ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นขอกางแผนที่ก่อนตามระเบียบปฏิบัติครับ แต่แผนที่เดินทางใหญ่นั้นไม่จำเป็น เพราะผมยังอยู่ที่เดิม คือเมืองสงขลา แถมอยู่บนยอดเขาตังกวนเท่านั้น จึงพอแสดงแผนที่เมืองสงขลาให้เท่านั้น  โดยเพิ่มเติมเส้นแนวเขาตังกวนด้วยสีเขียวอ่อน  เส้นทางลิฟท์ขึ้นเขาด้วยเส้นสีเขียวเข้ม พื้นที่บนยอดเขาด้วยสีฟ้า บันไดนาคช่วงบนที่เชื่อมมายังศาลาพระวิหารแดงด้วยเส้นสีน้ำตาลเข้ม และเส้นทางเดินลงทางบันไดด้วยเส้นเหลืองเข้ม ครับ  นอกจากนั้นบริเวณรอบๆ อาจเพิ่มจุดสถานที่สำคัญๆ เช่น ประติมากรรมพญานาคที่มี 3 จุด ในแต่ละสถานที่  และที่ไม่ลืมก็คือเส้นทางรถไฟสายเก่า สงขลา-หาดใหญ่ ที่เคยมีมาในอดีต ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 16:38:39

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อความเข้าใจในการเดินชมสถานที่ต่างๆ บนยอดเขาตังกวน ขอนำแผนที่ดาวเทียมมาเพิ่มเติมข้อมูลให้ดูกันครับ  ลักษณะพื้นที่บนยอดเขานี้ จะว่าไปแล้วก็ดูคล้ายกับเรือ ไม่ใช่เรือธรรมดา แต่เป็นเรือรบ หรือเรือเดินทะเลขนาดใหญ่เลยนะครับ  ตั้งหันหัวไปทางทิศเหนือเฉียงไปทางทิศตะวันตกเล็กน้อย ลิฟท์ที่ขึ้นมาจากด้านทิศตะวันออก จะเชื่อมกับทางหัวเรือ มีทางแยกไปทางทิศเหนือไปสู่ อาคารชมวิวทะเล "ปากทะเลสาบสงขลา"  ขึ้นมาบนเรือ จะมีหอประภาคารตั้งเด่นสง่าอยู่ส่วนหัวเรือ ตรงกลางเรือประดิษฐานเจดีย์หลวงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นต่างระดับ ที่มีเก๋งจีนอยู่ 4 ด้าน  ห้องสุขาจะอยู่ด้านทิศตะวันตกของเรือ  ถัดมาส่วนท้ายเรือ จะมีระเบียงชมวิวเมืองสงขลา ที่มีรูปปั้นหลวงพ่อทวดตั้งอยู่บนหลังคา อาคารใต้ดิน    ก่อนถึงทางท้ายเรือจะมีบันไดนาค ลงไปทางทิศตะวันออก ตรงไปสู่ ศาลาพระวิหารแดง ที่เคยเป็นพลับพลาของรัชกาลที่ 4 จากศาลาแห่งนี้ มีบันไดเดินลงมายังเชิงเขาข้างทางทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถึงบันไดนาค แล้วเลี้ยวขึ้นเหนือไปถึงพื้นล่างตรงหัวโค้งถนนพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 16:55:36

ความคิดเห็นที่ 3 ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : ฟ้ามีตะวัน (ฟ้ามีตะวัน) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 16:59:27

ความคิดเห็นที่ 4 มาเริ่มเดินทางด้วยภาพ(นิ่ง) กันเลยนะครับ  จากตอนที่แล้วเราอยู่ในสถานีลิฟท์ส่วนบนของเขาตังกวนอยู่ หลังจากชมวิวออเดริฟผ่านกระจกโค้งของสถานีแล้ว ก็ออกมายังข้างนอก สัมผัสบรรยากาศโล่งๆ ไร้สิ่งกั้นขวางระหว่างตัวเรากับวิว   ตรงทางออกสถานีนี้จะมีทางแยก 4 ทางให้เลือก  ทางซ้ายสุดเป็นทางลาดของรถเข็นคนพิการ ซึ่งจะต้องออกด้วยประตูอีกบาน ที่อยู่ข้างเคียงกับประตูใหญ่นี้  ตรงไปข้างหน้าเป็นทางขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆบนยอดเขาตังกวน และชมวิวเมืองสงขลา ส่วนขวามือเป็นทางไปชมวิวทะเล ที่อาคารชมวิว ทางทิศเหนือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:01:35

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับ คุณฟ้ามีตะวัน (ฟ้ามีตะวัน) : ด้วยความยินดีครับ เชิญติดตามได้ กระทู้เพิ่งเริ่มต้นเอง ยังอีกยาวไกล คาดว่าพรุ่งนี้คงจะจบตอน ครับ มองไปทางซ้าย จะเป็นทางลาดของรถเข็นคนพิการ ที่พาขึ้นไปบนพื้นต่างระดับ ซึ่งองค์พระธาตุเจดีย์หลวง ได้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงขึ้นไปอีกชั้น มุมกล้องนี้พอเห็นยอดพระเจดีย์ได้ครบ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:05:00

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพซ้าย : มองไปทางขวามือ เป็นบันไดลงไปยังอาคารชมวิวทะเลข้างล่าง ชอบใจที่ทำซุ้มต้นไม้เป็นโครงเหล็กรูปโค้ง เป็นช่วงๆ ตามจุดพักบันได ภาพขวา : มองต่อมายังข้างหลัง สถานีลิฟท์ส่วนบนที่พวกเราเพิ่งก้าวลงมา สังเกตุจะเห็นประตูเฉพาะรถเข็นคนพิการ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:11:27

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพซ้าย : ลงมาถึงอาคารชมวิวทะเลด้านทิศเหนือแล้ว ดูโปร่งโล่ง โอ่โถงมาก น่าจะมีไว้สำหรับทำร้านภัตตาคารดีๆ หรือไม่ก็สถานที่จัดเลี้ยงในงานพิธีต่างๆ นะครับ ได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มตา ภาพขวา : ขวามือเป็นระเบียงชมวิว จะเห็นเกาะหนู เกาะแมว ชัดเจนมาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:14:03

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อมูลละเอียดมากๆ ตามมาเที่ยวด้วยคนนะครับ จากคุณ : putan เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:14:12

ความคิดเห็นที่ 9 บอกรายละเอียดดีมากเลยค่ะ เป็นคู่มือท่องเที่ยวได้เลยค่ะ จากคุณ : ฟ้ามีตะวัน (ฟ้ามีตะวัน) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:14:50

