ความคิดเห็นที่ 1 ปาดอย่างรวดเร็ว  รอชมนะคะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 10:52:04

ความคิดเห็นที่ 2 มาชมมหากาฬ จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 10:58:07

ความคิดเห็นที่ 3 ลงชื่อรอไว้ก่อน เดี๋ยวมาใหม่ (เย็นๆ หรือดึกๆ ดีน้าาา???) จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 11:22:31

ความคิดเห็นที่ 4 ซาหวัดดี คุณป้าฟู และคุณ CK-ONliNE :  นับเป็นการปาดทักทายอย่างรวดเร็ว ผมแวะไปทำลิ้งค์กระทู้ตอนที่แล้ว และดูเน็ตพักเดียวเอง... ขอบคุณที่ติดตามอย่างทันควันครับ เนื่องจาก เป็นการเดินทางต่อเนื่องจากในตอนที่แล้ว ที่เมืองสงขลา ผมเลยไม่แสดงแผนที่เดินทางใหญ่ ในภาพรวม แต่จะแสดงแผนที่เดินทางในเมืองสงขลาเลยนะครับ เส้นสีชมพู คือแนวรางรถไฟเก่า ที่เคยมีและเลิกเดินรถโดยไม่ได้รื้อรางออกอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 โน้น (แต่ในปี พ.ศ.2527 จะเคยมีรถไฟมาวิ่งเฉพาะกิจเพื่อโฆษณาหมู่บ้านจัดสรรแถวสถานีรถไฟสงขลา มาเพียงเที่ยวเดียว)  จนทำให้ยังพอพบเห็นซากราง และสะพานเหล็กข้ามลำน้ำต่างๆ ได้ตามที่ต่างๆ  แต่ที่น่าเสียดายก็คือ มีการรุกล้ำที่ สร้างบ้านเรือนคร่อมรางไปมากมาย ในบริเวณเขตเมือง เส้นสีน้ำเงินเข้มคือการเดินทางจากตอนที่แล้ว สำนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟแถวถนนทะเลหลวง มาเลี้ยวขวาเข้าถนนรามวิถี ไปได้ที่จอดรถที่ปากซอยทรัพย์สินพระมหากษัตรย์1 (แต่ไม่ได้แสดงในแผนที่ เพราะกลัวจะงง) แถวๆ ตำแหน่งกำแพงเมืองเก่าในแผนที่ แล้วนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมายังปากซอยเข้าสถานีรถไฟสงขลาเก่า เพราะมีตลาดนัดพอดี  ไม่งั้นสามารถนำรถยนต์เข้าไปจอดที่ลานหลังสถานีรถไฟเก่าได้เลย หลังจากสำรวจสถานีรถไฟเก่าแล้ว ก็นั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง (ต้องทำเวลา เพราะเวลาน้อยครับ) ไปยังรถที่จอด แสดงด้วยเส้นสีฟ้า แล้วเก็บภาพบริเวณนั้นเล็กน้อย  ต่อจากนั้น ก็ตรงไปขึ้นเขาตังกวน ตามเส้นสีเขียวครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 11:27:11

ความคิดเห็นที่ 5 งั้นขอลงชื่อด้วย ถ้าเป็นเรื่องรถไฟล่ะผมชอบหมด ทั้งไทยทั้งญี่ปุ่น และอื่นๆ จากคุณ : JoJo A-Go!Go! เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 13:05:06

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีครับ คุณJoJo A-Go!Go! : ด้วยความยินดีครับ สวัสดีและขอบคุณ คุณ putan, หม่องวิน มอไซ และทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม และให้กิฟท์ล่วงหน้า ครับ  พอดีมีธุระด่วน เปิดกระทู้ปุ๊บก็หายไป 5 ชั่วโมงกว่า มาเริ่มเดินทางด้วยภาพนิ่งกันเลยนะครับ   ภาพบน : ผมขับรถมาตามถนนรามวิถี ตอนนี้กำลังผ่านสี่แยก ตัดกับถนนสงขลาบุรี ยอดเขาตังกวนอยู่ข้างหน้า  ผู้คนและรถราจอดกันมากมาย วันนี้มีตลาดนัดที่สถานีรถไฟเก่า ที่ผมต้องการจะไปพอดี....  เหลือบเห็นเสายอดแหลมตรงมุมตึกด้านซ้าย ภาพล่าง : ผ่านแยกตัดกับถนนสงขลาบุรีมาแล้ว ใกล้จะถึงสถานีรถไฟเก่าสงขลาแล้ว จุดสังเกตุคือสะพานลอยคนข้าม ซึ่งมีคนเคยบอกว่ามีเพียงแห่งเดียวในเมืองสงขลา! ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันมีการสร้างเพิ่มในจุดอื่นๆบ้างหรือเปล่า  รถราจอดกันแน่นเหมือนหน้าสนามม้าในวันที่มีม้าแข่ง งานเข้าแล้วผม เวลาที่กะไว้ว่าจะแวะสำรวจสักครึ่งชั่วโมงก็คงทำไม่ได้ แค่หาที่จอดรถยังยาก ไม่รู้ว่าจะไปจอดตรงไหน ไกลแค่ไหนแล้วเดินย้อนกลับมานานเท่าใด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:31:01

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพบน : ในที่สุดผมก็หาที่จอดได้ แถวๆปากซอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 1 แล้วนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมายังปากทางเข้าสถานีรถไฟเก่าเชิงสะพานลอยคนข้าม ตอนนี้ใกล้จะถึงแล้วครับ ภาพล่าง : ลงรถจ่ายตังค์ รีบเก็บภาพทางเข้าก่อนอื่น โอ้โฮ.. คนเยอะมาก ไม่แพ้คลองถมเลย  ระยะทางแค่ 150 เมตรจากริมถนนคงใช้เวลาเดินเป็นสิบนาทีแน่ กว่าจะสำรวจถ่ายภาพอีก คงเป็นชั่วโมงครับถือว่าจังหวะไม่ดี แถมยังถ่ายภาพยากอีก แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ขอเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ครับ (นี่ถ้าผมเลือกที่จะเข้ามาสงขลาก่อนไป ปาดังฯ ก็คงไม่เจอปัญหานี้)  แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง คือ ภาพคนมากๆ บริเวณสถานีรถไฟเก่า ที่ไม่เคยเห็นใครถ่ายมาให้เห็น ก็ถือเป็นอีกมุมมองของความแตกต่างครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:41:52

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพบน : เอาล่ะ เมื่อตัดสินใจก้าวเข้ามาแล้ว ก็ต้องลุยกัน  "ผมมาจากแดนไกล ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาอีก" ทั้งคนทั้งร่มเต้นท์ แน่นไปหมด มองไม่เห็นอาคารสถานีรถไฟเลย ในวันอื่นๆ จะเงียบเหงา แต่นี่ตรงกันข้าม ภาพล่าง : เดินเข้ามาได้นิดนึง ก็หันหลังกลับไปมองทางเข้ามา มองแทบไม่เห็นสะพานลอยคนข้ามตรงปากทางเข้าแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:45:51

ความคิดเห็นที่ 9 ไหนๆ ก็ต้องเข้ามาในตลาดนัดแล้ว ก็ขอชมสินค้าแปลกๆ กันหน่อย ในภาพจะเป็นปืนและดาบซามูไร...เอ๊ย.. ร่มที่มีด้ามคล้ายปืน กับ ดาบซามูไร   แบบนี้ถือไปในยามวิกาลอาจโดนจับได้....จะถือว่าเป็นสิ่งเทียมอาวุธหรือเปล่านะ..อิอิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:49:06

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพบน: ชมสินค้าแล้วก็อย่าเพลินไป เป้าหมายในการมาที่นี่คือสถานีรถไฟเก่าครับ เข้ามาได้พักหนึ่ง ยังมองไม่เห็นอาคารสถานีเลย ต้องคอยดูแผนที่ GPS ไม่งั้น อาจมึนงง หลงเดินผิดทิศทาง ไม่ตรงไปสถานีรถไฟเก่าได้ ภาพล่าง : หันหลังกลับไปมองทางที่เข้ามาอีกครั้ง เต้นท์ร่มจะเกยต่อกันแทบหาช่องว่างท้องฟ้าไม่ได้ ตรงนี้พอมองลอดออกมาได้ สังเกตุเห็นตึกใหญ่ ฝั่งเหนือของซอยเข้ามา มีป้าย "สำนักงานประถมศึกษาสงขลา" จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:53:24

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพบน : พ้นแนวเต้นท์ออกมาได้ ก็เป็นที่โล่งแดดจ้าเลย เริ่มมองเห็นหลังคาอาคารสถานีรถไฟเก่าแล้ว ภาพล่างซ้าย : แต่ยังต้องหาทางลอดเข้าไปอยู่ดี เพราะไม่มีทางเดินกว้างๆ ที่ตรงไปยังอาคารสถานีได้ ภาพล่างขวา : ในที่สุดก็ถึงอาคารสถานีแล้ว ตรงนี้พอมีช่องมองเห็นหลังคาทางเข้าด้านหลังสถานีได้เต็มๆ พบกระเบื้องหลังคาชำรุดด้านซ้าย ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ฝ้าผุพังลงมาได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:57:38

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพซ้าย : ก่อนจะเข้าไปในอาคารสถานี พยายามเก็บภาพหน้าจั่วสถานี ที่มีเสาติดอยู่ให้มากที่สุด ได้มาแค่เท่าที่เห็นนี้ ภาพขวา : แล้วเดินหาช่องทางเข้าสถานี จนพบ  เฮ้อ..วันอื่นๆ จะสะดวกกว่านี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:59:49

