ความคิดเห็นที่ 1 ในตอนนี้ จะเป็นภาระกิจต่อเนื่องกัน 2 วัน คือ ที่หาดใหญ่ ในคืนวันที่ 14 เมย. 55 กับ เช้าวันที่ 15 เมย.55 ที่สงขลา ครับ มีจุดสนใจ 2 แห่งคือ งานเทศกาลโคมไฟที่สวนสาธารณะหาดใหญ่ กับ ซากรางรถไฟเก่าที่สงขลา ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 09:54:43

ความคิดเห็นที่ 2 ขอนำทาง ด้วยแผนที่ อย่างที่เคย เริ่มจาก ริมขอบอ่างเก็บน้ำ มอ. ด้วยเส้นสีเขียว ออกจาก มอ.ทางประตูด้านหน้า เลี้ยวขวา ไปตามถนนกาญจนวนิช เพื่อหาปั๊มเติมน้ำมัน!  แล้วตรงต่อไปทางเหนือ ด้วยใจอยากดู อยากรู้ว่า องค์พระบนเขาคอหงส์นั้นอยู่ตรงไหน แผนที่ GPS ที่ผมมีก็ไม่ได้ระบุไว้ด้วย ถ้าหากตรงไปรับชาวคณะที่ ตลาดกิมหยง กว่าจะกลับออกมาก็คงมืดค่ำ มองไม่เห็นองค์พระบนยอดเขาแน่นอน หลังจากนั้น ความต้องการต่อไปคือ ห้องน้ำ เพราะรู้สึกปวดเบา ครับเดี๋ยวจะเข้าไปในเมือง แล้วกลัวจะหาห้องน้ำ(และที่จอดรถ) ยาก กว่าจะหาที่กลับรถได้ก็เลยทางเข้า สวนสาธารณะหาดใหญ่ไปแล้ว ไหนๆ ก็มาตรงนี้เลยแวะเข้าไปหาห้องน้ำข้างในสวนสาธารณะกัน น่าจะมี ซึ่งตอนกลับออกมาก็ได้ภาพ เทศกาลโคมไฟสวยๆ มาฝาก แม้ว่าจะต้องให้ชาวคณะรอที่ตลาดกิมหยง ต่อไปอีกพักหนึ่ง เสร็จแล้วก็รีบบึงรถมาตลาดกิมหยง ด้วยเส้นสี ฟ้า แล้วก็หาที่ทานข้าวมื้อเย็นใกล้ๆ  จากนั้นก็ลองแวะไปดูบ้านญาติ ที่เข้ามาเยี่ยมที่โรงแรมเมื่อคืน น่าสนใจ ชื่อซอยที่เขาอยู่ "ซอยไปดีมาดี" มีด้วยหรือ ซอยชื่อนี้...ฮา  และจะได้ไปดูรางรถไฟเก่า แถวๆ นั้นด้วย (นับเป็นเรื่องบังเอิญ)  แสดงด้วยเส้นสีน้ำเงินเข้ม ไม่ได้เจอญาติ เพราะไม่ได้นัดกันไว้ แถมตัวบ้านก็ไม่แน่ใจว่าหลังไหน เอาไว้โอกาสหน้า ถ้าจะแวะไปเยี่ยมเขา ค่อยโทรบอก ตอนนี้ทราบซอยที่เขาอยู่แล้ว ต่อจากนั้น ก็ตรงไป เมืองสงขลา ด้วยเส้นสีเหลืองแก่ ทันที ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:05:53

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้ เรามาเริ่มเดินทางด้วยภาพ(นิ่ง) กันเลยนะครับ  ผมขับรถมาตามถนนกาญจนวนิช ถึงหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ก็พอมีช่องมองเห็นองค์พระบนเขาคอหงส์ชัดๆ เลยจอดรถลงมาถ่ายภาพกันตรงนี้  จากการไปค้นคว้าในเว็บเพิ่มเติม ทำให้ทราบได้ว่า มี 3 สิ่งสำคัญในภาพ คือ องค์พระพุทธมงคลมหาราช  องค์เจ้าแม่กวนอิมสีขาว กับ ศาลท้าวมหาพรหม ซึ่งดูจากรูปได้ว่า ศาลท้าวมหาพรหมอยู่สูงสุด ซึ่งคาดคะเน เส้นทางกระเช้าลอยฟ้าได้ว่า (มองไม่เห็นสายเคเบิ้ลและกระเช้า) น่าจะเป็นดังในภาพ ที่แสดงด้วยเส้นประสีม่วง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:11:32

ความคิดเห็นที่ 4 ในอันที่จริง ผมเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่า บนเขาคอหงส์ นี้จะมีสิ่งดีๆ น่าสนใจแบบนี้  เพิ่งมาทราบจากญาติที่อยู่หาดใหญ่ เมื่อคืนนี้เอง ในขณะที่ผมเองก็มีโปรแกรมเที่ยวอัดแน่นอยู่แล้ว จึงได้แค่มายืนมองจากข้างล่างเท่านั้นเอง เอาไว้คราวหน้ามาหาดใหญ่อีก จะขึ้นไปนมัสการ และเที่ยวบนเขาบ้าง ภาพบน : ใช้กล้องซูมภาพ องค์พระมาดูใกล้ๆ  ตอนที่ถ่ายภาพ ยังคิดว่า มีแค่ 2 สิ่งนี้บนเขา ไม่ทราบว่า มีศาลท้าวมหาพรหม อยู่บนนั้นด้วย ภาพล่าง : ระหว่างที่ถ่ายภาพอยู่นั้น ก็มีรถนำเที่ยวของ สวนสาธารณะหาดใหญ่ แล่นออกมาจากซอยข้าง สถานีโทรทัศน์ช่อง5 พอดี เลยเก็บภาพมาให้เพื่อนๆ ชมกัน ว่าน่านั่งเที่ยวแค่ไหน เพราะผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่ารถเขาอยู่ตรงไหน  มองขึ้นไปบนยอดเขา จะเห็นเสาเล็กๆ สูงๆ บนนั้น คาดว่าเป็นเสาอากาศถ่ายทอดสัญญาณทีวี ของช่อง 5 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:17:12

ความคิดเห็นที่ 5 และเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ จึงได้ค้นหาภาพแผนที่ดาวเทียมกูเกิ้ล บริเวณสวนสาธารณะหาดใหญ่ นี้ทั้งหมด มาให้ชมกัน พอจะทราบตำแหน่งสถานที่สำคัญบนเขาคอหงส์ และรอบๆ สวนสาธารณะหาดใหญ่ได้  นับว่ามีพื้นที่กว้างขวางมาก ลำพังแค่เดินเท้าคงไม่ไหว ต้องขึ้นรถอย่างเดียว ครับ  ตอนที่ผมไป ผมแค่อยู่ตรงส่วนหน้า ที่จัดเทศกาลโคมไฟ (แสดงด้วยเส้นประสีม่วง) เท่านั้น เพราะไม่มีเวลาสำรวจ รถผมก็จอดอยู่ริมถนนด้านหน้าสวนสาธารณะด้วย (ชาวคณะที่มาด้วยกัน ก็เร่งให้ไปรับ เพราะกลัวตลาดกิมหยงปิดแล้วจะเปลี่ยว) อ้อ..แนวกระเช้าลอยฟ้า นั้น ในแผนที่ดาวเทียมยังไม่มีแสดง ผมได้คะเนดูจากข้อมูลในเน็ต ว่าน่าจะเชื่อมต่อระหว่าง องค์พระพุทธมงคลมหาราช กับ ศาลท้าวมหาพรหม ตามแสดงในรูป ด้วยเส้นสีแดง  ส่วนเส้นประสีแดงนั้น เป็นโครงการในอนาคต ที่จะต่อเพิ่มกระเช้าให้ลงมารับคนได้จากข้างล่าง บริเวณสนามเด็กเล่นได้เลย ซึ่งราคา ค่าบริการ นั้น จะคิดคนละ 100 บาทสำหรับผู้ใหญ่ เด็ก 50 บาท  และถ้าเป็นนักศึกษา ข้าราชการในเครื่องแบบจะลดให้เหลือ 50 บาท  ส่วนชาวต่างชาติคิดคนละ 200 บาท ครับ ผมไม่ได้แวะขึ้นไป จึงได้แต่หาภาพจากในเน็ตมาให้ชมกัน ครับ http://picpost.postjung.com/170008.html ส่วนราคา รถนำเที่ยวนั้นแค่คนละ 50 บาท พาเที่ยวตามเส้นทางในรูป (แสดงด้วยเส้นสีเหลืองแก่) นับว่าคุ้มจริงๆ เพราะเส้นทางบนเขานั้นคดเคี้ยวสูงไม่น้อย  จุดขึ้นรถข้างล่าง ก็ตรงไอซ์โดม ที่จัดงานโคมไฟ กับจุดขึ้นรถข้างบน ก็ตรงสถานีรถไฟฟ้า ครับ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 10:33:45 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:21:22

