ความคิดเห็นที่ 1 เราเดินกลับมารอรถเมล์สาย 54 ที่หน้าสถานีรถไฟ ยืนมองสถานีรถไฟสลับกับตัวตึกรอบๆ เออรู้สึกเค้าจะแปลกแยกจากสิ่งรอบข้างยังไงบอกไม่ถูก ค่าที่มันขาวโดดเด้งซะ กลับมาค้นประวัติ ถึงรู้ว่าตึกหลังปัจจุบันนี่เป็นเวอร์ชั่นที่ 4 แล้วค่ะ หลังแรกและหลังที่สองโดนรื้อเพราะเล็กเกินไป หลังที่สามก็โดนวิจารณ์ว่าแบบไม่สวยด้วย และรองรับผู้โดยสารไม่ได้ด้วย ก็โดนรื้อไปอีก กลายมาเป็นหลังที่ 4 อย่างที่เห็น หลังนี้เปิดทำการเมื่อปี 1996  เฮ้อคนเป็นสถาปนิกนี่คงกลุ้มดีพิลึกนะ ----------------------- Leiden Central station จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:14:22

ความคิดเห็นที่ 2 ปีนี้สวนเคอเคนฮอฟเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 20 มี.ค - 20 พ.ค เรามาเที่ยวที่นี่ก่อนสวนปิดแค่อาทิตย์เดียวเอง ก็ต้องทำใจว่าคงจะไม่สวยงามมากเหมือนช่วงพีคซักเท่าไหร่ รถเมล์สาย 54 มาแล้วค่ะ นั่งเพลินๆ ไปแป๊บนึงก็ถึงสวนเคอเคนฮอฟ สังเกตจากข้างทาง ทุ่งทิวลิปตอนนี้เหลือแต่ตอ แอบเสียดายนิดๆ เพราะไม่ได้เห็นทุ่งสีรุ้งซะแล้ว เดิมทีเราตั้งใจว่าจะมาปั่นจักรยานชมทุ่งกันค่ะ แต่เห็นสภาพแล้ว ก็เลยเปลี่ยนใจ ไปเดินดูดอกไม้ดีกว่า --------------------------- ร้านให้เช่าจักรยานหน้าสวน สีส้มสดใสดีจัง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:16:31

ความคิดเห็นที่ 3 เราซื้อตั๋วเข้าชมไว้แล้วแต่ก็อดแวะตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไม่ได้ แอบคิดในใจว่า แวะดูหน่อย เผื่อมีอะไรแจกฟรี สุดท้ายนอกจากจะไม่ได้ของฟรีแล้ว ยังเสียตังค์ซื้อคู่มือชมสวนมาเล่มนึง (Park guide) จ่ายไป 4 ยูโร สบายใจไป ------------------- คู่มือชมสวนพร้อมที่คั่นหนังสือ สีสันสดใสมาก แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 55 23:18:15 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:17:50

ความคิดเห็นที่ 4 ในคู่มือจะมีแผนที่แนบไว้ สามารถฉีกออกมาได้ พร้อมกับแถมที่คั่นหนังสือมาให้สองชิ้น ปกหลังมีแจ้งหมายกำหนดการเปิดสวนปีหน้า ซึ่งจะเปิดให้ชมตั้งแต่ 21 มี.ค - 20 พ.ค 2013 ------------ แผนที่ชมสวน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:19:49

ความคิดเห็นที่ 5 ในแต่ละปีทางสวนจะออกแบบจัดแสดงดอกไม้แตกต่างกันไป ปีนี้ธีมหลักคือ Poland-Heart of Europe ส่วนปีหน้า (2013) จะเป็น United Kingdom - Land of Great Gardens ส่วนตัวคิดว่าเป็นกลยุทธที่เริ่ดค่ะ เพราะทั้งโปแลนด์และอังกฤษ เป็นลูกค้านำเข้าดอกไม้รายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ทั้งนั้น เราดูจากคู่มือว่าธีมโปแลนด์นี่ ทางสวนเค้าจะปลูกดอกทิวลิปเรียงเป็นแถวๆ ให้เป็นรูปของคีตกวีชื่อก้องโลกของโปแลนด์คือ เฟรเดริก โชแปง โอ้แล้วมากันปลายฤดูขนาดนี้จะเหลืออะไรให้ดูละเนี่ย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:21:04

ความคิดเห็นที่ 6 จากทางเข้าหลัก เราก็กางแผนที่เดินไปเรื่อยๆ ตั้งใจไปที่จุดแรกคือ Juliana Pavilion เพื่อดูทิวลิปโชแปงอย่างแรก จากหน้าปกหนังสือข้างบน หรือแผ่นพับโฆษณาสวนเคอเคนฮอฟ เราจะเห็นภาพแปลงทิวลิปหลากสี สลับกับดอกไม้เล็กๆ น้อย เรียงรายอยู่ริมสระน้ำ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่รอบด้าน 555 แต่สภาพจริงที่เห็นก็นะ อิอิ ดูกันเอาเอง -------------- เหลือแค่เนี้ย แถมน้ำในสระแอบดำด้วยอ่า จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:22:30

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ (อันนี้คือปลอบใจตัวเอง) เราก็ตั้งหน้าเดินกันต่อไป   สวนนี้มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ (32 เฮคเตอร์) แรกเริ่มเดิมที่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ที่นี่เป็นสถานที่ล่าสัตว์และเป็นสวนสมุนไพรประจำปราสาทของ Jacqueline, Countess of Hainaut มิน่าล่ะถึงได้กว้างขวางซะขนาดนี้ คำว่า “keuken” เป็นชื่อห้องครัวในปราสาทนี้  แล้วต่อมาก็เลยกลายเป็นชื่อสวนไปด้วย ----------------- เดินเข้ามาอีกนิด เริ่มมีความหวังคะ แปลงดอกไม้เยอะขึ้น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:24:05

