ความคิดเห็นที่ 1 มองมาอีกฝั่งหนึ่ง ก็จะเห็นป้ายสถานีที่ว่า ... ตอนนี้ฉันกำลังรอรถไฟไปหามื้อเย็นกินแถว China Town (นี่พึ่งจากบ้านมาถึงปารีสแค่วันแรกนะ คิดถึงอาหารประจำชาติเอเซีย บะหมี่เป็ด หรือ ข้าวหมูแดงซะแล้ว) ป่าวหรอก แหม..แหม..แค่อยากไปเยือน China Town ในหลายๆ ประเทศ และอย่างน้อย ก็จะได้แวะซื้อ มาม่งมาม่า ไว้ตุน ยามอดอยากบ้างไรบ้าง วงเล็บเปิด หาเหตุผลเยอะๆ เข้าไว้ จะได้ไม่โดนนักเที่ยวบางคนแขวะ ว่า ไปถึงเมืองนอกเมืองนา ทำไมไม่กินอาหารของเค้า วงเล็บปิด หืมมม ก็กิน หนะ กิน แต่ บางทีมันโหยหาเม็ดข้าวหนะ เหมือนคนลาวที่ฉันเคยรู้จักที่อเมริกา วันหนึ่ง ทำข้าวต้มโบราณแบบทางเหนือกินกัน เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ชื่อ พี่ทองสูน แฟนชื่อ อ้ายสุดสาคร (จริงๆ นะ ชื่อนี้เลย) พี่แกตักข้าวต้มมาถ้วยหนึ่ง เอากระติ๊บข้าวเหนียวมาแอม (แปลว่า มาแจมนั่นแหละ) คือ เอาข้าวต้มเป็นกับข้าว เอาข้าวเหนียวจิ้มข้าวต้ม ประหนึ่งเป็นแกง ประมาณนั้น ถามเค้าว่า ทำไมเหรอพี่ กินข้าวต้มกับข้าวเหนียว อร่อยกว่าเหรอ เค้าตอบว่า "ไม่หรอก ไม่ได้กินข้าวเหนียวแล้วมันรู้สึกไม่อิ่ม เหมือนไม่ได้กินข้าว" ฉันก็...เอ๋อ....ก๊ะอ้าย (เหรอพี่)  นึกในใจ แล้วไอ้ข้าวต้มนี่..บ่อแม่นข้าวบ่อหนี่ ก็นั่นแหละ มันไม่เหมือนกัน ก็คือไม่เหมือนกัน ข้าวเหนียวไม่เหมือนข้าวเจ้าฉันใด ขนมปังก็ยิ่งไม่เหมือนข้าวสวยฉันนั้น ...​ (อย่ามาแขวะ หรือ อย่ามาแซวอีกนะจ้ะ สิบอกให้) แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 22:17:57 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:16:49

ความคิดเห็นที่ 2 ลืมบอกไป ว่า ถ้าใครต้องหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางเยอะแยะ หรือ เป็นคนพิการ ก็ใช้บริการลิฟท์ได้ นะจ้ะ มองไปเห็นพอดี เลยเก็บภาพมาฝากชัดๆ ลืมบอกว่า จากสถานีนี้ ถ้าขี้เกียจเดิน ก็สามารถนั่งรถไฟไปเที่ยวหอไฮเฟลได้ หรือถ้าอยากเดินเล่น ก็สักยี่สิบนาที จะนาทีแม้วรึป่าว ก็ลองเดินกันดู แต่ฉันเดินตอนขากลับ แล้วหลงทาง เดินซะ อี้ (ขี้) แทบหักใน จนต้องหารถไฟขึ้นกลับโรงแรมแค่ป้ายเดียว หรือสองป้ายนี่แหละ ไม่ใช่แค่ขาแทบลาก (จะให้นึกภาพตามเฉยๆ อี้ ยังออกเป็นงวงสวยงาม ไม่หักในแต่ประการใด) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:27:28

ความคิดเห็นที่ 3 และแล้ว .. รถไฟก็มา โปรดสังเกตุ ว่า ประตู จะมีที่จับ อย่างที่บอกว่า ถ้าเรายืนอยู่คนแรก ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ไม่ว่าจะเข้ารถไฟ หรือ ออกรถไฟ เราต้องเป็นคนกดปุ่ม เพื่อให้ประตูเปิด มันไม่เปิดอัตโนมัติ (หรือคนขับรถเปิดให้หรอกนะ) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:30:57

ความคิดเห็นที่ 4 รอดู  ตังแฟร์ และบะหมี่เป็ดย่าง...ด้วยความคิดถึง   จากคุณ : คิมมุนอา (ชาติหน้าขอเกิดมาหมวย) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:44:29

ความคิดเห็นที่ 5 จากสถานี Lamott Piquet - Grenelle ครั้งแรก ฉันใช้สาย 6 ไปลงที่ Place d'Italie พบว่า ต้องเดินเล่นต่อไปอีกสักพัก ถามเค้าไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงย่านร้านค้าของชาวเอเซียก็ได้เก็บภาพไปหลายสิบภาพเหมือนกัน เพราะจริงๆ ถ้าไม่อยากเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็ให้ต่อสาย 7 ไปลงสถานี Porte d'Ivry ก็จะได้ประหยัดเวลา จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:03:18