ความคิดเห็นที่ 6 มานั่งชมครับ จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:25:01

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ คุณ CK-ONliNE : ด้วยความยินดี สำหรับท่านแรกที่แวะเข้ามาทักทายกันครับ เชิญติดตามชมต่อได้เลยครับ พอจะหาภาพเส้นทางนำเที่ยว ของรถบริการในสวนสาธารณะหาดใหญ่มาให้ชมกันได้ดังข้างล่างนี้ครับ (ตอนที่ผมไป ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ได้แค่สอบถามกับ จนท. ตรงทางเข้าเท่านั้น นับเป็นครั้งแรกของผม ครับ) ภาพจาก เว็บ :http://www.hatyaiicedome.com/?p=970 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:38:41

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพบน :  ตอนเลี้ยวรถกลับมาผ่านหน้าสวนสาธารณะ ก็ได้เห็นป้ายประชาสัมพันธ์งานเทศกาลโคมไฟของหาดใหญ่  เลยเกิดความคิดว่า น่าจะแวะเข้าไปชม เพราะอย่างน้อยก็จะได้หาห้องน้ำด้วย แม้ในใจผมตอนแรก ผมไม่สนใจ คิดว่า เป็นแค่ โคมไฟแบบจีนสวยๆ ห้อยเป็นพวงระย้าเท่านั้น ภาพล่าง : หันไปดูตรงเกาะกลางถนน มีหุ่นโคมไฟรูปมังกร สีสรรสดใส ในบรรยากาศ เหมือนเทศกาลตรุษจีน หรือ ที่ จ.สุพรรณบุรีเลย  (ในอันที่จริง ช่วงที่จัดก็คร่อมเทศกาลตรุษจีนด้วย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:42:26

ความคิดเห็นที่ 9 ผมจอดรถเลยทางเข้าสวนฯ ไปเล็กน้อย ต้องเดินกลับมา ผ่านป้ายชื่อสวนฯ ตรงประตูด้านหน้า มีหุ่นโคมไฟตัวเบ้อเริ่ม ตั้งอยู่ด้วย ผมเลยเข้าใจว่า หุ่นโคมไฟเป็นแบบนี้เอง (เคยเห็นที่กรุงเทพฯ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่า เขาเรียก "หุ่นโคมไฟ") จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:44:48

ความคิดเห็นที่ 10 ตรงประตูทางเข้า มีกองหุ่นโคมไฟหลากหลายแบบ ดูน่ารัก เหมาะสำหรับเด็กๆ  (น่าเสียดายที่เจ้าตัวเล็กไม่ได้มาด้วย ตอนไปสงขลา ก็ไม่มีเวลาแวะ)  ผมขอรูปตัวเองสักภาพ หน้าดูมืดไปหน่อย (ใช้ โปรแกรมโฟโต้ชอป ช่วยแล้วนะ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:47:01

ความคิดเห็นที่ 11 เดินตามแผนที่มาด้วยจ้ะ ชีวิตนี้ยังไม่เคยไปถึงหาดใหญ่เลย  ตาม ๆ ในกระทู้ไปก่อนละกัน  555 จขกท. ช่างกล้านัก  555 นอกจากแปะรูปแล้วยังมีตบท้ายไว้ด้วยว่า  นี่ขนาดใช้โฟโตชอปช่วยแล้วน๊า  555 แต่ก็ยังเก่งนะเนี่ย...  แลดูตัวเท่าเดิม   ไม่เจริญไปตามวัย   จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:54:55

ความคิดเห็นที่ 12     หายไปนานเลย ตามมาชมต่อ ขอบคุณครับ ปล.....พันทิพโฉมใหม่ คงจะลงภาพใหญ่บึ้มขนาดนี้ไม่ได้แล้วนะครับ เพราะเหมือนโดนบังคับไซส์ให้เท่าๆกันหมด จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 12:19:44

ความคิดเห็นที่ 13 ตามไปด้วยนะครับ จากคุณ : สมหมาย09 เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 12:28:20

ความคิดเห็นที่ 14   ไปหาดใหญ่ด้วยคนค่ะ    ไม่เจอกันนาน สบายดีนะคะ. . จากคุณ : กบจูเนียร์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 13:58:38

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับ คุณแม่ซากานะ : ด้วยความยินดีครับ ที่ไม่ได้เจอกันนาน  คุณแม่ซากานะ เคยไปถึงกระบี่ ผมยังจำได้ และเกือบได้ตามรอยไปแล้วในเที่ยวนี้ พอดีมีข่าวสึนามิ เลยต้องเปลี่ยนแผนกลับมาหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ เหมือนเดิม สักวันคงได้ตามรอยไปนะครับ   ขอบคุณครับ สำหรับคำชม รูปร่าง ณ.วันนี้ ดูจะเล็กกว่าในรูป เพราะได้เริ่มลดน้ำหนักไป 3 กิโล ลดพุงไป 1 นิ้ว  เพราะกลับจากทริปนี้ ขาเดี้ยงไป ก้าวขึ้นบันไดแล้วเจ็บแปร๊บตรงหน้าแข้ง รู้สึกว่าเพิ่งหายไปไม่ถึงเดือนนี้เอง ถ้าไม่ลดน้ำหนัก เกรงว่าในอนาคตจะไม่สามารถไปเดินลุยเก็บภาพมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันอีก สวัสดีครับ คุณน้า Low Batt : ขอบคุณครับ เอ..ว่าแต่พันทิปโฉมใหม่จะเริ่มเมื่อใดครับ จะรู้สึกน่าเสียดายถ้าหากภาพที่ลงถูกจำกัดไว้ให้แคบๆ  ภาพพานอรามาจะไม่สามารถลงให้เพื่อนๆดูได้ หรือว่าจะใช้วิธีย่อส่วน ถ้าหากภาพกว้างเกิน แล้วให้คนคลิ๊กดูภาพขยายอีกที นะครับ สวัสดีครับ คุณสมหมาย09 : ด้วยความยินดีครับ ตอนนี้กำลังเริ่มกระทู้เองครับ คาดว่า วันนี้ อาจยังไม่จบตอนด้วยซ้ำไป สวัสดีครับ คุณกบจูเนียร์ : ขอบคุณครับ และด้วยความยินดีครับ เชิญติดตามต่อได้เลยครับ พอดีแวะไปทานข้าวเที่ยงกัน มาต่อกันนะครับ ตอนนี้ ผมได้ก้าวเข้ามาในสวนสาธารณะหาดใหญ่ แล้ว ภาพขวา : เดินชิดขวามาจากป้ายด้านหน้า มองเห็นหุ่นโคมไฟถูกจัดวางไว้ อย่างต่อเนื่องครับ ภาพซ้าย : สุดทางเดินก็เป็นสามแยก มีป้ายบอกทางไปยังสถานที่ต่างๆ ผมต้องข้ามถนนไปทางด้านซ้ายเพื่อไปห้องน้ำก่อนละ.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 14:49:03

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพซ้าย :เลี้ยวซ้ายมา ก็เจอหุ่นโคมไฟแบบจีน รูปเซียนต่างๆ วางเรียงรายไป จนถึงทางเข้า ไอซ์โดม (ภาพขวา ) ซึ่งลานด้านหน้าอาคารไอซ์โดมมีการจัดงานสงกรานต์อยู่พอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 14:50:52

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเดินเข้ามาในบริเวณจัดงาน มีเวทีการแสดงด้วย ขวามือมีกังหันลมเล็กตั้งอยู่หน้าอาคารหลังใหญ่  ห้องน้ำอยู่ถัดจากอาคารหลังใหญ่ไปอีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 14:53:00

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนที่เดินผ่านไอซ์โดม ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร จนมาค้นหาข้อมูลในเน็ต พบว่า มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือ มีการจัดมา 3 ปี แล้ว เริ่มจากปีแรก "โคมไฟน้ำแข็ง" ปีที่สอง เพิ่มงานแสดงสวนดอกไม้เมืองหนาว" และ "หิมะตกที่หาดใหญ่" และปีที่สาม คือปีนี้ ซึ่งได้หมดไปแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555 จัดยิ่งใหญ่ โดยฝีมือช่างชาวจีนจากเมืองฮาร์บิน มาสลักน้ำแข็ง รวมมากกว่า 24 ชุด ดังตัวอย่างในภาพข้างล่าง ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ท่านละ 200 บาท เด็กโต 150 บาท (สูงไม่เกิน 150 ซม.) เด็กเล็กฟรี (ต่ำกว่า 100 ซม.) คนพิการ ผู้สูงอายุเกิน 70 ปี ฟรี ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท เปิดทุกวัน 09:00 น. - 21:00 น. รายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ Hatyai Icedome http://www.hatyaiicedome.com/?page_id=425 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:12:00