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณ putan : ขอบคุณเช่นกันครับ สำหรับกิฟท์ประเดิมท่านแรกเลย ผมเก็บข้อมูลละเอียดมาก นอกจากจะมีประโยชน์ในการท่องเที่ยวแล้ว ยังช่วยบันทึกสภาพต่างๆ ของสถานที่ในเชิงประวัติศาสตร์ได้ด้วย ครับ ภาพบน : ไหนๆ ก็เห็นเกาะหนูชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ก็ขอใช้กล้องซูมภาพดึงเข้ามาใกล้ๆหน่อย  จากระยะทางบนนี้ถึงเกาะคำนวณโดย GPS Map ได้ประมาณ 3 กิโลเมตร ภาพล่าง : ซูมดูเกาะหนู แล้วก็ต้องตามด้วยเกาะแมว ไม่งั้นคงน้อยใจแย่...ฮา  เกาะแมวนี้อยู่ห่างจากเกาะหนูไปอีก 3 กิโลเมตร คำนวณรวมแล้วห่างจากบนนี้ประมาณ 6 กิโลเมตร ลักษณะเกาะแมวนี้ รูปร่างแท้จริงของเกาะจะไม่เป็นอย่างที่เห็น คือ เป็นเกาะค่อนข้างยาว ในแนวทิศตะวันออก-ตก ตั้งฉากกับแนวเกาะหนู ที่อยู่ในแนวเหนือ-ใต้ (ต้องดูจากแผนที่ดาวเทียมกูเกิ้ล) เลยดูเหมือนเป็นเกาะเล็กๆ ไม่เหมือนแมวหมอบเลย แต่คงตั้งชื่อให้สอดคล้องกับความสัมพันธุ์ของสัตว์ 2 ชนิดนี้ เพื่อให้จำง่ายๆ ระหว่างจัดเตรียมภาพ เกิดสังเกตุเห็นวัตถุประหลาดริมขอบฟ้าไกลๆ คล้ายยานเอเลี่ยนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ แต่ดูดีๆ แล้วน่าจะเป็นแท่นเจาะน้ำมัน(หรือแก๊ส) ของไทยนะครับ ลองค้นดูในเน็ต ระบุว่า อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 250 กิโลเมตร!(ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นได้จากที่นี่ กลัวเป็นคนละแท่นเจาะ)  น่าเสียดายที่แผนที่ดาวเทียมกูเกิ้ลไม่แสดงภาพในทะเล แสดงเฉพาะบนพื้นดิน หรือทะเลใกล้ๆฝั่งเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 17:37:40 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:35:53

ความคิดเห็นที่ 11 มองไปทางซ้าย ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตรงปลายแหลมสนอ่อน ที่เป็นปากน้ำทะเลสาบสงขลา  จะมีร่องน้ำลึกที่มีการสร้างเขื่อนขนาบไว้ 2 ข้างเพื่อกันดินถล่ม  จากรูปจะมองไม่เห็นปากน้ำจริงๆ เพราะต้นสนบังสายตาอยู่ มองเลยไปจะเห็นหาดทรายแก้ว ที่ถือเป็นหาด 2 ทะเลได้ เพราะด้านตรงข้ามกับทะเลจะเป็นคลอง ทำให้ดูเหมือนเป็นหาดที่ยื่นลงไปในทะเล น่าเสียดายที่ผมไม่ทราบ ไม่งั้นคงได้มีโอกาสแวะไปเดินเล่นบ้างแล้ว ถัดไปลิบๆ เป็นชายฝั่งด้านเหนือ ที่โค้งไปทางทิศตะวันออก อันเป็นเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช และวันนี้ผมจะกลับกรุงเทพฯ ตามเส้นทางเลียบทะเลนี้ด้วย มองกลับเข้ามาข้างใน จะเห็นประติมากรรมประหลาด เหมือนตัวยู โค้งอยู่กลางวงเวียน ตอนที่ผมถ่ายภาพก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร จนกลับมาค้นดูข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ตตอนจัดเตรียมภาพนี้ ว่าคือ "สะดือพญานาค" พื้นที่ตรงนี้คือ ลานชมดาว อยู่ไม่ไกลจากเขาตังกวน เรียกกว่าเดินเท้าได้สบายๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 18:12:40

ความคิดเห็นที่ 12 ผมลองค้นหาภาพในเน็ตมาให้ชมกันว่า หาดทรายแก้ว จ.สงขลา นี้สวยงาม น่าเที่ยวอย่างไร  ผมเห็นโดยบังเอิญตอนจัดเตรียมภาพก่อนโพสกระทู้นี้ครับ ที่มาของภาพ http://www.siamfreestyle.com/travel-attraction/songkhla/sai-keaw-beach-songkhla.html ภาพข้างล่างนี้ ที่เป็นเวิ้งน้ำฝั่งขวามือก็คือคลองน้ำทะเล  ฝั่งซ้ายมือเป็นทะเล มองไปไกลๆ จะเห็นเกาะหนูอยู่หลังต้นสนริมทะเลครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 18:17:56 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 18:16:13

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพบน : มองไปทางซ้ายอีก ก็จะเป็นหน้ามุขของอาคารชมวิวนี้  ยืนตรงนี้จะถูกบดบังวิวทางทิศตะวันตกไปทั้งหมด ภาพล่าง : ลองเดินไปที่หน้ามุขดังกล่าว ก็จะยังไม่เห็นวิวอะไรเพราะมียอดไม้โตขึ้นมาบดบังไปเกือบหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 18:23:10

ความคิดเห็นที่ 14 ผมใช้ความพยายามหาช่องว่างยอดไม้เพื่อถ่ายภาพให้ได้วิวกว้างที่สุดของฝั่งทิศตะวันตกของเขาตังกวน ซึ่งตรงกับเขาแดงฝั่งตรงข้ามกับปากน้ำทะเลสาบพอดี  อูย...จากภาพนี้ดูเหมือนผมเป็นนกที่เกาะยอดไม้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 18:27:33

ความคิดเห็นที่ 15 ระหว่างจัดเตรียมภาพและข้อมูลโพสกระทู้ เลยทำให้ทราบว่า ทางอบต.สงขลา ได้มีโครงการสร้างกระเช้าข้ามปากน้ำทะเลสาบสงขลาอยู่ด้วย จากแหลมสนอ่อน ถึงเขาแดง ตามแผนผังข้างล่างนี้  เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มความสำคัญให้กับ เมืองสงขลา (คงจะต้องการแข่งกับ เมืองหาดใหญ่ นะครับ  ก็เขามีกระเช้าบนเขาคอหงส์แล้วนี่....) และได้เริ่มวางแผนสร้างกันในปีนี้แล้ว ที่มา : http://gimyong.com/talung/index.php?topic=42756.0 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 18:35:08

ความคิดเห็นที่ 16 ลักษณะสถานีรถกระเช้า นั้นจะสร้างเป็นหอสูง 80 เมตร (ประมาณตึก 25 ชั้น) เรียกว่า "หอคอยดูเมือง" ตรงแหลมสนอ่อน แถวๆ ท่าแพขนานยนต์ ข้ามไปฝั่งเขาแดง เพื่อสักการะเจดีย์องค์ดำ และองค์ขาว บนยอดเขา และป้อม รอบๆ เมืองเก่าเขาแดง ตามรูปข้างล่างนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 18:40:18