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพซ้าย : ก้าวขึ้นบันไดมามองไปทางซ้าย จะเป็นระเบียงเดินไปยังร้านกาแฟได้ เอาไว้ขากลับออกมาค่อยแวะถ่ายภาพ ภาพขวา : มองไปทางขวาบ้าง มีเสื้อผ้าแขวนแน่นเป็นตับ...เอ๊ย.. หน้าต่างอาคารสถานีที่ปิดเรียงรายอยู่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:02:00

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อเข้ามาในอาคารสถานี ตรงช่องเดินผ่านไปยังด้านหน้าสถานี ความรู้สึกในบรรยากาศเก่าๆ เริ่มกลับมา  เห็นช่องเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถไฟ ด้านซ้ายมือ ว่าแต่ที่นั่งรอผู้โดยสารอยู่ตรงไหนกัน จากคุณ : มิราช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:04:00

ความคิดเห็นที่ 15 มองไปทางขวามือ เห็นเป็นห้องอยู่หลังประตูที่ปิดตายอยู่หลังแผงขายภาพนี้ หรือจะเป็นห้องพักผู้โดยสารนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:08:29

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพซ้าย : ผมเดินผ่านอาคารสถานีออกมาด้านหน้า ที่เคยเป็นย่านรางรถไฟ ตอนนี้เป็นลานโล่ง เต็มไปด้วยแผงขายของและคนแน่นขนัด ภาพขวา : หันกลับไปมองประตูที่เดินผ่านสถานีออกมา  ความโค้งของส่วนบนประตูทำให้ดูคล้ายอุโมงค์เล็กๆ  ทำให้ผมคิดว่า ในอดีตสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีการสร้างคานได้ เลยต้องใช้วิธีก่ออิฐแนวโค้งเพื่อให้ค่อยๆ รับแรงกันไปจนบรรจบข้างบน อีกทั้งแลดูสวยงาม ไม่แข็งกระด้างด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:11:42

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย (ทิศใต้) อาคารสถานีข้างในคงเป็นห้องโถงใหญ่ ที่มีประตูเรียงรายแต่ปิดสนิทไว้ ภาพขวา : มองไปทางขวาบ้าง จะเห็นมุขยื่นออกมา โดยมีหน้าต่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเป็นห้องควบคุมประแจราง ถัดไปเป็นร้านกาแฟ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:14:14

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพบน : ลองเดินห่างออกมาจากอาคารสถานี เพื่อพยายามถ่ายภาพสถานีให้ครบ แต่เห็นแค่หลังคาสถานีเท่านั้น ร่ม เต้นท์มากมายบดบังอยู่ ภาพล่าง : เดินเบี่ยงมาทางซ้าย (ทิศใต้) พอมีช่องว่างของร้านขายของ พอถ่ายภาพอาคารสถานีในมุมเฉียงได้ แต่แดดจ้ามาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:22:39

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพบน : สถานีฝั่งใต้สุดแค่อาคารนี้เอง เลยไปเป็นที่เอกชน ป้ายสถานีอยู่ตรงไหน เห็นคนในเว็บรถไฟดอทคอมถ่ายมา ผมลองสอบถามคนแถวนั้นดู เขาบอกว่า ที่เห็นคือป้ายสถานีด้านเหนือ  ส่วนป้ายสถานีด้านใต้หายไหน ? ภาพล่าง : แท้จริงแล้วป้ายสถานีสงขลาด้านใต้นี้ยังอยู่ และอยู่ในตำแหน่งเดิมทางใต้ถัดไปจากอาคารสถานี  แต่เนื่องจากเลยไปทางทิศใต้ของอาคารสถานีเป็นบ้านคนเอกชน มีซอยเล็กๆ เข้าไป เห็นคนเดินไปเดินมาเลยไม่กล้าถ่ายภาพเข้าไป ต้องขออาศัยภาพของคุณหม่องวิน มอไซ มาให้ดูกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:28:39

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพบน : เป็นภาพป้ายสถานีสงขลาด้านใต้ (ที่ยังมีชีวิตอยู่...) ของจริง ในตำแหน่งเดิม ของคุณหม่องวิน มอไซ ที่ขอเข้าไปถ่ายภาพ   ป้ายนี้ถูกขังอยู่ในกรงดูน่าสงสาร... รอวันที่จะเปิดเผยโฉมในอนาคต ภาพล่าง : เป็นภาพของผม ที่ถ่ายเข้าไปในพื้นที่เอกชน ได้แค่นี้ น่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ทราบมาก่อน (ถึงจะทราบมาก่อน เขาคงไม่อนุญาตให้เข้าไปได้ง่ายๆ.. เพราะดูจากภาพของคุณหม่องวิน มอไซ เทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมแล้ว รู้สึกว่าอยู่ลึกมากๆ) ลิ้งค์ที่มาของภาพป้ายสถานีสงขลาด้านใต้ จากห้องหว้ากอ ครับhttp://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/02/X10196423/X10196423.html จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:34:23

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพซ้าย : สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากเห็นภาพป้ายสถานีสงขลาด้านใต้ในอดีต ก็พอหาดูได้จากคุณ หม่องวิน มอไซ ที่ลงในเว็บ รถไฟไทยดอทคอม  เป็นภาพปี พ.ศ.2511 ก่อนที่จะหยุดวิ่ง 10 ปี ที่มา http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4121&postdays=0&postorder=asc&start=70 ภาพขวา : เป็นภาพวาดสถานีรถไฟสงขลาในอดีต (มองเห็นยอดเขาตังกวนด้วย) มุมมองจากด้านใต้ขึ้นไปทางเหนือ ป้ายชื่อสถานีที่เห็น เป็นป้ายไม้ริมชานชาลาฝั่งใต้ ก่อนจะถึงป้ายสถานีด้านใต้ ภาพนี้มาจากบอร์ดประชาสัมพันธ์งาน "สมโภชหลักเมืองสงขลาครบ 170 ปี" จัดโดย อ.ปริญญา ชูแก้ว ร่วมกับ ภาคีคนรักเมืองสงขลา เมื่อวันที่ 7 - 15 กรกฎาคม พ.ศ.2555 นำลงเว็บไซด์ รถไฟไทยดอทคอม โดย คุณหม่องวิน มอไซ ถ่ายภาพโดยคุณ Phanuchat Prasansong ที่มา http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4121&postdays=0&postorder=asc&start=110 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 17:47:19 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:44:07

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพซ้าย : ผมมีเวลาไม่มาก รีบเดินไปหาป้ายสถานีด้านเหนือกันดีกว่า  ผมเดินกลับเข้ามาในอาคารสถานีด้านหน้า ผนังตรงกลาง มีการติดป้ายประกาศต่างๆ  ที่เห็นชัดคือ ป้ายที่จอดรถของพนักงาน และพีซีห้าง  (ว่าแต่ ห้างนี้อยู่ตรงไหน คงไม่ไกลจากที่นี่นักนะครับ) ภาพขวา : เดินผ่านร้านกาแฟก่อนไปถึงป้ายด้านเหนือ มองเข้าไปดู มีร้านค้าสองฟาก เลยมองไม่เห็นรั้วเตี้ยๆ ข้างหน้าเลย    ขอผ่านไปดูป้ายชื่อสถานีด้านเหนือก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาดูกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 17:54:07

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาดูบ้านเกิด เมื่อก่อนโน้น(ไม่อยากบอกว่านานแค่ไหน) บ้านอยู่ริมทางรถไฟ ตรงแถวๆไหนนะจำไม่ได้แล้ว สมัยนั้นมีสี่แยกวงเวียนน้ำพุ และมีสถานีรถไฟจอดตรงนั้นด้วย จะชอบเดินตามทางรถไฟ ไปยังสถานีต้นทางคือสถานีสงขลา ชอบไปเดินตลาดตอนเช้าๆ มีของกินเยอะแยะ ลายตาไปหมด ดูภาพแล้วคิดถึงจังเลย จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 19:04:40

ความคิดเห็นที่ 24 บริเวณสถานีรถไฟเก่าผู้คนนี่ครึกครื้นกันเยอะมากเลยครับ บางช่วงแทบไม่มีที่ให้เดินเลย แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 19:42:49 จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 19:42:42

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีคุณ Flaminio :  ด้วยความยินดีที่รู้จักกับคนสงขลาดั้งเดิมครับ  พอทราบข้อมูลคร่าวๆ จากคุณ ว่าอยู่แถว สี่แยกวงเวียนน้ำพุ กับ มีสถานีให้รถไฟจอด ก็ลองค้นหาข้อมูลดู พบว่า สี่แยกวงเวียนน้ำพุ ก็คือ สามแยกถนนไทรบุรี ที่เป็นจุดเริ่มต้น ถนนรามวิถี ซึ่งจุดนี้จะมี ถนนนครนอกเล็กๆ แยกออกไปจาก ถนนไทรบุรี ทางด้านซ้ายด้วย  รวมเป็นสี่แยก ที่ไม่สมมาตร  และสถานีรถไฟที่จอด ก็คือ จุดหยุดรถไฟวัดอุทัย ครับ  ตำแหน่งไม่ทราบแน่ชัด ประมาณได้ว่าน่าจะอยู่ใกล้กับถนนไทรบุรี ซึ่งเมื่อวัดระยะทางไปตามรางรถไฟจนถึงสถานีสงขลา ก็จะตกประมาณ 1.5 กิโลเมตร  ส่วนระยะทางจากวงเวียนเก่า มาถึงจุดหยุดรถไฟวัดอุทัย ตามถนนไทรบุรีก็ประมาณ 280 เมตรครับ  บ้านคุณคงจะอยู่ ใกล้ๆ กับ ถนนไทรบุรี นั่นแหละครับ รางรถไฟสมัยก่อน เมื่อดูจากภาพเก่าๆ แล้ว จะพบว่า โล่งมาก ไม่มีบ้านคนขึ้นแน่นหนาอย่างในปัจจุบันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 20:26:41

