ความคิดเห็นที่ 1 เช่นเดียวกันค่ะ ขออนุญาตให้เครดิตหนังสือนำเที่ยวเล่มนี้ ที่เราใช้ประกอบเป็นข้อมูลในการเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้ค่ะ .... (ไม่ได้โฆษณาแฝงแต่อย่างใด) ข้อมูลค่อนข้างเป็นปัจจุบันทีเดียวค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:02:12

ความคิดเห็นที่ 2 นำเล่าประวัติเวีียงกุมกามสักเล็กน้อยค่ะ     เวียงกุมกามเป็นชุมชนโบราณสมัยหริภุญไชย โดยมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 ชุมชนดังกล่าวมีฐานะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ขึ้นตรงต่อการปกครองของเมือง หริภุญไชย จาการศึกษาพบร่องรอยวัฒนธรรมหริภุยไชยได้แก่ พระพิมพ์ดินเผา หม้อดินเผาไม่เคลือบลายขูดขีดศิลปะหริภุญไชย และเศษศิลาจารึกอักษรมอญ สภาพของชุมชนหมู่บ้านดังกล่าวมีผู้คนอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง       อาณาจักรเวียงกุมกามสร้างขึ้นในสมัยพญามังราย หลังจากพญามังรายยึดเวียงหริภุญชัยได้แล้วและทรงประสงค์จะสร้างเมืองหลวง แห่งใหม่แทนที่เวียงหริภุญไชย สถานที่สร้างเวียงกุมกามมีความเหมาะสมกับการขยายตัวของสังคมเมืองในขณะนั้น เพราะมีทำเลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ เวียงกุมกามถูกสร้างขึ้นท่ามกลางสภาวะแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมของหริภุญ ไชย จากการศึกษาพบว่ารูปแบบของเวียงกุมกามได้รับแนวคิดการสร้างเวียงตามแบบรัฐ หริภุญไชย   เวียงกุมกามมีฐานะเป็นเมืองหลวงในช่วงเวลาไม่นานก็ย้ายมาสร้างเวียงเชียงใหม่ สาเหตุสำคัญที่ย้ายมาสร้างเวียงเชียงใหม่ก็เพราะเวียงเชียงใหม่มีที่ตั้งที่เหมาะสมกว่าเวียงกุมกาม   หลังจากสร้างเวียงเชียงใหม่แล้ว เวียงกุมกามยังเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องสืบมาจนสิ้น สมัยราชวงศ์มังราย     เวียงกุมกามสลายตัวลงเพราะถูกน้ำท่วมครั้งใหญ่ในสมัยพม่าปกครอง (พ.ศ. 2101 – 2317) เวียงกุมกามถูกฝังจมอยู่ใต้ตะกอนดินที่น้ำพัดมาจนยากที่จะฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพเดิม ประกอบกับกลังจากน้ำท่วม แม่น้ำปิงได้เปลี่ยนร่องน้ำไม่ไหลผ่านเวียงกุมกาม ทำให้เวียงกุมกามหมดความสำคัญ โดยปล่อยทิ้งให้รกร้างสืบต่อมานับร้อยปี จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีราษฏรเข้าไปอยู่อาศัยภายในเวียงกุมกาม เวียงกุมกามมีสภาพเป็นชุมชนอีกครั้งงภายใต้ชื่อ บ้านช้างค้ำ เรื่องราวของเวียงกุมกามเพิ่งได้รับความสนใจในฐานะชุมชนโบราณที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ล้านนาเมื่อ พ.ศ. 2527 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:09:28

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://www.oceansmile.com/N/Chianmai/Weangkumkam.htm จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:10:47

ความคิดเห็นที่ 4 ตามไปเที่ยวครับ ^^ จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:18:28