ความคิดเห็นที่ 17 หันมาทางขวามือ(ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)บ้าง จะเห็นระยะทางระหว่างเกาะหนู กับ   แหลมสมิหลาได้ชัดเจน รูปนี้ดูมีมิติดี ผมเลยนำไปเป็นภาพพื้นหลังเปิดกระทู้ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:18:04

ความคิดเห็นที่ 18 ลองใช้กล้องซูมดูภาพบริเวณแหลมสมิหลา  ต้นไม้บังเยอะ ต้องค่อยๆมองลอดช่องเข้าไปดู จะเห็นรูปปั้นนางเงือกริมหาด กับ ประตูเมืองสงขลาจำลองริมถนนด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:19:45

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพซ้าย : หันมาทางขวาถัดไป ก็คือระเบียงชมวิวฝั่งขวาในรูป คห.7 ที่ผ่านเข้ามาตอนแรก ภาพขวา : หันหลังกลับไปดูภายในอาคาร พบว่ามีห้องข้างในอีกชั้น หลังคาโปร่งแสงมาก กลางวันคงร้อนน่าดู เหมาะกับจัดงานตอนเย็นๆ พลบค่ำดูแสงไฟด้วย ละแจ๋ว  แต่อาจติดปัญหาลิฟท์ขึ้นเขาปิดให้บริการเวลา 18:30 น. หรือไม่ก็ต้องเป็นกรณีพิเศษเฉพาะจัดงานเลี้ยงละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:24:19

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพซ้าย : กลับออกมาที่ระเบียงฝั่งขวา มองผ่านออกไปยังข้างนอก นับว่าโลเกชั่นดีมาก ภาพขวา : ทางขวามือ(หลังอาคาร) เป็นด้านยอดเขาตังกวน มองขึ้นไปจะเห็นโคมไฟประภาคารฟารอสจำลองอยู่ไม่ไกล จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:26:44

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพซ้าย : เดินขึ้นบันไดกลับไปทางเดิม ขาผมตอนนั้นรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงหน้าแข้งกับหัวเข่า ตั้งแต่ไปเดินที่อุโมงค์รถไฟช่องเขาแล้ว ตอนนี้กำลังกำเริบ ต้องค่อยๆก้าวขึ้น (อาการนี้กว่าจะหาย ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน แต่ก็ไม่หายขาดจนปัจจุบัน) ภาพขวา : ตรงนี้มองเห็นเป็นอุโมงค์ต้นไม้ต่างระดับ สวยดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:30:33

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพซ้าย : ค่อยๆ เดินกลับขึ้นมา มองทางขวามือ เห็นระเบียงส่วนหน้าของเขาตังกวน ข้างบน เดี๋ยวสักครู่ผมก็จะขึ้นไปทางนั้น ภาพขวา : มองไปทางขวามือ เป็นโคมไฟประภาคารฟารอสจำลอง  แปลกดีที่ต้องสร้างกรงครอบไว้อย่างแน่นหนาอย่างนี้ ไม่รู้ว่าโคมไฟใช้งานได้จริงหรือไม่ ตอนกลางวันเขาไม่ได้เปิดด้วย   โคมไฟนี้ถือว่าตั้งอยู่ส่วนหน้าสุดของยอดเขาตังกวนเลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 19:36:31 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:35:03

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพบน : ผมเดินกลับขึ้นมาถึงหน้าสถานีลิฟท์ แล้วเลี้ยวขวาผ่านด้านหน้าโคมไฟประภาคารฟารอสจำลอง ภาพล่าง : ด้านหน้ามีป้ายข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างโคมไฟประภาคารจำลองแห่งนี้ เป็นของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ สร้างเสร็จเมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2554 คือปีที่แล้วนี้เองครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:41:21

ความคิดเห็นที่ 24 ป้ายอีกอัน อยู่เหนืออันในรูปล่าง คห.23 เป็นข้อมูลประวัติความเป็นมาของประภาคารฟารอสจำลอง   ถือเป็นประภาคารแห่งแรกในโลกของเมืองอเล็กซานเดรีย ในอียิปต์ ออกแบบโดย โซสตราตีส แห่งนิดอส เริ่มสร้างในปี 290 ก่อนคริสตกาล (เทียบได้กับ พ.ศ.253) สร้างโดย พระเจ้าปโตเลมี  เพื่อควบคุมการจราจรทางน้ำ และสัญญลักษณ์ของเมือง  ใช้เวลาสร้าง 20 ปี กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกของในอดีต แต่ในปี ค.ศ.1326 (พ.ศ.1869) ก็ได้พังลงทั้งหมดไม่เหลือซากให้เห็น ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากแผ่นดินไหว ส่วนชื่อประภาคารนี้ มาจากชื่อเกาะฟาโรส ที่ประภาคารนี้ตั้งอยู่ นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 20:05:39 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 19:57:12

ความคิดเห็นที่ 25 เนื่องจากรูปภาพเล็กในแผ่นป้ายข้อมูลข้างบนดูลบเลือนไปมาก ผมเลยลองค้นหาจากในเน็ต ได้มา 2 ภาพดังแสดงข้างล่าง ภาพซ้ายมาจาก http://www.thaiscooter.com/forums/showthread.php?t=109359&page=2 ภาพขวามาจาก http://www.thaigoodview.com/node/130595 มีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างน่าสนใจว่า ตัวประภาคารนี้สูงประมาณ 440 ฟุต (หรือ 134 เมตร) ใช้เชื้อเพลิงถ่านจุด มองเห็นได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร บนยอดประภาคารแห่งนี้มีการสร้างกระจกขนาดใหญ่ ที่สามารถสะท้อนเหตุการณ์ในกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล ข้ามไปฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอเรเนียน และเอเชียไมเนอร์ (ในความเป็นจริงน่าจะเป็นกระจกโค้ง ที่คล้ายกล้องส่องทางไกลขนาดใหญ่ หรือกล้องดูดาว)  ซึ่งสามารถใช้สะท้อนแสงอาทิตย์ไปเผาเรือข้าศึกในทะเลได้ด้วย   ประภาคารนี้ถูกรื้อทิ้งโดยชาวอาหรับที่เข้ามายึดครอง โดยการหลอกลวงของจักรพรรดิ์ เมืองคอนสแตนติโนเปิ้ลฝ่ายตรงข้าม ว่ามีขุมทรัพย์ฝั่งอยู่ข้างล่าง กว่าจะรู้ทันกระจกแผ่นใหญ่ก็ร่วงหล่นลงมาแตก แต่ยังคงเหลือซากให้เห็นจนปี ค.ศ.1375 ก็มีแผ่นดินไหวประภาคารจึงพังลงมาไม่เหลือซาก จนในปี ค.ศ.1994 นักโบราณคดีได้ดำน้ำลงไปพิสูจน์ จนได้พบซากชิ้นส่วนประภาคารแห่งนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:19:15

