ความคิดเห็นที่ 1 ขอเชิญชมรีวิวก่อนหน้านี้ของผมครับ ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 1 : Midnight in Paris http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12186543/E12186543.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 2 : Before Sunset @ Paris (The Sacre Coeur-Versailles) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12189709/E12189709.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 3 : Enchanted Venice,The waterworld http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12210515/E12210515.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 4 : Under the Tuscan Sun (Florence,Siena,Pisa) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12217262/E12217262.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 5 : Under the Tuscan Sun (2) Florence,Siena,Pisa http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12224426/E12224426.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 6 : หนีตามกาลิเลโอ@Pisa http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12242954/E12242954.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 7 : Only you,only Positano http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12283564/E12283564.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 8 : Roman Holiday http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12310416/E12310416.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 9 : Roman Holiday (2) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12351187/E12351187.html ยุโรปคนเดียว เที่ยวเรื่อยเปื่อย เหนื่อยก็พัก ตอนที่ 10 : บทสรุปการเดินทาง จากปารีสถึงโรม... http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12401157/E12401157.html +++++++++++++++++++++++ ++ A Lover's Concerto ++ มินิรีวิวที่พักกระบี่ The I Talay & Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12442281/E12442281.html จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:28:47

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกตั้งใจจะรีวิวให้จบในช่วงเดือนตุลาคม เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่จะเดินไปในช่วงเดียวกันกับผม (ปลาย พย.-ต้น ธค.) แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รีวิวย้วยมาจนถึงเดือน พย. ก็มาขอโทษด้วยรูปในทริปเกาหลีที่มาแทรกซ้อน ก็ไม่รู้จะได้่มารีวิวทริปเกาหลีนี่ด้วยรึเปล่า เพราะการรีวิวแต่ละครั้งใช้เวลาและความอดทนสูงทีเดียว จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:41:22

ความคิดเห็นที่ 3 จากตอนที่แล้ว ผมไปที่เกาะมิยาจิม่า ชมศาลเจ้าลอยน้ำที่นั่นจนพอสมควรแก่เวลาแล้ว ตามดปรแกรมที่วางไว้ ผมจะไปต่อที่สะพานคินไตเคียว ซึ่งอยู่ออกไปอีกไม่มาก ก่อนจะกลับไปชมพิพิธภัณฑ์สันติภาพที่ฮิโรชิม่า แล้วกลับไปที่โอซาก้า ตั้งใจจะไปชมอควอเรี่ยมไคยูคัง ก่อนออกเดินทางไปคาวากูจิโกะ เรียกว่าพักที่โอซาก้าแต่เที่ยวโอซาก้าน้อยมาก  เพราะผมไม่ค่อยชอบเมืองใหญ่ๆ ครับ รู้สึกว่ามันวุ่นวายเกินไป จากสถานีมิยาจิม่า ผมก็มานั่งรถต่อไปสถานี Iwakuni ครับ นั่งสาย Sanyo Line แค่ 15 นาที ในภาพจะเห็นว่าสถานี Iwakuni อยู่ถัดไปจากสถานีนี้ (แล้วทำไมไม่ถ่ายที่ Iwakuni เลย จะถ่ายสถานีนี้มาทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน -_-") จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:48:36

ความคิดเห็นที่ 4 ลงจากสถานี Iwakuni แล้วครับ ลงมาก็เลี้ยวซ้ายครับ ถ้าหันหลังกลับมามองสถานีก็เห็นภาพนี้ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:50:28

ความคิดเห็นที่ 5 ไปเที่ยวด้วยคนครับ ชอบภาพต้นไม้มากครับ ได้บรรยากาศจริงๆ จากคุณ : อนุสัญญาปลาทูนอนกอดกันในเข่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:52:08

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็เดินมาที่ป้ายรถบัสครับ เพระาจากสถานีเราต้องนั่งรถบัสต่อไปอีกหน่อยถึงจะไปถึงสะพานคินไตเคียว นั่งไปอีกสัก 15 นาที รถขาไปต้องมาขึ้นป้ายตรงฝั่งซ้ายมือของสถานีอย่างที่บอกไปครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:52:22

ความคิดเห็นที่ 7 อนุสัญญาปลาทูนอนกอดกันในเข่ง : มาด้วยกันเลยครับ เพิ่งจะเริ่มต้นเดินทางเอง ปล.ชอบชื่อ Log in มากเลยครับ ^^ +++++++++++++++++++++++++++ ดูจากป้ายเค้าบอกว่า "รถบัสทุกสายยกเว้นสาย 51 ผ่านสะพานคินไตเคียว" ใครขึ้นผิด ไปขึ้นสาย 51 นี่เรียกว่าโคตรซวยเลยจริงๆ 5555 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:55:10

ความคิดเห็นที่ 8 รอไม่นานรถก็มาครับ ก่อนขึ้นก็ถามคนขับอีกนิดเพื่อความชัวร์ หลังจากคนขับพยักหน้ากับภาษาญี่ปุ่นสำเนียงไท๊ย..ไทยของผมแล้ว (แค่ออกเสียง"คินไตเคียว" เท่านั้นแหละครับ ไม่ได้พูดอะไรมากมาย) ผมก็เดินขึ้นรถไปอย่างสง่าผ่าเผย รถบัสญี่ปุ่นนี่ดูดีไปซะทุกสาย ทุกคัน ทุกเมืองเลยนะครับ คนขับแต่งเครื่องแบบดูเท่ ประกาศบอกทุกป้าย ขับนิ่มนวลไม่มีกระชากกระชั้น แถมเต็มใจให้บริการแบบยกดาวให้ทั้งฟ้าเลยครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:58:59

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากครับ ผมไปโอซาก้าก็ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย พักโอซาก้าแท้ๆ แต่ไปเที่ยวแต่เกียวโตซะอย่างงั้น แต่เดี๋ยวปีใหม่นี้ไปเก็บตกที่คันไซอีกรอบ รอเก็บข้อมูลจากกระทู้นี้แล้วกันครับ ฮ่าๆ จากคุณ : อนุสัญญาปลาทูนอนกอดกันในเข่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:02:11

ความคิดเห็นที่ 10 มาญี่ปุ่นปาเข้าไปวันที่ 5 เพิ่งจะเห็นแดดเต็มตา ฟ้าเป็นฟ้าก็ที่ Iwakuni นี่แหละครับ วันอื่นๆ อากาศขมุกขมัวทุกวันเลย ยังดีที่มาเห็นใบไม้แดงเดือดเต็มๆ ตาแบบพอเหมาะพอเจาะ ตรงช่วงพีคพอดี ไม่งั้นคงต้องมาซ่อมใหม่ยกทริปเลย จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:03:59