ความคิดเห็นที่ 6 ตรงนี้ คือ สถานี Place d'Italie โผล่ขึ้นมาก็อยู่กลางถนนเลย มีแยกใหญ่ จำไม่ได้ว่ากี่แยก แต่รู้ว่าใหญ่  แล้วเดินข้ามถนนไปตรงฝั่งที่เป็น KFC จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:08:12

ความคิดเห็นที่ 7 สิ่งที่รู้สึกดี กับการขับรถของผู้คนที่นี่ (สามประเทศที่ไปมา คือ ฝรั่งเศส สวิส และ อิตาลี) คนขับรถต้องระวังคนเดินถนน คงจะเป็นกฎเหล็กของเค้าหละมั้ง  เพราะเห็นต้องคอยจอดให้คนเดินข้ามถนน ต่อให้ไม่ได้เป็นทางม้าลายก็เหอะ (แต่อย่าทะลึ่งไปเดินทะเล่อทะล่าหละ คนเค้าขับมาดีๆ ต้องมาคอยเบรคไปทุกที่ที่คนผีบ้าอยากข้ามก็คงไม่เหมาะ นึกถึงเรานึกถึงเค้า คนขับไม่ได้มีทีนไว้เหยียบเบรคอย่างเดียว ก่อนจะยกทีนมาเหยียบเบรค บางทีก็เหยียบคันเร่งซะเกือบมิดไมล์มาก่อนหน้านี้แล้ว อาจจะกำลังเมามันส์กับ Speed คุณผีบ้าอาจตายเพราะความไว้ใจว่าคนยุโรปจะใจดี แตะเบรคให้ตลอดเว ไม่ได้นะจ้ะ ขอเตือน) และภาพนี้ คือ ฝั่งถนนที่ควรจะข้าม เพื่อเดินต่อไปยัง China Town แต่ถ้าฉันจะไปอีกที คงไม่เลือกลงสถานีนี้แล้ว เดินไกลใช่ย่อย แม้จะไม่ถึงขนาด อี้หักใน แต่.... ตอนหิวข้าวอะนะ ... กินช้างได้ครึ่งตัวฉันใด ก็สามารถกระโดดชกคนมาเดินเกะกะขวางทางฉันได้ฉันนั้น มิหนำซ้ำ เดินไปเรื่อยๆ พอเจอแยกนั่น นี่ อ้าว แล้วจะเลี้ยวซ้ายหรือขวา จะถามไปเรื่อยๆ ก็ถามนะ (พูดยังกะจะไม่กล้าถาม) ถามไปตลอดทางแหละ บางทีก็พูดฝรั่งเศสซะจนเมื่อยมือ ไม่ได้ใช้ปากพูดเลย งานนี้ มือไม้ช่วยตลอด ยิ่งเก่งๆ อยู่ด้วย อย่าไปคิดว่า คนฝรั่งเศสส่วนใหญ่ จะพูดอังกฤษปร๋อ ยิ่งย่านนี้ด้วยแล้ว ลืมไปเลยละกัน ยิ่งคนหัวดำอย่างเรา อย่างเจอคนลาวที่นั่นคนหนึ่ง เค้าบอก คนที่นี่ไม่พูดอังกฤษนะ (ฉันก็ล่ออังกฤษกับแ..มร่..ง ทุกคนแหละ คาดหวังว่าจะฟังกันรู้เรื่องกว่า) คนลาวบอกว่า ที่นี่เค้าพูดฝรั่ง (กันนะ) (พูดจบตรงคำว่า "ฝรั่ง") ตอนแรกก็งง แต่หลังๆ มาเริ่มคุ้น คนลาวที่นั่น เรียกภาษาฝรั่งเศส ว่า ภาษาฝรั่ง เออ พึ่งนึกขึ้นได้ พี่ทองสูนคนลาวที่อเมริกา ก็เคยพูดให้ฟังเหมือนกัน เพราะตอนลาวแตกใหม่ๆ ผู้คนชาวลาวก็อพยพมาไทย มาพักอยู่ที่แค้มป์ศูนย์อพยพ รอองค์การสหประชาชาติ (U.N.) จัดส่งไปตามประเทศที่อยากไป ส่วนใหญ่ก็ อเมริกา กับ ฝรั่งเศส รู้มาแค่นี้แหละนะ ถ้าใครรู้มากกว่านี้ ก็เสริมได้ขะ และ ตรงนี้แหละ ที่ฉันข้ามมา แล้วเดินไปต่อ ตามหาย่านคนเอเซีย เพื่อแสวงหาข้าวสวยกิน วันแรก ขอยังไม่บริโภค  Le Pain แปลว่าขนมปัง จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:29:34