ความคิดเห็นที่ 5 การเดินทางไปเวียงกุมกามของเรากับเพื่อนๆขับรถกันเองค่ะ ยึดถนนรอบคูเมืองไว้แล้วดูป้ายไปทางสนามบิน ขับไปเรื่อย จนถึงแยกใหญ่น่าจะแถวๆ เซ็นทรัลแอร์พอร์ต ทางไปสนามบินต้องเลี้ยวขวา เราก็เลี้ยวซ้าย จะมี สี่แยกอยู่อีกจะเห็นป้ายให้เลี้ยวขวาไป เวียงกุมกามชัดเจน จากนั้นตรงเข้าไปไม่ไกลค่ะ จะเห็นน้องม้ากินหญ้าอยู่แบบนี้ ....มาถูกทางแล้ว 555 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:19:43

ความคิดเห็นที่ 6 จะเริ่มตั้งต้นกันที่วัดกานโถม(วัดช้างค้ำ) หรือวัดเจดีย์เหลี่ยมก็ได้ค่ะ ทั้งสองที่มีบริการรถม้า/รถรางพร้อมไกด์ รถม้า 200/4 คน  รถรางเริ่มต้นที่ 300/10คน สำหรับเราและเพื่อนๆ เริ่มต้นกันที่วัดเจดีย์เหลี่ยม ค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:24:40

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ @แมลงภู่บนหูกระต่าย  .... ยินดีจ้า^^ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:26:08

ความคิดเห็นที่ 8 พอเข้ามาในวัดก็จะพบกับเจดีย์ที่สวยๆแบบนี้ค่ะ  พระเจดีย์สี่เหลี่ยมที่สูงใหญ่ เด่นตระหง่านอยู่ในวัด โดยวัดเจดีย์เหลี่ยม.....เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งที่เหลืออยู่ของเวียงกุมกาม เนื่องจากองค์เจดีย์ที่ยังคงความสมบูรณ์ได้อย่างมากที่สุดในบรรดาวัดทั้งหมด จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:30:03

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพเปิดดูสวยมากครับ ^ ^ จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:31:21

ความคิดเห็นที่ 10 พระอุโบสถที่สวยงามของวัดเจดีย์เหลี่ยม  กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ(ฝรั่ง) เป็นภาพที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากัน ...แปลกแต่จริงที่ฝรั่งชอบท่องเที่ยว ชมวัดมากกว่าพวกเราที่เป็นคนไทยแท้ๆเสียอีก จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:38:37

ความคิดเห็นที่ 11 ได้เวลานั่งรถม้าชมรอบๆเวียงกุมกามแล้วค่ะ^^ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:42:42

ความคิดเห็นที่ 12 น้องม้าค่ะ สังเกตว่ามีที่ปิดตาทั้งสองข้าง เลยลองถามไกด์ดูว่าทำไมต้องปิดตาน้องม้าไว้แบบนั้น ..... พี่ไกด์บอกว่าเพื่อไม่ให้ม้าตกใจ เวลาที่มีรถหรือม้าตัวอื่นวิ่งสวนมา เป็นการบังคับให้ม้ามองตรงไปข้างหน้าได้อย่างเดียว จะได้ไม่วอกแวก อื้มมม....ม้าก็เหมือนคนเนอะ วอกแวกเป็นเหมือนกัน .... แต่ความวอกแวกในใจคนเรามันกำจัดให้หายไปได้ยากกว่าม้าเป็นไหนๆ... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:50:22

ความคิดเห็นที่ 13 อ้อ...ใช้คำผิดค่ะ มันคือที่บังตา ไม่ใช้ที่ปิดตา 5555 >_< จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:51:57

ความคิดเห็นที่ 14 จุดแรกที่พี่ไกด์พาชมคือ "วัดธาตุขาว" เหตุที่เรียกกันว่าวัดธาตุขาวเนื่องมาจากแต่เดิมนั้นตัวเจดีย์ยังคงปรากฏผิวฉาบปูนสีขาวนั่นเอง จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:57:42

ความคิดเห็นที่ 15 แวะไหว้พระเบิกเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนค่ะ ..... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:00:10

