ความคิดเห็นที่ 1 *** ปล. เช่นเคยฮ่ะ รูปในทู้นี้เป็นผลงานของสมาชิกในคณะ ช่วยๆกันถ่ายนะขอรับ *** ชมธารน้ำแข็งกันจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาชาวคณะต้องโบกมือลา Valdez เสียที บรรยากาศยามเช้า ริมท่าเรือ Valdez นี่ช่างเงียบสงบได้ใจมาก ร้านรวงปิดเรียบเลย -_- เว้นแต่บริษัททัวร์ Pangaea Guides ที่คึกคักมากมาย เห็นมีลูกทัวร์ 10 กว่าคนกำลังเตรียมความพร้อมก่อนออกผจญภัย หันไปดู Anadyr Adventures ที่เราใช้บริการทัวร์คายัคเมื่อวาน (ก่อนตบท้ายด้วยดราม่าเกาหลี ) ออฟฟิสเงียบสนิท ไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว ไรว๊าาาาา งั้น จขกท.ขอโฆษณา Anadyr Adventures หน้าด้านๆกันตรงนี้เลยนะเคอะ ยิ่งใครไปเป็นกรุ๊ป 3-4 คน ให้ลองใช้บริการของ Anadyr ดูค่ะ เผื่อจะฟลุ๊คกลายเป็น Private Tour แบบพวกเรานะเอ้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 18:57:00

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้เราออกเดินทางแต่เช้าตรู่อีกแล้ว เพราะจาก Valdez ไป Denali National Park เป้าหมายถัดไปของเราเนี่ย ใช้เวลาขับถึง 7 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว! ส่วนนึงก็เนื่องจากเราต้องผ่าน Denali Highway ซึ่งเป็นถนนลูกรัง ทำให้ซิ่งมากไม่ได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 18:57:40

ความคิดเห็นที่ 3 ยังดีที่ Richardson Highway มีวิวสวยๆให้ชมตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกอันน้อยตรง Keystone Canyon จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 18:57:58

ความคิดเห็นที่ 4 หรือวิวหิมะบนยอดเขาบน Thompson Pass จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 18:58:28

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ใช่แค่น้องหิมะ พี่ธารน้ำแข็งก็มากะเค้าด้วย เห็นว่า Thompson Pass เป็นจุดที่หิมะตกเยอะมากๆ ฉะนั้นเวลาเลี้ยวรถเข้า Richardson Highway จะมีป้ายบอกเลยว่า Thompson Pass เปิดให้รถวิ่งผ่านหรือเปล่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 18:59:07

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตรงหุบเขาโน่น ท่าทางจะเป็นอดีตธารน้ำแข็งที่ละลายหายไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 18:59:29

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆหลังจากผ่าน Thompson Pass ไปแป๊บนึง ก็จะเห็น Worthington Glacier อันบะเอ้งด้วยนะฮะ แต่เนื่องจากธารน้ำแข็งอยู่ด้านหลังพวกเรา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ขับผ่านมาไกลแล้ว เลยไม่ได้หยุดรถถ่ายรูปเลย เวรกรรม เนื่องจากไม่มีรูป จขกท.ขอขโมยรูป Worthington Glacier จากในเน็ตมาแปะแก้ขัดละกันเน้อ (ภาพ : corbis) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:00:17

ความคิดเห็นที่ 8 บางช่วงของ Richardson Highway จะวิ่งเลียบ Wrangell - St. Elias National Park ซึ่งเป็นอุทธยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในเมกา แถม 9 ใน 16 ยอดเขาที่สูงที่สุดในเมกา ยังมากระจุกอยู่ที่ Wrangell - St. Elias อีกด้วยนะเธอว์ >_< แต่เนื่องจากเวลาบ่มี เราก็เลยได้แต่แวะ Visitor Center ด่วนๆ แล้วชะเง้อมองวิวจากจุดชมวิวเอา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:00:53

ความคิดเห็นที่ 9 กว่าจะมาถึงสามแยก Richardson Highway กับ Glenn Highway (ทางที่จะกลับไป Anchorage) ก็ปาไปเที่ยงแหล่ว โอย หิวๆๆๆ ไปหาเบอร์เกอร์กินด่วนๆละกันนะเพื่อนๆจ๋า "เฮ้ย!" เพื่อนตอ พขร.ประจำทริป ร้องเสียงหลง "มี Thai food truck อยู่ตรงปั๊มน้ำมันด้วยว่ะ!" เกร๊ยยยยย จริงด้วย ปั๊มน้ำมันอลาสก้ามีขายอาหารไทยด้วยเนี่ยนะ ล้อกันเล่นรึเปล่า >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:01:36

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ ว่าในทำเลไกลปืนเที่ยงเยี่ยงนี้ จะมีรถขายอาหารไทย ฝีมือคนไทยอยู่จริงๆนะเธอ จขกท.แอบสัมภาษณ์คุณป้าเจ้าของร้าน แกบอกว่าย้ายมาอยู่อลาสก้าได้ 4-5 ปีแล้ว โดยจะปักหลักขายที่ปั๊มน้ำมันใหญ่ตรงสามแยก Richardson Highway กับ Glenn Highway ทุกวัน (มีอยู่ปั๊มเดียวฮ่ะ รับรองไม่พลาดแน่นอน) ส่วนชื่อรถ Tok Thai Food เนี่ย Tok เป็นชื่อเมืองในอลาสก้าค่ะ คุณป้าไม่ได้ชื่อต๊อก และร้านก็ไม่ได้ขายลาบส้มตำน้ำตกแต่อย่างใด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:02:09