ความคิดเห็นที่ 8 คุณคิมมุนฮา...จัดให้ค่ะ ตังแฟร์ ..​ ถ่ายรูปมาเหมือนกัน เพราะมันเป็นที่ที่ฉันคุ้นเคย ตั้งแต่ไป set up ตั้งแฟร์ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่เวียงจันทน์ เมื่อปลายปี 2548 เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกและแห่งเดียวของเวียนจันทน์ตอนนั้น นอกนั้นเป็นมินิมาร์ท เจ้าของตั้งแฟร์ ที่ลาวเวียงจันทน์ กับ เจ้าของตั้งแฟร์หลายสาขาในปารีสเป็นพี่น้องกันค่ะ ตั้ง หมายถึง ตระกูลคนจีนที่มีชื่อตระกูลว่า "ตั้ง" ส่วน แฟร์ เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า พี่น้อง ตั้งแฟร์ ก็เลยเหมือนภาษาอังกฤษว่า Tang's Brothers หรือ พี่น้องตระกูลตั้ง นั่นเอง จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:37:02

ความคิดเห็นที่ 9 ตามชมค่ะ ตอนเราไปเที่ยวปารีส ก็ตั้งใจจะไปเที่ยวที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ไปค่ะ  เพราะโปรแกรมแน่นจริง ๆ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 00:01:53

ความคิดเห็นที่ 10 พักก่อน...ไว้จะมาต่ออีกนะคะ วันนี้เริ่มล้า... ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามชมค่ะ ...​ รีวิวยุโรปของฉันยังอีกยาวไกล นี่แค่วันแรก ยังไม่จบเลย .. ถูกใจตามไปดูรูปใน FB ได้นะคะ https://www.facebook.com/mynameisnok/photos_albums แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 00:15:08 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 00:10:19

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะ ตามมาเที่ยวฝรั่งเศส (อีกรอบ) ด้วยคน เห็นรีวิวแล้วคิดถึง :) เพิ่งไปมาเมื่อสงกรานต์เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยรู้ข้อมูลเลยว่าเที่ยวยังไง เดินทางยังไง ซื้อตั๋วยังไง จองโรงแรมยังไง เพราะมีน้องสาวชาวฝรั่งเศสพาไปเที่ยวหมดเลย รีวิว จขกท. ละเอียดดีนะคะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันกันค่ะ เผื่อเอาไว้เป็นข้อมูล ปีหน้าว่าจะไปเที่ยวใหม่ :) รูป คห.8 เราเคยไปด้วยแหละเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จากคุณ : Princessella เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 10:15:09

ความคิดเห็นที่ 12 มารอชมต่อด้วยคนครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 19:43:34

ความคิดเห็นที่ 13 ไปเที่ยวต่อกันนะคะ (หยุดรีวิวไปหนึ่งวัน วันนี้มาต่อกันค่ะ) ----> สวัสดีแขกผู้มาเยือนและเชิญชมต่อนะคะ คุณ หมู(ตัว)อ้วน, คุณ Princessella, และ คุณ Destiny-Boy ผู้ติดตามมาตั้งแต่ต้น ขอบคุณสำหรับคำทักทายมาเป็นแฟนกระทู้นะคะ __________________________________ เดินสักพักก็เจอสวนสาธารณะค่ะ ก็แบบว่า .. เดินไปถ่ายรูปไป เห็นอะไรที่จะเป็นจุดสังเกตุ ก็ถ่ายเอาไว้ เพราะขณะเดินเที่ยว หรือ ทุกๆ ขณะตอนไปที่ไหนก็ตาม ก็จะนึกตามเสมอว่า เหมือนคนอ่านรีวิว ได้เดินตามฉันไปเที่ยวทุกที่เลย ประมาณนั้น.. เที่ยวไปนึกถึงบอร์ดพันทิปไป :-) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:08:16

ความคิดเห็นที่ 14 ระหว่างทาง เดินไปก็ถามทางไป .. ตรงนี้เป็นแยกที่ได้กลิ่นความเป็น china town มาละ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:15:33

ความคิดเห็นที่ 15 และถ้าเห็นแยกประมาณนี้ ก็ช่ายเลย เดินไปอีกนิด ก็เจอแล่งรวม ร้านค้าคนเอเซีย ทั้งร้านอาหาร และร้านขายของชำ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:16:46

ความคิดเห็นที่ 16 ชื่อถนนตรงนี้แหละ ที่เดินมาสักพักก็จะเห็น เลยจะบอกว่า ถ้าลงสถานีที่มีชื่อประมาณนี้ ก็น่าจะใกล้ China Town หรือตรง China Town เลย ไม่ต้องเดินไกล (ถ้าเลือกลง Place d'Italie ก็เดินพอสมควรเลย อย่างพี่บอก ถ้าหิวมาด้วยละก็ จะถอดใจซะก่อน) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:18:53

