ความคิดเห็นที่ 1 มาลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวดึกๆมาใหม่ครับผม   จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:54:40

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่น ขอกางแผนที่ดาวเทียม ให้ดูอีกที กับบริเวณเขาตังกวน สงขลา ครับ แสดงทิศทางการขึ้นลงด้วยลูกศรสีแดง และเส้นทางเดินเท้าบนถนนด้านเหนือของเขาตังกวนระยะทางรวมประมาณ 1 กิโลเมตร(เท่านั้น)  จะเห็นตำแหน่งของสถานที่ต่างๆบนเขาตังกวน และแสดงพื้นที่โดยรอบบนยอดเขาตังกวนที่สร้างเป็นพื้นคอนกรีตด้วยเส้นสีฟ้า ดูคล้ายกับเรือ ที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:56:21

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับ คุณน้า Low Batt : โอ..รวดเร็วอะไรเช่นนี้ เพียง 6 นาทีก็ปาดเข้ามาชมพร้อมให้กิฟท์ในทันที ขอบคุณครับ กว่าจะค่ำคงได้ชมศาลาพระวิหารแดงแล้วนะครับ ต่อจากตอนที่แล้ว ผมจะพาท่านชมวิวเมืองสงขลาจากระเบียงด้านใต้ ส่วนท้าย(เรือ)ยอดเขาตังกวน ก่อนนะครับ เดี๋ยวถึงจะพาลงไปชมห้องโถงลับ ใต้แท่นหลวงพ่อทวดกัน ภาพบน : เริ่มจากทางด้านซ้ายมือก่อน (วนขวา ดีกว่า วนซ้าย..อิอิ) เป็นทิศตะวันออก ฝั่งทะเลอ่าวไทย โอ้โฮ...มีคนถ่ายภาพกันพอสมควร ทั้งๆ ที่แดดจ้ามากๆ ในตอนนั้น (รวมทั้งตากล้องสาวด้วย ช่างกล้าจริงๆ..) ภาพล่าง : เพียงครู่เดียว วิวก็ว่าง เลยได้เข้ามาถ่ายภาพเพียงคนเดียว มุมนี้สวยจริงๆ สวยตรงที่เก้าอี้ชมวิวนี่แหละ..(ฮา)  ดูคลาสสิคมากๆ  แต่แดดจ้าๆ แบบนี้คงไม่มีใครมานั่นชมหรอก  ต้องตอนเย็นๆ หรือวันไหนฟ้าครึ้มๆ สดชื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:03:58

ความคิดเห็นที่ 4 นี่แหละครับ คือวิวเมืองสงขลาจากหัวมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ตำแหน่งก็คือ"ระเบียงชมวิวเมือง" ในแผนที่ คห.2) ผมลองค้นหาจากแผนที่ว่า จุดไหนเป็นสถานที่อะไร ก็ได้เท่าที่แสดงให้ดู  (ถ้าเป็นคนพื้นที่คงได้ทราบมากกว่านี้แน่นอ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:06:19

ความคิดเห็นที่ 5 ลองมองมาทางทิศตะวันตก ด้านติดกับทะเลสาบสงขลาบ้าง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:07:48

ความคิดเห็นที่ 6 ลองมองไปทางทิศตะวันก ด้านติดกับทะเลอ่าวไทยล้วนๆ บ้าง ริมฝั่งทะเลด้านนี้ก็คือหาดชลาทัศน์ แต่มองไม่เห็นตัวหาด เพราะต้นไม้และตึกบังหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:09:56

ความคิดเห็นที่ 7 หันไปทางซ้าย ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(นิดๆ) กันเลย จะเห็นไปถึงเกาะหนู คล้ายกับที่อาคารชมทะเลด้านเหนือเลยครับ และในภาพนี้จะมองเห็นบันไดลงไปยังห้องโถงใต้แทนหลวงปู่ทวดข้างล่างด้วย ซึ่งสักครู่ผมจะพาเพื่อนๆ ลงไปทางนี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 15:12:29 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:11:44

ความคิดเห็นที่ 8 เอ้า...ไหนๆ ก็แล้ว ขอบันทึกภาพแบบพานอรามา เกือบ 180 องศา(เป็นพานอฯ 2 ภาพนำมาต่อกัน) เลย เต็มตาดีครับ จากภาพจะเห็นทะเลทั้งสองด้านที่ขนาบเมืองสงขลาอยู่ สมดังนามว่า "สงขลา เมืองสองทะเล" แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 15:15:18 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:14:14

ความคิดเห็นที่ 9 มารอชมอันซีน จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:17:10

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณ CK-ONliNE : ด้วยความยินดีครับ Unseen นี้ มี 2 จุด  จุดแรก ห้องโถงใต้แท่นหลวงปู่ทวดนี้ บางท่านอาจเคยไปชมมาแล้ว แต่ในเว็บหาข้อมูลนี้ไม่เจอ  กับ เส้นทางเดินลงเขา นี้อาจพอหาดูได้จากในเว็บ แต่นับวันจะไม่มีคนได้เห็น จนอาจถูกปล่อยร้างในอนาคตได้ ครับ มาต่อกันครับ  ผมเดินทางยังระเบียงด้านใต้ ท้ายสุด บริเวณหน้าแท่นบูชาหลวงปู่ทวด ครับ  บอกตรงๆ ว่า น่านั่งจริงๆ ถ้าแดดร่ม  แต่ในวิกฤตก็มีโอกาส ก็คือถ้าหากแดดร่ม ลมเย็น ผมงคงไม่ได้ภาพโล่งๆ แบบนี้มาให้เพื่อนๆแน่ เพราะคงมีแต่หัวคน..เอ๊ย..หลังคนกันเต็มไปหมดนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:31:01

ความคิดเห็นที่ 11 วิวสวยจังเลยครับ จากคุณ : kungpack เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:33:21

ความคิดเห็นที่ 12 ตรงจุดนี้ ผมหันกลับไปทางซ้ายมือระเบียงด้านทิศตะวันออกที่เพิ่งผ่านมา อยากเน้นให้ดูหัวมุมระเบียงที่ย่อมุมเข้ามา(ยึกยัก) ดูสวยมาก..อิอิ  นี่ขนาดไม่ได้พูดถึงฉากทะเลด้านหลังที่มีชายคนหนึ่งกำลังชะโงกดูวิวข้างล่าง นับเป็นความบังเอิญจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:34:04