ความคิดเห็นที่ 11 อาหารร้านนี้ช้าหน่อยนะฮะ เพราะคุณป้าแก made to order ทุกจาน แถมพวกเราก็ยังเรื่องมากซะ สั่งกระเพราไก่ ก็จะเอาไก่สับ เพิ่มไข่ดาวด้วย -_- แต่รสชาติออกมาแซ่บสะใจ คุ้มกับที่รอคอยฮ่ะ ส่วน spicy fried rice ของแฟนน้องปอก็อร่อยไม่แพ้กัน ฉะนั้นถ้าใครเกิดหื่นอาหารไทยระหว่างทางไป Valdez ก็เลี้ยวเข้าปั๊มไปอุดหนุนป้าแกได้นะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:02:43

ความคิดเห็นที่ 12 เขมือบน้องกระเพราะไก่ไข่ดาวเสร็จ เราก็ออกเดินทางต่อไปยัง Denali National Park Richardson Highway ส่วนที่เลยร้านป้าขึ้นไปเนี่ย วิวไม่ค่อยโดนเลย แต่พอเลี้ยวเข้า Denali Highway เท่านั้นแหล่ะ ภูเขาก็โผล่มาเป็นเทือกทันควัน! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:03:26

ความคิดเห็นที่ 13 Denali Highway มีความยาว 217 ก.ม.ค่ะ แต่ถนนราดยางไว้แค่ 50 ก.ม.แรกเท่านั้น ที่เหลือลูกรังล้วนๆ ฉะนั้นบริษัทรถเช่าเค้าจะไม่อยากให้ลูกค้าเอารถไปปู้ยี่ปู้ยำบน Denali Highway เท่าไหร่ พวกเราเองก็พยายามขับช้าๆ ไม่ให้เกิน 30 mph (50 ก.ม./ชั่วโมง) ซึ่งสุดท้ายก็รอดปลอดภัย ยางไม่แฟ่บ เพราะถ้าขืนดวงแตกยางแฟ่บขึ้นมาเนี่ย งานเข้าแน่ๆ ค่าลากรถคงหลายร้อยเหรียญอยู่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:04:06

ความคิดเห็นที่ 14 ก็บน Denali Highway นี่มีแค่โรงเตี๊ยมแค่เจ้าสองเจ้า ที่เหลือเป็นทุ่งกับเทือกเขาล้วนๆน่ะสิฮะ! ดูกันให้เอียนกันไปข้าง ทุ่งหญ้า เทือกเขา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:04:46

ความคิดเห็นที่ 15 หรือจะเป็นคอมโบ ทุ่งหญ้า เทือกเขา แม่น้ำ แต่ทุ่งหญ้าอลาสก้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่อื่นเขามีแต่ใบไม้เปลี่ยนสี ของที่นี่มีทุ่งหญ้าเปลี่ยนสีจนออกแดงหน่อยๆด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:05:13

ความคิดเห็นที่ 16 ปิดท้าย Denali Highway กันด้วยทุ่งหญ้างามๆอีกสักภาพละกันเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:05:41

ความคิดเห็นที่ 17 หลุดจาก Denali Highway มาได้ เราก็พุ่งไปที่ร้าน 229 Parks ที่พวกเราจองไว้ทันที เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า นี่เป็นร้านอาหารระดับตัวพ่อของอลาสก้าร้านนึงเรยนะฮะ แต่เนื่องจากร้านอยู่แถวๆ National Park บรรยากาศในร้านเลยออกสบายๆ ไม่ได้ดูทางการแต่อย่างใด เอ้า ชนแก้วให้พระเอกนางเอกของเราหน่อยเร๊ววววว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:06:50

ความคิดเห็นที่ 18 ชาวคณะเปิดศักราชการหม่ำด้วยหอยนางรมสดๆ กระเดือกแล้วสดชื่นนักแล จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:07:14

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนจะต่อด้วย Spicy Shrimp เผ็ดมันอร่อย featuring crispy prosciutto จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:08:02

ความคิดเห็นที่ 20 แฟนน้องสั่งปอแกะย่างฮ่ะ เฮียบอกรสชาติไม่เลวทีเดียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:08:36

ความคิดเห็นที่ 21 น่าเสียดายที่แซลมอนของน้องปอดันแป้กซะงั้น เพราะปลาเหนียวไปหน่อย -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:10:36

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วน จขกท.สั่ง Crab Ravioli ฮ่ะ ออกมาเป็นน้องพาสต้ารุ่นทำมือ เส้นพาสต้า Al Dante หม่ำแล้วขัดฟันหน่อยๆ เส้นไม่แหยะไม่นิ่ม เสียดายน่าจะเหนียวหนึบกว่านี้นิด แต่น้องปูนี่ชนะเลิศเจ้าค่ะ ชิ้นอย่างเบ้ง เนื้ออย่างหวาน ได้ความมันหน่อยๆจากซอสเนยด้วย สุโค่ยไปเลยจ้า T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:11:14

ความคิดเห็นที่ 23 ปิดท้ายรายการกันด้วย Salted Caramel Ice Cream & Passion fruit Sorbet ซอร์เบท์ใช้ได้ค่ะ แต่ไอติมนี่น่าผิดหวังมากๆ เนื้อไม่มัน ไม่เนียน ไม่นม แถมยังไม่เห็นมีรสเค็มจาก Salted Caramel ตรงไหนเลยด้วย เสียใจที่สุด T^T ส่วน Chocolate Pot de Creme (คัสตาร์ดรุ่นเหลวกว่าคัสตาร์ดปกติหน่อย) นี่ มันจะเข้มข้นไปไหน ชาวคณะกินได้ไม่กี่คำ ก็ต้องยกธงขาวกับความเลี่ยนทะลุถ้วยของน้อง Pot de Creme แล้ว -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:11:42

ความคิดเห็นที่ 24 หม่ำข้าวเย็นเสร็จ เราก็เดินทางต่อไปยังโรงแรม Motel Nord Haven ในเมือง Healy ซึ่งอยู่เลย Denali National Park ไปทางเหนือซัก 15-20 นาทีได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:14:36