ความคิดเห็นที่ 19 ออกจากห้องน้ำมา บรรยากาศเริ่มมืด หุ่นโคมไฟเริ่มเปล่งแสงในตัวออกมา มีสีสรรสดสวย จะเป็นการเสียโอกาสมาก ถ้าไม่เดินไปชมและเก็บภาพ  แม้ว่าชาวคณะที่มาด้วยกัน จะรอผมอยู่ที่ ห้างกิมหยง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:14:16

ความคิดเห็นที่ 20 ถัดมาก็เป็นเจ้ายีราฟคู่ ช่างดูสง่างามจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:15:34

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเดินกลับมาถึงสามแยก ทางเข้ามา ฝั่งตรงข้ามมีหุ่นโคมไฟมากมายจัดวางอยู่ รู้สึกอดใจที่จะแวะเข้าไปชมไม่ได้อีกแล้วครับท่าน!    ด้านนี้เป็นทางเดินออกจากบริเวณจัดงาน ต้องไปเข้าทางด้านซ้ายมือครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:17:36

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพซ้าย : มาถึงทางเข้า มีซุ้มประตูที่เป็นหุ่นโคมไฟแบบหนึ่ง ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คิดได้อย่างไรที่ให้ทั้งเสาเป็นโคมไฟไปในตัว ภาพขวา : ขวามือของซุ้มประตูเข้างาน มีแผ่นป้ายระบุที่มาของ "โคมไฟเฉลิมพระเกียรติ 3 พระองค์" ที่ตั้งอยู่ด้านหลังป้าย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:20:27

ความคิดเห็นที่ 23 ก้าวแรกที่เข้าไป ก็จะเห็น วงเวียนที่ตั้งโคมไฟเฉลิมพระเกียรติ 3 พระองค์ ที่ดูอลังการณ์มาก ถือเป็นประธานของกงานนี้เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:22:50

ความคิดเห็นที่ 24 ถัดเข้าไปข้างใน เป็นซุ้มหุ่นโคมไฟเฉลิมพระเกียรติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่มีหุ่นโคมไฟอัจริยะภาพทางดนตรี และเรือใบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:25:02

ความคิดเห็นที่ 25 มองไปทางด้านหน้าสวนสาธารณะ (ทางเข้า) มีซุ้มโคมไฟเฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับการเกษตรอีก 2 จุดครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:26:35

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ จากคุณ : Us-Sama Iland เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:30:06

ความคิดเห็นที่ 27 มาดูหุ่นโคมไฟรูปสัตว์กันบ้าง.....  ชอบใจ ต้นไม้ครับ เข้าใจคิดทำใบไม้แบบโคมไฟออกมา ดูเหมือนเมืองเนรมิต หรือดรีมเวิร์ล ย่อยๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:30:18

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับ คุณUs-Sama Iland : ด้วยความยินดีครับ หุ่นโคมไฟนี่ ไม่เหมาะกับการถ่ายภาพคู่กับบุคคล เพราะใช้แฟลชไม่ได้ สีจะซีดทันที ครับ มาถึงซุ้มสุดท้ายตรงทางออก เป็นซุ้มเฉลิมพระเกียรติ "ฝนหลวง" มีเอฟเฟค แสงเสียงด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:34:24

ความคิดเห็นที่ 29 นี่เป็นคลิ๊ป แสดงเอฟเฟคแสงเสียง ซุ้มเฉลิมพระเกียรติ "ฝนหลวง" ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:35:35

ความคิดเห็นที่ 30 ชมโคมไฟเสร็จ ผมก็รีบบึงรถมารับชาวคณะที่ตลาดกิมหยงทันที  ในคืนนี้ ผมต้องย้ายที่นอนไป เมืองสงขลา เพราะพรุ่งนี้ยังมีภาระกิจอีกมากในวันสุดท้ายของทริปก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ  แต่ท้องต้องอิ่มก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะเจอร้านอาหารที่เมืองสงขลายามค่ำคืนได้ที่ไหน โชคดีที่หาได้ไม่ยาก อยู่บนถนนเส้นเดียวกับตลาดกิมหยง(ถนนศุภสารรังสรรค์) ตามแผนที่ในคห.2  ตรงปากซอยแสงศรี 4 (ถ้าจำไม่ผิด)  ร้านทาสีขาวโลนใช้แสงสว่างมาก จนหน้าตาพวกเราดูดำกันไปหมด..ฮา  แต่ก็สะดุดตาตรงคำเตือน "ขออภัย! ที่จะต้องเก็บเงินก่อน"  คงเคยมีคนทานแล้วไม่จ่าย เพราะที่นั่งไกล คนก็เยอะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:46:54

ความคิดเห็นที่ 31 มองมาทางด้านหลังร้าน (ที่เป็นผนัง เพราะด้านอื่นๆเปิดโล่งหมด) ก็เจอเข้ากับคำเตือน"ขออภัย! ที่เรียกเก็บเงินก่อน" รู้สึกว่าเกรงใจลูกค้ามาก จึงต้องเตือนซ้ำอีกครั้ง...ฮา   ส่วนห้องน้ำนั้นถูกซ่อนเร้นไว้มิดชิดหลังกำแพง  ซึ่งถ้าไม่ถามก็ไม่ทราบนะนี่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:49:19

ความคิดเห็นที่ 32 หลังจากนั้นผมก็ขอแชเชือน ไปเลาะเล็มดูบ้านญาติ ที่เขามาเยี่ยมผมเมื่อคืนวาน เขาบอกว่า อยู่ซอย "ไปดีมาดี" ชื่อดูแปลกดี และอยู่ใกล้รางรถไฟเก่าสายสงขลาด้วย ผมก็เลยขับรถย้อนไปดูจุดตัดทางรถไฟว่า ซากรางเหลือไว้ให้สังเกตุหรือไม่ ซึ่งผลคือ เรียบครับ เป็นถนนเรียบร้อยไปแล้ว ขอนำภาพใน คห.2 มาดูกันชัดๆ อีกครั้ง ว่าแนวเส้นทางรถไฟเก่าสายสงขลานั้นเป็นอย่างไร นับเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่อยู่ใกล้บ้านญาติผมมาก และไม่ห่างจากจุดร่วมกับทางรถไฟสายใต้ปัจจุบัน เลย  ถ้ายังไม่มืด ผมจะขับรถเลียบทางรถไฟย้อนกลับมาทาง โรงพยาบาลหาดใหญ่เลย จากภาพข้างล่างจะเห็นแนวเส้นทางรถไฟสายสงขลาเก่านั้นแสดงด้วยเส้นสีม่วง  แต่ จะมีเส้นสีม่วงประๆ อีกด้าน ซึ่งตรงนั้นเคยมีทางรถไฟจริงๆ แต่ได้ถูกรื้อออก ตั้งแต่ สถานีอู่ตะเภาถูกยกเลิก  เพราะคงไม่สะดวกที่รถไฟจากสงขลาจะวิ่งขึ้นไปทางเหนือเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลังเข้าสถานีหาดใหญ่  (เพราะแต่เดิม เขาจะใช้สถานีอู่ตะเภาเป็น ผู้ควบคุมประแจรางที่ไป เมืองสงขลา และด้วยเหตุผลในการสร้างทางรถไฟสายใต้ ทางรถไฟจึงเบี่ยงขึ้นไปทางเหนือ ที่มาข้อมูลของการย้ายรางในอดีต จากเว็บรถไฟไทยดอทคอม ของคุณหม่องวิน ครับ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3576 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:58:25

ความคิดเห็นที่ 33 หลังจากนั้น ผมก็ย้อนกลับมาทางเดิม ทำให้ชาวคณะเริ่มสงสัยอีกแล้ว ว่าผมขับรถวน..อิอิ  รู้ทันได้ แล้วผมก็มาติดไฟแดงตรง หน้าห้างหรูแห่งหนึ่ง ก็เลยถ่ายภาพมาให้ดู นับว่าเป็นภาพสุดท้ายที่ถ่าย ในเมืองหาดใหญ่ ครับ   ต่อไปก็เป็นเมืองสงขลากันละ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:01:22