ความคิดเห็นที่ 16 เลือกชุดดอกไม้ธูปเทียนตามวันเกิดค่ะ .... คุณป้าคนขายบอกมาว่าขอได้ทุกเรื่องค่ะ ยกเว้น.... เพื่อนสาวพอได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูผึ่ง "ขอเนื้อคู่ได้มั้ยคะ?" 555 ชิงถามก่อนเราซะงั้น แต่พอได้รับคำตอบก็ถึงกับจ๋อย เพราะคุณป้าบอกว่าขอเรื่องเนื้อคู่มักไม่ค่อยได้ ....อย่ากระนั้นเลย จุดมุ่งหมายของเราที่เดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ ไม่ใช่เนื้อคู่สักหน่อย .... ไปไหว้พระกันค่ะ^^ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:04:37

ความคิดเห็นที่ 17 เทคอะโฟโต้กันสักหน่อย... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:06:21

ความคิดเห็นที่ 18 มุมไกล... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:09:16

ความคิดเห็นที่ 19 โบราณสถานประกอบด้วยวิหาร เจดีย์ อุโบสถ และมณฑป โดยมีการก่อสร้างขึ้นมา 2 ระยะคือ ระยะแรกก่อสร้างเพียงเจดีย์ วิหาร อุโบสถ แต่ต่อมาเกิดการชำรุดจึงต่อเติมฐานเจดีย์ให้ใหญ่ขึ้น ระยะที่สองมีการก่อสร้างมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:20:42

ความคิดเห็นที่ 20 พระพุทธรูป... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:22:37

ความคิดเห็นที่ 21 โชคดีจังนะคะ ที่ไทยเราเป็นเมืองพุทธ .... ^^ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:24:19

ความคิดเห็นที่ 22 ขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคลในชีวิต ... การขอพรเป็นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจแต่การที่จะทำให้สำเร็จ มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะมีความตั้งใจมากแค่ไหน จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:28:32

ความคิดเห็นที่ 23 ณ ตอนนี้จุดหมายปลายทางเริ่มเห็นเค้าลางขึ้นมานิดๆ ... ที่เหลือคือการเก็บเกี่ยวสิ่งสวยงามระหว่างการเดินทาง...ขอให้สิ่งที่อธิษฐาน...เป็นความจริงด้วยเถอะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:31:49

ความคิดเห็นที่ 24 แดดเริ่มร้อน ได้เวลาไปต่อ ... วัดปู้เปี้ย... แสดงให้เห็นถึงความล้ำลึกทางการก่อสร้างของช่างไทยเมื่อเก่าก่อน ที่จัดวางไว้ด้วยความวิจิตรพิสดาร ทำให้เมื่อมองไม่ตรงเจดีย์ จะเหมือนกับว่าเจดีย์เอียง ...ตอนแรกก็ไม่เชื่อค่ะ แต่พอลองมองดูหลายๆมุม ....เอ้อ จริงด้วย ....เอียงทุกมุม >_< แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:48:17 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:45:44

ความคิดเห็นที่ 25 ไปต่อกันที่ ...วัดหนานช้าง... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:51:15

ความคิดเห็นที่ 26 พอดีกับที่น้องม้าเริ่มเหนื่อย ส่วนคนก็เริ่มร้อน ... เราเลยแวะที่นี่นานหน่อย สงสารม้าก็สงสาร ... ม้าตัวเดียว ... ลากคนตั้งห้าคนแหนะ >_< เค้าขอโทษนะน้องม้า แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:59:30 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:54:21

ความคิดเห็นที่ 27 .... พักๆ ... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:56:38

ความคิดเห็นที่ 28 ตามมาแอ่วเหนือ ภาพสวย และแนวคิดนำเสนอ น่าสนใจดีครับ จากคุณ : totspol เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:57:42

ความคิดเห็นที่ 29 ลองอ่านประวัติกันค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:02:34