ความคิดเห็นที่ 11 ยังตามมาอยู่นะค่ะ กำลังวางแผนจะไปฮิโรชิม่า เม.ย.ปีหน้า แต่ของเราคิดว่าจากโอซาก้าแต่คงไม่ออกเช้าเหมือน คุณA Lover's Concerto 555 ลงฮิโรชิม่าแต่จะเที่ยวสะพานคินไตเกียวก่อน แล้วค่อยไปเกาะมิยาจิม่าค่ะ อยากไปเก็บรูปเสาโทริอิตอนพระอาทิตย์ตก จากคุณ : ryjarja เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:05:04

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ..ใบ้ไม้แดงเดือดที่ว่าไม่ใช่ในรูปด้านบนนะครับ ในรูปมีแต่เหลืองโรยๆ กะเขียวอี๋ 555 ของจริงต้องย้อนไปดูในรีวิวนี้ ตอนที่ 3-4 ครับผม นั่งยังไม่ทันเบื่อเราก็มาถึงแล้วครับ รถมาถึงทางแยก เราก็ลงตรงทางแยกนี้ แล้วข้ามถนนไป ราคาค่าตั๋วรถบัสผมจำไม่ได้แล้วครับ มานั่งอ่านไกด์บุคเค้าบอกว่า 240 Y รถออกทุก 30 นาที คงประมาณนั้นละครับ (ราคาปี 2011 นะครับ) จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:08:41

ความคิดเห็นที่ 13 ryjarja : ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ซาบซึ้งใจน้ำตาจะไหล T_T ตามแผนที่บอกมาก็ดูดีมากๆ ครับ ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่มิยาจิม่าน่าจะสวยน่าดูเลย +++++++++++++++++++++ มาถึงแล้ว มาถึงแล้ว สะพาน "คินไต" หรือ "คินไตเดียว" (เคียวแปลว่าสะพาน) ที่นี่เป็นภาพจำของผมเมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่นครับ พอๆ กับฟูจิซังเลยทีเดียว เมื่อมีโอกาสมาญี่ปุ่นครั้งแรกเลยขอมาชื่นชมของจริงซะหน่อย สถานที่ที่เป็นภาพจำของแต่ละที่อย่างนี้เป็น "The Must" ที่ต้องไปของผมครับ มีทุกประเทศ บางทีก็ไม่เหมือนชาวบ้าน อย่างที่อิตาลีก็ต้องไป Positano เป็นต้นครับ สะพานคินไตเคียว (Kintai Bridge)  เป็นสะพานโบราณแบบญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าสวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น (อีกสองแห่งคือสะพานชินเคียว ในเมืองนิกโก้ และสะพานซารุ ที่เมืองโอสึกิ :Otsuki) เป็นสะพานไม้ 5 โค้งสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปีพ.ศ.2216 โดยเจ้าเมืองไดเมียวฮิโรโยชิ คิคคาว่า (Hiroyoshi Kikkawa) ทอดข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) ไปยังปราสาทอิวาคุนิ(Iwakuni Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:18:38

ความคิดเห็นที่ 14 ตัวสะพานมีความยาว 193 เมตร กว้าง 5 เมตร วงโค้งบนสุดอยู่สูงจากแม่น้ำ 12 เมตร ตัวสะพานยึดติดกันโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ทำให้สะพานได้รับความเสียหายเมื่อเกิดพายุไต้ฝุ่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ชาวเมืองอิวาคุนิก็ได้ซ่อมแซมบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เหมือนเดิมทุกครั้งเหมือนกัน สะพานที่เห็นในปัจจุบัน จึงใช้เทคนิคก่อสร้างสมัยใหม่เสริมเข้าไปให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยใช้แผ่นเหล็กและแท่งเหล็กตอกยึดพื้นไว้เป็นระยะ ๆ ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.zabzaa.com/travel/travel.php?id=605 ครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:20:14

ความคิดเห็นที่ 15 หากจะข้ามสะพานไปต้องจ่ายค่าผ่านทาง 300 เยนครับ ตรงฝั่งโน้นสามารถที่จะนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นต่อไปยังปราสาทอิวาคุนิได้ ราคาตั๋วผู้ใหญ่ ค่าเคเบิ้ลไปกลับ 540 Y (หรือจะซื้อไปอย่างเดียวก็ได้ครับ 555) ค่าชมปราสาท 260 Y ตั๋วรวมเคเบิล+ปราสาท 930 Y ครับ สำหรับผมคงไม่ขึ้นล่ะครับ เวลาไม่พอ  โปรแกรมวันนี้มีอีกยาวไกล ขอเดินเล่นชิลๆ แถวสะพานนี่แหละ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:23:28

ความคิดเห็นที่ 16 ผมยังไม่ขึ้นไปบนสะพาน แต่เดินข้ามมาอีกฝั่งนึงก่อนครับ ขอชื่นชมให้ครบทุกมุมก่อน โปรดสังเกตสีท้องฟ้า ความขมุกขมัวตามผมมาทันแล้ว T_T จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:25:49

ความคิดเห็นที่ 17 มามองโค้งสะพานกันเต็มๆ ครับ สวยดี น้ำฝั่งนี้ไม่ลึกมาก ลงไปเดินลุยเล่นได้สบาย แต่ผมไม่ได้ลงไปนะครับ 5555 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:27:18

ความคิดเห็นที่ 18 อีกมุม มองขึ้นไปเห็นปราสาทอิวาคุนิอยู่ไกลๆ บนยอดเขา จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:28:11

ความคิดเห็นที่ 19 เปลี่ยนบรรยากาศมาชื่นชมเด็กน้อยกันบ้างครับ อ้วนท้วนจ้ำม่ำน่ารักน่าหยิกจริงๆ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:29:06

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงเวลาผมก็ไปจ่ายตังค์แล้วเดินข้ามสะพานครับ ตรงช่วงทางโค้งเค้าทำเป็นบันไดให้ เดินง่ายครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:30:33

ความคิดเห็นที่ 21 ผู้คนมาเที่ยวชมพอประมาณครับ ไม่มากไม่น้อย กำลังดี พอหามุมถ่ายรูปแบบไม่ติดใครได้บ้าง จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:31:39

ความคิดเห็นที่ 22 ข้ามมาฝั่งตรงข้ามแล้วครับ ก็มาถ่ายภาพย้อนกลับไปทางฝั่งโน้นบ้าง จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:32:30

ความคิดเห็นที่ 23 ผมชอบมุมนี้ครับ สวยดี จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:33:13

ความคิดเห็นที่ 24 ก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากสะพานและก็ปราสาทที่ผมไม่ได้ขึ้นไปชมครับ ผมเดินเก็บภาพกะบรรยากาศอยู่พักใหญ่ก็ย้อนกลับมา คราวนี้แดดดีทีเดียว (แต่ฟ้าหม่นเหมือนเดิม) จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:34:54