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีครับ คุณkungpack : เช่นกันครับ ผมก็คิดเช่นนั้น ว่าวิวทางด้านเหนือ(ในตอนที่แล้ว) ก็ดูสวย วิวทางนี้ยิ่งสวยกว่า แถมยังมีเมืองสงขลาให้ดูด้วย คุ้มค่าจริงๆครับ มาชมวิวกันต่อ ทางด้านขวามือ ทิศตะวันตกฝั่งทะเลสาบบ้าง จะมองเห็นเกาะยอ และสะพานติณสูลานนท์ช่วงใต้อยู่ลิบๆ ครับ  วิวนี้ผมคิดว่าพอจะเทียบได้กับที่ต่างประเทศในทางยุโรปบางแห่งเลย..(ว่าเข้านั่น....) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:38:51

ความคิดเห็นที่ 14 ลองขยายภาพให้ดู บริเวณทะเลสาบตอนต้น ก่อนถึงสะพานติณสูลานนท์ช่วงใต้ครับ  จะเห็นว่า เมืองสงขลานั้นน่าอยู่ และน่าเที่ยวเช่นไร   น่าเสียดายที่ผมมีเวลาเพียงแค่วันเดียวที่นี่ ไม่งั้นคงได้เดินเที่ยวเมืองเก่าเขาบ้างละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:41:56

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนไปจากวิวเมืองสงขลา ขอซูมภาพบริเวณสถานีรถไฟเก่า กับกำแพงเมืองที่ผมไปจอดรถตรงปากซอยทรัพย์สินฯ อีกครั้ง บริเวณทางเข้าสถานีรถไฟเก่า มีจุดสังเกตุง่ายๆ คือสะพานลอยคนข้าม ที่คาดว่าจะมีเพียงแห่งเดียวในเมือง  และถัดมาเป็นสี่แยกใหญ่ ที่เคยมีหอนาฬิกาอยู่ด้วย (ตรงจุดที่มีซุ้มประตูเมืองจำลอง ของถนนคนเดิน  "สงขลาแต่แรก")  แต่น่าเสียดายที่มองไม่เห็นหลังคาอาคารสถานีรถไฟเพราะตึกบังไว้หมด  จะพอสังเกตุได้ก็เพียงหลังคาเต้นท์ของตลาดนัดเท่านั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:47:44

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพซ้าย : หันหลังมาสักการะหลวงปู่ทวดกัน จะสังเกตุเห็นหน้าต่างตรงฐานพระข้างล่างด้วย   ภาพขวา : ลองถ่ายมุมเอียงเพื่อจะได้เห็นยอดพระธาตุเจดีย์หลวงข้างหลังด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:49:52

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพซ้าย : ลองใช้กล้องซูมองค์พระหลวงปู่ทวด ซึ่งจะเห็นยอดพระธาตุเจดีย์หลวงมาอยู่ใกล้มากขึ้น ดูๆ แล้วเหมือนกับว่าองค์พระมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก ภาพขวา : เปลี่ยนมุมถ่ายภาพไปทางซ้าย  เพื่อให้ยอดพระธาตุเจดีย์หลวงอยู่ด้านซ้ายมือ  และเนื่องจากองค์พระสีดำมองไม่เห็นรายละเอียด จึงขอใช้โปรแกรมโฟโต้ช็อปปรับแสดงองค์พระด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:53:35

ความคิดเห็นที่ 18 ไหว้พระเสร็จก็เดินวนขวามายังด้านหลังองค์พระ ทางระเบียงด้านทิศตะวันตก จะมองเห็นบันไดทางลงไปยังข้างล่างด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:55:31

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนไปจากระเบียงชมวิว ขอหันกลับไปถ่ายภาพระเบียงด้านทิศตะวันตกอีกที  ระเบียงด้านนี้จะมองไม่เห็นวิวเพราะมีต้นไม้ขึ้นบังหมด (ดังแสดงในรูปคห.13 ทางขวาสุด)   ถึงว่าซีครับ ตรงระเบียงจึงไม่มีเก้าอี้ชมวิวให้นั่ง แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 15:58:44 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:57:54

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้ผมวนมายืนอยู่หลัง หลวงปู่ทวดแล้วครับ หันไปมององค์พระธาตุเจดีย์หลวง ซึ่งจะเห็นว่า  แม้พื้นจะต่างระดับหลายชั้น แต่ก็มีทางลาดให้กับรถเข็นคนพิการมาถึงระเบียงชมวิวด้านใต้นี้ได้เลย (ต้องลัดเลาะมาทางด้านระเบียงทิศตะวันออก ด้านทะเล ในภาพก็คือทางขวามือครับ) ส่วนทางลงไปยังห้องโถงใต้แท่นหลวงปู่ทวดนั้น มี 2 ด้านตามลูกศรหัวมุมภาพครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:02:32

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพซ้าย : นี่เป็นบันไดทางลงไปยังห้องโถงข้างล่างฝั่งทิศตะวันออก  น่าเสียดายที่ลืมถ่ายช่องทางลงมาให้ดูกันชัดๆ เพราะดูออกจะลับตากันสักหน่อยถ้าไม่สังเกตุ  จากภาพจะเห็นระเบียงชมวิวอยู่ข้างบน (ผมเคยไปยืนบนนั้นแล้วถ่ายลงไปเห็นบันไดนี้ ตามภาพคห.7) พื้นที่เห็นก็คือจุดพักบันได ที่เชื่อมบันได 2 ช่วงให้ไม่ตรงกัน ลดอันตรายจากการตกบันไดได้ ภาพขวา : เดินผ่านจุดพักบันไดมาแล้ว จะเห็นบันไดทางลงไปยังชั้นล่างทอดยาวต่อเนื่องลงไป ตรงนี้เริ่มรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในปราสาทหิน(ทราย)เก่าแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:09:18

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพซ้าย : ตรงนี้ทางขวามือเป็นทางเข้าห้องโถง จะเห็นระเบียงชมวิวด้านหน้าหลวงปู่ทวดที่เพิ่งไปมา อยู่ข้างบน  ตอนนี้ผมจะยังไม่แวะ มีอีกชั้นอยู่ข้างล่าง ขอเดินลงไปสำรวจก่อน ภาพขวา : ลงไปอีกหน่อย ตรงจุดพักบันไดอีกแห่ง แล้วแหงนหน้าขึ้นมามองข้างบน จะเห็นระเบียงหัวมุม ที่ย่อมุม (ภาพในคห.12)  มีคนกำลังถ่ายภาพอยู่ข้างบน  นับว่าอลังการคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้างล่างจะสถานที่แบบนี้ด้วย ตอนที่อยู่ข้างบนผมก็ไม่ทราบ ถ้าไม่เป็นคนขี้สงสัย และลองถ่ายภาพในช่องหน้าต่างกระจกใต้ฐานพระหลวงปู่ทวดก็คงไม่คิดจะลงมาสำรวจด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:14:36