ความคิดเห็นที่ 30 วัดหนานช้าง เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติแก่บรรพบุรุษของเจ้าของที่ดิน ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ วัดนี้หันหน้าไปทางทิศเหนือ ต่างจากวัดส่วนใหญ่ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก อาจเพราะสร้างเพื่อหันหน้าไปสู่เส้นทางสัญจรทางน้ำที่เรียกว่า "ปิงห่าง"     ศิลปกรรมปูนปั้นสวยงามที่พบ นอกจากมกรคายนาคที่กล่าวมาแล้วได้พบลายปูนปั้นรูปสัตว์ในเทพนิยายเช่น กิเลน เหมราช สิงห์ บริเวณท้องไม้ด้านตะวันตกของฐานชุกชี บนวิหารหลังใหญ่      นอกจากนั้นได้พบเครื่องลานครามสมัยราชวงศ์หมิงของจีน (พ.ศ.1911-2187) จำนวน 2 กลุ่ม รวม 55 ใบ กลุ่มหนึ่งจำนวน 47 ใบ บรรจุอย่างเป็นระเบียบในไหและฝังอย่างตั้งใจ บริเวณระหว่างอาคารทรงมณฑปกับอาคารอื่นๆ อาจด้วยเหตุเพราะต้องอพยพจากไปเพราะภัยสงครามก่อนหน้าถูกตะกอนทราบทับถมใน เวลาต่อมา หนึ่งในจำนวนภาชนะกลุ่มนี้เป็นผลิตภัณฑ์จากเตาเผาหลวงในสมัยจักรพรรดิ์ ต้าหมิงวันลี่ (พ.ศ.2116-2162) ซึ่งตรงกับสมัยที่มาปกครองเชียงใหม่ ภาชนะอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 8 ใบถูกฝังอยู่ในชั้นตะกอนทรายบริเวณที่สันนิษฐานว่าเป็นผนังดินกั้นน้ำทางทิศ เหนือของวัด นับเป็นหลักฐานที่แสดงความสัมพันธ์กับจีนและสามารถไขปัญหาได้หลายประการ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเวียงกุมกาม     กำหนดอายุของวัดนี้ในราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:10:03

ความคิดเห็นที่ 31 ยังคงมีร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีต จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:12:42

ความคิดเห็นที่ 32 พื้นที่วัดค่อนข้างเป็นแนวยาวค่ะ... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:16:05

ความคิดเห็นที่ 33 พักนานพอควร น้องม้าเริ่มหายเหนื่อยแล้วค่ะ ... ไปต่อกัน จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:21:15

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นยอดเจดีย์รำไร ... นั่นคือวัดอีก้าง หรือวัดอีค่าง จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:25:46

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาใกล้กันอีกสักนิด... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:27:22

ความคิดเห็นที่ 36 ที่ตั้งชื่อวัดแบบนี้เพราะมีฝูงลิงค่างอาศัยอยู่มาก คำว่า "ค่าง" ตามภาษาท้องถิ่นออกเสียงว่า "อีก้าง" ซึ่งใช้เรียกเป็นชื่อวัดสืบต่อมานั่นเอง       เจดีย์วัดอีค่างยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังบนฐานบัวลูกแก้วสูง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกับวิหาร และมีลานกว้างสำหรับประทักษินรอบเจดีย์ วิหารคงเหลือเพียงฐานขนาดใหญ่ พบร่องรอยฐานเสาบนพื้นอาคารถึง ๑๖ ต้น มีบันไดทางขึ้น-ลงด้านหน้าวิหารและด้านข้างบริเวณลานประทักษิน ซึ่งประดับปูนปั้นรูปตัวเหงาที่หัวบันได จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:31:46

ความคิดเห็นที่ 37 ตัวเหงา หรือก้นหอย .... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:33:51

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นอีกวัดหนึ่งที่สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ค่ะ มองมุมนี้ก็สวยไปอีกแบบ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:39:04

ความคิดเห็นที่ 39 ออกจากวัดอีก้าง...ไปต่อกันที่วัดกานโถม... แหม...ตากล้องก็ดันจับภาพได้พอดิบพอดี 5555 น่าสนใจเนอะ สินเชื่อบ้านและที่ดิน :-D จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:48:13

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาชมครับ กำลังเก็บข้อมูลเวียงกุมกามอยู่เลย จากคุณ : A man of smile เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:51:18