ความคิดเห็นที่ 8 หลังจากเจ้าของแรกเสียชีวิตไป ที่ดินแปลงนี้ก็เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ จนมาถึงศตวรรษที่ 19 เจ้าของสมัยนั้นได้จ้างนักภูมิสถาปนิกสองคนพ่อลูก (Jan and Louis Zocher) มาออกแบบสวนรอบๆปราสาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นรากฐานของสวนเคอเคนฮอฟในปัจจุบัน สวนเคอเคนฮอฟจริงๆ เกิดในปี 1949 จากความคิดของนายกเทศมนตรีเมืองลิซเซ่ ที่อยากให้ผู้ค้า ดอกไม้มีสถานที่จัดแสดงดอกไม้ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของเมือง --------------------- สวนนี้เปิดกว้างสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่น้องหมาสุดที่รัก จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:25:18

ความคิดเห็นที่ 9 นายกเทศมนตรีเมืองลิซเซ่ได้เชิญผู้ค้าดอกไม้ ซึ่งรวมตัวกันได้ประมาณ 10 ราย ณ ตอนนั้น มาระดมความคิด เลือกสถานที่และการจัดแสดง หวยก็มาออกที่ที่ดินรอบๆ ปราสาทนี้ละค่ะ ที่ได้รับเลือกให้เป็นที่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ โชว์ให้พ่อค้าดอกไม้จากเมืองอื่นมาชม ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มของการก่อสร้างสวนนี้ หลังจากนั้นก็มีการสร้าง ตกแต่งสวนเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ สุดท้ายกลายมาเป็นสัญลักษณ์และเป็นจุดขายนักท่องเที่ยว หลายคนที่มาเยือนเนเธอร์แลนด์ มักจะไม่พลาดที่นี่คะ น่าทึ่งที่เค้าสามารถนำเอาอุตสาหกรรมมาผนวกกับการท่องเที่ยวได้อย่างกลมกลืนทีเดียวค่ะ ---------------- ตรงไหนมีดอกไม้ ตรงนั้นก็มีคน ถ้ามีคนอยู่ตรงไหน ก็มีดอกไม้อยู่ตรงนั้น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:26:50

ความคิดเห็นที่ 10 ณ จุดนี้ เราลืมเรื่องโชแปงไปแว้วค่ะ เดินตามแปลงดอกไม้ไปเหมือนโดนมนต์สะกด (เวอร์ไปมั้ยเนี่ยเรา) ดอกทิวลิปจะสวย ก็ตอนที่เค้ายังตูมๆ อยู่ เรามาปลายฤดูแล้ว ดอกตูมยังพอมีให้เห็นบ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ ------------ สีส้มอมเหลืองกลุ่มนี้ เรียกว่า Dordogne จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:28:40

ความคิดเห็นที่ 11 ทิวลิปเป็นไม้หัว (หัวของเค้าความจริงก็คือลำต้นที่อยู่ใต้ดิน) ออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิให้เราเชยชมความงาม ประมาณ 1 เดือน แล้วก็โบกมือบ๊ายๆ ทางสวนก็ต้องคำนวณเวลาปลูก สลับกันให้ดี เพื่อให้มีดอกไม้บานตลอดช่วงสองเดือนของการเปิดให้เข้าชม ทิวลิปมีหลากหลายสี หลายพันธ์มากค่ะ บางพันธ์เวลาบานกลีบดอกก็แค่แย้มๆ ออกมา แต่บางพันธ์ก็บานแอล่งแฉ่ง สวนตัวคิดว่าที่ดอกตูมดูสวยกว่าดอกบาน เพระเค้ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ กลีบดอกสดใส ไม่แหว่งวิ่น หรือโดนแมลงแอบแทะ ----------------- ส้มจี๊ดจ๊าดบานแอล่งแฉ่งกลุ่มนี้ ชื่อ Ballerina จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:30:54

ความคิดเห็นที่ 12 ทุกๆปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทางสวนเคอเคนฮอฟจะต้องเตรียมดินและปลูกทิวลิปใหม่ ปีๆ นึงก็ไม่มากไม่น้อย แค่ 7 ล้านต้นเอง ใช้เวลาปลูกประมาณ 2 เดือนกว่าจะครบทุกแปลง (แค่ฟังก็ปวดหลังแทน) หลังจากปลูกแล้ว ก็ปล่อยให้เค้านอนหลับพักผ่อนในช่วงหน้าหนาว พอมีแรงแข็งขัน ก็มาแข่งกันออกดอกบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พันธ์ทิวลิปที่ปลูกในนี้ได้มาจากการบริจาคของผู้ค้าดอกไม้ในเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นการโฆษณาสินค้าของตัวเองไปในตัว ถ้าเราสังเกตุแปลงดอกไม้ จะเห็นมีป้ายเล็กๆ ปักอยู่ บอกชือดอกไม้และชื่อเจ้าของหรือบริษัทเสร็จสรรพ เผื่อใครสนใจ จะตามไปซื้อผลิตภัณท์ ----------------- ชมพูหวานแหววกลุ่มนี้เค้าชื่อ Renown กิ๊บเก๋มากค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:31:53

ความคิดเห็นที่ 13 ส่งเข้าประกวดโดยสวน Enkele Late T. (http://www.pcnijssen.nl/v2/en/139-enkele-late-tulpen) ขอบคุณนะคะ ที่เพาะดอกไม้สวยๆ ให้เราดู -------------- ป้ายบอกชื่อดอกไม้และชื่อสปอนเซอร์ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:32:48