ความคิดเห็นที่ 17 ผ่านโรงแรมนี้ ....​ เอ่อ .....ชื่อโรงแรม ว่า "โรงแรม" หรือไงมิทราบได้ เห็นแต่คำว่า Hotel ซึ่งถ้าสังเกตุในเมืองปารีสทุกถนน ทุกๆ ที่ ก็จะเห็นคำว่า "Hotel"  คงเพื่อบอกว่า เนี่ย .. โรงแรม.... หรือเป็นกฎการทำธุรกิจโรงแรม ว่าต้องมีป้ายนี้บอกให้ชัดเจน เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่า เป็นโรงแรม (มั้ง) วันที่ไปวันแรก เจอคนไทยมาจากสวิสเซอร์แลนด์ เค้าบอกชอบมาซื้อของใช้ของกินที่ปารีส มักจะขับรถมากันก็จะมาหาที่พักแถวไชน่าทาวน์นี่แหละ ถูกดี ไม่ต้องไปไหนไกล ที่จอดรถก็มี ของกินก็เพียบ ก็เลยคิดว่า โอเคเลย ไว้คราวหน้า จะลองมาพักแถวนี้ดูบ้าง เพราะสะดวกเรื่องอาหาร โดยเฉพาะช่วงเย็น กลับจากเที่ยวแล้ว ก็จะได้แวะหาอะไรกินแล้วค่อยเข้าที่พัก (หมายเหตุ: มีร้านอาหารบางร้านเปิดทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่ เปิดเป็นเวลา ช่วงกลางวัน ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสองครึ่ง ส่วนช่วงเย็น มักจะเริ่มเปิดตอนห้าหกโมง แต่ยาวไปถึงสามสี่ห้าทุ่มโน่นแหละ) ราคาที่พักแถวนี้ ถ้าเทียบกับที่อื่น ก็ถูกกว่า ประมาณ ต่ำกว่า 100 ยูโร หรือ 100 นิดๆ และอาจไม่ได้ดูเริด แต่คนไทยกลุ่มนี้ก็บอกว่า ดี สะอาด ถ้าจะลองพัก ก็เข้าไปอ่าน ข้อมูลจากการแสดงความคิดเห็นก่อนจองละกัน (แต่ส่วนใหญ่ ฉันว่าโรงแรมก็มักจะต้องทำให้สะอาดอยู่แล้ว เพราะกฎระเบียบของการทำธุรกิจโรงแรมก็คงจะเข้มงวดใช้ได้อยู่เหมือนกันแต่จะสอาดระดับไหน ก็แล้วแต่การวัดระดับของแต่ละคน และการเอาใจใส่ของแต่ละโรงแรม) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 13:40:16 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:38:41

ความคิดเห็นที่ 18 ผ่านร้านนวดเท้า นวดไทย และมีทำเล็บด้วย แต่ปิดเงียบเชียว ทั้งๆ ที่เดาจากป้ายหน้าร้าน น่าจะบอกว่า เปิดเที่ยง ปิดสองทุ่ม แต่ตรงภาษาจีน เหมือนจะบอกต่างกัน ว่าเปิด 11 โมง ปิดสองทุ่ม (เดาจากตัวเลข) แต่ตอนไปก็ ประมาณ 4 โมงเย็น สังเกตุเห็นร้านส่วนใหญ่ปิด โดยเฉพาะร้านอาหาร และที่เห็นเปิดเยอะหน่อย ก็ร้านขายของชำ คงเปิดทั้งวัน และไปปิดตอนสองสามทุ่มมั้ง   ดูจากราคา เห็นป้ายบอกว่า นวดไทย 30 ยูโร ก็ประมาณ 1200 บาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยนช่วงเดือนตุลาคม 2555) ก็ยังถูกกว่าที่อเมริกา ที่นั่นนวดชั่วโมงละ สองพันห้า สามพันบาท ฉันเปิดสปาในเมืองไทย ค่านวดไทยไม่แพง ชั่วโมงละ 180 สองชั่วโมง 350 ต้องหาเงินจากการให้บริการนวดไทย ประมาณสี่เท่าของการนวดสองชั่วโมง เพื่อจะไปเป็นค่าใช้จ่ายนวดไทยที่ปารีสเพียงหนึ่งชั่วโมง... สรุป...เมื่อยต่อไปดีกว่า เก็บออมความเมื่อยไว้ไปนวดที่สปาตัวเอง หรือไม่ก็ไปนอนแช่อ่างน้ำร้อนในโรงแรมละกัน แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 13:57:49 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 13:57:17 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 13:45:48 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:43:51

ความคิดเห็นที่ 19 ถัดมา เจอร้านอาหารอยู่หลายที่เลย และหนึ่งในนั้น ก็คือ ร้านนี้ "ไทยเวียง" แต่เห็นมีคำว่า "เอราวัณ" อยู่ด้วย สรุปจะตั้งชื่อร้าน แบบมีทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง รึป่าวก็ไม่รู้ (สับสนได้นะเนี่ย) แต่เดาได้เยอะแยะ เพื่อเบี่ยงเบนความหิวไปก่อนว่า ร้านนี้อาจเป็นลูกครึ่ง คือ ครึ่งลาว ครึ่งไทย เดาว่ามาจาก คำว่า เมืองไทย กับ เวียงจันทน์ หรือ เจ้าของร้านอยากขายทั้งอาหารไทยกับอาหารลาว หรือ เจ้าของร้านสามีเป็นไทย ภรรยาเป็นชาวเวียงจันทน์ ก็ว่ากันไป (การคิดเฉไฉไปทางอื่น ไม่ได้แปลว่าจะหายหิว แต่เป็นการกำหนดให้จิตใจไม่ต้องไปนึกถึงสิ่งที่ทรมานอยู่ หลักธรรมมะดีๆ นี่เอง) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:04:33