ความคิดเห็นที่ 25 โมเต็ลนี้ราคาตกห้องละ $100 นิดๆค่ะ เรียกว่าถูกกว่าโรงแรมตรงทางเข้า Denali อยู่พอสมควรเลย ห้องพักก็สะอาดและกว้างขวางไม่เบา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:14:53

ความคิดเห็นที่ 26 เราจองโมเต็ลนี้ไว้ 2 ห้องค่ะ ห้องนึงเป็น Kitchenette ซึ่งมีห้องครัวเล็กๆพร้อมโต๊ะกินข้าวให้ด้วย เหมาะกับการสุมหัวต้มมาม่ากินแก้เลี่ยนน้องแซลมอน น้อง Halibut ยิ่งนัก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:15:39

ความคิดเห็นที่ 27 จริงๆห้องพักที่นี่ นอนห้องนึง 4 คนเค้าก็ไม่ว่าค่ะ แต่ที่พวกเราจองไว้ 2 ห้องเนี่ย เพราะพรุ่งนี้ชาวคณะต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปให้ทันทัวร์รอบ 6:45am น่ะสิ >_< เรียกว่าตอนเราไปถึง Denali ฟ้ายังมืดตื๋ออยู่เลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:16:37

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ต้องไปกับทัวร์ ก็เพราะนักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปได้ถึงแค่ Savage River (ทางสีแดงในภาพ) เท่านั้น ที่เหลือต้องใช้บริการรถบัสของปาร์คล้วนๆ แต่รถบัสนี่ก็ไม่ฟรีนะฮะ เพราะกว่าจะไปถึงสุดขอบปาร์คนี่ใช้เวลานานโคตรๆ อย่างทัวร์ Wonder Lake ที่เราจองไปเนี่ย ไป-กลับตั้ง 11 ชั่วโมงแน่ะ! >_< เพราะถนนไม่ได้ราดยาง และทางบางส่วนยังเลียบหน้าผา ชวนหวาดเสียวได้อีก รถบัสที่พาไปที่ไกลๆอย่าง Wonder Lake แล้วก็ Kantishna เนี่ย วันนึงๆจะมีให้บริการแค่ไม่กี่รอบเองฮ่ะ ฉะนั้นควรจองล่วงหน้าก่อนนะขอรับ ไม่งั้นอาจแจ็คพ็อตที่นั่งเต็ม อดไปนะเอ้อ ส่วนตารางเวลารถ, ค่าใช้จ่าย และการสำรองที่นั่ง ก็เชิญได้ที่เว็บนี้โลดฮ่ะ http://www.reservedenali.com/shuttles.aspx ปล.ต้องขึ้นรถบัสที่ Wilderness Access Center บ่ใช่ Visitor Center นะขอรับ อย่าไปผิดที่ล่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:17:52

ความคิดเห็นที่ 29 มาแล้วจ้า รถบัสโรงเรียน Denali วิทยาคม เชิญนักท่องเที่ยวทั้งหลายขึ้นรถได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:19:55

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าอยู่เมืองนอก แล้วเจอรถขายอาหารไทย เหมือนสวรรค์มาโปรดเลยครับ ว่าแต่กระเพรา ที่สั่ง มีใบกระเพราจริงๆด้วยไหมครับ. จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:21:41

ความคิดเห็นที่ 31 ออกรถไปไม่ถึง 5 นาทีดี Denali ก็ปล่อยหมัดเด็ดทันควัน กรี๊ดดดด มีน้องมูสตัวเบ้อเร่ออยู่ข้างทางด้วย >__< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:22:15

ความคิดเห็นที่ 32 กว่าจะได้รูป ก็ต้องปากกัดตีนถีบกันหน่อย ไหนจะส่องหานายแบบที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ แล้วถ้าใครดันไปนั่งกับบรรดาช่างกล้องเลนส์ยักษ์เนี่ย ก็ขอให้โชคดีฮ่ะ เพราะลำพังแค่เลนส์พวกพี่เขา ก็บังหน้าต่างมิดแร๊ววววว -_- นอกจากพี่มูสที่ทางปาร์คส่งมาเป็นหนังตัวอย่าง ระหว่างทางเรายังได้เห็นน้องหมีกับน้องแพะที่อยู่ไกลลิบๆๆๆๆๆๆด้วยฮ่ะ ไกลขนาดที่ว่า รถจอดเฉยๆ นักท่องเที่ยวยังมองไม่เห็น ว่าไหนวะหมี ไหนวะแพะ นี่ขนาดใช้กล้อง 20x แล้วครอปเอา ยังได้รูปน้องหมีแค่นี้เอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:23:06

ความคิดเห็นที่ 33 #มีใส่มาหน่อยนึงฮ่ะคุณ OLOS สงสัยที่อลาสก้าจะหากระเพรายากหน่อย -_- ------------------------------------------------------------------------------------- รถบัสที่นี่เนี่ย ใช้ระบบตาดีได้ ตาร้ายเสีย นั่นคือ ถ้าผู้โดยสารเห็นสัตว์โลกน่ารักอยู่ข้างทาง ก็สามารถตะโกนเรียกให้คนขับหยุดรถเพื่อถ่ายรูปจากบนรถได้ เพราะเค้าห้ามลงจากรถไปส่องสัตว์เน้อ แต่ถ้าไม่เจอสัตว์ป่าก็อย่าเพิ่งจิตตก เพราะคนขับจะแวะจอดรถให้ถ่ายภาพวิวสวยๆที่มีอยู่ตลอดทางเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:25:29

ความคิดเห็นที่ 34 แม่เจ้า ปกติเคยเห็นแต่ใบไม้แดง เพิ่งจะเคยเห็นทุ่ง Tundra สีแดงเถือกก็ครานี้แหล่ะ งามแต๊ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:25:59