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพซ้าย : ตอนนี้ผมลงมาอยู่ชั้นล่างสุดของอาคารลับใต้ฐานหลวงปู่ทวดแล้ว ตรงกลางเป็นประตูเล็กๆ 2 บาทเหมือนห้องน้ำอยู่คู่กัน ภาพกลาง : ถัดมาเป็นช่องโล่งๆ เข้าไปอย่างใน โดยมีประตูอยู่ด้านข้าง ภาพขวา : ถัดมายังบันไดที่ผมเพิ่งเดินลงมา จะเห็นจุดพักบันไดที่หักเลี้ยว 90 องศาอยู่ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:17:28

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพซ้าย : มองกลับไปข้างหน้า  ทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับประตูเล็กคู่นั้น ก็คือระเบียงชมวิว ที่มีแต่ต้นไม้รกทึบเหมือนป่าดงดิบเลย ภาพกลาง : ข้างหน้าผมก็คือบันไดขึ้นไปอีกฝั่ง ภาพขวา : ขวามือก็คือช่องโล่งเหมือนกับ ฝั่งบันไดที่ลงมาครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:19:30

ความคิดเห็นที่ 25 ภาพซ้าย : ชั้นล่างไม่มีอะไรให้น่าดู วนกลับขึ้นมาอีกฝั่ง จะเห็นช่องทางเล็กๆ เลี้ยวขวาเขาไปยังชั้นสอง ภาพขวา : หันมาดูทางขวามือ จะเห็นระเบียงชั้นบน ที่มีเสาตรงกับประตูชั้นล่างพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:22:38

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพซ้าย  : ลองเข้ามาดูชั้นสองกัน จะมีประตูกระจกขนาดใหญ่อยู่หลังเสา 3 ต้นขนาดใหญ่ ดูอลังการคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าพื้นที่แคบๆ นี้จะสร้างอาคารได้ใหญ่ ซ่อนไว้ลับตาจริงๆ ภาพขวา : มองไปยังระเบียงด้านขวามือ ทิศใต้ ซึ่งเป็นวิวเมืองสงขลา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:25:17

ความคิดเห็นที่ 27 ลองเดินไปชมวิวเมืองสงขลาจากระเบียงชั้นสองนี้กัน พบว่ามีต้นไม้ขึ้นบดบังวิวไปกว่าครึ่ง สู้ระเบียงข้างบน(ด้านหน้าหลวงปู่ทวด) ที่เห็นมาไม่ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:27:07

ความคิดเห็นที่ 28 ลองถ่ายภาพประตูกระจกขนาดใหญ่ด้านหน้า 2 ช่อง สังเกตุเห็นคราบเชื้อราและฝุ่นติดที่ผนังและพื้น ทำให้ดูเหมือนเพิ่งผ่านน้ำท่วมใหญ่ ปีที่แล้วมาเลยครับ   เฮ้อ...เหลือบเห็นใครก็ไม่รู้ ยืนถ่ายภาพอยู่ในกระจก พุงป่องดูน่าอนาจจัง....ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:29:55

ความคิดเห็นที่ 29 ประตูกระจกขนาดใหญ่ 2 บานถูกล๊อค ผมเลยเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นมีประตูใหญ่อีกชั้นแบบพับ ซึ่งด้านซ้ายเปิดอยู่ มองเข้าไปข้างในสุดทางจะเห็นช่องหน้าต่างระบายอากาศอยู่ข้างบน ที่ผมมองลงมาจากข้างบนอยู่ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:33:21

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพซ้าย : สำรวจห้องโถงลับใต้ฐานพระหลวงปู่ทวดแล้ว ก็ขึ้นมา เพราะไม่ค่อยมีเวลานัก มองเห็นบันไดช่วงบนที่หักโค้งลับตา ดูลึกลับดี ภาพขวา : หันมองกลับลงไปยังข้างล่างอีกที (คล้ายกับ ภาพขวาในคห.21 ที่เป็นคนละฝั่งกัน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:35:50

ความคิดเห็นที่ 31 มองทางทางขวา (ราวบันได) จะเห็นเสาอากาศวิทยุสูงมาก (ต้องใช้ 2 ภาพมาต่อกัน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:36:57

ความคิดเห็นที่ 32 ตามมาเที่ยวต่อค่ะ จากคุณ : ฟ้ามีตะวัน (ฟ้ามีตะวัน) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:38:58

ความคิดเห็นที่ 33 ว้าอดเข้าห้องแห่งความลับเลย จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:47:46

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีครับ คุณ ฟ้ามีตะวัน : ด้วยความยินดีครับกำลังมันส์เลยครับ คุณ CK-ONliNE : ถ้าเข้าได้ก็ไม่ใช่ห้องแห่งความลับนะซี....ฮา    แต่ถ้าดูจากภาพในคห.29 และภาพในกระทู้ที่แล้วที่มองลงมาจากหน้าต่างเพดานข้างบน ก็เป็นห้องโล่งๆ  แต่.............. ผมเพิ่งเห็นว่า มีห้องอยู่ทางซ้ายมือ (ทิศตะวันออก) อยู่ด้วย  ในขณะที่ทางขวามือ (ทิศตะวันตก) มีแต่ผนัง  อ้าว... มีห้องลับจริงๆ ด้วย นึกว่ามีแค่เท่าที่เห็นผ่านประตูกระจกข้างล่าง ลองสังเกตุการย่อมุมของอาคาร (ภาพล่างซ้าย และขวา) ทั้งสองด้าน พบว่า มีหน้าต่างเล็กๆ อยู่ แสดงว่ามีห้องอยู่ทั้งสองด้านของอาคาร ห้องทิศตะวันออกไม่น่าสงสัย แต่ห้องทิศตะวันตก ไม่มีทางเข้า ซ่อนอยู่หลังกำแพง!  น่าสนใจ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:25:58

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนทางเข้า น่าจะมาจากชั้นล่างสุดตรงช่องเข้าไปทั้งสองด้านในภาพคห.23 และ 24 ซึ่งขอนำมาแสดงให้ดูอีกที จะได้ไม่งง  คิดว่าถ้าเปิดประตูเข้าไปน่าจะเป็นบันไดขึ้นมาชั้นบนเลย (ต้องคาดการณ์เอา เพราะไม่สามารถเปิดประตูบานใดๆ ได้)  ใครที่เคยเข้าไปใช้บริการอาคารแห่งนี้ ก็แวะเข้ามาเพิ่มเติมได้นะครับ ดูจากสภาพแล้วน่าจะเปิดใช้มานานพอสมควร  อาจพร้อมๆ กับการสร้างลิฟท์ในปี พ.ศ.2546 ด้วยซ้ำไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:39:57