ความคิดเห็นที่ 25 คิดถึงญี่ปุ่น!!!! จากคุณ : น้ำค้างเดือนเก้า เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:39:40

ความคิดเห็นที่ 26 ตรงจุดเมื่อกี้มีเก้าอี้ยาวไว้ถ่ายภาพเป็นหมู่คณะด้วยครับ ใครมากะกรุ๊ปทัวร์คงต้องใช้บริการ ส่วนผมมาคนเดียวก้เดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่าที่นี่มีให้ชมแค่นี้ จัดเวลาไว้สักชั่วโมงครึ่งก็น่าจะพอ สำหรับผม ได้มาเห็นของจริงด้วยตาตนเองก็มีความสุขแล้วครับ ฝันเป็นจริงไปอีกหนึ่งอย่าง อ้อ..อยากบอกว่าที่นี่ตอนผมไปนี่ลมพัดแรงมากครับ ผมสังเวย SD Card ไปหนึ่งอันตอนกำลังจะหยิบมาเปลี่ยน ลมพัดมาวูบใหญ่เล่นเอาตัวผมเซไปเลย การ์ดที่อยู่ในมือลอยไปหายไปกับสายลม เดินหายังไงก็ไม่เจอ ยังดีที่เป็นการ์ดใหม่ที่กำลังจะเอามาเปลี่ยน ถ้าเป็นการ์ดที่บันทึกภาพที่ถ่ายไปแล้วคงเสียดายมากกว่านี้ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:41:33

ความคิดเห็นที่ 27 น้ำค้างเดือนเก้า : 5555 ญี่ปุ่นนี่เสน่ห์แรงจริงๆ มาดับความคิดถึงกับรีวิวผมก่อนนะครับ +++++++++++++++++++++++++ ทิ้งท้ายด้วยภาพนี้นะครับ บ๊ายบายคินไตเคียว ถ้าผมไม่มีเงินถุงเงินถังเราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ ขอบคุณที่เป็นภาพฝันมานานหลายสิบปี   จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:44:18

ความคิดเห็นที่ 28 จากอิวาคุนิผมก็นั่งรถไฟย้อนกลับมาที่ฮิโรชิม่า เพื่อมาชมบทเรียนที่แสนเศร้า คือพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพครับ จากที่สถานีรถไฟ เราสามารถนั่งรถราง พาหนะประจำเมืองฮิโรชิม่า สาย 1,3 และ 7 ลงที่สถานี Chuden-mae ครับ แต่ตอนนั้นผมเลือกไปนั่งรถบัสนะครับ สายอะไรจำไม่ได้แล้ว ต้องเดินต่ออีกนิดหน่อย แต่อากาศเย็นๆ เดินได้เพลินๆ ครับ บนถนนเมืองฮิโรชิม่าจะเห็นรางรถรางบนถนนไปมามากมายครับ เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของที่นี่จริงๆ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:50:18

ความคิดเห็นที่ 29 ตามเกาะติดเลยค่ะ คิดว่าจะไปฮิโรชิมา แบบ วันเดียวแบบนี้ เที่ยวสามที่ ประมาณนี้เลย ขอมาสังเกตการณ์หน่อยค่ะ ว่าจะมีเวลาพอมั๊ย ในวันเดียว รูปต้นไม้รูปแรกสวยมากๆๆ เลยค่ะ จากคุณ : @มะตูม@ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:52:30

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเดินข้ามแม่น้ำมาครับ แล้วก็มาถึงแล้ว พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพ หรือ Hisoshima Peace Memorial Museam ที่นี่เปิด 8.30-18.00 ยกเว้นเดือน ส.ค. เปิดถึง 19.00 น. และเดือน ธ.ค.-กพ. เปิด 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 Y เด็ก 30 Y ครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:54:23

ความคิดเห็นที่ 31 ยังตามชมเสมอครับ จากคุณ : Palm Jung Won เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:04:28

ความคิดเห็นที่ 32 @มะตูม@ : ส่วนตัวผมว่าทันนะครับ เพราะแต่ละที่ไม่ถึงกับห่างกันมากนัก ผมไปสามที่ก้ไม่ได้เหนื่อยเกินไปด้วย ยิ่งถ้าพักที่ฮิโรชิม่ายิ่งสบาย เพราะผมไปกลับจากโอซาก้าเลยทีเดียว (แต่ออกจากโอซาก้าเช้ามั่กๆ) ++++++++++++++++++++++ ด้านหน้ามีการระบุเวลาวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เวลา 8 นาฬิกา 15 นาที ที่มีการทิ้งระเบิดปรมาณู Little Boy ที่ฮิโรชิม่า   หลังจากนั้น 3 วัน (9 สิงหาคม) ก็ได้เวลา Fatman ไปถล่มนางาซากิ ก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้สงครามในวันที่ 15 สิงหาคม 1945 ส่วนเวลาที่นาฬิกานั่นรู้สึกว่าจะเป็นเวลาจริงของวันนั้นนะครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:06:39

ความคิดเห็นที่ 33 แอบมาชมด้วยนะคะ สารภาพว่ายังอ่านญี่ปุ่นของคุณไม่ครบทุกตอน กลัวว่าอ่านจบจะพร่ำเพ้ออยากไปเหมือนรีวิว ฝรั่งเศส-อิตาลี ยังติดตาติดใจไม่หาย  จากคุณ : CuteRabbito เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:15:46

ความคิดเห็นที่ 34 Palm Jung Won : ขอขอบพระคุณจริงๆ ครับสำหรับการติดตาม เป็นกำลังใจกับคนรีวิวตัวน้อยๆ คนนี้ได้มากมายเลยครับ ^^ ++++++++++++++++++++++++++++++ เข้าไปข้างในก็มีผู้คนคับคั่งเลยครับ ห้องแรกนี้เป็นการรวมภาพและเรื่องราวของฮิโรชิม่าก่อนเกิดสงครามครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:24:56

ความคิดเห็นที่ 35 CuteRabbito : ขอบคุณมาตามามาจากรีวิวชุดที่แล้วนะครับ สำหรับรีวิวนี้จะรอให้จบก่อนแล้วมาอ่านรวดเดียวเลยก็ได้นะครับ จะได้ต่อเนื่อง สำหรับผมทริปญี่ปุ่นนี้ประทับใจมากครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไปด้วย ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ครับ น่าเที่ยวมากๆ ใครไปก็ติดใจทุกคน ++++++++++++++++++++++ สำหรับห้องต่อไปก็จะเริ่มเข้าสู่บรรยากาศของสงครามแล้วครับ เวลาที่เห็นเป็นเวลาแห่งความสูญเสียของผู้คนที่ฮิโรชิม่าครับ และก็เป็นช่วงเวลาที่จะจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:29:38