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่านร้านของชำ (ซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ขายของโซนเอเซีย) เจอทุเรียน ติดป้ายขายเป็นกิโล ๆ ละ 9.90 ยูโร ตีว่า 10 ยูโร คือประมาณ 400 บาทละกัน ปกติ ทุเรียนขนาดประมาณที่เห็นนี้ ก็น่าจะสัก 3 กิโล ประมาณลูกละ พันกว่าบาท และไม่น่าจะเกิน 10 พลู เออ..นะ ตกพลูละร้อยกว่าบาท หาเงินจากเมืองไทยไปเที่ยวปารีส .. ต่อให้แพ้ท้องอยากกินขนาดไหน ก็คงทั้งเมิน ทั้งเชิด สะบัดหน้า เหวี่ยงผม ไปหาของเหม็นๆ อย่างอื่นกินแทนละกัน แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 14:17:19 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:16:14

ความคิดเห็นที่ 21 ใกล้ๆ กัน มีมะม่วงอะไรไม่รู้ ปลูกที่ไหนก็ไม่ทราบได้ แต่ลูกใหญ่มาก แอบคิดในใจว่า เออ ไม่ใช่มีแค่ใบไม้เปลี่ยนสีนะจ้ะ มีผลไม้เปลี่ยนสีด้วย เปลือกสีแดงแรดได้ใจ ขายเป็นลูกๆ ละ 11.50 ยูโร ก็ลูกละ สี่ร้อยกว่าบาท (เอง) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:22:18

ความคิดเห็นที่ 22 เดินหิวๆ อยู่ มาเจอผลไม้ เจอร้านขายของชำ มีพวกขนมของจีน ลาว ไทย เวียดนาม ขายอยู่หน้าร้าน ก็เริ่มเรียกร้องความหิวขึ้นมาแบบทวีคูณ พอมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่า จะหิวซะจนตาลาย ไม่ควักกล้องมาถ่ายรูปอีกเลย จนกระทั่ง มารู้สึกตัวอีกที ก็กำลังจะหยิบตะเกียบมาคีบอาหาร แต่ข้าวยังไม่มา เลยนั่งรอข้าว พลันนึกถึงโน๊ต อุดม แต้..ขึ้นมา กับคำพูดในเดี่ยว 8 ว่า สมัยนี้ วัฒนธรรมการกินของคนไทยเปลี่ยนไป คือ อย่าได้เริ่มกินอาหารเชียวนะ ถ้ายังไม่ได้ถ่ายรูป ว่าแล้วก็.......จัดไปหนึ่งภาพ หมูแดง, เกี๊ยวน้ำ, เป็ดย่าง ชื่อร้านอะไร ก็ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมา รู้แต่ว่าอยู่หัวมุมถนน จากที่เดินมาเรื่อยๆ ตามรูปด้านบน รสชาดอาหารถือว่าใช้ได้ กินหมดเกลี้ยง ฉันกินข้าวไปหนึ่งถ้วย ส่วนซะมี เบิ้ลสองถ้วย อิ่มไปถึงดึกเลย (กินตอนสี่โมงครึ่งมั้ง) ถ้าจำไม่ผิดค่าเสียหายน่าจะ ยี่สิบกว่าๆ ยูโร หรือ สามสิบต้นๆ นี่แหละ สรุป อาหารมื้อแรกในกรุงปารีส (ไม่นับไส้กรอกที่ซื้อกินตอนไปเดินตลาดนัด) ก็เรียบร้อยไปที่ราคา พันกว่าบาท แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 14:38:48 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:35:58

ความคิดเห็นที่ 23 ว่าแล้วชั้น .. รีวิวเรื่องอาหารทีไร หิวทู้กที (ไปหาอะไรกินก่อนละกัน ดึกๆ มาวิวใหม่) ขั้นรายการด้วยรูปนี้... กินเปล่าๆ ก็ไม่ชินลิ้นคนไทย เอาซอสพริกมาช่วยด้วย ก็ทำให้อิ่มครบรสมาได้บ้าง จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:42:57

ความคิดเห็นที่ 24 อิ่มแล้ว ก็เดินต่อ จากหัวมุมถนนตรงร้านเมื่อกี้ ก็มาเจออีกหัวมุมหนึ่ง เป็นร้านขายแซนวิชเวียดนาม เคยกินตอนอยู่อเมริกาและอยู่ที่ลาวเวียงจันทน์ เป็นเหมือน fusion food นะ เอาขนมปังฝรั่งเศสมาใส่เครื่องแบบเอเซีย ร้านนี้แวะถ่ายรูปเฉยๆ ไม่ได้ซื้อกิน กระเพาะเต็มไปด้วยอาหารจีนเมื่อกี้นี้... จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:28:06