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพบน : ผมหันหลังกลับไปดู สถานีลิฟท์อีกครั้ง ชอบใจซุ้มต้นไม้ทรงโค้ง หน้าสถานีมาก ภาพล่าง : เดินหน้าต่อไป เป็นเส้นทางส่วนหน้าของยอดเขาตังกวน ก่อนจะขึ้นบันไดไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ข้างบนกัน   จากรูป เห็นรอยยิ้มของ หนุ่มสาวสองคนข้างหน้าอย่างมีไมตรีจิตร นี่แหละครับบรรยากาศลงใต้ครั้งนี้ จะเห็นรอยยิ้มแบบนี้เป็นประจำ ใครว่าคนใต้ดุ ผมว่าอยู่ที่เราแสดงต่อเขานะครับ ขนาดนายสถานีรถไฟหน้าดุๆ มีหนวด แต่พูดจายิ้มแย้มอย่างไม่น่าเชื่อ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:23:45

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพบน : เดินต่อไป ซ้ายมือเป็นบันไดขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาครับ ตอนนี้ผมยังไม่ขึ้น เพราะมีภาระกิจส่วนตัวที่ต้องทำก่อน... ภาพล่าง : สุดทางเดินต่อไปเป็นทางดิน..อิอิ มีป้ายบอก ทางไปห้องสุขา ผมคงต้องลุยป่ากันหน่อยละ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:26:15

ความคิดเห็นที่ 28 สังเกตุเห็นป้ายข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานบนยอดเขาตังกวน ให้ศึกษาอ่านก่อนขึ้นไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนโน้น พอสรุปได้ว่า       ยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 105 เมตร  แต่เดิมบนยอดเขานี้มีแค่เพียงพระเจดีย์หลวง รัชกาลที่ 4 ได้ทรงเสด็จประพาสเมืองสงขลาในปี พ.ศ.2402 ได้ทรงพระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้พระยาวิเชียรคีรี(เม่น) ผู้ปกครองเมืองสงขลา ได้บูรณะองค์พระเจดีย์ให้ใหญ่กว่าเดิม  ซึ่งพระยาวิเชียรคีรีได้สร้างคฤห์(ศาลา) ที่ฐานพระเจดีย์ และเก๋งจีนเพิ่มขึ้นมาตามสี่มุมกำแพงของพระเจดีย์ ด้วยเงินตัวเอง  และในปี พ.ศ.2539 พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชา มาประดิษฐานไว้ด้วยกัน ต่อมาในปี พ.ศ.2432 รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสแหลมมลายู - สงขลา ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารแดงที่ค้างคาอยู่ให้แล้วเสร็จ ต่อมาในปี พ.ศ.2440 รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างประภาคาร (หรือกระโจมไฟ)  พร้อมๆ กับบันไดนาคระหว่าง ศาลาพระวิหารแดงกับ ยอดเขาตังกวน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:46:10

ความคิดเห็นที่ 29 และสำหรับประภาคารบนเขาตังกวนนี้ แรกสร้างก็ยังไม่มีหลังคาด้วย ดังแสดงในรูปข้างล่าง   ซึ่งประภาคารแห่งนี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นตราสัญญลักษณ์ของเทศบาลนครสงขลาด้วย ที่มาของภาพประภาคาร http://www.tkc.go.th/blog/show/53 ที่มาของตราเทศบาลนครสงขลา http://songkhlacity.go.th/index2.asp วันนี้ขอพักกระทู้ไว้ตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อ คอยติดตามชมกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 21:03:16 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:57:09

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพขวา : ตอนนี้ผมกำลังพาเพื่อนไปห้องสุขานะครับ... คงนึกว่าไปทุ่ง หรือเข้าป่า แต่ไม่ใช่ ห้องสุขาอยู่ข้างหน้า ดูลึกลับแต่เป็นธรรมชาติดี ภาพซ้าย : ระหว่างนั้นแหงนดูทางด้านซ้ายมือ จังหวะที่มีช่องโล่งของต้นไม้จะเห็นประภาคารอยู่ตรงกับธงชาติพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 07:51:25

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพซ้าย : เดินต่อมาอีกหน่อยจนถึงร่มไม้คู่กลางทาง หันขึ้นไปดูข้างหลัง เป็นจุดชมวิว ที่มีร่มกางอยู่ ภาพขวา : ทางขวามือตรงนี้ยังพอมีช่องโล่งเห็นประภาคารได้อีก หัวมุมตรงนี้เป็นมุมพักผ่อนมีร่มไม้สบายๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 07:54:45

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพบน : มาถึงแล้วครับ ห้องสุขาด้านหน้ามีร้านค้าเล็กๆ ด้วย แถมมีที่นั่งทานขนมด้วย สังเกตุเห็นบันไดด้านซ้ายมือ เพื่อขึ้นไปยอดเขาตังกวน  ในอันที่จริงเขาคงตั้งใจให้มาทานนี้กระมัง ทางที่ผมเดินมาเลยดูเหมือนเข้าป่า  ส่วนด้านขวามือนั้นมีบันไดลงไปด้วย ภาพล่าง : ถ่ายหน้าห้องสุขามาให้ดูกันเล่นๆ แต่เห็นแล้วนึกอยากทานไอศกรีมมากกว่า..อิอิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:28:41

ความคิดเห็นที่ 33 ต้องขออภัย ใส่ภาพผิดครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 55 08:38:54 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:32:48

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพซ้าย : มองขึ้นไปตามบันไดทางซ้าย จะตรงกับเก๋งจีนข้างบนพอดี ภาพขวา : ลองไปดูตรงบันไดที่ลงข้างล่าง ลัดไปยังศาลาพระวิหารแดงได้เลย แต่เนื่องจากผมต้องการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนนี้ก่อน เลยยังไม่ขอลงไปทางนี้ มองไปไกลๆ จะเห็นวิวเขาแดงอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ปากน้ำทะเลสาบสงขลาซึ่งตรงกับช่องเขาพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:38:08

ความคิดเห็นที่ 35 ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็เดินกลับมาขึ้นบันไดด้านหน้า (รูปบนคห.27) มองไปทางขวาจะเห็นหัวมุม 2 แห่ง แห่งแรกเป็นจุดชมวิวที่มีร่มกางให้ และแห่งที่สองเป็นที่นั่งพักผ่อน ที่อยู่ติดกับบันไดทางลงไปห้องสุขา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:39:37

ความคิดเห็นที่ 36 มองไปทางซ้าย ตรงนี้ถือเป็นระเบียงด้านหน้ายอดเขาตังกวน ถ้าหากเปรียบได้เป็นเรือ ก็ถือว่าเป็นหัวเรือได้เลยครับ จะเห็นป้ายเขาตังกวนแบบหมุนได้อยู่ด้านโน้น ซึ่งผมไม่ได้แวะไปดูใกล้ๆ เพราะไม่ทราบแต่แรก ว่าเป็นจุดชมวิวทะเลอีกจุด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:43:18