ความคิดเห็นที่ 34 แต่ด้วยความสงสัย ตอนที่ผมจัดเตรียมภาพก่อนโพสกระทู้นี้ ว่าเป็นห้างอะไรเลยค้นหาข้อมูลในเน็ต พบว่าชื่อ "สยามนครินทร์" เปิดครั้งแรกเมื่อ วันที่ 16 กพ.55 นี้เอง มีภาพเพิ่มเติมในเว็บข้างล่างนี้ ที่มา :http://picpost.postjung.com/179198.html ดูๆ แล้วก็เหมือนห้างในกรุงเทพฯธรรมดาๆ ไม่หรูหราอะไร แต่สถาปัตยกรรมข้างนอกดูหรูมาก เหมือนพระราชวังในยุโรปเลย ห้างนี้ได้มีพิธีเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 เมย.55  หลังจากผมไปเห็นมาเพียงสัปดาห์เดียว!  รายละเอียดตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://gimyong.com/talung/index.php?topic=70697.0 ส่วนภาพข้างล่างนี้ ได้มาจากเว็บ สกายสแครปเจอร์ซิตี้ นำลงเว็บโดยคุณ w-140s500l ถ่ายโดยคุณ Wanathan Potippongsa ถ่ายได้สวยมากๆ ระดับมืออาชีพเลยครับ ลิงค์ข้างล่างนี้ยังมีภาพอื่นๆ ตึกอื่นที่สวยเพิ่มเติมให้อีกครับ http://www.skyscrapercity.com/showthread.php?t=1480664&page=402&langid=5 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 16:20:06 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 16:17:44 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:12:43

ความคิดเห็นที่ 35 ในค่ำคืนนี้ การเดินทางของผมไปยังเมืองสงขลา ผมใช้ถนนกาญจนวิช เพราะเป็นที่ถนนที่วิ่งเลียบ ล้อเล่นกับทางรถไฟสายเก่า สงขลา-หาดใหญ่ ดังแสดงในภาพข้างล่าง แต่โชคไม่ดีที่มืดแล้ว เลยมองไม่เห็นอะไร แม้แต่สะพานเหล็กข้ามแหล่งน้ำต่างๆ  เพื่อนๆ ใครสนใจก็เข้าไปลิ้งค์ข้างล่างของเว็บรถไฟไทยดอทคอม ข้างล่างนี้ดู คุณ Mongwin ขาประจำรถไฟ(สายใต้) ได้เคยไปสำรวจมาแล้ว นับว่าถึงกึ๋นจริงๆ 12 สะพาน ลงทุนไปมาแล้วเกือบหมด (แม้ว่าบางแห่งจะเข้าถึงยากมากก็ตาม) http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3603&postdays=0&postorder=asc&start=0 แผนที่ของผมได้แสดงให้เห็นถึงจุดสำคัญๆ ต่างโดยรอบเมืองสงขลาด้วย เผื่อเพื่อนๆ คนใดอยากไปเที่ยว แล้วนึกไม่ออกว่าอยู่ตรงไหน (อิอิ..ผมเองก็นึกไม่ออกเช่นกัน ยกตัวอย่างเกาะยอ ทีแรกผมยังคิดว่าอยู่ในทะเลอ่าวไทยด้วยซ้ำไป  สะพานติณสูลานนท์ ผมนึกว่าต่อเชื่อมระหว่างจุดแคบที่สุดของปาก ทะเลสาบสงขลา(แหลมสนอ่อน) แต่กลับไม่ใช่  กลายไปเชื่อมเกาะยอข้างในซะนี่ ทำให้ต้องใช้สะพานยาวช่วงเหนือ 1,700 เมตร ช่วงใต้ 940 เมตร รวม 2,640 เมตร! จนได้กลายเป็นสะพานคอนกรีต ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย  ในขณะที่ปากแคบสุดของปากทะเลสาบสงขลานั้น กว้างเพียง 500 เมตร หรือ ถ้าเป็นระยะทางระหว่างแพขนานยนต์สองฝั่งก็เพียง 800 เมตรเอง     ก็เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการจราจรในเมืองสงขลานั่นเอง คือใช้เป็นทางเลี่ยงเมืองด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:42:05

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนเข้าเมืองสงขลา ขอขยายแผนที่เฉพาะในเมืองมาให้ดูกันชัดๆ  จากการเดินทางในแผนที่ 32 ด้วยเส้นสีเหลืองแก่ ตามถนนกาญจนวนิช(สายที่ 407) มาต่อด้วยถนนไทรบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองสงขลา ไปวนหาที่พัก 2 - 3 แห่ง แล้วก็สรุปเอาที่ ชาญโฮเต็ล เพราะราคาย่อมเยา และแขกเข้าพักไม่เยอะ  (แต่ก็เงียบจนวังเวงเหมือนกัน) จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็เริ่มภาระกิจแรก ตามรอยรถไฟเก่าที่เลิกแล้ว ไปที่ท่าเรือ "สะพานเหล็ก" ด้วยเส้นสีฟ้า แล้วก็วนกลับมายังสำนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟ ด้วยเส้นสีเขียว เป็นอันจบภาระกิจในตอนนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:09:00

ความคิดเห็นที่ 37 ที่พักที่หาได้ของพวกเราคืนนี้ เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ เมืองสงขลาค่อนข้างเงียบเหงา ไม่ครึกครื้น พลุกพล่านเหมือนหาดใหญ่ หรือ ขอนแก่นที่เคยไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:11:58

ความคิดเห็นที่ 38 ในคณะมีผู้สูงอายุ ตายาย ผมก็ไม่อยากให้ท่านขึ้นบันไดมากนัก แต่ในเมืองสงขลา ยามนี้ ก็ไม่ง่ายที่จะหาที่พักแบบนั้นในราคาประหยัดได้  โรงแรมที่นี่ดูแล้วน่าจะดัดแปลงมาจากอาคารพาณิชย์ ได้ห้องพักชั้น 3 ห้อง 930, 932 แต่พอขึ้นบันไดมาชั้นแรก (ภาพล่าง) เริ่มจาก 910 - 911  กลายเป็นนับชั้นลอยคือชั้นแรก ห้องผมก็คืออยู่ชั้น 4 นั่นเอง... ไม่มีลิฟท์ ผมต้องเดินขึ้นลงอีกรอบเพื่อมาเก็บของในรถ และล็อครถก่อนนอน พร้อมเก็บภาพยามค่ำคืนที่น่าประทับใจตามธรรมเนียม ด้วย..เฮ้อ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:16:40

ความคิดเห็นที่ 39 บันไดโรงแรมนี้ ดูแล้วฉงนไม่น้อย เพราะตรงจุดพักบันไดดูคล้ายมีกระจกเงา พอเข้าไปดูใกล้ๆ กลายเป็นช่องโล่งระหว่างอาคาร ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกันอยู่อีกฝั่ง เหมือนกระจกเงา ทำให้นึกเสียวๆ ว่าระหว่างเดินขึ้นลง ถ้ามีใครอยู่ฝั่งโน้น เดินพร้อมเรา แต่หน้าตา ไม่เหมือนเรา ไม่เหมือนมนุษย์ปกติขึ้นมา....บรื๋อยย์..รู้สึกหลอนๆ อย่างไรชอบกล จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:19:21

ความคิดเห็นที่ 40 ผมขึ้นมาถึงหน้าห้องพักของผมในคืนนี้แล้วละ...  เปิดประตูเข้าไปก็พบกับบรรยากาศสลัวๆ ดูหวานแว๋วอย่างไรชอบกล จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:21:25

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพซ้าย : ทางซ้ายของเตียงนอน เป็นห้องน้ำ ผนังหน้าห้องน้ำมีกระจกในระดับเตียงนอนด้วย เหมือนห้องสวีท ที่จะได้เห็นตัวเองกับแฟนนอนกัน แต่ในใจผมกลับรู้สึกผวาๆ ว่า จะมีคนมานอนเพิ่มให้อีกคนในยามดึกๆ...คิดไปเอง..แฮ่ๆ ภาพกลาง : ชอบใจภาพนูนต่ำตรงหัวเตียงรูปดอกบัวบาน ดูแล้วจิตใจรุ่มร้อนอย่างไงชอบกล ภาพขวา : หันมาทางปลายเตียง มีทีวีและเฟอร์นิเจอร์เรียบๆ ง่ายๆ ขาดเพียงตู้เย็น ทำให้ต้องใช้กระติกน้ำแข็งช่วย  ไม่หรูเหมือนเมื่อคืนวาน ที่นอนหาดใหญ่เลย.. ฮือๆ เงินน้อยก็แบบนี้แหละ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:25:46