ความคิดเห็นที่ 14 ดอกไหนสวยงามถูกใจอยากได้กลับบ้าน ลองแวะที่ร้านนี้ดูค่ะ เป็นร้านขายหัวทิวลิปและพันธ์ไม้อื่นๆ รวมด้วยดอกไม้งามๆ หอมๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:33:38

ความคิดเห็นที่ 15 เราเข้าใจมาตลอดว่าทิวลิปนี่น่าจะมีต้นกำเนิดอยู่ไม่ที่เนเธอร์แลนด์ก็น่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ กัน ด้วยความที่เป็นดอกไม้ยอดนิยมในแถบนี้จนกลายมาเป็นอุตสาหกรรมส่งออก และ กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ไปแล้ว แต่ก็มาค้นพบหลังจากมาเที่ยวที่นี่แหละว่าเข้าใจผิดมาโดยตลอด เอแล้วเค้ามาจากไหนกันนะ ในอดีตทิวลิปก็เป็นดอกไม้ป่าธรรมดา ที่ขึ้นกระจัดกระจายอยู่ในทวีปเอเชียตอนกลาง แต่มีแมวมองตาแหลมคมซึ่งก็คือชาวตุรกี ที่เห็นในความสวยงาม นำไปปลูกดูเล่นในสวน เนื่องจากเป็นดอกไม้ป่า ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม พวกเขาก็เลยตั้งชื่อให้ว่า ทูลเบิน (tülbend) เพราะถ้าลองเอาดอกทิวลิปกลับหัวลง (หรือใครจะตะแคงคอมองก็ไม่ว่ากัน) รูปร่างก็จะไปคล้ายๆเทอร์เบินส์ ซึ่งก็คือผ้าที่ผู้ชายตุรกีใช้โพกหัว ------------------ ทูลเบิน แบบบานๆ สีส้มอมเหลือง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:35:26

ความคิดเห็นที่ 16 จากชื่อทูลเบิน ก็แปรเปลี่ยนไปตามเส้นทางการเดินทาง เป็น Tulipe  (ฝรั่งเศส) Tulipa และกลายเป็น Tulip ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน แล้วทิวลิปเค้าเดินทางเข้ามาเนเธอร์แลนด์ได้ยังไง 555 ไม่ได้นั่ง BTS มาแน่นอน เพราะสมัยนัันยังไม่มี จริงๆ ก็มีการสันนิษฐานกันไว้หลายอย่าง แต่ที่น่าจะเข้าเค้าที่สุดก็น่าจะเป็นข้อสันนิษฐานที่ว่า ท่านราชทูตอาณาจักรโรมันในราชสำนักตุรกี ในช่วงปี ค.ศ. 1572 ชื่อ “บุสเบค” ได้ส่งหัวทิวลิปให้เพื่อนชื่อ Carolus Clusius ซึ่งตอนนั้นเป็นนักวิจัยอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเลเดน นำมาทดลองปลูก แล้วก็กระจายแพร่หลายไปเรื่อยๆ เฮ้อเกิดที่โน่น แต่มาดังที่นี่ ไม่รู้ว่าคนตุรกีเค้าจะเสียดายกันมั่งหรือป่าวน้อ ----------- แปลงนี้มีทั้งดอกตูมและบานสลับกัน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:36:25

ความคิดเห็นที่ 17 Juliana Pavilion นี้ถือว่าเป็น Pavilion เก่าแก่ที่่สุดในสวนนี้เพราะสร้างตั้งแต่ปี 1954 ก็คือหลังจากการก่อตั้งสวนได้ 5 ปี ภายในจะเป็นพิพิธภัณท์ทิวลิปดำและประวัติของทิวลิป ข้างนอกอาคารจะเป็นร้านกาแฟ ให้เราได้นั่งจิบกาแฟพร้อมกับชมสวน   แต่เราก็เดินผ่าน Pavilion นี้ไป อย่างไม่ยินดียินร้าย เพราะมัวแต่หลงแสงสี เอ๊ะไม่ใช่ซิ หลงใหลในสีสันอันสดใสของแปลงทิวลิปด้านนอก --------------- กระถางเล็ก กระถางน้อย เค้าก็ปลูกทิวลิปให้ชมได้ทุกที่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:37:34

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องความคลั้งไคล้ลิวทิปนี่ ไม่ได้เป็นแต่เราคนเดียวนะ จริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นมานมนานแล้ว โดยเฉพาะในบรรดาฝรั่งมังค่านี่ หลงใหลได้ปลื้มกันจนมียุคนึงที่เรียกว่า Tulip mania ยุคคลั่งใคล้ทิวลิปนี่เกิดช่วงศตวรรษที่ 16 ค่ะ หลังจากที่ทิวลิปแพร่กระจายเข้ายุโรปและเนเธอร์แลนด์แล้ว ก็ได้รับความนิยมมากๆ จากปลูกไว้ดูเล่น ก็เป็นการค้าจริงจัง แล้วทิวลิปนี่จริงๆ ก็ปลูกยากนะ เมื่อมีความต้องการสูงแต่ผลิตได้น้อย ก็เกิดการซื้อขายล่วงหน้าและเก็งกำไร ว่ากันว่าทิวลิปบางพันธ์นี่มีการซื้อขายล่วงหน้าในตลาด เปลี่ยนมือกันเป็นว่าเล่นเป็นสิบๆ ครั้ง ทั้งๆ ที่ของจริงยังไม่โตเลย สุดท้ายเมื่อมีการปั่นราคากันเกินจริง ระบบก็ล่มสลายเพราะมีแต่การซื้อขายในกระดาษแต่ไม่มีของส่ง เอ่ออ่านแล้วแอบคิดถึงการปั่นหุ้นบ้านเรายังไงยังงั้น (มันเกี่ยวกันไม๊เนี่ย) --------------- ดูมากอาจจะหลงมากกว่านี้ งั้นดูแค่ครึ่งดอกพอ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:38:39