ความคิดเห็นที่ 37 มาตรงจุดชมวิวนี้ เขามีกล้องให้เช่าดูพระธาตุคู่บนยอดเขาแดง(เจดีย์องค์ดำและองค์ขาว) ที่แม่ทัพพี่น้องจากกรุงรัตนโกสินทร์(ดิส - ทัต บุญนาค สร้างองค์ดำ และขาวตามลำดับ) คราวยกทัพมาปราบหัวเมืองปักษ์ใต้ 2 ครั้งในเวลาต่างกันเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับระหว่างทำสงคราม  ผมลองใช้กล้องถ่ายรูปผมซูมดูเองบ้าง ก็พอเห็นได้ดังแสดงในรูปเล็กครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:51:01

ความคิดเห็นที่ 38 ท่าน ผบ.ผม ขอสักรูปกับแหลมสงขลา แต่เนื่องจากแดดจ้ามาก เลือกเอาหน้าไม่ดำ ก็ต้องยอมให้วิวขาวโพลนมองไม่เห็นทะเล จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:53:18

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพซ้าย : ตรงจุดชมวิวนี้ หันหลังกลับไปดูประภาคารได้เต็มๆ ภาพขวา : ถัดไปทางขวามือก็คือ ทางขึ้นไปยังองค์พระธาตุเจดีย์หลวง ที่ตั้งอยู่บนพื้นสูงขึ้นไปอีก 2 ระดับครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:55:44

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพบน : ผมเดินต่อไปทางขวามือ เป็นบริเวณมุมพักผ่อนร่มรื่นมากๆ ตรงนั้นจะติดกับบันไดลงไปยังห้องสุขา ภาพล่าง : เดินไปดูที่บันไดให้แน่ใจว่า ทางลงไปยังสุขาจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:57:49

ความคิดเห็นที่ 41 ตรงจุดพักผ่อนนี้ ผมขอภาพตัวเองสักภาพ หน้าดำหน่อยก็ยอม ขอให้เห็นทะเลบ้าง...ไม่เน้นหน้า เน้นวิวครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:58:56

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับคุณมิราชช บัญเอินจัง วันนี้มาทันถ่ายทอดสดพอดีเลย คิดว่าจะมีสักกี่ตอนครับ และ จะข้ามไปปีใหม่หรือเปล่าเอย จากคุณ : ต้มมะระหมู เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 09:01:37

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพซ้าย : ถึงเวลาขึ้นไปไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์รององค์พระเจดีย์แล้วครับ ภาพขวา : ขึ้นไปบนบันได มองข้ามไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นทิศตะวันออก จะเห็นทางลาดรถเข็นคนพิการขึ้นมาตรงนี้ แต่สะดุดตาตรงหลุมยาวๆ เหมือนช่องอยู่ด้วย ไม่ทราบว่ามีไว้ทำไมเหมือนกัน ผมไม่ได้เดินไปดูใกล้ๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 09:05:29

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับ คุณต้มมะระหมู : ขอบคุณเช่นกันครับ วันนี้ผมเริ่มออนไลน์แต่เช้า กลัววันนี้ไม่จบตอนครับ ที่สงขลานี้ยังต้องมีอีก 2 ตอนอย่างน้อย และแถมด้วยชุมพรอีก 2 ตอน ครับ ใจเองก็หวั่นๆ ว่าจะข้ามปี ซึ่งจะมีทริปปีใหม่เพิ่มเข้ามาอีก...  แต่สนุกและได้สาระครับ ทำยากๆ นี้ผมเองก็เหมือนได้กลับไปเที่ยวอีกครั้งด้วยเหมือนกัน ภาพบน : ข้างหน้าผมตอนนี้ก็คือองค์พระธาตุเจดีย์หลวงครับ จะเห็นว่ามีศาลาเล็กๆ อยู่ข้างหน้า(เขาเรียกกันว่า "คฤห์" ผมเองก็เพิ่งทราบเช่นกัน) ที่แห่งนี้ดีอย่างมีราวจับให้ตลอด สำหรับผู้สูงอายุ รอบคอบดีจังครับ (แม้จะทำให้เสียอรรถรสของโบราณสถานไปหน่อย) ภาพล่าง : ก้มดูที่พื้นข้างหน้า สังเกตุเห็นลูกศรเล็กๆ ชี้บอกเส้นทางเดินบนนี้เพื่อความเป็นระเบียบไม่สับสนเวลาคนมาเยอะๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 09:12:03

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย (ทิศตะวันออก) จะเห็นเก๋งจีนตั้งอยู่ตรงหัวมุมกำแพง ข้างในประดิษฐานรูปหล่อพระสยามเทวาธิราช ภาพขวา : มองไปทางขวามีเก๋งจีนตรงหัวมุมกำแพงเช่นกัน ข้างในประดิษฐานรูปหล่อพระพุฒาจารย์โต จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 09:15:13

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเดินเข้ามาในรั้วกำแพงแล้วหันหลังกลับไปดูประภาคาร ซึ่งตรงกับทางเข้าประภาคารพอดี ดูแล้วเป็นการผสมกลมกลืนระหว่างเทคโนโลยี กับ ศิลปะโบราณสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 09:17:34

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพซ้าย : ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ กันดีกว่าครับ  ก่อนอื่นสังเกตุบนพื้นมีลูกศรเล็กๆ ชี้บอกเส้นทางเดินไปทางซ้ายมือก่อน ภาพขวา : มีป้ายแนะนำจุดสักการะรอบองค์พระเจดีย์ โดยมีการกำหนดหมายเลขไว้ 6 จุด ให้เดินตามเข็มนาฬิกา 2 รอบ ตามลำดับหมายเลขครับ แดดร้อนเลยทำให้ตัวอักษรที่ทำไว้หลุดล่อนเกือบทั้งหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 11:40:24

ความคิดเห็นที่ 48 เริ่มสักการะจุดที่ 1 เป็นพระสยามเทวาธิราช ในเก๋งจีนมุมซ้ายด้านหน้า (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)  ข้างในจะมี 2 องค์ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 11:42:29

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพซ้าย : ถัดจากจุดที่ 1 มองไปทางขวามือเป็นทางเดินข้างพระเจดีย์ ไปสู่เก๋งจีนที่หัวมุมกำแพงด้านหลัง นับเป็นจุดที่ 2 ระหว่างทางเดินมีบันไดลงไประเบียงชมวิวด้านข้างด้วย ภาพขวา : แต่ผมขอขึ้นบนฐานพระเจดีย์เพื่อชมวิวในจุดสูงสุดของที่นี่ก่อนครับ  บันไดจะอยู่หลังศาลา(คฤห์) ด้านหน้าพระเจดีย์  ก่อนขึ้นต้องถอดรองเท้าก่อน  แดดร้อนแบบนี้ก็ถือว่าวัดความศรัทธากันละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 11:47:55