ความคิดเห็นที่ 35 อย่างที่บอกไปในทู้ก่อนหน้านี้ค่ะว่า ฤดูร้อนในอลาสก้าจะสั้นกว่าชาวบ้าน เพราะปกติปลายสิงหา รัฐอื่นในเมกายังร้อนตับแล่บอยู่เลย แต่ที่ Denali นี่กลับเป็นช่วงพีคของฤดูใบไม้ร่วงแล้วซะงั้น ส่วน Tundra ก็คือต้นไม้/พุ่มไม้/ต้นมอส/ตะไคร่ ฯลฯ ขนาดเล็ก ซึ่งมักจะพบได้ในที่อากาศหนาว มันเลยเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล ไม่เหมือนทุ่งหญ้าปกติ ทำให้ Polychrome Pass ที่เห็นในภาพนี้ มัลติคัลเลอร์สมชื่อมากๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:26:58

ความคิดเห็นที่ 36 Polychrome Pass ยามเช้าอีกซักรูปฮ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:27:20

ความคิดเห็นที่ 37 หลังจากผ่าน Polychrome Pass ไปสักพัก ก็จะถึงจุดชมวิว Stony Hill Overlook ถ้าวันไหนอากาศดี ฟ้าโปร่ง ท่านก็จะได้เห็นยอดเขา Denali หรือ Mt McKinley ยอดที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ปรากฎกายให้เห็นเป็นสง่าจากตรง Stony Hill Overlook แต่น่าเสียดายที่เช้านี้เมฆมาก อากาศไม่ดี เราเลยเห็นแค่ฐานของ Mt McKinley เท่านั้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:28:11

ความคิดเห็นที่ 38 คงจะจริงอย่างที่เขาพูดกันว่า โอกาสที่จะเห็นยอด Mt McKinley เต็มๆเนี่ย มีแค่ 30% เท่านั้น เพราะ Mt McKinley ดูจะชอบทำตัวเป็นอีแอบซะเหลือเกิน แม้จะไม่ติดกระทั่ง Top 100 ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก แต่ถ้าวัดจาก Base ไปจนถึง Peak เนี่ย Mt McKinley หรือ Mt Denali อันเป็นชื่อเดิมในภาษาพื้นเมืองซึ่งแปลได้ว่า "The Great One" นี้ สูงกว่า Mt Everest อีกนะเอ้อ! เพราะฐานของ Mt McKinley เริ่มที่ระดับ 2000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนยอดอยู่ที่ความสูง 20,300 ฟุตโน่น ในขณะที่ Mt Everest ซึ่งอยู่ที่ความสูง 29,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล แต่ฐานมันเริ่มที่ระดับ 17,000 ฟุต จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:38:30

ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อไม่เห็นยอดเขา คนขับรถบัสเลยต้อนลูกทัวร์กลับขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยัง Eielson Visitor Center จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:40:39

ความคิดเห็นที่ 40 ว๊าก มาทิ้งร่อยรอยคนแรก จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:41:05

ความคิดเห็นที่ 41 #ตามมาเลยค่าคุณ marzo ----------------------------------------------------- ถึงแย๊ว Eielson Visitor Center ข่าวดีสำหรับสาวๆก็คือ ห้องน้ำที่ Eielson Visitor Center มีชักโครกและน้ำประปาด้วยจ้า ต่างจากห้องน้ำส่วนมากในปาร์คที่เป็นระบบส้วมหลุม (แต่ถูกกระหน่ำด้วยสารเคมีฆ่าเชื้อเสียจนไม่มีกลิ่นตุๆโชยออกมาเลย) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:42:11

ความคิดเห็นที่ 42 แต่อย่าเข้าส้วมนานนะฮะ เพราะข้างนอกมีวิวงามๆรอท่านอยู่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:42:34

ความคิดเห็นที่ 43 หรือจะชมนิทรรศการต่างๆด้านในศูนย์ก็ได้ อันนี้ Park Ranger กำลังอธิบายถึงเส้นทางพิชิตยอด Mt McKinley (ลูกศรในภาพประกอบ) โดยนักปีนเขาทั้งหลาย ต้องนั่งเครื่องบินเล็กไปลงที่ Base Camp ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7,200 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนยอดอยู่ที่ความสูง 20,300 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล เรียกว่าปีนเขากันให้อ้วกไปข้างเลย แน่นอนว่าการปีนเขาที่ระดับความสูงขนาดนี้ ไม่ใช่นึกอยากจะปีนก็ปีนนะฮะ จขกท.มีเพื่อนที่บริษัทที่เพิ่งไปปีน Mt McKinley คนนึง ซึ่งคุณเพื่อนต้องฟิตร่างกายถึง 6 เดือนล่วงหน้า เพราะที่นี่เป็นระบบ self service ไม่มีลูกหาบค่ะพี่น้อง ลำพังแค่เดินลุยหิมะขึ้นเขาก็กระอักเลือดแล้ว นี่แต่ละคนยังต้องแบกเสบียงและอุปกรณ์ 20-30 โลไปด้วยอีก แค่คิดอิฉันก็เครียดแทนคุณเพื่อนแล้วฮ่ะ >_< ที่สำคัญ คุณเพื่อนแนะนำว่าถ้าใครเสี้ยนอยากปีนจริงๆ ควรจะไปกับบริษัททัวร์ปีนเขาโดยเฉพาะ (ค่าทัวร์ประมาณ $7000 O_o) เพราะเราจะได้ไปกับไกด์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งเค้าจะช่วยพาเราเลี่ยงเส้นทางอันตรายได้ และก่อนหน้าทริปเราไม่นาน ยังมีข่าวนักปีนเขาชาวยุโรป 4 คน โดนหิมะถล่มฝังจนเท่งทึงคาที่ กลายเป็นผีเฝ้า Denali ไปแร๊ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:42:56

ความคิดเห็นที่ 44 เอาล่ะ ได้เวลานั่งรถต่อไปยัง Wonder Lake แล้ว ถนนช่วงที่เลย Eielson Visitor Center ไปเนี่ย วิวงามงดหยดย้อยมั่กๆ ทุ่ง Tundra หลากสี ตัดกับหิมะบนเทือกเขาชับๆเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:44:03