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นข้อมูลเกี่ยวกับ วงเวียนน้ำพุเก่าที่ถูกรื้อหายไปในปัจจุบัน น่าสนใจเลยลองค้นหาดูในเน็ต พบภาพวงเวียนนี้ สมัยที่ยังอยู่ ทั้งภาพถ่ายดาวเทียม โดยคุณหม่องวินมอไซ และ ภาพถ่ายของคุณ Singoraman ครับ    ภาพถ่ายดาวเทียมถ่ายเมื่อปี พ.ศ.2520 ครับ ที่มา : http://gimyong.com/talung/index.php/topic,16182.msg81127.html#msg81127 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 20:51:20

ความคิดเห็นที่ 27 เพิ่งมาเห็นภาพถ่ายทางอากาศของคุณหม่องวิน มอไซ อีกภาพ ที่รวมทั้งวงเวียนน้ำพุเก่า กับ ทางรถไฟที่ตัดผ่านถนนไทรบุรี เลยมาลงให้ดูเทียบกับภาพดาวเทียมในปัจจุบัน คห.25 ครับ ที่มา : http://gimyong.com/talung/index.php?topic=10369.35 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 21:08:29

ความคิดเห็นที่ 28 ค้นไปค้นมา ชักมัน อะไรที่ทุบๆ รื้อทิ้งนี้ น่าสนเหมือนกัน ยังมีอีกแห่ง "หอนากา" หอนาฬิกากลางเมืองสงขลา ที่ตั้งอยู่กลางสี่แยก ถนนรามวิถี ตัดกับ ถนนจะนะ และถนนปละท่า ถูกรื้อทิ้งไปใน พ.ศ.2526 (ข้อมูลจากคุณ Singoraman) ที่มาของภาพหอนากา http://gimyong.com/talung/index.php/topic,8834.0.html ที่มาของภาพถ่ายดาวเทียมขวามือ http://gimyong.com/talung/index.php?topic=17534.0 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 21:27:00

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีครับคุณ Destiny-Boy : ใช่ครับ เป็นเพราะมีตลาดนัดในวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันอื่นๆ ดูเงียบเหงา จะมีเพียงก็รถที่มาฝากจอดเท่านั้น ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเงียบแค่ไหน เพราะดูจากในภาพที่คนอื่นๆ ไปถ่ายมาเท่านั้นครับ แวะออกนอกเรื่องไปนาน... สงขลาเมืองเก่า นี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเยอะจริงๆไม่แพ้กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเราเลย มาต่อกันครับ ภาพซ้าย : ผมเดินพ้นแนวร้านค้าแถวชานชาลาสถานีเก่า ออกมา ก็ยังไม่เห็นป้ายสถานีด้านเหนือ เพราะยังมีร้านขายกางเกงยีนส์อีกร้านบังอยู่ มองไปไกลๆ เห็นอาคารหลังใหญ่ ลองค้นหาข้อมูลดู พบว่าเป็นโรงแรมหรู "พาวิลเลียน" ของเมืองสงขลา คืนเป็นพันบาท ผมคงจะไม่มีโอกาสได้พักแน่ๆ ภาพขวา : เดินผ่านร้านขายกางเกงยีนส์ ออกไป ก็เริ่มเห็นป้ายชื่อสถานีด้านเหนือ ป้ายประเพณี ที่ชาวคนรักรถไฟนิยมเรียกกัน ต้องไปถ่ายมาให้ได้เพื่อเป็นหลักฐานว่า มาถึงแล้ว... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 21:37:18

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพซ้าย : มาถึงแล้ว ป้ายชื่อสถานีสงขลาเก่า ป้ายประเพณีด้านที่ยังเหลืออยู่ พลาดไม่ได้ (ตอนนั้นคิดว่าเหลือเพียงป้ายเดียวครับ) ภาพขวา : มองเลยต่อไป เป็นซอยเล็กๆไปสิ้นสุดตรงปลายรางเก่า ที่ปัจจุบันรางได้สูญหายไปหมดแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 21:39:56

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพซ้าย : ลองเดินมาดูอีกด้านของป้าย ถูกใช้เป็นที่ขึงผ้าใบด้วย นับเป็นคุณประโยชน์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน...ฮือ ภาพขวา : ผมมาถึงแล้วคร๊าบ สถานีสงขลา ขอถ่ายภาพตัวเองไว้เป็นที่ระลึก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 21:52:58

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพบน : มองย้อนไปทางอาคารสถานี ดูไกลพอสมควร  ป้ายทางด้านเหนือถูกบดบังไว้ด้วยต้นไม้และสิ่งก่อสร้างชั่วคราวหน้าบ้านแถวนั้น ภาพล่าง : เปรียบเทียบกับภาพที่ถ่ายโดยคุณ Patiew ที่นำลงในเว็บรถไฟไทยดอทคอมเมื่อปี พ.ศ.2552 ตอนนั้น พื้นที่ด้านเหนือของป้ายนี้ยังโล่ง ไร้สิ่งบดบัง ดังในปัจจุบัน  นอกจากนี้ ในภาพดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงก้านประแจราง 2 เข้าราง 3 ด้วย  ตอนที่ผมไป  ยังไม่ทราบข้อมูลนี้เลยไม่ได้เดินเลยมาดู ครับ ที่มา http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3738&postdays=0&postorder=asc&start=10 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 21:57:51

ความคิดเห็นที่ 33 และในเว็บลิ้งค์ข้างบน (คห.32) ยังได้มีภาพถ่ายทางอากาศในปี พ.ศ.2517 นำลงโดยคุณ Mongwin แสดงถึงตำแหน่งป้ายชื่อสถานี ทั้งด้านเหนือและด้านใต้ ซึ่งสังเกตุง่ายนิดเดียว เพราะป้ายจะตั้งอยู่ปลายชานชาลา ด้านเหนือและใต้พอดี ครับ (ภาพนี้ น่าจะเป็นภาพเดียวกับ ภาพขวาใน คห.28 เพียงแต่เน้นบริเวณสถานีมากกว่าครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 22:02:04

ความคิดเห็นที่ 34 ก่อนกลับ ขอถ่ายภาพป้ายด้านเหนือให้ชัดๆ และภาพตัวเองเป็นที่ระลึกอีกสักภาพ ทางด้านหลังป้าย จะสังเกตุเห็นว่า แนวบ้านที่สร้างอยู่ติดกับป้าย นั้นเป็นด้านหน้าบ้าน ทีแรกผมยังคิดว่าเป็นด้านหลังบ้าน นับว่าแปลกดีที่ มีการสร้างบ้านแบบถาวรเหมือนอาคารพาณิชย์ ติดกับที่ดินรถไฟได้ขนาดนี้เชียวหรือนี่ ?   ไม่พอแถมยังต่อเติม อะไรหน้าบ้านจนล้ำมาถึงป้ายชื่อสถานี แบบนี้ การรถไฟยอมได้อย่างไร  หรือว่า การรถไฟได้ขายที่ดินส่วนนี้ไปให้ชาวบ้านแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 22:06:26

ความคิดเห็นที่ 35 เชยชมป้ายชื่อสถานีอิ่มแล้ว ถึงเวลาต้องกลับออกไปละ วันนี้ยังมีสถานที่เที่ยวอะไรอีกเยอะ และที่สำคัญ คืนนี้จะนอนไหน? ท่านผบ.ทางบ้าน อยากให้กลับกรุงเทพฯซะคืนนี้เลยด้วยซ้ำ ภาพซ้าย : มองไปทางทิศตะวันออก ที่เคยมีรางรถไฟถึง 3 รางขนานกันไป แต่สภาพตอนนี้เป็นอย่างในภาพ ภาพขวา : มองไปทางสถานี (ทิศใต้) จะเห็นหลังคาชานชาลา และอาคารสถานีที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา รอการบูรณะก่อนที่จะพังลงมา  ทั้งๆ ที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 22:11:13

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพซ้าย : ระหว่างเดินกลับ สังเกตุดีๆ จะเห็นรางจมอยู่ในดิน ระดับเดียวกับพื้นพอดี ทำให้รถวิ่งผ่านได้สะดวก ภาพกลาง : ถ่ายโดยคุณ Patiew ลงในเว็บรถไฟไทยดอทคอม ปี พ.ศ.2552 นั้นเป็นวันปกติ ที่ไม่มีตลาดนัด เลยมองหารางได้ง่าย จะเห็นแนวรางได้ยาวกว่าผม แต่ดูๆ แล้วเป็นกองขยะดีๆ นี่เอง ครับ ที่มา : ลิ้งค์เดียวกับ ในคห.32 ภาพขวา : เป็นของคุณ Patiew อีกเช่นกัน จากหน้าสถานีมองไปทางป้ายสถานีด้านเหนือแบบโล่งๆ จะเห็นรางที่ฝังอยู่ชัดเจนครับ ภาพนี้ทำให้คาดคะเนระยะทางจากสถานีไปยังป้ายได้ด้วย  พอดีผมได้บันทึกตำแหน่งสถานี และป้ายด้านเหนือลงใน GPS Pocket PC ของผมด้วย เลยทำให้คำนวณระยะทางได้ประมาณ 70 เมตรครับ ที่มา : http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3738&postdays=0&postorder=asc&start=30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 22:19:22