ความคิดเห็นที่ 41 เข้าสู่เขตวัดกานโถม หรือวัดช้างค้ำ จะมีรถรางรอให้บริการพานักท่องเที่ยวชมรอบๆเวียงกุมกาม จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:54:01

ความคิดเห็นที่ 42 รถม้าของเรา สวนกับรถม้าของนักท่องเที่ยวอีกสองคัน ... ถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกร้อนมากกก เพราะใกล้เที่ยงแล้ว .... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:58:13

ความคิดเห็นที่ 43 จุดนี้คือแผนที่ภายในเวียงกุมกามค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:08:41

ความคิดเห็นที่ 44 ที่วัดนี้มีจุดค้นพบจุดแรกของเวียงกุมกามด้วยค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:13:29

ความคิดเห็นที่ 45 ซึ่งจุดค้นพบก็หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ .... ขออภัยต้นไม้บัง พอดีตอนที่เดินเข้าไปมีทัวร์เกาหลีมาลงพอดีค่ะ ทัวร์อะไรไม่รู้มีแต่ผู้ชาย ... หน้าตาดีทั้งนั้น จขกท. เขิล,,, >_< ไม่กล้าเดินไปถ่ายท่ามกลางหนุ่มๆ 555+ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:19:47

ความคิดเห็นที่ 46 ตามมาเที่ยวตอนที่สองค่ะ จากคุณ : sodakung เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:22:27

ความคิดเห็นที่ 47 มีอะไรน่าสนใจทีเดียวค่ะ เริ่มจาก...      หอประวัติพระญามังราย  เป็นอาคารไม้ขนาดไม่ใหญ่มากนักอยู่เยื้องกับโบราณสถานวัดกานโถม ซึ่งพญามังราย ปฐมกษัตริย์ของแคว้นล้านนา ผู้สร้างเวียงกุมกาม เมื่อ พ.ศ. 1829 และสถาปนาวัดกานโถมเมื่อ พ.ศ. 1831 หอหรือศาลพญามังรายนี้จึงเป็นที่สถิตย์ของเทพและเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ในละแวกนี้มาแต่โบราณกาล จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:26:38

ความคิดเห็นที่ 48 เยื้องกับหอพระยามังราย คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแขนงที่เหลืออยู่ของพระศรีมหาโพธิ์ที่พญามัง รายทรงโปรดให้หมู่พระมหาเถระไปบูชา และนำพันธุ์มาจากลังกาประเทศ จำนวน 4 ต้น โดยต้นหนึ่งทรงโปรดให้นำไปปลูกเมืองฝาง ตำบลรั้วนางต้นหนึ่ง เวียงพันนาทะการ(เวียงท่ากาน) ต้นหนึ่ง และต้นดังกล่าวนี้ทรงถวายพระราชมารดาของพระองค์ให้ปลูกไว้ ณ วัดกานโถม (วัดช้างค้ำ) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:29:41

ความคิดเห็นที่ 49 มีบอกประวัติและที่มาค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:31:25

ความคิดเห็นที่ 50 มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ณ ใต้ต้นโพธิ์ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:32:59

ความคิดเห็นที่ 51 พระวิหารซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:39:22

ความคิดเห็นที่ 52 รูปปั้นสัตว์ในวรรณคดี จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:43:18

ความคิดเห็นที่ 53 พญานาค.. จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:45:07

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่พลาดที่จะแวะเข้าไปไหว้พระกันค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:46:27

ความคิดเห็นที่ 55 ไหนๆก็ไหนๆ .... ลองเสี่ยงเซียมซีดูค่ะ ... เผื่อจะโชคดี ได้เลข 9 ซะด้วยยย :-) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 56 ยังคงคล้ายๆเดิม คือ โชคดีในหลายๆเรื่อง ...ยกเว้น คู่ครอง กับ สุขภาพ >O< .... 5555 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:52:51

ความคิดเห็นที่ 57 จากนั้นก็เดินชมวัดสักพัก ไปเจอกับป้ายนี้ค่ะ สงสัยจังว่าแปลว่าอะรไ??? จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:55:44