ความคิดเห็นที่ 19 ผ่าน Juliana Pavilion มาแล้ว ถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็จะไป Wilhelmina Pavilion เพื่อดูหงส์และไปชม Keukenhof Castle แต่เรากลับเลี้ยวขวาไปแทนเพราะท้องเริ่มร้องแล้วค่ะ มัวแต่ก้มหน้าก้มตาถ่ายรูป เงยหน้ามาอีกที ก็บ่ายโมงเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่ Willem-Alexander เพื่อหาข้าวกินแทนดูปราสาท ทางเดินในสวนนี่วัดเป็นระยะทางรวมๆ ได้ประมาณ 15 ก.ม ถ้าจะเที่ยวที่นี่ให้แบบทั่วถึง ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ถ้าคนชอบถ่ายรูป สงสัยคงเดินได้ทั้งวันแน่ ---------------- ทางเดินไปร้านอาหาร ดอกไม้แปลงนี้สีสันตัดกันดีจริงๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:40:07

ความคิดเห็นที่ 20 Willem-Alexander Pavilion ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ องค์รัชทายาท และ พระราชโอรสพระองค์โตของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ ท่านเสด็จมาเปิดงานสวนเคอเคนฮอฟเป็นประจำ Pavilion นี้ถือว่าเป็น pavilion ที่ใหญ่สุดในสวนนี้ เพราะมีทั้งร้านอาหารและส่วนจัดแสดงดอกไม้อยู่ด้วยกัน ที่นี่บริการอาหารแบบ self-service คือหยิบถาดมาแล้วก็เดินเลือกอาหาร แล้วไปจ่ายตังค์ที่แคชเชียร์ ราคาอาหารโดยรวมถือว่าค่อนข้างสูงค่ะ เรามาเที่ยวเนเธอร์แลนด์อาทิตย์นึงแล้ว รู้สึกกินขนมปังแล้วไม่อิ่มเหมือนกินข้าวเลย (ใครเป็นเหมือนเรามั่งเนี่ย) ก็เลยพยายามหาของกินอย่างอื่น มาได้ตัวช่วยที่ก๋วยเตี๋ยวผัดนี่ละค่ะ ไม่รู้เค้าเรียกอะไร แต่เส้นมันกลมๆ คล้ายๆ ยากิโซบะ ผัดใส่ผัก รสชาติก็พอใช้ได้ ------------ ร้านอาหารส่วนที่เป็นเอาท์ดอร์ที่ Willem-Alexander Pavilion กินข้าวไปดูดอกไม้ไป โรแมนติคสุดๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:41:22

ความคิดเห็นที่ 21 อิ่มแล้ว เรามาเดินดูดอกไม้ใน pavilion กันค่ะ เดินเข้ามาก็จะเจอส่วนจัดแสดงสีชมพูหวานแหวว ตัดกับดอกไม้สีสดชนิดต่างๆ ทั้ง แดฟโฟดิว ไฮยาซิน ทิวลิป และ ลิลลี่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:42:22

ความคิดเห็นที่ 22 เดินเลยเข้ามาอีกนิด เจอดอก Hippeastrum สีจัดจ้าน และซุ้มดอกลิลลี่ซึ่งทั้งสวยและหอม เค้าจัดดอกไม้ได้เก๋ไก๋ดีมากค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:43:02

ความคิดเห็นที่ 23 เจ้าดอก Hippeastrum นี่คุ้นๆ นะคะ มองไปมองมา โธ่นึกว่าดอกอะไร ที่แท้ก็ว่านสี่ทิศนี่เอง แต่ขนาดดอกและสีสันนี่ ใหญ่และจี๊ดจ้าดกว่าของบ้านเราเยอะค่ะ ดอกไม้ที่จัดแสดงที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกผสมพันธ์ใหม่ๆ ที่เพิ่งออกสู่ตลาด มาดูลายแปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในบ้านเรา จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:44:42

ความคิดเห็นที่ 24 การจัดแสดงดอกไม้ใน Pavilion นี้ก็จะคละๆ กันไป มีทั้งโชว์การจัดดอกไม้ ไม้กระถาง อาทิตย์ที่เรามานี่เป็น Lily show ซึ่งทั้งสวยและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้ง Pavilion เลยค่ะ --------- ดอกลิลลี่ นางเอกของงานนี้ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:45:39

ความคิดเห็นที่ 25 นักท่องเที่ยวใน pavilion วันนี้ก็ยังดูหนาตาอยู่ มีคนแวะเวียนมาถ่ายรูปกับซุ้มลิลลี่นี้ไม่ขาดระยะ โดยเฉพาะสาวๆ การถ่ายรูปโดยไม่ให้ติดคนมาในภาพนี่ ยากจริงๆ ------------- เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ขอรูปนึงนะ สาวสวยกับดอกไม้งาม จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:46:47

ความคิดเห็นที่ 26 ดอกลิลลี่ในบ้านเราส่วนใหญ่เราจะเห็นสีขาวกับสีชมพูยืนพื้น แต่ที่นี่มีสีจี๊ดๆ ให้ดูได้ไม่เบื่อ ----------- สีเหลืองสดใส จับใจ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:47:39