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนตัวผมประทับใจส่วนนี้มากที่สุดครับ เพราะเป็นเป็นส่วนที่เผยข้อมูลว่า ก่อนที่ทางสหรัฐฯ จะตัดสินใจมาหย่อนระเบิดที่นี่มีที่มาที่ไปยังไง จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:34:10

ความคิดเห็นที่ 37 โดยในเดือน พค. 1945 มีการพิจารณาเมืองที่จะโชคร้ายเมืองนั้น โดยรายชื่อแรกๆ คือ Kyoto, Hiroshima, Yokohama, และ Kokura (OMG!!! มีเกียวโตด้วย) ต่อมาในวันที่ 25 กค. 1945 รายชื่อเมืองที่เข้ารอบประกอบด้วย Hiroshima, Kokura, Niigata, และ Nagasaki (เกียวโตกะโยโกฮาม่าหลุด นางาซากิมาแทน) ก่อนที่ฮิโรชิม่าจะชะตาขาด ถูกยกเป็นเป้าหมายแรกเพราะเป็นเมืองเดียวในสี่เมืองที่ไม่มีค่ายเชลยของทหารสัมพันธมิตร แล้วในวันที่ 6 สค. วันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการทิ้งระเบิด จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดก็เกิดขึ้น ข้อมูลและภาพจาก http://www.pcf.city.hiroshima.jp/virtual/VirtualMuseum_e/visit_e/est_e/panel/A2_2/2301.htm ++++++++++++++++++++ เพิ่มเติมแหล่งข้อมูลครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 23:46:18 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:45:17

ความคิดเห็นที่ 38 จากคำบรรยายในภาพครับ "อากาศดีทำให้ฮิโรชิม่าชะตาขาด!!!" จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:49:57

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพจริงเมื่อหลังเกิดเหตุครับ ราพณาสูรเป็นหน้ากลอง จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:51:49

ความคิดเห็นที่ 40 อันนี้เป็นภาพจำลองครับ ตอนนี้เป็นภาพก่อนจะบอมบ์ จะเห็นโดมปรมาณูซึ่งเดิมถูกก่อสร้างเป็นศูนย์การประชุมพาณิชยกรรมแห่งฮิโระชิมะ ถูกสร้างขึ้นเพื่อพัฒนาการตลาดของผลิตภัณฑ์ของเมืองฮิโระชิมะ ซึ่งเป็นเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในฐานะเมืองสงคราม เพราะเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการในสมัยสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง จังหวัดฮิโระชิมะอนุมัติการก่อสร้างใน พ.ศ. 2453 และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2457 ตัวอาคารเดิมออกแบบโดยสถาปนิกชาวเชกชื่อว่า Jan Letzel สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2458 เปิดใช้งานในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2464 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์จัดแสดงสินค้าแห่งฮิโระชิมะ   และในปี พ.ศ. 2476 ถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ศูนย์ประชาสัมพันธ์เชิงอุตสาหกรรมแห่งฮิโระชิมะ ภายในศูนย์แห่งนี้มีการแสดงและวางขายสินค้าที่ผลิตในฮิโระชิมะ รวมทั้งแสดงงานศิลปะต่าง ข้อมูลจากวิกิพีเดียครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:54:51

ความคิดเห็นที่ 41 ส่วนนี่เป็นหลังบอมบ์ครับ เนื่องจากระเบิดปรมาณูลิตเติลบอยระเบิดห่างจากโดมปรมาณูทางทิศตะวันออก 150 เมตร และสูงเหนือพื้นดิน 580 เมตร สันนิษฐานว่า 1 วินาทีหลังจากที่ลิตเติลบอยระเบิดอาคารก็พังทลาย แต่แม้ว่าส่วนอาคารทั้ง 3 ชั้นจะพังทลายเกือบทั้งหมด ส่วนโดมตรงกลางและกำแพงโดยรอบกลับรอดมาได้ เพราะแรงระเบิดนั้นเกิดขึ้นเหนืออาคารพอดี คาดว่าเจ้าหน้าที่ประมาณ 30 คนที่อยู่ในอาคารเสียชีวิตทั้งหมด ข้อมูลจากวิกิพีเดียครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:56:40

ความคิดเห็นที่ 42 ระเบิดลงเหนือยอดโดมของอะตอมมิคโดมพอดีครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:00:25

ความคิดเห็นที่ 43 ทิ้งไว้แต่ความสูญเสียของขาวเมืองฮิโรชิม่าและคนญี่ปุ่นทุกคน เป็นสิ่งที่เตือนถึงพิษภัยของสงครามที่มีให้ได้แต่ความสูญเสีย จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:01:28

ความคิดเห็นที่ 44 เสื้อผ้าที่เหลืออยู่ของเด็กๆ เหยื่อสงครามครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:02:18

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นซาดาโกะนะครับ เด็กหญิงผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดเนื่องจากกัมมันตภาพรังสี เธอเชื่อว่าถ้าสามารถพับนกกระเรียนได้ 1,000 ตัวก็จะไม่ตาย แต่แล้วเธอก็สิ้นใจขณะพับนกได้ 954 ตัว จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:04:49

ความคิดเห็นที่ 46 จากตรงนี้จะไปสู่ทางออกแล้วครับ ก่อนจะออกก็มีร้านขายของที่ระลึก ผมซื้อหนังสือประวัติศาสตร์ของสงครามมาหลายเล่มทีเดียว จากตรงนี้จะมีภาพแสดงให้เห็นสิ่งก่อสร้างในสวนสันติภาพนี่ครับ ไล่เรียงกันไปเลย ที่สำคัญเห็นจะเป็นรูปปั้นของซาดาโกะ อนุสาวรีย์และเปลวไฟแห่งสันติภาพ และอะตอมมิคโดมครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:08:37

ความคิดเห็นที่ 47 มาดูบรรยากาศของจริงกันบ้าง ตอนนี้แสงอาทิตย์เริ่มเปล่งแสงยามเย็นมาแล้ว ดูทั้งสวยและเศร้าในเวลาเดียวกัน จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:10:10

ความคิดเห็นที่ 48 ก่อนจะลงไปชมสวนสันติภาพด้านล่าง ขอฝากเว็บไซต์ของ Hisoshima Peace Memorial Museam http://www.pcf.city.hiroshima.jp/top_e.html นี่เป็นโบรชัวร์ครับ เอาไว้อ่านเล่นๆ มีผังอาคารเผื่อจะทำการบ้นก่อนไปเข้าชมครับ http://www.pcf.city.hiroshima.jp/virtual/img/pamphlet/english.pdf สำหรับในภาพเป็นแผนผังของสวนสันติภาพครับ ระบุจุดที่น่าสนใจไว้ทั้งหมด จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:15:24