ความคิดเห็นที่ 36 สำรวจบนยอดเขาตังกวนพอแล้ว รีบไปสำรวจศาลาพระวิหารแดงกันต่อดีกว่าครับ   ศาลาพระวิหารแดงนี้จะอยู่ต่ำกว่ายอดเขาตังกวนไปทางทิศตะวันตก ซึ่งอยู่ระหว่างทางลง(ขึ้น)เขา ด้วยเท้านั่นเอง ภาพซ้าย : แสดงให้เห็นจุดทางลงไปยังศาลาพระวิหารแดง จากบริเวณกรงจุดประทัดและเผากระดาษ ซึ่งผมเดินผ่านในตอนที่แล้ว ภาพขวา : เมื่อเดินไปยังจุดนั้น มองลงไปข้างล่างเป็นบันไดเล็กสูงชัด สภาพเก่าพอสมควร สังเกตุเห็นป้ายบอกทางลงไปยัง "พลับพลาวิหารแดง" ด้วย น่าแปลกที่ใช้ชื่อแตกต่างกันไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:46:50

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพซ้าย : ผมเดินลงมาได้ประมาณกลางๆ บันไดก็เริ่มมองเห็นศาลาพระวิหารชัดขึ้นมาจากแนวต้นไม้ที่บังอยู่ ภาพขวา : หันหลังกลับไปดูยอดบันได ช่วงนี้ไม่มีร่มไม้แดดเปรี้ยงเลย แถมขั้นบันไดก็เดินยากพอควร เพราะไม่เรียบเป็นตะปุ่มตะปั่ม ขาผมก็เจ็บแปร๊บๆ ทุกก้าวเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:49:39

ความคิดเห็นที่ 38 ภาพซ้าย : ใกล้เข้ามาแล้วครับ ศาลาพระวิหารแดง แบบค่อยๆ...ลุ้นกัน ภาพขวา : เกือบจะถึงเชิงบันไดแล้วครับ งามจริงๆศาลาพระวิหารแดง สีแดงสด คงเพิ่งทาสีปรับปรุงไม่นานนะครับ  สังเกตุตรงเชิงบันไดมีรั้วขวางอยู่ บันไดไม่ได้พุ่งตรงไปยังพื้นข้างล่างเลยทันที ต้องเลี้ยวขวาอีกที จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:52:31

ความคิดเห็นที่ 39 ถึงแล้วคร๊าบ ศาลาพระวิหารแดง มองจากบันไดที่สูงไม่กี่ขั้น เป็นภาพมุมสูงที่ต้องหาจุดถ่ายภาพได้เต็มๆ กันหน่อย ก้มลงมองข้างล่าง ขั้นบันไดเลยจากหัวนาคไป ยังไม่ถึงพื้นล่าง ต้องมีบันไดเอียงๆโค้งไปทางขวามืออีกหลายขั้น  น่าแปลกเหมือนกันที่ทำไมไม่สร้างให้ลงไปตรงๆเลย แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 18:57:40 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:56:40

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพซ้าย : พ้นแนวต้นไม้มองไปทางซ้ายมีศาลาเล็กๆ อยู่นอกรั้วตรงหัวมุมรั้วพอดี ทางเดินไปมีแต่ใบไม้ขึ้นเต็ม ผมไม่มีเวลาไปสำรวจข้างใน ภาพขวา : มองไปทางขวา คือทางลงจากบันไดนี้ เบี่ยงไปทางขวาเล็กน้อย มีทางเดินเลียบกำแพงไปทางขวาด้วย  จุดสังเกตุพื้นที่ด้านนี้คือตอไม้ขนาดใหญ่กลางลาน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:01:31

ความคิดเห็นที่ 41 ลงมาที่พื้นล่าง หันหลังกลับไปดูเชิงบันไดอีกที จะพบว่ามีบันไดสร้างใหม่อยู่ด้านซ้ายมือ คงเป็นบันไดที่ลงมาจากยอดเขาตังกวนทางด้านห้องสุขานั่นเองดูแล้วน่าจะเดินสบายกว่าทางที่ผมลงมา   ส่วนบันไดที่ผมลงมานั้นถูกสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2440 (มีอายุ 115 ปี) ที่เชิงบันไดมีหัวนาคอยู่สองข้าง  ดูๆแล้วสูงชันและไกลไม่เบา ถ้าตกลงมาก็อาจไม่รอดได้เหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:06:36

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพขวา: ถอยห่างออกมาจากบันไดอีกหน่อย จะเห็นขั้นบันไดเอียงก่อนถึงหัวนาคชัดเจน โดยมีบันไดใหม่ลัดขึ้นไปบนเขาซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ (มองไม่เห็นจากมุมนี้)  แต่ที่น่าประหลาดจากในภาพคือ แท่งประหลาดโผล่มาในป่าข้างราวบันไดด้านซ้ายมือ ผมคิดว่าเป็นเสาไฟฟ้าเก่า แต่ดูไม่ชัดมัวๆ เหมือนแสงสะท้อนจากที่อื่น  ใครเคยมาทางนี้ และได้สังเกตุดู ก็ช่วยมาเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ ภาพซ้าย : มองไปทางเดินริมรั้วจะไปสุดที่ ศาลาพระพุทธรูป ตรงหัวมุมรั้วพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:13:08

ความคิดเห็นที่ 43 หันกลับมาเดินต่อ ภาพข้างหน้าของผมคือ ศาลาพระวิหารแดง อันอลังการ นี่ขนาดด้านหลังนะครับ  มีช่องประตูเดินผ่านทะลุตรงไปยังด้านหน้าได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:52:31

ความคิดเห็นที่ 44 ผมเข้ามาในศาลาพระวิหารแดงแล้วครับ งดงามจริงๆ มองไปข้างนอกแสงสว่างจ้ามาก ลองปรับกล้องให้วัดแสงข้างนอก ทำให้ข้างในศาลาดูมืดมิดประดุจอุโมงค์เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:54:40

ความคิดเห็นที่ 45 มองไปทางซ้ายและขวา จะพบว่ามีระเบียงคู่ขนานไปทั้งสองด้าน ดูๆ แล้วก็รู้สึกเหมือนสถานรถไฟเก่าคลาสสิคที่เคยเห็นมาในที่ต่างๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:56:36

ความคิดเห็นที่ 46 ภาพบน : แหงนดูเพดานข้างบน เป็นไม้ยาวปูสลับกันตามแนวหน้าหลังศาลา แม้ดูว่าจะทาสีมาไม่นานนัก แต่ก็มีผุหลายจุด  สังเกตุดีๆ จะเห็นช่องเล็กๆ ที่คาดว่าใช้สำหรับเข้าไปซ่อมบำรุงหลังคา ภาพล่าง : หันหลังกลับมาดูเพดานทางด้านหลังบ้าง (สังเกตุว่ามีช่องระบายอากาศ 3 ช่องใหญ่ๆ) มีรอยผุเป็นช่องยาวอยู่หนึ่งจุด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:01:40