ความคิดเห็นที่ 27 การจัดแสดงก็มีหลากหลายรูปแบบ เห็นมุมนี้แล้วอดคิดถึงผ้าขาวม้าบ้านเราไม่ได้ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:48:22

ความคิดเห็นที่ 28 มาดูสีส้มเปรี้ยวๆ กันบ้าง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:49:30

ความคิดเห็นที่ 29 ถัดจากซุ้มลิลลี่ ก็จะเป็นกลุ่มไฮเดนเยียสีหวานๆ ตรงนี้มีน้ำพุเล็กๆ ประดับ ช่วยพักสายตาได้นิดนึง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:50:11

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนนี่เป็นดอก  อะสทิวบี (Astilbe) ชมพูหวานแหวว ฟูฟ่องน่ารัก ไม่แน่ใจว่าบ้านเรามีปลูกกันรึป่าวน้อ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:50:49

ความคิดเห็นที่ 31 เดินมาถึงมุมนี้ จะเป็นดอกแดฟโฟดิล หลากสีสัน ดอกไม้ชนิดนี้ได้สมญานามว่าเป็นดอกไม้ ''สัญลักษณ์ของความหวัง'' องค์กรที่เกี่ยวกับมะเร็งใช้ดอกแดฟโฟดิล เพื่อหาเงินทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง (fundraising symbol for cancer) " ในวัน Daffodil Days" ผู้บริจาคจะได้รับดอกแดฟโฟดิลเป็นที่ระลึก น่าจะคล้ายๆ วันทหารผ่านศึกบ้านเราที่ใช้ดอกป๊อปปี้เป็นสัญญลักษณ์เนอะเราว่า ------------ ดอกแดฟโฟดิว สีเหลืองสดใส จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:51:54

ความคิดเห็นที่ 32 เดินมาถึงจุดนี้ มีเก้าอี้เล็กๆ ให้นั่งพักขา ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแวะเวียนมาใช้บริการ ผู้ใหญ่ก็เมื่อยเป็นนะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:53:16

ความคิดเห็นที่ 33 การเดินดูดอกไม้ในนี้เป็นสิ่งที่เพลิดเพลิน เจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก เพลินซะจนเดินมาถึงประทางออกด้านหลังสุดอย่างไม่รู้ตัว ------------- ประตูทางออกด้านหลัง จะมีดอกไม้เล็กๆ น้อยๆ หลายแบบคละกันไป จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:54:15

ความคิดเห็นที่ 34 ออกจาก pavilion นี้มาอย่างมีความสุข จากตอนแรกที่แอบเคืองว่าทิวลิปเหลือให้ดูนิดเดียว แต่ตอนนี้หายงอนละ แต่ยังไม่หมดคะ ในสวนเคอเคนฮอฟนี่ยังมีจุดไฮล์ไลท์อีกที่ให้ดูคือกังหันลมที่ตั้งอยู่ท้ายสวนหรือในแผนที่เรียกว่า Mill square กังหันลมตัวนี้ไม่มีชื่อแซ่ที่ชัดเจน รู้แต่ว่าเดิมอยู่ที่ Groningen ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเนเธอร์แลนด์ ในปี ค.ศ 1957 เจ้าของในสมัยนั้นก็คือบริษัทเดินเรือ Holland-America Line ก็ได้ยกให้ทางสวนเคอเคนฮอฟ ในช่วงพีคของฤดูทิวลิป ตรงนี้เป็นจุดที่ฮอตฮิตสุดๆ เพราะเราสามารถขึ้นไปบนกังหันเพื่อดูทุ่งทิวลิปสีรุ้งที่อยู่รอบๆได้อย่างชัดเจน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:55:37

ความคิดเห็นที่ 35 วันที่เราไปทุ่งสีรุ้งเหลืออยู่แค่นี้เองอ่ะ เสียดายเนอะ มาช้าไป ถึงยังงั้นก็ยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาดระยะ ที่น่ารักก็คือ เราเห็นมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนกังหัน ตากล้องก็เดินมาขอร้องนักท่องเที่ยวว่าขอเวลาถ่ายรูปแป๊ปนึง อย่าเพิ่งเดินผ่าน แต่ปรากฎว่ามีเด็กๆ ที่มาเที่ยว วิ่งเข้าไปขอถ่ายรูปกับเจ้าสาวแทน ปล่อยให้เจ้าบ่าวยืนรออยู่ข้างๆแทน ซะงั้น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:57:16

ความคิดเห็นที่ 36 ผ่านกังหันลมตัวนี้มาแล้ว เราเดินข้ามคลองลงมาทางทิศใต้ ผ่านสนามเด็กเล่น เด็กๆ เล่นดินเล่นทรายกันอย่างมีความสุข เราไม่ค่อยกล้าถ่ายรูปเด็กๆ กลัวพ่อแม่เค้าจะว่าเอา ก็เลยเดินเก็บรูปดอกไม้มาแทน อิอิสบายใจกว่ากันเยอะเลย ------------- แปลงนี้มีดอกทิวลิปดำอันขี้นชื่อลือชาของที่นี่ด้วยค่ะ แต่เหลืออยู่ไม่เยอะแล้ว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:58:23

ความคิดเห็นที่ 37 ใกล้ๆ สนามเด็กเล่นมีคอกสัตว์เล็กๆ ตอนเราเดินผ่านไป เห็นเจ้าหมูตัวนี้เค้านอนแอ้งแม้งอยู่ มีเจ้าหน้าที่สองคนประคบประหงมอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ก็เลยหยุดดู ซักพักเค้าก็ลุกขึ้นมาวิ่ง เออเป็นอะไรเนี่ย หรือจะแอบเรียกร้องความสนใจ ------------- หมูที่นี่ หน้าตาน่ารักน่าชังมาก จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:00:56