ความคิดเห็นที่ 50 ภาพซ้าย : ผมขึ้นมาบนยอดบันไดแล้วหันกลับไปมองข้างล่างอีกที จะเห็นทะเลอ่าวไทยอยู่หลังแนวต้นไม้ ตรงกับโรงแรมบีพีสมิหลาบีช ตรงแหลมสมิหลาพอดี ภาพขวา : มองไปที่บันไดอีกฝั่ง (ทิศตะวันตก) มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบ บดบังแทบไม่เห็น ปากน้ำทะเลสาบสงขลาเลย ข้างล่างเป็นหลังคาห้องสุขานั่นเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 11:54:29

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนนี้ องค์พระธาตุเจดีย์หลวงได้ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าผมแล้ว ทำให้นึกถึงพระธาตุดอยสุเทพ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 11:55:52

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย (ทิศตะวันออก) ของฐานเจดีย์ มีกำแพงเตี้ยๆ ลักษณะคล้ายประตูเมืองขนาดจิ๋ววางเรียงรายไปโดยรอบ มีพื้นที่พอเดินได้ไม่มาก ถ้าแดดไม่ร้อน อาจมีคนขึ้นมาชมวิวบนนี้กันมาก เพราะต้องถอดรองเท้าเดิน ถัดไปเป็นทะเล ภาพขวา : มองไปทางขวา (ทิศตะวันตก) ของฐานเจดีย์ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นบังปากน้ำทะเลสาบ  นี่ถ้าหากไม่มีต้นไม้ใหญ่ เราจะมองเห็นได้รอบ 360 องศาเลยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:03:23

ความคิดเห็นที่ 53 ภาพซ้าย : เดินมาตามทางเดินข้างฐานพระเจดีย์ฝั่งตะวันออก หันกลับไปมองทางด้านหน้า (ทิศเหนือ) จะเห็นประภาคารตั้งอยู่ชัดเจน บนพื้นที่ส่วนหน้าของยอดเขา สังเกตุว่าโคมไฟข้างบนยังหมุนอยู่ คาดว่ายังคงเปิดไฟได้อยู่ แต่เป็นตอนกลางวันเลยไม่ได้เปิด แต่อาจไม่ได้ใช้สำหรับงานเดินเรือ เพราะต้นไม้ข้างหน้าขึ้นบดบังทัศนวิสัยจากทะเลไม่น้อย ภาพขวา : มองต่อไปทางด้านหลัง จะเป็นวิวเมืองสงขลา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:08:48

ความคิดเห็นที่ 54 ลองใช้กล้องซูมภาพโคมไฟบนประภาคารมาดูใกล้ๆ กำลังหมุนอยู่ด้วย สังเกตุเห็นอุปกรณ์เล็กๆ อยู่ข้างใต้ คล้ายกล้อง น่าจะเป็นตัวตรวจระดับแสง เพื่อใช้ในการเปิด-ปิดโคมไฟอย่างอัตโนมัติครับ  จะว่าไปแล้วก็คล้ายกับหลอดไฟหมุนบนหลังคารถฉุกเฉิน เพียงแต่จะหมุนช้ากว่า และสว่างกว่ามาก ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:12:33

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบันทึกวิวทะเลอ่าวไทยทางทิศตะวันออกแบบพานอรามามุมกว้างไว้สักหน่อย เป็นแหลมสมิหลาต่อด้วย หาดชลาทัศน์ ไปสิ้นสุดที่ เขาเก้าเส้ง ด้านขวามือสุด (ทิศใต้) โน้น ซึ่งดันมีต้นไม้โผล่ขึ้นมาบัง การเชื่อมต่อกับเมืองสงขลาไว้ สดชื่นเต็มตาดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:15:57

ความคิดเห็นที่ 56 หันไปกวาดภาพมุมกว้างทางทิศใต้ ที่เป็นเมืองสงขลากันบ้าง ต้นไม้ขึ้นบังเกือบหมด  ในอดีตตอนที่ต้นไม้เหล่านี้ยังไม่โต คงได้เห็นวิวเมืองสงขลาจากตรงนี้แบบไร้ขอบเขต 360 องศาเลยนะครับ เพราะจุดนี้จะมองเห็นทะเลสองด้านกระหนาบเมืองสงขลาอยู่ สมดังชื่อ "เมืองสองทะเล" จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:18:02

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพซ้าย : ผมเดินมาทางเดินฐานพระเจดีย์ด้านฝั่งตะวันตกบ้าง มองกลับไปทางใต้ด้านเมืองสงขลาอีกครั้ง จะเห็นรูปปั้นหลวงพ่อทวดเล็กๆ ตั้งอยู่บนแท่นกว้าง ตรงปลายสุดโน้น ภาพขวา : มองไปทางเหนือบ้าง ก็จะเห็นประภาคารเช่นเดิม  หลังเก๋งจีน จุดสักการะที่ 4 คือบริเวณพักผ่อนนั่นเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:23:33

ความคิดเห็นที่ 58 ทางด้านทิศใต้ ลองใช้กล้องซูมภาพรูปปั้นหลวงพ่อทวด จะเห็นภาพเมืองสงขลาเต็มตา ดูๆ แล้วเหมือนให้เมืองสงขลาอยู่ในสายตาหลวงพ่อทวดเพื่อที่ท่านจะได้ช่วยปกปักรักษาได้ทั่วถึงเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:28:19

ความคิดเห็นที่ 59 ภาพกลาง : ผมเดินกลับมายังด้านหลังพระเจดีย์ เพื่อจะลงบันไดทางนี้แทน (แล้วค่อยเดินย้อนกลับไปเอารองเท้าที่เชิงบันไดด้านหน้า)  ตรงหัวบันไดมีศาลา(คฤห์) อีกแห่งที่เป็นจุดสักการะที่ 6 ซึ่งยอดหลังคาบังวิวไว้เกือบทั้งหมด ภาพซ้าย : มองทางซ้าย ด้านทิศตะวันออก เดี๋ยวผมจะลงไปทางด้านนี้ ภาพขวา : มองทางขวา ด้านทิศตะวันตก ก็ดูคล้ายๆ กันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:32:15

ความคิดเห็นที่ 60 ผมลงมาข้างล่างแล้ว ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หันกลับไปมองทางทิศเหนือจะเห็นเก๋งจีน จุดสักการะที่ 1 อยู่หลังแนวระฆัง เป็นภาพมุมกลับ กับภาพซ้าย คห.49 พอดี เพื่อจะได้ไปจุดสักการะที่ 2 ต่อไปเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:35:26

ความคิดเห็นที่ 61 ตรงนี้ ลองแหงนขึ้นไปเก็บภาพ องค์พระเจดีย์ ได้ชัดเจนมากครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:36:57