ความคิดเห็นที่ 42 ลองสำรวจ หาจุดดีของที่นี่บ้าง เผื่อเป็นกำลังใจว่าผมคิดถูกแล้ว เข้าห้องน้ำตามธรรมเนียม พบว่ามีหน้าต่างชมวิวด้วย (ภายหลังจึงทราบว่าเป็นหน้าต่างต่อเนื่องจากนอกห้องน้ำ เพราะหน้าต่างมีมาก่อน แล้วจึงมีการกั้นห้องน้ำในภายหลัง) ห้องน้ำของห้องนี้ กว้างมาก เรียกว่าเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้อีกห้องเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:28:03

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพซ้าย : ผนังตรงปลายเตียง มีหัวเจ้าเอเลี่ยน..เอ๊ย.. ที่แขวนผ้าอยู่ 2 อัน ดูแล้วคล้ายพวกมันกำลังจ้องมองเราอยู่  คนออกแบบเข้าใจคิด ภาพขวา : ระหว่างรอท่าน ผบ.อาบน้ำอยู่ เห็นกระจกตรงเตียงนอน ระหว่างนอนก็เลยคว้ากล้องมาถ่ายตัวเองสักภาพ ว่าจะมี ภาพติดวิญญาณ แบบในภาพยนต์เรื่อง เดอะชัตเตอร์กันบ้างหรือไม่  เพราะแสงสลัว บรรยากาศมันดูเป็นใจ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:31:33

ความคิดเห็นที่ 44 เช้าแล้ว...ฮ้าววว...  ออกไปชมบรรยากาศนอกห้องกันดีกว่า  ก่อนออกจากห้องขอมองผ่านช่องตาแมว ตรงประตูหน้าห้องก่อน บอกตรงๆ ว่าเมื่อคืนรู้สึกไม่ค่อยกล้ามองช่องรูนี้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:33:27

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพซ้าย : ก่อนออกไปจากห้อง ลองไปดูวิวที่หน้าต่างหน้าห้อง (หลังประตู) กันก่อน เป็นหน้าต่างต่อเนื่องมาจากในห้องน้ำนั้นแหละครับ ภาพขวา : มองลงไปข้างล่าง เห็นรถของผมที่จอดอยู่ข้างล่าง รถยังอยู่...  อากาศชื้นแฉะจากฝนที่ตกตอนดึก ซึ่งตอนนี้ได้หยุดตกแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:35:42

ความคิดเห็นที่ 46 ก่อนออกจากห้อง เหลือบเห็นป้ายประกาศหลังประตู เน้นเรื่องความรับผิดชอบทรัพย์สินของแขกที่มากพัก  กับแผนผังทางหนีไฟของชั้น 3 ซึ่งมีเส้นทางเดินตามเส้นสีม่วงของผม  และตำแหน่งห้องพักอีกห้องของญาติๆ ชาวคณะที่เป็นห้องใหญ่  แปลนดูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่อาจจะงงตรงทางหนีไฟอยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมจะลองเดินไปสำรวจดู จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:39:18

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพซ้าย : เปิดประตูหน้าห้องออกมา มองไปทางซ้าย เห็นป้ายบอกทางหนีไฟ อยู่เหนือช่องทางเดินระหว่างห้อง(ตรงกลางตึก) ภาพขวา :  บันไดขึ้นลงที่หลังจากผนังระหว่างอาคารได้ถูกรื้อออก จนเหลืออย่างที่เห็น เกิดเป็นโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตาไปเลย เมื่อคืนผมไม่ทันได้สังเกตุจริงๆ ว่าเป็นแบบนี้ เพราะยังคงมึนงงกับ ช่องโล่งตรงที่พักบันไดอยู่เลย...ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:53:44

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพซ้าย : เข้าไปช่องทางเดินกลางระหว่างห้อง ที่ถือว่าอยู่ตรงระหว่างอาคาร แต่เยื้องไปทางขวามือ เพราะคานระหว่างอาคาร ไม่ได้อยู่ตรงกลางพอดี  ทางเดินจึงดูเล็ก แค่ประมาณ เมตรเดียว  สุดทางเดินก็คือระเบียงด้านหน้าอาคาร  ประตูห้องฝั่งผมได้อยู่ตรงเชิงบันไดเลยไม่มีให้เห็น ทำให้ห้องนอนผมดูกว้างกว่าห้องอื่นๆ ในกลุ่ม 4 ห้องนี้ ภาพกลาง : มาถึงสุดทางเดินกลาง มองไปทางซ้าย เป็นระเบียงด้านหน้าฝั่งซ้าย ดูรกๆ คงไม่ค่อยมีคนมาตรงนี้นัก ภาพขวา : มองไปทางขวามือ ก็ได้เจอกับ บันไดหนีไฟ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:59:17

ความคิดเห็นที่ 49 ขอซนขึ้นไปชมวิวชั้นบนสุดของโรงแรมกันหน่อย  ต้องผ่านชั้น 4 ในภาพซ้ายก่อน แล้วถึงจะเป็นชั้น 5 บนสุด(อันที่จริงก็คือชั้นที่ 6) ที่มีประตูเหล็กล็อคอยู่...ว้า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:05:16

ความคิดเห็นที่ 50 ผมออกไปชมวิวที่ระเบียงไม่ได้ ก็ขอสอดกล้องผ่านประตูเหล็กไปก็แล้วกัน ภาพซ้าย : ข้างหน้าเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มองเห็นทิวเขาผืนแผ่นดินตรงข้ามกับ เมืองสงขลา ที่ติดกับเขต อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง และแอบเห็นสะพานติณสูลานนท์ช่วงเหนือเล็กน้อยด้วย ภาพขวา : มองไปทางขวามือ ด้านทิศเหนือ เป็นเมืองสงขลาเต็มๆ โดยมีเขาตังกวนอยู่เป็นพื้นหลังไกลๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:11:22

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพซ้าย : ลองมองไปซ้ายบ้าง เป็นด้านทิศตะวันตก จะเห็นเกาะยออยู่ตรงกลาง และสะพานติณสูลานนท์ทั้งสองช่วงเลย ภาพขวา : ลองพยายามหาช่องลูกกรงเหมาะๆ เพื่อดูสะพานติณสูลานนท์ช่วงเหนือให้มากที่สุด (ช่วงใต้มองไม่ค่อยเห็นนัก) แล้วใช้ความสามารถของกล้องซูมภาพ ดึงเข้ามา ได้ภาพเกือบเต็มสะพาน นับเป็นภาพที่ไม่สามารถมองจากเขาตังกวนสูงๆ ได้ เพราะทิวเขาฝั่งเหนือ ในรูปซ้ายคห.50 ได้บดบังไปหมด ผมจึงรู้สึกถึงคุณค่าของภาพนี้ จึงได้นำลงเป็นภาพพื้นหลังเปิดกระทู้ในตอนนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:15:54

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพบน : นึกได้ว่าชั้นล่างกว่านี้ มีหน้าต่างที่เปิดออกได้ น่าจะดูวิวแบบริมไซด์ได้ดีกว่าชั้นบน จึงลงมาที่ชั้น 4 ภาพล่าง : ออกมาดูวิวกว้างแบบสบายๆ โล่งๆ ของเมืองสงขลากันก่อน..เฮ้อ..  แต่มีจุดด้อยกว่าชั้นบน คือ มองแทบไม่เห็นสะพานติณสูลานนท์ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:18:40

ความคิดเห็นที่ 53 นึกๆ ไปก็ขำ ต้องแอบๆ ดูวิวเมืองสงขลากันบนยอดตึกของโรงแรมที่พักนี่แหละ ไม่ได้บอกจนท.โรงแรม กลัวเขาปฏิเสธ และสงสัยเราว่าขึ้นมาดูอะไร หรือสำรวจโรงแรมเขาไปทำไม...ฮา แต่ก็ได้รสชาติไปอีกแบบ แถมฟรี ชนิดที่ว่า ดูจากยอดเขาตังกวนไม่เห็น ภาพซ้าย : ลองมองไปทางซ้ายดู เป็นบริเวณด้านหลังโรงแรม มีศาลาไทยกับ โกฎิอยู่ด้วย.... นึกแล้วว่าทำไม่รู้สึกวังเวงอย่างไรชอบกล ภาพขวา : ทางขวามือเป็นเมืองสงขลา สังเกตุเห็นยอดเขาเล็กๆ 3 ลูกที่มีชื่อเสียง คือ เขาตังกวน, เขาน้อย และเขาเก้าเส้ง(ซึ่งผมเองไม่ทราบข้อมูลนี้มาก่อน มารู้ตอนที่จัดเตรียมภาพกระทู้ เลยทำให้พลาดไปอีกแห่ง...สงขลานี้มีสถานที่เที่ยวเยอะเหมือนกันนะครับ ตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรน่าเที่ยว รู้จักแค่หาดสมิหลา และเขาตังกวน เท่านั้น) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:24:27