ความคิดเห็นที่ 45 แถมยังมีน้องกวางคารีบูเป็นดารารับเชิญอีกด้วย กรี๊ดดดดดด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:44:27

ความคิดเห็นที่ 46 แก็งค์น้องกวางเดินเล่นไปมา กินหญ้ากันแบบสบายใจเฉิบมาก ไม่ได้มีความกลัวรถบัสเลย (หรือว่าชินแล้ว) พูดก็พูดเถอะค่ะ ก่อนมาเที่ยวอลาสก้า จขกท.เองก็ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไหร่กับการส่องสัตว์เท่าไหร่ ด้วยความคิดทุยๆที่ว่า จะตื่นเต้นทำไม ถ้าอยากเห็นกวางเห็นหมีชัดๆ ไปสวนสัตว์เอาไม่ง่ายกว่าเหรอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:45:24

ความคิดเห็นที่ 47 แต่ขอบอกเลยค่ะ ว่าการได้เห็นสัตว์ป่าท่ามกลางธรรมชาติ ได้เห็นเค้าวิ่งเล่นในที่ของเค้าเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:45:41

ความคิดเห็นที่ 48 มันช่างเป็นภาพที่งดงาม ยิ่งใหญ่ และน่าประทับใจจริงๆ ที่มาของการก่อตั้ง Denali National Park ก็เพราะนักอนุรักษ์สมัยโน้นเห็นว่ามีนายพรานเข้ามาล่าสัตว์ป่าหายากมากมาย ตามใบสั่งเศรษฐีทั้งหลายที่อยากมีแพะสตาฟฟ์หรือหัวกวางไว้ประดับครัวเรือน (แต่ขี้เกียจล่าเอง ) จึงมีการล็อบบี้ให้จัดตั้ง Denali National Park ขึ้นมา เพื่อปกป้องสัตว์ป่าให้รอดพ้นจากการถูกล่าน่ะเอง ต้องขอบคุณบรรดานักอนุรักษ์จริงๆ ที่สร้างที่ที่น้องกวาง น้องแพะ สามารถได้วิ่งเล่นลั่ลล๊ากันอย่างสบายใจไร้กังวล จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 19:53:52

ความคิดเห็นที่ 49 ปล. กลับมาดูเมืองไทยแล้วสะท้อนใจ วันก่อนเพิ่งอ่านข่าว BBC ว่าการจับคนขับรถกระบะที่พยายามลักลอบเอาลูกเสือ 16 ตัวเข้าไปยังลาว O_O สงสัยพอผ่านลาวไปได้แล้ว ลูกเสือแสนน่ารักเหล่านี้ จะโดนเอาไปทำยาจีนแน่เลย เมื่อไหร่มันจะมีการแบนพวกยาที่สกัดจากสัตว์ป่าหายากแบบนี้ซะที http://www.bbc.co.uk/news/world-asia-20111464 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:01:17

ความคิดเห็นที่ 50 ต่อค่ะต่อ ไม่ทราบเหมือนกันว่าน้องคาริบูจะคิดยังไง เมื่อเห็นมนุษย์เป็นฝูงเกาะกระจกอยู่ในรถบัสเนี่ย กร๊ากกกกก "นี่เธอๆ เห็นเปล่า มีคอกมนุษย์เคลื่อนที่โผล่มาอีกแล้ว!" "น่าสงสารพวกมนุษย์จังเลยเนอะ ต้องถูกขังในที่แออัดแบบนั้น ไม่ได้วิ่งเล่นไปมาเหมือนพวกเรา" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:02:19

ความคิดเห็นที่ 51 ตัดกลับมาที่รถบัสของชาวคณะบ้างฮ่ะ ช่างภาพแต่ละคนต่างก็งัดอาวุธในคลังแสงออกมาเต็มอัตราศึก อาเฮียในรูปคนนี้เป็นช่างภาพอาชีพจากนอรเวย์ค่ะ ดูเลนส์พี่เขาซะก่อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:02:54

ความคิดเห็นที่ 52 แต่ปรากฎลูกน้องชาวชิลีของเฮียเนี่ย เลนส์ใหญ่กว่าลูกพี่อีกนะคะ ตึ่งโป๊ะ! นี่กะมาถ่ายรูขุมขนน้องกวางกันเหรอคะเฮียขราาาา รู้สึกว่ารถบัสขบวนนี้ของเราเนี่ย จะถูกยึดครองโดยแก็งค์ช่างภาพจากสแกนดิเนเวีย พวกนี้เค้าเตรียมความพร้อมกันมาดีมากค่ะ มายืนเข้าคิวแต่เนิ่นๆเพื่อจะได้ยึดที่นั่งฝั่งซ้ายมือ เพราะขาไป Wonder Lake เนี่ย วิวสวยๆจะอยู่ฝั่งซ้ายมือหมดเลย T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:03:09

ความคิดเห็นที่ 53 หลังจากถ่ายรูปน้องคารีบูจนสาแก่ใจแล้ว ฉิ่งฉับทัวร์เราก็ออกเดินทางต่อ แต่รถก็วิ่งไปได้ไม่ไกลหรอก เมื่อสมาชิกในรถตะโกนบอกคนขับเสียงหลงว่า "หยุดรถด้วย! มีหมีอยู่ตรงโน้น!" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:03:32