ความคิดเห็นที่ 62 มองต่อไปทางลานด้านใต้ของพระเจดีย์ มีเก๋งจีน 2 ด้านเป็นจุดสักการะที่ 2 และ 3 ตามลำดับ และศาลาด้านหลังพระเจดีย์ จุดสักการะที่ 6 ด้วย ท่านผบ.ผม กำลังไหว้อยู่พอดี   ถัดไปมีบันไดลงไปข้างล่าง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:40:05

ความคิดเห็นที่ 63 เข้ามาสักการะจุดที่ 2 พระพรหม 4 หน้า ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:41:44

ความคิดเห็นที่ 64 ตามด้วยจุดสักการะที่ 3 หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี  สักวันผมคงได้ไปไหว้ท่านที่วัดช้างไห้ น่าเสียดายที่เหตุการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ยังไม่สงบ คณะที่ไปด้วยกันไม่อยากเสี่ยง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:44:45

ความคิดเห็นที่ 65 เดินวนขวาไปตามทางเดินด้านทิศตะวันตกไปยัง จุดสักการะที่ 4 ด้านหน้า ข้างในมีรูปหล่อสมเด็จพระพุฒนาจารย์โต กับพระปรมาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง กับ หลวงตาเปรม วัดวิหารสูง จ.พัทลุง ครับ สังเกตุมีรูปปั้นพระสงฆ์องค์เล็กๆ อยู่ข้างหน้า ไม่แน่ใจว่าเป็นของพระปรมาจารย์ทองเฒ่า หรือ หลวงตาเปรม นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:52:09

ความคิดเห็นที่ 66 เริ่มวนรอบสอง จากศาลาด้านหน้าองค์พระเจดีย์ จุดสักการะที่ 5 เป็นรูปหล่อรัชกาลที่ 5 มี 4 องค์ ในฉลองพระองค์ที่แตกต่างกัน นับเป็นความบังเอิญ หรือตั้งใจ ที่เลขที่จุดสักการะมาตรงกับ รัชกาลพระองค์พอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:56:35

ความคิดเห็นที่ 67 เดินวนตามเข็มนาฬิกากลับมายังศาลาหลังองค์พระเจดีย์ จุดสักการะที่ 6 ลำดับสุดท้าย ข้างในมีพระพุทธรูป พระพุทธชินราช และเป็นจุดสักการะองค์พระเจดีย์ด้วย อันถือว่าครบสำหรับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาตังกวนแห่งนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:58:34

ความคิดเห็นที่ 68 ไหว้เสร็จแล้วก็ถอยหลังออกมาเก็บภาพหน้าศาลา จุดที่ 6 นี้ให้มีองค์พระธาตุเจดีย์หลวงด้วย แต่แดดร้อนมาก คนเลยไปนั่งกระจุกกันอยู่ใต้ร่ม คงกลัวแดดกันมาก ไม่เหมือนผมขึ้นไปเดินบนฐานพระเจดีย์ในสภาพเท้าเปล่ามาแล้ว...ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 13:01:26

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อกี้ยอดพระเจดีย์มีต้นไม้บัง เลยย้ายมาถ่ายภาพทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อีกรูป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 13:03:11

ความคิดเห็นที่ 70 ระหว่างนั้น เหลือบเห็นกระดิ่งเล็กๆ แขวนไว้มากมาย เพื่อบูชาองค์พระธาตุเจดีย์หลวง แฟนผมเลยไปบูชามา 1 อันให้ผม เขียนชื่อ แล้วนำไปแขวนไว้ข้างศาลาจุดสักการะที่ 6  บนยอดเสาที่แขวนกระดิ่งมีรูปหล่อหงส์ ดูสวยดีเลยเก็บภาพมาฝาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 13:07:59

ความคิดเห็นที่ 71 ผมลงบันไดทางทิศใต้มา ทางขวามือ(ทิศตะวันตก) มีกรงคล้ายระฆังตั้งอยู่ มีกระดิ่งเล็กๆ แบบที่ผมถวายเมื่อครู่อยู่เต็ม มีป้ายบอกว่า กระดิ่งเหล่านี้จะถูกรวบรวมจนเต็มกรงนี้ แล้วนำไปหล่อเป็นระฆังขนาดกรงนี้เพื่อถวายองค์พระธาตุเจดีย์หลวง ไว้ที่นี่ต่อไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 13:13:57

ความคิดเห็นที่ 72 ภาพขวา : ถัดไปทางทิศตะวันตก มีบันไดขึ้นไปทางเดินด้านข้าง สามารถลัดไปทางด้านหน้าได้ ทางมุมพักผ่อน ภาพซ้าย : ถัดมาทางซ้ายมือของภาพขวา มีกรงรูปปิรามิดไว้สำหรับจุดประทัดและเผากระดาษไม่ให้กระจายไปจุดอื่น เข้าใจคิดดีจัง  และตรงระเบียงด้านข้างนั้นเป็นบันไดลงไปยัง ศาลาพระวิหารแดง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 15:43:55

ความคิดเห็นที่ 73 ภาพซ้าย - กลาง : หันไปดูอีกฝั่งหนึ่งทางทิศตะวันตกบ้าง ได้พบตะกร้าถังขยะสีสดใส เข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ใช่ขยะแต่เป็นช้างสำหรับบูชาตัวเล็กๆ เต็มไปหมดครับ ภาพขวา : ถอยห่างออกมาทางด้านหลัง จะเห็นว่ามีป้ายข้อมูลเกี่ยวกับพระเจดีย์หลวงอยู่ติดกับตะกร้านั้น  ยืนตรงนี้จะเห็นช่องทางเดินด้านข้างอ้อมหลังเก๋งจีนจุดที่ 2 ไปยังด้านหน้า บังเอิญผมไม่ได้เข้าไปดูใกล้ๆ แต่คะเนจากภาพต่างๆ ที่ผมถ่ายมาในหลายจุด ทางเดินเล็กๆ นี้จะสิ้นสุดก่อนถึงบันไดด้านข้างที่ลงไปยังลานชมวิวต่อไป ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 15:49:36

ความคิดเห็นที่ 74 เข้าไปถ่ายป้ายข้อมูลเกี่ยวกับเจดีย์หลวงมาให้ศึกษากัน ทำให้ทราบว่า มูลค่าในการบูรณะพระเจดีย์คือ 37 ชั่ง 4 ตำลึง (เทียบเป็นบาทได้ 37 x 20 x 4 + 4 x 4 = 2,976 บาท โอย..ไม่อยากเทียบกับปัจจุบันเลย ถ้าให้คิดเล่นๆ ลองเติมศูนย์เข้าไป 3 ตัว ก็จะเป็น 2.97 ล้านบาท)  ส่วนเก๋งจีนทั้ง 4 หลังและคฤห์(ศาลาเล็ก) 2 ด้านที่ฐานพระเจดีย์ ใช้เงิน 11 ชั่ง 3 ตำลึง (เทียบเป็นบาทได้ 11 x 4 x 20 + 3 x 4 =892 บาท)  ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่ทราบมาจากแผ่นศิลาจารึกที่เก็บไว้ในคฤห์ทิศใต้ (จุดสักการะที่  6) ซึ่งปัจจุบันได้นำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ สงขลา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 16:02:55