ความคิดเห็นที่ 49 จากภาพจะเห็นว่าเค้าวางผังให้พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์และเปลวไฟแห่งสันติภาพ และอะตอมมิคโดมจะต่อเนื่องยาวเป็นเส้นตรงเลยครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:16:39

ความคิดเห็นที่ 50 จากพิพิธภัณฑ์ ผมเดินไปชมอนุสาวรีย์และเปลวไฟแห่งสันติภาพก่อนครับ อนุสาวรีย์สร้างเป็นรูปตัวยูคว่ำสะท้อนภาพบ้านหลังคามุงจากสมัยโบราณของญี่ปุ่น บรรจุหีบศิลาพร้อมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ และคำจารึกว่า "จงเข้าสู่นิทราอย่างสงบ ความผิดพลาดมิอาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม" จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:18:36

ความคิดเห็นที่ 51 ในพิพิทธภัณฑ์เค้าให้ถ่ายรูปได้เหรอคะ จากคุณ : หนูหริ่งหิ่งห้อย เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:20:48

ความคิดเห็นที่ 52 ถัดไปไม่ไกลเป็นอนุสาวรีย์ของซาดาโกะครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:21:47

ความคิดเห็นที่ 53 หนูหริ่งหิ่งห้อย : ถ่ายได้ครับ ผมถามเค้าก่อนเข้าไปแล้ว ที่นี่เค้าไม่หวงเลย คงอยากให้เผยแพร่พิษภัยของสงครามไปให้กว้างขวางที่สุดน่ะครับ ++++++++++++++++++++++++++++++++++ แล้วก็มาถึง อะตอมมิคบอมบ์โดม หรือ โดมปรมาณู ที่กลายเป็นที่รู้จักในฐานะของสัญลักษณ์ความโหดร้ายของระเบิดปรมาณู เดิมทีชาวเมืองอยากให้ทำลายทิ้ง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้นึกถึงความโหดร้ายของการทิ้งระเบิด จึงทำให้มีการถกเถียงกันว่าควรจะอนุรักษ์หรือทำลาย เทศบาลเมืองฮิโระชิมะในขณะนั้นไม่เห็นด้วยกับการอนุรักษ์ด้วยสาเหตุที่ว่าการอนุรักษ์ทำให้เกิดภาระทางการเงินมาก และต้องการใช้ทรัพยากรที่จำกัดไปในการฟื้นฟูเมืองมากกว่า แต่เมื่ออิจิโร คะวะโมะโตะ นักต่อสู้เพื่อสันติภาพ ได้อ่านข้อความว่า "ศูนย์ประชาสัมพันธ์เชิงอุตสาหกรรมที่น่าสงสารนั้นคงจะประกาศชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของระเบิดประมาณูตลอดไป" ในอนุทินของฮิโระโกะ คะจิยะมะ เด็กสาวซึ่งเสียชีวิตใน พ.ศ. 2503 ด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาจึงเริ่มการรณรงค์ให้อนุรักษ์โดมประมาณูไว้ จนในพ.ศ. 2509 สภาเทศบาลเมืองฮิโระชิมะก็ลงความเห็นให้อนุรักษ์โดมปรมาณูไว้ตลอดไป ข้อมูลจากวิกิพีเดียครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:26:29

ความคิดเห็นที่ 54 ในการระดมทุนสำหรับการก่อสร้างเพื่อเก็บรักษาโดมปรมาณู สามารถรวบรวมเงินจากชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศและชาวต่างชาติทั่วโลกได้ถึง 66 ล้านเยน การซ่อมแซมครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2510 และเสร็จสิ้นในวันที่ 5 สิงหาคม ในปีเดียวกัน 20 ปีหลังจากการซ่อมแซมครั้งแรก เริ่มมีรอยร้าวบนกำแพงและการกัดกร่อนของโครงเหล็ก จึงต้องมีการซ่อมแซมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2532 ในครั้งนี้ได้รับเงินบริจาคถึงกว่า 395 ล้านเยน ซึ่งมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้เกือบ 4 เท่า เงินส่วนที่เหลือจากการซ่อมแซมถูกนำมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อการอนุรักษ์โดมปรมาณู และมีการตรวจความแข็งแรงทุก ๆ 3 ปี ข้อมูลจากวิกิพีเดียครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:27:01

ความคิดเห็นที่ 55 ผมข้ามสะพานมาถึงตัวอาคาร มาดูกันแบบใกล้ๆ ครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:28:23

ความคิดเห็นที่ 56 มีภาพเรียงตามลำดับเวลา ตั้งแต่ตอนยังเปิดใช้งานจนมาเป็นซากปรักหักพัง จนกระทั่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพในที่สุด จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:29:34

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพขณะยังสมบูรณ์ครับ สวยงามแต่กลับไม่ทรงพลังเท่าสภาพในขณะนี้ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:30:26

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพสุดท้ายที่สวนสันติภาพแห่งนี้ครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:31:12

ความคิดเห็นที่ 59 ผมเดินวนรอบอะตอมมิคบอมบ์โดมจนมาทะลุถนนอีกฝั่ง จากตรงนี้ผมก็มาขึ้นรถรางกลับสถานีรถไฟครับ ตามที่อ่านมา จากสถานี Genbaku Dome-mae นี่เราสามารถขึ้นรถรางสาย 2,3,6 และ 7 เพื่อที่จะกลับมาที่สถานีรถไฟได้ครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:33:19

ความคิดเห็นที่ 60 ที่สถานีผมเพิ่งมาเห็นว่ามีรถบัสไปที่ Miyajima Guchi ด้วย ใครสนใจไปด้วยรสบัสก็ลองหาวิธีการดูนะครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:34:38