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนอีก 2 ภาพนี้เป็นของคุณ Patiew ลงในเว็บรถไฟไทยดอทคอม ลิ้งค์เดิม ที่ได้ถ่ายภาพไปยังทางเข้าสถานที่เอกชน "บริษัทลีวิวัฒน์" ที่ได้เก็บรักษาป้ายชื่อสถานีสงขลาด้านใต้ไว้ในโกดังอย่างดี ซึ่งผมเองพลาดไปที่ไม่ได้ถ่ายมา เลยทำให้คาดคะเนอาคารที่เก็บป้ายไว้ว่าอยู่ตรงไหนครับ  สักวันทางการอาจจะขอทำทางให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมป้ายสถานีด้านใต้นี้ได้สะดวก นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 22:24:34

ความคิดเห็นที่ 38 ไหนๆ ก็ค้นประวัติศาสตร์กันมามากแล้ว ก็ขอนำภาพเก่าของสถานีสงขลาในอดีต มาให้ชมกันครับ ภาพบน : ภาพสถานีจากทางด้านเหนือ (มุมเดียวกับ ภาพขวาในคห.36) เป็นช่วงเปิดใช้สถานีรถไฟสงขลาใหม่ๆ พ.ศ.2459  ภาพนี้มาจากหอจดหมายเหตุฯ สงขลา นำมาลงในเว็บรถไฟไทยดอทคอโดยคุณ Mongwin ภาพกลาง : เป็นภาพสถานีถ่ายจากด้านเหนือมุมเดิม เป็นช่วงที่สถานีรถไฟใช้งานปกติ ผมชอบ ที่มองไปตามรางไกลๆ โล่งมากๆ ผู้คนไปอยู่ไหนกันหมด...  บนชานชาลา จะสังเกตุเห็นป้ายไม้เล็กๆ ที่ขยายมาให้ดูในภาพเล็ก สะดุดตาตรงชื่อภาษาอังกฤษ  "Singora" เป็นคำเรียกดั้งเดิม สมัยที่เมืองสงขลายังอยู่ฝั่งเขาแดงโน้น  ภาพนี้คุณ Mongwin ได้มาจากงานถนนคนเดิน ย่านเมืองเก่า ถนนนางงาม เมื่อตรุษจีนปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้นำลงในเว็บ รถไฟไทยดอทคอมแล้ว สุดยอดตรงที่ภาพนี้ใหญ่มากจนสามารถใช้เป็นฉากถ่ายภาพเสมือนหนึ่งว่า คนๆนั้นไปยืนที่ชานชาลาสถานีสงขลาในอดีตกันจริงๆ ภาพล่าง : เป็นภาพสถานีสงขลาที่เลิกใช้งานแล้วในปี พ.ศ.2535 ถ่ายโดยคุณบอมบ์ ลงในเว็บรถไฟไทยดอทคอม ที่มาทั้ง 3 ภาพ คือ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3576 ในวันนี้ดึกแล้ว ผมขอพักกระทู้ไว้มาต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 22:36:45

ความคิดเห็นที่ 39 วันนี้มาต่อกันครับ  ตอนนี้ก็กลับมายังอาคารสถานีอีกครั้ง แต่เข้าทางร้านกาแฟแทน ภาพซ้าย : ซุ้มประตูทางเข้าร้านกาแฟรูปโค้ง (มุมเดียวกับ ภาพขวา คห.22) มองทะลุไปยังหลังสถานี (ลานจอดรถ) ภาพขวา : เดินผ่านไปยังซุ้มประตูอีกฝั่งแล้วถ่ายภาพย้อนกลับมายังหน้าสถานี ชอบใจระเบียงไม้ ทำให้ดูคลาสสิคมากๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 09:57:35

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพซ้าย : กลับไปมองจากด้านหน้าสถานี (ภาพซ้าย คห.39) อีกที มองไปทางซ้ายมือ เป็นผนังฝั่งช่องจำหน่ายตั๋วรถไฟ เหนือขึ้นไปยังมีรูปเตือนอันตรายจากรถไฟอันเก่า ที่มองแทบไม่เห็นว่าเป็นภาพอะไรแล้ว ภาพขวา : ขวามือฝั่งริมอาคารด้านเหนือ เป็นร้านกาแฟ ที่ดูคลาสสิคมากๆ เห็นแล้วทำให้คิดถึงร้านกาแฟแถวบ้านผมสมัยเด็กๆที่ต่างจังหวัดมากครับ  ส่วนนี้แต่เดิมคงเป็นที่นั่งรอของผู้โดยสาร ในขณะที่ห้องโถงใหญ่ ด้านใต้ของอาคารที่ผมเดินผ่านในคห.15 น่าจะเป็นห้องเก็บสินค้า และห้องทำงานของ จนท.รถไฟทั้งหมดนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:37:44

ความคิดเห็นที่ 41 ถ่ายภาพในร้านกาแฟนานเกินไปดูไม่เหมาะ เพราะมีคนอื่นมานั่งกันมาก ต้องรีบๆถ่าย ภาพเลยอาจไม่ค่อยชัดนัก ภาพซ้าย : ตอนนี้ ออกมาด้านหลังสถานี แล้วหันกลับเข้าไปในร้านกาแฟอีก มองทางซ้าย (ทิศใต้) เป็นฝั่งร้าน จะเห็นแม่ค้าสาวสวยติดอยู่ในรูปด้วย... ภาพขวา : มองทางขวา เป็นทางเดินไปยังทางเข้าสถานีที่ผมเข้ามาตอนแรกครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:41:54

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพซ้าย : ผมเดินเลยมาทางริมอาคารด้านเหนือ มีช่องทะลุไปยังด้านหน้าสถานีได้ ตอนี้กำลังมีการค้าขายกันอย่างคึกคัก  แหงนดูชายคาหลังแบบเก่าที่ยังงดงาม ภาพขวา : มองกลับไปทางหน้าร้านกาแฟอีกครั้ง ซึ่งไม่สามารถถ่ายภาพหน้าร้านตรงๆได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:44:40

ความคิดเห็นที่ 43 สาเหตุที่ไม่สามารถถ่ายภาพหน้าร้านกาแฟตรงๆ ได้ก็เพราะรั้วกันตก ที่ได้แปรสภาพไปเป็นที่แขวนผ้า ลองสังเกตุดีๆ ว่าเขามีวิธีผูกเชือกแขวนเสื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:46:12

ความคิดเห็นที่ 44 ไปสำรวจอีกด้านของสถานี (ฝั่งใต้) กันดีกว่าครับ  ตอนนี้ กำลังเดินผ่านทางเข้าสถานี หันไปดูร้านค้ามากมายข้างล่าง ที่ผมผ่านเข้ามาตอนแรก แม้จะยืนอยู่บนที่สูงกว่าพื้นข้างล่าง ก็ยังมองไม่เห็นทางเข้าเลย  แหงนดูหลังคามุขยื่นข้างบน เป็นโครงไม้ดูคลาสสิคมาก  ก็เป็นแบบนี้ถึงต้องสงวนรักษาไว้  คนสมัยก่อนไม่ได้สร้างแค่เพื่อใช้งาน แต่เพื่อความงดงามด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:49:47

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพซ้าย : ทางเดินไปสุดอาคารด้านใต้เป็นช่องเล็กๆ รกๆ ตามผนังอาคารปูนได้เริ่มลอกออกมาเห็นก้อนอิฐ คล้ายโบราณสถานที่อยุธยาแล้ว  ทั้งๆ ที่อายุอาคารยังไม่ครบ 100 ปีเลย ภาพขวา : ตรงปลายสุดอาคารด้านใต้ เคยมีช่องทะลุไปด้านหน้าสถานี ตอนนี้ถูกปิดกั้นด้วยสังกะสี เป็นที่เอกชน (อีกด้าน หน้าสถานีก็ดังแสดงในรูปบน คห.19) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:57:02

ความคิดเห็นที่ 46 มองย้อนกลับไปตามทางเดินข้างอาคาร ร่มไม้ใหญ่ ทำให้ดูเป็นซอกลับแลจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 10:58:19

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพบน : ถอยห่างออกมาจากสถานี ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นศาลพระภูมิตั้งอยู่กลางลานพื้นยกระดับ ภาพล่าง : ผมเดินห่างออกมาอีกเพื่อลองหามุมเก็บภาพอาคารสถานีทั้งหมดให้ได้ แต่ก็ได้มาเท่าที่เห็นครับ นี่จะเป็นภาพสุดท้ายของสถานีรถไฟเก่าสงขลาละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 11:01:40

ความคิดเห็นที่ 48 ขอสรุปตำแหน่งจุดสำคัญของสถานทีต่างๆ โดยรอบสถานีรถไฟเก่าสงขลาดังแผนที่ดาวเทียมกูเกิ้ลข้างล่างนี้นะครับ  แหม..ช่างบังเอิญจริงๆ ที่ภาพถ่ายดาวเทียม ดันมาถ่ายเอาตอนมีตลาดนัดพอดี (แสดงร่มเต้นท์แม้ค้าด้วยสีน้ำเงิน) เลยมองไม่เห็นพื้น หรือสถานที่ต่างๆ ในวันปกติเลย..ฮือๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 11:08:03

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพซ้าย : ผมออกมาที่ถนนรามวิถี แล้วมองกลับเข้าไปในซอยสถานีรถไฟเก่าอีกที (เป็นการมองจากฝั่งถนนตรงข้ามตอนไปกลับรถผ่านมาอีกครั้ง) ภาพขวา : ถัดมาทางใต้ ของซอยสถานีรถไฟเก่า สะดุดตาหลังคาอาคารสร้างได้สวยมาก เหมือนวัด ลองค้นดูในเน็ต พบว่าเป็นห้องสมุดประชาชนสงขลา 1 ใน 3 หลัง โดยหลังนี้มีชื่อว่า "หอสมุดธรรมบรรณาคาร" สร้างในช่วงปี พ.ศ.2518 - 2519 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 11:29:08