ความคิดเห็นที่ 58 สุดท้ายแล้วค่ะ วัดป้าด้อม ...ชื่อวัดตั้งตามเจ้าของที่ดินที่บริจาคค่ะ เพื่อให้เกียรติท่าน วัดนี้เราไม่ได้ลงไปเดินชม เนื่องจากแดดร้อนมาก เกรงว่าน้องม้าคงจะเหนื่อย (คนก็เหนื่อยด้วย เหอะๆ) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:00:00

ความคิดเห็นที่ 59 กลับสู่ฐานทัพ คือ วัดเจดีย์เหลี่ยม ... มีการให้รางวัลน้องม้าด้วยกล้วยน้ำหว้าสุกงอม จากนั้นพี่ไกด์ ก็พามันไปพักผ่อน จบทริปเวียงกุมกามไว้เท่านี้ก่อนค่ะ ... แต่ยังไม่จบรีวิวนะคะ เพราะยังเหลือพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ อีกที่หนึ่ง จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:07:31

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณการเดินทาง..ที่ทำให้เราได้รู้ว่า โลกมีมุมที่สวยงามเสมอ .. ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันยังไง :-) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:12:38

ความคิดเห็นที่ 61 เจอกันพรุ่งนี้กับ ...พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:14:49

ความคิดเห็นที่ 62   ตามมาไหว้พระด้วยคน นะคะ   จากคุณ : DOGHALL เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 02:26:35

ความคิดเห็นที่ 63 @ คุณ totspol .......... ขอบคุณมากๆค่ะ @ คุณ ชายผู้มีรอยยิ้ม ( A man of smile) .... ยินดีค่ะ^^ @ คุณ DOGHALL .............. ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 09:17:33

ความคิดเห็นที่ 64 @คุณ สีขุ่น .....ขอบคุณมากค่ะ :-) @คุณ  sodakung ..... ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่ยังติดตามกันอยู่ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 09:21:43

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : bombik เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 20:03:46

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณที่ทักทายค่ะ คุณ bombik จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 20:15:56

ความคิดเห็นที่ 68 ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ค่ะ ... เรามาต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์พระพิคเนศ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 20:47:21

ความคิดเห็นที่ 70 สำหรับการเดินทาง ค่อนข้างตั้งอยู่นอกตัวเมืองเชียงใหม่ การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือต้องมีรถไปเองค่ะ ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่น่าจะราว 40 กม. ที่ตั้ง 277 ม.10 ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ โทร. 053-024-287  089-430-4050 เปิด 9.00-17.00 น. เข้าชมฟรี เราและเพื่อนๆไปถึงราวสี่โมงครึ่ง ไปถึงก็เกือบปิดแล้ว ....เนื่องจากหลงทาง (เลี้ยวผิดแยก) กว่าจะรู้ตัวก็เลยไปเป็นยี่สิบ กม. แต่รู้มั้ยคะว่าการหลงทางครั้งนี้ทำให้พวกเราได้เจอกับคนเชียงใหม่ที่ใจดี ช่วยบอกทางลัด...แถมยังเขียนแผนที่ให้พวกเราสามารถมาที่พิพิธภัณฑ์พระพิคเนศได้ทันเวลา ก่อนที่จะปิด ขอบคุณมากจริงๆค่ะ :-) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:04:45

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าเรามัวแต่สนใจที่จุดหมายมากเกินไป ก็คงพลาดโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวเอาสิ่งดีๆที่ข้างทางนะคะ .... มาถึงพิพิธภัณฑ์ ก็จะมีพี่เจ้าหน้าที่มาบอกวิธีการไหว้และสักการะค่ะ ในขณะที่ทำพิธีด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพค่ะ ก็เลยไม่มีภาพมาให้ชม เมื่อทำพิธีสักการะเสร็จเรียบร้อย เราก็มาไหว้เพื่อสะเดาเคราะห์กัน จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:12:20

ความคิดเห็นที่ 72 ตรงประตูทางเข้าจะมีรูปปั้นหนูตัวโตแลดูน่าเกรงขามที่เดียวค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:14:17