ความคิดเห็นที่ 61 จากตรงนี้ ผมต้องกลับไปโอซาก้าก่อนครับ เพราะเดิมทีตั้งใจว่าจะนอนบนรถไฟกลับไปที่โตเกียว เลยไม่ได้จองที่พักคืนนี้ไว้ ลองเช็คเวลาแล้วมีรอบรถไฟประมาณห้าทุ่ม ยังพอจะทัน ก็เดินไปจองตั๋วกลับ ไปถึงเคาเตอร์ก็บอกขอจองตั๋วรถชิงกันเซนไปโอซาก้า รอบที่เร็วที่สุด คุณเจ้าหน้าที่พยักหน้ารับทราบ หันไปพิมพ์ก๊อกแกีกแล้วปรินต์ตั๋วออกมา ยื่นให้ผม ผมเอาตั่วมาดู ขณะนั้นเวลา 17.02 น.  ในตั๋วระบุได้รอบ 17.03 น. อืม 17.03 ...หา!!!..ก็อีกไม่ถึงนาที!!!! ผมมองดูอีตา จนท. เค้าบอกไปเร็วๆ แล้วรับชี้มือไปที่ทางเข้า แต่เจ้ากรรม ผมดันไปซื้อของที่ระลึกแล้วฝากไว้ที่ร้านเพราะตั้งใจจะไปซื้อของกินไว้กินบนรถไฟ ร้านไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้ เลยต้องวิ่งกลับไปเอาของ จากนั้นก็หอบถุงเต็มมือวิ่งต่อไปที่ทางเข้า หยิบตั๋วกะ JR Pass ให้เค้าตรวจอีก แล้วไปเล็งหาชานชลาอีก จนกว่าจะขึ้นไปถึงชานชลา เจอแต่รางว่างเปล่า ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ตรงนั้น สุดท้ายได้ความว่ารถออกไปแล้ว T_T จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:00:46

ความคิดเห็นที่ 62 เลยเดินหอบถุงบ้าถุงบอกลับที่ช่องขายตั๋ว คุณคนขายคนเดิมเห็นเราเดินกลับมาก็เป็นอันรู้กัน ไม่ต้องพูดอะไรมาก หัวเราะแล้วปรินต์ตั๋วรอบต่อไปมาให้เลย ไอ้เราก็ผิดเอง ไปบอกเค้าว่าเอารอบเร็วที่สุด เลยได้เร็วสมใจ เร็วจนรถไม่รอเราเลย แต่ไอ้คุณเจ้าหน้าที่ก็พาซื่อตามเรานะ ไม่ยอมเผื่อเวลาให้บ้าง หลอกให้เราวิ่งจนตับแลบแต่ยังไม่ได้ไปจนได้ 555 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:07:06

ความคิดเห็นที่ 63 แต่ที่ประทับใจคือเค้าคงรู้สึกผิดที่ให้เรารีบวิ่งไปเก้อ พอยื่นตั๋วมาให้แล้วก็เลยไหว้ขอโทษอย่างที่เห็น แหม..กำลังจะมาต่อว่าเลยว่าไม่ลงเลย 5555 ประทับใจในการให้บริหารของคนที่นี่จริงๆ ว่าแล้วเลยขอจองตั๋วเพิ่มเป็นตั๋วจากโอซาก้าไปโตเกียวอีกใบ แล้วเดินไปขึ้นรถอย่างละเมียดละไม ชมนกชมไม้ระหว่างทาง เพราะเที่ยวต่อไปก็อีกกว่าครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องรีบแล้วล่ะ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:11:03

ความคิดเห็นที่ 64 จากนั้นผมไปรอรอบรถที่จองไว้ แล้วนั่งไปตามปกติครับ แอบหลับด้วยเพราะนั่งยาว จนไปถึงโอซาก้าเลย จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:12:42

ความคิดเห็นที่ 65 ไปถึงสถานีโอซาก้าก็หาข้าวมื้อเย็นทาน วันนี้หวยมาตกที่ข้าวราดแกงกะกรี่ครับ อยากกินมาหลายวัน เพิ่งเดินมาพบร้านที่ถูกใจ เลยสั่งข้าวราดแกงกะหรี่เนื้อ แถมสั่งไก่ทอดมากินเพิ่มอีกต่างหาก รอดไปอีกหนึ่งมื้อ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:14:45

ความคิดเห็นที่ 66 จะไปคันไซเหมือนกัน มาแอบเก็บข้อมูลครับ ปล. จะบอกว่า เคยเกือบไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่ที่ต่างแดนเหมือนกันครับ เสียวสุดๆ ==" จากคุณ : เมาไม่ขับ แล้วจะกลับยังไง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:18:43

ความคิดเห็นที่ 67 วันนี้ถือเป็นวันที่ประทับใจ เพราะเที่ยวได้เกือบตามแผนที่วางไว้ มาพลาดคือกลับมาไม่ทันเวลาปิดของอควอเรี่ยมไคยูคัง แต่ไม่เป็นไร ไว้มาเก็บตกครั้งหน้า ก็ถือว่าจบวันแบบงดงาม แต่จริงๆ หารู้ไม่ว่า ความซวยกำลังจะบังเกิด... จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:21:56

ความคิดเห็นที่ 68 เมาไม่ขับ แล้วจะกลับยังไง : ใช่ครับ เสียวมากๆ ผมแอบเข็ดไปเลย 555 ++++++++++++++++++++++ อย่างที่เล่าไปแล้วว่า ผมไม่ได้จองที่พักคืนนี้ไว้ เพราะเดิมทีตั้งใจจะนอนรถไฟข้ามคืนไปโตเกียว แต่จากการเที่ยวเยอะๆ มาหลายๆ วันทำให้ชักเพลีย เลยเปลี่ยนใจขอนอนต่อที่โอซาก้าอีกคืนดีกว่า (เลยจองตั๋วโอซาก้า-โตเกียวตอนเช้าพรุ่งนี้ไปแล้ว) ว่าแล้วผมก็หอบเอาสัมภาระทั้งหมดขึ้นหลัง นั่งรถไฟกลับมาที่โฮสเทลที่พักมาเมื่อคืนนี้ ตั้งใจจะมาพักอีกสักหนึ่งคืน ก่อนจะพบว่า..ที่พักเต็ม!!! แถมโรงแรมข้างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันอีกสามสี่ที่ก็เต็มอีก!  เค้าบอกว่าช่วงนี้คนเดินทางเยอะ ที่ไหนก็เต็มน้อง เอิ่ม..ยังไงดีล่ะ คิดสะระตะแล้วตัดสินใจกลับไปแผนเดิมก็ได้(วะ) แล้วก็เอาเป้ขึ้นหลังอีกรอบ นั่งกลับมาที่สถานีโอซาก้าอีกครั้ง แล้วเดินไปจองตั๋วรถนอนไปโตเกียวคืนนี้ ก่อนจะพบว่า รถขบวนที่ว่า...ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก คิดเป็นเงินไทยได้สี่พันบาท!!!! ความทรงจำเลือนลางที่เคยอ่านเจอว่ารถนอนมันจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มก็โผล่มาในหัว แต่ทำไม๊..ทำไมไม่คิดได้เร็วกว่านี้ ตั๋วนอนที่ว่านั้นแน่นอนว่าผมคงต้องปฏิเสธเพราะไม่ได้เตรียมงบมาเผื่อ ตอนนั้นชักมึนไปหมดครับ คิดหาทางอื่นไม่ออก เพราะตอนนั้นนั่งแต่รถไฟ เลยคิดแค่ว่าไม่มีรถไฟก้คงไม่ได้ไป ถึงขั้นไปถามเจ้าหน้าที่ว่าที่สถานีเปิดทั้งคืนไหม เพราะอย่างแย่ที่สุดคือนั่งหลับนกมันที่นี่นี่แหละ อย่างน้อยก็ไม่หนาว แต่เสียใจด้วยครับ สถานีรถไฟไม่ใช่สนามบิน มันมีเวลาปิดครับ! จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:34:33