ความคิดเห็นที่ 25 หน้าตาแซนวิชเวียดนามที่ว่า... จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:35:10

ความคิดเห็นที่ 26 ยืนดูเค้าทำ...ใส่หมูแดงลงในขนมปังฝรั่งเศสผ่าครึ่ง ฉันเคยได้มีโอกาสได้เข้าไปดูโรงงานทำขนมปังฝรั่งเศสที่ลาวเวียงจันทน์ ซึ่งอย่าเรียกว่า โรงงานเลย เพราะมันเป็นพื้นที่ในบ้านของคนลาวนั่นแหละ แบ่งโซนพื้นที่มาหนึ่งโซน แบบ  outdoor แล้วก็ก่ออิฐ ขึ้นมาเป็นเหมือนอุโมงค์ แต่นั่นคือ มีลักษณะเหมือนเตาอบขนาดใหญ่ การอบก็ใช้อิฐเผาให้เหมือนถ่าน ความร้อนจากอิฐที่อยู่ได้นาน เพราะอยู่ในอุโมงค์ที่ว่านั่น ก็คือภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนฝรั่งเศส และ เผยแพร่มาที่ลาว การทำขนมปังฝรั่งเศสเลยเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก มีหลายๆ ที่ในเวียงจันทน์ และ เมืองต่างๆ ใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  (หรือ สปป. ลาว) เมื่อผสมแป้งแล้วปั้นเป็นก้อนๆ เสร็จ เค้าก็จะมีเหมือนถาดใหญ่ๆ วางไว้เหมือนเราอบขนมปัง แต่ต้องทำไม้และมีที่รองถาด ตอนจะเอาถาดเข้าไปก็เหมือนจอบแบนๆ ตักถาด แล้วยื่นเข้าไปในเตาอบขนาดใหญ่ เพื่อเอาไปวางไว้ข้างในอุโมงค์เตาอบ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ เทคนิคจะทำให้ขนมปังฝรั่งเศสอร่อย ก็คงจะเริ่มตั้งแต่การเตรียมแป้ง หมักแป้ง การกำหนดอุณหภูมิด้วยจำนวนก้อนอิฐร้อน และระยะเวลาในการอบ .. พอมายุคที่ต้องใช้เครื่องอบที่สามารถซื้อได้ทั่วไป สะดวกและประหยัดพื้นที่ ฉันก็ยังเห็นเค้าเอาอิฐเข้าไปวางในตู้อบแบบใช้แก๊สหรือใช้ไฟ เพื่อให้ขนมปังมีกลิ่นของอิฐเผาด้วย แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 12:52:53 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:36:15

ความคิดเห็นที่ 27 ใส่หมูใส่พริกหรือซอสอะไรเสร็จ ก็ใส่ผักพวกแครอท ผักชี...เรียกได้ว่า อาหารด่วนเมนูนี้ มีครบสูตรตามหลักโภชนาการเลยทีเดียว แถมมีความเผ็ดให้ได้รู้สึกว่า ได้กินอาหารแบบ ลาว-ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส และ จีน ปนๆ กัน อารมณ์ประมาณนั้น ... ตอนอยู่ลาว เนื่องจากลาวเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ก็เลยมีทำขนมปังฝรั่งเศสกันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วแซนวิชแบบนี้ก็มีขายกันทั่วเมืองเหมือนกัน ที่ลาว เรียกขนมปังว่า "ข้าวจี่" มีเมนูหนึ่งเรียกว่า "ข้าวจี่ปาเต๊ะ" ซึ่ง ปาเต๊ะ ก็คือ ตับบด คือ เอาตับบด (ปรุงรส) ซึ่งฝรั่งเศสก็ชอบเอามาทาขนมปังกิน ที่ลาวก็เอามาใส่โน่นนี่เพิ่ม ให้ได้รสชาดแบบกินแล้วไม่เลี่ยน ใส่พริกใส่ผัก ใส่หมูยอด้วยก็มี อร่อยใช้ได้เลย แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 12:55:53 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:42:03

ความคิดเห็นที่ 28 นอกจากแซนวิชก็ยังมีหมูแดง เป็ดย่างขายด้วย ซื้อกลับบ้านได้ เผื่อกินมาม่าต้ม จะได้เอาไปแจม ไม่ขาดโปรตีน ตามด้วยผลไม้ก็ครบห้าหมู่ละ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:57:54

ความคิดเห็นที่ 29 เดินมาอีกนิด ก็จะเห็นร้านนี้ อยู่หัวมุมถนน ซึ่งจะขอแนะนำให้ไปกิน มื้อกลางวันหรือมื้อเย็นก็ได้ ฉันไปเที่ยวพระราชวังแวร์ซายย์กลับมาก็นั่งรถไฟพุ่งตรงมาร้านนี้เลย (เป้าหมายชัดเจนมาก อิอิ) เพราะในวันที่ไป china town วันแรก กลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่งแนะนำว่าให้กินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ฉันก็เลยจัดไป...เดี๋ยวค่อยมารีวิวเพราะอยู่ในวันที่สี่ของการเที่ยวปารีส รูปนี้ถ่ายในวันที่เดินเล่น China town วันแรก แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 13:02:09 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:01:23