ความคิดเห็นที่ 54 ดูวิวด้านเหนือของโรงแรม แล้วก็ลองเปลี่ยนมาดูด้านใต้บ้าง  แต่ด้านนี้เป็นหน้าต่างบานเกร็ด (ตามในภาพ คห.47) และมีตึกสูงคู่ขนานมาบดบังด้วย เลยได้ภาพออกมาแค่เท่าที่เห็นนี้ (ทิวเขาที่เห็นในภาพ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเขารูปช้างหรือไม่) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:29:13

ความคิดเห็นที่ 55 ภาพซ้าย : ชมวิวจนอิ่มจุใจแล้วก็ลงไปหาสมาชิกที่ชั้น 3 ห้องใหญ่กันหน่อย ตอนกลางวันนี้ สีสรรบันไดดูจัดจ้านแสบตาดีจัง ภาพขวา : เข้าไปในห้องใหญ่ ขอเก็บภาพเตียงนอนเรียงกัน 2 เตียงสักหน่อย ด้วยราคาเพียง 570 บาทนับว่าคุ้มจริงๆ นอนกัน 4 คน! เฉลี่ยคนละร้อยกว่าบาทเอง..เหมาะสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างพวกเรา แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 19:33:09 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:32:13

ความคิดเห็นที่ 56 ลองสำรวจเฟอร์นิเจอร์อื่นๆในห้องนี้บ้าง  มีกระจกเงาแบบเฉียง ดูแปลกตาและหวาดเสียวอย่างไรชอบกล (กลัวคมกระจกข้างบนจะบาดเอา)  ในห้องนี้มีที่แขวนผ้าแบบหัวเอเลี่ยน (ผมตั้งชื่อให้เองนะครับ) ถึง 4 หัว เพิ่มความหยองตอนดึกๆ เข้าไปอีก  อ้อ..ตรงหัวนอนเตียงขวา มีรูปภาพนูนต่ำ คล้ายยันต์ อักขระโบราณ แถมปิดทองให้อีกด้วยเพิ่มความขลังให้กับห้อง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:36:48

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่พลาดดูห้องน้ำตามระเบียบ มีขนาดเล็กกว่าห้องผม แต่ดูไม่คับแคบ พอดีๆครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:38:11

ความคิดเห็นที่ 58 ลองไปดูวิวที่หน้าต่างบ้าง ภาพขวา : เริ่มจากหน้าต่างข้าง ซึ่งมุมเดียวกับที่เห็นมาแล้วจากชั้นบนครับ ภาพซ้าย : ทางหลังห้องมีประตูเปิดออกไประเบียงด้านหลังได้  อันนี้ถือว่าได้เปรียบกว่าห้องที่ผมนอน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:40:04

ความคิดเห็นที่ 59 ผมออกมายืนชมวิวที่ระเบียงด้านหลังโรงแรม น่าเสียดายที่มีตึกเยอะ เลยบดบังทัศนียภาพไปมาก ดูคล้ายกับที่กรุงเทพฯเหมือนกัน  แต่ข้างล่างมีศาลาไทยกับโกฎิสีขาว เดี๋ยวเราจะลงไปดูใกล้ๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:43:13

ความคิดเห็นที่ 60 ภาพซ้าย : ผมลงมาข้างล่างแล้วตอนนี้ ตรงหน้าศาลาไทยมีโกฏิอยู่ 3 องค์  ศาลาไทยมีชื่อติดอยู่ "ศาลาขุนโภคาพิพัฒน์" สอบถามคนแถวนั้นดู เขาบอกว่าเป็นของเจ้าที่ดินเก่าแห่งนี้ ตั้งแต่สมัยโบราณ ครับ ลูกหลานจึงได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์ ภาพขวา : หันกลับไปมองอาคารโรงแรมอีกครั้ง พอคะเนได้ว่า ห้องแต่ละชั้นอยู่ตรงไหน ดูๆ ไป รู้สึกว่าจะมีอีกชั้นหนึ่งอยู่เหนือชั้นบนสุดที่มีประตูลูกกรงล็อค เพียงแต่ไม่เต็มชั้น อาจมีไว้เก็บแท๊งน้ำ หรือเก็บของก็ได้ อาคารนี้ดูจะสร้างมานานพอสมควร หากแต่ มีการปรับปรุงใหม่ จนดูดีจากภายนอก ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:47:56

ความคิดเห็นที่ 61 ถึงเวลาไปเช็คเอาท์ได้แล้ว เพราะที่นี่ไม่มีอาหารเช้าแถม (เนื่องจากเป็นห้องพักราคาย่อมเยา) เดี๋ยวผมต้องออกไปหาร้านอาหารใกล้ๆ ทานก่อนเริ่มภาระกิจสำรวจทางรถไฟเก่าสงขลากัน ภาพซ้าย : ประตูด้านหลังของโรงแรม มองเข้าไปจะเห็นบันไดขึ้นไปห้องพักข้างบน ภาพกลาง : เดินเข้ามาล๊อบบี้แล้ว นับว่าตกแต่งได้สวยทั้งๆ ที่เป็นตึกแถวธรรมดา ภาพขวา : ขวามือด้านหลังป้ายชื่อโรงแรม จัดเป็นมุมพักผ่อนอ่านหนังสือ ดูทีวี แต่.....ร้อนอบอ้าว เพราะเขาไม่ได้เปิดแอร์ ตั้งแต่เมื่อคืนที่เข้ามาเช็คอิน  (คงเป็นเพราะต้องการประหยัดกระมังครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:52:34

ความคิดเห็นที่ 62 ตอนนี้ผมกำลังรอเช็คเอาท์อยู่ ผมต้องทำเรื่องคืนกุญแจที่ทางโรงแรมเก็บเงินค่ามัดจำไว้ ห้องละ 200 บาท ระหว่างนี้ ก็เก็บภาพป้ายราคาห้องพักบนเคาน์เตอร์ไว้อ้างอิงภายหลัง  (เมื่อเวลาผ่านไป ผมเองก็ลืมเหมือนกันว่า พักที่ไหนราคาเท่าใด เพราะไม่ได้จดไว้) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:56:09

ความคิดเห็นที่ 63 ก่อนออกจากโรงแรมไป ขอเก็บภาพการออกแบบส่วนล๊อบบี้ที่ดูทันสมัยมากๆ มีส่วนเว้ายื่น ดูได้ไม่เบื่อเหมือนอาคารพาณิชย์ทั่วไป  แต่สะดุดตาศาลเจ้าที่แบบจีน(ตี้จู้เล่าเอี๊ยะ) ที่สวยงามดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:01:06

ความคิดเห็นที่ 64 เช็คเอาท์เสร็จแล้วก็วนรถอ้อมด้านหลังโรงแรม มาหาร้านอาหารกินกันแถวๆนั้น เป็นร้านตึกแถวธรรมดาๆ แต่มีศาลเจ้าที่ในร้านที่ยิ่งใหญ่อลังการณ์มาก แถมเปิดเพลงจีนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ฟังด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:03:39

ความคิดเห็นที่ 65 จากแผนที่ในคห.36 ที่ผมเพิ่งรวบรวมตอนจัดเตรียมภาพ ซึ่งแสดงเส้นทางรถไฟสายเก่าสงขลา-หาดใหญ่ด้วยเส้นสีชมพู ทำให้ผมเองก็เพิ่งรู้ว่า เส้นทางนี้ได้วิ่งอ้อมหลังโรงแรมที่ผมพักไปชนิดที่เรียกว่า ไม่ถึงยี่สิบเมตรเลย แถมยังโค้งไปผ่านหน้าร้านอาหารที่ผมแวะทานตอนเช้าด้วย คือเกาะกลางถนนหน้าร้านอาหารก็คือคันทางรถไฟนั่นเอง  นับเป็นเรื่องคาดไม่ถึง ที่ผมยังไม่ทันคิดออกเดินทางไปหารางรถไฟ แต่ทางรถไฟดันมาอยู่ใกล้เอง และตอนที่ผมวิ่งอ้อมด้านหลังโรงแรมไปยังร้านอาหารก็คือ ผมได้วิ่งบนถนนที่เคยเป็นทางรถไฟสายเก่าเส้นนี้ด้วย...อา ที่ผมทราบก็เพราะจากภาพขวาของคุณ Mongwin จากเว็บรถไฟไทยดอทคอมตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3603&postdays=0&postorder=asc&start=40 โดยนำมาเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมของกูเกิ้ล ในปัจจุบัน (ภาพซ้าย) นึกไม่ถึงจริงๆ ทางรถไฟเก่าเส้นนี้จะแอบซ่อนอยู่ใต้พื้นดินเมืองสงขลา ในหลายจุด เหมือนดัง ทางรถไฟสายบางบัวทองเก่า ที่ผมเองก็เพิ่งทราบว่า เคยผ่านหน้าคอนโดผมที่บางพลัด ในซอยจรัญ 57 จึงนับเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:41:15