ความคิดเห็นที่ 54 หลังจากเมื่อเช้าเราเห็นแต่หมีจุดอยู่ไกลลิบๆ ในที่สุดเราก็ได้เห็นน้องหมีในระยะที่มองออกด้วยตาเปล่าว่าเป็นหมีซะที ฮา กรี๊ดดดดดด น้องหมี Grizzly Bear อวบอ้วนน่าฟัดมากเลยอ่าาา แต่หมีกริซลี่ที่ Denali นี่ตัวจะเล็กหน่อยนะฮะ เพราะมันกินพืชผักและเบอร์รี่ตามป่าเป็นอาหารหลัก จะให้น้องหมีวิ่งไล่เก้งกวางมูส ก็คงลำบากหน่อย ต่างจากหมีที่ Katmai National Park อุทธยานแห่งชาติที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกบดานของหมีกริซลี่ ซึ่งหมีที่โน่นจะตัวใหญ่บึ้บกว่าฮ่ะ เพราะ Katmai ติดทะเล เลยมีแซลมอนให้น้องหมีได้สอยหม่ำบำรุงความอวบมากมาย แต่เห็นน้องหมีตัวอ้วนกลมดูอุ้ยอ้ายแบบนี้ เอาเข้าจริงหมีมันวิ่ง 4 ขาเร็วกว่าเราๆท่านๆวิ่ง 2 ขามากมายนักนะเอ้อ! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:04:03

ความคิดเห็นที่ 55 ขอตามไปส่องน้องหมีครับ จากคุณ : pj0001 เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:18:41

ความคิดเห็นที่ 56 ตามมาให้กำลังใจหนูเหมียวก่อนจ้า จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:20:10

ความคิดเห็นที่ 57 ก่อนที่เราจะมาเที่ยว Denali แค่ 2 วัน ก็มีข่าวใหญ่ว่ามี hiker โดนหมีฆ่าตายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การก่อตั้งปาร์ค >_< ปกติหมีจะไม่ทำอันตรายคนค่ะ เพราะมันไม่ได้เห็นมนุษย์เป็นอาหาร มันจะทำร้ายคน ก็ต่อเมื่อมันรู้สึกว่าถูกคุกคาม ฉะนั้นไกด์บุคเค้าเลยแนะนำว่า ถ้าเจอ Grizzly Bear กลางป่า ให้ทำตามเสต็ปต่อไปนี้ฮ่ะ 1. ถ้าคุณอยู่ในพุ่มไม้ ให้แสดงตัวให้หมีมันเห็น ว่าตูเป็นคนนะเฟ้ย ไม่ใช่ข้าวเย็นของแก 2. จากนั้นให้เดินถอยหลังออกไปอย่างช้าๆเนียนๆ (แหม่ พูดง่ายนิ ของจริงจะมีกี่คนที่จะทำได้ฟะ >_<) อย่าวิ่งหนี เพราะถ้าวิ่งหมีมันจะไล่ตาม แล้วหมีพวกนี้ วิ่งเร็วน้องๆม้านะเคอะ! นอกจากท่านจะเป็น Usain Bolt ไม่มีทางวิ่งหนีหมีได้แน่นอน แล้วก็อย่าจ้องตามันด้วย เด๋วหมีมันจะหมั่นไส้ ด้วยข้อหามองหน้าหาเรื่อง กร๊ากกกก 3. ถ้าโดนหมีกระโจนใส่ นอกจากท่านจะมีปืนหรือมีดอันใหญ่ๆ อย่าสู้ตอบ เพราะอุ้งตีนหมีนี่ใหญ่พอๆกับหน้าคนเลยนะฮะ โดนตะปบทีนี่คงหน้าแหก ให้นอนคว่ำขดตัวเป็นลูกบอล ถ้ามีเป้ให้เอาเป้ไว้ด้านบน เอามือปกป้องคอตัวเองไว้ แล้วอยู่เฉยๆนิ่งๆ เพราะถ้าหมีมันเห็นว่าเราไม่สู้ตอบ มันก็จะรู้สึกว่าเราทำอะไรมันไม่ได้ แล้วหมีก็จะจากไปเอง ส่วนที่อาเฮีย Hiker ผู้โชคร้ายรายนั้นโดนหมีขย้ำนั้น ก็เพราะเฮียทะลึ่งไปเดินตามหมีมันค่ะ! คือเฮียเขาถ่ายวิดีโอไว้ด้วย เจ้าหน้าที่เลยเห็นว่าตอนแรกหมีมันก็พยายามเดินหนี ตา Hiker นั่นก็ดั๊นไปตามตื๊อเขาอีก จนหมีมันนอย ทนไม่ไหว เลยจัดการเก็บสแปร์ซะให้ ส่วนเจ้าหมีตัวนั้น ก็โดนตำรวจสอยไปเรียบร้อยโรงเรียน Denali แล้วล่ะค่ะ เพราะลองถ้าหมีตัวไหนมันทำร้ายคน กินคนไปแล้ว มันก็จะถึงบางอ้อว่า เนื้อคนนี่มันก็กินได้เหมือนกันนี่หวา จากนั้นมันก็จะเริ่ม Attack มนุษย์ เค้าเลยต้องฆ่ามัน เพื่อไม่ให้มันไปทำร้ายนักท่องเที่ยวคนอื่นได้ สรุป สัตว์ป่ามันอยู่ของมันดีๆ ก็อย่าไปยุ่งกับมันเลยนะฮะ ไม่งั้นอาจจะซวยกันทั้งสองฝ่าย แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 55 09:45:05 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:23:05

ความคิดเห็นที่ 58 #อย่าลืมเอากล้องส่องทางไกลมาด้วยนะฮะคุณ pj0001 #ขอบคุณค่าป้าเตี้ย ------------------------------------------------------------------------- ส่องน้องหมี น้องคารีบูพอเป็นพิธีแล้ว ในที่สุดเราก็เคลื่อนขบวนมาจนถึง Wonder Lake ซะที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:25:41

ความคิดเห็นที่ 59 วิว Wonder Lake ก็ดูเบๆ ไม่ค่อยมีไรใช่ไหมฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:25:58