ความคิดเห็นที่ 38 ผ่านคอกเจ้าหมูน้อยใจเสาะแล้ว เราเดินตามทางเดินที่ประดับด้วยกระถางดอกไม้เป็นระยะ มาเรื่อยๆ จนมาเจออาคารจัดแสดงดอกไม้อีกอาคารนึงคือ Oranje Nassau Pavilion  ชื่ออ่านยากจัง  ที่นี่จะเน้นโชว์การจัดดอกไม้ด้วยเทคนิคใหม่ๆ การจัดแสดงผสมแสงสี ดูแปลกตา แต่เรารู้สึกว่าภายในอาหารแสงน้อยไปนิด เลยแอบจะดูทึมๆ ทึบๆ ไม่เหมือน Willem-Alexander Pavilion ที่ดูสว่างโล่งสบายตา เดินดูอยู่แป๊ปเดียวก็เลยจรลี ------------ ทางเดินไป Oranje Nassau Pavilion จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:02:09

ความคิดเห็นที่ 39 เรามาเดินเล่นรอบๆ Oranje Nassau Pavilion กันดีกว่าค่ะ  การตกแต่งสวนแถวนี้ดูจะแปลกตากว่าบริเวณอื่นเพราะรอบๆ จะเป็นต้นไม้พุ่มตัดแต่งเป็นระเบียบ ปลูกเรียงไปตามสระน้ำเล็กๆ มีน้ำพุอยู่ปลายทางเดิน มองเห็นอยู่ไกลๆ นอกจากนั้นก็จะมีแปลงทิวลิปซึ่งตั้งชื่อตามชื่อคนดังทั้งหลาย ไม่ได้ถ่ายรูปป้ายมาด้วย กลับมาก็ลืมหมดแล้ว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:03:12

ความคิดเห็นที่ 40 เดินเล่นมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงทางออก ชำเลืองเห็นแปลงทิวลิปแดง แสงแดดส่องกระทบพอดี กรี้ด ขอแวะเก็บอีกรูป อาการทิวลิปมาเนียกำเริบ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:04:38

ความคิดเห็นที่ 41 หลุดจากแปลงทิวลิปสีแดงแรงฤทธิ์แล้ว ยังมีรถขายสตอบอรี่ลูกบิ้กเบิ้มมาจอดรอยั่วน้ำลายอีก แต่พอชะโงกดูป้ายราคาแล้ว หายอยากเลยค่ะ (แบบว่าวิญญานความงกเข้าสิง) จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:05:27

ความคิดเห็นที่ 42 เราเดินมาถึงทางออกแล้วค่ะ ได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงอยู่ใกล้ๆสระน้ำ เลยอดแวะไปดูไม่ได้ เห็นเด็กๆ มายืนดูกันเยอะเลย ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเจ้าเครื่องนี้เรียกว่าอะไร จนเห็นป้ายชื่อ อ๋อเค้าเรียกว่าสตรีทออร์แกน ด้านหน้าจะเป็นตุ๊กตา ซึ่งมือจะขยับเคาะจังหวะไปตามเสียงเพลงได้ อดสังสัยไม่ได้ว่า แล้วมือตุ๊กตาขยับเปลี่ยนจังหวะได้ยังไง จนคุณแฟนแอบแว๊บไปดูด้านหลังตัวออร์แกนแล้วก็เลยมาจูงแขนเราไปดู ----------- Street-organ “The Adrien” สีสันหวานนุ่มนวลดีจัง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:07:10

ความคิดเห็นที่ 43 เบื้องหลังของเสียงดนตรีเพราะๆ ก็คือเจ้านี่ค่ะ สมุดโน๊ตเล่มเป้งๆ ซึ่งภายในเค้าจะฉลุเป็นร่องๆ ไว้ ---------- รู้จักเพลงไหนกันบ้างคะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:08:02

ความคิดเห็นที่ 44 คนดูแลออร์แกนเค้าจะคอยยกสมุดโน๊ตใส่เข้าเครื่อง กลไกในเครื่องก็จะวิ่งไปตามร่องในสมุดโน๊ตซึ่งเชื่อมกับมือตุ๊กตาให้ขยับเคาะจังหวะ ไปตามเสียงเพลง The Adrien นี่เล่นที่สวนเคอเคนฮอฟเป็นฤดูที่ 23 แล้ว (ผูกขาดรึป่าวเนี่ย) ถือเป็นสีสันอย่างนึงของสวนนี้ เห็นเด็กๆ มายืนดูตุ๊กตา บางคนก็เต้นไปตามจังหวะเพลงไปด้วย น่ารักน่าชังมั่กๆ ---------------- สมุดโน๊ตดนตรีที่ภายในฉลุเป็นร่องๆ ไว้ค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:09:17

ความคิดเห็นที่ 45 บริเวณนี้มีร้านขายของที่ระลึกพร้อมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เราเดินไปซื้อไอติมมานั่งกินเล่นอยู่ข้างสระน้ำ ดูผู้คนเดินไปเดินมา กินไอติมตอนอากาศ 15 องศานี่ก็แปลกไปอีกแบบ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:11:02

ความคิดเห็นที่ 46 สวนเคอเคนฮอฟเปิด 8.00 – 19.30 น. แต่แค่ 5 โมงเย็น เราก็หมดเรี่ยวหมดแรงจะเดินต่อ เราเดินลากขามารอรถเมล์ด้านนอก ไม่น่าเชื่อว่าเดินกันทั้งวันก็ยังไม่ทั่วสวน แต่ยังค่ะ วันนี้ของเรายังอีกยาวไกล เพราะเรายังต้องนั่งรถไฟเข้าไปอัมสเตอร์ดัม เพื่อจองตั๋วรถไฟไปเบอร์ลินพรุ่งนี้ ได้ตั๋วรถไฟมาแล้ว เราตรงดิ่งกลับที่พัก รื้อเสบียงมาทำกับข้าวกิน เตรียมเก็บข้าวของ แล้วรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางกันแต่เช้า ---------------- ฟ้ากว้าง ทางไกล จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:12:18