ความคิดเห็นที่ 47 จากผนังด้านหลัง ก้มลงมาหน่อย จะเห็นซุ้มประตูด้านหลัง ที่มองทะลุออกไปข้างนอก ตรงกับเชิงบันไดนาคพอดี แม้จะไม่อยู่ในแนวบันไดก็ตาม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:03:43

ความคิดเห็นที่ 48 ลองเดินเข้ามาดูตามแนวระเบียงทางด้านเหนือ (ศาลาหันหน้าไปทางทิศตะวันตก) บ้าง ภาพซ้าย : หันหน้าไปทางด้านหลังศาลา (สังเกตุตอไม้กลางลานข้างนอก) เหลือบเห็นช่องบนเพดานไม่มีฝาปิดด้วย ภาพกลาง : หันมาทางด้านหน้าศาลาบ้าง จะเห็นว่ามีการแบ่งเป็นอีกส่วนหนึ่ง (ผ่านซุ้มโค้งระหว่างเสา) ภาพขวา : ลองเดินมาตรงส่วนหน้าของศาลา แล้วหันไปทางขวามือ (ทางเดินกลาง)  จะเห็นเพดานส่วนหน้าแยกจากส่วนหลังที่ผมแหงนดูในคห.46 (เป็นเหตุผลที่ ภาพบนในคห.46 ไม่มีช่องระบายอากาศ ระหว่างส่วนหน้ากับส่วนหลังของศาลา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:09:45

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพซ้าย : เดินออกมาทางด้านหน้าศาลาพระวิหารแดง  โอ...วิวกว้างเลย ดูจากภาพนี้ตอนแรกอาจคิดว่าทางเดินสิ้นสุดแค่นี้  แต่ไม่ใช่...เป็นทางลงไปยังข้างล่างได้เลย ภาพขวา : หันหลังกลับมาถ่ายภาพตัวเองกับด้านหน้าศาลาพระวิหารแดงสักภาพ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:12:07

ความคิดเห็นที่ 50 ถอยห่างออกมาเก็บภาพด้านหน้าศาลาพระวิหารแดงแบบเต็มๆ  ลองเปรียบเทียบกับด้านหลังในภาพคห.43 จะเห็นว่าทางระเบียงด้านหน้าทำเป็นมุขยื่นออกมาเล็กน้อย บนหน้าจั่วมีการปั้นสัญญลักษณ์ พระวลัญจกร รัชกาลที่ 4 ด้วย  แต่ปูนสีขาวข้างล่างดูดำมากไปหน่อย คงมีความชื้นจนเกิดเชื้อรามากนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:16:36

ความคิดเห็นที่ 51 ลองถ่ายภาพเน้นเฉพาะประติมากรรมปูนปั้น หน้าจั่วด้านหน้าศาลาพระวิหารแดง ว่ามีอะไรบ้าง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:18:20

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย ด้านหน้าศาลา จะมีป้ายข้อมูลอยู่ 2 อัน เป็นของเก่ากับของใหม่ ภาพขวา : มองไปทางขวาบ้าง มีแท่นคอนกรีตคล้ายแคร่ที่นั่งอยู่ 1 อันใต้ตอไม้ ที่ดูแล้วคงจะล้มเพราะลมพายุ เขาจึงตัดออก (เคยเห็นภาพในเน็ต ที่ถ่ายไม่กี่ปีนี้ ยังคงเห็นต้นไม้ต้นนี้อยู่)  ตรงปลายรั้วข้างนอกจะเห็นศาลาเล็กๆ ที่ผมไม่ได้เข้าไปดู อยู่ด้วย (เลยไม่ทราบว่าข้างในมีอะไรอยู่ ต่างจากอีกด้าน จะเห็นมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ข้างใน) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 20:23:15 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 20:22:32 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:21:33

ความคิดเห็นที่ 53 เข้าไปถ่ายป้ายข้อมูล ทั้งเก่าและใหม่มาเปรียบเทียบให้ดูกัน ป้ายใหม่นี้มีข้อมูลตรงกับป้ายตรงหน้าสถานีลิฟท์ล่าง  ส่วนป้ายเก่านี้ตัวอักษรเลือนอ่านยากมากๆ จนดูคล้ายอักษรขอม  ผมลองแกะข้อความดู พบว่าเนื้อหาไม่เหมือนกับป้ายใหม่   ทั้งๆ ที่ป้ายทั้งสองเป็นของ กรมศิลปากร จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:26:03

ความคิดเห็นที่ 54 ชักน่าสนกับ การแกะข้อมูลของป้ายเก่า เลยพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากในเน็ตมาประกอบ จนได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาตามที่แสดงในภาพข้างล่างนี้ครับ  ใครเคยเห็นภาพป้ายนี้ตอนที่ยังอ่านได้ชัดเจน หรือผมเดาผิดตรงไหนก็เข้ามาเพิ่มเติมกันได้นะครับ วันนี้ขอพักกระทู้ตอนนี้ไว้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อกันในเส้นทางเดินลงที่สุดอลังการ คาดไม่ถึง กับบรรยากาศเงียบเหงา เหมาะกับการมาเดินสมาธิ หรือหาความสงบครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:29:19

ความคิดเห็นที่ 55 โห ละเอียดมากเลยครับคุณมิราชช ขอกดเก็บเข้าคลังกระทู้ให้เลยครับผม จากคุณ : โต้งซัง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 20:57:12

ความคิดเห็นที่ 56 มาเก็บข้อมูลด้วยคนครับละเอียดมาก จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 08:06:45

ความคิดเห็นที่ 57 สวัสดีครับ คุณโต้งซัง และ คุณ Destiny-Boy : ด้วยความยินดีครับ วันนี้งานยุ่งกว่าจะมาต่อกระทู้ก็เย็นแล้ว กลัวจะไม่จบตอนอยู่เหมือนกัน ลุยต่อกันเลยนะครับ   ตอนนี้ได้เวลาลงเขากันแล้วนะครับ ถ้าดูในแผนที่ คห.2 บันไดลงจะเฉียงลงไปทางใต้เล็กน้อย ภาพซ้าย : ไปยืนตรงหัวบันได ตรงสุดทางเดินในภาพซ้าย คห.49 ก็จะเห็นวิวกว้าง ของปากน้ำทะเลสาบสงขลา โดยมีเขาแดงเป็นฉากหลังให้ แต่บังเอิญผมสนใจบันไดที่ลงก็เลยถ่ายภาพในมุมต่ำแทน ซึ่งจะเห็นอ่างน้ำริมทางเดิน ต่างระดับลดหลั่นกันในแต่ละจุดพักของขั้นบันไดเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง ภาพขวา : เดินผ่านจุดพักบันไดช่วงแรกที่ตรงแนวกับ ทางเดินศาลาพระวิหารแดง มาเลี้ยวซ้ายเล็กน้อย  น่าแปลกอีกเช่นกันว่าทำไมไม่ทำให้เป็นแนวตรงจาก ด้านหน้าศาลาลงมาทีเดียว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:45:21