ความคิดเห็นที่ 60 นั่นก็เพราะรถบัสเขามาปล่อยผู้โดยสารลงฝั่งที่ไม่มีวิวน่ะเสะ ต้อง Hike อ้อมเลคไปอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถึงจะได้เห็นวิวคลาสสิค เป็นภาพ Mt McKinley สะท้อนลงบนผืนน้ำของ Wonder Lake แต่เนื่องจากวันนั้นทัศนวิสัยไม่ดี ประกอบกับความสันหลังยาวของชาวคณะ เราเลยตัดสินใจไม่ Hike ต่อค่ะ นั่งรถตรูดแบะอีก 5 ชั่วโมงฝ่าๆกลับดีกว่า T^T เนื่องจากไม่มีภาพมุมมหาชนของ Wonder Lake มาฝาก จขกท.ขออนุญาตดอยรูปจากในเน็ตมาให้ชมแก้ขัดนะขอรับ (ภาพ : Corbis) แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 55 20:27:56 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:27:33

ความคิดเห็นที่ 61 หลังจากคนขับวกรถออกจาก Wonder Lake ได้ไม่นาน เฮียช่างภาพชาวนอรเวย์เจ้าเก่าและคณะก็ขอลงกลางทาง เพื่อที่จะได้ไปหามุมสวยๆถ่ายรูปกันเองต่อ (แล้วค่อยโบกรถบัสรอบเย็นกลับออกมาทีหลัง) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:28:45

ความคิดเห็นที่ 62 ช่วงขากลับ จขกท.ก็ถ่ายรูปโน่นนี่ไปเรื่อยฮ่ะ ด้วยความเก็บกดที่ขามาดันนั่งฝั่งไม่มีวิว เมฆเยอะจริงๆวันนี้ T__T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:29:15

ความคิดเห็นที่ 63 "คนขับหยุดรถก่อน!" คุณลุงที่นั่งหลังรถตะโกน "ยอด Mt. McKinley โผล่ออกมาแล้ว!" เท่านั้นแหล่ะค่ะ ผู้โดยสารก็แห่มาเกาะกระจกถ่ายรูป Mt. McKinley รัวๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:29:52

ความคิดเห็นที่ 64 ปกติยอดเขา Mt. McKinley นี่จะถูกเมฆบังตลอด แค่ส่วนยอดโผล่มาให้เห็นหน่อย ชาวคณะก็น้ำตาแทบไหลแล้ว แต่นี่ยิ่งคล้อยบ่าย เมฆก็ค่อยๆหายไปทีละนิดๆ จนในที่สุด Mt. McKinley ก็เผยโฉมให้พวกเราได้เห็นเต็มๆตา ไม่มียาหม่องเซ็นเซอร์มาบดบัง! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:30:34

ความคิดเห็นที่ 65 รูปทุยๆของ จขกท. คงจะไม่สามารถถ่ายทอดความอลังการงานสร้างของภาพที่อยู่ตรงหน้าได้ เพราะจะเห็นเลยว่า Mt. McKinley นั้นใหญ่ตู้มกว่ายอดเขาที่อยู่รายรอบ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:32:35

ความคิดเห็นที่ 66 เล่นเอาคุณลุงที่นั่งติด จขกท.ถึงกับพึมพัมไม่หยุดว่า "It's so beautiful" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:33:01

ความคิดเห็นที่ 67 ปาดดดดก่อน เดี๋ยวขึ้นไปชมรีวิวครับ.........ว่าแต่ตอนนี้มีไรให้ทานพี่ ? จากคุณ : Perth&Pearl เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:35:32

ความคิดเห็นที่ 68 ส่วนน้องปอก็พึมพัมไม่หยุดเหมือนกัน ว่าทริปนี้ชาวคณะมากับดวงหรือไง วันที่ไปพายคายัคก็แบบนี้ทีนึงแล้ว ตอนเช้าฟ้าอย่างมืด ตกบ่ายแดดอย่างเปรี้ยงซะงั้น แม้แต่เฮียคนขับยังพูดเลยค่ะว่า หายากนะเนี่ย ที่ตอนเช้าเมฆมาก ตอนบ่ายดันทะลึ่งฟ้าเปิดแบบนี้ ปกติโอกาสที่จะเห็นยอด Mt. McKinley จะเป็นช่วงเช้าตรู่ฮ่ะ เพราะยิ่งสาย เมฆจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้พวกเราคงไม่ใช่ 30% Club แล้วล่ะฮ่ะ แบบนี้ต้องซัก 10% Club ให้สมกับที่ขี่ดวงเที่ยวมา (30% เพราะว่ากันว่าโอกาสเห็นภูเขาทั้งลูกนี่มีแค่ 30% เท่านั้น ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:36:49

ความคิดเห็นที่ 69 #ก็มีให้กินเท่าที่เห็นล่ะน้อง Perth&Pearl เอ๊ย ทริปนี้กินเพื่ออยู่จ้ะ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน -_- -------------------------------------------------------------------------------------------- เอาฮ่ะ เปลี่ยนบรรยากาศมาชมเทือกเขาอันอื่นบ้างฮ่ะ เด๋วมันจะน้อยใจ อันนี้ก็ตรงแถวๆ Stony Hill Overlook จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:38:48

ความคิดเห็นที่ 70 ได้นั่งรถผ่าน Polychrome Pass อีกรอบ รู้สึกช่วงบ่ายถ่ายรูปออกมาสวยกว่าช่วงเช้าแฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:41:21

ความคิดเห็นที่ 71 ระหว่างทางก็มีสัตว์โลกน่ารักโผล่มาเป็นพักๆ อ๊ะนั่นพี่มูส อุ๊ยนี่น้องจิ้งจอก นี่ถ้ามีให้โหวต MVP ประจำรถเรา คุณลุงชาวมะกันที่นั่งอยู่ท้ายรถต้องมาวินเป็นที่หนึ่งแน่นอน เพราะแกตาดีสุดยอด แกเป็นคนที่ตะโกนให้คนขับจอดให้พวกเราได้ชมยอด Mt McKinley (ซึ่งอยู่ด้านหลังของรถค่ะ) แถมขนาดรถวิ่งปุเลงๆ ลุงยังอุตส่าห์เห็นมูสที่หลบหลังพุ่มไม้ หรือน้องจิ้งจอกที่วิ่งข้ามทุ่งอยู่ไกลลิบๆได้อีก >_< ไม่ทราบลุงตัดแว่นร้านไหนฮะ คนตาถั่วอย่างเดี๊ยนจะได้ไปตัดมั่ง ถั่วไม่ถั่ว ขนาดรถจอดสนิทอยู่กับที่ จขกท.ยังหาพี่มูสไม่เจอเลย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:42:29