ความคิดเห็นที่ 75 ภาพซ้าย : ตรงป้ายข้อมูลพระเจดีย์หลวง หันหลังไปดูทางหัวมุมระเบียง(ทิศตะวันตกเฉียงใต้) มีปืนใหญ่ตั้งอยู่นอกระเบียง ภาพขวา : เดินมาตรงกลางลาน มีบันไดลงไปข้างล่าง มองเลยไปเป็น ส่วนท้ายของพื้นที่บนยอดเขาตังกวน ที่มีรูปปั้นหลวงพ่อทวดตั้งอยู่บนแท่นขนาดใหญ่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 16:06:47

ความคิดเห็นที่ 76 ภาพซ้าย : ลงบันไดมาหันกลับไปดูบันได ทางทิศตะวันตกเป็นระเบียงตัน ภาพขวา : อีกด้านหนึ่งทางทิศตะวันออกเป็นจุดชมวิวเมืองสงขลาฝั่งติดทะเล มีปืนใหญ่อยู่ข้างบน ลานนี้มีทางเดินไปยังด้านหน้าได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 16:10:52

ความคิดเห็นที่ 77 เดินมาดูปืนใหญ่ตรงหัวมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ชัดๆ เพื่ออ่านป้ายข้อมูลข้างล่าง  เป็นปืนใหญ่ที่คาดว่าย้ายมาจากเมืองเก่าเชิงเขาแดงฝั่งโน้น สันนิษฐานว่าใช้สำหรับยิงบอกเวลา   ตรงจุดนี้มองเข้าไปตรงทางเดินด้านข้าง ฝั่งทิศตะวันออก จะเห็นระดับพื้นได้ชัดเจนถึง 3 ระดับ คือถ้านับระดับที่ 1 สูงสุดเป็นฐานพระเจดีย์ แล้ว โดยระหว่างระดับที่ 2 กับ ที่ 3 จะมีพื้นลาดรถเข็นคนพิการ (สีเขียว) ด้วย ทำให้คนพิการสามารถเข้ามาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์ได้ถึงจุดสักการะทั้ง 6  (เส้นทางรถเข็น จะเริ่มจากภาพใน คห.5  ต่อด้วยรูปขวา คห.43 และรูปนี้ครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 16:24:29

ความคิดเห็นที่ 78 ผมเดินลงบันไดต่อไปยังส่วนท้ายของยอดเขาตังกวน แล้วหันกลับมามองพื้นที่ด้านหลังโดยรอบพระเจดีย์ พอสรุปตำแหล่งจุดสำคัญๆ และเส้นทางต่างๆ ไปยังจุดอื่นๆ ได้ดังในรูปข้างล่าง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 16:28:29

ความคิดเห็นที่ 79 ภาพบน : หันไปมองทางใต้ เป็นรูปปั้นหลวงปู่ทวด ตั้งเด่นสง่าอยู่บนแท่นปูนที่โล่งกว้าง โดยมีช่องหน้าต่างเรียงรายอยู่ข้างล่าง ภาพล่างซ้าย : ใช้กล้องซูมภาพด้านหลังของรูปปั้นหลวงปู่ทวดมาดูใกล้ๆ ภาพล่างขวา : ด้วยความที่นึกสงสัยว่า แท่นปูนที่ตั้งหลวงปู่ทวดทำไมจึงสร้างซะใหญ่ ทั้งๆ ที่องค์หลวงปู่เล็กนิดเดียวเอง เลยมองเข้าไปที่หน้าต่างใต้แท่นปูน ถึงกับผงะ!  เพราะมีห้องโถงขนาดใหญ่อยู่ข้างใต้แท่นนี้ เหมือนห้องลับใต้ดิน คาดไม่ถึงจริงๆ ครับ   กระทู้ตอนนี้ ขอจบไว้แค่นี้ก่อน ยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งคือ ศาลาพระวิหารแดง ที่อยู่ต่ำกว่ายอดเขานี้ ต้องเดินลงไปทางบันไดนาค อันเป็นเส้นทางเดินเท้า ก่อนที่จะมีลิฟท์ ซึ่งผมจะพาเพื่อนๆลงไปสัมผัสเส้นทางเก่านี้ ในบรรยากาศเงียบสงบ ไร้ผู้คน (เพราะผมเดินลงไปเพียงคนเดียว!)  กับการลงไปสำรวจห้องโถงลับใต้แท่นหลวงปู่ทวดนี้ด้วย ว่าเป็นอย่างไร  ถือเป็น Unseen เขาตังกวนได้เหมือนกัน คอยติดตามชมนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 16:36:49

ความคิดเห็นที่ 80 รีวิวได้ละเอียดเช่ยเคยครับ ขอบคุณที่พาไปเที่ยวนะครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:59:11

ความคิดเห็นที่ 81 สวัสดีครับ คุณม่วงมหากาฬ : ไม่ได้พบและทักทายกันนานแล้ว ขอบคุณเช่นกันครับ แทบไม่น่าเชื่อว่า ตอนนี้ไม่สามารถจบเนื้อหาบนยอดเขาตังกวนได้ เพราะมีหลายแง่หลายมุม ให้ดูกัน นี่ขนาดผมไม่ได้เดินไปลานชมวิวด้านข้างพระเจดีย์ ทั้งสองด้าน เพราะเวลาน้อยจริงๆ วันนั้นต้องไปหลายแห่ง และตั้งใจจะีตีรถกลับกรุงเทพฯด้วย ตอนนี้กำลังจัดเตรียมภาพต่อไปให้จบเนื้อหาเขาตังกวน คาดว่าจะได้ออนแอร์กันอีกก็สัปดาห์หน้าครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:26:42

ความคิดเห็นที่ 82      ตามมาช้าหน่อย ขอบคุณครับสำหรับรีวิว จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:33:17

ความคิดเห็นที่ 83 สวยงาม  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:16:44

ความคิดเห็นที่ 84 สวัสดีครับ คุณน้า Low Batt : ด้วยความยินดีครับ ไม่เป็นไร มาช้าดีกว่าไม่มา...ฮา สวัสดีครับ คุณ เล็กทาโร่ : ขอบคุณเช่นกันครับ  ตอนนี้ผมได้จัดเตรียมภาพในตอนถัดไป (12) เสร็จแ้ล้วครับ ในสัปดาห์หน้า จะได้พบกับ Unseen เขาตังกวนกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 03:25:14

ความคิดเห็นที่ 85 วันนี้มาต่อกันแล้วนะครับ ขาลงเขาตังกวน จะพาไปพบกับ Unseen ที่ไม่ค่อยได้เห็นกัน เชิญติดตามชมได้ ตอนที่ 12 ตอนที่ 12 สำรวจ Unseen เขาตังกวน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12934725/E12934725.html จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:50:19