ความคิดเห็นที่ 30 ติดๆ กัน มีร้านเฝอ (ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม) ซึ่งเค้าก็แนะนำอีก แต่ไม่ทันได้กิน จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:03:25

ความคิดเห็นที่ 31 เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอร้านอาหาร ลาวไทย ซึ่งขอบอกว่า นี่ถ้าอยู่ปารีสเป็นอาทิตย์ คงได้ลองชิมทุกร้าน เพราะมีคนลาวที่เปิดร้านขายของชำอยู่แถวนั้น แนะนำว่า มีร้านอาหารร้านหนึ่ง ทำข้าวเหนียวส้มตำอร่อยมากซึ่งก็หมายถึงร้านนี้ แต่ฉันไม่ได้กินหรอก และไม่ได้อยากกินส้มตำ แล้วก็อิ่มมากด้วย ก็เลยผ่านไป... จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:07:21

ความคิดเห็นที่ 32 เดินผ่านร้านเฝอมา ติดๆ กัน เจอร้านขายเสื้อผ้า กระเป๋ารองเท้าของคนเอเซีย พูดไทยได้ ฉันเลยเข้าไปดู ได้รองเท้าบู๊ทมาหนึ่งคู่ สองพันบาท เอาไว้ใส่ขึ้นเขาเดินบนหิมะที่ Jungfrau สังเกตุอีกเรื่องหนึ่งคือ ร้านอาหารที่นั่นหลายๆ กินพื้นที่ทางเดินออกมา ทำเป็นห้องกระจก เพิ่มพื้นที่นั่งให้ลูกค้าแบบใกล้ชิดคนเดินเลยทีเดียว (เอ่อ ถ้าเป็นที่ไทย ก็ไม่ได้หรอกนะเนี่ย เอาพื้นที่ทางเดินเท้ามาสร้างเป็นอีกห้องหนึ่งเฉยๆ เลย) ร้านฝรั่งก็ทำนะ เดี๋ยวอีกหลายๆ รีวิวคงมีมาแปะให้ดูด้วย จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:13:59

ความคิดเห็นที่ 33 ตั้งแต่ลงรถไฟที่ Place d'Italie จนถึงกินข้าว จนถึงเดินเล่นมาเรื่อยๆ ฝนตกปรอยๆ ตลอด ไม่มีร่ม แต่ดีนะ เสื้อกันหนาวที่ใส่มี Hood ด้วย ช่วยได้มาก ถึงแม้เสื้อจะเปียกนิดๆ แต่ก็คลุมกะลาหัวได้ เพราะฝนตกไม่หนัก พอรับไหว แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 13:20:14 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:19:35

ความคิดเห็นที่ 34 เจออีกร้านหนึ่ง...พื้นที่ให้ลูกค้านั่งในร้านอาหาร กินพื้นที่ทางเดินเท้าออกมาจากตัวตึก (สงสัยเค้าคงต้องเสียเงินเพิ่มมั้ง เห็นมีแบบนี้ตั้งหลายที่ คงจะถูกระเบียบอะแหละ ถ้าจ่ายเงิน หรือเป็นที่ดินของเค้าเอง) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:24:18

ความคิดเห็นที่ 35 เดินมาพักใหญ่ เจอทางลงสถานี Tolbiac (ถ้าจะไป China Town ไม่แนะนำให้ลงตรงนี้ แถวนี้ไม่ค่อยเห็นร้านเอเซียแล้ว) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:25:44

ความคิดเห็นที่ 36 อีกร้านหนึ่ง ประมาณร้านแม๊คโดนัลด์ มีแฮมเบอร์เกอร์ขาย ชื่อร้าน Quick คงจะประมาณ ด.ด. คือ แด_ก ด่วน จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:27:32

ความคิดเห็นที่ 37 ติดกันเป็นร้าน Pharmacy ซึ่งอยู่ปารีส เห็นเยอะจัง ตอนแรกนึกสงสัย ทำไมมีร้านขายยาเยอะ คนที่นี่ป่วยกันเยอะเหรอ แต่พอมีอยู่วันหนึ่ง ต้องหาซื้อยาแก้ปวดหัว แก้ไข้ ก็เลยต้องเข้าไป เลยพบว่า เป็นร้านประมาณ Watson หรือ Booth ที่ไทยนี่แหละ ขายพวก Health and Beauty ทั้งหลาย และ ยา ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะเหมือนที่อเมริกามั้ยว่า ถ้ายาที่นอกเหนือจากยาสามัญประจำบ้าน ซื้อง่ายขายคล่องแล้ว ยาอื่นๆ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ด้วยรึป่าว คงจะมีอะเนาะ อันตรายอะนะ ถ้าจะหาซื้อยากินเอง วินิจฉัยโรคเอง หรือ มีคนบอกให้มาซื้อเฉยๆ ไม่่มีใบสั่งยา หรือร้านแบบนี้ก็ไม่มียาแบบที่ว่านี่ขาย ใครรู้ก็ช่วยมาเสริมทีค่ะ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:33:03