ความคิดเห็นที่ 66 นับเป็นก้าวแรกที่ดีของการสำรวจทางรถไฟสายเก่าที่สงขลาแห่งนี้ จากแผนที่ในคห.36 ผมเริ่มออกเดินทางจากถนนไทรบุรี ต่อด้วยถนนรามวิถี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร เพื่อตรงไปยัง ท่าเรือ "สะพานเหล็ก อันเป็นปลายทางด้านหนึ่งของทางรถไฟเก่าเส้นนี้ ภาพบน : ขณะที่อยู่บนรามวิถี กำลังผ่านหน้าวัดหัวป้อมใน จะมองเห็นยอดเขาตังกวนอยู่ไม่ไกล เอาไว้ตอนหน้าผมจะพาเพื่อนๆ ขึ้นไปเที่ยวบนนั้น อาจได้เห็นแง่มุมบางอย่างที่หาดูได้ยาก ครับ ภาพกลาง : ผมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชรแล้ว กำลังผ่านหน้าวัดโพธิปฐมาวาส ฝั่งตรงข้ามวัด เป็นแนวรางรถไฟเก่า เคยมีคนมาสำรวจ จุดรวมราง(ประแจ) แล้ว ภาพล่าง :  ถนนเส้นนี้จะตัดกับ ถนนไทรบุรี(ที่ตรงมาจากหน้าโรงแรมผมพักนั่นแหละ) แล้วอีกไม่ไกลก็สิ้นสุดถนนตรงถนนนครนอก ที่เลียบทะเลสาบสงขลาข้างหน้าครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:51:58

ความคิดเห็นที่ 67 พอดีไปค้นเจอในเน็ต ภาพที่คุณ Patiew เคยถ่ายไว้ เมื่อปี พ.ศ.2552 และได้เปรียบเทียบกับ ภาพเก่า พ.ศ.2491  ต่างกันตั้ง 61 ปี ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3738&postdays=0&postorder=asc&start=140 วันนั้นผมรีบ ไม่มีเวลา เลยไม่ได้แวะลงจอดรถดูตามถนน แต่พอทราบคร่าวๆ ว่าทางรถไฟเก่า ได้คู่ขนานกับถนนกำแพงเพชรที่ผมวิ่งไป ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:00:20

ความคิดเห็นที่ 68 ภาพบน : ข้างหน้าสุดถนนกำแพงเพชร พอมองเห็นซอยโล่งๆ เยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย ซึ่งก็คือท่าเรือ "สะพานเหล็ก" นั่นเอง ภาพล่าง : ผมลงรถมาดู ซากรางเก่าบนถนนที่พุ่งตรงไปยังท่าเรือ  เห็นทีแรกก็นึกสงสัยเช่นกันว่าทำไมถึงโค้งหักศอกแบบนั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:03:18

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพขวา : ยิ่งรู้สึกงง สงสัยใหญ่ เมื่อมองกลับมาทางฝั่งที่ผมยืนอยู่  มีรางรถไฟ 2 แนว วิ่งขนานกันไป! ภาพซ้าย : และเมื่อมองตามรางไปทางซ้ายมือ รางทั้งสองก็ถูกคร่อมไว้ด้วยร้านกาแฟ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:06:17

ความคิดเห็นที่ 70 งานนี้ต้องลงเดินข้ามถนนไปดูราง ที่มุ่งไปยังท่าเรือเอง ไม่กล้านำรถเข้าไป เพราะสังเกตุเห็นเครื่องกั้น "ห้ามเข้า" อยู่ตรงหน้าประตูด้วย ก่อนข้ามถนนก็มองไปทางซ้ายที ขวาที   ทางขวามือ(ภาพขวา)จะสังเกตุเห็นประตูเมืองเก่าตั้งอยู่กลางวงเวียนไกลๆ ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:09:12

ความคิดเห็นที่ 71 ผมเดินมาถึงประตูท่าเรือแล้ว ไม่ได้เข้าไปข้างใน เลยยืนถ่ายภาพสะพานเทียบเรือ โดยใช้กล้องซูมภาพเอา แทบไม่เห็นซากของรางรถไฟเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:11:09

ความคิดเห็นที่ 72 พอดีได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ต ถ่ายโดยคุณพรเลิศ ละออสุวรรณ ประมาณปี พ.ศ.2477 นำลงเว็บ รถไฟไทยดอทคอม โดยคุณ Mongwin (อีกแล้วครับท่าน..อิอิ) http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3738&postdays=0&postorder=asc&start=90 เมื่อนำมาเทียบกับภาพของผม ก็ทำให้ทราบว่าคือรางรถไฟจริงๆ ครับ ที่ถูกฝังอยู่บนถนน โดยเมื่อมีการปรับพื้นถนนให้สูงขึ้น ก็จะฝังรางให้ลึกลงไปเรื่อยๆ  แต่นับว่าโชคดีที่ยังพอโผล่มาให้เห็นเป็นบุญตา ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:16:02

ความคิดเห็นที่ 73 พอดีคุณ Mongwin ได้เคยไปสำรวจ ถ่ายภาพตรงสะพานเทียบเรือมาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2551 ตอนนั้น ยังเห็นซากรางชัดเจนเกือบตลอดแนวบนสะพานเทียบเรือเลย แต่ในปัจจุบันได้ถูกฝังไปมิดบนแนวสะพานเทียบเรือ เหลือแค่บนดินก่อนถึงสะพานเทียบเรือเล็กน้อย ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:22:40

ความคิดเห็นที่ 74 ภาพซ้าย : ผมลองมองไปทางขวามือ เห็นมีอาคารไม้เก่า คล้ายกับสถานีรถไฟอยู่ คาดว่าคงสร้างนานแล้ว อาจเป็นสมัยที่รถไฟยังวิ่งมาถึงที่นี่ สถาปัตยกรรมเลยคล้ายกัน ภาพขวา : หันหลังกลับไปมองปากซอย ทางที่เดินเข้ามา พอคาดเดาแนวรางรถไฟได้ตาเส้นประสีม่วงนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:25:45

ความคิดเห็นที่ 75 ระหว่างที่ค้นหาข้อมูลในกระทู้รถไฟไทยดอทคอม ตามคห.72 เลยทำให้ทราบว่า ทางรถไฟที่มาตรงนี้ จริงๆแล้วมี 2 เส้นขนานกัน ตามรูปบน (ซึ่งเป็นของ คุณ Mongwin อีกแล้วครับท่าน)  ที่มีการเบนออกเฉพาะรางทางทิศใต้ เพื่อให้สอดรับกับท่าเรือ ในขณะที่รางด้านทิศเหนือนั้นจะเป็นแนวตรงขนานกับถนนกำแพงเพชรมาหยุดไว้เฉยๆ  ซึ่งในอดีตก่อนปี พ.ศ.2477 นั้นรางทั้งสองจะขนานกันตามภาพซ้าย ในคห.72 (นั่นคือ ท่าเรือในภาพซ้ายของ คห.72 นั้นคนละจุดกับ ภาพขวา คห.72 ที่ใช้ในปัจจุบัน) ที่เป็นเช่นนี้ คงเป็นเพราะในตอนแรก รางทั้งสองสร้างไว้สำหรับการรับวัสดุ อุปกรณ์ในการสร้างทางรถไฟสายใต้จากทางเรือ แต่ในภายหลัง ทางรถไฟสร้างเสร็จแล้ว ท่าเรือเดิอาจไม่เหมาะต่อการขนส่งสินค้าของเอกชนทั่วไป เลยต้องเปลี่ยนท่าเรือมายังจุดปัจจุบัน โดยคงรางทิศเหนือไว้สำหรับจอดพักตู้สินค้าไว้เท่านั้น  ซึ่งรางจุดนี้ ทางคุณ Patiew ก็ได้เข้าไปสำรวจจนพบปลายราง ที่เป็นแป้นปะทะอยู่กลางบ้านหลังหนึ่งพอดี! (ผมเองก็เพิ่งเข้าใจ เพราะตอนแรก ก็รู้สึกงงๆ ว่า ทำไมเขาจึงแนะนำกันให้ไปดูรางที่ยังคงเหลือนอกท่าเรือกันนะ...) ภาพกลางและภาพล่าง : ตอนนี้ผมเลยเข้าใจ และพอวาดแนวรางรถไฟบนถนนได้ ดังที่เห็นครับ (โอ้ว...รางถูกฝังอยู่ใต้ร้านค้าสีส้มทั้งหลัง เลยทำให้เราไม่ทราบทิศทางของรางด้านเหนือได้ง่ายๆ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:39:25