ความคิดเห็นที่ 50 ภาพบน : ในอันที่จริง หอสมุดประชาชนสงขลานี้มี 3 อาคาร เรียงกัน  ตามรูปข้างล่าง ถ่ายโดยคุณณัฏฐ์ กาญจนโชติ เมื่อ วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2551 โดยถ่ายจากด้านหลัง (ทิศตะวันตกมายังถนนรามวิถีด้านหน้าหอสมุด) อาคารหลังคาสวยๆ อยู่ซ้ายมือ (ใต้สุด)ของอาคารอื่นๆ (น่าจะใช้สำหรับเก็บหนังสือธรรมะ)  ตอนแรกๆ ยังไม่มีอาคารกลาง มีเพียงอาคารขวาสุด ที่ใช้เก็บหนังสือทั่วไป ซึ่งสร้างในปี พ.ศ.2517 ภาพล่าง : เป็นหอสมุดหลังเดิม ที่เป็น อาคารสมาคมรัฐธรรมนูญ (น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475)  ในรูปถ่ายเมื่อปี พ.ศ.2497 จากหนังสือ "สมบัติเมืองสงขลา" ทั้งสองภาพนำจากเว็บไซต์กิมหยงดอทคอม โดยคุณหม่องวิน มอไซ ครับ ที่มา :http://gimyong.com/talung/index.php?topic=16445.0 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 11:50:57

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพบน : ผมโดยสารรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างออกจากปากซอยสถานีรถไฟ (ต้องการทำเวลา) ตอนนี้ไปกลับรถตรงแยกตัดกับถนนสงขลาบุรี  ตรงนี้เห็นอาคารที่มีเสายอดแหลมคล้ายโบสถ์คริสต์ ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้ามพอดีเลย  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาสร้างแบบนั้น หรือจะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยของสถานที่ ภาพล่าง : ย้อนกลับมาผ่านหน้าทางเข้าสถานีรถไฟเก่า ในฝั่งตรงข้าม เลยไปจนถึงสี่แยกใหญ่จุดต่อกับถนนจะนะ และ ถนนปละท่า ตรงนี้เคยมีวงเวียนหอนาฬิกา ที่นิยมเรียกว่า "หอนากา" ครับ (แสดงในภาพซ้าย คห.28) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 12:07:08

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพบน : มาถึงสี่แยก ที่เคยมีวงเวียนหอนาฬิกา ทางซ้ายมือเป็นต้นถนนจะนะ จะมีเกาะเล็กๆ อยู่ ซึ่งมีการสร้างซุ้มประตูเมืองสงขลาจำลอง  สำหรับประชาสัมพันธ์งานถนนคนเดิน "สงขลาแต่แรก"  (ฟังแล้วเหมือนจะสื่อความหมายว่า "ควรเลือกสงขลาตั้งแต่แรกเลย"   ทั้งๆ ที่ความหมายจริงๆ น่าจะหมายถึง "สงขลาตั้งแต่สมัยแรกๆ ที่สร้างเมือง") ภาพล่าง : ถัดไปอีกฝั่งของถนนเป็นหัวมุมพอดี มีป้ายประกาศของทางเทศบาลนครสงขลา  ข้างบนเป็นป้ายอีเลคทรอนิคส์ที่เปลี่ยนข้อความได้ ข้างล่างที่พื้นเป็นสวนหย่อม แต่ที่สะดุดตาก็คือ ตัวอักษรสีสรรสวยๆ "สงขลาแต่แรก" นี่แหละ  อ้อ..ข้างหน้ามีที่นั่งคล้ายป้ายรถเมล์ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 15:45:00

ความคิดเห็นที่ 53 หัวมุมฝั่งตรงข้ามถนน เป็นอาคารใหญ่ สีนวลคล้ายขนมเค๊กหน้า มีหอคอยเหมือนโรงเรียนหรือวิทยาลัยในต่างประเทศเลย เห็นตัวอักษรอยู่ตรงหัวมุมข้างบน "อาคารสำราญสุข"  คิดว่าคงสร้างมานานแล้ว ตั้งแต่ยังมีวงเวียนหอนาฬิกากลางสี่แยกตรงนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 15:50:39

ความคิดเห็นที่ 54 ภาพบน : ผมเลี้ยวซ้ายมาตามถนนจะนะ จนถึงสี่แยกตัดกับถนนไทรบุรี ตรงนี้เป็นจุดเริ่มที่จะเห็นแนวกำแพงเมืองเก่า ด้านหลังกำแพงมีซอยเล็กๆ "ซอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 1" รถผมจอดรออยู่ปากซอยนี้ ภาพล่าง : จากปากซอยทรัพย์สินฯ หันหลังกลับมาดู ตรงหัวมุมถนนด้านตรงข้าม มีบ้านไม้เก่าหลังใหญ่ คือ พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ ซึ่งสร้างจำลองบ้านเกิดของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  เนื่องจากผมไม่มีเวลา เลยไม่ได้แวะเข้าไปชมข้างใน แต่ในเน็ต มีคนเข้าไปถ่ายภาพอย่างละเอียดมาให้ดู ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=87.0 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 16:11:41 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 16:01:00

ความคิดเห็นที่ 55 ภาพซ้าย : ปากซอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 1 เป็นซอยเล็กๆ สุดซอยเป็นตลาดสดสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ทีแรกผมคิดว่าเป็นซอยทะลุไปออกถนนเส้นอื่นได้ แต่กลับตัน เป็นลานจอดรถของตลาดที่ยกระดับ โชคดีที่รถไม่เยอะสวนกันยากเหมือนกัน)  ภาพขยายให้เห็นชื่อซอยชัดๆ ด้วยความแปลกใจว่า มีซอยของทรัพย์สินฯ โดยเฉพาะด้วยหรือ เพราะปกติ จะเป็นทางสาธารณะ หรือว่า แต่ที่ดินทรัพย์สินฯ แล้วยกให้เป็นซอยสาธารณะเลยตั้งชื่อเช่นนั้น หรือไม่ก็ เกิดจากตลาดสดข้างในเป็นที่ทรัพย์สิน มีชื่อสำนักงานทรัพย์สินฯ เลยเรียกกันติดปากไป ภาพขวา : ตรงที่รถผมจอดอยู่ มองทางขวามือเป็นสวนสุขภาพ มีเครื่องออกกำลังกายเพียบ ตั้งอยู่ด้านหลังกำแพงเมืองเก่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 16:07:47

ความคิดเห็นที่ 56 ลองเดินเข้าไปชมอุปกรณ์เครื่องเล่นในสวนสุขภาพหลังกำแพงเมืองนี้ดู นึกอิจฉาคนแถวนี้มีเครื่องออกกำลังกายให้เล่นฟรี ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ คงต้องยืนรอเล่นกันนาน แน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 16:14:02

ความคิดเห็นที่ 57 ด้านหลังป้ายใหญ่ มีป้ายข้อมูลเล็กๆ เกี่ยวกับ "ประวัติเมืองสงขลา ในยุครัตนโกสินทร์"  ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะ เมืองสงขลาเป็นเมืองเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางโน้น หากแต่ สมัยก่อนยังมีการปกครองเป็นแบบหัวเมือง หรือมีเจ้าเมืองอิสระ ที่พร้อมจะไปสวามิภักดิ์กับเมืองที่ใหญ่กว่าได้เสมอ   ประวัติเมืองสงขลาในยุครัตนโกสินทร์ นี้ ถือได้ว่า พระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระกรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีการสร้างเมืองสงขลา อย่างเป็นรูปเป็นร่าง ในฝั่งบ่อยาง ซึ่งก็คือสถานที่ปัจจุบัน โดยย้ายจากฝั่งแหลมสน ด้านเหนือของปากน้ำทะเลสาบสงขลา ในปี พ.ศ.2379 และต่อมาได้มีการสร้างผังเมือง กำแพง ประตู ป้อมปราการอบเมือง ในปี พ.ศ.2385  เพราะ เมืองเดิมฝั่งแหลมสนนั้นมีพื้นที่คับแคบ ด้านหนึ่งเป็นเชิงเขา ด้านหนึ่งเป็นทะเล คล้ายหมู่บ้านชาวประมงมากกว่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 16:24:15