ความคิดเห็นที่ 72 ช่วงก่อนถึงทางออกปาร์ค จะไม่ค่อยมีภูเขาแล้วค่ะ มีแต่ทุ่งทันดร้าสารพัดสีแทน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:42:54

ความคิดเห็นที่ 73 เห็นแล้วได้แต่ทอดถอนใจครับ จะมีโอกาสไปกับเค้าบ้างไหมหนอ เฮ้ออออ.... จากคุณ : Koon Shy_Tour Dee เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:43:24

ความคิดเห็นที่ 74 สีสันสุดยอดมากอ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:43:31

ความคิดเห็นที่ 75 ยังกะปูพรมผืนยักษ์ลงกลางหุบเขาเลยนะนั่น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:44:19

ความคิดเห็นที่ 76 สวยมาก มากเลยค่ะ โอย อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง จากคุณ : teddy bear in the box เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:44:37

ความคิดเห็นที่ 77 เป็นอันจบ Denali วันแรกไปอย่างประทับจิตมากค่ะ ได้เห็นยอด Mt McKinley ได้เห็นสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมาย ได้เห็นทุ่งเทคนิคคัลเลอร์ แม้จะต้องแลกกับการเมื่อยตรูดซักหน่อย แต่ขอบอกว่ายิ่งกว่าคุ้มจริงๆค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:45:18

ความคิดเห็นที่ 78 สวยจนลืมหายใจค่ะ Denali งามแบบนี้นี่เอง กลายเป็นรุ่นเสื้อด้วยหนิ ขอชมต่อนะคะ เกือบพลาดถ่ายทอดสดซะแล้ว สึนามิเขย่าอลาสก้าซะงั้นเนอะ จากคุณ : SkylineKip เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:45:54

ความคิดเห็นที่ 79 #จขกท.ก็ขออวยพรให้คุณ Koon Shy_Tour Dee ได้ไปเยือนอลาสก้าละกันนะขอรับ #ยืนยันว่า Denali สวยจริง สวยจังมากจริงๆค่ะคุณ teddy bear in the box --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ลืมบอกไปว่าทัวร์รถบัสนี่ไม่มีเสิร์ฟอาหารนะฮะ และด้านในๆของปาร์คก็ไม่มีขายอาหารด้วยอีก ชาวคณะเลยต้องพกแซนวิชไปกินกันตาย เย็นนี้เลยต้องขอจัดหนักหน่อยให้สมกับความหิว แล้วหวยก็มาออกที่ร้าน Denali Park Salmon Bake จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:47:59

ความคิดเห็นที่ 80 ที่อลาสก้านี่แปลกอย่าง ร้านบ้านๆหรือร้านหรูๆนี่ ขายราคาไม่ต่างกันเลยค่ะ -_- อย่างร้านนี้กับ 229 Parks ที่เรากินเมื่อวานนี่ราคาพอๆกันเลยค่ะ เพียงแต่เจ้านี้อาหารจานใหญ่กว่า กินเข้าไปจานเดียว รับรองอิ่มถึงเช้าแน่นอน แฮ่ จขกท.สั่ง Halibut Fish & Chips ปลาโอเคค่ะ จขกท.ว่าทอดแข็งไปหน่อย แต่ Chips นี่อร่อยโคดๆอ่ะ โรยเครื่องเทศมาด้วย ไม่ได้มีแต่เกลืออย่างเดียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:48:39

ความคิดเห็นที่ 81 #เด่วมีสวยกว่านี้อีกนะฮะคุณ SkylineKip โปรด stay tune ------------------------------------------------------------------------------- วันนี้น้องปอบ่นว่าหนูอยากกินผัก เลยสั่ง Seafood Chopped Salad มา แต่ปรากฎสลัดร้านนี้ ให้เนื้อมากกว่าผักอีกค่ะพี่น้อง กร๊ากกกก สรุปคืนนั้นชาวคณะกลับโรงแรมไป หลับเป็นตายทุกคน ไม่รู้เป็นเพราะความเหนื่อย หรือจะด้วยหนังท้องตึงหนังตาหย่อนกันแน่ เหอเหอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:49:54

ความคิดเห็นที่ 82 เช้าแล้วจ้า เช้านี้เรากะจะไปดูโชว์ Sled Dog รอบ 10 โมงเช้าฮ่ะ แต่ปรากฎวันนี้เราดันตื่นสายซะงั้น -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:50:29

ความคิดเห็นที่ 83 พอเราซึ่งรถไปถึง Visitor Center ปุ๊บ เราก็รีบวิ่งตามรอยเท้าน้องหมา เพื่อไปขึ้นรถบัสดูโชว์ Sled Dog แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า สายไปแล้วโยม รอรอบบ่ายโมงโน่นเลยนะหนูนะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:51:11

ความคิดเห็นที่ 84 ตกรถบัสเรอะ ไม่ง้อเฟ้ย พวกเราเดินไปหาน้องหมาที่ Sled Dog Kennel เองก็ได้ ชริ! ว่าแล้วชาวคณะก็ออกเดินไปตาม Rock Creek Trail จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:51:54

ความคิดเห็นที่ 85 ระยะทางไม่ไกลเลยค่ะ แค่ 4 โลหน่อยๆเท่านั้น แล้วช่วงนั้นยังเป็นช่วง Fall พอดีอีก อากาศเย็นสบาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:52:32