ความคิดเห็นที่ 58 หันหน้าเดินลงต่อไป ตอนนี้อยู่ท่ามกลางอ่างน้ำต่างระดับริมบันได ทั้งวิวและสถาปัตยกรรม ช่างอลังการอย่างคาดไม่ถึง  คนที่ขึ้นลงทางลิฟท์ ก็จะไม่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้แล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:47:25

ความคิดเห็นที่ 59 ลงมาเกือบสุดแนวอ่างเก็บน้ำต่างระดับแล้ว ข้างหน้าเป็นจุดพักบันไดที่ 2 จะสังเกตุเห็นหัวบันไดช่วงต่อไป ถูกวางเยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย  ข้อดีก็คือ ถ้าตกบันไดลงมาก็จะไม่กลิ้งต่อไปยังบันไดช่วงที่ 3 ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:50:11

ความคิดเห็นที่ 60 หันหลังกลับไปดูบันไดช่วงที่ 2 ที่มีอ่างน้ำต่างระดับริมทางอีกที อู้ฮู...ดูอลังการจริงๆ เป็นมิติชั้นๆ ลึกเข้าไปสวยมาก คุ้มค่ากับการได้มาลงทางนี้มากครับ ซึ่งนับวันจะไม่ค่อยมีคนได้เห็นกัน (Unseen) เข้าไปทุกที จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:53:13

ความคิดเห็นที่ 61 ต่อไปเป็นบันไดช่วงที่ 3 วิวช่วงนี้ก็ยังงามไม่เบา ข้างล่างมีวัดแหลมทรายอยู่ ดูคล้ายกับอยู่ตรงเชิงบันได แต่ความจริงไม่ใช่ครับ เพราะวัดแหลมทรายตั้งอยู่คนละฟากถนนข้างล่างกับเชิงบันไดนี้ครับ  แถมไม่ตรงกันด้วย (เดี๋ยวลงไปข้างล่างก็จะมองไม่เห็นวัด เพราะเนินเขาบังอยู่) แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 17:57:49 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:58:23

ความคิดเห็นที่ 62 ภาพซ้าย : บันไดช่วงที่ 3 นี้ ระหว่างเดินลงมาสักพัก ก็เริ่มสังเกตุเห็นทางเดินลาดอยู่คู่ขนานกับบันไดทางขวามือ ภาพขวา : หันมองตามทางลาดไปข้างหลัง เส้นทางนี้หักเลี้ยวหายเข้าไปในป่า คงเป็นเส้นทางเก่าก่อนที่จะสร้างบันไดแห่งนี้ หรือไม่ก็เป็นเส้นทางลัดตรงขึ้นไปบนยอดเขาเลย เนื่องจากเป็นทางลาดจึงเหมาะสำหรับเข็นของขึ้นเขา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:01:39

ความคิดเห็นที่ 63 เดินลงมาได้สักพัก ก็หันหลังกลับไปดูบันไดข้างบนอีกที เส้นทางนี้ดูเปล่าเปลี่ยวมาก เหมาะสำหรับผู้รักสงบ และชอบการผจญภัย เหมือนทางขึ้นภูกระดึง  จะเห็นทางลาดคู่ขนาน ยาวขึ้นไปเกือบตลอดบันไดช่วงที่ 3 นี้   มาถึงตรงนี้ให้ระวังสะดุดเส้นลวดที่ขึงขวางขั้นบันไดอยู่นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:07:11

ความคิดเห็นที่ 64 ภาพซ้าย : ลงมาเกือบสุดบันไดช่วงที่สาม ทางลาดจะเลี้ยวเข้ามาตัดกับบันไดตรงจุดพักเล็กๆ พอดี แล้วเลี้ยวซ้ายหายเข้าไปในป่า  คาดว่าคงจะลงไปยังพื้นดินข้างล่างทางทิศใต้ ที่ถนนชายเขา ตามภาพถ่ายดาวเทียมในคห. 2 ภาพขวา : หันหลังไปดูทางขวาบ้าง จะเห็นทางลาดที่เลี้ยวเข้ามาตัดกับบันไดช่วงที่  3 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:10:01

ความคิดเห็นที่ 65 ภาพซ้าย : ตอนนี้ลงมาสุดบันไดช่วงที่ 3 แล้ว เป็นลานกว้างที่พักบันได สังเกตุเห็นบันไดช่วงต่อไป (ช่วงสุดท้าย) อยู่ทางขวามือ คือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีป้ายหินอ่อนอยู่ด้วย ภาพขวา : ลองเข้าไปดูป้ายหินอ่อนใกล้ๆ พบว่าเป็นรายชื่อผู้บริจาคสร้างบันไดแห่งนี้ (แต่เดิมเป็นทางลาดอย่างที่เห็น) น่าเสียดายที่ตัวอักษรสีทองได้เลือนหายไปมาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:15:55

ความคิดเห็นที่ 66 หันหลังไปมองบันไดช่วงที่ 3 ที่เพิ่งลงมา เป็นบันไดที่นับว่ายาวที่สุด จนคิดไปว่า ทางลิฟท์ดูไม่สูงและไกลขนาดนี้ (เพราะมีบันไดถึง 4 ช่วง รวมกับบันไดนาคช่วงศาลาพระวิหารแดงอีกช่วงด้วย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:18:11

ความคิดเห็นที่ 67 ลองพยายามถ่ายภาพลานกว้างเชิงบันไดช่วงที่ 3 นี้อีกครั้ง ว่าตำแหน่งหัวบันไดช่วงถัดไป  ป้ายหินอ่อน จะเป็นอย่างไร  ดูจากมุมเฉียงนี้ ทำให้บันไดช่วงที่ 3 นี้คล้ายกับน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นชั้นๆ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:20:22

ความคิดเห็นที่ 68 ต่อไปเป็นบันไดช่วงสุดท้าย ที่เป็นบันไดนาค ภาพซ้าย : ผมมายืนมองจากลานกว้าง จะมองเห็นราวจับบันได ตรงยอดบันไดช่วงนี้เป็นรูปหางนาคชี้ชึ้นมาสูงมาก  พอเห็นถนนข้างล่าง (ถนนราชดำเนิน) อยู่ตรงเชิงบันไดพอดี ดูเหมือนไม่ไกลมากด้วย ภาพขวา : ก่อนถึงหางนาค จะมีทางราบเล็กๆ 1 ช่วง  ตอนนี้ผมมาอยู่ตรงหางนาคแล้ว มองลงไปข้างล่าง แดดจ้ามากจริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:28:43