ความคิดเห็นที่ 58 สาเหตุที่เป็นเช่นนี้  ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา ก็จะทราบว่า ก่อนหน้านี้เมืองสงขลาไม่ได้อยู่ตรงบ้านแหลมสน  เมืองสงขลาก่อตั้งมานานอยู่ที่ฝั่งหัวเขาแดง ตรงปากน้ำทะเลสาบสงขลาพอดี (ตามภาพข้างล่าง)  พอมีหลักฐานมาว่าก่อตั้งประมาณ ปี พ.ศ.2153 - พ.ศ. 2154 โดย "ดาโต๊ะโมกุล" เป็นเจ้าเมืองสาเลย์ บนเกาะชวา (อินโดนีเซียในปัจจุบัน) ได้อพยพหนีการล่าเมืองขึ้น มายังบ้านหัวเขาแดง และสร้างท่าเรือ จนมีชื่อเสียงไปถึงกรุงศรีอยุธยา สมัยพระเจ้าเอกาทศรถ  พระองค์ท่านจึงแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงใหญ่   แต่เนื่องจากเป็นการปกครองแบบสุรต่าน มีราชวงศ์เป็นของตัวเอง ต่อมาเมื่อรุ่งเรืองขึ้น มีการผลิตเงินตราของตัวเอง และมีการสร้างป้อมปืนมากมาย ทั้งรอบกำแพงเมือง ริมทะเล และบนภูเขา โดยอาศัยเทคโนโลยีของชาวอังกฤษ จนตัดสินใจแข็งเมืองต่อกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง  ซึ่งพระองค์ก็ส่งทหารลงมาปราบหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ  จนสมัยพระนารายณ์มหาราช จึงปราบได้สำเร็จในปี พ.ศ.2223  จึงมีการทำลายป้อม หอรบ กำแพงเมืองต่างๆมากมาย กวาดต้อนผู้คนออกไปจากเมืองจนหมด  จะเหลือก็ประชาชนรอบนอกที่ต้องย้ายมาอยู่ ฝั่งแหลมสน ที่ต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็นเมืองเล็กๆ คล้ายหมู่บ้านชาวประมงริมทะเล  ผู้คนที่ถูกกวาดต้อนไป จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม   กลุ่มคนแก่ จะย้ายไปอยู่ที่ หมู่บ้านสงขลา เมืองไชยา จ.สุราษฎร์ธานี กับ กลุ่มคนหนุ่มสาวและลูกๆ เจ้าเมือง จะต้องไปอยู่ที่อยุธยา ต่อมา เมืองฝั่งแหลมสนได้มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีก แต่พื้นที่ถูกจำกัดไว้ด้วยภูเขากับทะเล เลยต้องมีการย้ายเมืองข้ามปากน้ำทะเลสาบสงขลา มาอยู่ฝั่งบ่อยางดังในปัจจุบัน ที่มาข้อมูล : วิกิพีเดีย "ประวัติศาสตร์เมืองสงขลา" http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8%B2 ที่มาของภาพ : ปรางนู BLOG http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=daynight&month=10-09-2009&group=7&gblog=10 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 17:13:55 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 17:11:53 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 17:10:14

ความคิดเห็นที่ 59 จากลิ้งค์ของคุณ ปางนู ข้างบน (คห.58) ได้มีผังเมืองโบราณสงขลาเชิงเขาแดง ผมลองนำข้อมูลมาเทียบกับ แผนที่ดาวเทียมกูเกิ้ลในปัจจุบัน ได้ดังภาพข้างล่าง   มีป้อมปืนอยู่ 15 ป้อม แบ่งหมายเลขได้เป็น 2 ช่วง คือ ป้อมที่ 1 - 9 แสดงด้วยตัวอักษรสีม่วง ป้อมที่ 13 - 18 แสดงด้วยตัวอักษรสีแดง (รู้สึกแปลก...ทำไมต้องต้องกำหนดตัวเลขให้แยกกัน แล้วขาดช่วง)  และในปัจจุบันยังคงเหลือป้อมให้เห็นอยู่เพียง 3 ป้อม  1,2 และ 9 โดยมีวงกลมสีม่วงล้อมรอบตัวเลขอีกที   ในทริปนี้ ผมเองก็ยังได้แวะไปชมท่าแพขนานยนต์ฝั่งเขาแดง ด้วย แต่ไม่ทันได้สังเกตุป้อม โดยเฉพาะหมายเลข 9 ที่อยู่ติดถนนที่ข้ามสะพานติณสูลานนท์มา ดังในรูปข้างล่างครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 17:26:08

ความคิดเห็นที่ 60 ภาพซ้าย : ลองมาดูด้านหน้าของป้ายใหญ่กันบ้าง ระบุชื่อ "ตลาดสด สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ชื่อยาวจัง  มีป้ายคอนกรีตระบุชื่อ "อุปกรณ์ออกกำลังกาย" ของ เทศบาลนครสงขลา แปลกดีที่ไม่ใช้ชื่อ สวนสุขภาพ อย่างที่คุ้นเคยกัน ภาพขวา : พอมีเวลาระหว่างรอชาวคณะที่ไปตลาดนัด ตอนที่ผมสำรวจสถานีรถไฟเก่า กำลังจะกลับมา เลยเดินมาดูอีกด้านของกำแพงเมืองเก่า แม้จะมีอายุยาวนานมา 170 ปีแล้ว ก็ยังดูใหม่กิ๊กเลย  หรือว่า เทรนความนิยมของกระเบื้องในปัจจุบันได้กลับมาเลียนแบบกำแพงแบบนี้ด้วย  มองไปไม่ไกล เห็นป้ายข้อมูลอยู่ริมถนน เดี๋ยวจะเดินไปอ่านดู แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 18:48:14 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 18:47:24

ความคิดเห็นที่ 61 มีอยู่สองป้ายวางอยู่ใกล้กัน ป้ายแรกเป็นของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ยังดูใหม่ๆ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างกำแพงเมืองนี้(ปี พ.ศ.2385) และ การรื้อกำแพงเมืองออกเพื่อสร้างถนนและขยายตัวเมืองให้กว้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2437 - 2448 จนเหลือเพียงด้านเหนือ นี้ด้านเดียว มีความยาวเพียง 144 เมตร โดยตัวกำแพงสูงประมาณ 5.5 เมตร กว้างประมาณ 4 เมตร (ระยะความกว้างนี้ คงเป็นความหนาของกำแพงนะครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 18:55:52

ความคิดเห็นที่ 62 ป้ายถัดมาเก่ากว่ามาก เป็นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีข้อความ 2 ภาษา คือมีภาษาอังกฤษเพิ่มมาอีกภาษา โดยภาษาอังกฤษจะมีเนื้อหามากกว่าภาษาไทยมา 1 ย่อหน้า เป็นเรื่องขนาดของกำแพง ที่แตกต่างจาก ป้ายแรกของกรมศิลปากร ที่ระบุความสูงของกำแพงเป็น 7.1 เมตร และบอกความกว้างของช่องกำแพง(Lap Width) เป็น 50.5 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการก่อสร้างกำแพง ที่สร้างไม่เสร็จในครั้งแรก จนภายหลังทัพหลวงที่ลงมาช่วยปราบกบฎจึงได้ช่วยสร้างกำแพงจนสำเร็จ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 19:04:33

ความคิดเห็นที่ 63 ข้อมูลเกี่ยวกับแนวกำแพงเมืองเก่าดูน่าสนใจดี ผมเลยลองค้นหาเข้าไปในเว็บกิมหยงดอทคอม พบแผนผังเก่า ที่คุณหม่องวิน มอไซ นำมาลง ดังภาพข้างล่างนี้  ดูตอนแรกก็งงๆ ว่าทำไมทะเลอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองจัง แต่พอนำวัดมาเปรียบเทียบเลยถึงบางอ้อ...ว่า ภาพแผนที่เขากลับด้าน ทิศเหนือพุ่งลงล่างออกจะเฉียงไปทางซ้าย  เปรียบเสมือนไปยืนบนเขาหัวแดงแล้วมองมายังเมืองสงขลาครับ  ผมลองเปรียบเทียบค้นหาถนนในปัจจุบันดู พบว่ามีเพี้ยนไปเล็กน้อยตรงถนนไทรบุรี กับถนนนางงาม ที่ตรงมายังประตูด้านทิศเหนือ (ประตูพยัคฆ์นามเรืองฤทธิ์)   และจะเห็นว่าประตูด้านทะเลสาบสงขลามีมากถึง 6 แห่ง ขณะที่ประตูด้านทิศตะวันออกมีเพียง 2 ประตู และประตูด้านเหนือ กับด้านใต้มีด้านละ 1 ประตูเท่านั้น   แต่ที่น่าสนใจคือ ประตูทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ประตูอัคนีวุธ) นี้ดูจะตรงกับตำแหน่งวงเวียนประตูเมือง ที่เห็นในภาพขวาคห.70 ของกระทู้ตอนที่แล้ว ตอนที่ผมไปสำรวจทางรถไฟตรงสะพานเหล็กนะครับ แต่จากมุมมองที่เห็นในภาพ น่าจะเป็นการสร้างใหม่ เพราะประตูที่ถูกต้อง ต้องหันหน้าออกทะเล ไม่ใช่หันหน้าลงใต้อย่างในปัจจุบัน    กับประตูจำลองที่ทำด้วยไม้ในภาพบนคห.52 นั้นไม่ใช่ตำแหน่งจริงแน่นอน เพราะตรงนั้นเป็นหัวมุมกำแพง ซึ่งควรจะมีป้อม (ป้อมป้องกันศตรู)แทน  แต่ทางเทศบาลคงนำภาพประตูเมือง (น่าจะเป็นประตูด้านทิศเหนือ ประตูพยัคฆนามเรืองฤทธิ์) มาแสดงให้ดูแทนนะครับ ลิ้งค์ที่มา http://gimyong.com/talung/index.php/topic,17507.0.html แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 20:38:45 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 20:11:56 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 19:43:18

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าหากนำภาพถ่ายดาวเทียมในปัจจุบันมาดู จะพอเห็นแนวกำแพงด้านเหนือที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งเริ่มจาก จุดตัดถนนไทรบุรี ไปทางซ้ายมือ(ทิศตะวันตก) แต่ไม่ถึงถนนนครใน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 19:47:56