ความคิดเห็นที่ 73 ว่ากันว่า...หากใครอยากขอพรสำเร็จ ให้กระซิบบอกเจ้าหนูพวกนี้เผื่อฝากคำอธิษฐานไปบอกองค์พระพิคเนศ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:16:20

ความคิดเห็นที่ 74 กระซิบที่หนูตัวไหนก็ได้ค่ะ .... มีหนูหลายตนให้เลือก ... จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:19:44

ความคิดเห็นที่ 75 แต่พวกเราเลือกหนูตัวที่อยู่หน้าห้องพิธีค่ะ ... หน้าตาเป็นแบบนี้ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:22:20

ความคิดเห็นที่ 76 เวลาอธิษฐาน ต้องปิดหูอีกข้างของเจ้าหนูไว้ด้วยค่ะ กันไม่ให้ข้อความหายไป ประมาณว่าไม่ให้เข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวารึ่เปล่านะ?? จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:25:03

ความคิดเห็นที่ 77 ฝากด้วยนะเจ้าหนูน้อย ... ^^ อธิฐานเสร็จก็หย่อนเหรียญค่ะ มากน้อยตามแต่ศรัทธา จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:28:23

ความคิดเห็นที่ 78 ขอพรและอธิฐานเสร็จ ก็เดินชมพิพิธภัณฑ์กันค่ะ แต่ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพมา สำหรับอาคารที่จัดแสดงรูปเคารพของพระพิฆเนศมี 2 หลังค่ะ ได้รวบรวมรูปเคารพแบบต่างๆกว่า 1,000 องค์ .... เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากทีเดียว รู้สึกว่าคุ้มมากที่ตัดสินใจมาที่นี่ และไม่เหนื่อยที่หลงทางค่ะ 5555 จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:34:52

ความคิดเห็นที่ 79 ใช้เวลาสักพัก ก็ถึงเวลาเดินทางกลับ ....ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา ... เย็นวันนี้สมาชิกคนหนึ่งต้องเดินทางกลับแล้วค่ะ     กลับไปทำหน้าที่ในการ "ช่วยเหลือ" คนไข้บนดอย... ส่วน จขกท. และเพื่อนอีกสองคน ก็จะไปสมทบกับเพื่อนอีกสองคนที่จะเดินทางมาถึงเย็นนี้ เพื่อเตรียมที่จะเข้าประชุมในวันรุ่งขึ้น เราเชื่อ...ว่าไม่มีความบังเอิญบนโลกใบนี้ เราเชื่อ...ว่าการที่เราทุกคนได้มาพบเจอกันในวันนี้ ล้วนเกิดจากเหตุแลปัจจัยที่ได้ทำร่วมกันมาแต่เก่าก่อน ..... และหากว่าอยากมาเจอกันอีก เราก็ต้องทำความดีร่วมกันอีก ... :-) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:42:19

ความคิดเห็นที่ 80 ทิ้งท้ายกระทู้นี้ด้วยภาพบรรยากาศมื้อเย็นของพวกเราค่ะ "บุพเฟ่ต์หมูกระทะ....ที่ร้าน ลำ-ฮิม-คือ" รสชาติดีทีเดียวค่ะ ... แถมวัยรุ่นเยอะมาก ถ้าได้ไปเชียงใหม่อีก จะแวะไปกินอีกครั้ง เจอกันใหม่ part-3 (ม่อนอิงดาว....ยาวไปม่อนแจ่ม) ฝันดีค่ะทุกคน :-) จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็ก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:47:03

ความคิดเห็นที่ 81 ไว้รอบหน้ามโอกาสได้ไป ชม จะไปเที่ยวที่นี่นะครับ รอๆตอนหน้า อิอิ จากคุณ : net อนุชิต เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:24:19

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณมากครับ น่าไปเที่ยวจัง จากคุณ : Dormicum เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 18:42:00

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นบรรยากาศแล้วน่าไปเที่ยวมากครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 20:44:56

ความคิดเห็นที่ 84 ถ่ายภาพสวย  แสงดีค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 11:09:38