ความคิดเห็นที่ 76 ถึงเวลาไปสำรวจจุดต่อไปแล้ว... ผมขับรถกลับมายังถนนรามวิถี เพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนทะเลหลวงไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:41:23

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าผมจะบอกว่า ผมจะพาเพื่อนๆ ไปซื้อตั๋วรถไฟที่สงขลา เพื่อนอาจงง และคิดว่าผมบ้าแล้ว  เพราะรถไฟไม่ได้วิ่งมาที่สงขลา มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 โน้น!  (แม้ว่า จะเคยมีรถไฟวิ่งมาที่สงขลา เมื่อประมาณปี พ.ศ.2527 เพียงครั้งเดียว เพื่อการโฆษณาธุรกิจบ้านจัดสรรแถวหน้าสถานีรถไฟ...ฮา   ที่มาข้อมูลนี้ มาจากคุณ OutRun แห่งเว็บรถไฟไทยดอทคอม.ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5178&postdays=0&postorder=asc&start=50 )  แต่ในความเป็นจริง เรายังสามารถซื้อตั๋วรถไฟที่ สงขลาได้นะครับ เพียงแต่ ต้องไปขึ้นรถที่ หาดใหญ่ เท่านั้น เอาล่ะ.. แม้จะเป็นแค่สถานีซื้อตั๋วรถไฟเท่านั้น ก็ยังมีกลิ่นไอ..จนท.รถไฟ ตั๋วรถไฟที่สงขลาอยู่ ผมจะพาเพื่อนๆ ไปชมกันครับว่าอยู่ตรงไหน ภาพล่าง :ถึงแล้วครับ บนถนนทะเลหลวง ด้านหน้าเป็นหน่วยกู้ภัย "ร่วมใจกู้ภัย" มีจุดสังเกตุชัดเจนคือมีรถตู้กู้ภัยจอดอยู่หนึ่งคัน ยกเว้นว่าไปออกปฏิบัติการ ก็อาจทำให้หาทางเข้าไม่เจอได้...ฮา แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 21:49:30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:47:30

ความคิดเห็นที่ 78 เลี้ยวซ้ายเข้าไป ก็จะเห็นอาคารสีขาว คล้ายตึกแถวตั้งอยู่เดี๋ยวๆ ไม่ผิดหรอกครับ สำนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:51:02

ความคิดเห็นที่ 79 เข้าไปใกล้ๆ เพื่ออ่านตัวอักษรต่างๆ ที่แปะไว้ที่กระจกข้างนอก อย่างน้อยก็ช่วยลดงานของ จนท.ข้างใน ที่ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามที่สงสัย  สำนักงานนี้เป็นเสมือน จุดจองตั๋วรถไฟเอกชน ที่มีหลายแห่งในกรุงเทพฯ นั่นแหละครับ และเวลาเดินรถที่แสดงก็คือระหว่างหาดใหญ่ กับกรุงเทพฯเท่านั้น (แต่ผมได้ลองตรวจสอบกับ เว็บรถไฟ และ ป้ายกำหนดเดินรถของสถานีชุมทางหาดใหญ่ แล้วมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรง  คงเป็นเวลาเดินรถที่นานแล้วนะครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:55:20

ความคิดเห็นที่ 80 ภาพซ้าย : ผมเดินกลับออกมา แล้วมองไปทางซ้าย ซึ่งเป็นทิศตะวันออก จะเห็นว่ามีถนนด้านซ้ายแยกเลียบพื้นที่ สำนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟ (มีประตูด้านข้างให้เข้ามาได้ด้วย) ไปจนถึง สถานีรถไฟสงขลาเก่า ถนนนี้ชื่อว่า "ถนนชัย-เพชรมงคล"   แต่ถ้าตรงไปเรื่อยๆ ตามถนนทะเลหลวง ก็จะไปสิ้นสุดที่หาดชลาทัศน์ ได้เลย ภาพขวา : มองไปยังฝังตรงข้าม พอสังเกตุเห็นรอยบนพื้นถนน คล้ายรางรถไฟ ตรงเข้าไปยังซอยฝั่งตรงข้ามที่ตรงไปยัง ฌาปนสถาน และสุสานของวัดหัวป้อมนอกเมืองได้ (แต่จากการศึกษาเส้นทางรถไฟในภายหลัง คาดว่าไม่ใช่รอยรางเก่า) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:01:58

ความคิดเห็นที่ 81 ผมเดินมาทางด้านหน้า หน่วยกู้ภัย "ร่วมใจกู้ภัย" แล้วหันกลับไปดูทางเข้าสำนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟ ว่าถ้าขับรถมาจากด้านนี้ จะเห็นเป็นอย่างไร ให้ดูดีๆ ภาพในกรอบสีม่วง เมื่อนำมาขยายจะพบเห็นป้ายชื่อซอยเล็กๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม  ผมกลับออกมาแล้วเลี้ยวขวาไปทางนั้นจึงได้สะดุดตาป้ายชื่อซอยแห่งนี้ เพราะเป็นถนนที่เกิดจากแนวรางรถไฟ ที่มุ่งไปเมืองหาดใหญ่ ตามแนวเส้นประสีชมพูบนถนน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:05:47

ความคิดเห็นที่ 82 ผมรีบจอดรถลงสำรวจทันที (ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ว่าจะเจอร่องรอยทางรถไฟสายเก่าอีกแล้ว) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:07:25

ความคิดเห็นที่ 83 ผมลองไปยืนเล็งทั้งสองด้านดู พบว่า ใช่แน่นอน ทางรถไฟในภาพซ้าย จะมุ่งไปยังสถานีสงขลา ส่วนภาพขวา จะมุ่งไป เมืองหาดใหญ่ โชคไม่ดีที่ถนนกำลังปิดซ่อม เลยแวะเข้าไปวิ่งสำรวจไม่ได้ เวลาตอนนั้นก็ไม่พอ จึงสำรวจได้แค่เท่าที่เห็น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:09:17

ความคิดเห็นที่ 84 เนื่องจากแนวรางในซอย "ถนนริมทางรถไฟ" ในภาพขวาคห.83 มองไม่เห็นเลย  จึงไม่แน่ใจว่ารางฝังไว้ตรงไหนแน่ ก็พอดี ได้ภาพของคุณ Patiew ได้ถ่ายไว้เมื่อ ปี พ.ศ.2552 ลงในเว็บรถไฟไทยดอทคอม กระทู้เดียวกับ คห.72 แล้วมาเทียบกับภาพของผม เลยพอร่างแนวรางรถไฟเก่าได้ตามเส้นประสีม่วงครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:21:15

ความคิดเห็นที่ 85 ป้ายชื่อซอยแห่งนี้ แหงนดูดีๆ จะเห็นรูปปั้นนางเงือกน้อยสีทอง อันเป็นสัญญลักษณ์หนึ่งของเมืองสงขลา (น่าจะมาจากชายหาดสมิหลา) ช่างปั้นช่างทำสมจริง คือให้ต้นแขนเธอใหญ่จัง สมเป็นนักว่ายน้ำในทะเล...ฮา ตอนนั้นผมเกิดความสงสัยว่าอีกด้านของป้าย จะเห็นด้านหลังของนางเงือกตนนี้หรือเปล่า แต่พอดูอีกด้านกลายเป็นเหมือนกัน อย่างนี้คงต้องขอเรียกว่า ประติมากรรม "นางเงือกสองหน้า" แล้วละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:24:23

ความคิดเห็นที่ 86 อ้อ..เกือบลืมไป บางท่านอาจสงสัยว่า แล้วทำไม สำนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟจึงมาอยู่ตรงนี้  พื้นที่ตรงนี้เดิมเคยใช้เป็นสถานที่ใด   จากภาพข้างล่างของคุณ Mongwin ที่ลงในเว็บ รถไฟไทยดอทคอม เป็นภาพเก่าของกรมแผนที่ทหาร ถ่ายเมื่อ พ.ศ.2517  คือเป็นคลังน้ำมันสงขลา ก่อนจะย้ายไปนอกเมือง (อ.สิงหนคร) ที่มาของลิงค์ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3603&postdays=0&postorder=asc&start=40 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:37:30