ความคิดเห็นที่ 65 ภาพบน : ผมลองร่างแนวโครงประตูเก่า ด้านเหนือ (ประตูพยัคฆ์นามเรืองฤทธิ์) ดู โดยสังเกตุการลบมุมเข้าไปของขอบกำแพงด้านนี้ ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะประตู ที่มีการหักมุมกำแพงเข้าไปก่อนถึงบานประตู ดังในรูปล่าง ภาพล่าง : เป็นประตูเมืองที่อยู่ตรงวงเวียน จุดตัดถนนนครในกับ ถนนนครนอก ซึ่งตรงนั้น ไม่ใช่แนวกำแพงด้านใต้ ที่ประตูจะหันมาทางใต้ในปัจจุบัน ประตูที่ถูกต้องควรจะหันออกทะเล หรือหันไปทางทิศตะวันตก ขนานกับถนนนครนอก  แต่เพื่อให้คนที่มาแถวนั้นได้เห็นภาพประตูชัดๆ เลยต้องหันประตูที่สร้างใหม่ (อาจใช้ชิ้นส่วนเดิมของประตูเดิมก็ได้) เป็นดังในรูป  ซึ่งตำแหน่งตรงนั้นก็สอดคล้องตำแหน่งของประตูอัคนีวุธ ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 20:14:30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 20:08:47

ความคิดเห็นที่ 66 ภาพที่แล้ว มีความไม่เหมาะสมบริเวณพระบรมฉายาลักษณ์จึงขอแก้ไข นำลงใหม่ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 20:15:46

ความคิดเห็นที่ 67 เฮ้อ..ผ่านพ้นวิชาประวัติศาสตร์มาได้ ก็ไปเที่ยวต่อกันดีกว่า ภาพบน : จากถนนไทรบุรี เลี้ยวขวามาตามถนนจะนะ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามวิถีตามเดิม เพื่อตรงไปยังเขาตังกวน พอดีเห็นรถเมล์ท้องถิ่นสาย นครศรีธรรมราช - สงขลา สวนมาเลยถ่ายไว้ นึกแปลกใจว่า ท่ารถโดยสารนั้นอยู่เหนือไปจากตรงนี้อีกหรือ  เพราะเท่าที่ดูในแผนที่แล้ว ท่ารถโดยสารนั้นอยู่หลังโรงแรมที่ผมพักอยู่ ทางใต้ของเมืองด้วยซ้ำ หรือว่าเป็นรถเหมาพานักท่องเที่ยวเฉพาะกิจกันนะครับ ภาพล่าง : สุดถนนรามวิถี ก็ต่อด้วยถนนสุขุม (ตรงแยกถนนไทรงาม) มาอีกไม่ถึงกิโลเมตรก็ถึงสถานีลิฟท์ขึ้นเขาตังกวนแล้ว วันนี้ขอพักกระทู้กันหน่อย เพราะเนื้อหาหนักไปทางวิชาการ ไว้พรุ่งนี้จะมาต่อกันในกระทู้นี้ พาขึ้นลิฟท์เขาตังกวนกัน ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 20:36:52

ความคิดเห็นที่ 68 .. .. เป็นกระทู้ที่ทรงคุณค่ามาก ๆ เลยครับ ใครมาอ่านกระทู้นี้ถือว่าได้เที่ยวเมืองสงขลาในแบบครบถ้วนสมบูรณ์เลย ติดตามอ่านต่อครับ จากคุณ : Heian เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 00:41:01

ความคิดเห็นที่ 69 สวัสดีครับ คุณ Heian : ขอบคุณมากครับ ที่ให้กำลังใจ เนื้อหาหนักประวัติศาสตร์ไปหน่อย ผมไม่ได้ไปครบทุกจุด เพราะตอนที่ไปก็ไม่คิดว่า เมืองสงขลา จะมีอะไรน่าสนใจ น่าท่องเที่ยว นอกจาก หาดสมิหลา แถมเวลาที่มีก็น้อยนิด แค่ครึ่งวัน! ตอนเย็นต้องกลับกรุงเทพฯแล้วด้วย เพราะมาหลายวัน แวะมาหลายแห่งแล้วด้วยครับ มาต่อกันเลยนะครับ วันนี้จะได้จบตอนชัวร์ๆ ภาพบน : เนื่องจากบริเวณเชิงเขาตังกวนไม่มีลานจอดรถให้เฉพาะ ต้องจอดกันริมถนนต่อกันยาวไปเรื่อยๆ ผมต้องเลยไปกลับรถมาจอดที่ฝั่งตรงข้ามถนน โชคดีที่ไม่ไกลนัก คนแก่ พอเดินกันได้ แต่แดดจ้ามาก ภาพล่างซ้าย : ฝั่งที่จอดรถเป็นหน้าบ้านใครก็ไม่รู้ โอ้โฮ..กว้างขวางมาก และดูเพิ่งสร้างกันใหม่ๆ เลยคงรวยระดับอภิมหาเศรษฐีแน่นอน ภาพล่างขวา : สะดุดตา ทะเบียนรถที่จอดตรงหน้าผม มีป้ายภาษาอังกฤษอยู่ข้างล่างด้วย ภายหลังจึงมาทราบว่าเป็นทะเบียนแปล สำหรับรถที่จะนำออกนอกประเทศ เช่นไป มาเลเซีย ต้องไปแปลทะเบียนที่กรมขนส่ง จะได้แผ่นสติ๊คเกอร์มาปิดเพิ่มอีกแห่ง  ตอนแรกผมคิดว่าจะเป็นแผ่นสติ๊คเกอร์ใหญ่ๆ เท่าแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อมาปิดทับแผ่นป้ายทะเบียนอันเดิมซะอีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:16:35

ความคิดเห็นที่ 70 ภาพบน : เวลามีน้อย นี่ก็ 5 โมงเช้าแล้ว กว่าจะลงจากเขาตังกวน ยังต้องไปหาดสมิหลา สะพานติณสูลานนท์อีก รีบไปขึ้นเขาตังกวนกันดีกว่า เดินมาเกือบจะถึงสถานีลิฟท์แล้ว เหลือบเห็นป้ายริมถนน "คำเตือน อย่าวางอาหารและสิ่งของไว้ที่รถ อาจสูญหาย / เสียหายเนื่องจากลิงได้"  แสดงว่ามีฝูงลิงอยู่แถวนี้เยอะ โชคดีที่รถผมจอดอยู่คนละฝั่งถนน ไม่งั้นกระเป๋ารถบนหลังคามีโอกาสโดนรื้อค้นได้เหมือนกัน ภาพล่าง : ยังไม่ข้ามไป พยายามมองหามุมกล้องที่จะเห็นปล่องลิฟท์ขึ้นไปบนยอดเขาด้วย เพราะตัวอาคารบังเกือบมิด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:22:23

ความคิดเห็นที่ 71 ลองภาพหน้าตรง สถานีลิฟท์ขึ้นเขาตังกวนสักภาพ สังเกตุดีๆ ฟุตบาทตรงหน้าสถานีสูงไม่เท่ากัน ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะพื้นที่เชิงเขา แต่ไม่ใช่ครับ เขาทำไว้ให้ต่อเนื่องกับพื้นลาด สำหรับรถเข็นคนพิการ(หรือคนชรา) นับเป็นการเปิดกว้างให้กับบุคคลหลากหลาย มากที่สุดครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:24:50

ความคิดเห็นที่ 72 ตรงเชิงบันไดขึ้นสถานี ฝั่งซ้าย (ภาพบน คห.71) มีแผ่นป้ายข้อมูลอยู่ เข้าไปอ่าน พบว่าเป็นของ "ศาลาพระวิหารแดง"  ที่ตั้งอยู่ตรงบันไดทางขึ้นเขา คนละด้านกับสถานีแห่งนี้ คงกลัวคนจะลืมขึ้นไปชม และไม่รู้จัก เลยมีป้ายมาเพิ่มตรงนี้อีกแห่ง สาระสำคัญมี 2 เรื่องคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จมานมัสการเจดีย์ที่ยอดเขาตังกวนนี้ เมื่อปี พ.ศ.2432 (คงไม่ต้องสงสัยว่า เสด็จขึ้นทางบันไดด้านโน้น)  และได้ทรงดำริให้สร้างบันไดนาค จากพลับพลาขึ้นไปองค์พระเจดีย์ด้วย  ซึ่งบันไดนาคได้สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2440  (พื้นที่สูงชันมาก นึกไม่ออกว่า ตอนที่ไม่มีบันไดนาค จะขึ้นมายากขนาดไหน นี่ไม่รวมว่า ก่อสร้างเจดีย์ได้อย่างไรด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:32:02

ความคิดเห็นที่ 73 มองไปทางซ้าย(ทิศใต้ ของสถานีลิฟท์) เห็นป้ายข้อมูลอีกจุด เลยเดินมาถ่ายภาพดู เป็นข้อมูลเกี่ยวกับแผนที่ ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาพร้อมเบอร์โทรศัพท์สำคัญๆ (ภาพซ้าย)  เดินไปดูอีกด้านเป็น แผนที่ท่องเที่ยว รอบๆ เมืองสงขลา และเบอร์โทรศัพท์ สปอนเซอร์ ร้านค้า และโรงแรมต่างๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:35:41

ความคิดเห็นที่ 74 โอ้ว...เลยไปทางใต้ ยังมีป้ายอีกแห่งอยู่ห่างไกลกว่าเขา เดินไปดูใกล้ๆ เป็นป้ายข้อมูลเกี่ยวกับเขาตังกวนโดยเฉพาะ  น่าสนใจ มีสาระสำคัญคือ ยอดเขาตังกวนนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 290 ฟุต หรือ 87 เมตร มีพระธาตุเจดีย์หลวงคู่บ้านคู่เมืองสงขลา (ฟังทีแรกนึกว่าอยู่ที่เชียงใหม่) ได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 4  และยังมี ศาลาพระวิหารแดง ของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ระหว่างทางเดินขึ้นอีกด้วย(อีกด้านของสถานีลิฟท์นี้)   แต่มีข้อมูลขัดกับแผ่นป้ายแรก ตรงที่ ปีพ.ศ. ที่พระองค์เสด็จประพาสนั้น ป้ายนี้เป็น พ.ศ.2431 ลองหาข้อมูลจากในเน็ตมาเพิ่มเติม พบว่า พระธาตุเจดีย์หลวงนี้ สร้างมานานตั้งแต่สมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2409 และในปี พ.ศ.2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชา ประดิษฐานไว้ ณ พระธาตุเจดีย์หลวง ด้วย อ้อ..ยังมีข้อมูลเรื่องประภาคารบนยอดเขาตังกวนอีก ว่าสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2440 ปีเดียวกับที่สร้าง ศาลาพระวิหารแดงเสร็จครับ ที่มา : http://www.thai-travel.biz/detail_main.php?region=5&province_id=11&class=3&id=1656 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:55:09