ความคิดเห็นที่ 69 ผมเดินเอาเป้ไปใหญ่ไปฝากที่ล๊อกเกอร์สถานีก่อน เอาเสื้อผ้ากะของที่จำเป็นถ่ายใส่กระเป๋ากล้อง เพราะให้หอบเป้ยักษ์เดินหาที่พักเห็นจะตายซะก่อน ฝากแล้วก็นั่งรถไฟกลับไปสถานีเดิมครับ(เป็นรอบที่ 2 ของคืนนี้) เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่ารอบๆ สถานีเป็นโรงแรมทั้งนั้น น่าจะพอมีห้องบ้างน่า ตอนนั้นนี่ใจไม่ค่อยดีแล้วครับ แต่ยังมองโลกในแง่ดีอยู่ ว่าเราคงไม่ต้องนอนข้างถนนหรอกน่า ยังไงต้องมีที่ซุกหัวนอนคืนนี้ให้ได้ ก็เดินไล่ตามโรงแรมไปเลยครับ จะถูกจะแพงเข้าไปหมด(แต่ย่านชินอิมามิย่านี่ราคาที่พักไม่แพงมากอยู่แล้วครับ) แต่ผลคือเหมือนกันทั้งหมดครับ คือ เต็ม เต็ม เต็ม!!!!! จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:42:06

ความคิดเห็นที่ 70 สนุกมากครับรออ่านต่อ:D จากคุณ : PD2002 เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:51:34

ความคิดเห็นที่ 71 ผมอับจนหนทางจนถึงขนาดบอกเค้าไปว่าถ้าห้องพักเต็มผมขอนั่งหลับที่ล๊อบบี้ก็ได้ แต่ก็ไม่มีที่ไหนยอม ก็เดินหาอยู่ 1 ชั่วโมงเต็มๆ! จนแทบจะรู้ข้อมูลที่พักแถวนั้นหมดแล้วเนี่ย (แต่ตอนนี้ก็ลืมไปหมดแล้วครับ 555) ยังไม่มีที่ไหนว่างเลยสักที่ จนวนกลับมาที่เดิม ตรงหน้าปากซอยโฮสเทลที่พักเมื่อคืนนี้ หันไปเห็นโรงแรมตรงหัวมุมที่เราผ่านไปตอนแรก ก็จำได้ว่าเรายังไม่ได้ถามนี่นา เลยเดินถามว่ามีห้องว่างไหม? ซึ่งคำตอบก็ไม่ต่างจากอีกเกือบยี่สิบโรงแรมถามมา นั่นก็คือ "เต็ม..." ผมถามกลับไปด้วยความอ่อนล้าว่าไม่มีเลยเหรอ?...ห้องเดียวเองนะ นอนเดี่ยวนอนคู่นอนรวมได้หมด... ซึ่งหน้าตาและน้ำเสียงผมมันคงดูอ่อนระโหยโรยแรงเต็มที คุณเจ้าของทำหน้าเห็นใจแล้วบอกมาว่า เดี๋ยวขอผมเช็คดูอีกทีนะ เป็นแสงสว่างวิบๆ ปลายอุโมงค์ของผม แม้ว่าผมจะพยายามไม่หวังมาก เพราะหลายๆ โรงแรมที่ผ่านมาก็เช็คไปเช็คมาหลายรอบ ก่อนจะพบว่า"เต็ม"เหมือนเดิม ยิ่งหวังมากยิ่งผิดหวังมากครับ ในภาพเป็นโรงแรมฝั่งตรงข้ามที่พักเก่า ผมเดินถามมาครบทุกตึกแล้วครับ 555 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:52:50

ความคิดเห็นที่ 72 PD2002 : มาตามต่อเลยครับ ตอนนี้ผมมองขำๆ ได้ แต่ตอนนั้นนี่ขำไม่ออกจริงๆ ++++++++++++++++++++++++++++++ เค้าไปค้นโน่นนี่พักใหญ่ แล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกว่า น่าจะพอมีเหลือสักห้อง!!!!! ตอนนั้นฟังแล้วน้ำตาจะไหล ดีใจยิ่งกว่าอะไร เพราะยิ่งดีกหลายๆ ที่ก็เริ่มปิด ข้างนอกแทบไม่มีผู้คน อากาศก็หนาว มันไม่สนุกเลยกับการเดินท่อมๆ แบบไร้จุดหมายอย่างที่ผ่านมา คุณเจ้าหน้าที่ที่นี่ก็บอกว่าดีนะที่ผมมาถามก่อน เพราะเค้าก็กำลังจะปิด! ซึ่งก็จริงเพราะพอจัดการธุระผมเสร็จ เค้าก็ออกมาปิดประตูหน้า และเคาเตอร์ ก่อนจะพาผมไปแนะนำทางออกด้านหลัง(เพราะพรุ่งนี้ผมจะไปตั้งแต่เช้ามืด) แล้วพาผมขึ้นไปที่ห้องพัก จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:02:19

ความคิดเห็นที่ 73 ห้องที่ผมได้พักเป็นห้องพักเล็กๆ ครับ ไม่มีหน้าต่างด้วยซ้ำ แต่อารมณ์นั้นขอมีที่ซุกหัวนอนอุ่นๆ ก็แสนสุขีมากๆ แล้วครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:06:01

ความคิดเห็นที่ 74 ในห้องยังอุตส่าห์มีทีวีให้ แต่ผมก็ไม่ได้เปิดดูเลยครับ หมดแรงจริงๆ ผมวางข้าวของแล้วนอนแผ่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะเตรียมข้าวของลงไปอาบน้ำ เพราะที่นี่เป็นที่พักแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ครับ ที่อาบน้ำเป็นแบบอาบน้ำรวมอยู่ที่ชั้น 1 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:07:08

ความคิดเห็นที่ 75 ผมไปอาบน้ำแล้วแช่น้ำร้อนให้หายเหนื่อย แต่แช่ได้ไม่นานครับ เพราะคุณเจ้าหน้าที่จะกลับแล้ว ซึ่งก่อนกลับเค้าจะมาปิดไฟล๊อกประตูห้องอาบน้ำชั้น 1 ทั้งหมดด้วย ผมก็เลยรีบขึ้นแล้วกลับไปนอนที่ห้องครับ ถึงห้องก็หลับยาวให้สมกับที่เหนื่อยมาทั้งวัน(และทั้งคืน) แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 02:38:59 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:09:47

