14:55

ความคิดเห็นที่ 79 แท่นบูชา จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:15:23

ความคิดเห็นที่ 80 สถานที่ตั้ง 2a Griboedova Kanala Naberezhnaya ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Gostiny Dvor และ Nevskt Prospekt  เปิดทำการ 11.00-18.00 น. ปิดทุกวันพุธ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:16:25

ความคิดเห็นที่ 81 bb6 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:16:49

ความคิดเห็นที่ 82 พระราชวังแคทเธอรีน (Catherine Palace = Екатерининский дворец) พระราชวังแคทเธอรีน หรือ ซาร์สโกเย เซโล (Catherine Palace หรือ Tsarskoye Selo) เป็นภาษารัสเซียหมายถึงหมู่บ้านราชา (Tsar's Village) สร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เป็นพระราชวังอันสวยงาม ตระการตา และมีสวนที่สวยงามร่มรื่น เป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางทิศใต้ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:18:38

ความคิดเห็นที่ 83 พระราชวังวังนอกเมืองเซ้นต์ปีเตอร์เบิร์กมีสองแห่ง หนึ่งคือปีเตอร์ฮอฟ วังริมทะเลที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงสร้างให้พระมเหสี แคทเธอรีนที่ 1 ขนาดใหญ่โตดุจจะเย้ยพระราชวังแวร์ซายน์ อีกวังย่อมกว่าคือพระราชวังแคทเธอรีนแห่งนี้ สร้างโดยพระนางอลิซาเบธ พระธิดาของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ความสำคัญของพระราชวังแคทเธอรีน ใช้เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนของพระเจ้าซาร์องค์ต่อๆมาเรื่อยๆ จนกระทั่งกษัติย์(ซาร์)องค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ก็มาพำนักอยู่และถูกจับตัวจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่นี่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:19:25

ความคิดเห็นที่ 84 ประวัติความเป็นมาพระราชวังแคทเธอรีน พระเจ้าปีเตอร์มหาราช ทรงสร้างหมู่บ้านราชา (Tsar's Village) ในปี ค.ศ. 1708-1724 เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนให้กับพระมเหสีองค์โปรดคือพระนางแคทเธอรีนที่ 1 ซึ่งต่อมาได้ยกให้พระราชธิดาอลิซาเบธ (เป็นธิดาองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช กับ สมเด็จพระจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 1) ต่อมาในปี ค.ศ. 1741 พระนางอลิซาเบธจัดการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านพระราชาที่เคยเป็นที่พักแรมกลางป่า ให้เป็นพระราชวังอย่างแท้จริง ทรงตกแต่งทำให้พระราชวังมีความหรูหรามากขึ้น โดยขยายพื้นที่ของสวนออกไป สถาปนิกผู้ออกแบบคือ Bartolomeo Francesco Rastrelli และตั้งชื่ออาคารใหญ่สีฟ้าว่า พระราชวังแคทเธอรีน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:19:50

ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อสิ้นยุคอลิซาเบธ วังถูกปรับปรุงอีกครั้ง โดยพระนางแคทเธอรีนที่ 2 (ซึ่งต่อมาคือพระนางแคทเธอรีนมหาราช) มีสถาปนิกผู้ออกแบบเพิ่มดังนี้ Antonio Rinaldi, Yury Velten, Vasily Neyelov, Charles Cameron และ Giacomo Quarenghi ยิ่งทำให้พระราชวังแห่งนี้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ภายในพระราชวังประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมาย โดยการออกแบบที่แตกต่างกัน และมีความสวยงามลงตัวในแต่ละห้อง  ห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือห้องอัมพัน (Amber Room) ซึ่งห้องทั้งห้องประดับด้วยอัมพันทั้งหมด ประดิษฐ์ประดอยอย่างวิจิตรบรรจง เป็นห้องที่สวยงดงามมีคุณค่ามาจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:20:17

ความคิดเห็นที่ 86 จุดที่เด่นที่สุดภายในพระราชวังแคทเธอรีนคือห้องอำพัน (Amber Room) เป็นห้องที่มีความสวยงามที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผนังหรือรูปภาพประดับก็นำอำพันมาตกแต่งทั้งหมด ถือเป็นสุดยอดงานศิลป์ยุค ค.ศ.ที่ 18 อันประมาณค่ามิได้ เป็นหนึ่งใน ไฮไลท์ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม ภายในห้อง อำพัน ห้ามถ่ายภาพ เราใช้วิธียืนที่นอกห้องอำพัน แล้ว ซูม เข้าไปถ่าย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:20:41