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพบน : หันหลังกลับไปดูลานพักบันไดกว้างๆ อีกที  นี่จะเป็นภาพที่คนเดินขึ้นเห็น (เนื่องจากผมไม่ได้ขึ้นทางนี้ จะไม่มีภาพมุมมองขาขึ้นถ้าไม่หันหลังไปเก็บภาพเป็นระยะๆ) ภาพล่าง : เดินผ่านหางนาคลงมาได้พักหนึ่งก็หันหลังไปถ่ายภาพ หางนาคปลายบันไดนาคมาดูอีกครั้ง จะเห็นว่าสร้างได้ไม่เท่ากันเป๊ะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:32:01

ความคิดเห็นที่ 70 ภาพซ้าย : หันหน้าเดินลงต่อไปเกือบจะถึงจุดพักบันไดกลางตัวนาคช่วงแรกแล้ว จะเห็นเศียรนาคชัดเจนขึ้น ภาพขวา : เดินต่อมาจนถึงจุดพักบันไดนาคช่วงแรก หันหลังกลับไปดูปลายบันได(หางนาค) อีกครั้ง  ยังพอเห็นป้ายหินอ่อนบนลานข้างบน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:34:32

ความคิดเห็นที่ 71 เริ่มเดินลงบันไดต่อไป เกือบถึงจุดพักบันไดช่วงสองของบันไดนาค (อันที่จริงก็คือช่วงแรก ถ้าเป็นการเดินขึ้น) ตรงนี้จะเห็นว่าเป็นทางโค้งพอดี  ถนนข้างล่าง(ถนนราชดำเนิน) มีขนาดใหญ่มาก แต่กลับเงียบไม่ค่อยมีรถวิ่ง แถมไม่มีรถสาธารณะให้เห็น งานนี้ผมคงต้องเดินเอง ยาวจนถึงสถานีลิฟท์เลยละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:37:41

ความคิดเห็นที่ 72 ภาพซ้าย : ตอนนี้ผมผ่านจุดพักบันไดช่วงที่ 2 มาแล้ว เหลือบันไดช่วงเล็กๆ ก่อนจะถึงเชิงบันไดที่มีเศียรนาคอยู่ข้างล่าง ดูตรงนี้จะเห็นว่ามี 7 เศียร หันหน้าไปเกือบจะขนานกับถนนราชดำเนินเลย ภาพขวา : หันหลังกลับไปมองตรงช่วงพักบันไดที่ 2 อีกที อู้ฮู...ดูราวบันไดที่เป็นตัวนาค นี้คล้ายกับกำลังเลื้อยเข้ามาโอบรัดเราข้างหลัง เขาปั้นได้เหมือนกับมีชีวิตจริงๆเลย ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:41:56

ความคิดเห็นที่ 73 ภาพซ้าย : มองลงไปข้างล่าง ทางซ้ายมือ ด้านทิศตะวันตก ถนนราชดำเนินที่ผ่านหน้าบันไดไปยังแพขนานยนต์จะตัดกับถนนแหลมทราย  ซึ่งทางซ้ายกลับเข้าเมืองสงขลา ทางขวาไปยังแหลมสนอ่อน ที่ผมจะพาไปชมในตอนถัดไป ภาพขวา : มองทางขวาไปไกลๆ ที่เป็นถนนราชดำเนิน ทางทิศเหนือ (เอียงมาทางทิศตะวันตกเล็กน้อย ซึ่งความจริงก็คือ ขนานกับถนนแหลมทรายที่มุ่งไปแหลมสนอ่อนนั่นแหละ) แล้วหักเลี้ยวขวาตรงไปยัง แหลมสมิหลา ซึ่งจะผ่านแยกทางไปสถานีลิฟท์ล่าง ในระยะทางรวมแล้วประมาณ 1 กิโลเมตรพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:46:56

ความคิดเห็นที่ 74 ผมลงมาถึงพื้นล่างแล้ว...เฮ้อ  แล้วหันหลังกลับไปถ่ายภาพพญานาคเชิงบันไดสวยๆ มาให้ดูกัน ทำให้นึกถึงบันไดนาคขึ้นดอยสุเทพเลย (ทั้งๆ ที่แตกต่างกัน เพราะเศียรพญานาคที่เชิงบันไดขึ้นดอยสุเทพทั้ง 7 นั้น ออกมาจากปากสัตว์ประเภทหนึ่งในนิยาย ที่เรียกว่า "มกร" จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:53:46

ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อคิดถึงบันไดนาคขึ้นดอยสุเทพ ก็ลองค้นหาในเน็ตมาดู จะเห็นปากตัวมกรอ้าออกมา แล้วมีพญานาคโผล่ออกมา 7 ตัว(ไม่ใช่แค่หัว แต่มีหน้าอก กับ คอด้วย นี่เป็นจุดที่แตกต่างกับบันไดนาคที่อื่นๆ เท่าที่เคยเห็นมา) ที่มาของภาพ : http://trang82.wordpress.com/tag/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4/ ลองค้นประวัติตัว มกร ดู จะพบว่าเป็นสัตว์ในจินตนาการ ในป่าหิมพานต์ เชิงเขาพระสุเมรุ เป็นสัตว์ที่ผสมระหว่าง จระเข้กับพญานาค มีลักษณะที่แตกต่างจากพญานาค คือมีเท้า และหน้าตาคล้ายจระเข้  ตัว มกร นี้มีชื่อโบราณว่า ตัวเหรา ที่พบเห็นได้จากงานประติมากรรม ซุ้มเรือนแก้ว (แผง) ตรงด้านหลังของพระพุทธรูป เช่น พระพุทธชินราช  ส่วนชื่อ มกร นี้มาเรียกในภายหลังโดยอาจสังเกตุว่าคล้ายกับ ตัวมังกรของจีน เลยคิดว่าเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน ส่วนที่มาของการคายนาค นั้นเป็นกุศโลบายในทางประวัติศาสตร์ถึงชาวโยนก ที่หลุดพ้นจากอำนาจของพม่า นั่นเอง ที่มา : http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3389.0 ความเห็นของคุณwerachaisubhong จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:16:52

ความคิดเห็นที่ 76 ใกล้กันเชิงบันได มีป้ายข้อมูลอยู่ใกล้ๆ ตัวอักษรเลือนไปมาก แต่ที่สะดุดตาก็คือ ชื่อหัวข้อเป็น "พลับพลาที่ประทับเขาตังกวน"  ต่างจากป้ายอื่นๆ ที่ใช้คำว่า "ศาลาพระวิหารแดง" ทั้งๆ ที่เป็นป้ายของ ท.ท.ท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)เหมือนกัน น่าแปลกจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:19:37

ความคิดเห็นที่ 77 ถอยห่างออกมา เพื่อเก็บภาพบริเวณรอบๆ เชิงบันไดนาคขึ้นเขาตังกวน  ดูช่างเงียบเหงาจริงๆ ในสมัยก่อนที่จะมีลิฟท์ แถวนี้คงมีรถมาจอดกันเยอะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:22:47