ความคิดเห็นที่ 75 สถานกงศุลมาเลเซียครับ ไม่ใช่บ้านคนรวยที่ไหนหรอก จากคุณ : Bukuwa เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 13:14:06

ความคิดเห็นที่ 76 สวัสดีครับ คุณBukuwa : ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ ผมลองค้นข้อมูลในเน็ตดู พบว่า ในประเทศไทยมีหน่วยงานของมาเลเซียอยู่ 2 แห่งคือ สถานเอกอัคราชฑูตมาเลเซีย ที่กรุงเทพฯ กับ สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ที่ สงขลา ก็คือที่นี่  ถึงว่าทำซะหรูและยิ่งใหญ่เลย    อ้อ..เรามักจะเขียนกันผิดมาตลอด (รวมตัวผมด้วย) คือ กงศุล เพราะไปมองว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ ศุลกากร เนื่องจากเป็นเรื่องการข้ามแดนระหว่างประเทศ  ทั้งๆที่ในความจริงต้องเขียนว่า กงสุล เพราะมาจากคำว่า Consul แปลว่าบุคคลที่รัฐบาล ได้แต่งตั้งไปเป็นตัวแทนที่ประเทศอื่น เน้นดูแลประชาชนของประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะเรื่องพาณิชย์ การเดินเรือ(ในสมัยก่อน) และเรื่องสำมะโนครัว จดทะเบียน คล้ายกับ ที่ทำการอำเภอ  ต่างกับ สถานฑูต ตรงที่ จะเป็นตัวแทนประเทศในระดับภาพรวม แต่ก็สามารถดูแลประชาชนประเทศตัวเองได้เช่นเดียวกับ สถานกงสุล ครับ ที่มา :http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20091007002943AAcX3hM ภาพซ้าย :  มาต่อกันครับ  เรากำลังขึ้นเขาตังกวนกัน  ตอนนี้กำลังก้าวขึ้นบันไดหน้าสถานีลิฟท์ มองไปทางซ้าย (ทิศใต้) ก็สนามเด็กเล่น ที่มีป้ายข้อมูลทั้ง 3 จุดอยู่ข้างหน้าครับ ภาพขวาล่าง :  ทางขวาของบันได เป็นทางลาดสำหรับรถเข็นคนพิการ เข้าใจทำเป็นทางโค้งรูปตัวเอส สวยดี และช่วยลดอันตรายของการลาดชัด กรณีเผลอรถเข็นหลุดมือลื่นลงมาเอง เข้าใจคิดดีจัง ภาพขวาบน : ประตูทางเข้าสถานี มีป้ายสัญญลักษณ์ห้าม 2 อย่าง คือห้ามสูบบุหรี่ กับห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไป (โชคดีไม่ห้ามถ่ายภาพ ไม่งั้นนักท่องเที่ยวอย่างผม คงลดไปเยอะ..อิอิ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 16:38:24

ความคิดเห็นที่ 77 แหงนดูข้างบน ป้ายโค้งของสถานีลิฟท์ และป้ายเล็กๆ ระบุวันเวลาให้บริการครับ  เปิดทุกวัน ที่สำคัญเวลาปิด 18:30 น. ทำให้หน้าหนาวสามารถขึ้นไปชมแสงไฟยามค่ำคืนในเมืองสงขลาได้ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 16:40:56

ความคิดเห็นที่ 78 ภาพซ้าย : ตรงหน้าประตูทางเข้าสถานี (อิอิ..ยังไม่เข้า ขอถ่ายภาพก่อน) หันหลังกลับมามองถนนด้านหน้า ฝั่งตรงข้ามมีกระท่อมเล็กๆ ทีแรกนึกว่าห้องน้ำ แท้จริงเป็นร้านกาแฟสด ครับ ภาพขวา : เอ้า...ผ่านประตูเข้ามา(ได้สักที...) เป็นป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ อลังการณ์ อยู่บนผนังห้องลิฟท์  แสงข้างในนี้น้อยกว่าข้างนอกมาก ภาพที่ได้จึงมักจะเบลอ หรือ ไหวบ่อยๆ (เพราะไม่ค่อยมีเวลากดนานๆ ต้องเดินไปกดไป แถมยังต้องเลือกแสงในกล้องว่าจะเอาตรงไหน บางทีก็มืด บางทีก็จ้า..เฮ้อ..เหนื่อยเหมือนกัน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 16:46:39

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย เป็นเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วขึ้นลิฟท์ ซื้อครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งขึ้นและลง (จึงเรียกว่า ตั๋วขึ้น-ลง คล้ายกับตั๋วรถไฟ ไป-กลับ นั่นแหละครับ) ภาพขวา : ทางขวามือเป็นทางเข้าลิฟท์ กับทางออกไปยังร้านจำหน่ายของที่ระลึก ผนังข้างบนมีรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเมืองสงขลานี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 16:52:18

ความคิดเห็นที่ 80 ภาพซ้าย : หันหลังกลับไปดู ผนังฝั่งประตูทางเข้า มีช่องกระจกเยอะเลยทำให้มองเห็นข้างนอกได้ดี... มีสองสาวกำลังถ่ายภาพด้านหน้าด้วย ภาพขวา : ซื้อบัตรขึ้นลิฟท์ ผู้ใหญ่ 5 คน เด็ก 1 คน แต่ผมดันลืมนับตัวเอง เลยต้องวิ่งกลับมาซื้อเพิ่มอีกใบ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:05:27

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพซ้าย : ลิฟท์กำลังลงมาแล้ว ไปเข้าคิวกันดีกว่า  สังเกตุพื้นด้านหน้า มีลายเส้นทางเดินและลูกศร ไว้ใช้สำหรับตอนคนเยอะแล้วหางแถวยาวมากๆ  โดยใช้เครื่องกั้นในรูปขวา คห.79 มาตั้งอีกที  วันนี้คนน้อย เลยสบายๆ ครับ ภาพขวา : เจ้าหน้าที่มาตรวจนับตั๋วก่อนเข้า จึงพบว่า ขาดไป 1 ใบ คือตัวผมเอง  จนท.เขาก็อำนวยความสะดวกวิ่งไปซื้อมาให้ด้วย ดีจริงๆ ที่บริการด้วยรอยยิ้มแบบนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:11:49

ความคิดเห็นที่ 82 บริเวณหน้าลิฟท์ มีภาพพานอราม่า มาติดให้กับผนัง 3 ด้านดูแล้วต่อเนื่องกันด้วย เข้าใจคิดดีครับ  ในภาพ จนท.ถ่ายภาพกำลังจับภาพเจ้าตัวเล็กอยู่พอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:14:18

ความคิดเห็นที่ 83 ภาพบน : รอบนี้ไม่ทัน ต้องรอลิฟท์รอบถัดไป เลยพอมีเวลาถ่ายภาพหมู่ โดยจนท.ถ่ายภาพประจำสถานีลิฟท์  ผมรีบคว้ากล้องมาถ่าย จนท.ก่อน เสียดายภาพย้อนแสงมากไปหน่อย  ห้องข้างหน้า เป็นทางออกจากสถานี มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกอยู่ด้วย ภาพล่าง : เป็นภาพหมู่ที่ได้จาก จนท.ประจำสถานี ใส่กรอบ ผสมกับภาพสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ เมืองสงขลาด้วย  หลังจากลงมาจากสถานีแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:35:42

ความคิดเห็นที่ 84 ลิฟท์มาถึงแล้ว ก็รีบเข้าลิฟท์กัน เหลือบเห็นป้ายคำเตือนข้างปุ่มลิฟท์ "คำเตือน โปรดยืนรอหลังเส้นสีแดงบนพื้น ให้ผู้โดยสารออกจากลิฟท์ก่อน" พอดีรีบ แสงก็น้อย เลยถ่ายออกมาไหววว...อย่างที่เห็นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:38:26

ความคิดเห็นที่ 85 เข้ามาในลิฟท์ ก่อนลิฟท์ปิด มองออกไปข้างนอก ถือเป็นภาพสุดท้ายของที่นี่ เพราะขาลงผมไปเดินลงอีกฟากของเขา ไม่ได้ลงลิฟท์ตรงนี้  ขวามือของประตูเป็นแผงปุ่มควบคุม เหมือนลิฟท์ทั่วไปแต่มีเพียง 2 ชั้น  ต้องใช้ปุ่มควบคุมข้างใน เพื่อสั่งหยุดลิฟท์ค้างไว้ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:42:19

ความคิดเห็นที่ 86 ภาพซ้าย : ลิฟท์พร้อมออกเดินทางแล้ว.. ตื่นเต้นๆ ใบหน้าผู้ร่วมชะตากรรมกับผมครั้งนี้ ภาพขวา : ฝั่งตรงข้ามประตูลิฟท์ เป็นประตูฉุกเฉิน มีป้ายคำเตือน "ห้ามพิงหรือดัน" และข้อมูลการเดินทางครั้งนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:46:38