ความคิดเห็นที่ 38 ร้านทำผม.... ดูราคาค่าตัดผม คือ  26 ยูโร (คูณสี่สิบเอ็ดเป็นบาทนะ) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:34:40

ความคิดเห็นที่ 39 เดินไปบนพื้นเปียก มีน้ำอยู่ตามพื้น กับเสื้อกันหนาวมี  Hood  อย่างที่เล่าไป... (อย่าลืมนะ เอาเสื้อกันฝนติดไปด้วย ช่วยได้เยอะ) จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:37:03

ความคิดเห็นที่ 40 รถเล็กๆ แบบนี้เห็นทั่วไปในปารีส ยี่ห้อ Smart ไปอิตาลี ก็เห็นด้วยหละ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:42:06

ความคิดเห็นที่ 41 มอเตอร์ไซด์ มีสามล้อ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:42:29

ความคิดเห็นที่ 42 ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ชอบโต๊ะกลาง ออกแบบเหมือนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หรือจะเหมือนหีบสมบัติทำด้วยหนังสีดำก็เท่ห์ดีอะ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 13:43:53 จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:43:19

ความคิดเห็นที่ 43 เจอคาร์ฟูร์ด้วย แต่หน้าตาไม่คุ้น.... คงเป็นเหมือน Supermarket ละมั้ง ไม่เหมือน Hypermarket เลย ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เข้าไป จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:45:15

ความคิดเห็นที่ 44 เดินผ่านตรงนี้ อะไรเอ่ย..ยืนดูสักแป็บ ก็ร้องอ๋อ.....เมื่อดูรูปถัดไป จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:46:05

ความคิดเห็นที่ 45 และนี่ก็คือ สถานที่เช่ารถจักรยานถีบ... ที่มีคนมารีวิวว่า เช่าจักรยานถีบได้ แบบหยอดเหรียญ คิดเป็นสามสิบนาทีละมั้ง จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:47:11

ความคิดเห็นที่ 46 ใครเป็นแฟน Ibis Hotel ก็เลือกที่พักแถวนี้ได้ ใกล้สถานี รถไฟ Tolbiac ทีว่าตะกี้ จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:48:29

ความคิดเห็นที่ 47 Ibis hotel อยู่ติดกับตึกสูงตึกนี่ ... คงจะเป็นโซนรอบนอกที่สามารถสร้างตึกสูงได้แล้วหละ เพราะ Downtown ปารีสจริงๆ ดูเหมือนจะไม่ให้สร้างตึกสูง หอไฮเฟลจะได้เด่นตระหง่านอยู่อย่างเดียวเลย ... (ชอบอะ วิธีคิดแบบนี้) อนุรักษ์อะไรไว้ก็ทำให้เห็นผลมากมาย เพราะนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมของโลก ต่างก็อยากมาเห็นหอไอเฟล ทำเงินเข้าประเทศมหาศาล จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:53:26

ความคิดเห็นที่ 48 ไปต่อ ปารีส วันที่สอง รีวิวที่ 4  เที่ยวปารีสหลักสูตรเร่งรัด (เต็มไปด้วยเนื้อหาที่พาลจะไม่อยากไปปารีส หรือ อาจจะอยากไปเห็นด้วยตา หลายอารมณ์ค่ะ) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12949413/E12949413.html จากคุณ : Sophisticated เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 03:06:24

ความคิดเห็นที่ 49 อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เดินเที่ยวถึงหัวถนนบ้านเราเลยนา แต่อยากบอกว่าแซนวิชเวียตนามให้อร่อยต้องไปร้านเก่าแก่ชื่อดัง จะอยู่ตึกห้องหัวมุมทางเข้าตัง-แฟใหญ่(สาขา๑) บางช่วงเวลาต้องรอคิวยาวเลยละคะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 19:24:06

ความคิดเห็นที่ 50 รบกวนขอเพิ่มเติมนะคะ ,, อิ-บิส สาขาตามรูปในคห.๔๖ สถานนีเมโทรที่ใกล้คือ Place d'Italie คะ ซึ่งมีเมโทรสามสายคือ ๕ , ๖ และ ๗ คะ ทางออกที่เดินใกล้สุดคือทางออกที่ ๑ หรือ ๒ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 19:30:30

ความคิดเห็นที่ 51 แต่หากต้องการแวะทานอาหารหรือซื้ออาหารที่ ตัง-แฟ ก่อนกลับที่พักแนะนำให้ดินออกทางออกที่ ๓ คะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 19:32:33

ความคิดเห็นที่ 52 ส่วนหากท่านใดต้องการทานอาหารไทย แนะนำ ,, ไทยเวียง สาขา ๑ เก่าแก่และรสชาติแน่นอนคะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 19:34:46