ความคิดเห็นที่ 47 เราตื่นกันแต่เช้า รื้อปลอกผ้าห่มออกมาใส่ตะกร้า (โฮสเทลบางที่เค้าจะมีกฎระเบียบอย่างเช่นตอนเช็คเอาท์ แขกต้องเอาผ้าปูที่นอนปลอกหมอนมาส่ง แต่ละที่จะไม่เหมือนกันค่ะ) ถ้าไม่ทำตามระเบียบ อาจจะโดนยึดเงินมัดจำ นอกจากปลอกผ้าห่มแล้ว เรายังต้องหอบเจ้าฮีทเตอร์นี่มาคืนด้วยค่ะ ฮีทเตอร์หน้าตาประหลาด แต่ก็ช่วยให้เรารอดพ้นความหนาวเย็นมาได้ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ที่นี่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:13:21

ความคิดเห็นที่ 48 โบกมือบ๊ายๆ Lucky Lake hostel อันแสนสงบ เรามาถึงสถานีรถไฟตอน 8.10 น. มีเวลาลากกระเป๋าขึ้นไปรอรถไฟอีกสิบนาทีเพราะเราได้ตั๋วรถไฟเวลา 8.21 น. การซื้อตั๋วรถไฟข้ามประเทศที่นี่ง่ายมากค่ะ ง่ายซะจนทำเอาเราเอ๋อไปเลยว่า ง่ายไปไม๊เนี่ย เริ่มแรกเลย เราเข้าไปเช็คตารางเวลาในเวบของการรถไฟเนเธอร์แลนด์ www.ns.nl พิมพ์สถานีต้นทางที่เราต้องการขึ้นและใส่สถานีปลายทาง พร้อมทั้งวันเดินทาง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:16:01

ความคิดเห็นที่ 49 ใส่ข้อมูลเรียบร้อย แล้วคลิกปุ่ม check fares and availability  ระบบจะโชว์ตารางเวลาขึ้นมาให้เราเลือกค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:17:11

ความคิดเห็นที่ 50 จากหน้านี้ เราสามารถทำรายการซื้อตั๋วโดยจ่ายผ่านบัตรเครดิตและปรินท์ตั๋วติดตัวไปเองได้ เราก็นั่งเอ๋ออยู่ว่า มันง่ายไปไม๊เนี่ย ตั๋วรถไฟข้ามประเทศนะจ้ะ ไม่ใช่จากหัวลำโพงไปรังสิต  เริ่มหวาดระแวงกลัวทำอะไรผิด เดี๋ยวขึ้นรถไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเข้าไปซื้อเองที่เคาท์เตอร์ ตามที่เล่าไว้ข้างบน อีกวิธีก็คือเข้าเวบไฮสปีดเทรน http://www.nshispeed.nl/en โดยตรงเลย แล้วตรงหน้าเมนู Plan your journey เราก็ใส่ข้อมูลเข้าไปเพื่อดูราคาและตารางเวลา -------------- หน้าตาตั๋วรถไฟแบบที่ซื้อมาจากเคาท์เตอร์ขายตั๋ว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:19:29

ความคิดเห็นที่ 51 ตั๋วรถไฟระหว่างประเทศ ในรถไฟบางสายเช่นของ Thalys (Netherlands – France), Eurostar (Amsterdam –Brussels-London), CityNightLine (รถไฟแบบมีตู้นอนกลางคืน) และ the Train à Grande Vitesse (TGV) ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงของฝรั่งเศส  อาจจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป ต้องเช็ครายละเอียดในเวบไซด์อีกทีค่ะ ด้วยความเฟอะฟะของเราเอง การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าอะไรมาเลย มาซื้อตั๋วล่วงหน้าแค่วันเดียว ก็เลยได้ตั๋วราคาพิเศษมาก คือแพงเป็นพิเศษ จ่ายไปคนละ 117 ยูโร เฮือก ตั๋วรถไฟแบบนี้ยิ่งซื้อล่วงหน้านานๆ ยิ่งได้ราคาถูก อย่างในเวบจะมีราคาโปรโมชั่น เริ่มต้นที่ประมาณ 60 ยูโร แต่มีเงื่อนไขนะคะ คือต้องจองล่วงหน้า 2-3 เดือน ------------- แวะเก็บภาพจักรยานชาวบ้านแถวๆ สถานีรถไฟ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:22:01