ความคิดเห็นที่ 76 ตื่นเช้ามาก็ไปล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำครับ (ห้องสุขากับอ่างล้างหน้ามีทุกชั้น) แล้วหอบสัมภาระออกมาครับ เพราะผมต้องไปขึ้นรถไฟชิงกันเซนไปโตเกียวตั้งแต่เช้ามืด ลงมาที่เคาเตอร์ยังไม่มีใครเลยครับ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:12:39

ความคิดเห็นที่ 77 ก็ออกทางประตูด้านหลังอย่างที่เค้าบอก แล้วมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย สำหรับโรงแรมที่เป็นที่พึ่งยามยากของผมที่นี่ ไม่ได้ที่นี่ก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหนนะเมื่อคืนนี้ จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:14:14

ความคิดเห็นที่ 78 ท้องฟ้ายังมืดสนิท ถนนหนทางยังแทบจะไร้ผู้คน แต่อย่างน้อยความรู้สึกก็ดีกว่าเมื่อคืนนี้ที่เป็นช่วงดึกที่ราตรียังอีกยาวไกล เพราะตอนนี้คือรุ่งอรุณของวัน ผู้คนกำลังจะเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใส รวมทั้งผมด้วยอีกคน(หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ) จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:17:43

ความคิดเห็นที่ 79 ก็นั่งรถไฟสายเดิม(ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ว) มาเอาเป้ที่ฝากไว้ ข้าวของที่ได้มาระหว่างทางค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น จนผมต้องจัดระเบียบกันใหม่อยู่พักนึง จนในที่สุดก็ยังเหลือถุงอีกใบจนได้ ยัดไม่หมด สรุปตอนนี้สัมภาระก็เพิ่มเป็นสามชิ้นแล้ว (แต่ยังดีกว่าทริปฝรั่งเศส-อิตาลี อันนั้นเพิ่มตั้งแต่ต้นทริปเลย-_-") จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:21:07

ความคิดเห็นที่ 80 มาถึงสถานี Shin Osaka ก็มานั่งรอรถไฟ ไดเวลารถก็มา ผมก็ไปนั่งตามที่นั่งที่ขอเค้าไว้ คราวที่มาจากโตเกียวไปนาโงย่าลืมระบุที่นั่ง เลยอดชมฟูจิซังแบบใกล้ชิด แต่คราวนี้ไม่ลืมแล้ว ขอที่นั่งติดหน้าต่างฝั่งซ้ายไว้เลย หวังว่าจะได้เห็นเต็มๆ ตานะฟูจิซังจ๋า นั่งไปเรื่อยๆ ฟ้าสีทองผ่องอำไพก็เริ่มปรากฏแก่สายตา แสงแดดยามเช้าบนฟ้าสีสดๆ สวยดี ท่าทางอากาศหม่นมัวจะจากลาไปแล้วซะทีนะ อยู่มาหลายวันไม่เคยเห็นฟ้าใสๆ ที่ไม่มีเมฆอย่างวันนี้มาก่อนเลย จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:26:11

ความคิดเห็นที่ 81 ผมตั้งมือถือปลุกไว้เลย ตจั้งใจว่าเลยนาโงย่ามาจะคอยตั้งตารอชมฟูจิซัง หยิบกล้องมารอพร้อมตลอดเวลา และแล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ถึงเวลาฟูจิซังก็มาให้เห็นเต็มๆ ตา! มีฟ้าสีสดเป็นฉากหลัง สวยสมการรอคอย จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:28:45

ความคิดเห็นที่ 82 ภาพฟูจิซังที่มีหิมะแต้มยอดขาวนี่มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ แถมท้องฟ้าวันนี้ก็เป็นฟ้าหลังฝนที่งามสดใสจริงๆ ครับ เป็นการเปิดการเดินทางสู่ฟูจิซังที่สวยงามมาก เพราะในตอนต่อไป ผมไปยลโฉมฟูจิซังกันแบบใกล้ซะยิ่งกว่าใกล้ที่คาวากูจิโกะ แล้วมาติดตามในตอนต่อไปกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 02:33:05 จากคุณ : A Lover's Concerto เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:32:05

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ ตามมาอ่านครับ จากคุณ : aobab1984 เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:34:27

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านไปลุ้นไปด้วยเลยค่ะ ฟูจิซังบนรถไฟสวยมากๆค่ะ จากคุณ : หนูหริ่งหิ่งห้อย เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:39:44

ความคิดเห็นที่ 85 ตามมาชมต่อคร้าบบบ  ช่วงนี้งานเข้ามากมายเหมือนกันเลยครับ พอมีเวลาบ้างก็อ่านตอนเก่าไปด้วยครับ อ่านเเล้วเกิดกิเลส ต่อมอยากเที่ยวเริ่มทำงาน แหะๆ สะพานคินไตเคียวน่าไปเดินเล่นจังครับ อ้อถือว่ายังโชคดีนะครับที่ยังมีห้องว่างแม้จะเล็กไปหน่อยเนอะ รอชมฟูจิซังตอนหน้านะคร้าบบบ   จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 07:28:32

ความคิดเห็นที่ 86 ถ้าเป็นผม จะยอมนั่งรถไฟไปสนามบินคันไซ นอนสนามบินซะเลย อิอิ จากคุณ : บอ.บึ๋น เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:21:17

ความคิดเห็นที่ 87 เห็นภาพในพิพิธภัณฑ์แล้วหดหู่อย่างบอกไม่ถูก น่าเศร้าใจกับความรุนแรงของสงครามจังครับ สะพานคินไตก็ชวนให้นึกถึงการ์ตูนเรื่องอิ๊กคิวซังมากๆ รอชมฟูจิซังระยะประชิดต่อนะครับ จากคุณ : Koon Shy_Tour Dee เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:36:10

ความคิดเห็นที่ 88 เย้ๆ กลับมารีวิวแล้ววว อิอิ รีวิวตอนเดินหาโรงแรมบรรยายเห็นภาพมากเลยค่ะ ท่าทางจะเหนื่อยน่าดูเลยเนอะ โชคดีที่เป็นผู้ชาย นอนแบบไหนก็ได้เนอะ ถ้าเป็นผู้หญิงคงหมดแรง ยอมจ่ายเงิน(ถึงแม้จะเกินงบ)นอนบนรถไฟไปแล้ว อิอิ รอชมตอนต่อไปนะคะ รอชมเกาหลีด้วยค่ะ^^ จากคุณ : หมูอ้วนขี้อ้อน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 10:32:52