ความคิดเห็นที่ 78 ลองเบี่ยงมาทางขวาบ้าง  คือถ้าขับรถมาจากเมืองสงขลาทางถนนแหลมทราย ก็จะเห็นบันไดทางขึ้นเขาตังกวนแบบนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:24:36

ความคิดเห็นที่ 79 ก่อนไปจากเชิงบันไดนาคนี้ ผมขอถ่ายภาพตัวเองไว้เป็นที่ระลึกสักภาพ เพราะกว่าจะมาถึงตรงนี้ ก็ไม่ง่ายนักที่จะต้องละทิ้งตั๋วลิฟท์ขาลง มาเดินคนเดียวด้วยตัวเอง แถมยังต้องเดินย้อนกลับไปสถานีลิฟท์อีกด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:26:54

ความคิดเห็นที่ 80 ภาพบน : ผมเดินห่างออกมาตามถนนราชดำเนิน ที่มุ่งไปยังแหลมสมิหลา มาได้พักหนึ่งก็หันกลับไปมองเชิงบันไดนาคอีกครั้ง สำหรับมุมมอง ของคนที่ขับรถมาจากด้านสมิหลา จะเห็นลักษณะใด ภาพล่าง : หันหน้าเดินต่อไป กว่าจะถึงทางโค้งเลี้ยวขวาข้างหน้าก็ดูไกลเหมือนกัน ทั้งๆ ที่มองจากบนบันไดนาคเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนไม่ไกลนัก แถมขาผมก็เจ็บด้วยเลยทำให้เดินลำบากกว่าปกติ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:30:25

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพบน :  ผมเดินห่างออกมาไกลเกือบจะถึงหัวโค้งถนน ซึ่งจะลับตามองไม่เห็นบันไดทางขึ้นเขาตังกวนแล้ว ขอถ่ายภาพอีกสักที ภาพล่างซ้าย : มองขึ้นไปบนเขา พยายามหาช่องโล่งของอาคารเพื่อดูสิ่งต่างๆบนยอดเขา ว่าอะไรอยู่ตรงไหน  ตำแหน่งที่ผมยืนนี้อยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของยอดเขา ตามแผนที่ในคห.2 ครับ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบ เมื่อเทียบกับด้านอื่นๆ ที่จะมักจะเห็นได้เพียงพระธาตุเจดีย์หลวง, ประภาคาร กับ เสาอากาศทางด้านหลังเท่านั้น ภาพล่างขวา : ลองใช้กล้องซูมภาพเชิงบันไดนาคเขามาดูอีกที ก่อนจะลับตาไปจริง แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 19:35:50 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:34:24

ความคิดเห็นที่ 82 ผมเดินเลยโค้งเลี้ยวขวา ของถนนราชดำเนินมาได้ ร้อยกว่าเมตร (สาเหตุที่ผมเลือกเดินทางนี้ ไม่เดินไปทางทิศใต้ ถนนชายเขา ก็เพราะอาจจะได้เห็นชายหาดริมทะเลได้บ้าง อย่างน้อยก็คงไม่เปลี่ยวนัก) ก็พบสวนสาธารณะ ซึ่งถัดไปก็คือชายหาดริมทะเลนั่นเอง มีศาลากลางน้ำ ดูโล่งสบายตาดี (จนลืมไปว่าแดดยังจ้าร้อนสุดๆอยู่เช่นเดิม) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:38:43

ความคิดเห็นที่ 83 ภาพซ้าย : มองตามถนนไปทางแหลมสมิหลา ตรงนี้มีสะพานเดินข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามของแอ่งน้ำได้  (คือลานชมดาว ที่มีสะดือพญานาค ซึ่งในตอนหน้าผมจะพาเพื่อนๆ ไปชม พญานาคส่วนหัวขนาดใหญ่ ที่พ่นน้ำได้แรงมากๆ ครับ)  สังเกตุมีช่องจอดรถเล็กๆ อยู่แถวนั้นด้วย ภาพขวา :  ถัดไปเป็นศาลากลางน้ำอีกหลัง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:42:11

ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อเดินไปใกล้ๆ ศาลากลางน้ำหลังที่สองนี้ สังเกตุดีๆ จะเห็นมีแต่นกพิราบเกาะอยู่เต็มไปหมด จนแม้แต่พื้นศาลาก็ไม่มี แสดงว่า เขาต้องการให้นกอาศัยอยู่เฉพาะตรงนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:44:04

ความคิดเห็นที่ 85 ผมเดินมาถึงสี่แยก ถนนราชดำเนินตัดกับถนนสุขุม (ที่มาจากเมืองสงขลา ผ่านสถานีลิฟท์ล่าง) ภาพซ้าย : มองข้ามถนนราชดำเนินไป จะเป็นถนนเลาะเลียบทะเลไปสิ้นสุดที่แหลมสนอ่อน (ในตอนถัดไปผมจะใช้เส้นทางนี้ไป) ภาพขวา : ทางไปหาดสมิหลากับ ทางไปเมืองสงขลา โดยผ่านสถานลิฟท์ล่าง ที่รถผมจอดอยู่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:47:53

ความคิดเห็นที่ 86 ภาพซ้าย : เลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุม มองเห็นรถผมจอดอยู่ไกลลิบเหมือนกัน ภาพขวา : ตรงฟุตบาทหัวมุมสี่แยกนี้ มีโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาตังกวนสภาพเก่าแผ่นหนึ่ง ออกแบบได้ดีมาก ผมได้ขึ้นไปชมมาครบแล้ว (นึกขึ้นได้ ลองย้อนกลับไปดูภาพโปสเตอร์ที่สถานีลิฟท์ล่าง ที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็น พบว่าเป็นแบบเดียวกันเป๊ะครับ แต่ของที่สถานีลิฟท์นั้นยังสีสันสดใสปิ๊งอยู่) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:52:31

ความคิดเห็นที่ 87 ภาพบน : ช่วงนี้ต้องเดินผ่านหน้าบ้านหลังใหญ่ ที่ตอนนั้นผมยังไม่ทราบว่าเป็นบ้านของใคร ภาพล่าง : มีป้ายชื่อที่รั้วด้านหน้าด้วย ผมข้ามถนนไปอ่านดู...."สถานกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา" อ้าว...เป็นสถานที่ราชการนี่เอง แต่สร้างเหมือนบ้านส่วนตัว เลยหลงเข้าใจผิด  เพราะปกติสถานที่ราชการจะสร้างเป็นตึกสี่เหลี่ยมหลายชั้น เหมือนกับโรงเรียน หรือ ศาลาว่าการจังหวัดมากกว่า แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 20:01:35 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:56:02