ความคิดเห็นที่ 52 รถไฟมาแล้วค่ะ เราลากกระเป๋าขึ้นไปหาที่นั่ง นั่งไป 10 นาทีถึงสถานี Duivendrecht ก็ต้องลงมาเปลี่ยนรถ รอประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้ารถไฟสีขาวนวล IC 143 ก็มาจอดเทียบสถานี เราจะนั่งกันยาวไปจนถึง Berlin ขึ้นรถแล้วก็มานั่งขำตัวเองอยู่เหมือนกันเนอะ นั่งรถไฟข้ามประเทศครั้งแรก ตื่นเต้นซะ เราออกจาก Duivendrecht ตอน 9 โมง ที่นั่งบนรถยังว่างเยอะเลยค่ะ เพราะเป็นต้นสาย รถไฟแวะจอดตามสถานีต่างๆ เป็นระยะ ซักพักมีนายตรวจขึ้นมาตรวจตั๋ว เราก็เตรียมพาสปอร์ตกับตั๋วไว้อย่างดี แต่เค้าก็ตรวจแต่ตั๋วอย่างเดียว นั่งชะเง้อคอดูวิวข้างทาง อยากรู้ว่าวิวทิวทัศน์มันจะต่างกันขนาดไหน นั่งเพลินๆ ไปจนเที่ยง เริ่มหิว ก็เลยเดินไปทางท้ายขบวนเพื่อซื้อของกิน ในตู้เสบียงก็จะมีเครื่องดื่ม กาแฟ และอาหารเป็นชุดขายค่ะ มีโต๊ะเล็กๆ ให้ยืนกิน เห็นราคาอาหารแล้วก็แทบหายหิว แต่ก็นะ ไม่มีทางเลือก ก็ต้องกิน --------------- ไม่กล้าถ่ายรูปในรถไฟค่ะ ขอแปะภาพอื่่นๆเรื่อยเปื่อย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:23:45

ความคิดเห็นที่ 53 วิวทิวทัศน์ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าเขียวๆ สลับกับทุ่ง Rapeseed เหลืองอร่าม เราพยายามถ่ายรูปจากในรถไฟ แต่สู้ไม่ไหวค่ะ รูปออกมาเบลอไปหมด ก็เลยได้แต่นั่งดู รถไฟข้ามพรมแดนเมื่อไหร่แทบจะไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงประกาศจากรถไฟว่าเรากำลังเข้าเขตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ( เรียกซะเต็มยศ) สุดท้ายเรามาถึงสถานีปลายทางคือ Berlin's new Hauptbahnhof (central railway station) ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ลากกระเป๋าลงมา ชะเง้อชะแง้มองหาป้ายรถเมล์เพื่อเดินทางไปที่พัก เราปิดฉากการเดินทางในเนเธอร์แลนด์ ดินแดนแห่งกังหัน รองเท้าไม้และทุ่งทิวลิปสุดสวยด้วยความประทับใจเพียงแค่นี้ค่ะ ตอนหน้าเราจะเที่ยวเมืองเบอร์ลิน เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามของยุโรป เมืองที่ครั้งนึงผู้คนในเมืองต้องพลัดพรากจากกัน เพียงเพราะกำแพงคอนกรีตหนาทึบและอุดมคติทางการเมืองของผู้นำประเทศ ------------------ ส่งท้ายกระทู้นี้ด้วยภาพดอกทิวลิป สีแดงแรงฤทธิ์กลุ่มนี้ที่ชื่อว่า Kingblood จากเคอเคนฮอฟ ฝันดีทุกคนค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 55 00:46:44 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 00:26:59

ความคิดเห็นที่ 54 ตามมาเที่ยวค่ะ เดือนกุมภานี้เราก็จะไปค่ะ แต่คิดว่าคงไม่ได้บรรยากาศเขียวๆเพราะเป็นหน้าหนาวอะค่ะ จากคุณ : aorp เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 01:20:30

ความคิดเห็นที่ 55 รอชมเบอร์ลิน จากคุณ : นายบราวน์ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 03:20:38

ความคิดเห็นที่ 56 เด่วนี้มีให้เช่าจักรยานด้วยเรอค่ะ สิบปีที่แล้วไม่มี  เสียดายจัง เราทำข้าวผัดไปทานกลางวันในสวนด้วย แบบว่าใส่ถุงพลาสติก แล้วเอาช้อนไปคัน นั่งควักกลางลานดอกไม้เลย สวรรค์บนดินจริงๆ   มีโอกาสต้องไปอีกครั้ง สุดยอดของดอกไม้จริงๆ จากคุณ : แม่ยูมิ & ยูตะ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 07:04:51

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพสวยดูแล้วสดชื่น สบายตาสบายใจดีครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : declare01 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 07:58:36

ความคิดเห็นที่ 58 ทิวลิปนี่สวยจริงๆเลยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 08:48:38

ความคิดเห็นที่ 59 สวย  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:35:09

ความคิดเห็นที่ 60 ขอตามไปดูดอกไม้สวยๆด้วยคนนะคะ ^^ จากคุณ : Lukie Kwan เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 15:04:16

ความคิดเห็นที่ 61 ดอกไม้ต่างๆสวยมากเลยครับ มองไปทางไหนดอกไมดเต็มไปหมด จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 18:58:18

ความคิดเห็นที่ 62 aorp --หน้าหนาวบรรยากาศจะเป็นยังไงน๊อ ยังไม่เคยไปยุโรปตอนหน้าหนาวเลยค่ะ นายบราวน์  ---ขอบคุณค่ะ กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่เลย ทิ้งไว้นานแล้วลืมหมด แม่ยูมิ & ยูตะ ---ใช่แล้วค่ะ สุดยอดของดอกไม้จริงๆ สมกับที่เค้าเป็นเบอร์หนึ่งเรีื่องส่งออกดอกไม้ declare01---ขอบคุณค่ะ armearn --- เป็นดอกไม้ที่ดูไม่เบื่อจิงๆ ค่ะ เล็กทาโร่ ---ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนทุกกระทู้ เป็นกำลังใจให้คนเขียนมากๆค่ะ Lukie Kwan ---ได้เลยค่ะ แต่ตอนหน้าไม่มีดอกไม้แล้วค่ะ มีแต่ตึก Destiny-Boy ---ใช่แว๊วค่ะ สวยมาก เราเดินได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 19:49:05

ความคิดเห็นที่ 63 สวยจังค่ะ ดูแล้วมีความสุขดีจัง จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 22:03:33